ขอโทษครบั
ขอบคณุ คะ
กรมสง เสรมิ วฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม
ขอโทษครับ
ขอบคุณค่ะ
๕๒ เรอ่ื งสั้นรางวัลประกวดหัวขอ้ มารยาทไทยและมารยาทในสังคม
ขอ้ มูลทางบรรณานกุ รมของส�ำ นักหอสมดุ แห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Date
หอสมุดแหง่ ชาติ
ขอโทษครบั ขอบคุณค่ะ. - - พิมพ์ครง้ั ที่ ๑ - - กรงุ เทพฯ :
สำ�นักงานกจิ การโรงพมิ พอ์ งค์การสงเคราะหท์ หารผ่านศกึ , ๒๕๖๔
๒๐๐ หนา้ .
๑. เรือ่ งส้ัน. ๒. รางวัลประกวด. I. ชอ่ื เรอ่ื ง.
ISBN 978-616-543-699-1
ที่ปรกึ ษา : ชาย นครชยั อัจฉราพร พงษฉ์ วี ชยั พล สุขเอย่ี ม อสิ ระ ร้วิ ตระกลู ไพบลู ย์ ผ้ทู รงคณุ วุฒิและคณะกรรมการ :
จ�ำ ลอง ฝง่ั ชลจติ ร ธญั ญา สงั ขพนั ธานนท์ กติ ตศิ กั ด์ิ มสี มสบื พบิ ลู ศกั ด์ิ ลครพล จตพุ ล บญุ พรดั จรญู พร ปรปกั ษป์ ระลยั
สรตี ปรีชาปญั ญากลุ ทัศชล เทพกำ�ปนาท คณะทำ�งาน : เมธาวนิ ทร์ แสงมาลา ปนัดดา ปาจรีย์ วิภา พงษพ์ รต
วรพัทธ์ ภควงศ์ ธศร ย้ิมสงวน กฤติญา แก้วพทิ ักษ์ สทิ ธิเดช ภาคสกุณี อภิญญา สมพี นั ธ์ ชนิกาณต์ มนั่ ประสงค์
พสิ จู น์อักษร : วิภา พงษ์พรต วรพัทธ์ ภควงศ์ ชนกิ าณต์ มั่นประสงค์ อภิญญา สมีพนั ธ์ ประเสรฐิ ดวงจนั ทรโ์ ชติ
ฐติ พิ งษ์ กลดั กลบี บรรณาธกิ ารตน้ ฉบบั : จ�ำ ลอง ฝงั่ ชลจติ ร บรรณาธกิ ารเลม่ : จตพุ ล บญุ พรดั ภาพปกและภาพประกอบ :
กิตติศักดิ์ มีสมสืบ ออกแบบปกและรูปเล่ม : จุฑามาศ พึ่งรอด พิมพ์ท่ี : สำ�นักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์
ทหารผา่ นศกึ จ�ำ นวน : ๔๐,๐๐๐ เล่ม จดั พิมพ์และเผยแพร่โดย : กรมส่งเสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม
สารบญั ๑
๑๗
สารจากกรมส่งเสรมิ วฒั นธรรม ๒๗
คำ�น�ำ จากประธานคณะกรรมการโครงการ ๓๗
บทกล่าวนำ� : ขอโทษครับ ขอบคณุ คะ่ ๔๗
แผลเป็นค�ำ พูด ๕๗
ชมพอกับพ่อ ๖๕
อย่ใู นนทิ รา ๗๓
เคารพเขา ๘๓
หลานปู ่ ๙๓
นางสาวหยาดน้ําตา ๑๐๗
ประทบั ใจแรกพบ ๑๑๙
จังหวะสำ�คญั ๑๒๙
ปาก ๑๖๓
ช่างทาสจี ากพระตะบอง ๑๗๑
ไอซ์พิงก์
ไม่เป็นไร ๑๘๓
ภาคผนวก
มารยาทวถิ ใี หม่ พลวัตของส่ิงทีเ่ รียกว่ามารยาท
ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ
คณะกรรมการประกวดเรือ่ งสน้ั
และสงั เขปประวัตินกั เขียน
ประกาศและค�ำ สง่ั กรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม
สารจากกรมส่งเสริมวฒั นธรรม
ขอโทษครับ ขอบคณุ คะ่ เปน็ หนงั สอื รวมเร่ืองสน้ั จ�ำ นวน ๕๒ เรื่อง
ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดการเขียนเร่ืองสั้น หัวข้อ “มารยาทไทย
และมารยาทในสงั คม” ทก่ี รมสง่ เสรมิ วฒั นธรรมจดั ประกวดการเขยี นเรอ่ื งสน้ั ขน้ึ
เปน็ ปีแรก รางวัลแบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ นักเรียนในระดับมัธยมศึกษา
ตอนต้นหรือเทียบเท่า นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า
นักศึกษาระดับอุดมศึกษา และประชาชนท่ัวไป กล่าวได้ว่าทุกเรื่องเป็นส่ือ
วรรณกรรมสรา้ งสรรคท์ ส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ แนวคดิ มมุ มอง ในเรอื่ งการปฏบิ ตั ติ น
อย่างมีกาละ เทศะ การมีมารยาทต่อกัน ซ่ึงมีความสำ�คัญอย่างย่ิงในสังคม
ยคุ ปจั จบุ นั ถงึ แมเ้ นอ้ื เรอื่ ง และตวั ละครจะถกู สรา้ งขน้ึ ตามจนิ ตนาการทตี่ า่ งกนั
แตท่ ุกเรอื่ งล้วนแฝงไว้ดว้ ยแง่คิดอันเปน็ ประโยชน์ไม่ตา่ งกนั เลย
หนงั สอื ขอโทษครบั ขอบคณุ ค่ะ เลม่ น้ี เสร็จสมบูรณ์อย่างเรียบรอ้ ย
สวยงาม และทรงคณุ คา่ เนือ่ งจากการทมุ่ เทพลังกาย พลังใจ และพลงั ความคดิ
จากคณะบคุ คลทเ่ี ป็นปราชญ์ดา้ นวรรณศลิ ป์ ได้แก่ อาจารย์จำ�ลอง ฝงั่ ชลจิตร
รองศาสตราจารยธ์ ัญญา สังขพนั ธานนท์ อาจารยพ์ บิ ูลศกั ด์ิ ลครพล อาจารย์
กติ ตศิ กั ดิ์ มสี มสบื ศลิ ปนิ แหง่ ชาตสิ าขาวรรณศลิ ป์ พรอ้ มดว้ ยคณุ จตพุ ล บญุ พรดั
คุณจรูญพร ปรปักษ์ประลัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์สรตี ปรีชาปัญญากุล และ
คณุ ทศั ชลเทพก�ำ ปนาทซงึ่ เปน็ ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ มี่ ผี ลงานและชอ่ื เสยี ง เปน็ ทป่ี ระจกั ษ์
ในแวดวงวรรณกรรม
กรมส่งเสริมวฒั นธรรม หวงั เปน็ อยา่ งยิ่งว่า ผอู้ ่านจะได้รับทัง้ อรรถรส
แงค่ ดิ วิธีการ และแนวทางการเขยี นเร่ืองส้นั ซึ่งเปน็ ประโยชนใ์ นการเสรมิ สรา้ ง
แนวทางการประพฤติตนตามครรลองทถี่ กู ตอ้ ง ทง้ั ตอ่ ตนเองและสงั คมรอบขา้ ง
เพอ่ื ให้สงั คมไทยเป็นสงั คมทีน่ ่าอย่ตู ่อไป
ค�ำ น�ำ จากประธานคณะกรรมการโครงการ
โครงการประกวดเรอ่ื งสน้ั หวั ขอ้ “มารยาทไทย และมารยาทในสงั คม”
ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ดำ�เนินการมาต้ังแต่
ปลายปี ๒๕๖๒ ผมได้รับเกียรติจากคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็น
ประธานคณะกรรมการโครงการ ท�ำ งานรว่ มกบั ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ สาขาวรรณศลิ ป์
บรรณาธกิ ารมอื อาชพี นกั วจิ ารณ์ นกั วชิ าการอาวโุ ส และเจา้ หนา้ ทกี่ รมสง่ เสรมิ
วัฒนธรรม
กรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรม จัดพธิ ีมอบรางวลั แกน่ ักเรียน นิสติ นักศึกษา
และประชาชนทุกระดับเสร็จส้ินไปแล้ว โดยอำ�นวยความสะดวกเร่ือง
การเดนิ ทางและทีพ่ กั แก่ผู้มารบั รางวัลจากต่างจงั หวดั
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัดรวบรวมผลงานที่ได้รับรางวัลเป็นหนังสือ
ช่ือ ขอโทษครับ ขอบคุณค่ะ เมื่อพิมพ์เสร็จเรียบร้อยจะได้แจกจ่ายแก่
สถานศึกษา หน่วยงาน และผูส้ นใจทั่วไป
เร่ืองส้ันเป็นรูปแบบงานศิลปะวรรณกรรมแตกต่างจากเรื่องเล่าทั่วไป
คอื มอี งค์ประกอบเฉพาะ นักเรียน นกั ศึกษา และประชาชนทัว่ ไป ตอ้ งศึกษา
ให้เข้าใจองค์ประกอบแตล่ ะอย่าง และฝึกอา่ นเขยี นตลอดเวลา จึงจะเขยี นได้ดี
กรมส่งเสริมวัฒนธรรมมุ่งหวังให้ศิลปะการเขียนการอ่านเรื่องสั้น
แพร่หลายในหม่ผู ู้รักการอา่ นเขยี น การประกวดจึงเปน็ สนามฝกึ คดิ เขยี น เสนอ
แนวคดิ ผ่านมมุ มองเฉพาะตนอยา่ งมวี รรณศลิ ป์ ซงึ่ จะชว่ ยยกระดบั เรอื่ งสั้นไทย
ใหก้ า้ วหน้าเทียมเทา่ ระดบั สากลในอนาคต
ขอบคุณ นักเรียน นกั ศึกษา และสถาบนั การศกึ ษาท่สี นับสนุนให้ศษิ ย์
เรียนรู้รักเร่ืองส้ัน ขอบพระคุณบุคคลท่ัวไปที่ส่งผลงานเข้าประกวด ขอบคุณ
คณะท�ำ งานทกุ ทา่ น และขอขอบคณุ กรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม
ผู้จัดทำ�โครงการประกวดท่ีมคี ณุ ค่านข้ี น้ึ มา
ขอขอบพระคุณอยา่ งสงู
จำ�ลอง ฝง่ั ชลจิตร
บทกลา่ วน�ำ
ขอโทษครบั ขอบคุณค่ะ
ธัญญา สงั ขพนั ธานนท์
“การมีมารยาทไมเ่ พยี งแสดงถงึ ความเคารพผ้อู นื่
มนั ยังหมายถงึ การเคารพตอ่ ตัวฉนั เอง”
สุรตั นา ใจงาม
หนังสือรวมเรื่องส้ัน ขอโทษครับ ขอบคุณค่ะ ได้รวบรวมเร่ืองส้ัน
ท่ีได้รับรางวัลจากการประกวดการเขียนเร่ืองสั้น “มารยาทไทย และมารยาท
ในสงั คม” จดั โดยกรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓
มวี ตั ถปุ ระสงคส์ �ำ คญั เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เยาวชน และประชาชนเหน็ คณุ คา่ และ
ความสำ�คัญของมารยาทไทย และมารยาทในสังคม พร้อมกับนำ�องค์ความรู้
เหล่านี้มาผสมผสานกับทัศนคติ ประสบการณ์ และจินตนาการ ถ่ายทอด
ผลงานมาเป็นเรื่องส้ัน เม่ือการประกวดเสร็จส้ินลง กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
กด็ �ำ เนนิ การตอ่ โดยการจดั พมิ พร์ วมเรอื่ งสน้ั ทไ่ี ดร้ บั รางวลั ในแตล่ ะระดบั ออกมา
เผยแพร่
โครงการน้ีแม้เพียงจัดขึ้นเป็นคร้ังแรก ก็ได้รับความสนใจและขานรับ
ในระดับท่ีน่าพอใจ ผู้เขียนเรื่องส้ันมีหลากหลายระดับช่วงวัย คือ ตั้งแต่ระดับ
มธั ยมศึกษาตอนต้น ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย และประกาศนยี บตั รวิชาชีพ
(ปวช.) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) และระดับอุดมศึกษา
ระดับประชาชนทั่วไป เนื่องจากเป็นการประกวดในวงกว้าง ผู้เขียนจึงย่อมมี
ทักษะและความสามารถในการเขียนที่แตกต่างกันไป มีทั้งมือใหม่หัดเขียน
บทกลา่ วนำ� : ขอโทษครับ ขอบคุณค่ะ 1
ไปจนถึงนักเขียนท่ีผ่านการฝึกฝนมาแล้วระดับหน่ึง เม่ือนำ�มารวมเล่มไว้ในท่ี
เดยี วกนั จงึ เสมอื นสวนดอกไมห้ ลากหลายสสี นั ใหผ้ อู้ า่ นเลอื กอา่ นไดต้ ามใจชอบ
การเขียนเร่ืองสั้นโดยทั่วไปแล้ว เป็นกิจกรรมท่ีเกิดจากความคิด
สร้างสรรค์ ไม่มีสูตรสำ�เร็จตายตัวว่าจะเขียนเรื่องอะไรและอย่างไร นักเขียน
มีอสิ ระในการสร้างความคิดของตนเอง ในกรณีนีก้ ารเขียนเรื่องสัน้ จึงเป็นเร่ือง
ท่ีเปิดกว้าง ไม่มีกรอบกำ�หนด ขึ้นอยู่กับแรงบันดาลใจหรือจินตนาการของ
ผูเ้ ขยี น แตใ่ นบางกรณี อาจมกี ารกำ�หนดประเด็นหรอื หัวข้อเรือ่ งใหเ้ ขียน ซง่ึ เรา
มกั พบเหน็ ในการจดั ประกวดเรอ่ื งสน้ั ของหนว่ ยงาน หรอื องคก์ รตา่ ง ๆ อยเู่ นอื ง ๆ
การประกวดเรื่องสั้น “มารยาทไทย และมารยาทในสังคม” ของกรมส่งเสริม
วฒั นธรรมกเ็ ขา้ ข่ายนี้ หลายคนอาจต้งั คำ�ถามหรอื สงสยั วา่ ภายใต้การก�ำ หนด
หวั ข้อเรอื่ งอยา่ งชัดเจน แถมเปน็ หวั ขอ้ ท่ดี ูเป็นทางการ ผเู้ ขียนจะทำ�ไดอ้ ย่างไร
คำ�ถามน้ีเป็นเร่ืองท้าทาย เพราะดูเหมือนจะเป็นตัวชี้วัดว่า ภายใต้ข้อจำ�กัดนี้
ผเู้ ขยี นเรอื่ งสง่ ประกวดแตล่ ะคน จะมคี วามคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละจนิ ตนาการอยา่ งไร
ทจ่ี ะทำ�ใหไ้ ดเ้ ร่ืองส้นั ดี ๆ ขนึ้ มาสกั เรอื่ งหนึง่
เมื่อเวลาในการเปิดรับต้นฉบับสิ้นสุดลง เรื่องส้ันทั้งหมดก็เข้าสู่
กระบวนการอ่านและพิจารณาของคณะกรรมการตัดสิน ก็พบว่ามีต้นฉบับ
เร่อื งส้นั ของแต่ละระดับส่งเขา้ ประกวดจำ�นวนไมน่ ้อย การพจิ ารณาในเบื้องต้น
ก็คือ การอ่านและกลั่นกรองเลือกเรื่องที่เห็นว่า “ไม่เข้าข่าย” เร่ืองสั้นออก
เพราะในบรรดาตน้ ฉบบั ทสี่ ง่ มานนั้ หลายสบิ ชน้ิ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งสน้ั แตเ่ ปน็ เรยี งความ
บทความ หรือเร่ืองเล่าเชิงประสบการณ์เสียมากกว่า ส่วนเร่ืองที่ไม่ถูกคัดออก
กเ็ ขา้ สกู่ ระบวนการอา่ นและพจิ ารณาจากคณะกรรมการอยา่ งเขม้ ขน้ จนไดเ้ รอ่ื งสน้ั
เข้าสู่รอบสุดท้ายจำ�นวนหนึ่ง เพ่ือคัดเลือกให้ได้รางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศ
อนั ดบั หนงึ่ รองชนะเลศิ อนั ดบั สอง และรางวลั ชมเชย ตามจ�ำ นวนทกี่ รมสง่ เสรมิ
วัฒนธรรมไดก้ �ำ หนดไวอ้ ย่างครบถ้วน
2 ขอโทษครบั ขอบคุณค่ะ
หนงั สอื รวมเรอื่ งสนั้ ขอโทษครบั ขอบคณุ คะ่ เปน็ การรวบรวมเรอื่ งสน้ั
ท่ีได้รางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศในแต่ละระดับ รวมระดับละ ๓ เรื่อง
รวมทั้งเร่ืองที่ได้รับรางวัลชมเชยอีกระดับละ ๑๐ เรื่อง บทความนี้จะนำ�เสนอ
ข้อสังเกตบางประการเฉพาะเร่ืองส้ันท่ีได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศ
เทา่ นน้ั สงิ่ ทน่ี า่ สนใจกค็ อื ภายใตก้ ารก�ำ หนดหวั ขอ้ การประกวดวา่ ตอ้ งเปน็ เรอื่ งสนั้
ท่ีเกี่ยวกับมารยาทไทย และมารยาทในสังคม ผู้เขียนแต่ละคนได้นำ�มาขบคิด
และตีโจทย์เพ่ือสร้างเรื่องสั้นของเขาได้อย่างไร เร่ืองส้ันเหล่าน้ีนำ�เสนอแนวคิด
และมวี ธิ กี ารเลา่ เรอื่ งทโ่ี ดดเดน่ อยา่ งไรบา้ ง และเมอ่ื อา่ นเรอ่ื งทไ่ี ดร้ างวลั ชนะเลศิ
และรองฯ ทงั้ หมด ๑๒ เรอ่ื ง กพ็ บวา่ ทกุ เรอื่ ง “ตอบโจทย”์ ทฝี่ า่ ยประกวดก�ำ หนด
ใหเ้ ปน็ สว่ นใหญ่ และเปน็ ทน่ี า่ สงั เกตวา่ เรอื่ งสน้ั ในกลมุ่ นกั เรยี น นกั ศกึ ษาตโี จทย์
กนั อยา่ งตรงไปตรงมา แทบจะไมห่ ลดุ กรอบของ “ค�ำ ส�ำ คญั ” คอื “มารยาทไทย”
กับ “มารยาทในสังคม” ในขณะที่เร่ืองส้ันของกลุ่มประชาชนทั่วไป กลับมีวิธี
การตอบโจทยท์ แี่ ยบยล และมชี น้ั เชงิ มากกวา่ นนั่ กเ็ พราะนกั เขยี นหลายคนทส่ี ง่
ผลงานเขา้ ประกวด ต่างมีประสบการณ์ในการเขยี นเรอ่ื งสัน้ มาแลว้ ระดบั หน่งึ
มารยาทนั้นสำ�คญั แค่ไหน
“ก้านบัวบอกลึกต้ืนชลธาร มารยาทส่อสันดานชาติเช้ือ” ยังคง
เป็นถ้อยคำ�ที่ทำ�งานและใช้ได้เสมอ ในแบบแผนพฤติกรรมของเรา มารยาท
เป็นการขัดเกลาภาวะด้ังเดิมของมนุษย์ให้เป็นผู้มีวัฒนธรรม เป็นแนวทาง
ในการแสดงออกท้ังทางร่างกาย จิตใจ และคำ�พูดตามค่านิยมและบรรทัดฐาน
ของแต่ละสังคมและวัฒนธรรม มารยาทจึงเป็นเรื่องสมมุติและประกอบ
สร้างขึ้นมา เพ่ือให้คนในแต่ละสังคมยึดถือปฏิบัติ จนกลายเป็นแบบแผนของ
ความประพฤติ ตามกระบวนการขัดเกลาทางสังคม โดยนัยนี้มารยาทจึงเป็น
ตัวบง่ ช้ีอย่างหน่ึงที่คนในสังคมใช้ประเมินและวดั “ความเป็นคน” ในสังคมทม่ี ี
ธญั ญา สังขพันธานนท์ 3
อารยธรรม ความมแี ละไมม่ มี ารยาทจงึ เปน็ หวั ขอ้ ถกเถยี ง ตรวจสอบกนั อยเู่ สมอ
เพราะเมื่อใครคนใดคนหน่ึงประพฤติตนแสดงออกโดยปราศจากมารยาท
กท็ �ำ ใหก้ ารอยรู่ ว่ มกนั มปี ญั หาขน้ึ มา ทง้ั ในระดบั ความขดั แยง้ บาดหมาง ไปจนถงึ
ความรนุ แรงดงั ทป่ี รากฏเป็นข่าวใหเ้ ห็นอยเู่ ปน็ ประจ�ำ
ความมีและไม่มีมารยาท จึงเป็นคู่ตรงข้ามท่ีถูกนำ�มานำ�เสนออย่างมี
นยั ส�ำ คญั ในเรอื่ งสนั้ หลาย ๆ เรอื่ ง หวั ขอ้ ทเี่ กยี่ วกบั มารยาทไทย เชน่ การเคารพ
ผ้อู าวโุ ส การไหว้ การขอโทษ ขอบคุณ การพูดสภุ าพ ไพเราะ การนนิ ทาว่าร้าย
พูดจาส่อเสียดและหยาบคาย และการล้อเลียนถูกนำ�มาสร้างเป็นเรื่อง
มีตัวละครเป็นภาพแทนของผู้มีและไม่มีมารยาท จนนำ�ไปสู่ความขัดแย้ง
หรือปัญหาอย่างใดอย่างหน่ึงตามมา ดังเช่นในเรื่องสั้น “แผลเป็นคำ�พูด”
ของ เติมศิริ มีพร ซ่ึงเป็นเร่ืองส้ันรางวัลชนะเลิศในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
เลา่ เรอ่ื งของเดก็ หญงิ คนหนง่ึ ทม่ี ปี มดอ้ ยจากแผลเปน็ บนใบหนา้ และมกั ถกู ตง้ั ค�ำ ถาม
และดูถูกจากเพ่ือนเสมอ เว้นเสียแต่เพ่ือนชายคนหน่ึงซ่ึงเป็นคนเรียนเก่ง
ที่ไม่เคยต้ังคำ�ถามกับปมด้อยของเธอ ตรงกันข้าม เขาพยายามให้กำ�ลังใจและ
แนะให้เธอมองโลกในแง่ดี เปล่ียนคำ�ดูถูกให้เป็นพลังทางบวก พร้อมกับ
คอยปกป้องเธอด้วยการเตือนป้าแม่ค้าท่ีชอบดูถูกเด็กสาวคนนั้นว่า “การดูถูก
คนอ่นื ไมท่ ำ�ให้คุณดูสูงขึ้น ในทางกลบั กันมันกลับเปน็ สิ่งทบ่ี ่งบอกว่า ก�ำ พดื ของ
คุณเป็นแบบไหน” ในบางครั้งการดูถูกอาจส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อคนท่ีถูก
ดถู กู ได้ เรือ่ งสั้นเรอ่ื งนี้จบลงด้วยความเขา้ ใจและยอมรบั ว่า โลกมีสองด้านเสมอ
แต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายเชิงคำ�สอน และบทสรุปถึงการระวังในการพูดดูถูกคนอ่ืน
เพราะมันอาจสรา้ ง “แผลเปน็ ท่ีเกดิ จากค�ำ พดู ” ใหค้ นอื่นได้อยา่ งเจ็บปวด
เรื่องส้ันเร่ืองน้ีแม้จะจบลงด้วยความคิดเชิงบวกและข้อเตือนใจ
แตร่ ปู แบบการเลา่ เรอื่ งยงั เนน้ ไปทสี่ าระของถอ้ ยสนทนาวา่ ดว้ ยมารยาทมากกวา่
การสร้างเหตุการณ์ให้ชวนตื่นเต้นน่าติดตาม ไม่ต่างจากเร่ืองสั้นท่ีได้รับรางวัล
4 ขอโทษครบั ขอบคณุ คะ่
รองชนะเลศิ อนั ดบั หนงึ่ ชอ่ื “ชมพอกบั พอ่ ” ของ วชริ า ประลงั การ เรอ่ื งสนั้ เรอ่ื งนี้
เล่าเร่ืองของเด็กหญิงช่างสงสัยชื่อ ชมพอ เธออาศัยอยู่สองคนกับพ่อ
เพราะแม่กับพ่อแยกทางกัน บทสนทนาระหว่างเธอกับพ่อมักเป็นการบอกเล่า
และตง้ั ค�ำ ถามเกยี่ วกบั พฤตกิ รรมของคนทใ่ี ชค้ �ำ พดู หยาบคาย ดา่ วา่ คนอนื่ กรยิ า
มารยาทท่ีไม่ดีจากเพ่ือนในโรงเรียน แม้กระทั่งการใช้คำ�พูดบางคำ�ท่ีไม่สุภาพ
ผู้เขียนสอดแทรกประเด็นเหล่าน้ีผ่านพฤติกรรมการแสดงออกของเพ่ือน ๆ
การกระทำ�ของเด็กหญิง และข้อแนะนำ�จากผู้เป็นพ่อ ที่ทำ�ให้รู้สึกว่าตั้งใจ
จะบรรจุสิ่งเหล่าน้ีลงไปให้ครบถ้วนมากที่สุด รวมไปถึงการพูดถึงพิธีไหว้ครู
ขั้นตอนการปฏบิ ตั ขิ องนักเรียนขณะไหว้ครู ความหมายของดอกไม้ทีใ่ ช้ในพธิ นี ้ี
ผเู้ ขยี นน�ำ เสนอในเชงิ เปรยี บเทยี บระหวา่ งพฤตกิ รรมทมี่ มี ารยาทกบั ไมม่ มี ารยาท
จนดเู หมือนต้งั ใจสอนมากเกินไป
มารยาทดีกับมารยาทไม่ดี จึงเป็นสารสำ�คัญที่ผู้เขียนเรื่องส้ัน
ในกลุ่มนี้ให้ความสำ�คัญมากเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับที่ยังเห็นได้จากเรื่องสั้น
“อยู่ในนิทรา” ของวานุ เร่ืองส้ันรางวัลชนะเลิศอันดับสองในกลุ่มนี้ ผู้เขียน
เล่าเร่ืองของเด็กหญิงชาวกะเหร่ียงท่ีจากครอบครัวไปเรียนในโรงเรียนประจำ�
ชีวิตในหอพักและในห้องเรียนทำ�ให้เธอต้องตกเป็นผู้ถูกสอดส่องจากเพ่ือน ๆ
อยู่เสมอ พฤติกรรมสอดรู้สอดเห็นเร่ืองของคนอ่ืนทำ�ให้เด็กรู้สึกอึดอัดและ
ไมส่ บายใจ โดยเฉพาะอย่างย่งิ เมื่อตวั เธอเปน็ เดก็ ไรส้ ัญชาติ ไม่มีบัตรประชาชน
ยิ่งตกเป็นเป้าของการสอดส่องและนินทาว่ารา้ ยจากเพ่ือน ๆ แมเ้ ธอจะเปลยี่ น
ไปอยกู่ บั เพอ่ื นใหมท่ ค่ี ดิ วา่ นา่ จะไปกนั ไดถ้ งึ สองครงั้ แตเ่ ธอกไ็ ดเ้ หน็ การแสดงออก
และพฤตกิ รรมท่ีไรม้ ารยาท แสวงหาผลประโยชนเ์ มื่อมีโอกาส ส่งิ เหล่านีท้ �ำ ให้
เธอกลายเปน็ คนแปลกแยกและเกบ็ ง�ำ ความรสู้ กึ ในขณะเดยี วกนั ผเู้ ขยี นกใ็ หภ้ าพ
ของความรัก ความอบอุ่นในครอบครัวและชุมชนชาวกะเหร่ียง ท่ีทำ�ให้เธอ
มีความสุขมากกว่า หากไม่เพ่งเล็งว่าเร่ืองส้ันเร่ืองนี้มีนํ้าเสียงของการสั่งสอน
ธัญญา สังขพันธานนท์ 5
อย่างต้ังใจไม่แพ้อีกสองเร่ือง ก็ทำ�ให้คนอ่านพลอยย้ิมได้กับภาพความงดงาม
และเรียบง่ายของวิถีชีวิตและประเพณีชาวกะเหรี่ยงที่ถูกนำ�เสนอให้เห็น
อย่างตรงกนั ขา้ มกับภาพร้าย ๆ ท่โี รงเรียน
เร่ืองสั้นอีกสองเร่ืองซึ่งได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหน่ึงและสอง
ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ก็ยังให้
ความส�ำ คญั กบั เรอ่ื งมารยาทดกี บั ไมด่ ี เรอื่ งทเ่ี ลา่ ไดอ้ ยา่ งนา่ สนใจ คอื “หลานป”ู่
ของ พงศภคั พวงจนั ทร์ เลน่ กบั จติ ใตส้ �ำ นกึ ของชายชราผลู้ บั โลกอยา่ งเดยี วดาย
นามวา่ “นริ ตุ ต”์ิ กบั หลานชายผมู้ มี ารยาทงดงามไปเสยี ทกุ เรอื่ งชอื่ “เจา้ เปย๊ี ก”
ไมว่ า่ จะเปน็ การชว่ ยเหลือผ้อู ื่น การไหว้ การขอบคณุ ขอโทษ การพูดจาสุภาพ
ตอบรับ การใช้นํ้าเสียง หางเสียง ซึ่งถูกนำ�เสนอผ่านเหตุการณ์ความสัมพันธ์
ระหว่างเปี๊ยกกับคนอ่ืน ๆ ทำ�ให้ชายชราเกิดภาพเปรียบเทียบกับเร่ืองราว
ของตนเองในเหตุการณท์ ค่ี ลา้ ย ๆ กนั แต่แกกลับแสดงออกถึงความไรม้ ารยาท
และตรงกนั ขา้ มอยา่ งสน้ิ เชงิ ภาพพฤตกิ รรมของหลานชายกบั พฤตกิ รรมของเขา
กลายเป็นภาพคู่ขนานระหว่างคนมีมารยาทกับผู้ไร้มารยาท และนำ�มาสู่สำ�นึก
ผดิ บาปและเศรา้ เสยี ใจ กระทง่ั แกสน้ิ ใจไปอยา่ งเดยี วดาย สดุ ทา้ ยผเู้ ขยี นคลายปม
ให้เห็นว่า ชายชราผโู้ ชคร้ายและโดดเด่ยี วน้ี มีชีวติ อยูต่ ามลำ�พัง หลานชายชื่อ
เปยี๊ กนนั้ ไมม่ อี ยจู่ รงิ เปยี๊ กเปน็ ชอ่ื เลน่ ของแก เปน็ เพยี งจติ ใตส้ �ำ นกึ ทแ่ี กสรา้ งขน้ึ มา
เพอื่ ทดแทนความรสู้ กึ ผดิ บาปในอดตี ทเ่ี คยเปน็ คนไรม้ ารยาทเทา่ นนั้ เอง ผเู้ ขยี น
จบเรอ่ื งได้อยา่ งสวยงามด้วยการใหภ้ าพสดุ ทา้ ยของชายชราว่า “มอื ทั้งสองข้าง
ยกประนมคา้ งอยอู่ ยา่ งนนั้ ราวกบั ตอ้ งการมี ‘มารยาท’ ตอ่ แสงแดดและสายลม
ทนี่ ำ�วญิ ญาณของตนออกไปจากโลกใบนี้”
ในเร่อื ง “นางสาวหยาดนํ้าตา” ของ สุรตั นา ใจงาม เป็นเรอื่ งสน้ั ที่เล่า
ในรูปจดหมายถึงเพื่อน ซึ่งเป็นการง่ายท่ีจะสอดแทรกให้ความรู้เร่ืองมารยาท
ผา่ นเรอ่ื งเลา่ สว่ นตวั ทเ่ี ลา่ ใหเ้ พอ่ื นฟงั ทางจดหมาย เรอ่ื งสนั้ เรอื่ งนน้ี �ำ เสนอแนวคดิ
6 ขอโทษครบั ขอบคุณค่ะ
ชวนคิดว่า “การมีมารยาทไม่เพียงแสดงถึงความเคารพผู้อื่น มันยังหมายถึง
การเคารพต่อตัวฉันเอง” ซึ่งน่าจะเป็นบทสรุปสำ�คัญของการตระหนักนึกและ
การรกั ษามารยาทของเราว่าหาใช่เพียงรปู แบบ การแสดงออก หรือแนวปฏิบตั ิ
ทางสังคมเท่าน้ัน มารยาทจึงไม่ใช่รูปแบบ แต่เป็นจิตสำ�นึกในการเคารพต่อ
คณุ คา่ และศกั ด์ิทั้งของผู้อนื่ และตวั เราเอง
ผลตอบแทนของผมู้ มี ารยาทดใี นสงั คม ไมไ่ ดม้ คี ณุ คา่ ทางดา้ นจติ ใจและ
ความรสู้ กึ เพยี งอยา่ งเดยี ว แตใ่ นหลายครงั้ มนั น�ำ มาซง่ึ การยอมรบั จากบคุ คลอนื่
และเป็นการสร้างโอกาสทด่ี ีใหก้ ับตนเอง ดงั ท่ี ทักษิณ ทนุ เกิด เจา้ ของรางวัล
ชนะเลศิ ในระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชนั้ สงู (ปวส.) และอดุ มศกึ ษา น�ำ เสนอ
ไว้ในเรื่องส้ัน “ประทับใจแรกพบ” เร่ืองสั้นเรื่องนี้นำ�เสนอเร่ืองราวของ
หนุ่มนักศึกษาผู้มีมารยาทงาม สุภาพอ่อนโยน และมีน้ําใจกับคนทุกระดับ
ไม่เว้นแม้แต่สัตว์เล้ียง เขาได้สมัครเข้าทำ�งานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟแห่งหน่ึง
เพ่ือหารายได้เสริมระหว่างเรียน และได้รับการจ้างจากชายเจ้าของร้าน
อย่างง่ายดาย ตลอดเวลาที่ทำ�งาน เขาให้บริการลูกค้าทุกคนด้วยความสุภาพ
นอบน้อม ให้คำ�แนะนำ�ดี ๆ แก่ลูกค้าจนเป็นท่ีประทับใจ ส่งผลให้ร้านกาแฟ
แห่งน้ันมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น แต่ส่ิงหนึ่งที่เด็กหนุ่มยังสงสัยค้างคาใจว่า ทำ�ไม
เจ้าของร้านจึงรับเขาเข้าทำ�งานโดยไม่ได้ทดสอบหรือต้ังคำ�ถามแม้แต่คำ�เดียว
คำ�เฉลยที่เขาได้รับจากชายเจ้าของร้านก็คือ เพราะเขามีมารยาทและสุภาพ
อ่อนน้อม แมแ้ ตก่ บั แมวประจำ�รา้ น มันคอื ความประทับใจเมอ่ื แรกพบ ทท่ี �ำ ให้
เจ้าของร้านกาแฟรบั เขาไวท้ ำ�งานโดยไม่มีเงอื่ นไข
เร่ืองส้ันรางวัลชนะเลิศเร่ืองน้ี เหมือนจะเป็นบทสรุปท่ีดีว่า การเป็น
ผมู้ ีมารยาทงดงามนั้นส�ำ คัญเสมอ
ธญั ญา สงั ขพนั ธานนท์ 7
ค�ำ ขอโทษและการใหอ้ ภัย
คำ�พูดสั้น ๆ ไม่กี่คำ�อย่างคำ�ว่า “ขอโทษ” เป็นมารยาททางสังคม
อย่างหน่ึงท่ีผู้คนมักถามหา เม่ือใครสักคนทำ�ผิดและก้าวล่วงผู้อ่ืน ไม่ว่า
จะเปน็ ประชาชนทัว่ ไป จนถึงบุคคลสาธารณะอยา่ งดารา นกั แสดง ข้าราชการ
และนกั การเมอื ง ค�ำ ขอโทษ เปน็ มารยาททางสงั คมทท่ี กุ วฒั นธรรมยดึ ถอื ปฏบิ ตั ิ
เพราะนค่ี อื ถอ้ ยค�ำ พน้ื ฐานทแี่ สดงออกถงึ การรบั ผดิ ตอ่ การกระท�ำ อนั ไมเ่ หมาะสม
ช่วยลดชนวนก่อให้เกิดความขัดแย้งและชิงชัง เร่ืองส้ัน “จังหวะสำ�คัญ”
ของ พงศ์ระพี จิตตรง หยิบยกประเด็นเร่ืองการขอโทษมาสร้างเป็นเร่ืองราว
เพื่อส่ือให้เห็นว่า เมื่อมีใครสักคนก้าวล่วงต่อคนอ่ืน ไม่ว่าจะโดยวาจาหรือ
การกระทำ� การขอโทษเป็นทางออกง่าย ๆ ที่จะยุติเรื่องราวความขัดแย้ง
ทีจ่ ะบานปลายลงได้
“จังหวะสำ�คัญ” เป็นเร่ืองส้ันรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง
ในระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชนั้ สงู (ปวส.) และอดุ มศกึ ษา น�ำ เสนอเรอ่ื งราว
ของเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่เรียนเก่งและมีฝีมือในการเล่นกีตาร์
แต่มีนิสัยเย่อหยิ่งและชอบล่วงเกินผู้อ่ืนด้วยคิดว่าเป็นเร่ือง “ล้อเล่นอยู่เสมอ”
วันหน่ึงเขาได้รับการตอบโต้จากส่ือสังคมออนไลน์ เมื่อมีการเผยแพร่คลิป
ที่เขากล่าววาจาดูถูกนักดนตรีเปิดหมวกหน้าร้านขนมเค้กแห่งหน่ึง ปฏิกิริยา
ในครง้ั นท้ี �ำ ใหเ้ ขาส�ำ นกึ ผดิ และตอ้ งกลบั ไปขอโทษนกั ดนตรคี นนน้ั ผเู้ ขยี นจบเรอ่ื ง
ด้วยภาพท่ีน่ารัก เม่ือเขากับนักดนตรีข้างถนนร่วมกันเล่นดนตรีและร้องเพลง
อยา่ งไพเราะและกลมกลนื ทา่ มกลางความชน่ื ชมของผทู้ ไ่ี ดพ้ บเหน็ และเพอ่ื นสนทิ
ทเ่ี คยเออื มระอาตอ่ พฤตกิ รรมไมเ่ คารพคนอน่ื ของเขา เรอ่ื งสน้ั เรอ่ื งนเ้ี หมอื นจะบอก
แก่ผูอ้ ่านเปน็ นัยวา่ การขอโทษด้วยความจริงใจน้ันไม่เคยสายส�ำ หรับใคร
8 ขอโทษครับ ขอบคณุ ค่ะ
ในเรื่องสั้น “ไมเ่ ปน็ ไร” ของ พิณพิพฒั น ศรที วี รางวลั รองชนะเลิศ
อันดับสอง ระดับประชาชนท่ัวไป หยิบประเด็นของการให้อภัยมาประกอบ
สรา้ งเปน็ เรอื่ งราวความสมั พนั ธอ์ นั ซบั ซอ้ นของคนหลายคน ไมว่ า่ จะเปน็ พอ่ กบั ลกู
เพ่ือนบ้านผู้ชอบทับถมและดูแคลน และคู่รักเก่าที่ยังคงมีเยื่อใยต่อกัน
ตวั ละครเอกทงั้ พอ่ และลกู ชายมคี �ำ พดู ตดิ ปากวา่ “ไมเ่ ปน็ ไร” แมว้ า่ จะเผชญิ กบั
ชะตากรรมทเี่ ลวรา้ ยและตกเปน็ ฝา่ ยถกู กระท�ำ เสมอมา พณิ พพิ ฒั นเปน็ นกั เขยี น
มีประสบการณ์ในการเขียน จึงวางปมของเร่ืองทับซ้อนกันให้ผู้อ่านตีความ
อย่างหลากหลาย กระน้ันก็ตามความคิดสำ�คัญประการหน่ึงท่ีพอจะจับความ
ได้ก็คือ การปล่อยวาง การให้อภัยและอโหสิกรรม เป็นส่ิงดีงามที่เพ่ือนมนุษย์
พึงมีต่อกัน แม้ว่าในบางคร้ังผู้ให้อภัยจำ�ต้องทนแบกรับความขมขื่นปวดร้าว
แสนหนกั หน่วง
การต้ังค่า “ความเป็นส่วนตัว” และการก้าวลว่ ง
แม้มนุษย์จะเป็นสัตว์สังคม ที่ต้องอาศัยร่วมกัน พ่ึงพา และมี
ปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น แต่ชีวิตของแต่ละคนก็มีพื้นท่ีส่วนตัวท่ีต้องสงวนเอาไว้
ในฐานะปัจเจกบุคคล พวกเขามีสทิ ธิ์ท่ีจะหวงแหนและปกปอ้ งจากคนอนื่ ค�ำ ว่า
“เร่ืองส่วนตัว” จึงยังคงเป็นประเด็นท่ีต้องให้ความสำ�คัญ หากคนเราจะอยู่
ร่วมกันกับคนอ่ืนอย่างสงบสุข แม้แต่คู่รัก หรือสามีภรรยาซึ่งเป็นหุ้นส่วนชีวิต
กันและกนั ก็ยงั มปี ญั หาการลา้ํ เสน้ ชีวิตของอีกฝา่ ยอยู่เสมอ สิง่ เหลา่ น้มี ากกวา่
กติกามารยาท แต่เป็นกฎของการอยู่ร่วมกัน ซ่ึงก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิดและปฏิบัติ
ของคนแต่ละวฒั นธรรม
วถิ ชี วี ติ ของคนไทยสมยั ใหม่ อาจมรี ะดบั ของของการสงวนพน้ื ทสี่ ว่ นตวั
ทแ่ี ตกตา่ งไปจากสงั คมไทยในอดตี เพราะสภาพสงั คมและวฒั นธรรมทเ่ี ปลยี่ นไป
ธัญญา สังขพันธานนท์ 9
ผู้คนในสังคมสมัยใหม่มีพื้นที่เฉพาะมากมาย ท่ีจะเก็บงำ�และซุกซ่อนเร่ืองราว
ส่วนตัวเอาไว้ให้ปลอดพ้นจากการก้าวล่วงของคนอ่ืน จริงอยู่ พ้ืนที่ส่วนตัว
แม้ไม่ได้เป็นเรื่องลับเฉพาะเพียงอย่างเดียว แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่นิยมชมชอบ
ให้คนอ่ืนเข้าลํ้ามาในชีวิตส่วนตัวของตนเอง แม้ว่าในหลายเร่ืองหาใช่ความลับ
ท่ตี อ้ งปกปดิ เสมอไป
เรื่องสั้น “ไอซ์พิงก์” ของ ไพรัตน์ ยิ้มวิลัย เป็นตัวอย่างท่ีน่าสนใจ
ของการนำ�ประเด็นความเป็นส่วนตัวและการล่วงละเมิดนำ�มาสร้าง
เป็นเร่ืองสั้นสะท้อนชีวิตของผู้คนในยุคดิจิทัล ที่มักเก็บซ่อนเร่ืองส่วนตัวเอาไว้
ในคอมพวิ เตอรส์ ่วนตัว จึงไม่แปลกทโี่ ปรแกรมใชง้ าน หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ
มักจะมีช่องทางให้ “ตั้งค่าส่วนตัว” เอาไว้เสมอ เรื่องสั้นที่ได้รับรางวัล
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ระดับประชาชนท่ัวไปเรื่องน้ี เล่าเร่ืองราวของเด็กสาว
สองคนท่ีเป็นเพ่ือนสนิท ที่ต้องมาบาดหมางกันเพียงเพราะคนหนึ่งล่วงละเมิด
พื้นที่ส่วนตัวของอีกคนอย่างจงใจ โดยใช้ความเป็นนักเขียนนวนิยายออนไลน์
ของตน นำ�เรื่องราวในชีวิตของเพ่ือนสาวมาแต่งเป็นนิยายเผยแพร่ในเว็บไซต์
จนกระทั่งวันหน่ึง ความลับนั้นได้รับการเปิดเผยออกมา จุดเด่นของเร่ืองสั้นนี้
คือ ความย้อนแย้งของ “ดรีม” ตัวละครที่เป็นนักเขียน ซ่ึงเก็บซ่อนความลับ
ทเี่ ธอเปน็ นกั เขยี นไมใ่ หใ้ ครรู้ เวน้ แตน่ กั อา่ นของเธอเทา่ นนั้ แตค่ วามลบั นกี้ ร็ วั่ ไหล
ในกลมุ่ เพอ่ื น เมอ่ื “เกรป” เพอ่ื นสนทิ พบความลบั นจ้ี ากการเขา้ ไปใชค้ อมพวิ เตอร์
ของเธอ ดรมี ไมพ่ อใจอยา่ งมากและตอ่ วา่ เพอ่ื นสาวอยา่ งรนุ แรง จนเกรปตอ้ งยอ้ นวา่
“แกห่วงเรื่องนิยายไม่อยากให้ใครรู้ เพราะมันเป็นเรื่องของแกเพียงคนเดียว
แล้วท่ีแกเอาเรื่องของฉันไปแต่งล่ะ แกถามฉันสักคำ�ไหม เร่ืองพ่อแม่เรา
ก็เป็นเร่ืองของเราเหมือนกัน” อย่างไรก็ตามมิตรภาพระหว่างท้ังคู่ก็กลับมา
เหมอื นเดมิ เมอื่ ดรมี ยอมลบนยิ ายของเธอทง้ิ ทง้ั หมด เพราะคดิ ไดว้ า่ “ฉนั ไมใ่ ชแ่ ค่
สูญเสียโลกท่ีฉันสรา้ งเองเทา่ นัน้ ฉนั ยงั สูญเสยี เพอื่ นรกั ท่สี ดุ ไปด้วย”
10 ขอโทษครับ ขอบคณุ ค่ะ
นั่นต่างไปจากการก้าวล่วงของตัวละครนักนินทาว่าร้าย และสอดรู้
สอดเห็นเร่อื งของคนอ่ืนอยา่ ง “พตี่ อ้ ย” ในเรอ่ื งส้ันช่ือ “ปาก” ของ ชนากานต์
โกมาสังข์ เรอื่ งสน้ั รางวลั รองชนะเลิศอนั ดบั สอง ระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชพี
ชนั้ สงู (ปวส.) และอุดมศกึ ษา เรือ่ งนีส้ ร้างภาพของตวั ละครทีเ่ ป็นศนู ย์รวมของ
พฤตกิ รรมแย่ ๆ ท้ังปากเสีย ชอบสอดรู้สอดเห็นเรอ่ื งของคนอน่ื พอ ๆ กับเป็น
นกั นนิ ทาวา่ รา้ ย ใสค่ วามและสาระแน ซงึ่ ตอ่ มาเธอกต็ อ้ งเปน็ ฝา่ ยรบั กรรมทก่ี อ่ ขนึ้
เม่ือก้าวล่วงไปโพสต์ข้อความประจานพฤติกรรมของใครบางคนที่เธอไม่รู้จัก
ด้วยซ้ําไป เม่ือความจริงเปิดเผย ปรากฏการณ์ทัวร์ลงก็รุมกระหน่ําหญิงสาว
คนน้ี โทษฐานทกี่ า้ วลว่ งกบั บคุ คลอนื่ ซงึ่ ไมต่ า่ งจากเรอื่ งราวทเี่ กดิ ขนึ้ ตามสอื่ สงั คม
ออนไลนอ์ ย่ทู กุ เมื่อเชื่อวัน
อคตแิ ละการป้ายสี
“ช่างทาสีจากพระตะบอง” ของ รมณ กมลนาวิน เรื่องส้ันรางวัล
ชนะเลิศในระดับประชาชนทั่วไป นับเป็นเรื่องสั้นเร่ืองเดียวที่นำ�เสนอประเด็น
ความสัมพันธ์และการอยู่ร่วมกันของคนต่างเช้ือชาติ ซ่ึงนำ�ไปสู่ปัญหาอคติ
ทางชาติพันธ์ุและการใส่ร้ายป้ายสี เรื่องส้ันเร่ืองน้ีมีการวางเค้าโครงเร่ือง
ท่ีปมปัญหาเกี่ยวโยงและส่งผลต่อกันอย่างน่าสนใจ มีลีลาการเล่าเรื่องท่ีชวน
ติดตามตง้ั แต่ต้นจนจบเรอื่ ง ผู้เขียนเล่าเรอ่ื งของ “สนิ สีสามุต” ชา่ งทาสซี งึ่ เปน็
แรงงานข้ามชาติจากเมืองพระตะบอง ประเทศกัมพูชา สินเป็นแรงงาน
ท่ีเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย และมักถูกล้อว่าเป็นพวกกินเน้ือสุนัข เน่ืองจากเขา
เปน็ คนพระตะบอง ชา่ งรบั เหมาวา่ จา้ งสนิ มาท�ำ งานทาสี และใหน้ อ้ งชายของตน
มาเปน็ ผชู้ ว่ ยคมุ งานกอ่ สรา้ ง เขาน�ำ สนุ ขั พนั ทางของแฟนเกา่ มาเลยี้ งดว้ ย หวงั วา่
มันจะช่วยทำ�ให้เธอกลับมาคืนดีกับเขาอีกครั้ง ปัญหาเกิดข้ึนเมื่อสุนัขพันทาง
ของน้องชาย มักสร้างปัญหายุ่งยากให้กับสินและคนงานในไซต์ก่อสร้าง
ธัญญา สงั ขพนั ธานนท์ 11
อยู่เป็นประจ�ำ วันหนง่ึ สนุ ัขหายไป สนิ จงึ ตกเปน็ ผู้ต้องสงสัยและตกท่ีน่งั ลำ�บาก
เพราะทุกคนเข้าใจว่าเขาฆ่าสุนัขตัวน้ันมาทำ�อาหาร จนทำ�ให้สินหนีไปจาก
ไซตก์ อ่ สรา้ งและไมก่ ลบั มาอกี เมอ่ื ชา่ งทาสหี ายไปและนอ้ งชายของเขามวั แตอ่ อก
ตามหาหมาจนไม่ช่วยคุมงานก่อสร้าง ทำ�ให้การก่อสร้างไม่อาจเดินหน้าไปได้
ผรู้ บั เหมาจงึ ตอ้ งไปตามสนุ ขั คนื เพราะความจรงิ แลว้ เขานนั่ เองทพี่ าหมาเจา้ กรรม
ตวั นนั้ ไปฝากหลวงพอ่ ทว่ี ดั ปา่ แหง่ หนง่ึ ในจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา แตโ่ ชครา้ ย
ทหี่ มาตัวน้ันหายไปเสียแลว้
เร่ืองส้ันเร่ืองนี้ แม้ผู้เขียนจะไม่ยืนยันมั่นเหมาะว่า ช่างทาสี
จากพระตะบองเป็นพวกกินเนื้อสุนัข แต่คนงานชาวไทยก็ล้อเขาอย่างนั้น
นคี่ อื ความเชอื่ และความรสู้ กึ ทเี่ ตม็ ไปดว้ ยอคตติ อ่ คนตา่ งชาติ โดยเฉพาะแรงงาน
ต่างด้าวท่ีมักถูกมองว่าต่ําต้อยกว่าเสมอ “การกินเน้ือสุนัข” ในวัฒนธรรมไทย
ไม่เป็นที่ยอมรับ คนที่กินเนื้อสุนัขถือเป็นพวกที่ทำ�ในสิ่งท่ีไม่ถูกต้อง
และอยู่ “นอกวัฒนธรรม” เป็นพวกประหลาดวิตถาร ตัวละครอย่างช่างทาสี
จากพระตะบอง จึงเปน็ ภาพแทนของเหยือ่ จากอคตทิ างเชื้อชาติ ทเ่ี กิดขน้ึ และ
ด�ำ รงอยใู่ นสงั คมไทยอยา่ งไมอ่ าจปฏเิ สธได้ อคตคิ อื ปญั หาส�ำ คญั ในการอยรู่ ว่ มกนั
ของคนในสงั คม แม้เรือ่ งสนั้ ไมไ่ ดต้ ้งั คำ�ถามถงึ ผอู้ า่ นโดยตรง แตท่ �ำ ใหอ้ ดคิดตอ่
ไม่ได้ว่า อุดมการณ์ประชาคมอาเซียนที่เคยพูดถึงกันอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
จะเกิดข้ึนได้จริงแน่หรือ ในเม่ือความรู้สึกอคติต่อคนในประเทศเพ่ือนบ้าน
ยังดำ�รงอยู่ในวถิ ีคดิ ของคนไทยอกี ไมน่ อ้ ย
12 ขอโทษครับ ขอบคุณค่ะ
ข้ามใหพ้ ้นจากสงั คมมนุษย์
อาจกล่าวได้ว่าสารท่ีสำ�คัญที่สุดซ่ึงเร่ืองส้ันท่ีได้รับรางวัลส่วนมาก
มุ่งนำ�เสนอในประเด็นเกี่ยวกับมารยาทไทย คือ การชี้ให้เห็นตามข้อสรุปของ
สุรตั นา ใจงาม จากเรอ่ื งส้ัน “นางสาวหยาดนา้ํ ตา” แต่ยงั มเี รือ่ งสน้ั อกี เรอ่ื งหน่ึง
ที่นำ�เสนอให้เห็นว่า มนุษย์ในสังคมปัจจุบันไม่เพียงแต่ต้องเคารพตนเองและ
เพ่อื นมนุษย์เทา่ นนั้ แต่ยงั ต้องเคารพนบนอบต่อธรรมชาติอกี ดว้ ย นเี่ ป็นสำ�นกึ
และจริยธรรมที่ข้ามพ้นความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนด้วยกันเอง แต่เป็น
การต้ังประเดน็ ถงึ ในส่ิงทีเ่ รยี กว่า “จริยธรรมส่ิงแวดล้อม” ทย่ี งั ไมค่ อ่ ยมกี ารพูด
ถงึ กันอย่างจริงจงั นกั ในสงั คมไทย
เร่ืองสั้น “เคารพเขา” โดย ญดาวรรณ พืชพิสุทธ์ิ ได้รับรางวัล
ชนะเลิศในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
เปน็ เรอื่ งสน้ั ทต่ี อบโจทยไ์ ปไกลกวา่ ประเดน็ หวั ขอ้ การประกวดทก่ี �ำ หนดโดยผจู้ ดั
เพราะผเู้ ขยี นมองเลยเรอื่ งกตกิ ามารยาทไทย และการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมมนษุ ย์
ไปสู่ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ตามแนวคิดสำ�นึกเชิงนิเวศ
หรือการวิจารณ์เชิงนิเวศ (ecocriticism) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับการกล่าวถึง
อยา่ งมากในวงวรรณกรรมศึกษาในปจั จุบัน
เรื่องส้ันเรื่องนี้โดดเด่นและน่าสนใจ ท้ังด้านแนวความคิดและกลวิธี
การเล่าเร่ือง ที่มีกลิ่นอายของเรื่องแนวไซไฟแฟนตาซี นำ�เสนอเร่ืองราวของ
หญิงสาวนักชีววิทยาท่ีมีสัมผัสพิเศษในการฟังเสียงสนทนาและได้ยิน
ความเคล่ือนไหวของต้นไม้ เพราะเธอเช่ือในข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุและ
ยืนยันอย่างน่าเช่ือถือว่า ต้นไม้มีระบบเครือข่ายโยงใยสัมพันธ์กันอย่างลึกลับ
“ต้นไมส้ ามารถพดู คุย ซอ้ื ขาย จนกระทัง่ ท�ำ สงครามกนั อยา่ งลับ ๆ อยภู่ ายใต้
พ้ืนดิน พวกมันทำ�ด้วยระบบเน็ตเวิร์คของฟังไจที่โตอยู่รอบ ๆ และอาศัยอยู่
ในรากของมนั ” ทัง้ หมดนคี่ อื ความลับทไี่ มม่ ีคนลว่ งรู้
ธัญญา สังขพันธานนท์ 13
ด้วยความเชื่อเช่นนี้เด็กสาวจึงออกไปบันทึกภาพป่าและธรรมชาติ
รอบตัว กระท่ังเธอสามารถรับรู้ได้ถึงเสียงสนทนาของต้นไม้ ท่ีกำ�ลังพูดคุยกัน
เร่ืองการบกุ รกุ ของมนุษย์ การตักตวง และกอบโกยผลประโยชน์จากธรรมชาติ
อย่างเอารัดเอาเปรียบ เธอพยายามที่จะเขียนงานวิจัยเผยแพร่ความรู้เร่ืองน้ี
เพอ่ื ใหผ้ คู้ นไดต้ ระหนกั และส�ำ นกึ แตก่ ช็ า้ ไปเสยี แลว้ เมอื่ วนั หนง่ึ เธอพบวา่ ตน้ ไม้
มากมายก�ำ ลงั เตบิ โตและเคลอ่ื นไหวครอบคลมุ เมอื งทง้ั เมอื ง มนั งอกขน้ึ ทกุ พน้ื ที่
“เพอ่ื ทวงคนื ทที่ เ่ี คยเปน็ ของพวกเขา” ผเู้ ขยี นจบเรอ่ื งสน้ั เรอื่ งนอ้ี ยา่ งสวยงามวา่
“ฉันเพียงเดินเข้าไปหาต้นใหญ่ท่ียังขยายรากออกไปอย่างช้า ๆ แล้วเข้าไป
โอบกอดต้นไม้นน้ั ไว้”
อาจกล่าวได้ว่า “เคารพเขา” เป็นเรื่องสั้นในแนวนิเวศสำ�นึก ที่นำ�
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และชีววิทยามาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
กับธรรมชาติ และร้ือถอนมโนทัศน์มนุษย์เป็นศูนย์กลางแทนท่ีด้วยมโนทัศน์
ธรรมชาติเป็นศูนย์กลาง มนุษย์หาได้เป็นเจ้าของและเป็นใหญ่ในโลกใบนี้
ธรรมชาตติ า่ งหาก ดงั นน้ั มนษุ ยค์ วรใหค้ วามเคารพธรรมชาตมิ ากกวา่ เบยี ดเบยี น
ท�ำ ลายและใช้ประโยชนจ์ ากธรรมชาตเิ กนิ พอดี
ระหวา่ ง “เรอื่ ง” กับ “รส” : สว่ นผสมท่ยี งั ไม่ลงตวั
จากภาพรวมของเรื่องส้ันที่กล่าวมาท้ังหมด คงทำ�ให้ข้อสงสัยที่ว่า
ภายใต้การกำ�หนดหัวข้อเร่ืองที่ดูเป็นทางการและขาดสีสันเร้าใจ ผู้ส่งผลงาน
เข้าประกวดแต่ละคนจะตีโจทย์และใช้ความคิดสร้างสรรค์ออกมาเป็นเร่ืองส้ัน
ได้อย่างไรคงจะคลี่คลายไปได้ เพราะเรื่องสั้นแต่ละเรื่องได้สะท้อนให้เห็น
วธิ คี ดิ และการประกอบสรา้ งของผเู้ ขยี นอยชู่ ดั แลว้ แตท่ ง้ั หมดนก้ี ห็ าใชบ่ ทสรปุ วา่
นี่คือเร่ืองส้ันที่สมบูรณ์พร้อมด้วยเนื้อหาและศิลปะในการแต่ง จริงอยู่เรื่องส้ัน
14 ขอโทษครับ ขอบคุณค่ะ
แทบทุกเรื่องสอบผ่านในแง่ของการนำ� “โจทย์” มาขบคิดและสร้างสรรค์
เป็นเรื่องส้ันขึ้นมาตามจินตนาการของผู้เขียนแต่ละคน โดยไม่หลุดกรอบของ
เนื้อหาท่ีกำ�หนด แต่เมื่อพิจารณาในกลวิธีและศิลปะในการเล่าและนำ�เสนอ
เรื่องแล้ว เร่ืองแทบทุกเรื่องยังมีร่องรอยของความขาด ๆ เกิน ๆ ให้เป็น
ที่สังเกตได้ เร่ืองสั้นบางเร่ืองให้น้ําหนักและมัวพะวงกับ “ตัวเรื่อง” จนละเลย
ศิลปะในการเล่าเรื่องไปอย่างน่าเสียดาย ท้ังท่ีทั้งสองส่วนน้ีมีความสำ�คัญ
ไมย่ ง่ิ หยอ่ นไปกวา่ กนั โดยเฉพาะเรอ่ื งสน้ั ในระดบั ของนกั เรยี นระดบั มธั ยมศกึ ษา
ตอนต้นและตอนปลาย ท่ีมักท้ิงรอยโหว่ให้เห็นอยู่แทบทุกเร่ือง ส่วนในระดับ
ประชาชนทั่วไปน้ัน นักเขียนเจ้าของผลงานท่ีได้รับรางวัลส่วนใหญ่
มปี ระสบการณแ์ ละทกั ษะในการเขยี นเรอ่ื งสน้ั กนั มากอ่ น จงึ ปรงุ เรอื่ งไดค้ อ่ นขา้ ง
กลมกลอ่ มทัง้ เรอ่ื งและรส
เราไมอ่ าจคาดหวงั วา่ นกั เขยี นทกุ คนทม่ี ผี ลงานผา่ นการพจิ ารณาตดั สนิ
ของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและมีผลงานรวมเล่มอยู่ในรวมเรื่องสั้นเล่มนี้
จะหนั มาใส่ใจและทมุ่ เทใหก้ บั การสร้างสรรคผ์ ลงานเรอื่ งสัน้ ในโอกาสตอ่ ๆ ไป
แต่อยากมองว่า สำ�หรับเยาวชนผู้รักการเขียน น่ีคือจุดเร่ิมต้นที่ดีท่ีพวกเขา
ได้ร่วมประลองฝีมือและผ่านการคัดกรองมาได้อย่างสง่างาม หากยังมีใจรัก
และมแี รงบนั ดาลใจทจี่ ะกา้ วเดนิ ไปในโลกของการเขยี นเรอื่ งสน้ั กย็ งั คงตอ้ งอา่ น
เขยี นและเรยี นรู้ศลิ ปะการเขยี นเรือ่ งสั้นอยา่ งสมํา่ เสมอ
ขอให้โชคดี และเดินทางโดยสวสั ดิภาพ
ธัญญา สังขพันธานนท์ 15
แผลเป็นคำ�พดู
รางวลั ชนะเลิศ
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
เตมิ ศริ ิ มีพร
ภาพสะท้อนในกระจกบานเล็ก เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาว
คนหน่ึงท่ีมีแผลเป็นใกล้กับดวงตา ทุกคร้ังที่ส่องกระจก ภาพที่เห็นคือ
ภาพใบหน้า เธอรู้สึกเจ็บปวดอยู่เสมอ เพราะแผลเป็นนี้ทำ�ให้ใครหลายคน
ตั้งคำ�ถามกบั เธอ พวกเขามักถามเก่ยี วกบั จุดดอ้ ยของเธอ
หญงิ สาวไดแ้ ตค่ ดิ วา่ ท�ำ ไมพวกเขาตอ้ งมายา้ํ จดุ ดอ้ ยของผอู้ น่ื บอ่ ยครง้ั
ทผี่ ู้คนจอ้ งมองใบหน้า เมอ่ื สบตาเขา้ กบั พวกเขา เธอก็กลบั เปน็ คนหลบตาก่อน
เพราะด้วยความอับอายและไม่ม่ันใจในตนเอง หญิงสาวมักรู้สึกไม่ดีเสมอ
เธอต้องควบคุมอารมณ์และความรู้สึกเอาไว้ การควบคุมอารมณ์ มิใช่อารมณ์
โกรธ โมโห หรือไม่พอใจแต่อย่างใด แต่เธออยากจะร้องไห้ออกมามากกว่า
คนท่ีเกิดมาหน้าตาดีไม่ได้มีจุดด้อยแบบเธอ เขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกน้ี
มนั เป็นอยา่ งไร
“พวกเขากแ็ คส่ งสยั ” เธอพดู ปลอบใจตัวเองแบบนน้ั ทุกครัง้ ทเ่ี จอกับ
คำ�ถามเก่ียวกับจุดด้อย เธอมักจะตอบส่ิงท่ีพวกเขาสงสัยให้พร้อมกับรอยย้ิม
พวกเขาอาจจะคิดว่าเธอไม่ได้รู้สึกแย่ที่ได้รับคำ�ถามเหล่าน้ัน แต่เปล่าเลย
กลับกลายเป็นว่าคำ�ถามนั่นแหละที่ทำ�ให้เธอรู้สึกแย่ เพราะการท่ีพวกเขาถาม
เรอื่ งนน้ั แตบ่ างคนอาจจะอยากรเู้ พราะดว้ ยความหว่ งใย สว่ นในเรอื่ งของรอยยมิ้
ท่ีส่งไปก็อาจจะเป็นแค่การเสแสร้งว่า ตัวเธอมีความสุขดีหรือไม่ก็เพ่ือเป็น
มารยาทเพยี งเทา่ นนั้ เอง เพราะคนทถี่ ามเธอกไ็ มไ่ ดต้ ง้ั ใจจะตอกยาํ้ จดุ ดอ้ ยไปซะ
ทุกคนหรอก
แผลเป็นค�ำ พูด : เตมิ ศริ ิ มีพร 17
“ในสงั คมก็ยงั มคี นดี ๆ อย่ตู ้ังเยอะแยะ” เธอคิดเช่นน้นั
“แตเ่ ราเองกย็ งั หาไมค่ อ่ ยเจอเลยนะ” นนั่ คอื ความในใจลกึ ๆ ทเี่ ธอคดิ
เพราะวา่ เธอเองกย็ งั เสแสรง้ แกลง้ ท�ำ เหมอื นวา่ ตวั เองมคี วามสขุ กไ็ มแ่ ปลกหรอก
ท่ีคนเราจะเสแสร้งให้เธอกลับเหมือนกัน หลายครั้งที่ถูกล้อเลียน คนท่ี
ลอ้ เลยี นสว่ นใหญก่ จ็ ะเปน็ เพอื่ น ๆ ในชนั้ เรยี นเดยี วกนั เธอเปน็ คนทเ่ี ขา้ สงั คมไมเ่ กง่
จงึ ไมค่ อ่ ยมเี พอื่ น และเธอเองกช็ อบทจี่ ะอยคู่ นเดยี วเสยี ดว้ ย กอ็ ยา่ งทบ่ี อกไปวา่
เพ่อื น ๆ ชอบล้อเลียนเธอ จึงเปน็ เหตผุ ลที่เธอไม่อยากมเี พือ่ นดว้ ยเช่นกนั แตก่ ็
ไม่ไดห้ มายความวา่ เธอจะไม่มเี พ่ือนเลยสักคน
เธอมีเพ่ือนสนิทอยู่คนหน่ึงเป็นผู้ชายหน้าตาดี เขาไม่เคยถามเธอ
เกี่ยวกับจุดด้อยเลยสักครั้งเดียว ตอนที่พบกันครั้งแรกหญิงสาวและชายหนุ่ม
นั่งข้าง ๆ กัน ชายหนุ่มทักทายและเอ่ยถามชื่อ หญิงสาวรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
เพราะคนส่วนใหญ่มักจะถามเก่ียวกับจุดด้อย ก่อนจะทักทายและถามนาม
ของเธอด้วยซ้ํา หรือไม่ก็ถามเรื่องจุดด้อยโดยไม่ทักทาย ไม่ถามชื่อก็หลายครั้ง
หญิงสาวรู้สึกดีใจท่ีได้เป็นเพื่อนกับเขา เขาเป็นเพื่อนที่มีมารยาทท่ีสุดสำ�หรับ
เธอเลยละ่
ชายหนมุ่ เปน็ คนเรยี นเกง่ มผี ลการเรยี นสงู มาก แตกตา่ งจากหญงิ สาว
ท่เี รียนไมค่ ่อยเก่ง ผลการเรียนไม่คอ่ ยดีเท่าไร แตก่ ็ไม่ได้แย่ บางครั้งเธอก็คดิ ว่า
เธอเหมาะสมที่จะเป็นเพื่อนกับคนเก่งอย่างเขาหรือเปล่า เพราะเพ่ือนบางคน
กม็ กั บอกว่าเธอกบั เขาไม่ควรเป็นเพอ่ื นกัน อยา่ งเขาต้องคบเพ่ือนทเ่ี ก่ง ๆ ไม่ใช่
เพื่อนโง่ ๆ แบบเธอ ชายหนุ่มดูเหมือนกับเสาไฟฟ้าท่ีสูงหลายเมตร ส่วนเธอ
ก็คงเหมอื นหลกั กโิ ลเต้ยี ๆ ขา้ งทาง เธอรสู้ ึกไม่ม่นั ใจในจุดยนื ของตวั เองจงึ ถาม
ชายหนมุ่ ออกไปว่า
“ฉันเหมาะที่จะเป็นเพ่ือนนายไหม”
18 ขอโทษครบั ขอบคณุ ค่ะ
ชายหนุ่มแปลกใจกับคำ�ถามท่ีออกมาจากปากของหญิงสาว เขารู้สึก
ว่าเธอต้องมีเร่ืองไม่สบายใจแน่ ๆ
“แกเปน็ อะไร มีเร่ืองไม่สบายใจอะไรบอกฉันไดน้ ะ” อยู่ ๆ หญงิ สาว
ก็รู้สึกมีความม่ันใจมากขึ้นนิดหน่อย เพราะคำ�พูดที่แสดงถึงความห่วงใยจาก
ชายหนุม่ ท่ีเปน็ เพอื่ นสนิทของเธอ
“ฉันรู้สึกว่า ฉันไม่เหมาะท่ีจะเป็นเพื่อนกับนาย นายดูเหมือนกับ
เสาไฟฟ้าแรงสูงที่มีประโยชน์มากมาย แต่ฉันมันก็เป็นได้เพียงหลักกิโลเตี้ย ๆ
ทอ่ี ยูข่ ้างทาง”
ชายหน่มุ หัวเราะออกมาเลก็ นอ้ ยแลว้ พูดว่า
“แกเป็นเพอื่ นโง่ ๆ ของฉนั มนั กด็ แี ล้ว”
ตอนน้เี ธอกำ�ลังรูส้ กึ ว่า เขากำ�ลงั หลอกด่าเธออยู่
“เพราะเวลาฉนั คบเพอื่ นเกง่ ๆ มนั ไมม่ คี วามสขุ เลยนะ รสู้ กึ วา่ พวกเขา
เปน็ ศัตรมู ากกวา่ มติ รซะอกี ”
พูดจบชายหนมุ่ ก็ถอนหายใจออกมาเฮอื กใหญ่
“ถ้าแกมีความพยายามก็จะประสบความสำ�เร็จ ท่ีฉันเก่งก็เพราะ
ความพยายามหรอกนะ”
“ฉนั พยายามแลว้ นะ ใครจะไปสคู้ นเกง่ ทไ่ี ดท้ หี่ นงึ่ ตลอดอยา่ งนายได”้
หญงิ สาวพดู
“แกไม่พยายามมากพอ ไม่จำ�เป็นต้องเอาท่ีหน่ึงก็ได้ เพราะอะไร
ท่เี กนิ ตวั มากไปก็ไมค่ วรท�ำ แกต้องรจู้ กั ประมาณตน” ชายหนุ่มบอกหญงิ สาว
เพราะกว่าที่เขาจะประสบความสำ�เรจ็ นั้นไมใ่ ช่เร่อื งง่าย ต้องพยายาม
อยู่หลายคร้ังเพื่อผลการเรียนที่ตนอยากได้ สู้เท่าท่ีเขาจะทำ�ได้ด้วยความต้ังใจ
และมุ่งม่ันข้ึนเร่ือย ๆ ไม่ท้อถอย เพราะถ้าหากวันไหนท่ีเราหยุดความตั้งใจ
แผลเปน็ คำ�พดู : เตมิ ศิริ มีพร 19
ของตัวเองและคิดว่าเราเก่งหรือทำ�ได้ดีแล้ว ก็อาจมีคนที่เขาพยายามกว่าเรา
ตงั้ ใจกว่าเรา และแนน่ อนว่าเขาตอ้ งเก่งกว่าเรา เพราะการไมห่ ยดุ ทจ่ี ะพยายาม
ทำ�ไปเรื่อย ๆ ไม่มีส้ินสุด จะนำ�ความสำ�เร็จมาให้มากกว่าคนที่พยายามเพียง
ครั้งเดยี ว
“ฉนั เองกอ็ ยากเปน็ แคห่ ลกั กโิ ลเตยี้ ๆ เหมอื นแกนะ เพราะวา่ เสาไฟฟา้
ถา้ หากมพี ายพุ ดั โหมกระหนา่ํ เขา้ มามนั กห็ กั หรอื ไมก่ ล็ ม้ ลงสพู่ น้ื ดนิ แตห่ ลกั กโิ ล
นีส่ ิ ไม่เปน็ อะไรเลย ปลอดภยั กว่าเยอะ”
“นายจะบอกว่ายิ่งอยูส่ ูงก็ยิง่ อนั ตรายใช่หรอื เปล่า”
ชายหนุม่ ยงั ไม่ตอบค�ำ ถาม แตก่ ลบั ส่งย้มิ ใหเ้ ธอแล้วพูดว่า
“ไม่มีใครเขาอยากให้เราดีกว่าเขาหรอกนะ” ในโลกใบน้ีเราทุกคน
ก็อยากจะเป็นคนท่ีสมบูรณ์แบบท่ีสุดกันท้ังน้ัน ไม่มีใครอยากเห็นเราโดดเด่น
กวา่ เขาหรอก
“อย่าทำ�ตัวเด่นจะเป็นภัย” หญิงสาวพูดเสริมพร้อมกับมอบรอยยิ้ม
ท่จี รงิ ใจให้กบั ชายหนมุ่ รอยยมิ้ ที่มอบให้กนั ตา่ งกเ็ ปน็ กำ�ลังใจของกนั และกนั
“รอยยม้ิ ของนายเปน็ ก�ำ ลงั ใจและกเ็ ปน็ แรงผลกั ดนั ของฉนั ใหต้ งั้ ใจเรยี น
เลยนะ” หญงิ สาวพดู
“แกกอ็ ยา่ ไปสนใจค�ำ พดู แย่ ๆ ของคนทไ่ี มห่ วงั ดกี บั แกนกั เลย มาสนใจ
คำ�พูดดี ๆ จากคนท่เี ขาหวงั ดกี ับแกดีกวา่ ถึงแมจ้ ะมีกคี่ �ำ พูดค�ำ จาทท่ี �ำ ลายแก
แกก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ อดทนและพยายามเอาความโกรธ เกลียด แค้น
และเสียใจมาพฒั นาตวั เองดกี วา่ ”
ชายหนมุ่ นน้ั กไ็ มร่ วู้ า่ คนอนื่ คดิ ยงั ไงกบั คนทชี่ อบพดู จาใหค้ นทดี่ อ้ ยกวา่
เจบ็ ปวดกับคำ�พูดแย่ ๆ แต่ส�ำ หรบั เขาแลว้ เขาคดิ ว่าค�ำ ดูถูกเป็นส่งิ ท่ีท�ำ ใหเ้ ขา
มกี �ำ ลงั ใจ ส�ำ หรบั คนสว่ นใหญก่ ค็ งเหน็ วา่ ค�ำ ดถู กู เปน็ สงิ่ ทเี่ ราไมค่ วรจะได้ เราควร
20 ขอโทษครับ ขอบคุณค่ะ
จะได้รบั คำ�ชมมากกวา่ ทีช่ ายหนมุ่ เห็นวา่ ค�ำ ดถู กู เป็นกำ�ลงั ใจกเ็ พราะเขาไม่เคย
ได้รับคำ�ชมจากคนรอบ ๆ ตัวสักเท่าไร พวกเพื่อน ๆ พอเห็นว่าเขาเรียนเก่ง
ตา่ งกค็ ดิ วา่ เขาประสบความส�ำ เรจ็ เพราะฐานะดี มคี รอบครวั ทด่ี ี ทง้ั ทม่ี นั เปน็ สงิ่ ที่
ทรมาน เพราะเขาต้องพยายามอย่างมากเพ่ือผลการเรียนท่ีดี แต่คนอื่นกลับ
คิดแบบน้ัน ถึงอย่างไรแล้วเขาเองก็เป็นคนท่ีรู้ทุกอย่างท้ังหมดว่า ตัวเอง
ท�ำ อะไรบา้ ง จะโกหกใคร มคี นเดยี วทเี่ ขาโกหกไมไ่ ดก้ ค็ อื ตวั เขาเอง และตวั เขาเอง
นนั่ แหละทจ่ี ะอยกู่ บั เขาเสมอ เพราะเขารวู้ า่ ไมม่ ใี ครสามารถอยกู่ บั เขาไดต้ ลอด
ถึงแมใ้ ครจะไมเ่ ชอื่ ม่ันในตัวเขา เขาก็ต้องเชอ่ื ม่ันในตัวเอง
“จะว่าไปในสังคมของเราสวมหน้ากากให้กันอยู่เยอะนะ นายคิด
เหมือนฉนั ไหม”
“ใช่ คนเรามักสวมหน้ากากให้กับตัวเองท้ังน้ัน แต่ถ้าเป็นหน้ากาก
เปอ้ื นรอยยม้ิ แบบแกคงมนี อ้ ยนะ สว่ นใหญก่ ค็ งเปน็ หนา้ กากคนดแี หละทมี่ เี ยอะ
ในสงั คมของเรา”
“หนา้ กากเปอื้ นรอยยมิ้ แบบฉนั เหรอ… คงไมไ่ ดม้ แี คฉ่ นั ทสี่ วมมนั หรอก
ฉันว่านายเองก็สวมมันอยู่นะ” บางคนท่ีดูมีความสุขความจริงก็อาจจะไม่มี
ความสขุ เลยก็ได้
“ฉันมีความสุขดแี ลว้ และหน้ากากนัน้ ฉนั ก็ทำ�มนั แตกแล้วละ่ ”
“ดจี ังเลยนะทนี่ ายมีความสุข”
หญงิ สาวยม้ิ ใหช้ ายหนุม่ ก่อนพูด
“แตฉ่ นั …ไมม่ คี วามสขุ เลย…ไมม่ เี ลย…ฉนั อยากรจู้ กั วา่ ความสขุ มนั เปน็
ยังไงบ้างจัง”
หญิงสาวน้ันเป็นมนุษย์บนโลกคนหนึ่งที่อยากจะมีความสุขเหมือน
คนอ่ืนเขา และอยากดำ�เนินชีวิตอย่างราบรื่น ไม่มีอุปสรรคใด ๆ มาขัดขวาง
แต่ทว่าเหมอื นกบั พระเจ้าก�ำ ลงั เลน่ ตลกกับชีวติ ของเธอ
แผลเป็นค�ำ พูด : เตมิ ศริ ิ มีพร 21
“พระเจา้ ทา่ นทรงก�ำ ลงั คดิ จะท�ำ อะไรกบั ชวี ติ ของฉนั กนั นะ ท�ำ ไมชวี ติ
ในแต่ละวันของฉันมันผ่านไปยากอย่างนี้ คนที่คอยทำ�ลายชีวิตฉันเขาก็ดูจะมี
ความสุขมากด้วย ลูกกำ�ลังถูกท่านลงโทษใช่หรือเปล่าคะ?” เธอพูดในขณะที่
ดวงตาของเธอแดงกา่ํ และมนี า้ํ ตาทพ่ี รอ้ มจะไหลออกมาจากดวงตานอ้ ย ๆ ของเธอ
“พระเจ้าท่านไม่ได้ลงโทษแก แกต่างหากท่ีกำ�ลังจะลงโทษตัวเอง
สำ�หรับฉัน พระเจ้าคือผู้สร้างมนุษย์ พระองค์ไม่มีวันทำ�ลายส่ิงท่ีตัวเองสร้าง
หรอกนะ จะท�ำ แบบนน้ั ใหเ้ สยี เวลาไปท�ำ ไมกัน”
“ลงโทษตวั เอง…ฉนั ลงโทษตัวเองเหรอ”
“แกเป็นคนที่ใส่ใจคำ�พูดแย่ ๆ น่ันมากเกินไป ข้อดีของแกมี
ตงั้ เยอะแยะนะ ฉนั จะบอกให้”
“แต่ฉันไม่เคยเห็นข้อดีของตัวเองเลยนะ” หญิงสาวทำ�หน้าสงสัย
ก่อนจะจอ้ งมองไปท่ีชายหนุ่ม
“ฉันเหน็ แต่ขอ้ ดขี องนาย นายมมี นั เยอะซะดว้ ยสิ”
“ข้อดีของแกก็คือ…แกเป็นความสุข...ของฉัน” คำ�พูดของชายหนุ่ม
ท�ำ ใหห้ ญงิ สาวท�ำ ตวั ไม่ถูกด้วยความเขินอาย
“น่ีนายคิดอะไรกับฉันหรือเปล่าเนี่ย เย็นแล้วฉันกลับบ้านก่อนนะ
แล้วเจอกนั นะคะคุณเพอ่ื น”
หญงิ สาวยิม้ และหวั เราะออกมาด้วยความสขุ ใจ
“แกร้จู กั มนั แล้ว” ชายหนมุ่ พดู
“เธอคงเป็นคนทีต่ ้องการความสขุ มาก ๆ เลยสนิ ะ”
หญงิ สาวเดนิ ทางกลบั บา้ นมาดว้ ยความเหนอ่ื ยลา้ พรอ้ มกบั ค�ำ ดถู กู ดแู คลน
“แหม คนหน้าผีแบบเธอยังมีอยู่บนโลกด้วยเหรอ ไม่อายบ้าง
หรือไงกันนะ ถ้าเป็นฉันจะตาย ๆ ไปซะ ไม่อยู่ให้ใครเขาดูถูกหรอกนะหนู”
22 ขอโทษครบั ขอบคณุ คะ่
หญงิ วยั กลางคนพดู ขึ้นพรอ้ มกบั มองมาทีเ่ ธอด้วยสายตาแปลก ๆ เชน่ เดียวกับ
คนอ่ืน ๆ ที่เริ่มหันมามองเธอเพราะคำ�พูดของหญิงวัยกลางคน เธอเงียบไป
สักพกั ก่อนจะตอบกลับหญงิ วัยกลางคนไปวา่
“แหมป้าคะ...ก็ไม่เห็นมีใครสักคนดูถูกหนูเลยนี่คะ นอกจากป้า…
คนอ่นื เขากอ็ ยเู่ ฉย ๆ ไม่ได้พูดอะไร แผลเปน็ หนูมนั ท�ำ ใหป้ า้ อายแทนขนาดนน้ั
เลยเหรอคะ…แต่ก็ขอบคณุ ที่เปน็ หว่ งนะคะปา้ ”
เมื่อพูดจบหญงิ สาวก็เดนิ จากผ้หู ญงิ วยั กลางคนไป
“รจู้ กั ความรสู้ กึ นแ้ี ลว้ สนิ ะครบั …แตค่ นทถ่ี กู ดถู กู เจบ็ กวา่ นเี้ ปน็ สบิ เทา่
นะป้า”
น่ีเป็นคำ�พูดของชายหนุ่มเพ่ือนสนิทของหญิงสาว ที่คอยจับตาดูเธอ
ดว้ ยความเปน็ ห่วง
“ระวังคำ�พูดหน่อยนะครับ บางคนเติบโตได้เพราะคำ�ดูถูก…แต่อีก
หลายคนก็จบชีวิตลงเพราะคำ�ดถู กู เหมอื นกัน”
“ไม่ต้องมาสอนฉนั …เธอมันก็แค่เด็กเม่ือวานซืน”
“ขอโทษครับ…ก็อย่างท่ีผมพูดเม่ือสักครู่นี้นะครับ ถ้าหากว่าเธอ
จบชีวิตลงเพราะคำ�พูดของป้า น่ันก็เท่ากับว่าป้าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
ของเธอเลยนะครบั ”
“สาเหตุการเสียชีวิตอะไรกัน…ไร้สาระ ใครเขาจะโง่ฆ่าตัวตาย…
ตลกแล้วไอห้ น…ู ก็แค่แนะนำ�เดก็ นนั่ นดิ หนอ่ ย …อกี อยา่ งถา้ เด็กนนั่ ตาย ต�ำ รวจ
ก็ไมจ่ ับฉนั หรอก”
“เห็นความตายเป็นเร่ืองตลกสินะครับ…ถึงตำ�รวจไม่จับ…แต่ป้า
ก็น่าจะถูกประชาชนประณามไม่น้อยเลยนะครับ ป้าครับ…กรุณาใส่ใจคำ�พูด
ของตวั เองหนอ่ ย กอ่ นจะพูดก็คิดไตรต่ รองให้ดี มีมารยาท และก็นึกถึงใจคนฟงั
ดว้ ยกจ็ ะดนี ะครบั ”
แผลเปน็ ค�ำ พดู : เติมศิริ มีพร 23
หญิงวยั กลางคนได้แต่เงยี บ ในขณะท่ีตอนน้ี มีสายตาหลายค่จู ้องมอง
มาทเี่ ธอและชายหนุ่ม
“การดถู กู คนอ่ืนมนั ไมไ่ ด้ท�ำ ใหค้ ุณดูสงู ขน้ึ ในทางกลบั กันมนั กลบั เป็น
สิง่ ท่บี ่งบอกว่าก�ำ พดื ของคุณเป็นแบบไหน ผมเป็นหว่ งนะครบั ไม่อยากใหป้ ้า…
เป็นฆาตกร”
เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็เดินจากหญิงวัยกลางคนไป ก่อนจะเดินตาม
ไปหาเพือ่ นสนทิ คนเดียวของเขา
“แขง็ แกรง่ ขนึ้ แลว้ นะแก”
“ด่าป้าแลว้ ฉันรู้สกึ ผิดมากเลยนะ”
ถ้าปา้ ผู้หญงิ คนน้ันคิดได้แบบเธอกค็ งจะดี
“เป็นการด่าที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอก แต่ฉันก็ไม่ได้สนับสนุนให้แก
ไปดา่ ใครนะ!!”
“รู้ค่ะ!!...พวกเขาชอบสร้างแผลให้ฉันจังเลยนะ แค่แผลเป็นบนหน้า
ทม่ี มี ันก็แย่พอแล้ว”
“สู้ ๆ นะ แกยงั มีฉันทอ่ี ย่ขู ้าง ๆ แกนะ อย่าลมื สิว่าฉันเป็นเสาไฟฟา้ …
เสาไฟฟา้ ที่ยนื ตน้ เคยี งขา้ งกับหลักกิโลไง”
“นายเสาไฟฟ้ากับยายหลักกโิ ล”
ท้ังคพู่ ดู พร้อมกนั
“ฉนั มีความสุขจัง ความสุขของฉนั ก็คอื นายเช่นกนั นะ” ท้งั คยู่ ้ิมให้กนั
“ไป…กลบั บ้านกันเถอะครับคณุ หลักกโิ ล เดย๋ี วไปส่ง”
“คะ่ …คณุ เสาไฟฟ้า”
24 ขอโทษครับ ขอบคณุ ค่ะ
ทุกอย่างบนโลกใบน้ีล้วนมีท้ังข้อดีและข้อเสีย ก็เหมือนกับคำ�พูด
ที่สามารถสร้างทั้งความสุขและความทุกข์ได้โดยอยู่ในการควบคุมของมนุษย์
คำ�พูดบางคำ�ที่สร้างความสุขให้กับคนฟังก็ถือเป็นเร่ืองที่ดี แต่คำ�พูดแย่ ๆ
ท่ีทำ�ให้คนอ่ืนเจ็บปวดและสิ้นหวัง มันอาจเป็นแค่ความสนุกปากของคนพูด
หรอื อาจพดู โดยไมค่ ดิ อะไร แตม่ นั จะฝงั ลกึ อยใู่ นความทรงจ�ำ ของคนฟงั และค�ำ พดู
ค�ำ จาของเราน้ันก็ยังแสดงถึงอะไรหลาย ๆ อย่างในตัวเรา มีมารยาทในการพูด
สักนิดเพื่อความสุขของคนในสังคม เพราะมันจะไม่สร้าง ‘แผลเป็นคำ�พูด’
ข้นึ มาใหค้ นฟงั เจ็บปวดอีก…
แผลเปน็ ค�ำ พูด : เติมศิริ มพี ร 25
ชมพอกบั พอ่
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
วชริ า ประลังการ
“สวสั ดคี ะ พอ ” ฉนั พดู พรอ มกบั ยกมอื ไหวพ อ ทกุ ครงั้ กอ นจะไปโรงเรยี น
“อาว! ลูกจะไปโรงเรียนแลวเหรอ เพ่ิงจะหกโมงครึ่งเองนะ”
พอถามดวยน้ําเสียงแผวเบาแฝงดวยความรักและเมตตา “กลองขาวกลางวัน
ลืมหรอื เปลาลูก”
“ไมลืมคะพอ หนูเอาใสกระเปาแลว วันน้ีหนูเปนหัวหนาเวรหอง
ตอ งไปโรงเรยี นแตเ ชา หนอ ยคะ หนไู ปละ นะ พอ ” ฉนั จงู จกั รยานคใู จจากใตถ นุ บา น
ไปทถ่ี นนหนา บา น แลว ข่ีจักรยานไปโรงเรยี นทนั ที
ครอบครัวของฉันมีกันสองคน พอเปนลูกจางอยู อบต. ใกลบาน
เสารอ าทติ ยจ ะเขา สวนไปดแู ลผลไม เชน มะมว ง มะปราง ลนิ้ จี่ ลาํ ไย กลว ยหอม
กลวยนํ้าวา ฯลฯ พอ เปน คนขยัน แตแมก ็หยา กับพอ และไปทาํ งานที่กรุงเทพฯ
เกือบ ๕ ปแลว ฉันกับแมยังติดตอกันและฉันก็ไดคุยกับแมทางโทรศัพทเสมอ
อาทิตยละ ๒-๓ คร้ัง วันเกิดของฉันแมก็จะโทรมาอวยพรและถามวา
อยากไดอะไร แมกจ็ ะสงของขวัญมาใหฉันทุกป ปนี้ฉนั ขอรองเทา ผาใบยี่หอ ดัง
จากแม จะไดใสวิ่งและใสไปเที่ยว แมใจดีกับฉันเสมอ ฉันไมกลาถามพอ
หรือแมวาทําไมตองหยากัน พอกับแมคงมีเหตุผล ฉันเปนลูกไมควรกาวกาย
เรอ่ื งของผใู หญแ่ ละฉนั ไมอ ยากรดู้ ว ย ฉนั คดิ อยเู สมอวา ฉนั กย็ งั คงมแี มม พี อ เหมอื น
ครอบครัวคนอื่น เพียงแตแมไมไดอยูบานดวยกันเทานั้นเอง ฉันไมเคยคิดวา
ตวั เองขาดความรกั ความอบอนุ เลย พอ ทาํ หนา ทที่ ง้ั พอ และแมไ ดอ ยา งยอดเยยี่ ม
บางครง้ั พอยังเปน เหมอื นเพื่อนอกี ดวย
ชมพอกบั พอ่ : วชิรา ประลงั การ 27
เมื่อโรงเรียนเลิกแลว ฉันก็รีบกลับบานและทําการบานทันที
เพราะจะไดมีเวลาชวยพอทํากับขาว วันน้ีพอทําแกงจืดฟกและผัดผักกูด
ฉันชวยเด็ดผักกูดใสกะละมังใบยอม ๆ พอผัดผักกูดไฟแดงอรอยมาก เม่ือฉัน
และพอกินอาหารเสร็จแลว ฉันทําหนาที่ลางถวยจาน สวนพอเช็ดโตะกินขาว
แลวจงึ พากนั ไปดูโทรทศั นซึ่งเปน็ ละครเรอื่ งหนงึ่ ในเร่อื งตวั ละครที่เปน นางรา ย
พดู จาใสร า ยนางเอก และยังเอานาํ้ ในแกว ราดหัวนางเอกดวย
“พอคะ ทําไมนางรายตองเอานํ้าราดหัวนางเอกดวยคะ มันเปน
การกระทาํ ทีไ่ มด ีใชไหมคะ” ฉนั ถาม
“ใช่แลวลกู คนไทยไมท าํ อยางนห้ี รอก นี่มันเปน ละคร คงเลยี นแบบ
จากหนังฝรัง่ ” พอ ตอบ
“พอ คะ ท่เี ขาดาวา อไี พร อสี ถุล หมายความวายงั ไงคะ” ฉันถามอีก
“ออ มันเปนคําดาท่ีคนสมัยโบราณใชดากัน เชน บานเจานายที่มี
ขา ทาสบรวิ ารเยอะ กม็ กั จะดา ทาสวา อีไพร อสี ถุล เม่อื กอนคาํ วา อี ไมถ อื วา
เปนคําหยาบ ใชเรยี กผูห ญงิ เชน อีแยม อีแปน อพี วง สว นคาํ วา ไพร กห็ มายถึง
ขา ทาสนน่ั ละ แตป จจุบันนี้ คําวา อี ถือวาเปน คาํ ไมส ุภาพไมใ ชเรียกกนั หากมี
ใครมาเรียกลูกวา อชี มพอ ลกู จะชอบไหม” พอถาม
“ไมชอบคะ หนูไมชอบใหเ รยี กหนูวา อี” ฉนั รีบตอบทนั ที
พอยิ้มแลวบอกวา “ลูกก็ตองไมเรียกเพ่ือนหรือคนอ่ืน ๆ วา อี
เชนกนั นะ”
พอไลฉันไปอาบนํ้าและเตรียมตัวเขานอนไดแลว ระหวางฉันอาบนํ้า
ฉนั คิดวาพรุงน้ฉี นั จะไปบอกเพ่ือน ๆ วา หา มเรียก อี ใส่กัน
เชาวันรุงข้ึนฉันตื่นนอนตีหาคร่ึงและไปตลาดกับพอ ฉันไดยินแมคา
คนหนึ่งดาลูกจางดวยถอยคําหยาบคาย “อีโง สอนก่ีคร้ังไมเคยจํา โงอยางนี้
มงึ ไมต อ งกนิ ขา วนะ วนั นไ้ี มต อ งแดก” ฉนั แอบมอง เหน็ ลกู จา งนา้ํ ตาไหล และเอา
ชายเสื้อของเธอยกข้ึนมาเช็ดน้ําตา สวนแมคาเมื่อดาลูกจางแลวก็หันไป
ขายของตอ ปากของแมคาก็รองเรียกเชิญชวนทักทายลูกคาดวยน้ําเสียง
28 ขอโทษครับ ขอบคณุ ค่ะ
ออนหวานเหมือนไมมีอะไรเกิดข้ึน แมคาคนน้ีดูเหมือนเปนนางรายในละคร
ยงั ไงยงั ง้ัน แตน ค่ี ือเร่อื งจริงไมใ ชละคร ฉนั รูสึกสงสารลูกจา งคนนั้นมาก
เมื่อกลับมาบาน ฉันรีบถามพอทันที “พอไดยินแมคาคนนั้นดา
ลกู จางไหม หนูไมช อบเลย สงสารลูกจาง เขารอ งไหด ว ยนะ หนเู ห็น”
“ไดย นิ สลิ กู ดา ดงั ขนาดนนั้ ” พอ ตอบพลางเกบ็ เนอื้ หมู ผกั ไข เขา ตเู ยน็
ฉันเซาซ้ีถามพออีก “พอวาลูกจางคนนั้นจะไดกินขาวไหม แลวกินกับแดก
เหมือนกนั ไหมพอ ”
“อาจจะไดกินหรือไมไดกินก็ไดนะ เพราะเราออกมากอน เราไมเห็น
ตอนจบ แตแมคาคนน้ันพอก็รูจักนะ พอไมเคยไดยินแกดาลูกจางยังง้ีเลย
แกอาจจะเปนพวกปากรายใจดีก็ไดนะ สวนคําวากินกับแดก มีความหมาย
เหมอื นกนั แปลวา กนิ นน่ั ละ แตค าํ วา แดก เปน คาํ ไมส ภุ าพ ไมค วรพดู กบั ใคร ๆ”
พออธบิ าย
“ทาํ ไมพอ คดิ วา แมค า คนนนั้ เปน พวกปากรา ยใจดลี ะ คะ” ฉนั ถามดว ย
ความสงสยั
“พอคิดวาเราตองมองคนใหลึกซ้ึงกอนท่ีจะตัดสินวา คนนั้นไมดี
คนนด้ี ี อยา งแมค า คนนนั้ อาจจะเปน คนดกี ไ็ ดห รอื ไมด กี ไ็ ด เพราะเรายงั รจู กั แมค า
คนน้ันไมลึกซึ้งพอ” พอพูดและสอนฉันอีก “ลูกก็เห็นแบบอยางท่ีไมดีแลวนะ
ลกู อยา ทาํ แบบแมค า คนนน้ั อยา ดา หรอื พดู คาํ หยาบ ไมว า จะพดู กบั เพอ่ื น กบั ครู
หรือกับใคร ๆ ก็ตาม เพราะหากลูกพดู คาํ หยาบบอย ๆ จนเคยชินตดิ เปนนิสยั
เมื่อลูกพูดคาํ หยาบลูกกจ็ ะคดิ วาลูกไมไดพ ูดคําหยาบ ทัง้ ๆ ทมี่ นั เปนคาํ หยาบ
เขา ใจไหมลกู ไป...รบี ไปอาบนา้ํ กนิ ขา ว แลว ไปโรงเรยี นเถอะ” ฉนั พยกั หนา รบั รู
แลวจึงรบี ไปอาบน้าํ เพ่ือจะไดไ ปโรงเรียน
เมื่อฉันข่ีรถจักรยานเขาประตูโรงเรียน ฉันก็จอดรถจักรยาน
แลวประนมมือไหวพระพุทธรูปหนาโรงเรียน แลวจึงยกมือไหวคุณครูเวร
หนาประตู “สวัสดีคะคุณครู” คุณครูยกมือรับไหวและย้ิมใหฉัน ฉันจึงจูง
รถจักรยานไปจอดท่ีโรงรถนักเรียน แลว รีบเดินไปที่หอ งเรยี นของฉนั
ชมพอกบั พอ่ : วชิรา ประลงั การ 29
“ชมพอ วันน้ีเธอมาชากวาเรานะ เรามาเปนคนท่ีหน่ึงของหองละ”
ปอมเพ่ือนของฉันพูดพรอมกับทําทายืดอกวาชนะเลิศ “เชานี้เราไปตลาด
กับพอนะเลยมาชา” ฉันตอบและวางกระเปาลงบนโตะ หยิบกลองอาหาร
กลางวันออกมาใสล้ินชักโตะ “ปอม..ไปทําเวรโซนกวาดใบไมกันดีกวานะ”
ฉนั ชวนไปกวาดใบไมใ นโซนของนกั เรียน ม.๒
เมอ่ื ถงึ เวลาพกั กนิ ขา วกลางวนั ฉนั กบั ปอ มและเพอื่ น ๆ ผหู ญงิ ๓-๔ คน
ตา งกไ็ ปลางมอื ใหส ะอาดแลว มาลอ มวงกินขา วกันทหี่ ลงั หอง ฉนั เลาเร่อื งแมค า
ดา ลูกจางใหเพอ่ื น ๆ ฟง ปอมฟงฉนั เลาแลว ก็พูดวิจารณแมค าจนอาหารทเ่ี คย้ี ว
ในปากกระเดน็ ออกมา เพอื่ นคนอน่ื ๆ พากันหวั เราะ ปอมหนา แดงคงจะอาย
ฉันจึงรีบพูดข้ึนวา “อยาหัวเราะเยาะปอม เวลาที่เราเคี้ยวอาหารในปาก
เราไมควรพูด อาหารมันอาจจะกระเด็นออกมาก็ได ปอมไมใชคนมูมมาม
แตพ ดู เยอะไปหนอ ย อาหารเลยกระเดน็ ออกมา เราเองกเ็ คยพดู ขณะเคย้ี วอาหาร
เศษอาหารก็กระเด็นออกมาเหมือนกัน”
ฉันพดู ตอ อีก “พอ เราสอนวา เวลากินขา วเราตองไมพูดคุยกัน อาหาร
จะไดไมกระเด็นออกมาได มันดูไมสุภาพ แตเราก็พูดเลาเร่ืองแมคาดาลูกจาง
ขณะกนิ ขา ว เรากม็ ารยาทไมด เี หมอื นกนั ” สง่ิ ทฉี่ นั พดู ทาํ ใหป อ มรสู กึ ดขี น้ึ เพอ่ื น ๆ
คนอนื่ หยดุ หัวเราะและชวนคุยเร่ืองอนื่ กัน
เม่ือกินขาวเสร็จ ฉันและเพ่ือน ๆ จะเดินไปซื้อขนมที่รานคา
สหกรณโรงเรียนมากินดวยกัน แบงกันกินจะไดกินหลายอยางเหมือน ๆ กัน
เพอ่ื นคนหน่งึ กาํ ลังเค้ียวขนม พอดจี ามออกมา “ฮัดเชย” ขนมในปากกก็ ระเดน็
ออกมาดวย ทุกคนก็เลยพากันหัวเราะ สวนเพ่ือนอีกคนก็เรอออกมาเปน
กล่ินอาหาร พวกเราก็หัวเราะกันอีก แตท่ีฮามากก็เพราะวามีเสียงตดออกมา
เสียงดัง ไมรูใครตด เทาน้ันละพวกเราวงแตก ทุกคนหัวเราะจนนํ้าตาไหล
กวา จะหยดุ หวั เราะไดก พ็ อดมี ีคณุ ครูทา นหนงึ่ เดินผา นมา พวกเราจงึ ยกมือไหว
และกลาวทักทาย “สวสั ดีคะ คณุ ครู” คณุ ครูจึงถามวา หวั เราะอะไรกัน พวกเรา
30 ขอโทษครบั ขอบคุณคะ่
จึงเลาใหฟง คุณครูจึงสอนพวกเราวา “การกินอาหารรวมกันหลายคนควรมี
ชอนกลาง และตอ งไมพูดคยุ ขณะกนิ ขาว เพราะเศษอาหารจะกระเด็นออกมา
จากปากเวลาพดู คยุ ซงึ่ ถอื เปน็ เรอ่ื งเสยี มารยาทมาก การไอหรอื จามควรหนั หนา
ไปทางอ่ืนและควรมีผาหรือกระดาษทิชชูมาปดปากและจมูกดวย เพ่ือปองกัน
เชื้อโรคท่ีอาจกระเด็นออกมา ซ่ึงเปนการแพรกระจายเช้ือโรคได ที่สําคัญ
เรอ่ื ง “ตดหรอื ผายลม” เปน เรอ่ื งทคี่ วรระมดั ระวงั อยา งยง่ิ เพราะเปน เรอื่ งนา อาย
หากเรารูสึกอยากผายลมเราก็ควรเดินหนีไปทางอ่ืน มิเชนนั้นจะอายเขา
เพราะเสียงดังออกมา ไหนจะกล่ินเหม็นอีกละ เราตองรักษามารยาทใหถูก
กาลเทศะ นักเรียนเขา ใจท่ีครูพูดไหมคะ” พวกเรายกมือไหวค ณุ ครูอกี ครงั้ และ
กลาววา “เขาใจแลวค่ะ ขอบพระคุณนะคะที่คุณครูชวยสอนเร่ืองมารยาท
ในสังคมใหแ กพ วกหน”ู
ฉันกลับถึงบานราวส่ีโมงเย็น พอยังไมกลับจากที่ทํางาน วันน้ีไมมี
การบาน ฉันจึงคิดวาจะถูบานสักหนอยคงจะดี วาแลวฉันก็เอาไมถูพ้ืน
มาเตรยี มไว้ แตฉ นั นกึ ถงึ สง่ิ ทพ่ี อ สอนวา “กอ นถบู า นตอ งกวาดบา นกอ นทกุ ครงั้ ”
ฉันจึงต้ังใจกวาดบาน โดยกวาดหยากไยบนเพดานกอนแลวจึงกวาดที่พื้น
เมื่อกวาดเสร็จฉันก็ใช้ไมถูพ้ืนถูบ้านจนสะอาด พอกลับมาบานพอดี ฉันยกมือ
ไหวพอและพูดวา “สวัสดีคะ พอ ” พอยม้ิ รับ “สวสั ดีจะ ลูกสาวของพอ หนเู ปน
เดก็ ดี ขยัน ชวยแบงเบาภาระพอไดเ ยอะเลย เกงมากลูก บา นสะอาดเลยละ”
ฉนั ย้ิมกวา ง ภูมิใจทพ่ี อ ชมฉนั
ประมาณสองทุมแมโทรมาหา ฉันดีใจมาก ในขณะที่ฉันกำ�ลัง
รับโทรศัพทจากแม “สวัสดีคะ แม” พอก็เดินเลี่ยงออกไปที่ระเบียงนอกบาน
พอ คงไมอ ยากไดย นิ ฉนั คยุ กบั แม แมโ ทรมาพดู คยุ ไถถ ามเรอ่ื งการเรยี น แมถ ามวา
ฉนั อยากไดอ ะไรใหบ้ อกจะซอ้ื สง ไปให แตฉ นั ปฏเิ สธเพราะวา ไมน กึ อยากไดอ ะไร
แมบ อกวา โอนเงนิ เขา บญั ชสี มดุ ธนาคารใหฉ นั แลว ใหฉ นั ไปปรบั สมดุ ธนาคารดว ย
เราคุยกันสักพักแมก็วางสาย ฉันบอกแมวา “สวัสดีคะ แม หนูรักแมนะ”
ฉนั รูส ึกอยากกอดแมข น้ึ มา
ชมพอกับพอ่ : วชริ า ประลงั การ 31
ฉันเดินออกไปที่ระเบียงบานเห็นพอรดนํ้าตนไม “พอรดน้ําตนไม
ตอนกลางคนื ระวงั งูจะกัดนะ”
“ไมมีงหู รอกลกู บา นเรามวี านกนั งเู ขา บาน” พอตอบ
ฉันจึงตัดสินใจถามพอวา “ทําไมเวลาแมโทรมา พอตองเดินหนี
ดว ยละคะ”
ฉันเห็นพอยืนน่ิงปลอยน้ําจากสายยางไหลลงพื้นดิน ฉันโมโหตัวเอง
ที่ไมนาถามพอ พอคงลําบากใจที่จะตอบ สักพักพอก็พูดขึ้นวา “ตามมารยาท
เราไมควรแอบฟงคนอ่ืนเขาสนทนากัน ไมวาจะคุยโทรศัพทหรือคุยเรื่องอื่น ๆ
ก็ตาม พอเห็นลูกคุยกับแม ถึงแมพอไมไดแอบฟงแตพอก็คิดวา พอไมควร
อยูในหองนั้น พอ ก็เลยเดนิ หนอี อกมา ลกู จะไดค ุยกับแมไดอ ยา งสบายใจ”
“ออ ค่ะ” ฉันตอบเบา ๆ
ฉันตื่นแตเชา อาบน้ํา แตงตัวและกินขาวเชา แลวรีบมาโรงเรียน
เพราะวันน้ีเปนวันไหวครู ซึ่งเปนวันสําคัญของนักเรียนทุกคนท่ีจะตองไหวครู
เหมอื นกบั ฝากตวั เปน ศษิ ยท มี่ คี รคู อยสง่ั สอน ไมใ ชศ ษิ ยแ บบครพู กั ลกั จาํ ฉนั กบั
เพอ่ื น ๆ ในหอ งชว ยกนั ตกแตง พานไหวค รู ๒ พาน ฉนั ไดเ ปน ตวั แทนนกั เรยี นหญงิ
ถือพานไหวครูคูกับเพ่ือนนักเรียนชายอีกคน ฉันเตรียมกรวยใสดอกเข็ม
ดอกมะเขือ หญาแพรก และธปู เทียนไหวค รู อีกตา งหาก
โรงเรยี นของฉันเปนโรงเรยี นมัธยมศกึ ษาขนาดเลก็ มีนกั เรียนท้งั หมด
สองรอยกวาคน วันน้ีฉันแตงตัวสะอาดเรียบรอย นักเรียนทุกคนแตงกาย
ดว ยชดุ นกั เรยี นเรยี บรอ ย หากหอ งใดมเี รยี นพลศกึ ษากต็ อ งนาํ ชดุ พละมาเปลยี่ น
ทโ่ี รงเรยี น พิธไี หวค รโู รงเรียนจะจดั ตรงกบั วนั พฤหัสบดีที่ ๒ ของเดือนมิถนุ ายน
เปนประจําทุกป เมื่อวานคุณครูที่สอนสังคมศึกษาไดประกาศเรียกใหนักเรียน
ที่เปนตัวแทนของหองท่ีถือพานไหวครูท้ังชายและหญิง ไปฝกซอมถือพาน
การกราบพระ และการคํานับพระบรมฉายาลักษณในหลวงรัชกาลที่ ๑๐
การเดินเขา การสงพานไหวครู การกราบครู ซ่ึงฉันทําไดเพราะเมื่อปที่แลว
ฉันก็ไดเ ปน ตวั แทนถอื พานไหวค รู
32 ขอโทษครบั ขอบคุณคะ่
พิธีไหวครูประจําปการศึกษาจะจัดท่ีหอประชุมใหญ ดานบนเวที
คุณครูทุกทานสวมเครื่องแบบสีกากีขึ้นไปน่ังบนเกาอ้ีบนเวทีซ่ึงจัดโตะหมูบูชา
มธี งชาติอยทู างดานซา ยมอื และมีพระบรมฉายาลักษณอ ยูดานขวามือ คณุ ครู
ทฝ่ี ก ซอ้ มใหพ วกเราเดนิ ถอื พานคกู นั มาทง้ั ชายหญงิ คณุ ครบู อกวา ใหก ราบพระกอ น
ดังน้ันเมื่อเดินข้ึนบนเวทีใหน่ังลงเพื่อกราบพระท่ีโตะหมูบูชา เปนการกราบ
แบบเบญจางคประดษิ ฐ โดยใหอ วยั วะ ๕ สว น จดลงใหต ดิ กบั พน้ื คอื เขา ทง้ั สอง
ฝา มอื ทง้ั สอง และหนา ผาก เปน การกราบทใ่ี ชส าํ หรบั กราบพระ การกราบแบบนี้
ผูชายใหน ่ังคกุ เขา เรียกวา น่งั ทา พรหมหรอื ทาเทพบตุ ร ผูห ญงิ ใหนง่ั คกุ เขาราบ
คือ นั่งทับฝาเทาท้ังสอง เรียกวา น่ังทาเทพธิดา ประนมมือไหวท่ีหนาอกแลว
ยกมือข้ึนไหวโดยใหหัวแมมืออยูระดับหวางคิ้ว ปลายนิ้วช้ีอยูระดับไรผม
แลว หมอบลง ทอดฝา มอื ไวบ นพน้ื ใหฝ า มอื ทง้ั สองหา งกนั เลก็ นอ ย วางหนา ผาก
ลงจดพ้ืนระหวางฝ่ามือ เม่ือหนาผากถึงพื้นแลวเงยหนา ตั้งตัวตรงแลวเร่ิม
กราบใหมคร้ังท่ีสอง ครั้งท่ีสาม เมื่อกราบพระเสร็จแลวใหยืนขึ้นเพ่ือคํานับ
ธงชาติ และคาํ นบั พระบรมฉายาลกั ษณ จากนั้นใหเ ดนิ เขาประคองพานไหวครู
ไปหาครทู ปี่ รกึ ษาของหอ งฉนั ๒ ทา น แลว ฉนั กบั เพอ่ื นผชู ายกน็ งั่ พบั เพยี บขาซา ย
ทับขาขวา วางพานไหวครูดานขางขวามือ แลวกมกราบคุณครูท้ังสองทาน
๑ ครั้ง โดยไมแบมือ ซึ่งใชมือขวาวางทอดลงกับพ้ืนและมือซายวางทอดแขน
ลงมาประกบมือขวา ซ่ึงมือท้ังสองขางอยูระหวางหัวเขา เม่ือกราบแลวจึงสง
พานไหวครูใหกับคุณครูที่ปรึกษาท้ังสองทาน เมื่อคุณครูรับพานไหวครูแลว
ฉนั กบั เพอ่ื นผชู ายกก็ ราบคณุ ครอู กี ครง้ั โดยไมแ บมอื แลว เดนิ เขา กม หลงั ลงจากเวที
ฉันกับเพื่อนผูชายก็ไดไปฝกซอมพิธีถือพานท่ีหองจริยธรรม โดยฉัน
กับเพื่อนผูชายทําไมผิดข้ันตอน ท้ังกราบพระและไหวครู คุณครูท่ีฝกซอม
จึงอนุญาตใหออกมากอนได เม่ือฉันกลับไปที่หองเรียนก็เห็นเพื่อน ๆ ท้ังชาย
และหญิงชวยกันจัดพานและตกแตงพานไหวครูท้ังสองพานไดอยางสวยงาม
และไมลืมท่ีจะใสดอกมะเขือ ดอกเข็ม และหญาแพรก ซ่ึงเปนสัญลักษณของ
ชมพอกับพ่อ : วชิรา ประลังการ 33
การไหวครู ดอกมะเขือเปนดอกท่ีโนมตํ่าลงมาเสมอ ไมไดเปนดอกที่ชูขึ้น
คนโบราณจงึ กาํ หนดใหเปน ดอกไมสําหรับไหวค รู ไมว า จะเปน ครูดนตรี ครมู วย
ครสู อนหนงั สอื กใ็ หใ ชด อกมะเขอื น้ี เพอ่ื ศษิ ยจ ะไดอ อ นนอ มถอ มตน พรอ มทจ่ี ะเรยี น
วิชาความรูตาง ๆ หญาแพรกเปนหญาที่เจริญงอกงามแพรกระจายพันธุ
ไปไดอยางรวดเร็วมาก หญาแพรก ดอกมะเขือ จึงมีความหมายซอนเรนอยู
คนโบราณจึงถือเอาเป็นเคล็ดวา ถาใชหญาแพรก ดอกมะเขือไหวครูแลว
สตปิ ญ ญาของเดก็ จะเจรญิ งอกงามเหมอื นหญา แพรกบั ดอกมะเขอื สว นดอกเขม็
นน้ั มปี ลายแหลม สติปญ ญาจะไดแ หลมคมเหมอื นดอกเข็ม และก็อาจเปนไดว า
เกสรดอกเข็มมีรสหวาน การใชดอกเข็มไหวครู วิชาความรูจะใหประโยชนกับ
ชวี ิต ทําใหช ีวิตมีความสดชื่นเหมือนรสหวานของดอกเข็ม
พธิ ีไหวค รูเสรจ็ ส้นิ เม่อื เวลา ๑๐.๓๐ น. คุณครจู ึงประกาศใหน กั เรียน
ทกุ คนไดพ ักผอ น และจะเริม่ เรยี นในคาบเรียนท่ี ๔ เวลา ๑๑.๑๐-๑๒.๐๐ น.
ฉันกับเพ่ือน ๆ ผูหญิงนัดกันไววาจะไปกราบครูทานอ่ืน ๆ ท่ีเปนครูสอน
พวกเราคุณครูหลายทานรับการไหวครูของพวกเราและอวยพรใหพวกเราดวย
ฉันรสู กึ สขุ ใจบอกไมถ กู
เม่ือเลิกเรียนฉันรีบกลับบานเพื่อเตรียมหาดอกเข็ม ดอกมะเขือ
หญา แพรก สาํ หรบั ไหวพ อ ของฉนั เพราะพอ ของฉนั เปรยี บเปน ครคู นแรกทคี่ อย
สงั่ สอนฉนั ทง้ั ใหค วามรแู ละคณุ ธรรม พอ สอนฉนั อา นหนงั สอื สอนฉนั ทาํ การบา น
สอนใหฉันมีกิริยามารยาทที่ดีในการใชชีวิต ฉันรอพอเลิกงานดวยใจจดจอ
เมื่อไหรพ่ อ จะมาถึงบาน เมอ่ื พอ ขร่ี ถจักรยานยนตเขาประตรู วั้ มาแลว ทตี่ ะกรา
หนา รถฉนั เหน็ ทเุ รยี น ซงึ่ เปน ผลไมโ ปรดของฉนั และกบั ขา ว ๒-๓ อยา งทพี่ อ ซอ้ื มา
ฉนั ลงบนั ไดรบี เดนิ ไปหาพอ เพอื่ ชว ยถอื ของ “วนั นพ้ี อ ซอ้ื ทเุ รยี นมาใหล กู ดว ยนะ”
พอพดู
“สวสั ดคี ะ พอ พอ ซอื้ ของมาเยอะเลย มที เุ รยี นดว ย มนั ราคาแพงไหมพอ ”
ฉันยกมอื ไหวและถาม
34 ขอโทษครับ ขอบคุณคะ่
“ไมแพงเทาไหร่ พอดีคนขายทุเรียนเปนเพื่อนพอสมัยเรียนมัธยม
ดว ยกนั พอ จาํ เพอ่ื นแทบไมไ ด เขาอว นขนึ้ มาก แตเ พอ่ื นพอ จาํ ได เขาเรยี กชอื่ พอ
และกระโดดเขามาจับมือพอ พอจึงจําเพ่ือนได เราก็เลยไดคุยกันถามไถ
สารทุกขส กุ ดิบกัน เพอ่ื นพอ เขาไมทํางานที่กรุงเทพฯ แลว เขาอพยพครอบครวั
กลับมาอยูบาน และคาขายผลไมตามฤดูกาลโดยใชรถกระบะวิ่งขายผลไม
ไปเร่ือย ๆ เพ่ือนพอเขาแนะนําภรรยาของเขาใหมารูจักกับพอ เวลาซ้ือผลไม
จะไดล ดราคาใหพ อ เพอื่ นพอ เขามลี กู ๓ คน ลกู คนโตเขาคงจะมอี ายไุ ลเ ลย่ี กบั ลกู
นลี่ ะ ” พอ เลาเร่อื งเพ่อื นพอ ใหฉันฟง ดวยนํ้าเสยี งมคี วามสขุ
ฉันจูงแขนพอมานั่งท่ีเกาอ้ี พอทําทางง ๆ ฉันจึงหยิบกรวยไหวครู
ทเี่ ตรยี มไวม าวางบนตกั แลว ฉนั กก็ ม กราบทเ่ี ทา พอ แลว สง กรวยใหพ อ เมอ่ื พอ รบั
กรวยจากฉัน ฉนั กก็ ราบอีกคร้งั พอฉนั เงยหนาขนึ้ มาเห็นพอตาแดง ๆ แลว พอ
ก็อวยพรใหฉันมากมายจนฉันจําไมได รูแตวาเปนคําอวยพรท่ีดีเปนมงคลแก
ชีวิตฉัน ฉันย้ิมหนาบาน พอยิ้มตอบใหฉัน ฉันคิดไปวาถามีแมอยูดวยคงจะ
อบอุนกวา นี้ แตต อนน้ฉี ันก็อบอุนใจมคี วามสขุ แลว นีน่ า
“พอขา กนิ ทเุ รียนกันเถอะคะ หนูอยากกนิ แลว” ฉันบอกพอ
ในขณะที่ฉันจองมองพอแกะทุเรียน ไมรูอะไรมาดลใจทําใหฉันพูด
ออกไป “ถา แมก ลบั มาอยดู ว ย พอ จะใหแ มม าอยกู บั เราไหม” พอ หยดุ แกะทเุ รยี น
แลวมองหนาฉัน “พอจะไปวาอะไรได บานน้กี ็เปน บา นของแมเ หมอื นกัน”
“หนนู กึ วา พอ เกลยี ดแม ไมอ ยากใหแ มม าอยดู ว ยซะอกี ” ฉนั พดู ออ มแอม
พอยม้ิ แลวพดู วา “ไมไดเกลยี ดแตกไ็ มไ ดห มายความวารกั นะ” ฉนั งง
กบั คําตอบของพอ จรงิ ๆ
“ทเุ รยี นนกี่ รอบนอกนมุ ในนะ” พอ พดู แลว สง ใหฉ นั พหู นงึ่ ฉนั รบั ทเุ รยี น
จากพอพรอมบอกวา “ขอบคณุ คะ ” ฉันอา ปากกินทุเรยี นอยางมคี วามสขุ
ชมพอกบั พ่อ : วชริ า ประลังการ 35
อยใู่ นนทิ รา
รางวลั รองชนะเลศิ อันดับ ๒
ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น
วานุ
คืนนี้ฝนตกและเป็นวันเกิดของใครบางคนที่กำ�ลังนั่งเหม่อลอย
เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง ฉันทอดสายตาดูบรรยากาศสายฝนโปรยปราย
อยู่ด้านนอก สายลมพัดผ่านช่องประตูที่เปิดแง้มไว้ ความหนาวจึงได้คืบคลาน
เข้ามากระทบผวิ ฉนั พลนั ใหเ้ กิดความรู้สกึ คดิ ถงึ ใครหลาย ๆ คน ที่เคยไดอ้ าศยั
อยูร่ ว่ มกนั ทน่ี ี่ ชาวบา้ นในละแวกนี้ต่างปดิ ประตบู า้ นเงยี บสงดั มีเพียงเสียงกบ
จ้ิงหรีด และสัตว์เล็กสัตว์น้อย ได้ร่วมใจกันบรรเลงดนตรีแห่งธรรมชาติที่เรา
คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหล่าสัตว์นานาพันธุ์พากันร้องประสานเสียงกัน
ระเบ็งเซ็งแซ่แข่งกับเสียงฝนท่ีตกลงมาไม่ขาดสาย ไฟนอกบ้านยังสว่างพอจะ
มองเห็นกลุ่มคนที่กำ�ลังว่ิงตากฝน บ้างก็แวะอาศัยชายคาบ้านคนอ่ืนหลบฝน
ใต้ชายคาบ้านฉันพอมีที่เล็ก ๆ สำ�หรับบางคน พวกเขาตากฝนมาเปียกปอน
ไปทงั้ ตวั และอยใู่ นอาการตัวส่ัน เพราะนํา้ ฝนและอากาศที่หนาวเยน็
เสยี งฝนตกและเสยี งฟา้ รอ้ งเรม่ิ เบาลง แตเ่ สยี งกบยงั คงรอ้ งดงั อยเู่ รอ่ื ย ๆ
“ไปนอนได้แล้ว” แม่เดินมาสะกิดฉันท่ีกำ�ลังน่ังพิงฝาข้างประตูบ้าน ท่ีจริง
แม่ไม่อยากมาขัดจังหวะฉัน ขณะที่ฉันกำ�ลังอยู่ในภวังค์แห่งความสุขที่ได้รับ
การสง่ มอบจากธรรมชาติ ทวา่ ดเู หมอื นทา่ นเปน็ หว่ งฉนั มากกวา่ “ยงั ไมง่ ว่ งคะ่ ”
ฉันตอบแบบไม่ได้สนใจแม่นัก ฉันสนใจฝนที่ตกอยู่ตรงหน้าประตูมากกว่า
แม่ค่อย ๆ หย่อนตัวลงน่ังข้าง ๆ ฉัน แม่ทอดสายตามองแสงไฟ และสายฝน
ท่ีต่อแถวกนั เป็นสายหลน่ ลงสพู่ นื้ ดนิ
ฉันและแม่ต่างน่ังเงียบกันอยู่ครู่หนึ่ง “คิดถึงยายไหม” แม่เร่ิมมาคุย
กบั ฉันอีกคร้ัง “กเ็ กอื บทกุ คนื ค่ะ แม”่ ฉันตอบแม่อยา่ งหงอย ๆ แม่มองมาทฉี่ ัน
อยู่ในนิทรา : วานุ 37
เหมือนอยากรูค้ วามรูส้ ึกของฉนั ตอนนี้ “เปน็ ยังไงบ้างทโี่ รงเรียน” ฉนั คิดวา่ แม่
อยากรู้ว่าฉันเรียนได้ไหม “ก็พอจะเรียนได้บ้างค่ะ” ฉันตอบแม่อย่างไม่เต็มใจ
ตอบสักเท่าไหร่ บางครั้งฉันก็ต้องฝืนความรู้สึกตัวเองตอบเพ่ือให้แม่สบายใจ
ในบางคำ�ถาม ฉันค่อย ๆ โน้มตัวลงนอนหนุนตัก แม่ลูบหัวฉันเบา ๆ
“แล้วเพื่อน ๆ ล่ะ” เหมือนแม่อยากรู้ว่าฉันมีปัญหากับเพื่อนหรือเปล่า
“เพือ่ นก็ไมม่ ีปญั หาคะ่ แม่” ฉนั ฝืนตอบอีกคร้งั
บนถนนผคู้ นยงั คงเดนิ ไปมาพรอ้ มกบั แสงไฟฉายทส่ี อ่ งน�ำ ทางพวกเขา
แสงจากไฟฉายคาดหัวส่องข้ึนลงเป็นเส้น ๆ ตามแนวทางเดิน ราวกับจะมี
งานสงั สรรคใ์ นคนื น้ี แทท้ จี่ รงิ คอื วถิ ชี วี ติ ของชาวบา้ นทจ่ี ะมาหาอาหารเลย้ี งชพี
ตนและครอบครวั นน่ั คอื การนดั รวมพลของเหลา่ มอื จบั กบและองึ่ ทจี่ ะมาพชิ ติ
ความอยูร่ อดในคนื นี้
“แม่คะ พรงุ่ น.้ี ....” ฉนั ก�ำ ลงั จะเอ่ยอะไรบางอย่าง พร้อมกับเงยหนา้
มองแม่ “เรามีพิธีผูกข้อมือ” แม่พูดแล้วหันไปมองถาดที่ใส่ของมากมาย
วางอยู่บนโตะ๊ ขา้ งหนา้ ต่างทางด้านขวามอื ฉัน “หนูตอ้ งรว่ มดว้ ยไหมคะ” ท่ีจรงิ
ฉนั เหน็ ถาดนน้ั กพ็ อจะเดาออกวา่ จะมงี านอะไรแน่ ๆ แตย่ งั ไมแ่ นใ่ จวา่ คอื งานอะไร
อาจเปน็ เพราะฉนั ไมค่ อ่ ยอยบู่ า้ น จงึ ไมค่ อ่ ยเขา้ ใจประเพณวี ฒั นธรรมของตนเอง
“ตอ้ งส”ิ แมเ่ อย่ หนกั แนน่ “มนั เปน็ ประเพณขี องชาวกะเหรยี่ งอยา่ งเรา” ฉนั มอง
หน้าแม่ สีหน้าดูเหนื่อย ๆ ไม่ค่อยสดชื่น แม่ต้องพูดอะไรมากกว่าน้ีสิ มันคือ
ความรสู้ กึ ของฉนั ตอนนนั้ “พธิ ผี กู ขอ้ มอื เราจะจดั ขน้ึ ในหมบู่ า้ นเปน็ งานประจ�ำ ป”ี
แม่สาธยายให้ฉันฟังเพ่ิม หรือสิ่งท่ีแม่พูดแค่อยากปลูกฝังให้ฉันรักประเพณี
วฒั นธรรมของตนเอง “ไปเรยี นกน็ านแลว้ พอรหู้ รอื ยงั โตขนึ้ หนอู ยากเปน็ อะไร”
“ครมู ้งั ” ฉันก็ตอบแม่เหมอื นทตี่ อบครใู นวชิ าแนะแนว
“ดีเหมอื นกัน” แม่เอย่ เบา ๆ “ท�ำ ไมถึงอยากเป็นครลู ะ่ ” แม่ถามฉัน
เหมอื นแปลกใจ หรอื ไม่ทา่ นอาจจะอยากรจู้ ริง ๆ
“อาชพี ครเู ปน็ อาชพี ทนี่ า่ ยกยอ่ ง หนอู ยากใหค้ วามรเู้ ดก็ ทดี่ อ้ ยโอกาส”
38 ขอโทษครบั ขอบคุณค่ะ
แม่ย้ิมแก้มแทบปริ น่ีเป็นครั้งแรกที่แม่ยิ้มได้ขนาดนี้ หรือว่าคำ�ตอบ
ของฉันมันนา่ ตลก ฉันแอบยิ้มเลก็ ๆ เพื่อให้แม่รูว้ า่ ฉันพอใจในรอยยม้ิ ของทา่ น
“อยากไปหายายไหม เดีย๋ วแม่พาไป” แม่เปลย่ี นเรือ่ งอย่างรวดเรว็ จนฉนั เกือบ
ตามไม่ทนั แต่ฉนั กร็ บี พยักหนา้ “ไปคะ่ ”
แม่อมยิ้ม “แม่ลืมไป ลูกไม่ได้กินผักทอดฝีมือยายนานแล้ว ไปอยู่
โรงเรียนประจำ�ต้ังหลายปี อยู่ในกฎในระเบียบมากมายคงอึดอัดน่าดู จะทำ�
อะไรกต็ อ้ งอยใู่ นความดแู ลของครทู ง้ั หมด แมแ้ ตอ่ าหารการกนิ ยงั เลอื กกนิ ไมไ่ ด”้
แมพ่ ดู เหมอื นร้ดู ี ท้ัง ๆ ทีย่ งั ไมเ่ คยไปโรงเรยี นฉนั และทีส่ ำ�คญั แม่ไมเ่ คยไดเ้ รยี น
หนังสือเหมือนฉัน ทว่าบางครั้งก็อดสงสารไม่ได้ แม่มักจะเอาตัวเองมาเป็น
บทเรยี นใหล้ กู ๆ เสมอ การไมไ่ ดเ้ รยี นหนงั สอื จะท�ำ ใหม้ ชี วี ติ ทลี่ �ำ บาก แมจ่ งึ สง่ ลกู ๆ
เรียนหนังสือครบทุกคน แม่ยินดีที่จะลำ�บากเพื่อให้ลูก ๆ มีชีวิตที่ดีในอนาคต
ถ้าพอ่ ยังอยู่แมค่ งไม่ต้องทำ�งานหนักขนาดน้ี
หากดเู วลาตอนนคี้ งดึกมากแลว้ ฉนั อยากกลับไปเข้านอนแลว้ แต่อีก
ใจหนงึ่ กม็ คี วามสขุ ดีและอยากเก็บความรสู้ ึกดี ๆ ชว่ งเวลาดี ๆ เชน่ น้ไี วน้ าน ๆ
“แม่ง่วงหรือยงั คะ” ฉันถามดเู พ่อื ความแนใ่ จ ถา้ ฉนั ไปนอนก่อน บางทมี ันอาจ
เป็นการปล่อยให้แม่น่ังอยู่คนเดียว ในขณะที่ยังอยากพูดคุยกับฉันอยู่ก็เป็นได้
“คงอีกสักพกั ” แมต่ อบ “ลกู อยากไปหายายเมอื่ ไหรล่ ะ่ แมจ่ ะไดพ้ าไป ลูกอาจ
จำ�ทางไปบ้านยายไม่ได”้ แมพ่ ูดเหมอื นฉันยงั เปน็ เด็กตัวเลก็ ๆ ทไี่ มร่ ูเ้ รอ่ื งอะไร
แต่นัยสำ�คัญในคำ�พูดคือ แม่เป็นห่วงฉันเท่าน้ันเอง “วันหยุดเสาร์-อาทิตย์น้ี
กไ็ ดค้ ะ่ แม”่ ฉนั มองหนา้ แม่ บางครงั้ ฉนั กแ็ อบคดิ วา่ ถา้ ไดอ้ ยใู่ กลแ้ มแ่ บบนที้ กุ วนั
ไดก้ จ็ ะดี จะไดไ้ ม่ตอ้ งไปโรงเรยี น ไมต่ ้องฟังครบู น่ และท่นี ่าเบ่ือทส่ี ุดคอื ผูร้ ู้ ทร่ี ู้
ทุกเรื่องของคนอื่นแต่ไม่เคยรู้เรื่องตัวเอง ผู้ตื่น ที่สอดรู้สอดเห็นเสมือน
ส�ำ นกั ขา่ วไทย ผเู้ บกิ บาน ทร่ี อเหยยี บยาํ่ ผอู้ นื่ ทที่ �ำ ผดิ พลาด ยง่ิ คดิ ยง่ิ สขุ ภาพจติ เสยี
แมน่ ่งิ เงยี บนานฉันเงยหนา้ มองแม่ ในขณะท่ฉี ันหนนุ ตักอยู่ แมม่ องไปท่นี าฬกิ า
เรอื นเกา่ ทแ่ี ขวนไวข้ า้ งฝาบา้ นใกล้ ๆ รปู ของทา่ นและพอ่ ขณะนาฬกิ าก�ำ ลงั สะบดั
อยใู่ นนทิ รา : วานุ 39
เขม็ เวยี นขวาไปเรอื่ ย ๆ สายตาทา่ นไมไ่ ดด้ ทู ต่ี วั เรอื นแตท่ า่ นจอ้ งเขม็ นาฬกิ า เหมอื น
ร�ำ ลกึ ความหลงั อะไรบางอยา่ ง บางทแี มอ่ าจจะอยากหยดุ เวลาไว้ ไมอ่ ยากใหเ้ วลา
ผา่ นไปรวดเรว็ เพราะอาจจะอยากอยกู่ บั ฉนั นาน ๆ กไ็ ด้ “ลกู จะกลบั หอวนั ไหน”
แมห่ ันกลบั มาหาฉนั ก่อนทฉี่ นั จะตอบท่านว่า “คงเปดิ เทอมเลยค่ะ”
“ไมไ่ ดม้ ปี ญั หาอะไรทโี่ รงเรยี นใชไ่ หม” แมจ่ อ้ งหนา้ เขมง็ มาทฉ่ี นั อกี ครงั้
ฉันไมค่ ดิ วา่ ทา่ นจะถามคำ�ถามนี้ แมค่ งอยากรู้จรงิ ๆ เพราะเปน็ คนเลย้ี งดฉู ันมา
ตั้งแตเ่ ล็ก ๆ นา่ จะรู้ใจฉันดที ี่สดุ แลว้ จงึ จับโกหกฉันไดต้ ลอด
“ปัญหาเพียงเล็กน้อยค่ะ” ฉันตอบเพียงเท่าน้ี น่ันคือคำ�โกหกท่ีฉัน
ได้ล่ันมนั ออกมาเปน็ ครง้ั ทส่ี อง ทวา่ ดูสหี นา้ แม่ไม่ค่อยเช่อื ฉนั
แม่หยิบปิ่นโตข้าวขึ้นมาดู “แม่คิดจะไปเย่ียมลูกอยู่เหมือนกัน
อยากทำ�กับข้าวใส่ปิ่นโตไปให้ แต่ก็อย่างท่ีรู้แหละว่าอยู่ที่น่ีเดินทางไม่สะดวก”
ฉนั ทอดสายตาเหน็ ดวงตาคนู่ นั้ ของทา่ น ฉนั เขา้ ใจความรสู้ กึ นนั้ ดี แมถ้ นนหนทาง
ทุกสายพร้อมให้บริการผู้คนสัญจรไปถึงจุดหมายปลายทางในทุกหนทุกแห่ง
แต่ช่างน่าเสียดาย เส้นทางเหล่าน้ันไม่ได้สร้างไว้ให้พวกเราบุคคลไร้สัญชาติ
ขาดสทิ ธต์ิ ดิ มลทนิ หลายคนตา่ งขนานนามเราเชน่ น้ี พวกเราไมม่ บี ตั รประชาชนไทย
ทจี่ ะเปน็ ใบผา่ นทางเพอ่ื จะออกไปจากพนื้ ทแ่ี หง่ นไี้ ด้ ฉนั เขา้ ใจดี ทจ่ี รงิ ฉนั กอ็ ยาก
ถามท่านเหมือนกันว่า แม่เป็นอย่างไรบ้างในระหว่างฉันไม่ได้อยู่ ทว่าดูแม่
น่าจะตอบว่า สบายดีเหมือนเช่นเคย หรือบางทีอาจไม่อยากบอกความจริง
เหมอื นกับฉันในตอนนกี้ ็เปน็ ได้ ถา้ ถามวา่ อะไรคือความไวเ้ นื้อเชือ่ ใจกนั และกนั
ระหวา่ งครอบครวั ฉนั อยากบอกวา่ นคี่ อื การโกหกทบ่ี รสิ ทุ ธใ์ิ จ ฉนั คงไมก่ ลา้ บอก
ท่านว่า ฉันได้ผิดใจกับเพ่ือนมาหลายคนและยังมีปัญหากับครูด้วย คิดมาแล้ว
มันช่างน่าละอายแก่ใจกับคำ�พูดที่เคยพรั่งพรูออกจากปากฉันขณะมีปัญหา
กับเพื่อนและครู เป็นการทำ�ลายทั้งตัวฉันเอง คนรอบข้าง รวมถึงครอบครัว
ท่ีฉันรักด้วย เพ่ือนอีกหลายคนรวมถึงครูอีกหลายท่านคงตัดสินตัวฉันจาก
พฤตกิ รรมในครง้ั นนั้ แตฉ่ นั กไ็ มไ่ ดโ้ กรธอะไร เพราะฉนั กม็ สี ว่ นท�ำ ตวั เองเหมอื นกนั
แมค่ งไม่ไดอ้ ยากรับรู้เรือ่ งราวเหลา่ นี้
40 ขอโทษครับ ขอบคณุ ค่ะ
หลังจากวันที่ฉันทะเลาะกับเพ่ือน รู้สึกเหมือนเสียเพ่ือนไปหลายคน
เหมือนชีวิตขาดอะไรบางอย่างไป ทำ�ให้ฉันกลับมาทบทวนตัวเองใหม่และ
เตอื นตวั เองเสมอวา่ คำ�พดู มีอทิ ธิพลสำ�หรบั ผูฟ้ ังมาก ฉันเช่ือวา่ ธรรมชาติสรา้ ง
ปากมาเพียงปากเดียวเพื่อใช้พูด และสร้างหูมาตั้งสองข้างเพ่ือรับฟัง แสดงให้
เหน็ เปน็ นัย ๆ ว่าเราควรฟังให้มากกว่าพูด คิด ๆ แล้วฉันกอ็ ดนกึ ย้อนกลบั ไป
เหตุการณ์คร้ังนั้นไม่ได้ กานดาผู้รู้ เธอรู้เรื่องทุกคนในโรงเรียน มักนินทา
คนอน่ื เปน็ กิจวัตร แมว้ า่ เธอยังไมร่ ู้แนว่ า่ เรือ่ งทีไ่ ด้ยนิ มาเป็นเร่อื งจริงหรือไมจ่ ริง
แต่เธอก็สนุกสนานท่ีจะพูดต่อให้ผู้อื่นฟังไปเรื่อย เธอมักเปรียบเทียบฐานะ
ทางบา้ นกับฉันอยบู่ อ่ ย ๆ คุยโวโออ้ วด ยกตนข่มท่านเสมอ สงิ่ ที่ร้ายแรงที่สุดคอื
เธอไปบอกครวู า่ ฉนั มผี อู้ ปุ ถมั ภเ์ ปน็ ผชู้ ายแกค่ ราวพอ่ เพราะเหน็ เขาน�ำ เงนิ มาให้
ทุกสิน้ เดือน เธอคิดตัดสนิ ฉนั ไปเองโดยไมไ่ ดถ้ ามฉนั ก่อน จนเป็นเหตใุ หฉ้ ันต้อง
โดนครูสอบสวนราว ๓ ช่ัวโมง ในห้องส่ีเหล่ียมแคบ ๆ ฉันเสียใจมากกับเร่ือง
ทเ่ี กดิ ขนึ้ และฉนั ขเ้ี กยี จอธบิ ายวา่ ผชู้ ายคนนน้ั คอื นายจา้ งทฉ่ี นั รบั จา้ งพบั กระดาษ
เป็นซองใส่ขนม เพ่ือแลกกับค่าแรงมาเรียนหนังสือ ฉันอยู่ในสถานการณ์ที่ถูก
บีบบงั คับ ฉันควบคมุ ตัวเองไม่ได้ จึงปะทอุ ารมณใ์ ส่ครทู ก่ี ดดนั ฉนั ให้ยอมรับว่า
ฉันเป็นผู้หญิงอย่างว่า ความโกรธ โมโห โทสะเข้าครอบงำ�ตัวฉัน
อย่างเต็มรูปแบบ ดวงตาของฉันพร่ามัวมองอะไรไม่เห็นเลย มันเป็นสีขาว
ทง้ั หมดนาทีนนั้ ฉันอาละวาด ตะโกน ดา่ ทอดว้ ยถ้อยคำ�หยาบคาย และทำ�ลาย
ข้าวของในห้องปกครอง แก้วนํ้าแตก ๓ ใบเห็นจะได้ ฉันยอมรับว่า ตอนน้ัน
ฉันไมม่ ีสติแล้ว
ต่อมาฉันได้ย้ายกลุ่มไปเล่นกับลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกงในโรงเรียน
ชีวิตฉันเปล่ียนไปอย่างส้ินเชิง เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายในแต่ละ
กิจวัตร หิวเมื่อไหร่ก็เดินไปโรงอาหาร ไม่ต้องต่อแถวยาว ๆ เป็นหลายกิโล
ให้เสียเวลา พวกเราจะได้กินก่อนใครเขา เพราะแม่ของมาลีจะลัดคิวให้เสมอ
ดเู หมอื นวา่ ฉนั จะเคยชนิ กบั ระบบเสน้ สาย ระบบอปุ ถมั ภเ์ ชน่ น้ี มนั ท�ำ ใหช้ วี ติ ฉนั
สบายขน้ึ มาก มาลเี ปน็ คนตน่ื ตวั อยตู่ ลอดเวลา เธอคดิ วางแผนเปน็ ระบบกอ่ นท�ำ
อยู่ในนิทรา : วานุ 41
อะไรเสมอ และเธอท�ำ งานอยา่ งมกี ระบวนการ เวลาเธอจะพาฉนั ออกไปซอื้ ของ
ข้างนอกโรงเรียนมาท�ำ รายงาน เธอมกั จะยกหูโทรศัพท์โทรหาลงุ ของเธอที่เป็น
ต�ำ รวจโดยแกลง้ ท�ำ ทถี ามวา่ วนั นต้ี ง้ั ดา่ นทไี่ หน แมจ่ ะเอาขา้ วไปสง่ ให้ แตแ่ ทท้ จี่ รงิ
เธอไม่อยากใส่หมวกกันน็อกเพราะกลัวผมท่ีรีดมาเสียทรง เรามักจะทะเลาะ
กันบ่อย ๆ ก็เพราะเร่ืองผมของเธอน่ีแหละ ไม่ว่าจะไปทานข้าวที่โรงอาหาร
ไปหา้ งร้านขายของคนเยอะ ๆ เธอก็มักจะหยบิ หวคี ใู่ จข้ึนมาหวผี มสยายใหเ้ ปน็
ทจี่ บั จอ้ งของสายตาผคู้ น ฉนั เหน็ แลว้ กอ็ ดไมไ่ ดท้ จี่ ะเตอื นเธอ แตเ่ ธอกไ็ มเ่ คยฟงั ฉนั
จนมาถึงจุดแตกหัก คือชั่วโมงเรียนวิทยาศาสตร์ เม่ือจะนำ�เสนอโครงงาน
เธอมักจะแกล้งไม่สบาย และขอตัวไปนอนห้องพยาบาล ปล่อยให้ฉันดำ�น้ํา
ลุยป่าในการนำ�เสนองานคนเดียวมาโดยตลอด บางทีฉันก็คิดว่าทำ�คนเดียวก็ดี
จะไดเ้ กง่ ๆ แตบ่ างครงั้ ฉนั กต็ อ้ งการความชว่ ยเหลอื และค�ำ ปรกึ ษาจากใครสกั คน
ซ่ึงมาลีไม่เคยมีให้ฉันเลย ฉันจึงตัดสินใจลดสถานะจากเพื่อนสนิทเป็นแค่
เพอื่ นร่วมห้องกบั มาลี
เพอ่ื นสนิทคนลา่ สดุ หลังจากฉนั ย้ายกลมุ่ เปน็ ครง้ั ที่สาม ศกั ด์ิศรี เขามี
ความเปน็ สภุ าพบรุ ษุ มากในสายตาฉนั ทสี่ �ำ คญั เรามาจากอ�ำ เภอเดยี วกนั ซงึ่ เมอื่ ถงึ
วันหยุดยาว เราจะกลับรถโดยสารประจำ�ทางด้วยกัน เขามักสอนกลโกง
ให้ฉันอยู่บ่อยครั้ง เวลานั่งรถโดยสารประจำ�ทางเม่ือเห็นคนชราหรือเด็ก
ขน้ึ มาดว้ ย ถา้ ไมอ่ ยากสละทน่ี ง่ั ใหเ้ ขาเราตอ้ งรบี แกลง้ หลบั ฉนั ทง่ึ ในความคดิ นม้ี าก
เขาฉลาดมากฉันก็เคยเอ่ยชมเขา เวลาเจอครูนอกโรงเรยี นใหท้ �ำ เป็นมองไมเ่ หน็
จะไดไ้ มต่ อ้ งยกมอื ไหว้ แตเ่ มือ่ อย่ใู นโรงเรียนเราต้องรู้จักเอาใจผ้ใู หญ่ ตามใจครู
ประจบประแจงบา้ งเพือ่ การเอาตัวรอดในโรงเรียน หรอื ทเี่ รียกว่า “อยเู่ ป็น”
ฉนั ไดค้ วามรใู้ หม่ ๆ มากมายมาจากเพอื่ นตา่ งเพศทฉี่ นั ไดร้ จู้ กั ศกั ดศิ์ รี
เมอ่ื อยูต่ อ่ หน้าผใู้ หญ่ จะเปน็ คนพดู นอ้ ย พูดจาดมี ีมารยาท แตพ่ ออยูก่ ับเพื่อน
เขาจะเปน็ คนพดู จาหยาบคาย เขาใหเ้ หตุผลวา่ พดู แบบนี้แหละถึงจะดสู นิทกัน
เขาปรบั อารมณเ์ กง่ เหมอื นเปน็ คนมี ๒ บคุ ลกิ ฉนั ชนื่ ชมเขามาก ๆ ท�ำ ไดอ้ ยา่ งไร
42 ขอโทษครบั ขอบคณุ ค่ะ