รสในวรรณคดีไทย
๑. เสาวรจนีย์ (บทชมโฉม)
คือการเล่าชมความงามของตัวละครในเรื่อง อาจเป็นตัวละครที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ หรือ
สัตว์ ซึ่งการชมนี้อาจจะเป็นการชมความเก่งกล้าของกษัตริย์ ความงามของปราสาทราชวัง
หรือความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง เช่น บทชมนางเงือก ซึ่งติดตามพ่อแม่มาเพื่อพาพระ
อภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร จากเรื่อง พระอภัยมณี
หน่อกษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย
ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผม
ประไพพักตร์ลักษณ์ล้าล้วนขาคม ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวง
ดังสุรางค์นางนาฏในวังหลวง
ขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด แล้วหนักหน่วงนึกที่จะหนีไป
(พระอภัยมณี : สุนทรภู่)
พระเพลินพิศคิดหมายเสียดายดวง
๒. นารีปราโมทย์ (บทเกี้ยว โอ้โลม)
คือการกล่าวแสดงความรัก ทั้งการเกี้ยวพาราสีกันในระยะแรก ๆ หรือการพรรณนาบทโอ้โลม
ปฏิโลมก่อนจะถึงบทสังวาสนั้นด้วย เช่น
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้นเกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้นเนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้นเป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง
เจ้าเป็นถ้าอาไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคูสอง
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
(พระอภัยมณี : สุนทรภู่)
๓. พิโรธวาทัง (บทตัดพ้อ)
คือการกล่าวข้อความแสดงอารมณ์ไม่พอใจ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงเรื่องใหญ่ ตั้งแต่
ไม่พอใจ โกรธ ตัดพ้อ ประชดประชัน กระทบกระเทียบเปรียบเปรย เสียดสี และด่าว่าอย่างรุนแรง
เช่น รูปงามนามเพราะน้อยไปหรือ ใจไม่ซื่อสมศักดิ์เท่าเส้นผม
แต่ใจสัตว์ยังมีที่นิยม สมาคมก็แต่ฤดูมัน
มึงนี้ถ่อยยิ่งกว่าถ่อยอีท้ายเมือง จะเอาเรื่องไม่ได้สักสิ่งสรรพ์
ละโมบมากตัณหาตาเป็นมัน สักร้อยพันให้มึงไม่ถึงใจ
ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียว หาตามตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่
หนักแผ่นดินกูจะอยู่ไย อ้ายวัยมึงอย่านับว่ามารดา
(ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา)
๔. สัลลาปังคพิไสย (บทโศก)
คือการกล่าวข้อความแสดงอารมณ์โศกเศร้า อาลัยรัก เช่นบทโศกของนางวันทอง จาก
เรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนแผนพานางวันทองหนี ซึ่งคร่าครวญอาลัยรักต้นไม้ในบ้านขุนช้าง
อันแสดงให้เห็นว่านางไม่ต้องการตามขุนแผนไป แต่ที่ต้องไปเพราะขุนแผนร่ายมนต์สะกด ก่อนลา
จากไป นางได้ร่าลาต้นไม้ก่อน
ลำดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว ทั้งเกดแก้วพิกุลยี่สุ่นสี
จะโรยร้างห่างกลิ่นมาลี จำปีเอ๋ยกี่ปีจะมาพบ
(พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
สุนทรภู่คร่ำครวญถึงรัชกาลที่ ๒ ซึ่งสวรรคต แล้วเป็นเหตุให้สุนทรภู่ต้องตกระกาลาบาก
เพราะไม่เป็นที่โปรดปรานของรัชกาลที่ ๓ ต้องระเห็ดเตร็ดเตร่ไปอาศัยในที่ต่างๆขณะล่องเรือผ่าน
พระราชวัง สุนทรภู่ ซึ่งรำลึกความหลังก็คร่าครวญอาลัยถึงอดีตที่เคยรุ่งเรือง
เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์
(สุนทรภู่ : จากนิราศภูเขาทอง)
จัดทำโดย
นางสาวดาวิกา มาหนองหว้า
รห้สนักศึกษา643110010206 ห้อง2
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
ขอบคุณค่ะ