รัตนโกสินทร์ รัตนโกสินทร์
ย่านรัตนโกสินทร์ 3 มิวเซียมสยาม 4 ท่าเตียน 6 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 8 พระบรมมหาราชวัง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม 18 ท่าช้าง 19 ตึกถาวรวัตถุ 20 ท่ามหาราช 21 วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ 22 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร 24 ศาลหลักเมือง 26 ศาลาว่าการกลาโหม 28 อาคารกรมแผนที่ทหารเดิม 30 พระราชวังสราญรมย์ 32 วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม 34 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 36 พิพิธภัณฑ์รัชกาลที่6 38 สถานที่ท่องเที่ยว 40 ร้านอาหาร/ คาเฟ่ 41 โรงแรม / ที่พัก 42 สิ่งอ�ำนวยความสะดวก 43 ของฝาก /ของที่ระลึก 43 กิจกรรมที่น่าสนใจ 43 หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน 44 2 รัตนโกสินทร์
ย่านรัตนโกสินทร์ หมายถึง พื้นที่ของ กรุงรัตนโกสินทร์หรือเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งมี แม่น�้ำและล�ำคลองโอบล้อมคล้ายเกาะ แบ่งออก เป็น 2 บริเวณด้วยกัน ได้แก่ เกาะรัตนโกสินทร์ ชั้นใน คือ บริเวณที่ล้อมรอบด้วยแม่น�้ำเจ้าพระยา ทางทิศตะวันตกและคลองคูเมืองเดิมทางทิศ ตะวันออก และเกาะรัตนโกสินทร์ชั้นนอก คือ บริเวณที่ล้อมรอบด้วยคลองคูเมืองเดิมทางทิศ ตะวันตกไปจนถึงคลองรอบกรุงหรือที่เรียก กันว่า คลองโอ่งอ่างและคลองบางล�ำพู ส�ำหรับการท่องเที่ยวภายในระยะเวลา 1 วัน มีเส้นทางหลักที่แนะน�ำ คือ การเดินชม สถานที่ต่าง ๆ รอบเกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน โดยมีพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตน ศาสดารามเป็นศูนย์กลาง อาจเริ่มตั้งต้นที่ท่าเรือ ราชินีหรือรถไฟฟ้าสายสีน�้ำเงิน สถานีสนามไชย ซึ่งเป็นหมุดหมายหนึ่งในโครงข่ายของระบบ การคมนาคม จากนั้นมุ่งหน้าขึ้นเหนือตามถนน มหาราช เข้าชมพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ มิวเซียม สยาม ท่าเตียน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตึกถาวรวัตถุ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร แล้ววนขวา ลงมาทางใต้ ตามถนนราชด�ำเนินใน ต่อเนื่อง ไปจนถึงถนนสนามไชย เข้าสักการะศาลหลักเมือง แวะชมปืนใหญ่โบราณด้านหน้าศาลาว่าการ กลาโหม ต่อด้วยอาคารกรมแผนที่ทหารเดิม พระราชวังสราญรมย์ และวัดราชประดิษฐ สถิตมหาสีมาราม อุทกทานสหชาติ สะพานปีกุน วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สวนสราญรมย์ สิ้นสุดที่พิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 6 หอนาฬิกาหลวง จ�ำลองและหอกลองจ�ำลอง แล้วเดินทางกลับ ที่ท่าเรือราชินีหรือรถไฟฟ้าสายสีน�้ำเงิน ย่านรัตนโกสินทร์ รัตนโกสินทร์ 3
มิวเซียมสยาม มิวเซียมสยาม เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ โดยได้รับการจัดตั้งเพื่อเป็นต้นแบบของแหล่งเรียนรู้ที่น่ารื่นรมย์และช่วยยกระดับมาตรฐาน การจัดการการเรียนรู้รูปแบบใหม่ให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เกี่ยวกับการสร้าง ส�ำนึกในการรู้จักตนเอง เพื่อนบ้าน และโลก รวมถึงการสร้างแนวคิดและภาพลักษณ์ใหม่ของ พิพิธภัณฑ์ ผ่านเทคโนโลยีและกิจกรรม เพื่อให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และ เรื่องราวต่าง ๆ มีความสนุกสนาน โดยมีทั้งนิทรรศการถาวร หมุนเวียน และกิจกรรมการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ส�ำหรับนิทรรศการถาวร ชุด ถอดรหัสไทยซึ่งแบ่งออกเป็น 14 ห้อง เป็นนิทรรศการที่จะพาทุกคน เรียนรู้และค้นหาความหมายของความเป็นไทย ผ่านการเล่าเรื่องความเป็นไทยในมิติต่าง ๆ ไม่ว่า จะเป็นประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ประเพณี อาหาร การแต่งกาย และพัฒนาการ ของความเป็นไทยที่เปลี่ยนไปตามบริบทของ สังคม ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นจนถึง ปัจจุบัน ผ่านสื่อที่เน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์ ประกอบกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและ ติดตามเรื่องราวได้ง่ายมากขึ้น 4 รัตนโกสินทร์
รัตนโกสินทร์ 5
6 รัตนโกสินทร์ ท่าเตียน ท่าเตียน เป็นทั้งท่าเรือและตลาดริมถนน มหาราช ติดกับแม่น�้ำเจ้าพระยา มีประวัติ ความเป็นมายาวนาน โดยชื่อ ท่าเตียน บ้างว่า เกิดจากในอดีตมีเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ จนราบเรียบเหี้ยนเตียน หรือเชื่อว่ามาจาก ฮาเตียน เมืองท่าแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของญวน หรือเวียดนาม ซึ่งในอดีตไทยเรียกว่า เมือง บันทายมาศหรือพุทไธมาศ เนื่องจากแถบนี้ เคยเป็นถิ่นที่อาศัยของชาวญวนอพยพหนีภัย สงครามตั้งแต่สมัยธนบุรี และด้วยมีภูมิทัศน์ คล้ายคลึงกับฮาเตียน ดังนั้น จึงมีการเรียก บริเวณนี้ว่า ฮาเตียน กระทั่งเรียกเพี้ยนเป็น ท่าเตียนในที่สุด เนื่องจากเป็นท่าจอดเรือที่มี ชัยภูมิเหมาะสม ในอดีตท่าเตียนจึงเป็น ตลาดใหญ่แห่งหนึ่งในเกาะรัตนโกสินทร์ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ตลาดท้ายวัง ทั้งเป็นตลาด ที่บรรดานางในจะออกจากพระบรมมหาราชวัง มาจับจ่ายซื้อข้าวของเครื่องใช้ โดยบรรดาสินค้า ที่ได้รับความนิยม คือ ดอกไม้ ต่อมา ถูกรวมเป็น ตลาดเดียวกับตลาดท่าเตียน มีการสร้างอาคาร โดยวางแนวเป็นรูปตัวยู ด้วยสถาปัตยกรรม แบบนีโอคลาสสิก จากนั้น กลายเป็นแหล่ง ค้าส่งส�ำคัญ เช่น วัสดุก่อสร้าง ผัก ผลไม้ น�้ำตาล อาหารทะเลแห้ง เป็นต้น ส่วนปัจจุบัน ท่าเตียน เป็นทั้งตลาดและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยม มีร้านอาหารและร้านกาแฟ จ�ำนวนมาก ส�ำหรับท่าเรือท่าเตียน ในอดีตมีท่าเรือ ส�ำคัญ 8 ท่า เช่น ท่าเรือขาว และท่าเรือเขียว ในซอยประตูนกยูง ท่าเรือสุพรรณหรือท่าเรือ สีเลือดหมู ท่าเรือแดง ท่าข้าวโพด ท่าเรือสหกรณ์ และท่าโรงโม่ มีเรือขึ้นล่องไปจนถึงจังหวัด นนทบุรี อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เป็นต้น 6 รัตนโกสินทร์
รัตนโกสินทร์ 7
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ ที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดโพธิ์ เป็นพระอารามหลวง ประจ�ำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ทั้งเปรียบเสมือน มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย ด้วยเป็น ที่รวบรวมจารึกสรรพวิชา ซึ่งยูเนสโกประกาศ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจ�ำโลกของ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อ พ.ศ. 2551 และ ขึ้นทะเบียนจารึก 1,440 ชิ้น เป็นมรดก ความทรงจ�ำโลกในทะเบียนนานาชาติ เมื่อ พ.ศ. 2554 ส�ำหรับโบราณสถานส�ำคัญ ได้แก่ วิหาร พระพุทธไสยาส หรือเรียกกันว่า พระนอน วัดโพธิ์เป็นพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหู ปิดทอง นับเป็นพระนอนที่มีความยาวเป็น 8 รัตนโกสินทร์
รัตนโกสินทร์ 9 อันดับ 3 ของประเทศไทย รองจากพระนอน จักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี และพระนอน วัดขุนอินทประมูล จังหวัดอ่างทอง โดยพระบาท ของพระพุทธไสยาสมีการประดับมุกเป็น ลวดลายมงคล 108 ประการ พระมหาเจดีย์4รัชกาล พระเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ รูปแบบ ย่อมุม ประดับกระเบื้องเคลือบ พระอุโบสถ ประดิษฐาน “พระพุทธเทวปฏิมากร” นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียนแพทย์แผนโบราณและการนวด แผนโบราณเปิดสอนการแพทย์ไทยแผนโบราณ และการนวดแผนโบราณ คือ การนวดตามแบบ ท่าฤๅษีดัดตนและการนวดประคบด้วยสมุนไพร เป็นที่เชื่อถือและยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ทั้งมีบริการนวดแผนไทยและนวดฝ่าเท้าอีกด้วย รัตนโกสินทร์ 9
18 รัตนโกสินทร์ พระบรมมหาราชวัง เป็นสถานที่ ส�ำคัญเก่าแก่นับแต่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เป็นราชธานี โดยมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น เขตพระราชฐานและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส�ำหรับเขตพระราชฐาน ได้แก่ เขตพระราชฐาน ชั้นนอก เป็นที่ตั้งของหน่วยราชการต่าง ๆ เขตพระราชฐานชั้นกลาง เป็นที่ตั้งของปราสาท ราชมณเฑียรและสถานที่ประกอบพระราชพิธี ส�ำคัญ และเขตพระราชฐานชั้นใน เป็นที่ตั้งของ หมู่พระต�ำหนักและต�ำหนักของพระมเหสี พระราชเทวี พระชายา พระราชธิดา และ เรือนของเจ้าจอมมารดา เจ้าจอม ตลอดจน ข้าราชบริพารฝ่ายใน วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียก ทั่วไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดในพระบรมมหา ราชวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็น วัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา สถานที่ส�ำคัญ ได้แก่ หมู่พระมหา มณเฑียร อดีตที่ประทับและสถานที่ประกอบ พระราชพิธีส�ำคัญต่าง ๆ หมู่พระที่นั่งจักรี มหาปราสาท สถานที่ออกว่าราชการและเป็น อดีตที่ประทับส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตน ปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต ซึ่งพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) พระบรมมหาราชวัง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม 18 รัตนโกสินทร์
รัตนโกสินทร์ 19 ทรงพระราชศรัทธาจัดสร้างเครื่องทรงฤดูร้อน และฤดูฝน ถวายเป็นพุทธบูชา แล้วต่อมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาล ที่ 3) โปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างเครื่องทรงฤดูหนาว เพิ่มอีกหนึ่งชุด (ส�ำหรับเครื่องทรงทั้ง 3 ฤดู ในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้จัดสร้างทดแทนชุดเดิม) พระมณฑป เป็นที่ประดิษฐานตู้พระไตรปิฎกประดับมุก ทรงมณฑปใหญ่ ปราสาทพระเทพบิดร ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพ มหากษัตริยาธิราชเจ้า ท่าช้าง ตั้งอยู่ใกล้กับพระบรม มหาราชวัง เดิมเรียกว่า ท่าพระ เพราะเป็น ท่าน�้ำที่อัญเชิญพระศรีศากยมุนีจากเมือง สุโขทัย มาประดิษฐาน ณ พระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม ส่วนเหตุที่เรียกว่า ท่าช้าง เพราะเคยเป็นท่าน�้ำส�ำหรับ อาบน�้ำช้างหลวง ปัจจุบันมีท่าเรือมาตรฐาน ที่มีความสวยงามและมีความปลอดภัย พร้อมสิ่งอ�ำนวยความสะดวกส�ำหรับ ผู้พิการและผู้สูงอายุ รองรับการเดินทาง ข้ามฟากไปมากับท่าเรือวังหลังและการ เดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยา นอกจากนี้ บริเวณท่าช้างยังเป็นที่ตั้งของอาคาร สถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก ซึ่งก่อสร้าง ตั้งแต่ พ.ศ. 2452 ทั้งมี อุโมงค์มหาราช เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ จัดแสดง เรื่องราวของป้อมและก�ำแพงเมืองโบราณ ภาพถ่ายในอดีตของย่านท่าช้างและ กรุงเทพฯ ยุคก่อน รัตนโกสินทร์ 19
20 รัตนโกสินทร์ ตึกถาวรวัตถุ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ตึกแดง ก่อสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ตามรูปแบบสถาปัตยกรรมขอม เพื่อให้เป็น ที่ประดิษฐานพระบรมศพสมเด็จพระบรม โอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎ ราชกุมาร และเป็น ถาวรวัตถุสถาน ทดแทน พระที่นั่งทรงธรรม เมื่อมีการบ�ำเพ็ญพระราชกุศล ในการพระเมรุที่เมื่อเสร็จงานแล้วก็รื้อทิ้ง ทั้งทรงตั้งพระราชหฤทัยถวายให้เป็นที่เล่าเรียน ของพระภิกษุ หลังจากโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งมหาธาตุ วิทยาลัย ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ อย่างไร ก็ตาม การก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) จึงพระราชทานให้เป็นที่ตั้งหอพระสมุดส�ำหรับ พระนคร กระทั่งสมัยพระบาทสมเด็จพระ ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) โปรดเกล้าฯ ให้ ใช้เป็นที่เก็บหนังสือ ตัวพิมพ์ และพระราชทาน นามใหม่ว่า หอพระสมุดวชิรญาณ ต่อมา เป็นอาคารหอสมุดแห่งชาติ จนกระทั่งย้าย หอสมุดแห่งชาติไปที่ท่าวาสุกรี ปัจจุบันเป็นที่จัดแสดงนิทรรศการ พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ตลอดจนโบราณวัตถุ เช่น ตู้พระไตรปิฎกลายรดน�้ำ นาฬิกาปารีสที่สมเด็จ ตึกถาวรวัตถุ 20 รัตนโกสินทร์
รัตนโกสินทร์ 21 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ประทานแก่หอพระสมุดวชิรญาณในโอกาส ที่ทรงด�ำรงต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ครบรอบ 25 ปี เป็นนาฬิกาแบบตะวันตก ตกแต่ง ด้วยลายทองแบบไทย เป็นต้น ท่ามหาราช ท่ามหาราช ตั้งอยู่บนถนนมหาราช ด้านหลังวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ซึ่งนอกจากเป็นท่าเรือข้ามฟากไปยัง ท่าเรือวังหลังและรองรับบริการเรือด่วน เจ้าพระยาแล้ว ยังเป็นพื้นที่ศูนย์การค้า ในรูปแบบร่วมสมัย ที่เป็นการผสมผสาน ระหว่างศิลปะสมัยใหม่กับวิถีชีวิต ริมแม่น�้ำเจ้าพระยา เพื่อให้เป็นแหล่งรวม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้า รวมถึง มีการน�ำศิลปะสมัยใหม่มาใช้ตกแต่ง พื้นที่โดยรอบให้เป็นสถานที่ส�ำหรับ การพักผ่อนและการถ่ายภาพริมแม่น�้ำ เจ้าพระยา รัตนโกสินทร์ 21
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เดิมเป็น วัดราษฎร์ มีนามว่า วัดสลัก สร้างในสมัย อยุธยา ต่อมา เมื่อสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระอนุชา ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช (รัชกาลที่ 1) โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ ใน พ.ศ. 2326 พร้อมกับการสร้างพระราชวัง บวรสถานมงคลและทรงพระกรุณาเปลี่ยน นามใหม่ว่า วัดนิพพานาราม วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ ์ 22 รัตนโกสินทร์
ค รั้ น ถึ ง ส มั ย พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เมื่อโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ในการบูรณปฏิสังขรณ์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เพิ่ม สร้อยนามเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศว่า วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ส�ำหรับโบราณสถานส�ำคัญ ได้แก่ พระมณฑป ประดิษฐานพระเจดีย์ทอง ศรีรัตนมหาธาตุ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอุโบสถประดิษฐาน “พระศรีสรรเพชญ์” พระพุทธปฏิมาที่สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาททรงพระราชศรัทธายิ่ง พระวิหาร ประดิษฐาน “พระศรีศากยมุนี” หรือหลวงพ่อโต เป็นต้น ภายหลัง เมื่อมีการสังคายนาพระไตรปิฎก เป็นครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) พระราชทานนามว่า วัดพระศรี สรรเพชญ์ แล้วต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนาม เป็น วัดมหาธาตุ ตามชื่อวัดในกรุงศรีอยุธยา รัตนโกสินทร์ 23
พิพิธภัณฑสถานแห ่งชาติพระนคร เป็นพิพิธภัณฑ์ส�ำหรับประชาชนแห่งแรกของ ประเทศไทย ได้รับการก่อตั้ง เมื่อ พ.ศ. 2402 โดยแต่เดิมเป็นพระราชวังบวรสถานมงคล เมื่อมี การประกาศยกเลิกต�ำแหน่งกรมพระราชวังบวร สถานมงคล สถานที่ต่าง ๆ ในพระราชวังบวร สถานมงคลว่างลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้าย พิพิธภัณฑสถาน จาก มิวเซียม ณ ศาลาสหทัย สมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเปิดให้ประชาชน เข้าชมเป็นครั้งแรก ใน พ.ศ. 2417 ไปตั้งจัดแสดง ที่พระราชวังบวรสถานมงคลเฉพาะส่วนหน้า คือ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ และ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย เรียกว่า พิพิธภัณฑ์วังหน้า ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาล ที่ 7) ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชมณเฑียร ในพระราชวังบวรสถานมงคลทั้งหมดให้จัดตั้งเป็น พิพิธภัณฑสถานส�ำหรับพระนคร จัดพระที่นั่ง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร 24 รัตนโกสินทร์
ศิวโมกขพิมานให้เป็นสถานที่จัดแสดงศิลาจารึก คัมภีร์ ใบลาน สมุดไทย ต�ำราโบราณ เรียกว่า หอสมุดวชิรญาณ กระทั่งมีการก่อตั้งกรมศิลปากร พิพิธภัณฑสถานส�ำหรับพระนคร จึงสังกัด กรมศิลปากร และมีการประกาศตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เมื่อ พ.ศ. 2477 ปัจจุบันพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 เรื่องใหญ่ ๆ ได้แก่ ประวัติศาสตร์ชาติไทย ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีในประเทศไทย ซึ่งจัดแสดงตามยุคสมัย คือ สมัยก่อนพุทธศักราช 1800 สมัยทวารวดี สมัยศรีวิชัย และสมัยลพบุรี จัดแสดงในอาคาร มหาสุรสิงหนาท และสมัยหลังพุทธศักราช 1800 เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นสมัยสุโขทัย รวมไปถึง ศิลาจารึกหลักที่ 1 สมัยอยุธยา จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ จัดแสดงในอาคาร ประพาสพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเกี่ยวกับงานประณีตศิลปะ และชาติพันธุ์วิทยาในหมู่พระที่นั่งวสันตพิมาน พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ และ พระที่นั่งพรหมเมศธาดา ได้แก่ เครื่องทอง เครื่องถม เครื่องมุก เครื่องไม้ เครื่องดนตรี เครื่องถ้วย ผ้าโบราณ เครื่องสูง ราชยานคานหาม อาวุธโบราณ เครื่องการละเล่นต่าง ๆ เป็นต้น ตลอดจนราชรถเนื่องในพระราชพิธี เช่น พระมหาพิชัยราชรถ เวชยันตรราชรถ ราชรถน้อย และเครื่องประกอบ พระราชพิธีต่าง ๆ จัดแสดงในอาคารโรงราชรถ ที่ส�ำคัญ พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ พระนคร เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธสิหิงค์” พระพุทธรูปโบราณ หล่อส�ำริด ท่ามกลางจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามยิ่ง ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ รัตนโกสินทร์ 25
ศาลหลักเมือง ศาลหลักเมือง ตั้งอยู่ใกล้ศาลาว่าการ กลาโหม เมื่อ พ.ศ. 2325 ในสมัยพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธี ยกเสาหลักเมือง ซึ่งเป็นเสาไม้ชัยพฤกษ์ มีไม้แก่นจันทน์ประกับนอก ยอดเสารูปบัวตูม ณ ชัยภูมิใจกลางกรุงรัตนโกสินทร์ในอดีต จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง เสาหลักเมืองต้นใหม่แทนต้นเดิมที่ช�ำรุด ตามกาลเวลา เป็นเสาไม้สักประกับด้วยไม้ ชัยพฤกษ์ ยอดเม็ดทรงมัณฑ์ และผูกดวงชาตา พระนครขึ้นใหม่ ท�ำให้กรุงเทพฯ มีเสาหลักเมือง 2 ต้น นับจากนั้นเป็นต้นมา ต่อมา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกา ธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร (รัชกาลที่ 9) โปรดเกล้าฯ ให้ปรับปรุง ศาลหลักเมืองให้มีความงดงาม เป็นอาคาร เครื่องปูนยอดปรางค์ มีมุขยื่นทั้ง 4 ด้าน และ ให้เชิญเสาหลักเมืองต้นเดิมประดิษฐานคู่กับ เสาหลักเมืองต้นใหม่ รวมทั้งให้มีการสร้าง อาคารประดิษฐานพระพุทธรูปและศาล เทพารักษ์ ส�ำหรับประดิษฐานพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าเจตคุปต์ และเจ้าหอกลอง 26 รัตนโกสินทร์
รัตนโกสินทร์ 27
ศาลาว่าการกลาโหม ศาลาว่าการกลาโหม ออกแบบโดย นายโยอาคิม กรัสซี ชาวอิตาเลียน เชื้อสาย ออสเตรีย - ฝรั่งเศส สถาปนิกชาวยุโรปคนแรก ที่ได้รับการว่าจ้างโดยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) มีลักษณะ เป็นอาคาร 3 ชั้น งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบ ปัลลาดีโอ เช่นเดียวกับอาคารหน่วยบัญชาการ รักษาดินแดนและอาคารศุลกสถาน โดยผัง มีลักษณะเกือบสี่เหลี่ยม มุขชั้นที่ 2 มีระเบียง ขนาดใหญ่ต่อยื่นออกมารองรับด้วยเสากลม ขนาดใหญ่ หัวเสาแบบโรมัน ด้านหน้าอาคาร เป็นสนามหญ้า บริเวณด้านหน้าศาลาว่าการกลาโหม เป็นที่จัดแสดงปืนใหญ่โบราณ จ�ำนวน 40 กระบอก เรียงล�ำดับหมวดหมู่ตามอายุและ ยุคสมัยของปืน เริ่มจากปลายสมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ แต่ละกระบอกมีป้ายชื่อและ ประวัติจารึกลงบนแผ่นทองเหลือง โดยจุดเด่น ของปืนใหญ่ที่จัดแสดง คือ ลวดลายประดับ บริเวณท้ายปืน รอบปากกระบอก และส่วน กลางกระบอก สะท้อนถึงรูปแบบศิลปะที่นิยมกัน ในแต่ละยุค เช่น รูปบุคคลมีปีกคล้ายกินนร แต่ศีรษะเป็นฝรั่งมีผมหยิก เป็นต้น ทั้งนี้ ปืนใหญ่โบราณที่มีความโดดเด่นที่สุด ได้แก่ ปืนพญาตานี ที่หล่อในสมัยอยุธยาโดยช่าง ชาวจีน โดยหล่อปืนทั้งหมด จ�ำนวน 3 กระบอก สองกระบอกแรกส�ำเร็จด้วยดี เหลือแต่กระบอก ที่สาม พยายามหล่อหลายครั้งแต่ไม่ส�ำเร็จ 28 รัตนโกสินทร์
ช่างจึงตั้งโต๊ะเซ่นไหว้เอาชีวิตของตนถวาย ถ้าหล่อปืนส�ำเร็จ ปรากฏว่าเมื่อหล่อได้แล้ว นายช่างหล่อปืนยืนหน้ากระบอกปืน แล้วจุด ทดลองยิง พอปืนลั่นออก แรงดินหอบพาช่าง ชาวจีนสูญหายไป ภายในอาคารศาลาว่าการ กลาโหมยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดง เรื่องราวเกี่ยวกับอาคารศาลาว่าการกลาโหม ผ่านโบราณวัตถุส�ำคัญ เช่น เอกสารลายมือของ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) เมื่อครั้งยังเป็นเจ้าหมื่นไวยวรนาถ กราบบังคมทูลถวายรายงานความคืบหน้า การก่อสร้างศาลาว่าการกลาโหมหรือ ที่สมัยนั้นเรียกว่า “อาคารโรงทหารหน้า” ตราประทับพระคชสีห์ สัญลักษณ์ของ กระทรวงกลาโหม รวมถึงเตียบประดับมุก ส�ำหรับเก็บตราประทับ หมวกเหล็กจัดแสดง คู่กับสมุดรายชื่อทหารไทยกองอาสา ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ต�ำราเรียนภาษารัสเซีย ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เป็นต้น ซึ่งสามารถเข้าชมเป็นหมู่คณะ โดยส่งหนังสือ ติดต่อขอเข้าชมมาที่ศาลาว่าการกลาโหม ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 รัตนโกสินทร์ 29
อาคารกรมแผนที่ทหารเดิม ได้รับการ ก่อสร้าง เมื่อ พ.ศ. 2434 โดยเป็นส่วนหนึ่ง ของพระราชวังสราญรมย์ เรียกว่า โรงเรียน ทหารสราญรมย์ ต่อมา เป็นที่ท�ำการของ กรมเสนาธิการทหารบก กระทั่งกรมแผนที่ ทหารย้ายจากอาคารสุนันทาลัย (โรงเรียน ราชินี ปากคลองตลาดในปัจจุบัน) มายัง อาคารแห่งนี้ ใน พ.ศ. 2474 ซึ่งออกแบบโดย นายสเตฟาโน คาร์ดู และนาย ไอ.ดี. คาสตร์ มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก สร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น ยาวขนานกับถนน กัลยาณไมตรี ผังอาคารเป็นรูปตัวอี โดยเน้น จุดเด่นที่มุขขนาดใหญ่ โดยเฉพาะมุขกลาง มีแผงประดับหน้ามุขปั้นปูนเป็นรูปตราประจ�ำ พระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ถือเป็นอาคารเรียน แบบตะวันตกที่มีการตกแต่งประดับประดา อย่างหรูหรา เพื่อเสริมทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ในสมัยนั้นให้ทันสมัยด้วยการสร้างอาคาร รูปแบบตะวันตกที่ใหญ่โตรายล้อมพระบรม มหาราชวัง อาคารกรมแผนที่ทหารเดิม 30 รัตนโกสินทร์
รัตนโกสินทร์ 31
พระราชวังสราญรมย์ พระราชวังสราญรมย์ตั้งอยู่บนถนน สนามไชย ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ได้รับ การก่อสร้างในปลายสมัยพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เพื่อเป็น ที่ประทับ ออกแบบโดยนายเฮนรี อาลาบาศเตอร์ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสูง 2 ชั้น ในรูปแบบ สถาปัตยกรรมยุโรปยุคหลัง หน้าบันแบบโรมัน หน้าบันมุขกลางประดับลายปูนปั้นเป็นตรา ประจ�ำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ส่วนหน้าบันมุขข้าง ที่ปลายปีกของอาคารทั้งสองข้าง ประดับลาย ปูนปั้นเป็นตราพระเกี้ยวประจ�ำรัชกาลพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) 32 รัตนโกสินทร์
ปัจจุบันด้านหน้าของพระราชวังสราญรมย์ ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) บริเวณด้านข้างพระราชวังสราญรมย์ เป็นที่ตั้งของสวนสราญรมย์ ซึ่งเคยเป็นเขต พระราชอุทยานของพระราชวังสราญรมย์ ซึ่งได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ในสมัยพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ตามค�ำแนะน�ำของนายเฮนรี อาลาบาศเตอร์ โดยโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างในลักษณะ สวนพฤกษศาสตร์อย่างในต่างประเทศ นอกจากนี้ สวนสราญรมย์ยังเคยเป็น สถานที่จัดงานฤดูหนาวในสมัยพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาล ที่ 6) กระทั่ง พ.ศ. 2503 คณะรัฐมนตรีมีมติ มอบสวนสราญรมย์ให้แก่กรุงเทพมหานคร ซึ่งท�ำการปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ พร้อมซ่อมแซมถาวรวัตถุต่าง ๆ เช่น พระอนุสาวรีย์หินอ่อนสีขาวยอดปรางค์ ที่ระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทา กุมารีรัตน์ เรือนกระจกรูปแบบสถาปัตยกรรม ยุควิกตอเรียน ศาลากระโจมแตร น�้ำพุ พานโลหะ หอเก๋งจีน เป็นต้น รัตนโกสินทร์ 33
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างตามธรรมเนียม โบราณที่ว่า ราชธานีต้องมีวัดส�ำคัญ คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และวัดราชประดิษฐ์ และเพื่อ ถวายเป็นพระอารามส�ำหรับพระภิกษุฝ่ายธรรมยุต ที่อยู่ใกล้พระบรมมหาราชวัง ซึ่งแม้ว่าวัดแห่งนี้ มีพื้นที่น้อย แต่ประดิษฐานปูชนียวัตถุสถาน ที่ทรงคุณค่า เช่น พระปาสาณเจดีย์พระเจดีย์ หินอ่อน พระที่นั่งทรงธรรม หรือศาลา การเปรียญอันเป็นที่ตั้งธรรมาสน์ยอดมงกุฎ พระวิหารหลวงซึ่งมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่อง พระราชพิธี 12 เดือน และเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธสิหังคปฏิมากร” หล่อจ�ำลองจาก พระพุทธสิหิงค์ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ทั้งยังมี บานประตูบานหน้าต่างประดับมุก ศิลปะญี่ปุ่น สกุลช่างนางาซากิ อายุเก่าแก่กว่า 156 ปี เป็นต้น 34 รัตนโกสินทร์
ใกล้วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เป็นที่ตั้งของอุทกทานสหชาติและสะพาน ปีกุน โดยอุทกทานสหชาติ เป็นอนุสาวรีย์รูปหมู ก่อสร้าง ใน พ.ศ. 2456 เมื่อสมเด็จพระศรี พัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 50 พรรษา ทั้งเสด็จพระราชสมภพในปีกุน เมื่อใกล้ วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้า บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงร่วมกับพระยาพิพัฒน์โกษา (เศเลสติโน ซาเวียร์) และพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) ซึ่งเกิดปีกุนเช่นเดียวกัน ร่วมกันจัดสร้าง อุทกทานสหชาติและสะพานปีกุน ทั้งท�ำก๊อกน�้ำ ประปาส�ำหรับประชาชนได้ใช้เป็นอุทกทาน เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แต่เป็นที่ น่าเสียดายที่ภายหลังก๊อกน�้ำถูกรื้อออกไป ส่วนสะพานปีกุนเป็นสะพานคนเดินทอดข้าม คลองคูเมืองเดิม โดยสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดเกล้าฯ บริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้จัดสร้างในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 4 รอบ ใน พ.ศ. 2454 เป็นสะพานคอนกรีต เสริมเหล็ก เสาที่เชิงสะพานสองฝั่ง มี 4 ต้น หัวเสาเป็นรูปถ้วยประดับช่อมาลา มีวงรูปไข่ 4 วง มีความหมายคือ ต้นเสา หมายถึง เทียน ประทีปพระชนมพรรษาเป็นตะเกียงไม่มีแสง สื่อถึง 4 รอบพระชนมพรรษานี้ ขาดพระราชสวามี คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ซึ่งสวรรคต ใน พ.ศ. 2453 คล้ายดวงชวาลาที่อับแสง ขาดความรุ่งโรจน์ รัตนโกสินทร์ 35
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็น พระอารามที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง เป็นวัดประจ�ำรัชกาล มีลักษณะสถาปัตยกรรมผสม ไทยกับตะวันตก โดยมีโบราณวัตถุสถานที่ส�ำคัญ คือ พระอุโบสถภายนอกประดับกระเบื้องเคลือบ ลายเทพนม ภายในตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรม กอทิก บานประตูหน้าต่างด้านนอกประดับมุก เป็นรูปเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งได้รับยกย่องว่า เป็นศิลปะชิ้นส�ำคัญในสมัยรัตนโกสินทร์ และ เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธอังคีรส” กะไหล่ ทองค�ำเนื้อแปด หนัก 180 บาท พระวิหาร บานประตูหน้าต่างด้านนอกสลักไม้เป็นลวดลาย เครื่องราชอิสริยาภรณ์พระเจดีย์ ภายนอก ประดับกระเบื้องเคลือบลายเบญจรงค์ ยอดปลี ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ 6,018 องค์ พระระเบียง ผนังประดับกระเบื้องลวดลาย 36 รัตนโกสินทร์ เบญจรงค์
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามยังเป็น ที่ตั้งของสุสานหลวง ซึ่งพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างส�ำหรับบรรจุพระอัฐิ (กระดูก) และพระสรีรังคาร (เถ้ากระดูก) เพื่อเป็น พระบรมราชูทิศพระราชทานแก่พระบรม ราชเทวี พระราชเทวี พระราชโอรส พระราชธิดา และเจ้าจอมมารดา โดยมีสถาปัตยกรรมรูปแบบ ต่าง ๆ ทั้งเจดีย์ ปรางค์ หรือวิหารอย่างไทย ขอม และกอทิก ท่ามกลางต้นลีลาวดีและพุ่มพันธุ์ไม้ ต่าง ๆ ที่ปลูกไว้อย่างสวยงาม รัตนโกสินทร์ 37
พิพิธภัณฑ์รัชกาลที่6 ตั้งอยู่ ณ หน่วย บัญชาการรักษาดินแดน ซึ่งได้รับการก่อสร้าง เมื่อ พ.ศ. 2466 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ ปัลลาดีโอ โดยเมื่อแรกสร้างนั้นใช้เป็นที่ตั้ง ของกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์หรือ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษา พระองค์ในปัจจุบัน ครั้นถึง พ.ศ. 2509 เจ้ากรม การรักษาดินแดนในขณะนั้นได้ท�ำหนังสือ ขอพระราชทานสิ่งของเครื่องใช้ในพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) จากส�ำนักพระราชวัง เพื่อจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ รัชกาลที่ 6 ซึ่งต่อมามีการปรับปรุงอีกหลายครั้ง กระทั่ง พ.ศ. 2550 ได้รับความร่วมมือจาก กรมศิลปากร ท�ำการปรับปรุงอย่างถูกต้อง ตามหลักการ จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ประกอบมัลติมีเดียเกี่ยวกับพระราช กรณียกิจส�ำคัญ พร้อมเครื่องใช้ส่วนพระองค์ บริเวณใกล้เคียงกันยังเป็นที่ตั้งของ หอนาฬิกาหลวงจ�ำลองและหอกลองจ�ำลอง โดยหอนาฬิกาหลวงจ�ำลองเป็นการสร้าง จ�ำลอง “พระที่นั่งภูวดลทัศไนย” ซึ่งเดิมตั้งอยู่ ในพระบรมมหาราชวัง โดยพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) โปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้าง พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าพนักงาน ท�ำหน้าที่ตรวจเทียบเวลาด้วยหลักดาราศาสตร์ ควบคู่ไปกับการใช้กะลาลอยและนาฬิกากล ของตะวันตก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่ตั้ง เคยเป็นสระน�้ำ ท�ำให้พระที่นั่งภูวดลทัศไนย ทรุดลง ต่อมา จึงมีการรื้อ โดยตัวนาฬิกาถูกน�ำไป เก็บรักษา ณ กระทรวงกลาโหม กระทั่งถึง พ.ศ. 2525 เนื่องในโอกาสสมโภชกรุงรัตน โกสินทร์ 200 ปี จึงน�ำนาฬิกาเดิมมาสร้างเป็น หอนาฬิกาหลวงจ�ำลองบริเวณสถานที่ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 6 38 รัตนโกสินทร์
ส่วนหอกลองจ�ำลองเป็นการสร้าง จ�ำลองหอกลองของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ได้รับ การก่อสร้าง เมื่อ พ.ศ. 2325 โดยมีลักษณะเป็น อาคารสูง 3 ชั้น (ไม่รวมชั้นฐานล่าง) หลังคา ทรงมณฑป ส�ำหรับตั้งกลองส�ำคัญ 3 ใบ คือ กลองย�่ำพระสุริย์ศรี ใช้ตีบอกเวลา กลองอัคคี พินาศ ใช้ตีเป็นสัญญาณให้ราษฎรทราบว่า เกิดไฟไหม้ และกลองพิฆาตไพรี ส�ำหรับตี เป็นสัญญาณว่ามีข้าศึกยกทัพประชิด ต่อมา เมื่อหอกลองทรุดโทรม จึงถูกรื้อถอน ครั้นถึง พ.ศ. 2525 เมื่อมีการจัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ 200 ปี จึงมีการก่อสร้างหอกลองใหม่ และได้รับบริจาคกลองโบราณจากวัดประชา สัทธาราม จังหวัดสุรินทร์ โดยมีพิธียกกลอง ขึ้นหอกลองในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 รัตนโกสินทร์ 39
สถานที่ท่องเที่ยว ท่าเรือราชินี : ถนนราชินี แขวงพระบรมมหาราชวัง : 06.00-19.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 1199(สายด่วนกรมเจ้าท่า) สถานีสนามไชย : ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง : 06.00-24.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2624 5200 : www.mrta.co.th มิวเซียมสยาม : ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง : 10.00-18.00 น. (วันอังคาร-วันอาทิตย์) ☎ : 0 2225 2777 : www.museumsiam.org : นักเรียน นักศึกษา อายุ15 ปีขึ้นไป 50 บาท / ผู้ใหญ่ชาวไทย 100 บาท / ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ100 บาท ตลาดท่าเตียน : ถนนมหาราชแขวงพระบรมมหาราชวัง : 11.00-18.30 น. (ทุกวัน) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม : ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง : 08.00-18.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 08 3057 7100 : www.watpho.com : ชาวไทยไม่เสียค่าเข้าชม /ชาวต่างชาติ200 บาท พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม : ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง : 08.30-15.30 น. (ทุกวัน ) ☎ : 0 2623 5499 : www.royaloffice.th : ชาวไทยไม่เสียค่าเข้าชม /ชาวต่างชาติ500 บาท ท่าช้าง : ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง : 06.00-20.00 น. (ทุกวัน) ท่ามหาราช : ถนนมหาราชแขวงพระบรมมหาราชวัง : 10.00-21.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2024 1393 : www.thamaharaj.com ตึกถาวรวัตถุ : ถนนหน้าพระธาตุแขวงพระบรมมหาราชวัง : 09.00-16.00 น. (วันพุธ-วันอาทิตย์) ☎ : 0 2222 4867 : ไม่เสียค่าเข้าชม วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ : ถนนมหาราชแขวงพระบรมมหาราชวัง : 06.00-21.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2222 6011 : www.watmahathat.com : ไม่เสียค่าเข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร : ถนนหน้าพระธาตุแขวงพระบรมมหาราชวัง : 09.00-16.00 น. (วันพุธ-วันอาทิตย์) ☎ : 0 2224 1402 : ชาวไทย 30 บาท /ชาวต่างชาติ200 บาท ยกเว้นค่าเข้าชมส�ำหรับ นักเรียนและนักศึกษาระดับต�่ำกว่าปริญญาตรี ผู้สูงอายุชาวไทย อายุตั้งแต่60 ปีขึ้นไป ผู้พิการ พระภิกษุและสามเณร ศาลหลักเมือง : ถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง : 06.30-18.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2222 9876 : www.bangkokcitypillarshrine.com : ไม่เสียค่าเข้าชม ศาลาว่าการกลาโหม : ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง : 24ชั่วโมง (ทุกวัน / เฉพาะด้านนอก) อาคารกรมแผนที่ทหารเดิม : ถนนกัลยาณไมตรีแขวงพระบรมมหาราชวัง : 24ชั่วโมง (ทุกวัน / เฉพาะด้านนอก) พระราชวังสราญรมย์ : ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง : 24ชั่วโมง (ทุกวัน / เฉพาะด้านนอก) สวนสราญรมย์ : ถนนราชินีแขวงพระบรมมหาราชวัง : 04.00-21.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2221 0195 : ไม่เสียค่าเข้าชม วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม : ถนนสราญรมย์แขวงพระบรมมหาราชวัง : 08.00-18.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2622 2076 : วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม : ไม่เสียค่าเข้าชม อุทกทานสหชาติ/ สะพานปีกุน : ถนนราชินีแขวงพระบรมมหาราชวัง : 24ชั่วโมง (ทุกวัน) 40 รัตนโกสินทร์
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม : ถนนเฟื่องนครแขวงวัดราชบพิธ : 09.00-17.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2221 0904 : วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม Wat Rajabopit : ไม่เสียค่าเข้าชม สุสานหลวง : ถนนอัษฎางค์แขวงวัดราชบพิธ : 10.00-18.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2221 0904 : ไม่เสียค่าเข้าชม พิพิธภัณฑ์รัชกาลที่6 : หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง : 08.30-16.00 น. (วันจันทร์-วันศุกร์/ เว้นวันหยุดราชการ) ☎ : 0 2221 4870 : ไม่เสียค่าเข้าชม หอนาฬิกาหลวงจ�ำลอง / หอกลองจ�ำลอง : ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง : 24ชั่วโมง (ทุกวัน / เฉพาะด้านนอก) ร้านอาหาร/ คาเฟ่ เดอะ เดค บาย เดอะริเวอร์ : ราคา501-1,000 บาท : ซอยท่าเตียน ถนนมหาราช : 11.00-22.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2221 9158 : The Deckby Arun Residence ศาลารัตนโกสินทร์ : ราคา501-1,000 บาท : ซอยท่าเตียน ถนนมหาราช : 07.00-22.30 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2622 1388 : sala rattanakosin Bangkok โรงรส : ราคา190-550 บาท : ถนนมหาราช : 11.00-15.00 น. /17.00-22.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 09 6946 1785 : www.rongros.com เสวย : ราคา101-1,600 บาท : ท่ามหาราช ถนนมหาราช : 10.00-22.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 08 6341 8472 : Savoey RestaurantTha Maharaj รสนิยม : ราคา501-1,000 บาท : ตรอกมหาธาตุถนนมหาราช : 10.00-21.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2024 1329 : www.rosniyom.com ช.ประทุมทอง : ราคา60-300 บาท : ถนนอัษฎางค์ : 17.00-23.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 08 6353 8860 : ช.ประทุมทอง ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์ : ราคา501-1,000 บาท : ท่าเตียน ถนนมหาราช : 11.00-22.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 09 2253 9251 : www.supannigaeatingroom.com ชมอรุณ : ราคา501-1,000 บาท : ถนนมหาราช : 11.00-21.30 น. (ทุกวัน) ☎ : 09 5446 4199 : Chom Arun Eat Sight Story : ราคา501-1,000 บาท : ถนนมหาราช : 11.00-22.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2622 2163 : Eat Sight Story A Fox Princess Kitchen : ราคา251-500 บาท : ถนนมหาราช : 10.00-22.00 น. (วันพุธ-วันจันทร์) ☎ : 06 2660 5558 : afoxprincesskitchen รัตนโกสินทร์ 41
บลูเวล คาเฟ่ : ราคา101-350 บาท : ถนนมหาราช : 09.00-18.00 น. (วันอังคาร-วันอาทิตย์) ☎ : 09 6997 4962 : BLUE WHALE Local Eatery Favour Café : ราคา70-200 บาท : ถนนมหาราช : 10.00-18.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 09 0909 6751 : FAVOUR CAFE’ ViVi The Coffee Place : ราคา101-250 บาท : ถนนมหาราช : 10.00-20.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2226 4672 : VIVI The Coffee Place Floral Cafe’ at Napasorn : ราคา90-300 บาท : ถนนจักรเพชร : 09.00-19.00 น. (วันพุธ-วันจันทร์) ☎ : 09 9468 4899 : Floral Cafe’at Napasorn Simiao Kafei : ราคา101-250 บาท : ถนนเฟื่องนคร : 08.00-17.00 น. (วันอังคาร-วันศุกร์) 08.00-18.00 น. (วันเสาร์-วันอาทิตย์) ☎ : 09 1885 1903 : Simiao Kafei A Pink Rabbit + Bob : ราคา175-200 บาท : ถนนมหาราช : 09.00-20.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 06 2639 8880 : A pinkrabbit + Bob/ ท่าเตียน Make Me Mango : ราคา101-250 บาท : ถนนมหาราช : 10.00-20.00 น. (วันจันทร์-วันศุกร์) 10.00-20.30 น. (วันเสาร์-วันอาทิตย์) ☎ : 0 2622 0899 : Make Me Mango- Mango Cafe Old Town Cafe’ Bangkok : ราคา70-90 บาท : ถนนเฟื่องนคร : 08.00-14.30 น. (วันจันทร์-วันอังคาร) 08.00-16.00 น. (วันเสาร์-วันอาทิตย์) ☎ : 08 1810 8456 : OldTown Cafe’ Bangkok Alice Cafe : ราคา70-200 บาท : ถนนเฟื่องนคร : 08.30-16.30 น. (ทุกวัน) ☎ : 09 7106 1348 : Alice cafe โรงแรม / ที่พัก โรงแรมรอยัล รัตนโกสินทร์ : ถนนราชด�ำเนินกลาง ☎ : 0 2222 9111 : www.rattanakosinhotel.com จักรพงษ์วิลล่าแอนด์เรสซิเดนซ์ : ถนนมหาราช ☎ : 0 2222 1290 : www.chakrabongsevillas.com เชตุพน เกท : ซอยประตูนกยูง ถนนมหาราช ☎ : 0 2622 2060 : www.chetuphon-gate.com ริว่า อรุณ กรุงเทพฯ : ถนนมหาราช ☎ : 0 2221 1188 : www.rivaarunbangkok.com อรุณ ริเวอร์ ไซด์กรุงเทพ : ถนนมหาราช ☎ : 0 2221 5651 : www.arunriverside.com The Knight House Bangkok : ถนนบ�ำรุงเมือง ☎ : 06 4646 9464 : The Knight House Bangkok อินน์อะ เดย์ : ถนนมหาราช ☎ : 0 2221 0577 : www.innaday.com 42 รัตนโกสินทร์
Sabai Sabai Liveaboard Bangkok : ถนนมหาราช ☎ : 09 5115 1504 : Sabai SabaiLiveaboard Bangkok Sala Arun : ซอยท่าเตียน ถนนมหาราช ☎ : 0 2622 2932 : www.salaarun.com เฟื่องนคร บัลโคนี่ : ซอยเฟื่องทอง ถนนเฟื่องนคร ☎ : 09 2269 8087 : www.feungnakorn.com Siri Heritage : ซอยศิริอ�ำมาตย์ถนนบุญศิริ ☎ : 0 2224 0095 : SiRi Heritage Bangkok Hotel 196 Old town Chic : ซอยพระยาศรีถนนอัษฎางค์ ☎ : 09 6954 6565 1905 Heritage Corner : ถนนแพร่งภูธร ☎ : 09 0989 3107 : 1905 Heritage Corner The Bhuthorn Bed and Breakfast : ถนนแพร่งภูธร ☎ : 06 4364 4595 : www.thebhuthorn.com สิ่งอ�ำนวยความสะดวก สถานีต�ำรวจนครบาลพระราชวัง : ถนนมหาราช ☎ : 0 2224 5050 ของฝาก /ของที่ระลึก ขนมปังกรอบ : ร้านอร่อย ถนนพระจันทร์ : 08.00-17.00 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2221 2252 เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน เครื่องเขียน : พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ หอรัษฎากรพิพัฒน์ พระบรมมหาราชวัง : 09.00-16.30 น. (ทุกวัน) ☎ : 0 2225 9430 : www.qsmtthailand.org กิจกรรมที่น่าสนใจ ทักษิณาวรรตนมัสการพระพุทธปฏิมา (ไหว้พระเวียนขวารอบเกาะรัตนโกสินทร์) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระพุทธเทวปฏิมากร พระพุทธมารวิชัยอภัยปรปักษ์ พระพุทธโลกนาถ พระพุทธชินศรีมุนีนาถ พระพุทธปาลิไลย พระพุทธชินราชวโรวาทธรรมจักร พระพุทธไสยาส วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ พระศรีสรรเพชญ์ พระศรีศากยมุนี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร พระพุทธสิหิงค์ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม พระพุทธสิหังคปฏิมากร พระนิรันตราย วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พระพุทธอังคีรส พระพุทธประทีปวโรทัย พระนิรันตราย รัตนโกสินทร์ 43
ปที่พ�มพ : 2566 สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการทองเที่ยว อาคารสวนการทองเที่ยว 17/1 ถนนพระอาทิตย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 0 2225 7612 - 3 หมายเลขโทรศัพทฉุกเฉิน สายดวน กทม. 1555 สวนการทองเที่ยว สำนักงานวัฒนธรรมและการทองเที่ยว กทม. 0 2225 7612 สำนักปองกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. 199 ศูนยบร�การขาวสารการทองเที่ยว การทองเที่ยวแหงประเทศไทย (ททท.) 1672 ศูนยบร�การขอมูลตำรวจทองเที่ยว 1155 เหตุดวนเหตุราย / กองบังคับการสายตรวจ และปฏิบัติการพ�เศษ 191 ศูนยใหบร�การขอมูลดานการจราจร 1197 สายดวน กรมเจาทา 1199 หนวยแพทยกูชีว�ต วชิรพยาบาล 1554 ศูนยเอราวัณ สำนักการแพทย กทม. 1646 สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ 1669 การรถไฟแหงประเทศไทย (รฟท.) 1690 บร�ษัท สายการบินนกแอร จำกัด (มหาชน) 1318 บร�ษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 0 2356 1111 บร�ษัท บางกอก แอรเวยส จำกัด 1771 บร�ษัท ทาอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) 1722 ทาอากาศยานสุวรรณภูมิ 0 2132 1888 ทาอากาศยานดอนเมือง 0 2535 1192 รถไฟฟาบีทีเอส (BTS) 0 2617 6000 รถไฟฟามหานคร (MRT) 0 2716 4044 0 2624 5200 สายดวน บขส. (บร�ษัท ขนสง จำกัด) 1490 ดาวนโหลด 8 ยานยลกรุง E-BOOK PDF คูมือแหลงทองเที่ยวทางประวัติศาสตรของเมือง และศิลปวัฒนธรรมทองถิ�นพ�้นที่หร�อยานเกา Bangkok Tourism Division www.visitbangkokth.com