The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักเกณฑ์การปฏิบัติสมาธิ โดย หลวงตามหาบัว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-09 20:31:04

หลักเกณฑ์การปฏิบัติสมาธิ โดย หลวงตามหาบัว

หลักเกณฑ์การปฏิบัติสมาธิ โดย หลวงตามหาบัว

Keywords: หลักเกณฑ์การปฏิบัติสมาธิ,หลวงตามหาบัว

หลักเกณฑก์ ารปฏบิ ตั สิ มาธิ ปัญญา
หลวงตามหาบวั ญาณสมั ปันโน
เทศนอ์ บรมพระ ณ วดั ป่ าบา้ นตาด
(๓ พฤษภาคม ๒๕๒๙)

หลกั ปฏปิ ทาเคร่อื งดาํ เนนิ อนั เป็นศนู ยก์ ลางและเหมาะสม
อย่างย่ิง คือ ธดุ งควตั ร ๑๓ ขอ้ น่ีเป็นเครอ่ื งดาํ เนินสาํ หรบั พระผู้
เห็นภยั เพ่ือจะหลดุ พน้ จากภยั ใหถ้ งึ แดนเกษม คือพระนิพพาน
สว่ นประกอบภายในจิต อารมณข์ องจติ เครอ่ื งดาํ เนินของจิต
ไดแ้ กก่ รรมฐาน ๔๐ หอ้ งดงั ท่ีทา่ นแสดงไว้ จะเป็นบทใดก็ตามใน
กรรมฐาน ๔๐ หอ้ งนนั้ ท่ีเหน็ วา่ เหมาะสมกบั จรติ นิสยั ของผู้
ปฏิบตั เิ ป็นราย ๆ ไป ย่อมยดึ เอาธรรมบทนนั้ ๆ ท่ีตนชอบเขา้ มา
กาํ กบั ใจ ท่ีเรยี กวา่ บรกิ รรมภาวนา ดงั อนสุ สติ ๑๐ นมี้ ี พทุ โธ ธมั
โม สงั โฆ เป็นตน้ อย่ใู นอนสุ สติ ๑๐ นี้ เราจะเอาบทใด หรอื อา
นาปานสติ

ธรรมเหลา่ นนั้ บทใดเหมาะสมกบั จรติ นิสยั ของผบู้ าํ เพ็ญราย
ใด พงึ นาํ ธรรมบทนนั้ เขา้ มากาํ กบั ใจ ใหเ้ ป็นบรกิ รรมภาวนา

1

หรอื กาํ หนดรู้ เช่น ลมหายใจเขา้ ออก ไม่ตอ้ งบรกิ รรมหรอื
บรกิ รรมก็ได้ ตามแตค่ วามถนดั ใจ ถา้ ไมบ่ รกิ รรมก็ใหร้ ูล้ มเขา้ ลม
ออก ลมสมั ผสั ท่ีตรงไหนมาก พงึ ตงั้ สติลงท่ีจดุ นนั้ เชน่ ดงั้ จมกู
เป็นตน้ เป็นท่ผี า่ นเขา้ ออกของลมอย่างเดน่ ชดั รูไ้ ดช้ ดั สมั ผสั
มากกวา่ ท่ีอ่ืน ๆ ก็กาํ หนดท่ีตรงนนั้ ไว้

ใหค้ วามรูค้ อื ใจนนั้ อย่กู บั ความสมั ผสั ของลมผ่านเขา้ ผา่ น
ออก โดยไมต่ อ้ งตามลมเขา้ ไปและตามลมออกมาในขนั้ เรม่ิ แรก
จะเป็นการฟ่ันเฝือมากไป หรอื เพ่มิ ภาระใหจ้ ติ มากไป จงึ ตอ้ งให้
กาํ หนดรูอ้ ย่เู พียงลมเขา้ ลมออกเทา่ นนั้ ไม่ใหจ้ ิตสง่ ไปสสู่ ถานท่ี
อ่นื ใดอารมณใ์ ด นอกจากลมเขา้ ลมออกท่ตี นกาํ หนดอยนู่ นั้
เทา่ นนั้ เราจะบรกิ รรมธรรมบทใดก็ตาม ใหพ้ งึ ทาํ ความรูส้ กึ อยู่
กบั ธรรมบทนนั้ ๆ เทา่ นนั้ ประหนง่ึ วา่ โลกนีไ้ มม่ ีอนั ใดในเวลานนั้
มีเฉพาะคาํ บรกิ รรม กบั ความรูท้ ่ีสมั ผสั สมั พนั ธก์ นั อย่นู ีเ้ ทา่ นนั้
ท่านเรยี กวา่ ภาวนาท่ีถกู ตอ้ งเหมาะสม

ในธรรมท่ีกลา่ วมา ๔๐ หอ้ งนี้ เป็นธรรมท่เี หมาะสมกบั ผู้
ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ จะยดึ เอาบทใดก็ตาม เม่อื เหน็ ถกู กบั จรติ นิสยั

2

จงึ เรยี กวา่ เป็นธรรมกลาง ๆ เป็นปฏิปทาท่ีราบร่นื ดงี าม บรรดา
พระสาวกอรหนั ตท์ งั้ หลายทา่ นผา่ นไปดว้ ยธรรมเหลา่ นีแ้ ล ในขนั้
เรม่ิ แรกเป็นเชน่ นนั้ น่ีเราหมายถงึ เรม่ิ แรกแหง่ การภาวนา ตอ้ งมี
ธรรมบทใดบทหน่งึ เป็นเครอ่ื งเกาะเครอ่ื งยดึ เคร่อื งกาํ กบั ของใจ
ไม่เช่นนนั้ ใจจะหาท่ีเกาะท่ียดึ ไม่ได้ ไขวเ้ ขวไปหมดและไม่ไดผ้ ล
อนั ใด

ทา่ นจงึ สอนกรรมฐานไวใ้ นตวั ของเรานี้ กม็ กี รรมฐาน ๕ ท่ี
อปุ ัชฌายม์ อบใหต้ งั้ แตว่ นั อปุ สมบท คอื เกสา โลมา นขา ทนั
ตา ตโจ เราจะนาํ คาํ เหลา่ นคี้ าํ ใดคาํ หนง่ึ บทใดบทหนง่ึ บรกิ รรม
เชน่ เดยี วกบั ธรรมทงั้ หลายท่ีกลา่ วมาสกั ครูน่ ีก้ ็ไดไ้ ม่มีอะไร
ขดั ขอ้ ง เพราะเป็นธรรมเป็นกรรมฐานดว้ ยกนั น่ีเป็นธรรมฝึกหดั
เบอื้ งตน้ ตอ้ งมีบทธรรมเป็นเคร่อื งยดึ ไม่ใชจ่ ะกาํ หนดรูเ้ ฉย ๆ
ดงั ท่ีจติ ทา่ นมหี ลกั มีเกณฑแ์ ลว้ เชน่ จิตทา่ นผมู้ ีสมาธิเป็น
พืน้ ฐานอย่แู ลว้ นนั้ ท่านจะบรกิ รรมหรอื ไม่บรกิ รรม หากเป็นการ
เหน็ ควรของทา่ นเองสาํ หรบั ผมู้ ีหลกั ใจแลว้ สว่ นผทู้ ่ียงั ไม่มีหลกั

3

ใจ ตอ้ งยดึ หลกั ธรรมนีไ้ วก้ บั ใจเป็นเคร่อื งยดึ เป็นคาํ บรกิ รรม จงึ
เหมาะสม ไมเ่ ชน่ นนั้ ไม่ไดเ้ รอ่ื ง

ผปู้ ฏิบตั ทิ งั้ หลายพงึ กาํ หนดธรรมเหลา่ นี้ ใหเ้ ลือกเอาธรรม
เหลา่ นีท้ ่ีเหน็ วา่ เหมาะกบั จรติ นิสยั ของตนมาปฏิบตั ติ อ่ ตนเองใน
ขนั้ เรม่ิ แรก จนจิตเกิดเป็นสมาธิขนึ้ มา คือความแน่นหนาม่นั คง
ภายในใจ หากรูเ้ อง เม่ือจิตสงบลงไป ๆ หลายครงั้ หลายหน จิต
จะสรา้ งฐานแห่งความม่นั คงขนึ้ ภายในตวั เอง ความสงบเป็น
ครงั้ เป็นคราวแลว้ ถอนขนึ้ มานี้ ทา่ นเรยี กวา่ จติ รวมหรอื จติ สงบ
เม่ือจิตมีการสงบเขา้ ไปและถอนออกมา สงบตวั เขา้ ไปแลว้
ขยายตวั ออกมา อยา่ งนที้ ่านเรยี กวา่ จติ สงบ

เม่ือจติ สงบหลายครงั้ หลายหน ในแตล่ ะครงั้ ละหนของจิตท่ี
สงบนนั้ ย่อมสรา้ งฐานแหง่ ความแนน่ หนาม่นั คงขนึ้ ภายใน
ตวั เองโดยลาํ ดบั ลาํ ดา เม่ือนานเขา้ กก็ ลายเป็นสมาธิขนึ้ มา คือ
เป็นจติ ท่มี ่นั คง เป็นจติ ท่ีแนน่ หนา กาํ หนดดเู ม่ือไรก็รูไ้ ดช้ ดั วา่ นี้
คอื จดุ แห่งความรู้ นีค้ ือจดุ แหง่ จติ อนั เป็นความสงบประจาํ ตวั น่ี
เรยี กวา่ จิตเป็นสมาธิ

4

ไมใ่ ช่รวมลงไปแลว้ เป็นสมาธิ ๆ เราจะเรยี กวา่ สมาธิใน
ขณะท่ีจติ รวมก็ได้ แตท่ ่ีใหแ้ น่ท่ีสดุ ก็คือ จติ รวมตวั เขา้ ไปหลาย
ครงั้ หลายหน จนถงึ กบั สรา้ งฐานของตนใหเ้ กิดความม่นั คง
ขนึ้ มา แมจ้ ะคดิ อา่ นไตรต่ รองอะไรไดอ้ ยกู่ ็ตาม แตฐ่ านของจิตท่ี
แน่นหนาม่นั คงนนั้ ไม่ละตวั เอง น่นั จะเป็นความท่ีเหมาะสม
อย่างย่ิงในคาํ วา่ จิตเป็นสมาธิ เพราะเป็นอย่างนนั้ จรงิ ๆ ในวงผู้
ปฏบิ ตั จิ ะทราบไดช้ ดั ไม่ตอ้ งไปถามใครเลย

ขอแตจ่ ติ ไดส้ งบเขา้ ไปดงั ท่ีกลา่ วนีเ้ ถอะ เม่ือสงบเขา้ ไป ๆ
ถอนออกมา สงบเขา้ ไปหลายครงั้ หลายหนหลายวนั หลายคืน
เขา้ ไป หากเป็นความแนน่ หนาม่นั คงขนึ้ ภายในจติ เอง น่นั ทา่ น
เรยี กวา่ จติ เป็นสมาธิแลว้

จิตเป็นสมาธิยอ่ มมีความเยน็ ยอ่ มมีความสงบตวั ไมห่ วิ โหย
ในอารมณต์ า่ ง ๆ ไม่วา่ จะอารมณท์ างใด รูป เสยี ง กลน่ิ รส
เคร่อื งสมั ผสั เฉพาะอยา่ งย่งิ กามารมณเ์ ป็นสาํ คญั สาํ หรบั
นกั บวช อนั นีเ้ ป็นขา้ ศกึ มากภายในจติ ใจ และชอบคิดมาก คดิ ได้
อย่างรวดเรว็ แตห่ กั หา้ มไดย้ าก เหลา่ นีเ้ ม่ือจติ มีสมาธิคอื ความ

5

สงบแลว้ ส่ิงเหลา่ นีย้ อ่ มสงบตวั ไป แตไ่ ม่ใช่ขาด ไมใ่ ช่ละขาด เป็น
เพียงความสงบของจิต คอื จติ อ่มิ ตวั ในขนั้ นี้ ทา่ นจงึ สอนใหใ้ ช้
การพิจารณาคือปัญญา

ปัญญานนั้ หมายถงึ การถอดการถอน การคล่ีคลายดสู ่ิงตา่ ง
ๆ ใหเ้ หน็ ตามความเป็นจรงิ แลว้ ถอนไปโดยลาํ ดบั ลาํ ดา ตงั้ แต่
กิเลสขนั้ หยาบ ๆ จนกระท่งั ถึงขนั้ ละเอียดสดุ หลดุ พน้ ทา่ น
เรยี กวา่ ปัญญาทงั้ นนั้ แตเ่ ป็นขนั้ ๆ ของปัญญา สมาธิเป็นเพียง
ทาํ จติ ใหส้ งบเพ่ือจะไดพ้ จิ ารณาง่ายลงไป ผิดกบั การพจิ ารณา
ทงั้ ท่ีจติ หาพนื้ ฐานแห่งความสงบไมไ่ ดอ้ ย่เู ป็นอนั มาก
เพราะฉะนนั้ พระพทุ ธเจา้ ท่านจงึ สอนใหบ้ าํ เพ็ญทางสมาธิ ท่าน
เรยี กวา่ สมาธิอบรมปัญญา

ดงั ท่ีกลา่ วไวใ้ นอนศุ าสน์ สมาธิปริภาวติ า ป�ญฺ า มหปฺ
ผลา โหติ มหานิสสํ า สมาธิเป็นเคร่อื งหนนุ ปัญญา ให้
พิจารณาสงิ่ ทงั้ หลายรูไ้ ดแ้ จม่ แจง้ ชดั เจนโดยลาํ ดบั ลาํ ดา
ป�ญฺ าปริภาวิตํ จติ ตฺ ํ สมมฺ เทว อาสเวหิ วมิ ุจจฺ ติ ปัญญา
เม่ือสมาธิไดอ้ บรมแลว้ ย่อมมีความคลอ่ งตวั คอื ไดร้ บั การอบรม

6

ไดร้ บั ความหนนุ มาจากสมาธิแลว้ ยอ่ มมีความคลอ่ งตวั ในการ
พิจารณาแยกแยะอารมณต์ า่ ง ๆ จนถึงกบั ตดั ขาดได้ หลดุ พน้
จากกิเลสทงั้ ปวงโดยชอบ น่นั ทา่ นวา่ สมมฺ เทว อาสเวหิ วมิ ุจจฺ
ติ คอื หลดุ พน้ จากกิเลสทงั้ ปวงโดยชอบ น่ีหลกั ธรรมท่ีทา่ นแสดง
เป็นพืน้ เป็นฐานอนั ตายตวั ไวเ้ ป็นจดุ ศนู ยก์ ลางโดยแทจ้ รงิ

ท่านจงึ สอนใหอ้ บรมสมาธิเพ่ือเป็นบาทเป็นฐาน เพ่ือจิตไดม้ ี
ความสงบตวั มีความอ่มิ ตวั ในอารมณท์ งั้ หลาย อยดู่ ว้ ยความ
สงบเยน็ ใจ เม่ือจติ มีความสงบเยน็ ใจแลว้ ย่อมพาพจิ ารณาอะไร
เป็นการเป็นงานไดด้ ีกวา่ การใชใ้ หจ้ ติ พจิ ารณาทงั้ ท่ีจิตหาความ
เป็นสมาธิไมไ่ ด้ และกาํ ลงั หวิ โหยในอารมณเ์ ป็นไหน ๆ

การพจิ ารณาจิตท่ีไมเ่ คยมีความสงบเลยใหเ้ ป็นปัญญา
มกั จะเป็นสญั ญาเถลไถลออกนอกลนู่ อกทางอยเู่ สมอ ๆ ไมค่ อ่ ย
จะไดเ้ รอ่ื งไดร้ าวอะไร จนถงึ กบั วา่ ไมไ่ ดเ้ ร่อื ง ท่านจงึ สอนสมาธิ
เป็นบาทเป็นฐาน เป็นเคร่อื งยืนยนั วา่ จะไดผ้ ลในการพิจารณา
ทางดา้ นปัญญา เม่ือสมาธิมีอย่ภู ายในจติ ใจแลว้ ใจไมห่ ิวโหย
ใจไม่รวนเร ใจไม่กระวนกระวาย ย่อมทาํ หนา้ ท่ีการงานของตน

7

ไปโดยลาํ ดบั ลาํ ดาตามสตทิ ่บี งั คบั ใหท้ าํ จนถงึ กบั ไดป้ รากฏผล
ขนึ้ มาเป็นปัญญาโดยลาํ ดบั ลาํ ดา จนถงึ ขนั้ ปัญญาท่เี หน็ เหตุ
เหน็ ผลแลว้ และหมนุ ตวั ไปเองโดยไม่ตอ้ งถกู บงั คบั เหมือนตงั้ แต่
กอ่ นท่ีเคยบงั คบั กนั น่นั เลย น่ีเป็นอยา่ งนี้

ในเบอื้ งตน้ จงึ ตอ้ งอาศยั คาํ บรกิ รรมเป็นพืน้ ฐานกอ่ น น่ีเป็น
หลกั ตายตวั เป็นหลกั ศนู ยก์ ลางแหง่ การปฏบิ ตั ิของผบู้ าํ เพ็ญ
ทงั้ หลาย ไม่ควรจะละไม่ควรจะปลอ่ ยวางคาํ บรกิ รรมซง่ึ เป็น
เคร่อื งยดึ ของจติ ในขนั้ เรม่ิ แรก เพ่ือหาหลกั ฐานใสต่ วั เอง จงึ
จาํ ตอ้ งใชบ้ ทบรกิ รรมนีเ้ ป็นฐานสาํ คญั มากอยเู่ สมอ

จนกวา่ จติ นีไ้ ดเ้ รม่ิ เป็นสมาธิขนึ้ มา ถึงกบั เป็นสมาธิแลว้ คาํ
บรกิ รรมเหลา่ นนั้ ซง่ึ เคยนาํ มาบรกิ รรมเป็นประจาํ นนั้ ก็ยอ่ มจะ
ปลอ่ ยวางกนั ได้ ดว้ ยความเขา้ ใจตวั เองวา่ สมควรจะปลอ่ ยวาง
หรอื ไม่ นนั้ เป็นสง่ิ ท่ีจะทราบดว้ ยสมาธิของตวั เอง ดว้ ยหลกั ของ
ความรูค้ อื ความเดน่ ชดั แหง่ จดุ ของผรู้ ูข้ องตวั เอง แลว้ จะไม่
บรกิ รรมก็ได้ โดยกาํ หนดเอาความรูน้ นั้ เป็นฐานทีเดยี ว อย่กู บั

8

ความรูน้ นั้ เม่อื จะกาํ หนดใหค้ วามรูน้ นั้ มคี วามสงบลงไป ก็
กาํ หนดลงไดอ้ ย่างง่ายดาย ทีนกี้ ็เปล่ียนแปลงไปไดเ้ รอ่ื ย

ท่ีน่ีคาํ วา่ คาํ บรกิ รรมในกรรมฐาน ๔๐ หอ้ งนี้ หลกั ใหญ่ก็เป็น
การบาํ เพญ็ ในเบือ้ งตน้ ผบู้ าํ เพ็ญในขนั้ เรม่ิ แรกจาํ ตอ้ งไดย้ ดึ
ธรรมเหลา่ นีไ้ วเ้ ป็นหลกั เกณฑข์ องใจ จนกวา่ ใจจะไดห้ ลกั ได้
เกณฑ์ แลว้ คอ่ ยแผ่กระจายออกไปในงานทงั้ หลาย ทนี ีห้ าความ
เป็นประมาณไม่ได้ เม่ือจิตไดเ้ ป็นสมาธิแลว้ ฝึกหดั ทางดา้ น
ปัญญา ปัญญาจะตแี ผอ่ อกไปโดยลาํ ดบั ลาํ ดา คาํ บรกิ รรมนนั้
จะหายไปโดยหลกั ธรรมชาตขิ องผบู้ าํ เพญ็ น่นั แล

เพราะฉะนนั้ ผบู้ าํ เพญ็ ถงึ ขนั้ สมาธิอยา่ งแนว่ แนแ่ ละขนั้
ปัญญาแลว้ ในคาํ บรกิ รรมทงั้ หลายจงึ หายไปโดยหลกั ธรรมชาติ
แห่งการปฏิบตั ิของตวั เอง คอื คอ่ ยหายไปเอง เชน่ เดียวกบั เราขนึ้
บนั ได กา้ วขนึ้ ไปขนั้ ท่ี ๑ ขนั้ ท่ี ๒ ขนั้ ท่ี ๑ กห็ มดความจาํ เป็นไป
กา้ วผา่ นไป ๆ จนถงึ วาระสดุ ทา้ ย กา้ วขนึ้ ถงึ บนบา้ น น่ีคาํ
บรกิ รรมก็คอ่ ยเปล่ียนตวั เองไปเชน่ นนั้ จนถงึ ขนั้ ปัญญาแลว้ ไม่
ตอ้ งบอกท่นี ่ี หากรูใ้ นตวั เองวธิ ีทาํ การทาํ งาน

9

เหมือนโลกเขาทาํ งาน ผใู้ หญ่ทาํ งานเขา้ ใจในงาน ทาํ ไปได้
กวา้ งขวางมากมายผิดกบั เด็กเป็นไหน ๆ น่ีการทาํ งานของสมาธิ
ท่ีมีหลกั มีเกณฑแ์ ลว้ กบั การทาํ งานทางดา้ นปัญญาก็เป็น
เชน่ เดยี วกนั มีความขยายตวั ออกไปโดยลาํ ดบั ลาํ ดาจนหา
ประมาณไมไ่ ด้ แตผ่ ปู้ ฏิบตั ิหรอื ผดู้ าํ เนินสมาธิดาํ เนนิ ปัญญานนั้
จะรูต้ วั เอง โดยไมต่ อ้ งไปถามใครวา่ ควรจะปลอ่ ยคาํ บรกิ รรม
มากนอ้ ยเพียงไร หรอื ไม่ปลอ่ ย เป็นยงั ไง ในเวลาใดขณะใด หาก
ทราบเองในผปู้ ฏิบตั นิ นั้ ขอใหท้ กุ ๆ ทา่ นยดึ ไวเ้ ป็นหลกั เป็น
เกณฑใ์ นการปฏบิ ตั ภิ าวนา

หลกั ใหญ่ใหจ้ ติ สงบไดน้ นั้ แหละเป็นของดี เพียงจติ สงบ
เทา่ นนั้ ก็ตดั ความกงั วลวนุ่ วาย ซง่ึ เคยประจาํ จติ เสยี ดแทงจติ
ออกไดโ้ ดยลาํ ดบั ลาํ ดา จนถงึ กบั เป็นขนั้ สบาย เพราะฉะนนั้ ผู้
ภาวนาเม่ือจติ เป็นสมาธิแลว้ จงึ มกั ขีเ้ กียจในการพิจารณาธรรม
ทงั้ หลายดว้ ยปัญญา นอนจมอย่กู บั สมาธินนั้ เสยี ไมอ่ อกพินิจ
พจิ ารณา สดุ ทา้ ยก็เขา้ ใจวา่ ความรูท้ ่ีแนว่ แนแ่ หง่ ความเป็นสมาธิ
ของตนนนั้ จะเป็นมรรคผลนพิ พานไปเลย ในขอ้ นีผ้ มเคยเป็น

10

แลว้ จงึ ไดน้ าํ มาอธิบายใหท้ า่ นทงั้ หลายไดท้ ราบ วา่ สมาธิตอ้ ง
เป็นสมาธิ ปัญญาตอ้ งเป็นปัญญา เป็นคนละสดั เป็นคนละสว่ น
เป็นคนละอนั จรงิ ๆ ไมใ่ ชอ่ นั เดียวกนั หากเป็นอย่ใู นจติ อนั
เดยี วกนั น่นั แล เป็นแตเ่ พยี งไมเ่ หมือนกนั

จติ ท่ีเป็นสมาธิก็เตม็ ภมู ิไดเ้ หมือนกนั เม่ือถงึ ขนั้ เตม็ ภมู ิแลว้
จะทาํ อยา่ งไรก็ไมเ่ กินนนั้ ไม่เลยนนั้ ไปอีก ถึงขนั้ สมาธิท่เี ตม็ ภมู ิ
แลว้ ก็มีแตค่ วามแนว่ แน่ของจิต ความละเอยี ดของจติ ท่ีรูอ้ ยา่ ง
แนว่ แน่เท่านนั้ จะใหม้ ีความละเอยี ดแหลมคมหรอื แยบคายตา่ ง
ๆ แผก่ ระจายออกไปฆา่ กิเลสตณั หาอาสวะประเภทตา่ ง ๆ ท่ีมี
อยภู่ ายในใจนนั้ ไม่ได้ เพราะไม่เหน็ เพราะไม่รู้ ดว้ ยเหตนุ ีท้ ่านจงึ
สอนใหพ้ จิ ารณาทางดา้ นปัญญา ซง่ึ เป็นเร่อื งแยบคายย่งิ กวา่
สมาธิอย่มู ากมายจนหาประมาณไมไ่ ด้ น่ีละปัญญาจงึ เป็น
ปัญญา

ผทู้ ่ีเป็นสมาธิถา้ ไมอ่ อกพจิ ารณาทางดา้ นปัญญา จะเป็น
สมาธิอย่อู ย่างนนั้ ตลอดไปจนกระท่งั วนั ตายก็หาเป็นนพิ พานได้
ไม่ หาเป็นปัญญาไดไ้ ม่ ตอ้ งเป็นสมาธิอย่ตู ลอดไป น่ีละทา่ นจงึ

11

สอนใหอ้ อกพจิ ารณาทางดา้ นปัญญา มีความจาํ เป็นอยา่ งนี้ ให้
ทกุ ๆ ทา่ นจาํ ไวใ้ หแ้ ม่นยาํ น่สี อนดว้ ยความแม่นยาํ ดว้ ย สอน
ดว้ ยความแนใ่ จของเจา้ ของ เพราะไดผ้ ่านมาแลว้ อยา่ งนี้ ติด
สมาธิก็เคยตดิ แลว้

ผมเคยไดพ้ ดู ใหห้ มเู่ พ่ือนฟังมานานแสนนานหลายครงั้
หลายหน จนนบั ไมไ่ ดน้ นั้ แหละ วา่ ไดต้ ดิ สมาธินีม้ าเสยี อย่าง
จาํ เจ หรอื ตดิ สมาธิมาเสียจนจมพดู ง่าย ๆ จนเป็นความขีเ้ กียจ
จนเกิดความสาํ คญั วา่ สมาธินีแ้ ลจะเป็นนพิ พาน สมาธินีแ้ ลจะ
เป็นธรรมชาตทิ ่ีสนิ้ กิเลส จะสนิ้ อยตู่ รงนี้ ตรงท่ีรู้ ๆ น่ีละ ไมม่ ีท่ีอ่นื
ใดเป็นท่ีสนิ้ กิเลส น่นั เหมาเอาเสยี ทงั้ หมด

ความจรงิ ความรูอ้ นั นนั้ มนั กลมกลืนกบั อะไรอยู่ เพียงขนั้
ของสมาธิ ความรูใ้ นขนั้ สมาธิ จะไปสามารถรูก้ ิเลสใหเ้ หนือ
สมาธิไปไดอ้ ย่างไร เพราะกิเลสท่ีละเอยี ดเหนือสมาธิมีอกี
มากมายย่งิ กวา่ ท่ีความรูใ้ นขนั้ สมาธิจะรูไ้ ดเ้ ป็นไหน ๆ
เพราะฉะนนั้ ทา่ นจงึ สอนใหแ้ ยกทางดา้ นปัญญา

12

เม่ือจิตมีความสงบ จะสงบขนั้ ใดก็ตามยอ่ มเป็นบาทเป็น
ฐาน เป็นเคร่อื งหนนุ ปัญญาตามขนั้ ของตนได้ ใหพ้ จิ ารณา แต่
ไม่ใช่พิจารณาในขณะท่ีจติ สงบ ตา่ งวาระกนั เม่ือจติ ถอยออก
จากความสงบแลว้ ใหใ้ ชป้ ัญญาพจิ ารณา

การใชป้ ัญญาพิจารณาก็หมายถงึ ขนั ธห์ า้ นแี้ หละ เป็น
สถานท่ที ่ีคล่คี ลายพนิ ิจพิจารณา เพราะนีเ้ ป็นสง่ิ ท่ีเราตดิ กอ่ นสิ่ง
ใดภายนอก ตดิ อนั นีก้ ่อน ตดิ ขนั ธห์ า้ คืออะไร รูปเป็นสาํ คญั รูป
กาย กายของเรามีอะไรบา้ ง น่ีเรยี กวา่ คล่คี ลายแลว้ ท่ีน่ีนะ ผม
ขน เลบ็ ฟัน หนงั อนั ใดท่ีเหมาะกบั การพจิ ารณาของเราเราจบั
จดุ นนั้ กอ่ น ธรรมชาตขิ องสงิ่ เหลา่ นีใ้ หด้ ทู งั้ ท่ีเกิดทงั้ ท่ีอย่ขู องมนั
ทงั้ ความแปรสภาพของมนั เป็นอย่างไรบา้ ง แตล่ ะชนิ้ ละอนั นีม้ นั
เดินทางสายเดยี วกนั ดว้ ย อนิจฺจํ ทกุ ฺขํ อนตตฺ า ไม่ปลกี ไม่แวะ ไป
ทางสายเดียวกนั และมีสว่ นท่ีเป็นอสภุ ะอสภุ งั อกี มากมายใน
บางสว่ นของรา่ งกายเหลา่ นี้ เป็นอยา่ งไรบา้ งพิจารณา น่ที า่ น
เรยี กวา่ ปัญญา

13

แยกแยะดจู ะดภู ายนอกก็ไดภ้ ายในก็ได้ เป็นมรรคไดท้ งั้ สอง
ทาง คือทงั้ ภายนอกทงั้ ภายใน เม่ือพจิ ารณาใหเ้ ป็นมรรค คือ
พจิ ารณาโดยทางปัญญาเพ่อื การถอดการถอน เป็นมรรคไดท้ งั้
ภายนอกภายใน ถา้ เรารูเ้ ราเหน็ เราสาํ คญั ม่นั หมายเพ่ือความ
ผกู มดั ตวั เอง นนั้ ก็เป็นสมทุ ยั ไดท้ งั้ ภายนอกภายใน น่ีจะอธิบาย
ใหฟ้ ังเพยี งราง ๆ กอ่ น ไมไ่ ดพ้ ดู ใหเ้ ตม็ เม็ดเตม็ หนว่ ย เพราะยงั มี
แงท่ ่ีจะพดู อกี มากมายในวงแหง่ ปัญญาในขนั ธห์ า้ เหลา่ นี้

เราดไู ปตงั้ แตห่ นงั แตเ่ นือ้ เอน็ กระดกู เอา ดเู ขา้ ไปภายใน
มนั มีอะไรบา้ ง น่ีคือปัญญา คล่ีคลายดใู หเ้ ห็นชดั เจน แตเ่ วลา
พจิ ารณานนั้ เราอย่าเอาความท่วี า่ อยากรูอ้ ยากเหน็ อยากให้
เป็นอยา่ งใจโดยถา่ ยเดยี วเขา้ ไปทาํ ลายความจรงิ ความจรงิ นนั้
เป็นความจรงิ อย่แู ลว้ ใหพ้ จิ ารณาสอดสอ่ งดตู ามความจรงิ นนั้
แลว้ จะเหน็ ความจรงิ ขนึ้ มา เม่ือพิจารณาซา้ํ ๆ ซาก ๆ ดหู ลาย
ครงั้ หลายหนเราจะเหน็ ความจรงิ ขนึ้ มา เชน่ อนิจฺจํ ก็จรงิ อนั หนง่ึ
ทกุ ฺขํ จรงิ อนั หนง่ึ อนตฺตา จรงิ อนั หนง่ึ อสภุ ะอสภุ งั แตล่ ะอย่าง ๆ
จรงิ ไปตามหลกั ธรรมชาติของตวั เอง น่ีมนั จรงิ อยา่ งนี้ เม่อื จรงิ

14

เขา้ ถงึ ใจแลว้ ใจย่อมมีความคลายตวั เองออกไปโดยลาํ ดบั จาก
ความยดึ ม่นั ถือม่นั ในสงิ่ ทงั้ หลายเหลา่ นี้ น่ีทา่ นเรยี กวา่ พิจารณา
ทางดา้ นปัญญา

แลว้ พิจารณาภายนอกก็ใหเ้ ป็นอยา่ งนนั้ ไดย้ ินส่ิงใดเม่ือจติ
ท่ีควรจะเป็นปัญญาไดแ้ ลว้ พอไดย้ นิ ก็จะแปรสภาพเป็นปัญญา
ขนึ้ มา ไดเ้ หน็ ก็จะแปรสภาพเป็นปัญญาขนึ้ มา ในขณะท่ีไดเ้ ห็น
ไดย้ ินไดฟ้ ัง สมั ผสั สมั พนั ธก์ บั สงิ่ ตา่ ง ๆ จะเป็นเรอ่ื งปัญญา
ขนึ้ มา ๆ เชน่ เดยี วกบั มนั เคยสรา้ งเร่อื งกิเลสขนึ้ มาในขณะท่ีได้
เหน็ ไดย้ นิ ไดฟ้ ังแตก่ อ่ นนนั้ แล ไม่ผิดกนั อะไรเลย เม่ือถึงขนั้
ปัญญาจะทราบจะรูเ้ ป็นอยา่ งนนั้ น่ีละวิธีการดาํ เนิน ใหย้ ดึ หลกั
ท่ีกลา่ วมานีเ้ ป็นทางดาํ เนิน อย่าหาเรอ่ื งหาราวใสต่ วั แฝง ๆ
เร่อื งนนั้ แฝง ๆ เร่อื งนีไ้ ป ไมถ่ กู หลกั ใหญ่อย่ตู รงนีล้ ะใหย้ ดึ เอา

ครูบาอาจารยท์ งั้ หลายก็ดี หรอื นบั ตงั้ แตพ่ ระสาวกทงั้ หลาย
ลงมาก็ดี ทา่ นหลดุ พน้ ดว้ ยอาํ นาจแหง่ กรรมฐาน ๔๐ นีท้ งั้ นนั้
แหละ กรรมฐาน ๔๐ นีแ้ ลเป็นธรรมท่ีสรา้ งจติ ทา่ นใหม้ คี วาม
สงบรม่ เยน็ ตอ่ จากนนั้ ไปก็สรา้ งทางดา้ นปัญญาใหร้ ูแ้ จง้ แทง

15

ทะลไุ ป ไม่พน้ จากกรรมฐานท่ีกลา่ วมาเหลา่ นีเ้ ลย เพราะ
กรรมฐาน ๔๐ นีไ้ มใ่ ชจ่ ะเป็นอารมณแ์ ห่งสมถะอยา่ งเดียว ยงั
เป็นอารมณข์ องวิปัสสนาไดด้ ว้ ย เม่ือจิตควรแก่วิปัสสนาแลว้ จะ
เป็นวปิ ัสสนาไปไดโ้ ดยไมต่ อ้ งสงสยั

ในขณะท่ีจิตยงั ไม่เป็นปัญญา จิตยงั ไม่เป็นวปิ ัสสนา ก็เอา
ธรรมเหลา่ นีแ้ ลมาอบรมจติ ใจดว้ ยความเป็นสมถะ คือเพ่ือความ
เป็นสมถะ ไดแ้ ก่ความสงบของใจ พอจติ กา้ วเขา้ สปู่ ัญญาแลว้
ธรรมท่ีเคยเป็นอารมณแ์ หง่ สมถะนีแ้ ล จะแปรสภาพเป็นอารมณ์
แห่งวปิ ัสสนาไปไดโ้ ดยไม่ตอ้ งสงสยั น่ีละหลกั ใหญ่อยตู่ รงนี้

เม่ือการพจิ ารณาทางดา้ นปัญญาเก่ียวกบั ขนั ธน์ อกขนั ธใ์ น
พจิ ารณาอยโู่ ดยสม่าํ เสมอดงั ท่ีกลา่ วนี้ ความรูแ้ จง้ ภายในจิตใจ
จะปรากฏขนึ้ โดยลาํ ดบั ลาํ ดา โดยไม่มีใครบอกไม่มีใครสอน ส่งิ
ไม่เคยรูจ้ ะรูข้ นึ้ มา ส่งิ ท่ีไมเ่ คยละก็จะละ ส่งิ ท่ีเคยตดิ แนบภายใน
จิตใจของเรา จนไม่คาดไมฝ่ ันวา่ จะแกจ้ ะแยกจะแยะจะตดั กนั
ออกไดใ้ หข้ าด ก็เป็นขนึ้ มาใหเ้ หน็ อยา่ งชดั เจนภายในใจ ดว้ ย
อาํ นาจของปัญญาน่นั แล

16

เพราะฉะนนั้ ปัญญาจงึ เป็นธรรมชาตทิ ่ีแหลมคมมากกวา่
สมาธิเป็นไหน ๆ ถา้ เรายงั ไมเ่ คยกา้ วทางดา้ นปัญญามีแตเ่ พียง
สมาธิ ก็จะเหน็ วา่ สมาธินีเ้ ป็นความละเอยี ดมาก เพราะจติ ท่ีเป็น
สมาธิเตม็ ภมู ิ ตอ้ งสรา้ งความละเอยี ดใหผ้ ยู้ งั ไมเ่ คยรูเ้ คยเหน็
ทางดา้ นปัญญาวา่ ตวั นีเ้ ป็นผลู้ ะเอียดแหลมคมมาก ละเอียด
มากไดจ้ รงิ ๆ โดยไม่ตอ้ งสงสยั

แตพ่ อกา้ วออกทางดา้ นปัญญาแลว้ จะเหน็ สมาธิน.ี้ .
เหมือนกบั เราเดินทางไปเจอตะก่วั ทีแรกกว็ า่ เป็นของดี พอไป
เจอเงนิ เขา้ กท็ งิ้ ตะก่วั พอไปเจอทองเขา้ ก็ทงิ้ เงนิ แบบนนั้ แหละ
เรอ่ื งเราผ่านสมาธิเป็นขนั้ ๆ ขนึ้ ไปหาปัญญาเป็นขนั้ ๆ
จนกระท่งั ถงึ วมิ ตุ ติหลดุ พน้ เป็นเชน่ เดียวกนั กบั เราปลอ่ ยวางสง่ิ
นนั้ ๆ กา้ วผา่ นไปโดยลาํ ดบั ลาํ ดานนั้ เอง ดงั ท่ีกลา่ วมานีไ้ ม่ผดิ
หากเป็นไปในหลกั ธรรมชาตขิ องจติ น่นั ละ ความละเอยี ดของ
ปัญญาเป็นเชน่ นนั้

ท่ีน่ีธรรมชาตอิ นั หน่งึ ท่ีมนั แทรก ท่ีเหมือนกบั วา่ เป็นอนั หน่งึ
อนั เดียวกนั กบั จิตนนั้ มนั อย่ทู ่ีจิต เพียงสมาธิจะไมม่ ีโอกาสไมม่ ี

17

ทางทราบไดเ้ ลย จะกลืนกนั ทงั้ เนือ้ ทงั้ กระดกู ทงั้ กา้ งนนั้ แหละถา้
เป็นอาหารก็ดี แลว้ ก็จะติดคอตายอยนู่ นั้ ไม่ไปถึงไหน ถา้ ไม่ใช้
ความพินิจพิจารณาคล่คี ลายออกโดยทางปัญญาแลว้ เราจะไม่
ทราบความละเอียดของกิเลสประเภทท่ีฝังจมอยภู่ ายในจติ ใจ
แลว้ ก็แผ่พงั พานออกไปทางรูป ทางเวทนา สญั ญา สงั ขาร
วญิ ญาณ แผพ่ งั พานออกไปนนู้ รูป เสยี ง กลิ่น รส เครอ่ื งสมั ผสั
ท่วั แดนโลกธาตุ ไปเท่ียวยดึ ไดห้ มด ออกจากธรรมชาติท่ีละเอยี ด
ท่ีสดุ ของกิเลสประเภทหน่งึ ภายในจติ ใจน่นั แล น่ีละมนั สรา้ ง
เรอ่ื งราวขนึ้ มาภายในตวั แลว้ แผ่อาํ นาจสาดกระจายไปท่วั
โลกธาตทุ งั้ สาม

กามโลก รูปโลก อรูปโลก ถา้ ไม่ใชจ่ ิตดวงนีไ้ ปเกิดดวงไหน
จะไปเกิด อะไรจะไปเกิด สงิ่ ท่ีละเอียดท่ีสดุ พวกพรหมโลก
เหลา่ นีก้ ็เหมือนกนั อะไรจะไปเกิด มีแตจ่ ิตทงั้ นนั้ ไปเกิด เพราะ
ธรรมชาติท่ีแฝงอย่ภู ายในจิตนนั้ ผลกั ดนั ใหเ้ ป็นไปเอง ใหไ้ ปเกิด
น่ีละปัญญาเม่อื สรา้ งเขา้ ไป มนั เหน็ เขา้ ไปอยา่ งนีเ้ อง เหน็ ชดั เขา้

18

ไป ๆ ไม่ตอ้ งไปถามใคร น่นั ละผปู้ ฏบิ ตั ไิ ม่อศั จรรยพ์ ระพทุ ธเจา้
จะอศั จรรยใ์ คร สงิ่ เหลา่ นีพ้ ระพทุ ธเจา้ สอนแลว้ ทงั้ นนั้

เม่ือปัญญาหย่งั เขา้ ไป ๆ แลว้ จะเหน็ ความละเอยี ดของทงั้
กิเลสของทงั้ ปัญญาไปพรอ้ ม ๆ กนั เม่ือไดเ้ หน็ ชดั ทงั้ สงิ่ ท่ียดึ ม่นั
ถือม่นั ทงั้ ตวั ผยู้ ดึ ม่นั ถือม่นั แลว้ วา่ เป็นภยั ดว้ ยกนั ทาํ ไมจะไม่
ถอดไม่ถอน ทาํ ไมจะไมส่ ลดั ปัดทงิ้ ลงไดเ้ ลา่ ตอ้ งปัดทิง้ ไดโ้ ดยไม่
ตอ้ งสงสยั ปัญญานีแ้ หละพาใหส้ ลดั ปัดทิง้ ได้ เพราะเห็นดว้ ย
ปัญญา ทา่ นกลา่ วไวเ้ ป็นบทบาลวี า่ นตถฺ ิ ป�ญฺ าสมา อาภา
ความสวา่ งกระจ่างแจง้ เสมอดว้ ยปัญญาไม่มี จะสวา่ งกระจา่ ง
แจง้ ท่ีไหนเลา่ ปัญญา ตอ้ งสวา่ งกระจ่างแจง้ ลงในจดุ ท่ีมืดท่ีดาํ ท่ี
เคยเกิดเคยตายนนั้ แหละ ไดแ้ ก่ดวงใจของตวั เอง น่ีมนั มดื ท่ีตรง
นีไ้ มใ่ ช่มืดท่ีไหน มนั หลงท่ีตรงนีไ้ มห่ ลงท่ีไหน ตวั นีพ้ าใหเ้ กิด ตวั
นีพ้ าใหต้ าย

ภพใดแดนใดก็ตามไม่พน้ จากจติ ดวงนีแ้ ล เป็นผพู้ าใหไ้ ป
เกิดแกเ่ จ็บตาย อย่ใู นทกุ แหง่ ทกุ หน ในภพนอ้ ยภพใหญ่ภพนนั้
ภพนีไ้ ม่มีสนิ้ สดุ ก็เพราะธรรมชาติท่ีละเอยี ดแหลมคมมาก

19

กลมกลนื กนั อยกู่ บั จติ ดวงนนั้ น่นั ทีนีเ้ ม่ือปัญญาไดห้ ย่งั ทราบลง
ไปโดยลาํ ดบั ลาํ ดาตงั้ แตเ่ บญจขนั ธน์ ีเ้ ป็นของสาํ คญั เอาสว่ น
หยาบนีก้ ่อน มนั หากเป็นของมนั เอง ไม่ไดบ้ อกวา่ เอาสว่ นหยาบ
ก็ตามมนั หากเป็น เพราะมนั กระเทือนจิตอย่ตู ลอดเวลารูปอนั นี้

ไมว่ า่ รูปนอกไม่วา่ รูปในมนั กระเทือนกนั อยตู่ ลอดเวลา ให้
เป็นอารมณย์ งุ่ อยเู่ สมอ ก็เพราะรูปนอกกบั รูปใน รูปเขากบั รูป
เรา รูปหญิงกบั รูปชาย เสยี งหญิงเสยี งชาย เสยี งเขาเสียงเรา
สมั ผสั เขาสมั ผสั เรานีแ้ หละ เป็นส่งิ ท่ีกระทบกระเทือนจิตใจอยู่
ตลอดเวลา น่ีเม่ือพิจารณาลงไปมนั จะทราบสงิ่ เหลา่ นกี้ อ่ น เม่ือ
ทราบสง่ิ เหลา่ นีแ้ ลว้ ก็จะสลดั เขา้ มา ปลอ่ ยเขา้ มา จนกระท่งั ถึง
รา่ งกายของตวั เองก็สลดั เขา้ ไปเรอ่ื ย ๆ น่ีปัญญาเหมือนกบั ไฟได้
เชือ้ เผาเขา้ ไป ๆ ตรงใดจดุ ใดท่ีมีเชือ้ ไฟอยไู่ ฟจะลกุ ลามเขา้ ไป
ตรงนนั้ เอา้ จนกระท่งั ถงึ เวทนาเป็นสว่ นละเอยี ด

เม่ือออกจากรูปไปแลว้ จะเขา้ ถึงเวทนา เวทนาอะไร กาย
เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ เหลา่ นี้ จะเหน็ วา่ เป็นอาการ
อนั หน่งึ ๆ ท่ีออกมาจากใจทงั้ นนั้ เกิดแลว้ ดบั ๆ เวทนากค็ อื

20

ความทกุ ข์ ความทกุ ขไ์ มท่ ราบตวั เอง แตเ่ ป็นจติ เป็นผทู้ ราบ และ
ความสาํ คญั ม่นั หมายท่ีออกมาจาก อวชิ ฺชาปจจฺ ยา นนั้ ทาํ ให้
ยดึ ม่นั ถือม่นั ทงั้ สขุ เวทนา ทงั้ ทกุ ขเวทนา ทงั้ อเุ บกขาเวทนา ยดึ
ไดท้ งั้ นนั้ ถา้ ลงไดห้ ลงตวั จิตแลว้ จิตจะพาใหห้ ลงสิ่งเหลา่ นี้
ทงั้ หมด แตเ่ ม่ือไดร้ ูแ้ ลว้ จะรูเ้ ขา้ ไปโดยลาํ ดบั ลาํ ดาจนกระท่งั ถงึ
ตวั จิต เวทนาก็รู้ รูก้ ็ปลอ่ ย สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ รูป้ ลอ่ ย น่นั
ไมม่ ีใครบอกหากรูเ้ อง น่ีละเรยี กวา่ ปัญญา ปัญญาฉลาดอย่าง
นนั้ เอง แหลมคมอยา่ งนนั้ เอง รูช้ ดั ๆ ไมม่ ีใครมาบอกก็รูเ้ อง ๆ
และปลอ่ ยเขา้ ไป ๆ สดุ ทา้ ยก็ขาดสะบนั้ ไปทงั้ ๆ ท่ีขนั ธก์ บั จิตนี้
อย่ดู ว้ ยกนั ครองกนั อย่นู ะ

รูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ ซง่ึ เคยเป็นอนั หนง่ึ อนั
เดยี วกนั กบั จติ ไดก้ ลายเป็นคนละชนิ้ ละอนั แลว้ จติ ดวงนนั้ เป็น
เหมือนกบั เกาะอนั หนง่ึ ท่ีอยใู่ นทา่ มกลางมหาสมทุ ร ไดแ้ ก่ รูป
เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ อนั เป็นนา้ํ ทนี ีเ้ วลาพจิ ารณา
เขา้ ไปอีก พิจารณาเขา้ ไปจนกระท่งั ถงึ ตวั จติ ซง่ึ เป็นเกาะอนั นนั้
แยกพจิ ารณาอย่นู นั้ เชน่ เดยี วกบั เราพจิ ารณาภายนอกมรี ูปขนั ธ์

21

เป็นตน้ โดยทาง อนิจจฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตตฺ า แยกเขา้ ไป ๆ พจิ ารณา
เขา้ ไป สดุ ทา้ ยเกาะนนั้ ก็พงั ทลาย

ความจรงิ นนั้ เกาะคอื อะไร นนั้ แหละตวั กเิ ลส ตวั อวิชชา ตวั
ท่ีละเอียดแหลมคมท่ีสดุ สมาธิเขา้ ถงึ ไดย้ งั ไงธรรมชาตินนั้ เขา้
ไม่ถึง แตป่ ัญญาพงั ไดฟ้ ังซิ ไมเ่ จอไม่เหน็ พงั ไดย้ งั ไง น่ีละปัญญา
พงั ได้ เกาะนนั้ จนไมม่ ี ไมม่ เี หลอื ออ๋ เกาะนนั้ มนั เป็นเกาะอะไร
ก็เกาะ อวิชชฺ าปจจฺ ยา สงขฺ ารา เกาะแหง่ ภพ เกาะแหง่ ชาติ
เกาะแหง่ ความเกิดแก่เจบ็ ตาย เกาะแหง่ มหนั ตทกุ ขข์ องสตั วโลก
น่นั เองจะเป็นอะไรไป น่ีรูช้ ดั เจน

เม่ือธรรมชาตอิ นั นนั้ ไดพ้ งั ลงไปแลว้ ไม่มีเกาะไม่มีดอน จติ ท่ี
บรสิ ทุ ธิ์เต็มท่ีแลว้ ไมม่ ีสไี มม่ ีแสง ไม่มีคาํ วา่ ความสวา่ งกระจา่ ง
แจง้ ไมม่ ีความวา่ อบั เฉา เอามาพดู ไม่ได้ เพราะสง่ิ เหลา่ นนั้ เป็น
เร่อื งของสมมตุ ิทงั้ มวล เม่ือจิตไดผ้ า่ นนีล้ งไปแลว้ ไมม่ ีใครบอกก็รู้
แตไ่ มม่ ีคาํ วา่ สวา่ งกระจา่ งแจง้ ดงั ท่ีโลกๆ ทงั้ หลายคาดกนั หรอื
เราเองก็เคยคาดจะวา่ ยงั ไง เราเคยคาดเป็นยงั ไง คาดมนั เป็น
ยงั ไง ทีนีค้ วามจรงิ กบั ความคาดผิดกนั อยา่ งไรบา้ ง เม่ือไดเ้ ขา้ ถึง

22

ความจรงิ แลว้ ไอค้ วามคาดความหมายมนั ก็ลม้ ละลายของมนั
ไปเอง ลม้ ละลายไปเอง โดยเขา้ มาคดั คา้ นความจรงิ นีไ้ มไ่ ดเ้ ลย
น่ีละการตดั ภพตดั ชาติ

การสรา้ งปัญญาขนึ้ มาเพ่ือรูใ้ นสิง่ ท่ีควรรูใ้ นสิง่ ท่ีควรเหน็
ทา่ นวา่ นตถฺ ิ ป�ญฺ าสมา อาภา สวา่ งลงท่ีตรงนีแ้ หละ ตรงท่ี
มนั มืด เกาะนนั้ แหละเป็นธรรมชาติอนั หนง่ึ ใหต้ ิด ใหม้ องไม่
ท่วั ถงึ ก็คือเกาะอนั นีเ้ อง เกาะแหง่ อวิชชา มนั เกาะอยใู่ นท่ีจติ น่นั
ตดิ อยกู่ บั จติ เม่ือถกู พงั ทลายลงไปไมม่ ีเหลอื แลว้

ลาํ พงั โดยธรรมชาตขิ องจติ แท้ ๆ แลว้ จะไม่เป็นเกาะจะไม่
เป็นจดุ จะจบั ใหไ้ ดว้ า่ เป็นจดุ แหง่ ความสวา่ งก็ไมไ่ ด้ จะวา่ ผอ่ งใส
ก็ไม่ได้ จะวา่ เศรา้ หมองก็ไมถ่ กู โดยประการทงั้ ปวง ถา้ เป็นนา้ํ ก็
ไมม่ ีสี คือนา้ํ ท่ีสะอาดเตม็ ท่ีนยี้ อ่ มไม่มีสี ถา้ ตอ้ งการจะใหเ้ ป็นสีก็
เอาอะไรลงไปคลกุ เคลา้ กบั นา้ํ นา้ํ ก็ปรากฏเป็นสีนนั้ ๆ ขนึ้ มา จติ
ก็เหมือนกนั จติ ท่ีบรสิ ทุ ธิ์เตม็ ท่ีแลว้ ย่อมปราศจากสีสนั วรรณะ
โดยประการทงั้ ปวง ไม่มีในจติ ดวงนนั้ น่นั ทงั้ ๆ ท่ีรูอ้ ยงู่ นั้ หาก
ไมใ่ ช่อะไรทงั้ นนั้ น่ีท่านวา่ โลกตุ รธรรมเตม็ ภมู ิ ธรรมเหนือโลก

23

เหนืออะไร ก็เหนือธาตเุ หนือขนั ธ์ เหนือสง่ิ ทงั้ ปวงท่ีเราเคยคาด
เคยคดิ เคยติดเคยพนั มาแตก่ อ่ นน่นั แหละ มนั ไมต่ ดิ ไมพ่ นั ไมย่ ดึ
ไม่ถือ ปลอ่ ยไปหมดโดยประการทงั้ ปวง

น่ีละการพิจารณาการภาวนา ตงั้ แตเ่ รม่ิ ตน้ บรกิ รรมภาวนา
มาโดยลาํ ดบั ลาํ ดา กา้ วไปอย่างนี้ ๆ อยา่ ใหอ้ อกนอกลนู่ อกทาง
ใหด้ าํ เนินตามครูบาอาจารยท์ ่านสอนอยา่ งไร เหมือน
พระพทุ ธเจา้ ทา่ นสอนอย่างไร พระสาวกยดึ เป็นหลกั เป็นเกณฑ์
ไมเ่ คล่ือนคลาด จนกระท่งั ถงึ ความหลดุ พน้ ดว้ ยการยดึ หลกั
สวากขาตธรรมของพระพทุ ธเจา้ ใหแ้ นบสนิทกบั ใจ กลายเป็น
สาวกอรหนั ตข์ นึ้ มา ๆ

เหน็ ไหมพวกเรา ไดก้ ราบไหวบ้ ชู าอยทู่ กุ วนั นีเ้ ป็นโมฆะ
เม่ือไร เป็นของพดู เลน่ เม่ือไร พทุ ธฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ เป็นของเลน่
เม่ือไร เป็นของจรงิ แท้ ๆ ธรรมะท่พี ระพทุ ธเจา้ ไดส้ รา้ งขนึ้ มา เป็น
ความสวา่ งกระจา่ งแจง้ แก่โลกแกส่ งสารเป็นของเลน่ เม่อื ไร เป็น
ของจรงิ โดยแท้ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ เป็นผหู้ ลดุ พน้ ตามเสดจ็
พระพทุ ธเจา้ ทนั โดยแทไ้ มม่ ีทางสงสยั

24

ขอใหส้ รา้ งใจของเราใหเ้ ป็นอยา่ งนนั้ เถอะ เราจะยอมรบั
หมด พระพทุ ธเจา้ มีก่ีพระองค์ ก่ีลา้ นก่ีอะไรไมส่ งสยั ธรรมเป็น
ยงั ไงไม่สงสยั เพราะเป็นอยทู่ ่ีใจน่ีแลว้ ใจเป็นผรู้ ู้ ใจเป็นผเู้ ห็น ใจ
เป็นพทุ ธะ ใจเป็นธรรมะ ใจเป็นสงั ฆะผทู้ รงความบรสิ ทุ ธิข์ องตน
ไวเ้ ต็มสดั เตม็ สว่ นแลว้ จะสงสยั พระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์
ท่ีไหน ยืนยนั กนั ท่ีใจดวงนีเ้ อง น่ีละปัจจบุ นั จิตปัจจบุ นั ธรรม ท่าน
เรยี กวา่ อกาลิโก อกาลิกจติ อกาลกิ ธรรม เป็นอนั เดยี วกนั อยู่
ภายในจิตของผปู้ ฏบิ ตั ิ ของผหู้ ลดุ พน้ นนั้ แลจะเป็นท่ีไหนไป

ฉะนนั้ จงึ ขอใหท้ กุ ๆ ทา่ นไดน้ าํ ไปประพฤติปฏิบตั ิ อยา่
ทอ้ แทอ้ อ่ นแอ อย่าโลเลโลกเลก อยา่ เหน็ วา่ อนั นนั้ ดีอนั นีด้ ี ไมม่ ี
อะไรแหละ ในโลกนีเ้ ต็มไปดว้ ยกอง อนิจฺจํ ทกุ ฺขํ อนตตฺ า ทงั้ เขา
ทงั้ เรา เห็นกนั แลว้ เจอกนั แลว้ ไมไ่ ดบ้ น่ ใหก้ นั อย่ไู ม่ได้ ตอ้ งบน่ สู่
กนั ฟัง เพ่ือเป็นทางระบายความทกุ ขท์ งั้ หลายท่ีมนั อดั อนั้ ตนั ใจ
จะตายนนั้ แหละออกมา เขาก็ระบาย เราก็ระบาย สดุ ทา้ ยก็มีแต่
ลมเทา่ นนั้ ทกุ ขไ์ มไ่ ดอ้ อกมาจากหวั ใจ เพราะอะไร ก็เพราะไมม่ ี
อะไรเป็นของอศั จรรยน์ ่นั เองภายในโลกนี้ แมแ้ ตจ่ ิตของเราเอง

25

แทนท่ีจะเป็นของอศั จรรย์ ก็บรรจคุ วามทกุ ขค์ วามทรมานไวเ้ สยี
อย่างเตม็ เอยี๊ ด แลว้ ก็มาระบายกนั เทา่ นนั้ เป็นประโยชนอ์ ะไร
ใหพ้ ิจารณา

นกั ปฏิบตั เิ ป็นนกั ใครค่ รวญ พระไมใ่ ครค่ รวญไมม่ ีใคร
ใครค่ รวญในโลก เพศของพระเป็นเพศละเอียด เป็นเพศท่ีสขุ มุ
เป็นเพศท่ีพนิ ิจพจิ ารณา เป็นเพศท่ีอดท่ีทน เป็นเพศท่ีใครค่ รวญ
มาก เป็นเพศท่ีมีความเพียร ไมใ่ ช่เป็นเพศท่ีกินแลว้ นอนกอน
แลว้ นิน ขีเ้ กียจขีค้ รา้ นทอ้ แทอ้ อ่ นแอ ทาํ อะไรไมค่ ดิ ไม่อ่านดงั ท่ี
เหน็ ๆ อยนู่ ่ี วนั หนง่ึ ๆ อกจะแตก การแนะนาํ ส่งั สอนหม่เู พ่ือน
มองดกู ิรยิ าอาการ มองดอู ะไรมนั หากโดนหโู ดนตา และเขา้ ไป
โดนหวั ใจอยจู่ นได้ สอนเท่าไรมนั ก็ไม่พน้ ใหน้ าํ ไปพจิ ารณาซิ

คนเราท่โี ง่ ๆ อยนู่ ีแ้ หละ เม่ือไดฝ้ ึกหดั ตวั ของตวั ใหเ้ ป็นไป
ตามหลกั ธรรมพระพทุ ธเจา้ แลว้ จะเป็นผฉู้ ลาดขนึ้ มาโดยไม่ตอ้ ง
ถามใครแหละ เอาธรรมะพระพทุ ธเจา้ ละเป็นเคร่อื งสอ่ งทาง
ดาํ เนนิ ลงไป ๆ หากจะมีวนั ฉลาดจนไดแ้ หละ ถา้ ฉลาดไม่ได้
พระพทุ ธเจา้ ทา่ นจะสอนไวท้ าํ ไม พระองคท์ รงเคยฉลาดจากการ

26

ฝึกการทรมานมาแลว้ น่ี พระสงฆส์ าวกก็เหมือนกนั พระพทุ ธเจา้
วเิ ศษดว้ ยธรรม พระสาวกกว็ เิ ศษดว้ ยธรรม เรากพ็ ยายามฝึกตน
ของเราใหฉ้ ลาดดว้ ยธรรมบา้ งซิภายในใจ

ครูบาอาจารยก์ ็หมดไป ๆ หาท่ีเกาะท่ียดึ ไม่ไดน้ ะ หมดไป ๆ
แทบจะวา่ จรงิ ๆ แลว้ เด๋ยี วนนี้ ะ่ การสอนจติ ตภาวนาเป็นของ
สาํ คญั มาก พดู แลว้ สาธุ เราไมไ่ ดป้ ระมาทคมั ภีรใ์ บลาน
ตาํ รบั ตาํ รา อนั นนั้ เป็นตเู้ ป็นหีบยามีอยมู่ าก เป็นประโยชน์
ดว้ ยกนั ทงั้ นนั้ แหละ ยาในตนู้ นั้ ละแตล่ ะขวด ๆ แตล่ ะชนิ้ ละอนั
เป็นประโยชนท์ งั้ นนั้ แตผ่ ฉู้ ลาดท่ีจะนาํ มาใชน้ ่นั น่ะมนั ฉลาดไหม
ถา้ ผนู้ าํ มาใชไ้ ม่ฉลาดก็ไมเ่ กดิ ผลประโยชนอ์ ะไร นอกจากจะเกิด
โทษอีกดว้ ยซาํ้ น่ีละเป็นขอ้ เทียบเคียง ตอ้ งเป็นหมอเท่านนั้ เป็นผู้
จะนาํ ยาเหลา่ นนั้ มาใชไ้ ดเ้ ป็นผลประโยชนแ์ ก่คนไข้ ผไู้ มใ่ ช่หมอ
เป็นไปไมไ่ ด้ นอกจากจะทาํ ใหค้ นไขต้ าย

น่ีละพระพทุ ธเจา้ พระสาวกเป็นหมอชนั้ เอก นาํ ธรรมโอสถนี้
ละคือยามาสอนสตั วโลก จงึ สอนดว้ ยความแม่นยาํ ถกู ตอ้ งทกุ สงิ่
ทกุ อยา่ ง ตงั้ แตพ่ ืน้ ๆ แหง่ ธรรมจนกระท่งั ถงึ วิมตุ ตธิ รรม ไมม่ ีผิด

27

ไมม่ ีคลาดเคล่ือน จงึ เรยี กวา่ สวากขาตธรรม ตรสั ไวช้ อบแลว้ ๆ
และดาํ เนินมาชอบแลว้ ทงั้ รูช้ อบแลว้ ทงั้ พระพทุ ธเจา้ และสาวก
ทงั้ หลายรูช้ อบแลว้ สอนลกู ศษิ ยล์ กู หาทา่ นจงึ สอนดว้ ยความ
ถกู ตอ้ งแมน่ ยาํ

บรรดาศิษยท์ งั้ หลายท่ีเขา้ ไปอาศยั ครูบาอาจารยแ์ ตล่ ะองค์
ๆ ลว้ นแลว้ แตเ่ ป็นพระอรหนั ต์ ๆ ทาํ ไมทา่ นจะสอนคลาดเคล่อื น
ละ่ ทา่ นจะสอนผิดพลาดไปละ่ ก็เม่ือท่านรูอ้ ย่อู ยา่ งเต็มใจ เหน็
อย่อู ย่างเต็มใจในธรรมทงั้ หลาย บรสิ ทุ ธิ์พทุ โธเตม็ ท่ีแลว้ ทา่ นจะ
สอนผดิ ท่ีตรงไหน ตอ้ งสอนถกู ตอ้ งแม่นยาํ ผเู้ ขา้ ไปเก่ียวขอ้ งตอ้ ง
ตายใจไดเ้ ลย ฝากเป็นฝากตายไดเ้ ลย หลบั ตาไดใ้ หท้ ่านจงู ไม่
สงสยั วา่ จะจงู ลงนรกอเวจีท่ไี หน จะจงู เพ่ือมรรคผลนิพพาน
ทงั้ นนั้ เพ่ือความพน้ ทกุ ขโ์ ดยถา่ ยเดียว ทา่ นผรู้ ูจ้ รงิ เหน็ จรงิ ท่าน
สอนอย่างนนั้ ทา่ นจงู อย่างนนั้ ท่านอบรมอยา่ งนนั้

เพราะฉะนนั้ เวลาพระพทุ ธเจา้ แสดงธรรมแตล่ ะครงั้ ละคราว
นี้ ผบู้ รรลมุ รรคผลนิพพานจงึ มีมาก จะไมม่ ีมากยงั ไง กม็ ีแต่
ธรรมของจรงิ ลว้ น ๆ ออกมาจากพระทยั ท่ีบรสิ ทุ ธิ์ลว้ น ๆ ผหู้ า

28

ของจรงิ อย่แู ลว้ ทาํ ไมจะไมย่ ดึ เอาของจรงิ ไดเ้ ตม็ เมด็ เตม็ หนว่ ย
เตม็ หวั ใจเลา่ น่ีละท่ีความจรงิ ของผรู้ ูธ้ รรมเป็นเชน่ นี้
เชน่ เดียวกบั หมอปรญิ ญาท่ีเรยี นมาแลว้ ดว้ ยความถกู ตอ้ ง
แม่นยาํ ทดสอบทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งตลอดหยกู ยาและวิชาความรู้
นาํ มาใชจ้ งึ ไมผ่ ดิ พลาด น่ีกพ็ ระสาวกทงั้ หลายทา่ นเป็นเชน่ นนั้
และครูบาอาจารยท์ งั้ หลายก็เหมือนกนั ผทู้ ่ที ่านไดด้ าํ เนนิ
มาแลว้ ผิดก็เป็นครูท่าน ถกู เป็นครูทา่ น นาํ เอาทงั้ ผดิ ทงั้ ถกู นนั้
แหละมาส่งั สอนบรรดาลกู ศษิ ยล์ กู หาดว้ ยความถกู ตอ้ งแม่นยาํ
จะไมผ่ ดิ เหมือนอยา่ งทา่ นท่ีเคยดาํ เนนิ มากอ่ น

การสอนจงึ ลาํ บากนะ การสอนทางดา้ นจติ ตภาวนา
เพียงแตเ่ ราจะจดจาํ เอาจากคมั ภีรใ์ บลานมานนั้ ดงั ท่กี ลา่ วแลว้
วา่ สาธุ ไมไ่ ดป้ ระมาท เราจะนาํ มาสอนไมถ่ กู ตอ้ ง เพราะเราไมร่ ู้
วา่ ธรรมะบทนนั้ ๆ จะสอนเวลาใด สอนในกาลใด สอนในขณะ
ใด ในขนั้ ใดภมู ใิ ดของจิตตภาวนา ของแตล่ ะขนั้ ละภมู ขิ องผู้
บาํ เพ็ญทงั้ หลาย น่ีสอนไมถ่ กู นาํ มาใชไ้ ม่ถกู แตถ่ า้ เป็นผรู้ ูแ้ ลว้
เห็นแลว้ ในทางภาคปฏิบตั ิ นบั ตงั้ แตส่ มาธิขนึ้ ไปจนกระท่งั ถงึ

29

วมิ ตุ ตหิ ลดุ พน้ แลว้ จะสอนตรงไหนสอนไดท้ งั้ นนั้ เพราะรูแ้ ลว้
ทงั้ นนั้ น่ี ใครจะควรสอนอย่ใู นธรรมบทใด ควรจะไดส้ อนในธรรม
แขนงใดแง่ใด ๆ รูเ้ ขา้ ใจ ๆ ตอ้ งสอนไดถ้ กู ตอ้ งโดยไม่ตอ้ งสงสยั
น่ีละจงึ เป็นท่ีนอนใจ บรรดาลกู ศิษยท์ งั้ หลายท่ีไปหาครูบา
อาจารยผ์ ทู้ า่ นถกู ตอ้ งแมน่ ยาํ แลว้ ผลจงึ เป็นท่ีคาดหมายกนั ได้
วา่ ไมส่ งสยั จงึ ขอใหท้ กุ ๆ ทา่ นไดต้ งั้ อกตงั้ ใจ

เวลานีเ้ ราอย่ดู ว้ ยกนั ไมใ่ ช่เป็นของเท่ียงแนน่ หนาม่นั คงอะไร
นกั นะ พลดั พรากจากกนั ไปทงั้ ไปทงั้ มาทงั้ เป็นทงั้ ตาย พลดั
พรากกนั อย่ตู ลอดเวลา คาํ วา่ อนจิ ฺจํ ๆ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา จะเป็น
อะไรไป ถา้ ไม่ใชเ่ ป็นตงั้ แตพ่ วกเรานีไ้ ปทกุ รูปทกุ นาม จนกระท่งั
ถึงครอบโลกธาตุ มนั เป็นแบบเดยี วกนั หมด จะมานอนใจได้
เหรอ

การเกิดแกเ่ จบ็ ตาย ไม่ใชเ่ ป็นของชินชาหนา้ ดา้ นนะ เป็น
ทกุ ขจ์ รงิ ๆ เชน่ อย่างไฟเผาเราน่นั ละ เราชนิ ชาไดไ้ หมไฟเผาเรา
ทกุ ขเ์ ผาเราก็เหมือนกนั ทกุ ภพทกุ ชาติ เกดิ ตอ้ งมีความทกุ ข์
มาแลว้ พอเรม่ิ เกิดก็เรม่ิ ทกุ ขม์ าแลว้ จะวา่ ยงั ไง เรม่ิ ปรากฏทกุ ข์

30

ขนึ้ มาอยา่ งชดั ๆ แลว้ ตายก็เหมือนกนั ความเป็นอยแู่ ตล่ ะภพละ
ชาติหาความสขุ ความสบายท่ีไหนได้ เป็นแตเ่ พียงไมพ่ ดู ออกมา
ทกุ ขณะท่ที กุ ขแ์ สดงตวั ภายในรา่ งกายของเราและสตั วท์ งั้ หลาย
เขาก็เป็นอยา่ งเดยี วกนั

เพราะอาํ นาจของกิเลสนีแ้ หละเป็นตวั สาํ คญั ท่ีสดุ ท่ีสรา้ ง
ทกุ ขใ์ หส้ ตั วโลกโดยท่วั กนั ไดร้ บั ความลาํ บากลาํ บนไมส่ งสยั จงึ
ขอใหพ้ ากนั พนิ ิจพิจารณาใหเ้ หน็ โทษของสง่ิ เหลา่ นี้ ซง่ึ มีอยู่
ภายในจิตใจของเรา อยา่ ไดช้ ินชากนั และรบี เรง่ ขวนขวายคณุ
งามความดที ่ีจะใหห้ ลดุ พน้ จากมนั เสยี ไดว้ นั นีข้ ณะนีย้ ่งิ เป็นของ
ท่ีวิเศษท่ีสดุ แลว้ ในเรอ่ื งการพน้ จากทกุ ขน์ ่ะ

เอาละการแสดงก็เหน็ วา่ สมควร เอาเทา่ นี้ เรม่ิ ปรากฏแลว้
(เหน่ือย)

(ถอดเสียงธรรมโดย www.luangta.com)
ท่ีมา: https://youtu.be/nZb7s7NyXXg

31


Click to View FlipBook Version