The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความจริงของชีวิต โดย หลวงปู่แบน ธนากโร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-17 21:09:38

ความจริงของชีวิต โดย หลวงปู่แบน ธนากโร

ความจริงของชีวิต โดย หลวงปู่แบน ธนากโร

Keywords: ความจริงของชีวิต,หลวงปู่แบน ธนากโร

ความจริงของชีวติ
หลวงป่แู บน ธนากโร
หนง่ึ อาทติ ยก์ ็ถึงวนั ปวารณาออกพรรษา ก็เรยี กวา่ พรรษา
หนง่ึ พรรษา การจาํ พรรษาผา่ นไป การจาํ พรรษาก็คือการพกั อยู่
กบั ท่ี ไม่สญั จรไป ณ สถานท่ีใด เรยี กวา่ ไปพกั แรม หรอื ไปพกั
คา้ งคนื โดยไมม่ ีเหตจุ าํ เป็นพอ กฏุ ทิ ่พี กั จาํ พรรษาชาํ รุดในบรเิ วณ
ใกลๆ้ ไมม่ ีวสั ดทุ ่ีจะเอามาซอ่ มแซม หลกี ไปเพ่ือหาวสั ดนุ นั้ มา
ซอ่ มแซม ก็คิดวา่ จะเป็นยคุ เป็นสมยั ท่ีการไปมาไม่สะดวก ลอ้
เกวยี นอาจจะมีการใชล้ อ้ ใชเ้ กวยี นในการบรรทกุ รถราคงจะไม่มี
ในลกั ษณะเหมือนกบั ทกุ วนั นี้ จงึ มีการบญั ญตั ิเสนาสนะชาํ รุด
เก่ียวดว้ ยลม หรอื เก่ียวในความคร่าํ ครา่ อะไรก็ชา่ ง ใหส้ ตั ตาหะ
หลกี ไป ไมใ่ หเ้ กินเจ็ดวนั เจ็ดวนั เป็นอยา่ งย่งิ แลว้ ก็กลบั มา
ถา้ มีความจาํ เป็นไปอกี ไดห้ ลงั จากกลบั มาแลว้ มารดาบิดา
ป่วยไข้ อปุ ัชฌายอาจารยป์ ่วย ลกู ศิษยล์ กู หาป่วย มีความ
ประสงคจ์ ะไปเย่ียมเยือนเพ่อื สงเคราะห์ กจิ นิมนตบ์ าํ เพญ็ บญุ
บาํ เพญ็ กศุ ลบคุ คลท่ีควรแกก่ ารสงเคราะห์ สว่ นมากก็ไมค่ อ่ ยได้

1

ไปไหน แมแ้ ตน่ อกพรรษาก็ไม่คอ่ ยจะมีกิจอะไร ออกพรรษาแลว้
เป็นโอกาส เป็นระยะออกเท่ยี ววิเวกบาํ เพญ็ ภาวนาตามรม่ ไม้
เพราะชว่ งนนั้ อากาศกาํ ลงั ดี หนาวก็ไมห่ นาวมาก ใบไมก้ ็ยงั ไม่
ลง กระท่งั ตามภเู ขา ภาวนาดี

พรรษาหนง่ึ ผ่านไป พ.ศ.หนง่ึ ผา่ นไป ความแก่ความคร่าํ ครา่
ก็แกเ่ พ่มิ ขนึ้ ครา่ํ ครา่ เพ่ิมขนึ้ หรอื วา่ ชวี ติ เหลือนอ้ ยลงไป ปีหนง่ึ
ผ่านไปก็คอื ชีวติ ท่ีมีคา่ เทา่ ชีวติ ผ่านไปหน่งึ ปี หน่งึ เดอื นผา่ นไป
ชีวิตจงึ มีคา่ ผา่ นไปหมดไปหนง่ึ เดือน วนั หนง่ึ ผา่ นไป ชีวติ ท่ีมีคา่
ก็หมดไป หนง่ึ วนั ลมหายใจเขา้ ลมหายใจออก ก็หมายถงึ วา่
ชีวิตผ่านไปช่วั ขณะลมหายใจเขา้ และออก ขณะใดชีวิตของเราๆ
ท่านๆ ไม่ผ่านไป ไม่สิน้ ไป ไมม่ ี เพราะฉะนนั้ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นจงึ
ทรงเทศนาไวไ้ ม่ใหป้ ระมาท การทาํ สิ่งท่ีเป็นประโยชนต์ อ้ งทาํ อยู่
เสมอ

การทาํ ความเพียรเพ่ือความสงบของใจ ตอ้ งทาํ ใหย้ ่งิ อยู่
เสมอ เพราะไม่มีใครซกั รายท่ีจะทราบวา่ ชีวิตจะหมดไปขณะใด
จะหมดไปในวนั ไหน จะหมดไปในขณะลมหายใจเขา้ หรอื ลม

2

หายใจออก เพราะลมหายใจเขา้ แลว้ ไม่ออก ชีวติ ก็หมดไป ลม
หายใจออกแลว้ ไมเ่ ขา้ ชีวิตกห็ มดไปและหมดไดท้ กุ วยั ดว้ ย วยั
เด็กไม่หายใจก็ตาย วยั หนมุ่ วยั สาว วยั แก่ วยั ชรา ไมห่ ายใจ
ตายทงั้ นนั้ วยั ไหนไหนหายใจอยกู่ ็เรยี กวา่ ชีวติ ยงั อยู่ ถงึ จะยงั อยู่
ยงั ไงก็ชา่ ง ก็อยขู่ ณะท่ียงั หายใจอย่เู ทา่ นนั้ หมดลมหายใจ
เม่ือไหรก่ ็เม่ือนนั้

ในเม่ือหมดลมหายใจแลว้ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งหมด ไม่มีอะไร
เหลือ สงิ่ ท่ีคิดวา่ ดีๆ สิง่ ท่ีคดิ วา่ ไม่ดี หายไปหมด ไมม่ ี สง่ิ ท่ีคิดวา่
มีความสขุ สง่ิ ท่ีคิดวา่ มีความทกุ ข์ เร่อื งทกุ ขเ์ รอ่ื งสขุ ก็ไม่มี
โรคภยั ไขเ้ จบ็ จะโรครา้ ยหรอื โรคธรรมดา ในเม่ือไม่หายใจแลว้ ก็
หมด รูปนนั้ นนั้ ก็หมดสภาพไป จงึ วา่ สิ่งใดใดยงั มีก็เพราะลม
หายใจยงั มี ในเม่ือลมหายใจไม่มีแลว้ สงิ่ ใดใดในโลกก็ไม่มี อนั นี้
เป็นความจรงิ เราจะคิดถงึ เขา หรอื ไมค่ ิดถึงเขาอนั นีเ้ ราตอ้ งเจอ
ทงั้ นนั้ พระพทุ ธเจา้ ท่านสอนใหค้ ดิ ถงึ เร่อื งเหลา่ นีใ้ หม้ ากๆ ความ
โลภท่ีมีอยใู่ นจติ ในใจ จะไมล่ กุ ลามมาก ความโกรธมีพยาบาทท่ี

3

มีอย่ใู นจติ ในใจก็จะไม่โกรธไมพ่ ยาบาทใคร การระลกึ ถงึ คิดถงึ
เรอ่ื งเหลา่ นีม้ ากๆ ความหลงท่ีมีอย่ใู นจิตใจก็คอ่ ยเบาบางลงไป

ในเม่ือความโลภเบาบาง ความโกรธ ความหลงเบาบาง การ
ทาํ การทาํ งาน การเก่ียวขอ้ งกบั รูป ก็เก่ียวขอ้ งกบั รูปอยา่ งท่วี า่
ไมใ่ หค้ วามโลภ ความโกรธ กบั ความหลงน่ีบีบบงั คบั หรอื วา่ ชกั
จงู ไป การเก่ียวขอ้ งกบั โลก ก็เก่ียวขอ้ งในลกั ษณะท่ีประกอบดว้ ย
เหตแุ ละผล ไม่เก่ียวขอ้ งกบั โลภ ไมป่ ระกอบดว้ ยความโลภ
ความโกรธ ความหลงบญั ชา จงึ วา่ การระลกึ ถงึ ความจรงิ การ
ระลกึ ถึงสจั ธรรม จงึ เป็นประโยชนแ์ กห่ วั ใจทกุ ราย ความโลภ
ความโกรธ ความหลงจะไมบ่ บี บงั คบั รุนแรง

ถา้ หากวา่ ไมร่ ะลกึ ถงึ เสยี เลยน่ี เคา้ เอาหนกั มากๆทีเดยี ว
บางทีอยากได้ เคา้ อยากได้ ถา้ ไมไ่ ด้ ถงึ กบั กินไมไ่ ด้ นอนไมห่ ลบั
เวลาโกรธมากๆถงึ กบั กินไมไ่ ด้ นอนไมห่ ลบั ก็มี เรยี กวา่ เคา้ บบี
บงั คบั หนกั มากทีเดียว ถา้ หากวา่ เราค ดวา่ ไมม่ ีอะไรท่ีจะเป็น
สาระเป็นแกน่ สารซกั อยา่ ง หมดลมหายใจก็ตายกนั ทงั้ นนั้ ไมร่ ู้
จะโลภเอาอะไรมากมาย หมดลมหายใจกต็ ายดว้ ยกนั ทงั้ นนั้ ไม่

4

รูจ้ ะไปโกรธ ไปชงั ไปพยาบาทอาฆาตอะไรกนั จะไปโกรธ ไป
พยาบาท ไปอาฆาต ก็หมายถงึ การทาํ ลายเจา้ ของเทา่ นนั้

ทาํ ลายเจา้ ของคือยงั ไงหละ เจา้ ของเป็นทกุ ขเ์ ดอื ดรอ้ น รอ้ น
เป็นฟืนเป็นไฟ สงั เกตความโกรธมากๆน่ี ตาก็แดง หกู ็แดง บางที
ถึงกบั หวั ใจส่นั น่นั ! มนั เผาถงึ ขนาดนนั้ เพราะอะไร ก็เพราะไม่
ระลกึ ถงึ สจั ธรรมความจรงิ ใหม้ ากนนั้ เอง ไมร่ ูจ้ ะไปโกรธอะไร
โกรธของเกิดมาตาย มนั ไมเ่ หน็ จะไดป้ ระโยชนต์ รงไหน โกรธก็
โกรธธรรม ของเกิดมาตายกค็ อื กอ้ นธรรม กอ้ นธรรมะ กอ้ นสจั
ธรรมดีๆน่ีเอง

ควรท่ีจะเมตตาตอ่ กนั ถา้ หากวา่ เรามองเหน็ วา่ ส่ิงท่ีเกิดมา
ตายในโลก คนท่ีมีคนท่ีอย่ใู นโลกก็คือสง่ิ ท่เี กิดมาตาย มีแตท่ ่ีจะ
เมตตาสงสารตอ่ กนั เทา่ นนั้ เพราะไมม่ ีใครเอาอะไรมา แลว้ ก็ไม่
มีใครเอาอะไรไป ในเม่ือเป็นตวั เป็นตนเป็นรูปเป็นรา่ ง เจา้ กิเลส
คือความโลภ ความหลง มนั ก็มาบอกอยา่ งนนั้ มนั บญั ชาอยา่ งนี้
อนั นนั้ ก็เป็นของเรา อนั นนั้ ก็เป็นของเรา อนั นนั้ ก็สารพดั มนั
เสีย้ มสอน ในท่ีสดุ ก็ไม่มีใครไดอ้ ยา่ งท่ีมนั บอกมนั สอนซกั ราย

5

ลมหายใจหมดไปแลว้ ตงั้ แตศ่ ีรษะลงไปหาเทา้ ท่ีเราวา่ เป็น
รา่ งกายเป็นตวั เป็นตนน่นั หละ ไมม่ ีคา่ ไมม่ ีราคาแมแ้ ตน่ อ้ ย
เรยี กวา่ กลายเป็นของทงิ้ ไปหมด

ในเม่ือรา่ งกายอย่ดู ว้ ยกนั มาตงั้ แตเ่ กิดก็เป็นของทงิ้ แลว้ สิง่
อ่นื ๆจะเป็นของของตวั ของตนไดอ้ ยา่ งไร จะเป็นของเราของเขา
ไดอ้ ยา่ งไร ในท่ีสดุ ก็เป็นของทิง้ ในท่ีสดุ ก็เป็นของโลก ของใน
โลกทงั้ หมดลว้ นแลว้ แตเ่ ป็นของโลกทงั้ นนั้ ของในโลกทงั้ หมด
ไม่มีใครเป็นเจา้ ของ เกิดมาใครมีสติปัญญา มีวชิ าความรู้ มี
ความสามารถ เอามาใชจ้ า่ ยใหเ้ ป็นประโยชนไ์ ด้ หลงั จากหมด
ลมหายใจไปแลว้ ไมส่ ามารถท่ีจะเอามาใชใ้ หเ้ ป็นประโยชนไ์ ด้
คืนเป็นของโลก สง่ คนื เป็นของโลก ไมม่ ีใครซกั รายท่ีจะฉวย
โอกาสเวลาคนเผลอติดไมต้ ดิ มือไป ไม่มี ถึงเคา้ จะเอาใสไ่ มใ้ ส่
มือใหก้ ็ไมส่ ามารถจะเอาไปได้ จงึ วา่ อนั นีเ้ ป็นของจรงิ อนั นีก้ ็เป็น
สจั ธรรม

สิ่งท่ีจะติดไมต้ ดิ มือไปไดอ้ นั นนั้ คอื กศุ ลและอกศุ ล อกศุ ลก็
คอื ความเศรา้ หมองของใจ ความเศรา้ หมองเกิดจากการกระทาํ

6

ท่ีไม่เป็นธรรม การกระทาํ ท่ีไม่เป็นธรรม ใครจะรูห้ รอื ไม่รู้ ทาํ แลว้
เกิดความเศรา้ หมองทงั้ นนั้ ใจเป็นผทู้ ่เี ศรา้ หมอง ใจไมใ่ ช่เป็น
ของท่ีจะแตกจะทาํ ลายเป็น ทาํ สง่ิ ท่ีเป็นอกศุ ล ใจเป็นผทู้ าํ ใจ
เป็นผทู้ ่ีรบั ผลของการกระทาํ นนั้ รบั ผลของการกระทาํ ท่ีเป็น
อกศุ ลคือความเศรา้ หมองในใจ ใจมืด ใจดบั สว่ นกศุ ลนนั้ คือ
ความดี คอื ความผ่องใสของใจ ทาํ ใหม้ าก ทาํ ใหม้ าก ใจมีแตท่ ่ี
จะใส ใจมีแตท่ ่ีจะขาว ใจมีแตท่ ่ีจะสวา่ งไสว

ลกั ษณะกศุ ลคอื ใจสวา่ ง ลกั ษณะกศุ ลคอื ใจใส ใจเยน็ คาํ วา่
เย็นนีห้ มายถึงวา่ เยน็ มีความสขุ รอ้ นก็หมายถึงวา่ รอ้ นมีความ
ทกุ ข์ กศุ ลก็คอื ทาํ แลว้ เกิดความสวา่ ง เกิดความผอ่ งใสในใจ
อกศุ ลทาํ แลว้ เกิดความมืด เกิดความเศรา้ หมองในใจ
พระพทุ ธเจา้ ทา่ นจงึ ทรงเทศนาใหท้ าํ แตท่ ่ีเป็นกศุ ลเทา่ นนั้ ความ
ดีทงั้ หมดเรยี กวา่ กศุ ลทงั้ นนั้ ทาํ ความดีใหม้ าก ทาํ กศุ ลใหม้ าก
ทาํ แลว้ ใจผทู้ าํ นนั้ น่ะ ทาํ ใหเ้ กิดความใส เกิดความสวา่ งเกิด
ความผ่องใสขนึ้ ท่ีใจ ทาํ ไมจงึ วา่ ใจเป็นผทู้ าํ เพราะสง่ิ ท่ีไม่มีใจ
ทาํ อะไรไมเ่ ป็น ตน้ ไมท้ าํ อะไรไมเ่ ป็น แผ่นดนิ นา้ํ ลม ไฟ ทาํ อะไร

7

ไม่เป็น คนตายแลว้ มือไมต้ าหจู มกู ลนิ้ กายมีเหมือนเดมิ แตใ่ จไม่
มี ทาํ อะไรไมไ่ ด้ จงึ วา่ มีแตใ่ จเท่านนั้ ทาํ ผลของการกระทาํ
ทงั้ หมด ใจเป็นผรู้ บั

รา่ งกายเป็นของเกิดมาตาย ตายแลว้ ก็ผา่ นไป ตายแลว้ ก็
แลว้ ไป เหมือนกบั เคร่อื งมือเท่านนั้ เครอ่ื งมือ! ผลของการกระทาํ
น่ะ มนั ก็ผทู้ ่ีใชเ้ คร่อื งมือนนั้ จะเป็นบญุ ก็ใชเ้ คร่อื งมือ เป็นบาปก็
ใชเ้ ครอ่ื งมือ เป็นความดี เป็นความช่วั น่ี ผใู้ ชเ้ คร่อื งมือนนั้ เป็นผู้
ท่ีจะเป็นเจา้ ของผลของการกระทาํ ทาํ เหตทุ ่ีเป็นเกิดความเศรา้
หมอง ใจก็เป็นผทู้ ่ีไดร้ บั เป็นเจา้ ของ ธรรมใดท่ีเป็นเหตใุ หเ้ กิด
ความผอ่ งใส ใจน่นั หละเป็นผทู้ ่ีจะไดร้ บั ความผ่องใสซะเอง
พระพทุ ธเจา้ ทา่ นจงึ สอนใหท้ าํ กศุ ลใหม้ ากๆ ทาํ แลว้ ใจขาว ทาํ
แลว้ ใจสะอาด ทาํ มากๆใจผอ่ งใสขนึ้ มาก

พระพทุ ธเจา้ เป็นประโยชนแ์ กโ่ ลก แตค่ วามโลภ ความโกรธ
ความหลงหรอื กิเลสน่ีตวั อนั ตราย ถา้ หากวา่ เคา้ ครอบงาํ จติ ใจ
รายใด จติ ใจรายนนั้ ไม่เป็นตวั ของตวั เลย ความโลภครอบงาํ กนิ
ไมไ่ ด้ นอนไมห่ ลบั ความโกรธครอบงาํ มากๆน่ีตาแดงหแู ดง

8

จิตใจวา้ วนุ่ กระสบั กระสา่ ย ถงึ กบั วา่ ส่นั ตบุ๊ ๆๆน่นั ความหลง
ครอบงาํ น่ียง่ิ หนกั มืดมนอนธการ มองไม่เหน็ ทางไป มองไม่เหน็
ทางมา

คาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ สอนใหฉ้ ลาด คาํ สอนของ
พระพทุ ธเจา้ สอนใหต้ ่ืน คือใจของเรามีสตอิ ย่เู สมอ มีสตอิ ยเู่ สมอ
ไม่ปลอ่ ยใหค้ วามโลภครอบงาํ ไมป่ ลอ่ ยใหค้ วามโกรธครอบงาํ
ไมป่ ลอ่ ยใหค้ วามหลงครอบงาํ มีสตติ ่นื อย่เู สมอในสิง่ ท่ีมา
เก่ียวขอ้ ง จะเก่ียวขอ้ งกบั อะไรๆ เป็นผทู้ ่ีมีสติพจิ ารณาไตรต่ รอง
ควรอย่างไร ควรอย่างไรก็ทาํ และเก่ียวขอ้ งไปตามท่ีควรนนั้ ไม่
ปลอ่ ยใหก้ ิเลสความโลภ ความโกรธ ความหลงน่ีชกั จงู ไปอยา่ ง
เดียว ตอ้ งขนึ้ อย่กู บั เหตผุ ลท่ีควรหรอื ไม่ควร แลว้ ก็เก่ียวขอ้ งไป
ตามเหตผุ ลท่ีควรนนั้ สงิ่ ท่ีไมค่ วรน่ีจะปฏิเสธทงั้ หมด

คาํ วา่ ศลี ๆ ก็คอื การทาํ ความดที างกาย การทาํ ความดที าง
กาย ทางวาจาเป็นศลี นีก้ ท็ าํ ใหใ้ จผ่องใสได้ ใจขาว ใจสะอาด
ขนึ้ มาได้ ตามกาํ ลงั ของศลี ศลี ก็เป็นธรรมเคร่อื งขดั เกลาใจ เป็น
ธรรมเครอ่ื งซกั ฟอกใจ สมาธิก็เป็นธรรมเครอ่ื งขดั เกลาใจ เป็น

9

ธรรมเคร่อื งซกั ฟอกใจ ปัญญาก็เป็นธรรมเคร่อื งขดั เกลาใจ เป็น
ธรรมเครอ่ื งซกั ฟอกใจ ความดหี รอื กศุ ลคอื ศีล คือสมาธิ ปัญญา
สรุปออกมาอยา่ งนี้ จะทาํ ความดยี งั ไง ทาํ ความดยี งั ไงๆ ก็อยใู่ น
คาํ วา่ ศลี สมาธิ ปัญญา หรอื จะเรยี กวา่ ทาน ศีล ภาวนาก็ได้ จะ
ทาํ อยา่ งไร ทาํ อย่างไร ทาํ อยา่ งไร ดว้ ยท่ีเป็นความดีท่ีจะเป็น
ทานเป็นศีลเป็นภาวนา อนั นนั้ เรยี กวา่ เป็นกศุ ล ทาํ แลว้ ทาํ ใหเ้ กิด
ความผ่องใสในใจทงั้ นนั้

หากวา่ ตรงกนั ขา้ ม ศลี ก็ไมม่ ี สมาธิก็ไม่มี ปัญญาก็มืดดบั
ปัญญาก็ปัญญาท่ีดว้ ยอาํ นาจของความโลภมนั บบี บงั คบั ใหค้ ดิ
ใหเ้ หล่ ใหน้ กึ ไปในลกั ษณะนนั้ ย่งิ เพ่มิ พนู ความมืด ความดาํ ให้
หนาแนน่ ใหย้ ง่ิ ขนึ้ ไป

นกั ปราชญพ์ ระพทุ ธเจา้ ทา่ นจงึ สอนใหร้ กั ษาศีล ก็คอื การทาํ
ความดีทางกายและวาจา ทาํ ความดที างใจก็หมายความวา่ ทาํ
จติ ใจใหเ้ ป็นสมาธิ ทาํ จิตใจใหเ้ ป็นสมาธิน่หี มายถงึ จะเป็นความ
ดีมากๆทีเดียว ความดีมากๆมายคือยงั ไงหละ ใจของเราน่ีจะพน้
จากความวนุ่ วายทงั้ หลาย อย่เู หนือความวนุ่ วายทงั้ หลาย ความ

10

วนุ่ วายท่ีจะมอี ยเู่ ตม็ โลกก็ชา่ ง แตใ่ จของเราไมไ่ ปเก่ียวขอ้ งกบั
โลก ความวนุ่ วายในใจก็ไมม่ ี

คาํ วา่ ศลี ๆน่ีจะตอ้ งไปเก่ียวขอ้ งกบั โลกอยู่ แตเ่ ก่ียวขอ้ ง
ในทางท่ีชอบธรรม เก่ียวขอ้ งในทางท่ีเป็นธรรม เก่ียวขอ้ งในทาง
ท่ีเป็นกศุ ล แตก่ ็ยงั มีการเก่ียวขอ้ งอยู่ ความสขุ อยา่ งนีย้ งั มีการ
เก่ียวขอ้ งกบั โลก สว่ นความสขุ อนั เกิดจากสมาธิ ไมเ่ ก่ียวขอ้ งกบั
เรอ่ื งของโลกทงั้ หลาย ใจหลดุ ออกจากเร่อื งของโลกในขณะท่ีใจ
เป็นสมาธินนั้

สว่ นปัญญาน่ี ความสขุ ยง่ิ ละเอียด และเป็นความสขุ
สม่าํ เสมอตลอดกาล เป็นใจจะพน้ จากเร่อื งราวของโลก ไม่ใช่ช่วั
ขณะท่ีจติ เป็นสมาธิ พน้ ตลอดกาล พน้ แลว้ ไม่มีการท่ีจะกลบั ไป
เขา้ ไปเก่ียวขอ้ ง พน้ แลว้ ไม่มีโอกาส ไมม่ ีจงั หวะท่ีจะไปสมั ผสั
ซมึ รบั ยนิ ดียนิ รา้ ยในเร่อื งโลกๆอีก ไม่มี! เหมือนกบั ใบบวั ใบบวั
อย่ใู นนา้ํ ก็เป็นใบบวั ท่ีนา้ํ ไมส่ ามารถท่ีจะซมึ นา้ํ หมายถงึ วา่ เรอ่ื ง
โลกๆทงั้ หลาย เร่อื งกิเลสตณั หาทงั้ หลาย เรอ่ื งลาภ เร่อื งยศ เร่อื ง
สรรเสรญิ เรอ่ื งโลภ เรอ่ื งโกรธ เร่อื งหลง เรอ่ื งกิเลสตณั หาอาสวะ

11

ทงั้ หลายน่ี ใบบวั ไมซ่ มึ นา้ํ ฉนั ใด จิตใจท่ีมีการขดั เกลาดว้ ย
สติปัญญาอย่างดีมาแลว้ น่ี เรอ่ื งโลกไมส่ ามารถท่ีจะซมึ ซาบเขา้
ไปในจติ ใจท่ีพน้ จากกระแสโลกดว้ ยประการทงั้ ปวงนนั้ ๆ อนั นี้
เป็นความสขุ ท่ลี ะเอยี ดปราณีต และเป็นความสขุ ละเอยี ด
ปราณีตเสมอตน้ เสมอปลาย

สว่ นสมาธิถงึ จะมีความสขุ ปราณีตแคไ่ หนเพียงไรก็ชา่ ง แต่
สมาธิก็เป็นของท่ีไมเ่ ท่ียง เป็นสมาธิแลว้ พอออกจากสมาธิ ใจก็
จะเหมือนกบั ธรรมดา แตเ่ หมือนธรรมดา แตม่ ีสตคิ อยควบคมุ
เหมือนธรรมดาแตไ่ มเ่ ป็นธรรมดา ถงึ จะถอนออกจากสมาธิแตก่ ็
ยงั มีสติควบคมุ อยู่ ในลกั ษณะนีเ้ รยี กวา่ ศลี เรยี กวา่ สมาธิ
เรยี กวา่ ปัญญา เป็นธรรมเคร่อื งขดั เกลาจติ ตามกาํ ลงั ของศลี
ตามกาํ ลงั ของสมาธิ ตามกาํ ลงั ของปัญญา อนั นีเ้ รยี กวา่ กศุ ล
ทงั้ นนั้ เรยี กวา่ เป็นความดที งั้ นนั้ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นทรงสอนใหท้ าํ
มากๆ

เราๆเป็นผทู้ ่ปี รารถนาดแี ก่เราดว้ ยกนั ทงั้ นนั้ อะไรเป็นความ
ดีท่ีจะทาํ ใหใ้ จของเราผอ่ งใส ใจของเราขาว ใจของเราสะอาด

12

ตอ้ งพากนั ทาํ ใหม้ าก อะไรท่ีทาํ ใหใ้ จของเรามืด ใจของเราดาํ ใจ
ของเราเศรา้ หมองใหห้ ลีก ทาํ แลว้ มนั เป็นจรงิ ๆ เพราะใจเป็น
ผทู้ าํ ทาํ แลว้ เป็นขนึ้ มาจรงิ ๆ เพราะใจเป็นผทู้ าํ ทาํ ในทางท่ีเศรา้
หมอง ใจน่นั แหละจะเป็นผเู้ ศรา้ หมองเอง ทาํ ในทางท่ีผอ่ งใส ใจ
น่นั แหละจะเป็นผทู้ ่ีผอ่ งใสเสยี เอง ความช่วั ทงั้ หลาย ทาํ แลว้ มืด
แลว้ ดบั ความดที งั้ หลาย ทาํ แลว้ ขาว ทาํ แลว้ สะอาด เราตอ้ งการ
ความขาว เราตอ้ งการความสะอาดดว้ ยกนั ทกุ ราย อะไรท่ีจะ
เป็นไปเพ่ือความขาวความสะอาด กระทาํ ใหย้ ่งิ เรยี กวา่ เรา
ปฏิบตั ิตามคาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ ดว้ ยความไม่ประมาท

พระพทุ ธเจา้ ทา่ นเทศนาสอนใหเ้ ตอื นตนเอง เราตอ้ งเตอื น
เราเสมอ เราตอ้ งเตอื นเราเสมอ หายใจเขา้ หายใจออกน่นั ชีวติ
ของเราหมดไปแลว้ ช่วั ลมหายใจเขา้ หายใจออก เดอื นนงึ ผ่านไป
สามเดอื นผา่ นไป พรรษานงึ ผา่ นไป น่นั ชีวติ ของเราตายไปแลว้
ไมม่ ีโอกาสท่ีจะเอาคืนกลบั ได้ ปีหนง่ึ ผา่ นไปๆ มาก! นบั เป็น
ช่วั โมง นบั เป็นลมหายใจนีม้ าก ไมม่ ีโอกาสท่ีจะเอาคนื มาได้ จงึ
วา่ การทาํ ความดี ควรทาํ ทกุ ลมหายใจเขา้ และออก เพราะชีวติ

13

ของเราเสียไปทกุ ลมหายใจเขา้ หายใจออก การทาํ ความดีน่ี ตอ้ ง
ทาํ ใหเ้ ป็นการชดเชยใหม้ นั คมุ้ กนั

จะอยตู่ รงไหนมีสติในการน่งั จะนอนอยู่ ณ สถานท่ีใด จะ
นอนในลกั ษณะยงั ไงก็ช่างแตไ่ มใ่ ช่นอนหลบั ใหม้ ีสตอิ ยใู่ น
ขณะท่ีนอนนนั้ ในลกั ษณะนีเ้ ราเป็นผปู้ ฏบิ ตั ิธรรมทงั้ นนั้ เพราะ
สติเป็นธรรมท่ีรวมทงั้ ไวศ้ ีล ทงั้ สมาธิและปัญญา สตินนั้ คาํ พดู วา่
สติอนั เดียวนนั้ รวมไวท้ งั้ ศลี รวมไวท้ งั้ สมาธิ รวมไวท้ งั้ ปัญญา
สตอิ ย่างหยาบนี้ สตอิ ยา่ งหยาบ ศลี กห็ ยาบ สมาธิก็หยาบ
ปัญญาก็หยาบ สตมิ ีความละเอยี ด น่ี มกี าํ ลงั ย่ิงๆขนึ้ ไป ศลี ก็มี
กาํ ลงั สมาธิกม็ ีกาํ ลงั ปัญญาก็มีกาํ ลงั สตมิ ีความละเอยี ดมีพลงั
เป็นมหาสติขนึ้ มา ศีลนีล้ ะเอยี ดถ่ีถว้ น ทกุ ขณะจิตท่ีจะบกพรอ่ ง
ในศีล ไมม่ ี สมาธิก็แนน่ หนาม่นั คง ปัญญาก็เฉียบก็คม จงึ วา่
ขนึ้ อยกู่ บั สตอิ นั เดยี วนี้ ทงั้ ศีล ทงั้ สมาธิ ทงั้ ปัญญา

เราจะอยใู่ นอิรยิ าบถใดๆก็ชา่ ง อย่ใู น ณ สถานท่ีใดๆก็ช่าง
ใหม้ ีสตริ ะลกึ อย่ใู นใจของเรา ไม่ตอ้ งไปกาํ หนดไวท้ ่ีจมกู ไมต่ อ้ ง
ไปกาํ หนดไวท้ ่ีหนา้ อก ไมต่ อ้ งไปหมายตรงนนั้ ตรงนี้ มีสตอิ ย่ทู ่ีใจ

14

ของเรา มีสติอย่ใู นความรูข้ องเรา และก็สามารถท่ีจะมีสติ แลว้ ก็
สามารถท่ีไปทาํ การทาํ งานกบั โลกภายนอกไดอ้ ยา่ งสบาย และ
เป็นประโยชน์

ชว่ งนีอ้ ากาศกก็ าํ ลงั เยน็ สบาย กลางวนั ก็ไมร่ อ้ นมาก
กลางคนื ก็ไมห่ นาวมาก กลางวนั ก็น่งั ภาวนากนั กลางวนั ก็เดนิ
จงกรมกนั ตามโอกาสท่ีเราสามารถท่ีจะปลกี ไปเดินจงกรมน่งั
สมาธิได้ กลางคนื ก็เหมือนกนั ทาํ ใหม้ าก อย่าเหน็ แกก่ ารหลบั
การนอนมากนกั นอนมากมนั มีแตท่ ่ีจะ… นอนก็เวลาตอ้ งการท่ี
หลบั จรงิ ๆ แลว้ จงึ คอ่ ยนอน ถา้ หากนอนเลน่ นอนอะไร หลีก!
เพราะวา่ นอนเลน่ นะ่ คาํ วา่ เลน่ น่ีมนั เป็นเรอ่ื งของความประมาท
ถา้ หากวา่ นอนเลน่ นอนปลอ่ ยจิตปลอ่ ยใจหละ อารมณส์ ญั ญา
กิเลสตณั หามนั ตามขนึ้ มา ตอ้ งหลกี ไปในการท่ีวา่ เรยี กวา่ นอน
เลน่ หากวา่ จะนอนก็นอนปฏบิ ตั ิ นอนมีสติ นอนระลกึ ถงึ พุ
ทโธๆๆๆอยู่ การนอนก็เป็นการปฏิบตั ิธรรม

วนั นีเ้ ลกิ กนั เถอะ รูส้ กึ วา่ ยงุ มนั รบกวน น่งั สมาธิยงุ จะกวน
มาก น่งั ภาวนากนั ตามสบายนะ

15

ท่ีมา: https://youtu.be/FDaRHuyHL5M

16


Click to View FlipBook Version