The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สังขารเกิดที่ใจ โดย หลวงปู่แบน ธนากโร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-19 21:57:16

สังขารเกิดที่ใจ โดย หลวงปู่แบน ธนากโร

สังขารเกิดที่ใจ โดย หลวงปู่แบน ธนากโร

Keywords: สังขารเกิดที่ใจ,หลวงปู่แบน ธนากโร

สังขารเกดิ ทใี่ จ ดับทใ่ี จ ไม่มใี จสังขารเกิดไมไ่ ด้
หลวงป่แู บน ธนากโร

ฟังดขู า้ งนอก ฟังดภู ายนอก เงียบสงดั ไปหมด ฟังดภู ายใน
มีแตใ่ จอนั เดยี วเทา่ นนั้ ฟังดภู ายใน มีแตส่ งั ขารอนั เดียวเท่านนั้
มนั ปรุงอย่ไู มห่ ยดุ ไมห่ ย่อน สงั ขารทงั้ หลายดบั ไป ความปรุง
ความแตง่ ทงั้ หลายดบั ไป ตวั สมทุ ยั ดบั ไป ทกุ ขท์ งั้ หลายก็ดบั ไป
ดว้ ย ความปรุงความแตง่ ก็เป็นความปรุงความแตง่ สงั ขารก็เป็น
สงั ขาร สงั ขารเป็นของเกิดดบั ความปรุงความแตง่ ไม่ใช่เรา
สงั ขารทงั้ หลายดบั ไป อย่เู ป็นสขุ ใหพ้ ากนั ปลอ่ ยวางสงั ขารน่นั
เสยี เพราะเราไปยดึ มนั ก็ไม่ไดป้ ระโยชนอ์ ะไร

สงั ขารทงั้ หลายเหมือนฟองนา้ํ สงั ขารทงั้ หลายเหมือนพยบั
แดด เราไปยดึ ฟองนา้ํ เราไปยดึ พยบั แดด ไมไ่ ดป้ ระโยชนอ์ ะไร
พยบั แดดมนั มปี ระจาํ ฟองนา้ํ ก็มีอยเู่ ป็นประจาํ ไม่ขาดจากโลก
แมแ้ ตพ่ ระพทุ ธเจา้ ทา่ นก็ไมส่ อน ไมใ่ ชก่ ารท่ีจะไปหา้ ม ไมใ่ ห้
พยบั แดดเกิดขนึ้ ไมใ่ หฟ้ องนา้ํ เกิดขนึ้ เพยี งแตส่ อนวา่ พยบั แดด
สกั แตว่ า่ พยบั แดดเท่านนั้ ฟองนา้ํ ก็สกั แตว่ า่ ฟองนา้ํ เทา่ นนั้ ไม่มี

1

อะไรเป็นสาระแก่นสารตวั ตนอะไร ทงั้ ๆท่ีไปยดึ แลว้ สรา้ งปัญหา
ใหแ้ กเ่ จา้ ของเองดว้ ย ปลอ่ ยวางสงั ขารเสยี ปลอ่ ยวางปัญหา
ทงั้ หลาย ปลอ่ ยวางสงั ขารได้ ปัญหาทงั้ หลายหลดุ จากใจ อยู่
เป็นสขุ

เราฟังดขู า้ งนอก หาแตม่ ีเสยี งอะไร ไม่มี เงียบสงดั ไปหมด
จะฟังดภู ายในเขา้ มา ตาเคา้ ก็เงียบของเขา หเู คา้ ก็เงยี บของเขา
จมกู เคา้ ก็เป็นจมกู อยอู่ ยา่ งนี้ ลนิ้ เคา้ กเ็ ป็นลนิ้ อยอู่ ย่างนี้ กายหา
ตรงไหน ท่ีจะสบั สนวนุ่ วายไม่มี ผมทกุ เสน้ ตงั้ แตเ่ กิดมาอย่ทู ่ีเกา่
ขนก็เชน่ เดียวกนั ไมเ่ หน็ วา่ เคา้ อยากไดอ้ ะไร ไม่เหน็ เขาจะเสีย
อะไร เลบ็ ก็เป็นเลบ็ อย่อู ยา่ งนี้ เป็นเลบ็ ตงั้ แตเ่ ป็นเลบ็ มา ถึง
เด๋ยี วนีเ้ คา้ ก็เป็นเลบ็ เหมือนเดมิ ใครจะตดั ใครจะแตง่ เลบ็ ไม่รู้
เรอ่ื ง เลบ็ ไมส่ นใจ ฟันก็เป็นฟันอย่อู ย่างนี้ อยกู่ บั ท่ีอยอู่ ยา่ งนนั้
ไมเ่ ห็นมกี ารสบั สน ยา้ ยท่ีอยู่ ยา้ ยท่ีไปท่ีมา ถงึ จะมีการหลดุ การ
รว่ งการหลน่ โยกเคา้ ก็โยกอย่กู บั ท่ี หลดุ เคา้ หลดุ อยตู่ รงไหน
เคา้ ก็อย่ตู รงนนั้

2

ใจ มาดใู จเขา้ ไป ใจ เราดเู ขา้ ไปหมายถงึ ความรู้ ใจเราสบาย
ใจเราก็รู้ ใจเราไม่สบาย ใจเราก็รู้ ทกุ ขก์ ็รู้ สขุ ก็รู้ ใจสงบก็รูว้ า่
สงบ ใจไม่สงบก็รูว้ า่ ใจไม่สงบ ใหด้ อู ยทู่ ่ีใจท่ีรูน้ นั้ สติใหแ้ น่วแน่
ม่นั คง อย่จู ดุ เดียวคอื ความรูท้ ่ีมีอยใู่ นเรา อยา่ ไปทางซา้ ย อย่า
ไปทางขวา หลงเรอ่ื งไม่ได้ คดิ เร่อื งไม่ได้ มนั เกิดขนึ้ เกิดขนึ้ ท่ีใจ
เน่ียแหละ สงั ขารทงั้ หลายคอื ความคิด เกิดขนึ้ ท่ีใจ สงั ขาร
ทงั้ หลายดบั กด็ บั ไปท่ีใจอนั นี้ เราอยกู่ บั ใจ อยกู่ บั ความรู้ เหน็
ความกระเพ่ือม เหน็ สงั ขารเคา้ มีการไหวตวั ถา้ หากวา่ เราไมแ่ นว่
แน่อย่กู บั จิตของเรา สงั ขารไหวตวั เราไมร่ ู้ สงั ขารปรุงแตง่ เราก็ไม่
รู้ ไม่เห็น ถา้ หากวา่ รู้ รูจ้ นกระท่งั ผลงานของสงั ขารเคา้ ปรากฏ
ขนึ้ มาเป็นตวั เป็นตน เป็นทกุ ข์ เป็นสขุ เป็นกิเลสตณั หาราคะ
ขนึ้ มา อนั นนั้ เป็นผลงานของสงั ขารเน่ืองมาจากใจของเราไมม่ ี
สติแนบแน่นอย่กู บั ใจ

ใจของเรามีความสติแนบแนน่ อยกู่ บั ใจ สงั ขารไม่มีโอกาสท่ี
จะแสดงบทบาท สงั ขารมีการเรม่ิ ท่ีจะแสดง เรยี กวา่ ไหวตวั
ขนึ้ มา เรารูท้ นั ที เรารูท้ นั ที เรารูท้ นั ที รูข้ ณะใด รูท้ นั ขณะใด

3

สงั ขารท่ีเรม่ิ มกี ารไหวก็ดบั ไปในขณะนนั้ สงั ขารท่ีเรม่ิ มกี ารไหว
ตวั กอ่ ตวั ก็ดบั ไป ผลงานของสงั ขารท่ีกอ่ ความสบั สนวนุ่ วาย กอ่
บา้ น ก่อเมือง ก่อโลก สรา้ งโลก สรา้ งสงสาร สรา้ งความสบั สน
วนุ่ วาย ไมม่ ีโอกาสท่จี ะสรา้ งเป็นผลงานขนึ้ มาได้ ใจของเราหย่งั
เขา้ หาความสงบย่งิ ๆขนึ้ ไป ใจของเราหย่งั เขา้ หาใจ แนบแน่นอยู่
ท่ีใจนนั้ อาศยั สติเป็นหลกั ควบคมุ กาํ กบั

ท่านจงึ วา่ เตสงั วปู ะ สโม (เตสํ วูปสโม สุโข) ความสงบ
ระงบั ของสงั ขาร สงั ขารทงั้ หลายสงบไปแลว้ อย่เู ป็นสขุ จงึ หา
ความสขุ ไม่ตอ้ งไปหาไกลอยา่ งชาวโลกเขา ชาวโลกเคา้ หา
ความสขุ ก็คอื หาความทกุ ขน์ นั้ เอง หาลาภก็ทกุ ขเ์ พราะลาภ ไดก้ ็
ทกุ ข์ ไม่ไดก้ ็ทกุ ข์ หาก็ทกุ ข์ ไดย้ ศ หาก็ทกุ ข์ ไดก้ ็ทกุ ขไ์ มไ่ ดก้ ็ทกุ ข์
หาเงนิ หาทอง หาก็ทกุ ข์ หามาไดก้ ็ทกุ ข์ หาไม่ไดก้ ็ทกุ ข์ หาลกู หา
เมีย หาลกู หาผวั ไดม้ าแลว้ เหมือนกบั ไฟไหม้ ไฟไหมค้ น
กระสบั กระสา่ ยรอ้ นรนอย่อู ยา่ งนนั้ ในเรอ่ื งผวั เร่อื งเมียน่นั

เรอ่ื งการแสวงหาของใจท่ีหวิ ทงั้ หลายก็คือแสวงหาฟืนหาไฟ
มาเผาเจา้ ของ เพราะหลงความปรุงความแตง่ หลงสงั ขารอนั

4

เดยี ว เป็นเหตุ ทา่ นจงึ ใหค้ าํ วา่ ปัญญาๆ รูส้ งั ขาร รูร้ อบในกอง
สงั ขาร ก็คอื กองจิตกองใจของเราน่หี ละ เพราะสงั ขารเกดิ ก็เกิดท่ี
ใจ ดบั ก็ดบั ท่ีใจ เกิดก็เกิดท่ีใจ ดบั ก็ดบั ท่ีใจ ไมม่ ีใจ สงั ขารเกิด
ไม่ได้ สงั ขารไม่มีใจจะเกิดไดอ้ ยา่ งไร เกิดจากตอไมก้ ็ไมไ่ ด้
เพราะตอไมจ้ ะคดิ จะปรุงอะไรเป็น จะไปปลกู เป็นสงั ขารก็ไม่
สาํ เรจ็ เป็นสงั ขารขนึ้ ได้ จะเกิดในแผ่นดิน เอาสงั ขารไปปลกู ใน
แผน่ ดินก็ปลกู ไมไ่ ด้ สงั ขารไมต่ อ้ งไปปลกู ในเม่ือไมม่ ีสติ ใจไม่มี
สติ สงั ขารเคา้ จะเกิดขนึ้ เอง เกิดขนึ้ ตรงไหนมนั ก็เหมือนกบั ไฟ
เกิดขนึ้ ตรงนนั้

พระพทุ ธเจา้ ทา่ นจงึ ใหร้ ู้ แลว้ ปลอ่ ยวางสงั ขารนนั้ เสยี พน้
จากทกุ ขค์ อื พน้ จากกิเลสตณั หาน่นั เอง ทกุ ขๆ์ นีส้ ว่ นมากทกุ ข์
เพราะเสยี ขา้ วเสยี ของ ทกุ ขเ์ พราะการพลดั พราก ทกุ ขเ์ พราะ
อยากไดแ้ ลว้ ไม่สมหวงั ทกุ ขเ์ พราะสง่ิ เหลา่ นนั้ ทกุ ขเ์ พราะคน
นนั้ ๆ จนมากมายถงึ อยา่ งนี้ แตค่ วามจรงิ แลว้ ทกุ ขเ์ พราะไม่รูเ้ ทา่
ในตวั ปรุงตวั แตง่ ไม่รูเ้ ทา่ ในตวั สงั ขาร ท่ีมนั เป็นตวั นาํ ฟืนนาํ ไฟ
เป็นตวั เพาะเชอื้ คอื ฟื นไฟ มนั ทกุ ขเ์ พราะอนั นี้ ทกุ ขเ์ พราะตวั

5

กิเลสตณั หา กิเลสตณั หาก็เกิดจากความปรุงความแตง่ ตวั
สงั ขารน่ีแหละเป็นเหตุ ทกุ ขเ์ พราะอนั นี้ ในเม่ืออนั นีไ้ ม่มีแลว้ ไดก้ ็
ไม่ทกุ ข์ เสยี ก็ไมท่ กุ ข์ ไม่มีอะไรก็ไม่ทกุ ข์ มีอะไรก็ไมท่ กุ ข์ เพราะ
ส่ิงท่ีมีนนั้ มีลาภก็ไม่ทาํ ใหเ้ ป็นทกุ ข์ ไมม่ ีลาภ เส่อื มลาภกไ็ มท่ าํ
ใหเ้ ป็นทกุ ข์ มยี ศ ก็ไม่ทาํ ใหเ้ ป็นทกุ ข์ ยศเสยี ก็ไม่ทกุ ข์ เพราะฐาน
ตวั ท่ีทาํ ใหท้ กุ ขเ์ กิดมนั ไดด้ บั ไปแลว้

จงึ ใหพ้ ากนั ตรวจดใู หก้ วา้ งขวาง ความสบั สน ความวนุ่ วาย
ความฟงุ้ ซา่ นอยตู่ รงไหน แกต้ รงสบั สนวนุ่ วายฟงุ้ ซา่ นนนั้ วธิ ีแกม้ ี
หลากหลาย แกด้ ว้ ยเหตดุ ว้ ยผล เอาความจรงิ ยกขนึ้ มาใหค้ วาม
ฟงุ้ ซา่ นยอมรบั ใหใ้ จยอมรบั ในเม่ือใจยอมรบั ใจก็สงบ ไม่ตอ้ ง
เอาเหตเุ อาผลอะไร เอาสตจิ อ่ ลงท่ีความฟงุ้ ซา่ นนนั้ เอาสติจอ่
แนบแน่นลงไปจดุ ฟ้งุ ซา่ นนนั้ ตรงไหนตรงฟ้งุ ซา่ น จิตฟงุ้ ซา่ น จิต
ไมฟ่ ้งุ ซา่ น มีแตจ่ ติ อนั เดียวเทา่ นนั้ ฟงุ้ ซา่ นเป็น ไมฟ่ ้งุ ซา่ นเป็น
ขณะเคา้ ฟ้งุ ซา่ น จ่อลงไปท่ีนนั้ มีสติตงั้ ม่นั อยทู่ ่ีจิตอนั เดยี ว
เพราะจติ เทา่ นนั้ เป็นผทู้ ่ีฟงุ้ ซา่ นเป็น มีสติใหม้ ่นั คง ไม่ใหต้ วั ปรุง
มนั ปรุงขนึ้ ไมใ่ หต้ วั คดิ มนั คดิ ขนึ้ ดอู ยา่ งเดยี ว เอาจติ ดู ฟังอยา่ ง

6

เดยี ว เอาจิตฟัง เอาสตติ งั้ อยู่ ไม่ใหค้ ิดใหป้ รุง ความคิดความ
ปรุงเป็นเรอ่ื งของตวั สงั ขาร น่ีบงั คบั อยอู่ ยา่ งนนั้

ในเม่ือบงั คบั ไมใ่ หป้ รุง ไมใ่ หค้ ิด ใหร้ ูใ้ หเ้ หน็ จติ อย่อู ย่างนนั้
ในเม่ือจิตไม่ปรุง จิตไมค่ ดิ แลว้ ความฟงุ้ ซา่ นจะมาจากไหน ตวั
ปรุงตวั แตง่ ไมป่ รุงไมแ่ ตง่ แลว้ จะเอาอะไรมาฟงุ้ ซา่ น จิตเคา้ ก็
เป็นจติ อยอู่ ยา่ งนี้ จติ เคา้ ไมฟ่ งุ้ ซา่ น ความฟ้งุ ซา่ นเป็นเรอ่ื งของ
กิเลสตา่ งหาก ไม่ใช่จิตฟ้งุ ซา่ น กิเลสเคา้ เป็นกิเลสอยอู่ ย่างนี้
ความฟงุ้ ซา่ นเป็นความฟงุ้ ซา่ นอยอู่ ยา่ งนี้ มีแตพ่ ระพทุ ธเจา้ ตรสั รู้
โลกก็ยงั ไมไ่ ดข้ าดความฟ้งุ ซา่ น สงั ขารกย็ งั เป็นสงั ขารอย่อู ยา่ ง
นนั้

แตพ่ ระพทุ ธเจา้ ไมไ่ ดย้ ดึ สงั ขาร สกั แตว่ า่ สงั ขารเทา่ นนั้ และ
สามารถเอาสงั ขารนนั้ เป็นประโยชนใ์ นการประกาศพระศาสนา

พระพทุ ธเจา้ ใชส้ งั ขารนนั้ ใชต้ วั จติ ตวั คดิ ตวั เคล่อื นไหวน่นั
หละมาเป็นตวั ทาํ งานการประกาศพระศาสนา แตท่ าํ งานอย่ใู น
กรอบ ในกรอบอะไร ในกรอบของความเป็นธรรม กรอบของ
ความชอบธรรม กรอบของความบรสิ ทุ ธิ์ยตุ ิธรรมในใจของ

7

พระพทุ ธเจา้ ใชส้ งั ขารประกาศพระศาสนา ใชส้ งั ขารเป็นส่อื สาร
อยา่ ไปเป็นบา้ ยดึ สงั ขารเป็นตวั เป็นตน ถา้ ไปยดึ สงั ขารเป็นตวั
เป็นตน มนั ก็คนบา้ บา้ นา้ํ ลายเจา้ ของ

สตมิ ีความจาํ เป็นทกุ ระดบั ทกุ ขนั้ ตอน การปฏิบตั กิ า้ วหนา้
มากเท่าไหร่ สติย่ิงมีความจาํ เป็นและสตกิ ็กา้ วหนา้ เทา่
ความกา้ วหนา้ ของการปฏิบตั ิธรรมนนั้ ถา้ หากวา่ สติไม่กา้ วไป ก็
หมายถงึ ความถอยหลงั ของการปฏบิ ตั นิ นั้ จิตเรม่ิ ถอยหลงั
พยายามฝึกสตๆิ เดนิ มีสติ น่งั มีสติ นอนมีสติ เคล่ือนไหวอยา่ งไร
มีสติ กินถ่ายมีสติ พดู จาปราศรยั มีสติ เก่ียวขอ้ งกบั ใครมีสติ คดิ
อา่ นอะไรมีสติ ถา้ หากวา่ คิดอา่ นไมม่ ีสติ ผลออกมามีแตท่ าํ ลาย
เจา้ ของเอง จะไปหาท่ีไหน หาความสงบ ไปท่ีไหนก็แบกตวั
ความไมส่ งบไป ไปท่ีไหนก็แบกตวั ความไม่สงบไป อยทู่ ่ีไหนก็
แบกความไมส่ งบเอาไว้ แลว้ จะหาความสงบเจอไดอ้ ย่างไร
เหมือนกบั น่งั เอาไฟมาถือเอาไวใ้ นกาํ มือ ไม่ยอมปลอ่ ยแลว้ จะไม่
รอ้ นไดอ้ ย่างไร อยกู่ บั วดั ก็รอ้ น ออกไปป่าก็รอ้ น ไปท่ีไหนก็รอ้ น
รอ้ นเพราะการไม่ยอมปลอ่ ยไฟท่ีกาํ อย่ใู นมือ

8

ในโลกอนั นีไ้ มม่ ีอะไรรอ้ น ดจู รงิ ๆเลย สรุปลงในโลก ดิน นา้ํ
ลม ไฟ เหน็ ดินรอ้ นซกั ทีมยั้ เห็นนา้ํ รอ้ นซกั ทีมยั้ ถงึ นา้ํ จะตม้
เดือดอย่กู ็ช่าง นา้ํ ไมเ่ คยพดู วา่ รอ้ น ลม ไฟ ไฟจะลกุ ขนาดไหนก็
ชา่ ง ความรอ้ นจะจาํ นวนวดั ไดเ้ ท่าไหรๆ่ ความรอ้ นเอานนั้ เขาไม่
เคยเผาเขาเอง แลว้ เขาก็ไมเ่ คยวา่ เขารอ้ น ทกุ อยา่ งเคา้ เป็น
ธรรมชาตขิ องเคา้ ทกุ อยา่ งเป็นปกตขิ องเคา้ ใจของเราก็
เหมือนกนั ใหเ้ ขาเป็นธรรมชาติของเขานะ่ อย่เู ป็นสขุ ตารอ้ น รูป
รอ้ น รอ้ นเพราะการสมั ผสั แลว้ ก็เกิดความยนิ ดียินรา้ ยจงึ รอ้ น รูป
ก็เพราะรูป ตาก็เพราะตา หกู ็เพราะหู เสยี งก็อย่อู ยา่ งเสยี ง น่ี!
ไมส่ มั ผสั กนั แลว้ มนั จะเกิดเป็นฟืนเป็นไฟไดย้ งั ไง ถึงจะมสี มั ผสั
กนั มีสติรูร้ ูปก็สกั วา่ รูป หสู กั แตว่ า่ หู เพยี งแตว่ า่ สมั ผสั กนั เทา่ นนั้
เคา้ ก็ไมเ่ กิดความรอ้ นอะไร

ในอาทิตต (อาทติ ตปริยายสูตร) ทา่ นแสดงถงึ หรู อ้ น ตา
รอ้ น รูปรอ้ น เสยี งรอ้ น จมกู รอ้ น กลนิ่ รอ้ น ลนิ้ รอ้ น รสรอ้ น รอ้ น
เพราะยดึ การสมั ผสั เป็นตวั เป็นตน สงิ่ สมั ผสั เป็นตวั เป็นตน รอ้ น
เพราะยดึ สงั ขารตวั ปรุงตวั แตง่ อนั เกิดจากการสมั ผสั นนั้ วา่ เป็น

9

เราเป็นเขา เป็นหญิงเป็นชาย เป็นตวั เป็นตน เผากนั มา มีธรรม
เป็นเคร่อื งอยู่ อยเู่ ป็นสขุ มีสติเป็นธรรมเคร่อื งอยู่ อยเู่ ป็นสขุ มี
ความสงบเป็นเคร่อื งอยู่ อย่เู ป็นสขุ ถา้ หากไมม่ ีสติ ไม่มีธรรม
เป็นเคร่อื งอยู่ หาความสขุ ไมเ่ จอ ดนิ้ รนตะเกียกตะกาย อยากจะ
เปรยี บเหมือนสนุ ขั ขีเ้ รอื้ นแสวงหาความสขุ ไมม่ ีโอกาสท่จี ะเจอ
สถานท่ีท่ีไม่คนั ได้ เพราะความคนั ไมใ่ ชค่ นั อย่กู บั สถานท่ี มนั คนั
อยกู่ บั ขีเ้ รอื้ นนนั้

จิตก็เช่นเดียวกนั เปลอื้ งคาํ วา่ รูปออกไปเสีย โลกดโี ลกช่วั
โลกทกุ ขโ์ ลกสขุ โลกรกั โลกชงั เปลอื้ งออกไปเสีย อยเู่ ป็นสขุ สม
กบั การท่ีเรามงุ่ ม่นั ปรารถนากนั ถา้ ยงั จะตะครุบแตเ่ งา มนั ก็จะ
เหมือนกบั สนุ ขั คาบเนือ้ เดนิ สะพาน มองเหน็ เงาของเนือ้ ท่ีอย่ใู น
นา้ํ ไมค่ ดิ วา่ เงานนั้ ก็คือเนือ้ ท่ีคาบอยู่ ลืมตวั ก็อา้ ปาก โฮ่งๆ ขู่
สนุ ขั ตวั ท่ีมนั คาบเนือ้ ตวั ท่ีเป็นเงานนั้ ไอเ้ นือ้ ท่ีอยใู่ นปากมนั ก็
หลดุ ไป ผลออกมาเป็นยงั ไง น่นั ! ตะครุบเงามนั เป็นอยา่ งนนั้ คือ
ไดแ้ ตข่ องวา่ ง ไดแ้ ตข่ องไม่มีอะไร แลว้ ก็ไปตะครุบตอ่ ตะครุบ
ตอ่ ไป เงามนั จะหมดไปท่ีไหน อยตู่ รงไหนมนั ก็มเี งา น่งั ตรงไหน

10

มนั ก็มเี งา นอนมนั ก็ยงั มีเงา จะคดิ ไปทางไหน คิดไปทางไหน
ลว้ นแตเ่ ป็นเงาทงั้ นนั้ แลว้ ตะครุบแตเ่ งาอยู่ แลว้ จะไดอ้ ะไร

อยา่ ตะครุบ หยดุ เลกิ ในการตะครุบ สติๆๆๆ หยดุ ๆ เลกิ ๆ
หยดุ ๆ เลิกๆ ไมค่ ิดไมป่ รุงไม่แตง่ ไม่คดิ ไม่ปรุงไมแ่ ตง่ ไม่คดิ ไม่
ปรุงไม่แตง่ อยกู่ บั จิตท่ีประกอบดว้ ยสติ ไมใ่ หแ้ วบ้ ไมใ่ หว้ อบๆ
แวบ้ ๆ ไมใ่ หข้ ยบั ใหเ้ คล่อื น จติ เป็นจติ โลกเป็นโลก ธรรมเป็น
ธรรม ตา่ งคนตา่ งอยู่ ถงึ จะมามีการเก่ียวขอ้ งกนั มีสตธิ รรมเป็น
ธรรมกาํ กบั ไมท่ าํ ใหเ้ กิดความสบั สน เหมือนกบั ชา่ งไฟ สามารถ
ท่ีจะเอาไฟมาใชใ้ หเ้ ป็นประโยชนไ์ ดโ้ ดยไมเ่ ป็นอนั ตราย ถา้ คน
ไมเ่ ป็นช่างไฟ กวา่ ไฟจะเป็นประโยชน์ ไมม่ ีความรูเ้ รอ่ื งไฟ จะเอา
ไฟมาเป็นประโยชน์ ไฟชอ็ ต อนั ตรายอนั เกิดจากไฟนนั้

ของในโลกน่ีมปี ระโยชนท์ งั้ นนั้ มีสตใิ นการเอามาใช้ มีแตไ่ ด้
ประโยชนอ์ ย่างเดยี ว ไม่มีสติ ไมม่ ีความฉลาดพอ ของในโลก
ลว้ นแลว้ แตเ่ ป็นอนั ตราย มีตา ตาของเราก็เป็นอนั ตรายกบั เรา มี
หู หกู ็ยงั เป็นอนั ตราย ทงั้ ๆสง่ิ เหลา่ นีล้ ว้ นแลว้ เป็นสงิ่ ท่มี ีคา่ เป็น
สง่ิ ท่ีมีคณุ แตก่ ลายเป็นส่งิ ท่เี ป็นอนั ตรายเพราะอะไร เพราะใจ

11

ขาดธรรม เพราะใจขาดสติ ใจมีสติ ใจมีธรรม ลว้ นแลว้ แตเ่ ป็น
ประโยชนท์ งั้ นนั้ การฝึกใจใหม้ ีสติ ใจมีสตินนั้ คือใจมีธรรม สติ
รวมไวท้ งั้ สมาธิก็ไมผ่ ดิ จะวา่ ศลี ก็ไม่ผดิ จะวา่ ปัญญาก็ไม่ผิด
รวมอยคู่ าํ วา่ สตอิ นั เดยี ว ไมม่ ีสติ ศีลจะมีไดย้ งั ไง จะเอาอะไร
เป็นธรรมเคร่อื งสาํ รวม ไม่มสี ติ สมาธิจะแน่วแนม่ ่นั คงไดย้ งั ไง
ไมม่ ีสติ ปัญญาจะแยบคายแหลมคมไดย้ งั ไง จะไมม่ ีปัญญา
ปัญญาจะเกิดขนึ้ ไดย้ งั ไง จงึ วา่ ธรรมคอื สติ บาํ เพ็ญใหย้ ่งิ
บาํ เพญ็ ใหย้ ่งิ บาํ เพญ็ ใหย้ ่ิงทกุ ขณะ น่งั ได้ นอนได้ บาํ เพญ็ ได้
ทงั้ นนั้ ยืนได้ รบั ประทานขบั ถ่ายอย่ใู นอิรยิ าบถใดๆ บาํ เพ็ญสติ
ใหเ้ กิดใหม้ ีขนึ้ ไดท้ กุ ขณะทีเดียว

ทา่ นจงึ วา่ อกาลโิ ก ทกุ กาล ทกุ สถานท่ี อย่ใู นสถานการณ์
เหตกุ ารณอ์ ยา่ งไร มีสติระลกึ มีสติสาํ รวมเป็นเคร่อื งประดบั ของ
สมณะ เป็นสว่ นประกอบของนกั บวช สมณะนกั บวชไมม่ ีสติ หา
ความงดงามไม่ได้ เกสา โลมา นขา ทนั ตา ตโจ เป็นเครอ่ื งอยู่
ผมเป็นผม ตดั ก็เป็นผม โกนก็เป็นผม ทงิ้ ไวต้ รงไหนก็เป็นผม ไม่
ตดั ไม่โกน ก็เป็นผม ขนก็เชน่ เดยี วกนั ไมต่ ดั ไมโ่ กนก็เป็นขน ถงึ

12

จะตดั จะโกน จะหลดุ จะลยุ่ ก็เป็นขน เลบ็ ก็เหมือนกนั ฟันก็
เหมือนกนั หนงั ก็เหมือนกนั ลอกออกไป นอ้ ยออกไปก็เป็นหนงั
อย่ใู นตวั ก็เป็นหนงั เนือ้ ก็เหมือนกนั อยใู่ นตวั ก็เป็นเนือ้ ถงึ จะ
ออกไปตรงไหน วางตรงไหนก็เป็นเนือ้ ผมเสน้ ไหน ขนเสน้ ไหน
เลบ็ เกลด็ ไหน ฟันซ่ีไหน เคา้ ไม่รูว้ า่ เคา้ เป็นอะไร แตล่ ะอยา่ งเคา้
ไมไ่ ดม้ ีกิเลสตณั หาอะไรเลย กระดกู ชนิ้ นอ้ ยชิน้ ใหญ่ ตบั ไตไสพ้ งุ
เคา้ ไม่รูว้ า่ เคา้ เป็นอะไรทงั้ นนั้

น่ี จงึ วา่ มีสติ ปัญญามีปัญญาเกิด ไม่มีสตซิ ะอย่างเดียว
สมาธิไม่มี ไม่ได้ แลว้ ปัญญาจะเกิดขนึ้ ใหแ้ ยบคายไดอ้ ยา่ งไร ไม่
ตอ้ งไปหาท่ีไหน หาธรรม สติธรรมไมต่ อ้ งไปหา พรอ้ มท่ีจะ
เกิดขนึ้ พรอ้ มท่ีจะเกิดขนึ้ ทนั ทีในขณะท่ีเรามีการกระทาํ นนั้
สมาธิธรรมก็ไม่ตอ้ งหาท่ีไหน พรอ้ มท่ีจะเกิดขนึ้ การกระทาํ ของ
เรา ปัญญาธรรมก็เชน่ เดยี วกนั ไมต่ อ้ งไปหาท่ีไหน พรอ้ มท่ีจะ
เกิดขนึ้ ถา้ หากวา่ เหตผุ ลท่จี ะทาํ ใหเ้ กิดมนั พอ ปัญญาพรอ้ มท่ีจะ
เกิด เกิดจากไหน เกิดจากสติ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นวา่ ธรรม
ทงั้ หลายเกิดจากสติอนั เดยี ว

13

อนิจจัง ทกุ ขงั อนัตตา ไมต่ อ้ งหา ผม ขน เล็บ ฟัน
หนังเน่ยี อนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตาอย่ตู รงนี้ สรรี ะ รา่ งกายทงั้ หมดน่ี
คอื กองอนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา ไมต่ อ้ งไปหาอนิจจงั ทกุ ขงั
อนตั ตาท่ีไหน อยทู่ ่ีน่ี อยกู่ บั กองไตรลกั ษณ์ อนิจจงั ทกุ ขงั
อนตั ตา อยทู่ ่ีนี้ อยกู่ บั อนิจจงั อยกู่ บั ทกุ ขงั อยกู่ บั อนตั ตา แลว้ ก็
ไมย่ ดึ ตดิ แลว้ ก็ไม่หลง ไม่ยนิ ดี ไม่ยนิ รา้ ย ในอนิจจงั ทกุ ขงั
อนตั ตานี้ ถา้ หากวา่ ไม่มีสติ กองอนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตานเี้ ป็นกอง
ฟื นกองไฟ เผาไหมจ้ ิตใจของเราและของสตั วโ์ ลกทงั้ หลาย มี
อะไรท่ีจะเป็นฟื นเป็นไฟเผาจิตใจของสตั วโ์ ลก มีแตก่ องอนิจจงั
ทกุ ขงั อนตั ตานี้

คาํ สอนพระพทุ ธเจา้ จงึ สอนใหร้ ู้ สอนใหพ้ จิ ารณา ใหร้ ูค้ วาม
เป็นจรงิ ของ อนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา แลว้ ของในโลกทงั้ หมดจะไม่
เป็นขา้ ศกึ เพราะของในโลกทงั้ หมดก็คืออนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา
น่นั เอง ดธู รรม ดธู รรม ดธู รรมก็คือเอาใจดู ฟังธรรม ฟังธรรมก็
คือเอาใจฟัง พจิ ารณาธรรม พจิ ารณาธรรม พิจารณาธรรม ก็คือ
เอาใจของเราพจิ ารณาธรรมท่ีเรามีอยู่ คอื อนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา

14

กองอย่ตู งั้ แตศ่ ีรษะลงไปหาเทา้ เทา้ ขนึ้ ไปหาศรี ษะนี้ คอื กองขนั ธ์
รูอ้ นั นี้ เรยี กวา่ รู้ รูอ้ นั นีแ้ ลว้ ไมห่ ลง เพราะในโลกทงั้ หมดน่ีไม่
แตกตา่ งอะไร เพราะมนั กองเกิด กองแก่ กองตาย กองอนิจจงั
ทกุ ขงั อนตั ตาเหมือนกนั ไมห่ ลงในกองอนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา ท่ี
กองอยใู่ นเรา แลว้ เราจะไปหลงกองไหน เหน็ กองมตู ร เหน็ กอง
คถู อยา่ งนี้ เรารูว้ า่ อนั นีม้ นั เหมน็ แลว้ เราจะไปคิดวา่ กองขกี้ อง
อ่ืนมนั หอมไดย้ งั ไง มนั กองมตู รกองคถู เหมือนกนั กองอนิจจงั
ทกุ ขงั อนตั ตาเหมือนกนั สรุปแลว้ เป็นผทู้ ่นี อ้ มจิตนอ้ มใจ มีสติ
นอ้ มใจ มีสตนิ อ้ มจิต มาอยกู่ บั กองเรา กองทกุ ข์ กองเกิด กองแก่
กองตาย กองอรยิ สจั กองนี้

น่ีคอื หลกั ของการปฏิบตั ิ หลกั ของการดาํ เนินเพ่ือถงึ
จดุ หมายปลายทางคอื มรรคผลพระนิพพาน อยา่ ไปกระโดดโนน่
กระโดดน่นั กระโดดไปซา้ ยไปขวา กระโดดไปหนา้ กระโดดถอย
หลงั มีสตริ ูอ้ ยเู่ สมอ เป็นผทู้ ่ีไม่กระโดดหนา้ กระโดดหลงั อนั นี้
เป็นความถกู ตอ้ งในหลกั การปฏบิ ตั ิ เอา้ เลกิ กนั เทา่ นีห้ ละ

(พดู ทา้ ยเทศน)์

15

ชว่ งนีอ้ ากาศเรม่ิ เย็น อากาศเยน็ รนิ้ ยงุ ก็ไมร่ บกวน น่งั
ภาวนาตามตน้ ไม้ น่งั ภาวนาอยขู่ า้ งทางเดินจงกรมดี มเี ส่ือ มี
แทน่ มีรา้ นน่งั น่งั บนแทน่ น่งั บนรา้ น ไมม่ ี เอาเส่อื เอาอะไรไปปู
พบั ครง่ึ เขา้ น่งั สบาย นอนอยรู่ ม่ ไมก้ ็ยงั ได้ นอนขา้ งทางเดนิ
จงกรมก็ได้ อยา่ ไปหาแสวงความสขุ การหลบั การนอนในท่ีหลบั
ท่ีนอนท่ีสบาย แสวงหาท่ีหลบั ท่ีนอนท่ีสบายน่นั คอื การแสวงหา
ทกุ ข์ ทกุ ขแ์ ละสขุ ไมข่ นึ้ อยกู่ บั การท่ีหลบั ท่ีนอนดี ขนึ้ อยกู่ บั ความ
สงบไม่สงบของใจ อะไรท่ีจะเป็นไปเพ่ือความสงบของใจ
พยายามใหย้ ่งิ จะเจอความสขุ ท่ีเราปรารถนากนั

ท่ีมา: https://youtu.be/8gTk5scoV8s

16


Click to View FlipBook Version