The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตักน้ำใส่ถังแตก โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-16 19:09:27

ตักน้ำใส่ถังแตก โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

ตักน้ำใส่ถังแตก โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

Keywords: ตักน้ำใส่ถังแตก,หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

ตักนาํ้ ใส่ถังแตก
หลวงป่สู วุ จั น์ สวุ โจ
ทาํ วตั รเสรจ็ แลว้ งานของเราปฎบิ ตั ิเป็นกิจประจาํ ก็คือการ
ภาวนา ทาํ จิตของเราใหส้ งบ ตามหลกั ธรรมคาํ สอนขององค์
สมเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ การภาวนากถ็ ือวา่ เป็นการอบรม
จติ ใจของเราใหม้ ีความรู้ ใหม้ ีความสามารถ ใหม้ ีสตสิ มบรู ณ์ มี
ปัญญาสมบรู ณ์ สติปัญญาน่ีทาํ ใหจ้ ิตใจฉลาด ไดร้ ู้ ไดเ้ หน็
หลกั ธรรมคาํ สอนพระพทุ ธเจา้ ตามความเป็นจรงิ
ความรูเ้ หน็ เรยี กวา่ มรรค เรยี กวา่ หนทางการปฏิบตั ิเพ่ือ
กาํ จดั ทกุ ขแ์ ละบาํ รุงความสขุ ท่ีเราทงั้ หลายตอ้ งการ คือ
ความสขุ ท่ีเราทงั้ หลายไม่ตอ้ งการทกุ ข์ ธรรมะเหลา่ นีแ้ หละกาํ จดั
ทกุ ขไ์ ด้ ถา้ เราปฏบิ ตั ติ ามอยา่ งถกู ตอ้ ง การปฏบิ ตั ิธรรมท่ีเรยี กวา่
อบรมจติ นีต้ อ้ งเอาหลกั ความรูใ้ นทางศาสนาของพระสมั มาสมั
พทุ ธเจา้ มาปฏิบตั ิตาม ไม่ใชท่ าํ ตามความรูข้ องเราโดยท่วั ๆไป
ความรูข้ องเราโดยท่วั ไปเป็นความรูผ้ สม สะสมมาตงั้ แตเ่ ดก็
เลก็ ๆ มาฝึกมาเรยี นรู้ จากตา จากหู จากความไดส้ มั ผสั สมั พนั ธ์

1

อะไรตอ่ อะไรรอ้ ยแปด ความรูท้ ่ีเราไดจ้ ากโดยพืน้ ฐานธรรมชาติ
นี้ ถา้ เปรยี บเหมือนกบั นา้ํ ก็พืน้ นา้ํ อย่ใู นแผ่นดิน เหมือนกบั นา้ํ
ทะเล นา้ํ ในมหาสมทุ ร ไม่สมควรท่ีจะประกอบยาโอสถบาํ บดั
โรคได้ เพราะมนั ผสมหลายอย่าง อะไรก็ไหลรวมอย่ใู น
มหาสมทุ ร เพราะฉะนนั้ มหาสมทุ รจงึ มีรสอนั เดียวคอื เคม็
ถึงแมว้ า่ จะใสอยา่ งไรก็ตาม แตก่ ็ไมส่ มควรแกก่ ารท่ีจะประกอบ
ยาบาํ บดั โรคได้ นา้ํ ท่ีจะมาเป็นกระสยั ยามาบาํ บดั โรคได้ ตอ้ งนา้ํ
กล่นั ท่ีบรสิ ทุ ธิ์ ฉนั ใด ธรรมะท่ีจะมาอบรมจิตนี้ ธรรมะท่ีบรสิ ทุ ธิ์ท่ี
องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ผเู้ ป็นพระอรหนั ต์ มีจิตใจพระ
หฤทยั ของพระองคบ์ รสิ ทุ ธิ์ ปราศจากมลทินเคร่อื งเศรา้ หมอง
แลว้ พระองคม์ ารกั ษากาย รกั ษาวาจาใหบ้ รสิ ทุ ธิ์ไปดว้ ย
พระพทุ ธเจา้ นนั้ จงึ ไดน้ ามวา่ พระอรหนั ต์ เป็นผหู้ มดจดจาก
เคร่อื งเศรา้ หมองคอื กิเลส พระธรรมคือวาจาจากพระโอษฐ์ท่ี
แสดงออกมาจากจิตใจท่ีบรสิ ทุ ธิ์น่นั ก็เป็นธรรมะท่ีบรสิ ทุ ธิ์

ถา้ บคุ คลผใู้ ดพยายามเอาธรรมะท่ีบรสิ ทุ ธิม์ าอบมารมจติ ใจ
จติ ใจก็ยอ่ มพลอยไดร้ บั ความบรสิ ทุ ธิ์ไปดว้ ย เหมือนกบั นา้ํ ท่ีเอา

2

สิ่งหอมมาอบ มนั ก็กลายเป็นนา้ํ หอม มีคา่ มีราคา คนนิยม
ชมชอบ ถา้ เอาสิง่ ท่ีสกปรกมาใสก่ ็กลายเป็นนา้ํ สกปรก จิตใจ
ของเราถา้ ไปเก่ียวขอ้ งกบั สงิ่ ท่ีสกปรกไม่สะอาด จติ ใจของเราก็
ไม่สะอาดดว้ ย เพราะฉะนนั้ พระองคจ์ งึ สอนใหร้ กั ษาศีล เพ่ือ
ไม่ใหไ้ ปเก่ียวขอ้ งกบั สิ่งท่ีไม่สะอาดสกปรก

ถา้ เราไม่รกั ษาศีล ถึงแมว้ า่ เราจะภาวนาเอาสิ่งท่ีสะอาดมา
ใสเ่ ทา่ ไหร่ แตเ่ ม่ือจติ ใจของเราไปเก่ียวขอ้ งกบั ส่ิงท่ีสกปรก
เหมือนกบั ภาชนะท่ีสกปรก ของท่ีสะอาดเขา้ ไปก็ไมบ่ รสิ ทุ ธิ์ ไมม่ ี
คณุ คา่ หมดคา่ หมดราคาเพราะตกไปอย่ใู นสงิ่ ท่ีแวดลอ้ ม คือ
จิตใจท่ีไมม่ ีศลี ไมม่ ีเจตนารกั ษาละเวน้ ส่งิ อนั สกปรกเหลา่ นนั้
เพราะตวั เจตนาน่ีเองเป็นตวั ศีล สว่ นกายวาจาเป็นแตเ่ คร่อื งมือ
ใหส้ าํ เรจ็ ประโยชนข์ องจิตท่ีเจตนาตอ้ งการ เพราะฉะนนั้ การ
รกั ษาศีลจงึ รกั ษาเจตนาท่ีมีอยใู่ นจติ ใจน่ีเอง เพ่ือตงั้ ใจละเวน้

สมมตุ ถิ า้ เราจะภาวนา เรากต็ รวจดกู าย ดวู าจาของเรา วา่
กายวาจาของเราเรยี บรอ้ ยแลว้ ไปตงั้ จิตเจตนาละเวน้ ไมค่ ดิ นกึ
ละโมบอยากไดข้ องผอู้ ่ืน ไมค่ ดิ โกรธผกู พยาบาทกบั ใครๆ เจตนา

3

ละเวน้ ไม่อยากไดข้ องใคร ไม่พยาบาทปองรา้ ยใคร เม่ือจิตใจ
ของเราเป็นธรรม ไม่เบยี ดเบยี นใคร เจตนาละเวน้ ในสกิ ขาบท
หา้ อยา่ งท่พี ระพทุ ธเจา้ บญั ญตั ไิ ว้ เพ่ือรกั ษาศีลสิกขาบทเทา่ ไหร่
ก็ดตู รวจดู ละเวน้ เราไดล้ ะไดเ้ วน้ ในสกิ ขาบทนนั้ ๆ ตามเพศตาม
ภมู ิของตน

เม่ือภาชนะคอื จติ ใจท่ีเรานาํ ศีลธรรมมาอบรมแลว้ เราก็มา
ฝึกฝนจิตใหฉ้ ลาดดว้ ยการพจิ ารณา ถา้ จติ ไม่ฉลาด ถงึ เรารกั ษา
ได้ แตเ่ ป็นของไม่เท่ียง ไม่สามารถจะรกั ษาความบรสิ ทุ ธิ์ได้ จติ
เม่ือเกิดเร่อื งกระทบกระเทือน ไมพ่ อใจอยา่ งใดอย่างหนง่ึ รุนแรง
ขนึ้ มา ก็ไมส่ ามารถท่ีจะข่มจิตขม่ ใจไวไ้ ด้ ถกู อาํ นาจลว่ งละเมดิ
ทาํ ผดิ ศลี ลงไปได้ เพราะกเิ ลสเครอ่ื งเศรา้ หมองในจิตใจยงั มีอยทู่ ่ี
เกิดขนึ้ ในใจเอง ท่ีเรยี กวา่ อาสวะทงั้ หลาย

กามาสวะ อาสวะคอื กามกม็ ีอย่ใู นจิตใจของเรา ภวาสวะ
อาสวะคอื ภพ ทฏิ ฐิสวะ อาสวะคอื ทิฏฐิ อวิชชาสวะ อาสวะ
คืออวชิ ชา กิเลสท่ีดองอย่ใู นจติ ใจ ประจาํ อยู่ มีอย่ตู ลอดเวลา ถา้
เราไมภ่ าวนารูจ้ กั ส่ิงเหลา่ นีแ้ ลว้ อาสวะเหลา่ นนั้ กลายมาเป็น

4

สมทุ ยั สรา้ งความหลง สรา้ งความอยากไปในทางท่ีผดิ ยนิ ดี
กระทาํ ไปในทางท่ีเป็นปัจจยั ใหเ้ กิดทกุ ขท์ ่ีเราไมต่ อ้ งการ ทกุ ข์
ทงั้ หลายท่ีเกิดขนึ้ ในสตั วท์ งั้ หลายทว่ มทงั้ สตั วท์ งั้ หลาย ก็เพราะ
อาสวะเหลา่ นีแ้ หละดองอย่ใู นจติ ใจกลายเป็นโอฆะทว่ มสตั ว์
ทงั้ หลาย เป็น กาโมฆะ ภโว โมฆะ ทฏิ ฐิโมฆะ อวชิ ชาโมฆะ
(โอฆะ ๔ คือ กาโมฆะ ภโวฆะ ทิฏโฐฆะ และ อวชิ โชฆะ)
เชน่ เดยี วกนั แลว้ ใหเ้ กิดตณั หาความอยากเป็นสมทุ ยั ใหท้ กุ ข์
เกิด

เพราะฉะนนั้ เราอบรมเหน็ เหตปุ ัจจยั ท่ีใหท้ กุ ขเ์ กิดชดั แลว้
ชีวติ นีเ้ ราไมเ่ ก่ียวขอ้ งกบั สงิ่ เหลา่ นนั้ ก็ได้ เรามารกั ษาศีลแลว้
ทาํ งานท่ีชอบตามทางท่ีอรยิ มรรคในคาํ สอนพระพทุ ธเจา้ อบรม
จติ ใจใหม้ ีความเหน็ ตามพระองคใ์ นสจั ธรรมท่ีพระองคท์ รงตรสั
ไว้ เม่ือจิตยงั ไม่เหน็ หรอื ความเหน็ ยงั ไม่สมบรู ณ์ ความดาํ รไิ ม่
สมบรู ณ์ เราก็อบรมภาวนาใหจ้ ิตมีความเหน็ สมบรู ณ์ เหน็ ตาม
พระองค์ เหน็ ทกุ ข์ เหน็ ไตรลกั ษณท์ ่ีเราอาศยั อย่ใู นขนั ธน์ ี้

5

เราตรวจตรองตาม พจิ ารณาตาม เราก็ตอ้ งเหน็ ตามวา่ ทกุ ข์
มนั มีอยจู่ งั เรยี กวา่ ทกุ ขงั เรยี กวา่ อนิจจงั ความไม่เท่ียงของขนั ธ์
ของเรา เพราะความไม่เท่ียงน่ีเอง นนั้ หมดไปสิน้ ไป ไดม้ าแลว้ ก็
หมดไป ไดม้ าแลว้ ก็หมดไป เราหาตงั้ แตน่ อ้ ยจนใหญ่ก็ไมม่ ีอะไร
ท่ีเป็นของตน ท่ีม่นั คงพอท่ีจะพ่งึ ไดแ้ นน่ อน ดรู า่ งกายมนั ก็จะพง่ึ
ไม่ได้ มีแตช่ ราครา่ํ ครา่ ทรุดโทรมไปตามลาํ ดบั ดจู ติ ใจก็วอกแวก
ไม่อยใู่ นรอ่ งในรอย ตอ้ งการใหส้ งบ มนั ก็ไม่สงบ มนั ก็ยงั กระโดด
โลดเตน้ ไปหลายอยา่ งอยู่ เพราะฉะนนั้ เราเหน็ ชดั ตามพระองค์
อย่างนี้ เราก็เช่ือ เรากย็ อมทาํ ตาม เพราะเป็นความจรงิ มนั มีอยู่
ตามท่พี ระองคท์ รงตรสั ไวท้ กุ อย่าง น่ี จงึ มีการภาวนา

เม่ือเราเหน็ ชดั อยา่ งนีแ้ ลว้ ความจรงิ อย่างนีแ้ ลว้ เราก็เกิด
ความเบ่อื หนา่ ยในการกระทาํ ท่ีไม่ดี ท่ีพยายามหลงใหล ท่ี
แสวงหาวตั ถุ แสวงหาความสขุ โดยสง่ิ อ่นื ๆมาพอกพนู รา่ งกายท่ี
เป็นของไมเ่ ท่ียง ชาํ รุดทรุดโทรมอย่ตู ลอดเวลา ใหอ้ ่ิมหนาํ
สาํ ราญ ใหเ้ พียงพอ ใหม้ นั เตม็ มนั ก็เต็มไมไ่ ด้ เพราะมนั ร่วั ไหลอ
ตลอดเวลา เหมือนกบั เราตกั นา้ํ ใสถ่ งั แตก พากนั ตกั ซกั เท่าไหรๆ่

6

มนั ก็ไม่เสรจ็ เผลอสกั นิดเดยี วมนั ก็แหง้ หมดไปอกี ความสขุ ท่ีเรา
พยายามหาเพ่ือใหเ้ ต็ม ใหเ้ พียงพอ ก็ร่วั ไหลเชน่ เดยี วกนั
เหมือนกบั นา้ํ ท่ีถงั แตก พระพทุ ธเจา้ เหน็ ชดั ถา้ เรามาตรวจดู
แลว้ ก็ตอ้ งเช่ือตามเพราะมนั เป็นจรงิ เรยี กวา่ สจั ธรรม เรยี กวา่
เห็นความจรงิ เพราะฉะนนั้ จงึ เม่ือถงั แตกแลว้ เราก็พง่ึ ไมไ่ ด้
รา่ งกายนีก้ ็เชน่ เดียวกนั จะพง่ึ ยดึ ม่นั คงไม่ได้ แตม่ นั ก็มีมาแลว้
จะใหใ้ คร หรอื ใครจะรบั เอาของทกุ ขอ์ ยา่ งนกี้ ็ไม่มีใครอยากได้
ใครก็ไม่อยากได้ เพราะฉะนนั้ พระพทุ ธเจา้ วา่ ควรอบรมจติ ใจน่ี
ใชข้ นั ธใ์ หเ้ กิดประโยชนเ์ ม่ือยงั มีอยู่ ใหไ้ ดป้ ระโยชนใ์ นดา้ นจิตใจ
จติ ใจจะไดพ้ ่งึ ตวั เอง เพราะขนั ธน์ ่ีอบรมไมไ่ ด้ รูปก็อบรมไมไ่ ด้
สขุ ทกุ ขก์ ็อบรมไมไ่ ด้ อบรมไดแ้ ตจ่ ติ ใจ

เพราะฉะนนั้ อบรมเราใชร้ ูปน่ีแหละ ภาวนาเดนิ จงกรมน่งั
สมาธิ สว่ นรูปเป็นไปอาศยั ปัจจยั ๔ ท่ีมนั อย่ไู ด้ พระพทุ ธเจา้ มา
สอนน่ะ สมั มากมั มนั โต ทาํ การงานชอบ เพ่ือชีวติ อยไู่ ด้ เก่ียวแก่
คาํ พดู เก่ียวแก่การงาน เราก็พดู ในเรอ่ื งท่ชี อบ ท่ีไม่ใหม้ ปี ัญหา ท่ี
ไม่กระทบกระเทือนใจ จติ ของเราใหเ้ ศรา้ หมอง พดู ดว้ ยปัญญา

7

ทาํ ดว้ ยปัญญา เลีย้ งชพี ดว้ ยทางท่ีชอบ เหมือนกบั เราเลีย้ งชพี
ทกุ วนั จนเราตรวจดชู ีวิตของเราอย่ดู ว้ ยความชอบแลว้ ปัจจยั ๔
ใชม้ าสอยเราก็ไดด้ ว้ ยความชอบ เราก็เดนิ ตามรอยขององค์
สมเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้

เม่ือไดค้ วามชอบแลว้ ก็อบรมจิตใจใหฉ้ ลาด พยายามรกั ษา
จติ ใจของเราใหส้ งบ ก่อนอ่นื จิตใจสงบเพ่ือใหก้ ายสงบ น่งั อยกู่ บั
ท่ีแหง่ ใดแหง่ หน่งึ เม่ือกายไมม่ ีใครทาํ อนั ตราย กายก็ไม่
กระดกุ กระดิกไปไหน น่งั ตรงไหนมนั ก็อย่ตู รงนนั้ แลว้ ยงั จติ ใจ
ยงั ไมส่ งบ เราก็สาํ รวมใจ เอาธรรมมาอบรมใจ เอาคณุ
พระพทุ ธเจา้ คอื พทุ โธมาอยทู่ ่ีใจ เอาพระธรรมมาอย่ทู ่ีใจ เอา
พระสงฆม์ าอยทู่ ่ีใจ เพราะพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆม์ ี
อานภุ าพ เป็นธรรมท่ีบรสิ ทุ ธิ์ มีอานภุ าพมาก เพราะฉะนนั้ เรา
ระลกึ พทุ โธๆ ทาํ ใจใหม้ ีความสขุ ในพทุ โธ ตดั อารมณภ์ ายนอก
ไมค่ ิดสง่ ออกไป ใหร้ วมอย่ใู นพทุ โธปัจจบุ นั

พทุ โธปัจจบุ นั เน่ียสาํ คญั มาก ถา้ เราสามารถจะตดั อารมณ์
ไมใ่ หค้ ิดอดตี อนาคต มีพทุ โธอยปู่ ัจจบุ นั ไมเ่ ผลอตอ่ เน่ืองกนั ช่วั

8

ระยะหน่งึ อารมณข์ องเราก็ละเอยี ด เพราะไมม่ ีสงิ่ มากอ่ กวน
จิตใจของเราก็ละเอยี ดไปดว้ ย ความทกุ ขห์ ยาบๆอยู่ ความทกุ ข์
เกิดอย่ไู ดใ้ นอารมณห์ ยาบๆ เร่อื งหยาบๆ แตพ่ อจิตเขา้ สเู่ ร่อื ง
ละเอยี ดแลว้ ทกุ ขก์ ็อย่ไู ม่ไดอ้ ีก เหมือนกบั ของสกปรกอยใู่ นนา้ํ
ทะเล พอจะกล่นั ใหล้ ะเอยี ดแลว้ สิ่งท่ีไม่สะอาดมนั หยาบกวา่
มนั ก็ขจดั ออกไป เหลือแตน่ า้ํ บรสิ ทุ ธิ์ฉนั ใด พอเราอบรมพทุ โธ
อบรมจติ ของเราก็ละเอยี ด กส็ งบไปแลว้ อนั วนุ่ วายก็ระงบั ไป
ดบั ไป อนั เคร่อื งเศรา้ หมองขนุ่ มวั ซง่ึ เป็นกิเลสมนั ก็คอยสงบไป
ดว้ ย ทกุ ขท์ งั้ หลายใหร้ าํ คาญก็หมดไป

แตแ่ รกๆนนั้ จะใหส้ งบละเอยี ดทีเดียวไมไ่ ด้ เพราะอะไร
เพราะมนั อาศยั สิ่งท่ีไมส่ งบ ท่ีคิดนกึ ปรุงแตง่ มาตลอดเวลา จะ
ใหส้ งบ หยดุ กกึ๊ เหมือนกะรถเราว่งิ จะใหห้ ยดุ ป๊ บุ ในท่ีตรงนนั้
ไมไ่ ด้ มนั ตอ้ งชะลอความเรว็ จิตมนั เคยคดิ ฟ้งุ ซา่ น จะใหส้ งบป๊ บุ
เวลาเดียวก็ไมไ่ ด้ แตส่ ติกบั ปัญญาท่ีกาํ กบั จิตตอ้ งฉลาด คอย
ชะลอความคดิ ชะลอเขา้ มารวมมาอยใู่ นจิตใจ พทุ โธๆๆ ถงึ
อย่างนนั้ ก็ยงั หยาบ ไมใ่ ช่วา่ ละเอียดทีเดยี ว เพราะมนั คดิ มา

9

ตลอดวนั เพราะฉะนนั้ คอยระลกึ ไป ระลกึ ไป เพ่ือใหส้ ตชิ อบ
ดว้ ยความเพยี รชอบ จิตตงั้ ตรงพทุ โธกาํ หนดตรงไหน แหง่ ใดแหง่
หนง่ึ ชอบ

ถา้ ไม่อยา่ งนนั้ จะไปตงั้ ในลมหายใจ เขา้ พทุ ออกโธก็ได้ ให้
มีหลกั อยทู่ ่ีลมเขา้ ลมออกเป็นหลกั ก็ได้ หรอื จะพิจารณากายค
ตาสติสว่ นอ่นื ตจปัญจกะ ๕ อยา่ ง มีผม มขี น มีเลบ็ มีฟัน มี
หนงั มเี นือ้ มีหนงั เป็นท่ีสดุ อนุโลม ปฏโิ ลม ถงึ ยงั ไมส่ งบก็ไม่
เป็นไร เรยี กวา่ เราชะลอใหม้ นั อย่ใู นขอบเขตอนั นีก้ อ่ น ถา้ เรา
พิจารณาอนโุ ลม เกศา โลมา นขา ทนั ตา ตโจ แลว้ ก็ตโจ ทนั
ตา นขา โลมา เกศา แลว้ ก็กลบั ไปอกี กลบั ขนึ้ กลบั ลงๆ

พอจติ เท่ียวไปเท่ียวมา มนั อยากหยดุ มนั อยากสงบ มนั ไม่
อยากอยา่ งอ่นื สตเิ ราคมุ อยู่ พอมนั รูส้ กึ มนั สงบ เราก็เอาอย่าง
เดียวอยา่ งใดอย่างหนง่ึ ก็ได้ ระลกึ พทุ โธๆ ก็ระลกึ จนจิตมนั อยาก
สงบ มนั ก็จะชวนสงบ ชวนเบาสบายขนึ้ มา ใหม้ นั ขนึ้ เอง อย่าไป
อยาก ใหม้ นั เป็นในจติ ของมนั เอง อยา่ ไปคดิ ขนึ้ มา สว่ นเราคดิ
แตพ่ ทุ โธบรกิ รรมเทา่ นนั้ อยา่ งเดียว เอา้ ภาวนา

10

ท่ีมา: https://youtu.be/FTOm53u8W6w

11


Click to View FlipBook Version