The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่อง อุบายรักษาจิต โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-01-30 21:47:52

เรื่อง อุบายรักษาจิต โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

เรื่อง อุบายรักษาจิต โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

Keywords: อุบายรักษาจิต,หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

อุบายรักษาจติ รู้เทา่ รู้ตามจติ
หลวงป่เู ทสก์ เทสรงั สี

คาํ บาลวี า่ จติ ตัง รักเขถะ เมธาวี ท่านวา่ ผมู้ ีปัญญาควร
รกั ษาจติ ทา่ นวา่ อยา่ งนี้ จะอธิบายถงึ เร่อื งหวั ขอ้ การรกั ษาจติ
เพราะการปฏิบตั ิกรรมฐาน ท่านกลา่ วเร่อื งจติ เป็นสว่ นใหญ่เป็น
หลกั สาํ คญั คาํ วา่ จิตในท่นี ีโ้ ดยมากคนจบั ไมค่ อ่ ยถกู ผไู้ มไ่ ด้
ภาวนา หรอื ภาวนายงั ไมท่ นั เป็น ไม่รูจ้ กั จติ จบั จติ ไม่ถกู จติ
อาจจะเขา้ ใจเป็นหวั ใจไปก็ได้ คือใจกบั จิตนะ่ มีช่ือคลา้ ยๆกนั ถา้
เราพดู เร่อื งใจเราก็พดู เรอ่ื งหวั ใจ คอื หทยั วตั ถุ ก็เขา้ ใจวา่ ใจนนั้
เป็นหวั ใจเอาเสยี เลย คอื จิตหรอื ใจอนั เดียวกนั ถา้ พดู ตามศพั ท์
บาลี จติ คอื ผคู้ ดิ นกึ ใจคือวา่ ใจน่นั เป็นภาษาบา้ นเราท่ีเราพดู กนั
เขา้ ใจวา่ เป็นของกลาง ถา้ พดู ตามบาลีเรยี กวา่ มโน ลกั ษณะ
อาการท่ีนอ้ มไป ยงั ไมท่ นั ถงึ จติ ท่ีมนั นอ้ มไปทีแรกเรยี กวา่ ใจ
มโนคือนอ้ ม อนั นนั้ เรยี กวา่ ใจ นอ้ มไปแลว้ ก็ไปหาการคดิ การนกึ
การปรุง การแตง่ มนั จงึ เรยี กวา่ จติ

1

เพราะฉะนนั้ พงึ ใหเ้ ขา้ ใจเสยี วา่ จติ หมายถงึ เรอ่ื งผรู้ ูส้ กึ นกึ คดิ
เรยี กวา่ จติ ถา้ หากเราจะอบรมจิต แตย่ งั ไม่ทนั รูจ้ กั ตวั จติ ก็อบรม
ไม่ถกู ก็ไมท่ ราบวา่ จะไปอบรมกนั ตรงไหน ถา้ หากวา่ ผอู้ บรม
ฝึกฝนจติ ของตนไดแ้ ลว้ จงึ จะรูจ้ กั วา่ จติ คืออะไร ผทู้ ่ีเหน็ จิตและ
รูจ้ กั จิต รกั ษาจิตของตนได้ ทา่ นเรยี กวา่ เมธี สมกบั บาลีท่ีวา่ จิต
ตงั รกั เขถะ เมธาวี ท่ีวา่ นี้ เมธาวีคอื ผมู้ ีปัญญา ควรรกั ษาจิตของ
ตน อนั นีอ้ ธิบายถึงเร่อื งจติ ใหเ้ ขา้ ใจจติ เสยี กอ่ นซง่ึ เราจะตอ้ งพา
กนั ฝึกฝนอบรม คราวนีจ้ ติ มนั เป็นตวั ยงั ไงกนั

ตวั จิตอนั นนั้ ไม่มีตนมีตวั หรอก ถา้ เราฝึกหดั จิตไดด้ ีแลว้ น่นั
เราจะเอาจติ ไปตงั้ ไวต้ รงศีรษะ มนั ก็อยทู่ ่ีศรี ษะ เอาไปตงั้ บนจมกู
มนั ก็อย่ตู รงจมกู เอาไวต้ รงหนา้ อก หรอื ไหลซ่ า้ ย ไหลข่ วา มนั ก็
อย่ไู ดท้ งั้ นนั้ หรอื เราจะไปตงั้ ไวต้ รงปลายเทา้ ปลายมือไดท้ งั้ หมด
จติ เรานอ้ มไปตรงไหนมนั อยตู่ รงนนั้ แหละ ท่ีเรารูส้ กึ เราอย่ทู ่ี
ไหนก็ไมท่ ราบวา่ เรารูส้ กึ ตามประสาท อยา่ งวา่ เจ็บท่ีปลายเทา้
ปลายมือ หรอื วา่ ท่ีหนา้ อก หรอื ท่ีบนศีรษะ ตรงไหนก็ตามเถอะ
ประสาทของคนเรามนั มีเสน้ ประสาทเหน่ยี วโยงตลอดหมดทงั้

2

อวยั วะรา่ งกาย แตไ่ มช่ มุ สาย ประชมุ อยทู่ ่ีหทยั วตั ถุ ท่ีตรงหวั ใจ
ก็ชอบอย่ทู ่ีวา่ ใจอยตู่ รงหวั ใจนนั้ ชอบอยู่ เพราะประชมุ ท่ีนนั้ แลว้
ไปเกิดความรูส้ กึ กนั ตรงนนั้

เหตนุ นั้ จงึ วา่ ใจน่นั น่ะคอื ความรูส้ กึ น่นั เอง ไมม่ ีตนมีตวั หรอก
ถา้ รูส้ กึ ตรงไหนก็ใจตรงนนั้ .ใจนนั้ ของเรว็ ยากท่ีใครจะจบั ได้ คน
ท่ีไมไ่ ดฝ้ ึกฝนอบรมจิตเสยี เลย ตงั้ แตว่ นั เกิดถงึ วนั ตาย จบั จิตของ
ตนไมไ่ ด้ ฝึกฝนอบรมจติ ตนไม่ได้ ไม่ทราบวา่ มนั ไปวง่ิ วอ่ นไป
ตรงไหนก็ไมท่ ราบ จติ นะ่ เป็นของว่งิ เรว็ บางคนนนั้ วา่ ตามรูจ้ ิต
ไมใ่ ช่รูเ้ ท่าจิต คือตามรูจ้ ติ รูต้ ามจติ ไม่ใชร่ ูเ้ ท่า ไมใ่ ชร่ ูท้ นั คาํ วา่
ตามรูจ้ ิตนะ่ จติ ไปเกิดความรูส้ กึ เจบ็ บนศรี ษะ ก็ไปตามรูว้ า่ ออ้
ไปเจ็บตรงนนั้ ไปเจ็บตรงเทา้ ก็ไปรูต้ ามตรงนนั้ หรอื วา่ ไปรูโ้ นน่
ขา้ งนอกโนน่ มนั ไปเหน็ รูป เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐัพพะขา้ งนอก
เช่นไปเหน็ รูปไกลๆโน่น ขา้ งหนา้ ไกลแสนไกล ไปมองเหน็ ตาม
ไปรูว้ า่ จิตไปรูอ้ นั นนั้ อนั นนั้ เรยี กวา่ ตามรูจ้ ติ แตไ่ มใ่ ช่รูต้ วั จติ ถา้
รูต้ วั จิตน่นั รูเ้ ทา่ ตวั จิต ทนั ตวั จิต จติ ไม่ทนั ออกไป อนั นีม้ นั

3

ออกไปแลว้ คอ่ ยๆไปตามรู้ รูแ้ ตห่ าไดร้ ูต้ วั มนั ไม่ ไปรูแ้ ตอ่ าการ
ของจิต

ถา้ หากคนฝึกฝนอบรมจิตของตนไดแ้ ลว้ จิตจะเป็นตวั แตว่ า่
ไม่ใชป่ รากฏดว้ ยสายตา หากจะปรากฏดว้ ยใจ จิตกบั ใจมาเขา้
กนั อีกแลว้ ใหพ้ ดู ยงั ไงก็แลว้ กนั ใจรูใ้ จ ใจเห็นใจ ใจทนั ใจ หรอื
จิตรูจ้ ิต จิตทนั จติ จิตเหน็ จิต น่ีตามรูต้ ามเทา่ รูเ้ ทา่ คาํ วา่ รูเ้ ท่าใน
ท่ีนี้ เนือ้ ความก็ตรงนนั้ อย่แู ลว้ คือความรูม้ นั เทา่ กนั กบั จติ มนั ไม่
เกินกนั มนั ไมห่ ยอ่ นกวา่ กนั ไมเ่ กินกนั พ๊อพอดกี บั จติ เทา่ ๆกบั
จติ รูว้ า่ จิตอยตู่ รงไหนรูส้ กึ ตรงนนั้ รูต้ วั น่ีตรงนนั้ ทา่ นจงึ วา่ รูเ้ ทา่
ไมใ่ ชร่ ูต้ าม รูเ้ ทา่ ๆพอดกี นั ทา่ นวา่ รูเ้ ทา่ รูพ้ อดกี นั อยา่ งนีแ้ ลว้ จะ
เห็นจิตเป็นตวั เลยทีเดียว เม่ือเหน็ จิตเป็นตวั ก็เรยี กวา่ เรารูเ้ ท่า
ทนั จติ คราวนีจ้ ิตก็ไมม่ ีอาการ ถงึ จะมีอาการเราก็รู้ จะอยหู่ รอื ไป
ก็รู้ เราก็รู้ จะใหไ้ ปหรอื อยู่ เราก็รู้ เราก็ทาํ ได้ อนั นีเ้ รยี กวา่ รูเ้ ทา่
รูท้ นั จิต

คราวนีว้ า่ ถงึ เรอ่ื งการท่ีจะอบรม วา่ ถึงเรอ่ื งท่ีจะตอ้ งฝึกฝน
จติ จิตนนั้ มนั จาํ เป็นยงั ไงท่ีจะตอ้ งรูเ้ ทา่ จาํ เป็นอย่างไรจงึ จะรูท้ นั

4

หรอื จาํ เป็นอยา่ งไรท่ีตอ้ งมาฝึกฝนอบรม ไมอ่ บรมไม่ไดร้ ึ จิต ถา้
ผไู้ ม่มีปัญญาก็ไดอ้ ยู่ ถา้ หากผมู้ ีปัญญาดงั บทบาลที ่ียกมา
เบือ้ งตน้ นนั้ จติ ตงั รกั เขถะ เมธาวี ผมู้ ีปัญญาเทา่ นนั้ แหละ จงึ
จะรกั ษาจติ จงึ ควรรกั ษาจติ คาํ วา่ ควรรกั ษาจติ ในท่ีนี้ คอื มนั
สมควรจรงิ ๆท่ีตอ้ งรกั ษา ผมู้ ปี ัญญาตอ้ งเหน็ เป็นของสมควร
จรงิ ๆ เม่ือของมีอยไู่ ม่รูจ้ กั รกั ษา มนั จะไดป้ ระโยชนอ์ ะไร ของมี
อยแู่ ลว้ เราไมร่ ูข้ องมีอยู่ แลว้ จะมีคณุ คา่ อะไร เหตนุ นั้ ปัญญาชน
จงึ ควรรกั ษาจติ ควรรกั ษาดว้ ยเหตนุ ี้ ถา้ ไม่ใช่ปัญญาชนแลว้ ก็
ปลอ่ ยตามยถากรรม แลว้ แตม่ นั จะเป็นไปตามยถากรรมยงั ไง
เหตนุ นั้ จงึ วา่ เป็นของควรรกั ษา อนั นพี้ ดู ถงึ เรอ่ื งปัญญาชน ผมู้ ี
ปัญญา เราพดู กนั ในฐานะผมู้ ีปัญญา ควรตงั้ ใจท่ีจะรกั ษาจิต
และอบรมฝึกฝนจิต จติ นนั้ ถา้ หากวา่ เราไม่เหน็ โทษของการไม่
รกั ษาจิต หรอื อาการท่ีจติ ไมอ่ ยู่ มนั เป็นโทษคือนาํ ทกุ ขม์ าให้
แลว้ เราถึงจะรกั ษาจติ เราจงึ จะอบรมจติ

บทตอ่ ไปก็เรยี กวา่ จติ ตงั ทนั ตงั สุขาวะหงั จิตท่ีฝึกฝน
อบรมดีแลว้ นาํ สขุ มาให้ จงึ จะสมกบั บทนี้ เราเหน็ โทษในจติ ท่ีวา่

5

เรารกั ษาฝึกฝนไม่ได้ มนั สา่ ยว่งิ วอน มนั พาใหเ้ กิดทกุ ข์ คิดอย่าง
นีก้ ็แลว้ กนั คิดอยา่ งง่ายๆ เราเป็นทกุ ขเ์ ศรา้ โศกเพราะจติ รกั ษา
ไม่ได้ เพราะเรารกั ษาจติ ไม่ได้ คิดอาลยั อาวรณ์ หว่ งใย ในส่งิ ท่ี
ตนรกั ตนใคร่ ตนพอใจ จนตนตดิ พนั ผกู พนั ในสง่ิ นนั้ ๆ จติ ไป
กงั วลอยา่ งนนั้ เรารกั ษาจติ ไม่อยู่ จงึ คอ่ ยเป็นอย่างนนั้ จงึ คอ่ ย
เป็นทกุ ข์ ถา้ จติ รกั ษาไดแ้ ลว้ หา้ มไมใ่ หก้ งั วล ไมใ่ หห้ ่วงใย ไม่ให้
อาลยั ไม่ใหอ้ าวรณ์ ไม่ใหส้ ง่ ไปในท่นี นั้ ๆ จิตถอนเสยี จากเรอ่ื ง
เหลา่ นนั้ แลว้ มาอยใู่ นท่ีเดียว เรยี กวา่ จติ ฝกฝนอบรม เราสบาย
ไมต่ อ้ งไปทกุ ข์ ไมต่ อ้ งเป็นโศก ไม่ตอ้ งเดอื ดรอ้ น เราเห็นโทษ
อย่างนีแ้ ละเหน็ คณุ อย่างนี้ จงึ คอ่ ยพยายามรกั ษจติ

ถา้ หากยงั ไม่เหน็ โทษเหน็ คณุ แลว้ ไมส่ ามารถท่ีจะรกั ษาจิต
ไมเ่ ห็นโทษของการท่ีจติ วนุ่ วาย หรอื จติ ตกแลว้ ก็ไมส่ ามารถทาํ
สมาธิตา่ งๆไม่ได้ สง่ิ ใดๆทงั้ ปวงหมดแหละ ถา้ เราไมเ่ หน็ โทษใน
สงิ่ นนั้ ทิง้ ไม่ได้ เอาอะไรทงั้ หมด น่ีขอ้ ใหญ่เลย ขอ้ สาํ คญั อยตู่ รง
นี้ การท่ีเราจะฝึกฝนจิต มนั มีขอ้ สาํ คญั อย่ตู รงนี้ สง่ิ ท่ีเราเหน็ โทษ
นนั้ แหละ เราละสิง่ ท่ีเราเห็นโทษ ใหพ้ ยายามสิง่ ท่ีเป็นโทษ ละ

6

จรงิ ๆ ถา้ เหน็ โทษจรงิ ๆ ก็ละจรงิ ๆ เหน็ โทษเห็นคณุ ท่ีวา่ แลว้ ก็ไมม่ ี
หนทางท่จี ะละได้ มนั เขา้ ทาํ นองท่ีวา่ ทิง้ เสยี ดาย จะเอาไวก้ ็นา่
เกลียด ทงิ้ ก็เสยี ดาย เอาไวก้ น็ ่าเกลยี ด ครนั้ ทาํ แบบนีก้ ็ลงั เล
กถงั กถี ทาํ อะไรก็ไม่ดีซกั อย่าง ทาํ สมาธิจนวนั ตายก็ไมเ่ ป็นให้ ผู้
ท่ีทาํ สมาธิภาวนาเป็นเรว็ หรอื วา่ ไดง้ า่ ย เพราะเหน็ โทษในเร่อื ง
จิตวนุ่ วายจรงิ ๆ มนั นาํ มาซง่ึ กองทกุ ข์ จงึ จะปลอ่ ยไดส้ นทิ จิตถงึ
จะเป็นสมาธิไดเ้ รว็ คนท่ีจะหดั สมาธิเป็นเรว็ และเป็นชา้ อยทู่ ่ีตรง
นี้

นอกจากเร่อื งนีโ้ ดยเฉพาะแลว้ เร่อื งฝึกฝนอบรมภาวนา จะ
ใชอ้ บุ ายอนั ใดก็เสียดาย จะนกึ จะบรกิ รรมพทุ โธก็เสยี ดาย
มรณงั คอื ความตาย จะกาํ หนดพจิ ารณาความตายหรอื ลม
หายใจเขา้ ออก ก็ไปเสียดายพทุ โธ หรอื จะพจิ ารณากายคตาหรอื
พจิ ารณาอสภุ ะปฏกิ ลู หรอื ธาตขุ นั ธ์ ก็เสยี ดายอานาปานสติอะไร
ทาํ นองนนั้ เลยเอาอะไรไมไ่ ดซ้ กั อย่างเดยี ว แบบนีก้ ็ภาวนาไม่ได้
เหมือนกนั

7

ธรรมทงั้ หลายน่ะ มีมากก็จรงิ อบุ ายภาวนาทงั้ หลายกม็ มี าก
จรงิ ใครจะทาํ อะไรก็ทาํ เถอะ ขอใหท้ าํ จรงิ ลงไปแลว้ ก็แลว้ กนั ทาํ
สิง่ นนั้ ใหจ้ รงิ ลงไปแลว้ ก็แลว้ กนั ผิดหรอื ถกู ก็ขอใหม้ นั เหน็ จรงิ
ดว้ ยตนเองซะ ถา้ ทาํ ไดอ้ ยา่ งนีจ้ ะไดเ้ กิดปัญญา เขา้ ตาํ ราโบราณ
ท่านวา่ ผดิ เป็นครู ถกู เป็นอาจารย์ ถา้ ไมผ่ ดิ ก็ไม่มีครู ไมม่ ีความรู้
อาจารยย์ งั คอ่ ยสอน ถา้ รูแ้ ลว้ ไมต่ อ้ งมีคนสอน คือมนั ผดิ น่นั
แหละจะเป็นครูเป็นอาจารย์ เป็นครูสอนเรา เม่ือผดิ แลว้ เราจดั
วา่ มนั ผิด น่นั แหละจงึ จะเป็นอาจารย์ จงึ จะมีอาจารยข์ นึ้ มา ครู
สอนแลว้ จงึ คอ่ ยมีอาจารย์ ครูสอนใหร้ ูแ้ ลว้ ยงั คอ่ ยมีอาจารย์
อาจารยค์ ือผฝู้ ึกฝน ครูคือผสู้ อนใหร้ ู้ ใหเ้ กิดความรู้ อาจารยค์ อื ผู้
ฝึกฝนใหด้ ีตอ่ ไป เหตนุ นั้ เรยี กวา่ ถา้ จะฝึกฝนอบรมภาวนาทาํ
สมาธิ ใหเ้ ป็นสมาธิกนั จรงิ ๆจงั ๆแลว้ นนั้ อย่าใหม้ ีการลงั เล ทาํ
อะไรใหท้ าํ ลงไปทีเดยี วจรงิ ๆจงั ใหจ้ าํ ไว้

ในท่ีนีซ้ ง่ึ จะอธิบายถงึ เรอ่ื งอบุ ายจะฝึกฝนอบรมตอ่ ไปนนั้ จะ
อธิบายถงึ เร่อื งกายคตาสติ เพราะกายคตาสติเป็นของกวา้ ง แต่
จะไม่ใหม้ นั กวา้ ง คือจะใหเ้ อาอนั เดยี ว อยา่ งวา่ ในตวั ของเราน่ี

8

แหละ มีอวยั วะทงั้ ปวงมากทเี ดยี ว ตา ๒ จมกู ๒ ลนิ้ กาย กน็ บั
ไม่ถว้ น แตอ่ วยั วะในตวั กายน่ี นบั แตม่ ือแตเ่ ทา้ ขนึ้ มาทกุ สิง่ ทกุ
สว่ นอย่ใู นกายทงั้ นนั้ สงิ่ ทงั้ หมดน่ีอย่ใู นกายทงั้ นนั้ มากทเี ดยี ว
แตว่ า่ จะไม่ใหเ้ อามาก ใหเ้ อาซกั อยา่ งหนง่ึ ตวั ของเราเน่ีย ใหเ้ อา
ซกั อยา่ งหนง่ึ จบั เอาซกั อยา่ งหนง่ึ เช่นวา่ เราจะจบั เอาเคยี งวา่ ตา
ซกั ลกู หนง่ึ เอาหละ ตาลกู เดยี วเทา่ นนั้ ในตวั ของเรา

เม่ือตามีแลว้ เราไดต้ าอนั เดียวนะ่ จะรกั ษาอนั เดียว จะดตู า
อนั เดยี ว ไม่ตอ้ งไปดทู ่ีหู ไมต่ อ้ งไปรกั ษาท่หี แู ลว้ รกั ษาเฉพาะตา
ใหร้ กั ษาตาไดเ้ สียกอ่ น ตาลกู หนง่ึ ไดก้ อ่ น รกั ษาอะไร คอื รกั ษา
สาํ รวม สาํ รวมมนั ใหอ้ ยทู่ ่ีตาแหง่ เดยี ว ตาจะดอู ะไร ใหด้ ู ใหจ้ ิตดู
อย่ทู ่ีตา รกั ษาตา มนั จะดใู กลด้ ไู กล ดหู ยาบดลู ะเอียด ใหเ้ หน็ ตา
ดอู ยทู่ กุ ขณะ รูส้ กึ วา่ ตาดอู ยทู่ กุ ขณะ รูส้ กึ วา่ ตาดอู ย่ทุ กุ ขณะ ทนั
แลว้ ตาขา้ งท่สี อง จมกู ทงั้ ปวง หทู งั้ ปวงไมต่ อ้ งรกั ษา อยา่ งนีเ้ ป็น
ตน้ ในการท่ีวา่ จะเอาอนั เดียวในตวั ของเราท่ีเรยี กวา่ กายคตา

ในกายคตาน่แี หละ ไม่ใหเ้ อาทงั้ หมดหรอก พจิ ารณาถงึ
ความตายอนั เดียวกพ็ อ ถา้ ตายแลว้ ตาก็ตายหมด หู จมกู ก็ตาย

9

หมด แขง้ ขาอวยั วะทงั้ ปวงตายหมด ตายแลว้ ถา้ ไม่ตายแลว้ สง่ิ
ทงั้ หลายนนั้ ดหี มด เหตนุ นั้ จงึ วา่ รวม กายคตามารวมกนั อยู่
ตรงท่ี ตาย พิจารณาถึงความตาย ถา้ เรามาจบั ความตายของ
เรา เพง่ พจิ ารณาเฉพาะความตายอนั เดยี ว คนเรามนั กลวั ตาย
ถา้ พิจารณาความตายมนั กว็ างหมด ถา้ เห็นตายแลว้ มนั วาง
หมดเลย ถา้ ยงั ไมเ่ หน็ ความตายมนั ก็ปรุงแลว้ คราวนี้ ยดื ยาว
กวา้ งขวางทีเดยี ว พอเรามาพจิ ารณาถงึ ความตาย ดตู า ก็ตา
เป็นของตาย ดหู ู ดจู มกู เป็นของตาย อวยั วะแขง้ ขา เทา้ มือ
ตา่ งๆ เป็นของตาย มนั ยงั ไกล

การพจิ ารณาความตายโดยเฉพาะเราน่งั อย่เู ด๋ยี วนี้ ความ
ตายมนั ตายแตว่ นิ าที วินาทีหนง่ึ ก็ตาย วินาทหี นง่ึ รว่ งไปก็ตายไป
นาทีหน่งึ รว่ งไปก็ตายไป ช่วั โมงหนง่ึ ตเี ป๊ ง น่ีมนั ก็ตายไปแลว้
สองสามช่วั โมงก็ตายไป ๒๔ ช่วั โมงตาย นาฬิกาเคา้ ทาํ ไว้
สาํ หรบั เป็นเคร่อื งวดั ความตาย ความหมายเคา้ พดู มนั ไกล
เกินไป คอื วดั ช่วั โมง นาที วนิ าที เคา้ พดู ถงึ โนน่ เพราะเขาไม่ได้
ภาวนา ถา้ หากวา่ นกั ภาวนาไมไ่ ดพ้ ดู ไปถึงโนน้ พจิ ารณาถงึ ตวั

10

ของเรา วนิ าที นาที ช่วั โมง (เทปขาดตอน) ของความตาย หมด
ไปเลย หมดไปๆ เราน่งั มองอย่นู ่ีหมดไปทกุ ขณะ พอเรามาเพง่
พิจารณาความตายเฉพาะเท่านี้ เห็นเฉพาะเทา่ นี้ จิตมนั จะไดห้ ด
ตวั เขา้ มา จติ มนั จะไมไ่ ดป้ รุงสง่ ออกไปภายนอก

ถา้ เห็นชดั ในความตายแลว้ น่นั สิ่งทงั้ หลายไมต่ อ้ งไปละทงิ้
มนั มนั ทงิ้ มนั ปลอ่ ยไปเองหมด เม่ือมนั ทงิ้ มนั ปลอ่ ยไป มนั กย็ งั
เหลืออนั เดยี ว คือความรูส้ กึ ผทู้ ่ีรูส้ กึ คอื ผทู้ ่ีเห็น ผทู้ ่ีเหน็ ความตาย
คือผทู้ ่ีรูส้ กึ วา่ มนั ตายอยใู่ นสถานท่ีเดยี ว จิตถา้ หากเขา้ ไปอยทู่ ่ี
เดยี วแลว้ จะมีพลงั อนั กลา้ หาญ สามารถท่จี ะรวบรวมกาํ ลงั จิต
อนั มีพลงั อนั กลา้ หาญนนั้ พจิ ารณาท่ีอ่นื ไดช้ ดั หมดคราวนี้
เปรยี บเหมือนกบั ไฟ เปรยี บเหมือนกบั นา้ํ นา้ํ ถา้ เรามีหลายแคว
หรอื มีหลายชอ่ งหลายทางมนั ไหลไป มนั ก็กาํ ลงั นอ้ ย ถา้ ปิดทกุ
ชอ่ ง ถา้ ยงั เหลอื สามส่ีชอ่ งหรอื หลายแคว ปิดซะมนั ยงั เหลอื แคว
เดียว นา้ํ มนั กม็ ีกาํ ลงั แรง ไฟฟ้าเคา้ ก็เชน่ เดยี วกนั ถา้ มนั หลาย
หลอด มนั หลายหลอดมนั กส็ วา่ งนอ้ ยไป ถา้ หลอดเดียวก็สวา่ ง
จา้ เต็มที พลงั ของใจก็เหมือนกนั ทางหกู ็ปิดซะ มนั ปิดเอง ทาง

11

จมกู ทางลิน้ ทางกายก็ปิด อยู่ ถา้ ไปเหน็ ชดั ในความตายอนั
เดียว มนั จะพงุ่ ลงมาสคู่ วามตายชดั เลย

อนั นีม้ นั ไม่มีกาํ ลงั น่ะน่ี เรอ่ื งมนั พลงั ของจติ มนั นอ้ ย เหน็
แวบ้ เดยี วแลว้ หายไป เหน็ แวบ้ เดยี วแลว้ หายไป สง่ ไปตามหู
จมกู สง่ ไปทางลนิ้ ทางกาย ไปท่วั ทกุ แหง่ ทกุ หน เลยไมช่ ดั ซกั
อย่างเดยี ว ธรรมทงั้ หลายนนั้ ของชดั จรงิ อยทู่ กุ ประการ เป็นของ
จรงิ ของแทท้ กุ ประการ แตว่ า่ ใจของเราไม่มีพลงั เพียงพอท่ีจะไป
ดธู รรมะ ธรรมะจงึ ไม่เป็นของชดั เม่ือไมเ่ ป็นของชดั มนั กไ็ ม่มี
ความรูอ้ นั ท่ีจะแจ่มแจง้ ขนึ้ มา ปีติ ปัสสทั ธิ เม่ือไม่มีความชดั เจน
แจม่ แจง้ ทาํ ไปเด๋ยี วก็เหน็ดเหน่ือย ทาํ ไปเด๋ยี วก็ขีเ้ กียจราํ คาญ ก็
ทาํ ไปทาํ มากห็ าวา่ ธรรมทงั้ หลายไม่เป็นประโยชนแ์ กช่ วี ติ ของตน
ธรรมทงั้ หลายไมส่ ามารถท่ีจะนาํ ความสขุ มาให้ เลยขีเ้ กียจขี้
ครา้ น ก็เลยสกั แตว่ า่ ทาํ ทาํ ไปเพราะสกั แตว่ า่ ทาํ นานๆเลยไม่ทาํ
อะไรเลยสกั ครงั้ ความขีเ้ กียจขีค้ รา้ นเขา้ มาครอบงาํ กิเลสควบ
ฉบั หมด ตกลงคนทาํ หรอื ไม่ทาํ กเ็ ทา่ ๆกนั คนผทู้ ่ีทาํ หรอื ไม่ทาํ ก็
เท่าๆกนั

12

ผทู้ ่ีหดั อบรมภาวนากรรมฐานทงั้ หลาย ถา้ หากไม่เขา้ ถงึ
ธรรมะ จะเป็นการเบ่อื หน่ายและขีเ้ กียจขีค้ รา้ นในการประกอบ
ภาวนาทาํ ความเพียร และอยากไดค้ วามรูก้ วา้ งขวาง และอยาก
ไดม้ ีวชิ าสามารถทกุ ดา้ นทกุ ทาง มีแตค่ วามอยากอยา่ งเดียว แต่
กาํ ลงั จิตสง่ ไปตามความอยากน่นั กเ็ ลยไมม่ ีพลงั เพียงพอท่ีจะ
รวมกาํ ลงั เขา้ มาเพง่ พจิ ารณาธรรมโดยเฉพาะ หรอื เขา้ ใจวา่ การ
อยากพงุ่ โนน้ พงุ่ นีไ้ ป หากวา้ งหาความรูห้ าความฉลาด พงุ่ ไปหา
ทาํ โนน่ ทาํ น่ี ในผลท่ีสดุ ก็เละเหลวหมด

คนผปู้ ฏบิ ตั ิปัญญาชนสมยั นีอ้ บรมภาวนากรรมฐานตอ้ งการ
วชิ าความรูก้ วา้ งขวาง ถา้ จะหดั ภาวนาทาํ สมาธิใหจ้ ิตเป็นหน่งึ
กลวั จะเป็นคนโง่เขลา หาวา่ เป็นการโง่เขลา จิตเป็นหนง่ึ มนั จะ
ไปมีความรูอ้ ะไร ก็โง่เขลาเทา่ นนั้ สิ ไปทา่ นซี้ ะแลว้

คนเราทาํ เป็นคนโงน่ ะ่ ไดย้ าก ถา้ เป็นคนฉลาดน่ะงา่ ย ฉลาด
เฉียบแหลมโนน่ น่ี ทงั้ ปฏภิ าณโวหารคดิ นกึ ตรกึ ตรอง โอย้ ฉลาด
เฉลียว เรอ่ื งฉลาดนนั้ งา่ ยสบายท่ีสดุ ไม่ตอ้ งอบรมอะไรกนั
มากมาย แตเ่ ราจะมาแกลง้ ทาํ ใหม้ นั เกิดความโงด่ งั ท่ีวา่ นีย้ าก

13

ท่ีสดุ คนเราถา้ หากไม่แกลง้ ทาํ ตนใหเ้ ป็นคนโงเ่ สียก่อนนะ่ ไม่
รูจ้ กั ความโง่เลยทีเดียว ความโง่แบบความฉลาดนนั้ ไมม่ ขี อบเขต
โงแ่ บบนนั้ โงแ่ บบเราหดั ใหเ้ ป็นโงท่ ่ีมีขอบเขต

โง่ท่ีสดุ ของผหู้ ดั ภาวนาก็คอื อปั ปนาสมาธิ อปั ปนาสมาธิ
คือไมม่ ีความคิดความนกึ มแี ตค่ วามรูส้ กึ เฉพาะตวั ของมนั เอง
อารมณภ์ ายนอกหายสญู หมด ไม่มีเลยในท่ีนนั้ อปั ปนาสมาธิ
หรอื มิฉะนนั้ ก็เรยี กวา่ เอกัคคตาจติ จติ มีอารมณอ์ นั เดยี ว
อารมณอ์ นั เดยี วท่นี นี้ นั้ หมายถงึ อารมณข์ องจิตเฉพาะเทา่ นนั้
ไม่ไดส้ ง่ ไปตามอารมณภ์ ายนอกคอื อายตนะทงั้ ๖ จงึ เรยี กวา่
เอกคั คตาจิต หรอื มิฉะนนั้ เรยี กวา่ ภวังคจติ จิตท่ีเขา้ ถึงซง่ึ ภวงั ค์
ไม่มีความรูส้ กึ ภายนอก น่ีความโงข่ องผปู้ ฏบิ ตั ขิ องผฝู้ ึกหดั
ฝึกหดั ใหเ้ ป็นคนโง่ ถา้ หดั ใหเ้ ป็นคนฉลาดละก็ กลมุ้ ใหญ่เลย ถา้
หากมาหดั ใหถ้ ึงความโง่ ถงึ ท่ีสดุ ดงั ท่ีวา่ มานีแ้ ลว้ เรารูจ้ กั ความ
โง่ อาการท่ีหดั ใหถ้ ึงความโงน่ ่นั นะ่ มนั มีความฉลาดอยใู่ นตวั จงึ
คอ่ ยเป็นคนโงไ่ ด้ คนไม่ฉลาดหดั ใหเ้ ป็นคนโง่ไมไ่ ด้ พดู กนั งา่ ยๆ
อย่างนี้

14

หรอื จะพดู ตามศพั ทบ์ าลี ทา่ นวา่ ผไู้ มม่ ีฌาณ ไม่มีปัญญา ผู้
ไม่มีปัญญา ไมม่ ีฌาณ จรงิ อย่างทา่ นวา่ ฌาณสมาธิสมาบตั ิท่ี
จะเขา้ ถงึ อปั ปนาฌาณ หรอื วา่ เอกคั คตาจติ เอกคั คตารมณ์
เรยี กวา่ ท่ีสดุ ของฌาณ หรอื เรยี กวา่ ภวงั คท์ ่ีสดุ ของฌาณ ถา้ ไม่มี
ปัญญา ไม่ถงึ ปัญญาคืออะไร คือพจิ ารณาใหเ้ หน็ โทษของ
ความวนุ่ วาย ใหเ้ หน็ อารมณท์ ่ีสง่ สา่ ยวนุ่ วายทงั้ ปวงหมด มนั จะ
สง่ ไปยดึ ไปถืออะไรเหน็ เป็นโทษทกุ ขภ์ ยั เหน็ เป็นอนิจจงั ทกุ ขงั
อนตั ตา เหน็ เป็นสภาวะธรรม มนั จะไปติดรูปเสียงกลน่ิ รส
โผฏฐัพพะ เหน็ เป็นตวั สมทุ ยั เห็นเป็นไปเพ่ือ(เทปขาดตอน)กอง
ทกุ ขอ์ นั นนั้ แหละปัญญา

เม่ือเหน็ เชน่ นนั้ มนั จงึ คอ่ ยถอนจากความสง่ จากความ
วนุ่ วาย จากการปรุงแตง่ ทงั้ ปวงหมด ปัญญาน่นั แหละไปกาํ จดั
อาการจติ ทงั้ หลายเหลา่ นนั้ มนั ถงึ จะปลอ่ ยวางและรวมเขา้ มา
เป็นอปั ปนาสมาธิ หรอื อปั ปนาฌาณ หรอื เรยี กวา่ เอกคั คตา
รมณ์ หรอื เรยี กวา่ ภวงั คอ์ ยา่ งท่ีวา่ มานี้ ทา่ นจงึ วา่ ผไู้ ม่มปี ัญญา
ไมม่ ีฌาณ ผไู้ ม่มีฌาณ ไมม่ ปี ัญญา อนั นนั้ ก็ถา้ หากวา่ จติ

15

เขา้ ถึงอปั ปนาก็ดี หรอื เขา้ ถึง เอกคั คตาก็ดี หรอื เขา้ ถงึ ภวงั คจิต
ก็ดี อนั นีเ้ รยี กวา่ ฌาณ หรอื เรยี กวา่ สมาธิ เพราะจติ ถอนออกมา
จากนนั้ แลว้ ก็จะเหมือนกนั กบั วา่ เราเขา้ ไปสหู่ อ้ งอบั แหง่ ใดแหง่
หนง่ึ ซง่ึ ไมเ่ หน็ สิง่ ภายนอก เรามองแตเ่ หน็ ของภายใน ตรวจตรา
ภายในในสงิ่ ท่อี ยภู่ ายในนนั้ พอเปิดหอ้ งเปิดหบั เปิดหนา้ ตา่ ง
ออกมา มาดขู องภายนอก จติ ใจจะกวา้ งขวางและเบกิ บาน
นอกจากนนั้ อกี จะเหน็ ของภายนอกแปลกประหลาดขนึ้ มาทนั ที
เชน่ เม่ือจติ เขา้ ไปเป็นเอกคั คตาจิต จิตเป็นหนง่ึ พอออกมาจิต
ไม่ใชห่ นง่ึ ซะแลว้ มามองดเู อาของท่ีไมเ่ ป็นหนง่ึ น่นั แหละ จะชดั
ขนึ้ มาทนั ทีวา่ ออ้ หนง่ึ กบั ไอท้ ่ีไม่เป็นหน่งึ เป็นอย่างนี้ ผิดกนั
อยา่ งนี้ ท่หี นง่ึ น่ะมีความสขุ สงบแคไ่ หน มีความเยือกเยน็ ปานใด
ท่ีไมเ่ ป็นหนง่ึ นีม้ ีความเดือดรอ้ นวนุ่ วายซกั แคไ่ หนปานใด อนั นี้
เรยี กวา่ ปัญญาเกิดจากสมาธิ เกิดจากฌาณ

น่นั แหละจงึ เรยี กวา่ ปัญญาเกิดขนึ้ มาทีหลงั จากความโง่
ความโงแ่ ลว้ คราวนีเ้ กิดปัญญาทีเดยี ว มีคณุ ประโยชนอ์ ย่างนี้
ทาํ ใหเ้ ป็นคนโง่ ถา้ เป็นคนฉลาดอยตู่ ลอดเวลาแลว้ ทกุ สงิ่ ทกุ

16

ประการ จะไมม่ ีของแปลกประหลาดเลย้ ด่งั คนธรรมดาสามญั ท่ี
ยงั ไมไ่ ดฝ้ ึกฝนอบรมจิตใหเ้ ขา้ ถงึ เป็นคนโงอ่ ย่างท่ีอธิบายมานนั้
จะฟ้งุ อย่ตู ลอดเวลา ไม่มีสถานีเลย แลว้ ในผลท่ีสดุ จะเอาอะไร
มาเป็นแก่นสารไม่ไดซ้ กั อยา่ ง ปัญญาแบบนีน้ นั้ ไดก้ ลายเป็น
ความโงไ่ ปในตวั คอื ตวั เองกไ็ ม่รูเ้ รอ่ื งของตวั วา่ ตนคิดนกึ อะไร ก็
เลยกลายเป็นคนโงไ่ ปในตวั เหตนุ นั้ จงึ วา่ หดั ใหเ้ ป็นคนโง่
เสยี ก่อน ใหร้ ูจ้ กั ความโงเ่ สยี กอ่ น การรูจ้ กั ความโงเ่ ทา่ นนั้ หละได้
ช่ือวา่ ไดเ้ กิดปัญญาขนึ้ มาแลว้ เอาปัญญาตรงนีเ้ สยี กอ่ น

พระพทุ ธเจา้ ทา่ นเป็นพระบรมครูฝีกฝนอบรมมาแลว้ ในแนว
นี้ จงึ ไดส้ อนพวกเรา แตพ่ วกเรานะ่ อยากจะเป็นบรมครูเลย
ทีเดียว เห็นพระองคเ์ จา้ ปัญญากวา้ งขวางฉลาดเฉียบแหลม ก็
เลยอยากไดอ้ ย่างพระองค์ คาํ วา่ พระองคฉ์ ลาดเฉียบแหลม
น่นั น่ะ จะอย่ใู นขนั้ ไหนภมู ไิ หนก็ไมท่ ราบ ฉลาดดว้ ยวธิ ีไหนก็ไม่
ทราบ เราก็เลยอยากฉลาดอย่างพระองค์ พระองคฉ์ ลาดแปลก
จากปถุ ชุ นฉลาด คือพระองคค์ วบคมุ จิตของพระองคไ์ ด้ จะให้
อยใู่ นฐานะใดๆไดห้ มด อรยิ วงศ์ อรยิ วาสของพระอรยิ เจา้

17

ทงั้ หลาย ท่านแสดงไวอ้ ย่างนี้ พิจารณาของไมด่ ใี หเ้ ป็นของดีก็
ได้ พจิ ารณาของดีใหเ้ ป็นของไมด่ กี ็ได้ พจิ ารณางามใหเ้ ป็นของ
ไมง่ ามก็ได้ พจิ ารณาของไมง่ ามใหเ้ ป็นของงามก็ได้ ทงั้ ของงาม
และของไมง่ ามใหเ้ ป็นของไม่งามก็ได้ หรอื ใหเ้ ป็นของไมง่ ามก็
ได้

น่ีความฉลาดของทา่ น ไมเ่ หมือนกบั ความฉลาดของคน
ธรรมดาท่ีวา่ ฉลาดเฉียบแหลม คนฉลาดมีแตม่ องเอาแงด่ ี
ทงั้ หมด พจิ ารณาไมใ่ หม้ นั มีเลวทราม ถา้ เลวทรามจะเหยียด
หยามดถู กู ถา้ ดีก็ชมเชยยกยอ จะกลบั เอาของไมด่ นี ่นั หรอื ของดี
น่นั ใหม้ นั ไมด่ ีไมไ่ ด้ หรอื ใหด้ กี ็ไมไ่ ด้ มนั ยงั ผิดแผกจากอรยิ วาส
อรยิ วงศ์ เหตนุ นั้ จงึ คอ่ ยมีแตก่ ารสะสมของกิเลส อนั เป็นเหตใุ ห้
เหยียดหยามดถู กู ซง่ึ กนั และกนั เดือดรอ้ นวนุ่ วาย เหยยี ดหยามดู
ถกู ก็เป็นการเดือดรอ้ นวนุ่ วาย ทงั้ ตนและคนอ่ืน จงึ ไม่เป็นไปเพ่ือ
สนั ติ คอื ความสขุ สงบ

เพราะฉะนนั้ จงึ วา่ ใหพ้ ากนั พจิ ารณาความตายอนั เดียวเน่ีย
ใหเ้ หน็ ชดั ลงความตายเม่ือไหรแ่ ลว้ จิตจะปลอ่ ยวางอารมณท์ งั้

18

ปวงหมด จงึ หดั มาเป็นคนโงอ่ ยา่ งท่ีวา่ เขา้ มาอยใู่ นเอกคั คตาจิต
เอกคั คตารมณ์ พอเรามาพจิ ารณาถงึ ความตาย เหน็ เราเป็นคน
ตายทกุ ขณะลมหายใจเขา้ ออกแลว้ ทกุ สนิ้ ทกุ สว่ นในตวั ของเรา
เป็นของแตกตายสลายทงั้ หมดแลว้ เรามองสง่ิ อ่นื นอกจากตวั
ของเรา หรอื คนอ่ืนนอกจากเราแลว้ จะมีสภาพเชน่ เดียวกนั การ
เหน็ เช่นนนั้ จะเป็นเหตไุ มใ่ หต้ ิดขอ้ งพวั พนั ในสงิ่ ใดๆ เชน่ เราชอบ
รกั ในสิ่งใด หรอื ผกู ม่นั ผกู พนั ในส่ิงใด สง่ิ นนั้ ก็จะมาชดั ในใจของ
ตนแลว้ วา่ เป็นเรอ่ื งเปลา่ หาประโยชนไ์ มไ่ ด้ หาสาระไมไ่ ด้ เรารกั
หรอื เราชอบหรอื เราผกู พนั ในสิ่งทงั้ หลายนนั้ แทท้ ่ีจรงิ ก็คือวา่
ผกู พนั ในสง่ิ ท่ีไม่มี คอื ส่ิงท่ีมนั ตายแตกดบั ในผลท่ีสดุ ก็จะรูส้ กึ
ตนเองวา่ ตนงมงาย และเกิดความละอายขนึ้ มาในตวั ทนั ทีทนั ใด
ก็แสดงวา่ เราคลาย ลดถอนเสยี แลว้ จากเร่อื งทงั้ หลายเหลา่ นนั้
น่ีการฝึกฝนตวั ของเราใหเ้ ป็นคนโง่ มีคณุ วเิ ศษอยา่ งนี้ ทาํ ใหล้ ะ
กิเลสอกศุ ลคือสง่ิ ท่ที าํ ใจใหม้ วั หมองดว้ ยประการตา่ งๆอย่างท่ี
อธิบายมานี้

19

อบุ ายธรรมะท่แี สดงมาในวนั นีว้ า่ ถึงเร่อื ง จติ ตงั รักเขถะ
เมธาวี ถา้ ผไู้ ม่มีปัญญาแลว้ ไมส่ ามารถจะรกั ษาจติ ใจได้ ท่ีทา่ น
วา่ เมธาวี ผมู้ ีปัญญาควรรกั ษาจติ คือเป็นสิ่งท่ีควรจรงิ ๆ เหน็ เป็น
ของควรจรงิ ๆ ถา้ คนไม่มีปัญญา ไมเ่ หน็ เป็นของท่ีควรเลย้ เลย
ปลอ่ ยวางการปฏบิ ตั ิ จงึ ไมไ่ ดถ้ ึงซง่ึ สนั ตสิ ขุ ผมู้ ีปัญญาควรรกั ษา
จิต เม่ือรกั ษาจติ ไดแ้ ลว้ จติ ตงั ทนั ตัง สุขาวะหงั ก็จะนาํ
ความสขุ มาให้ ใครจะไปปรารถนาความสขุ คนในโลกนีท้ กุ คน
อยา่ วา่ แตม่ นษุ ยเ์ ลย สตั วก์ ป็ รารถนาความสขุ ทงั้ นนั้ แต่
ความสขุ นอกจากความสงบแลว้ หาท่ีไหนได้ นัตถิ สันติ ปรมัง
สุขงั ความสขุ นอกจากความสงบแลว้ ไมม่ ีหรอก สงบอยา่ งท่ีหดั
ตนเป็นคนโง่เทา่ นีก้ ็เป็นสขุ โขอยแู่ ลว้ ถา้ หากวา่ สขุ เกิดจากความ
ฉลาดอนั เกิดความโง่ จะสขุ ซกั แคไ่ หน อนั นนั้ ยงั เป็นสว่ นสขุ
ขา้ งหนา้ พอยกไวอ้ ีกสว่ นหน่งึ ขอใหห้ ดั ตอนนีใ้ หม้ นั ไดซ้ กั กอ่ น
อธิบายมาในขอ้ ธรรมท่ียกขนึ้ มาก็มีเนือ้ ความพอท่ีจะจบั ได้
เพียงแคน่ ี้ เอาหละ วนั นีแ้ สดงเทา่ นี้

ท่ีมา: https://youtu.be/WpXR71FuTiI

20


Click to View FlipBook Version