The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เราเกิดมาทำไม โดย หลวงพ่อชา สุภัทโท

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-01 20:05:50

เราเกิดมาทำไม โดย หลวงพ่อชา สุภัทโท

เราเกิดมาทำไม โดย หลวงพ่อชา สุภัทโท

Keywords: เราเกิดมาทำไม,หลวงพ่อชา สุภัทโท

เราเกดิ มาทาํ ไม ๒
หลวงพอ่ ชา สภุ ทั โท
เอาวนั นีเ้ ป็นวนั พระ ซง่ึ นบั เน่ืองมาจากองคส์ มเดจ็ พระ
สมั มาสมั พทุ ธเจา้ ของเราวา่ วนั นีเ้ ป็นวนั สาํ คญั วนั หน่งึ ในพทุ ธ
ศาสนา ซง่ึ เป็นวนั ท่ีชาวพทุ ธเราจะมาทาํ ความเขา้ ใจกนั ใน
ธรรมะซง่ึ ใหเ้ กิดประโยชนแ์ กพ่ ทุ ธบรษิ ัททงั้ หลาย
ธรรมะซง่ึ เป็นสจั ธรรม นาํ จติ ใจของประชาชนชาวพทุ ธ
ทงั้ หลายนนั้ ใหล้ ถุ ึงซง่ึ ความสงบระงบั ใหร้ ูจ้ กั ดีช่วั บาปบญุ คณุ
โทษ พอท่ีจะรกั ษาตวั ไดใ้ นชวี ิตท่ีเป็นอยู่ ความเป็นจรงิ นนั้ วนั
พระทกุ วนั นกี้ ลบั จะไมม่ ีเป็นวนั พระ เพราะวา่ คนเราไมส่ นใจ ไม่
ยอมรบั ธรรมะคาํ สอนขององคส์ มเด็จพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ของ
เรา ไดย้ ินอย่แู ตไ่ ม่รู้ รูอ้ ยแู่ ตไ่ มเ่ หน็ เห็นแตว่ า่ มนั ไม่รู้ ก็
หมายความวา่ มนั ไม่ทงั้ รูท้ งั้ เหน็ เหน็ อะไร เหน็ ความจรงิ เหน็ สจั
ธรรมความเป็นจรงิ
อนั ความจรงิ นนั้ จะทาํ อยคู่ นเดยี วมนั ก็จรงิ จะทาํ หลายคน
มนั ก็จรงิ เราทาํ น่ีมนั จรงิ แลว้ คนอ่นื จะวา่ ไม่จรงิ มนั ก็เป็นของ

1

จรงิ อนั นนั้ เรยี กวา่ ของจรงิ มนั ไปทาํ อยทู่ ่ีบนอากาศ มนั กเ็ ป็น
ความจรงิ มนั จะไปทาํ อยใู่ นนา้ํ มนั ก็เป็นความจรงิ จะทาํ อยบู่ น
บก มนั ก็เป็นความจรงิ มิฉะนนั้ พระพทุ ธเจา้ ของเราทา่ นจงึ วา่
ธรรมะนนั้ น่ะ มนั เป็นความจรงิ จรงิ ทกุ กาลทกุ เวลา ท่ีผา่ น
มาแลว้ ตงั้ แตว่ านนีม้ นั ก็เป็นความจรงิ ในปัจจบุ นั มนั ก็เป็นความ
จรงิ อนาคตมนั ก็ยงั เป็นความจรงิ

หมายความวา่ เราจะทาํ ความผดิ ไม่มีใครเหน็ มนั ก็ยงั เป็น
ความจรงิ เราจะทาํ ความถกู อยู่ ไมม่ ีใครเห็น มนั ก็เป็นความจรงิ
มฉิ ะนนั้ คนเราเม่ือจะทาํ ความดนี นั้ น่ะ ไมต่ อ้ งใหค้ นอ่นื เหน็ บาง
คนทาํ คณุ งามความดี ก็ตอ้ งการอยากจะใหค้ นอ่นื เหน็ ใหค้ นอ่นื
เป็นพยานเรา จงึ จะดอี ก จงึ จะดใี จ อนั นนั้ ก็ดีอยู่ แตว่ า่ มนั ยงั ไม่
จรงิ ไมบ่ รรลถุ ึงความจรงิ จรงิ ๆ ไอค้ วามจรงิ นนั้ เราจะไปลอบทาํ
อยคู่ นเดยี ว ทาํ ความช่วั มนั ก็ช่วั อยนู่ ่นั หละ ทาํ ความดีอย่คู น
เดยี ว ไมม่ ีใครเหน็ มนั ก็ยงั ดอี ยนู่ ่นั เองแหละ มนั เป็นเสียอยา่ งนี้
ไมต่ อ้ งวา่ เราทาํ ความช่วั คนเหน็ แลว้ เพ่ิมช่วั ขนึ้ อกี ไมใ่ ช่อย่าง

2

นนั้ เม่ือเราทาํ ความดีจรงิ เม่อื คนเหน็ นะ่ มนั เพม่ิ ความดขี นึ้ อกี
มนั ไม่เป็นอยา่ งนนั้ มนั เป็นซะอย่างนนั้

อนั นีถ้ า้ หากวา่ ความดที งั้ หลายท่เี ราประพฤตปิ ฏบิ ตั ิกนั แลว้
มิฉะนนั้ มนั จงึ ตรสั ซง่ึ ลาภหรอื ยศ สรรเสรญิ นนิ ทา สขุ ทกุ ข์ ไม่
มีท่ีลบั ทาํ ดีมนั ไดด้ ี ทาํ ช่วั มนั ไดช้ ่วั อนั นีม้ นั เป็นความจรงิ แต่
พระพทุ ธองคท์ ่านตรสั อย่อู ย่างนนั้ พระพทุ ธองคท์ า่ นทาํ ความดี
ทา่ นละความช่วั ท่านออกไปบาํ เพญ็ น่งั หลบั หหู ลบั ตาท่ีไหน
ไกลรูป เสยี ง กลนิ่ รส ทา่ นก็ยงั มีความดี สาวกทงั้ หลายก็เป็น
อย่างนนั้ แตว่ า่ คนเราทกุ วนั นีจ้ ติ ใจไม่แนน่ อน ไมม่ ีศรทั ธาอย่าง
เป็นจรงิ ทาํ อะไรท่ีเราทาํ ความดี อยากจะใหค้ นเหน็ ถา้ คนไม่
เห็นแลว้ ก็ไมค่ อ่ ยสบายใจ อย่างนี้ ทาํ ความช่วั ก็เหมือนกนั
ไมใ่ หค้ นเหน็ ถา้ คนเหน็ แลว้ ดมู นั จะเป็นยงั ไงก็ไมร่ ู้ ทาํ ความช่วั
ท่ีคนไม่เหน็ นะ่ มนั ดี อยา่ งนี้ แตค่ วามเป็นขโมยในตวั ของเรา
อย่างนีอ้ ย่ตู ลอดกาลตลอดเวลานนั้ คนเราจงึ ไมพ่ บความจรงิ คือ
ธรรมะ

3

ความเป็นจรงิ ธรรมะนนั้ มนั มาตกลงอย่ทู ่จี ติ ของเรา อยา่ ง
การกระทาํ บญุ นะ่ กระทาํ บญุ อย่ทู กุ ชนิ้ ทกุ สว่ นน่นั นะ่ ก็เพ่ือจะ
ใหจ้ ิตเราเป็นบญุ เม่ือจิตเราเป็นบญุ แลว้ จะน่งั อยมู่ นั ก็เป็นบญุ
จะเดนิ อย่มู นั ก็เป็นบญุ จะไปท่ีไหนมนั ก็เป็นบญุ คนผทู้ ่ีรูจ้ กั บญุ
ถึงไดค้ นอ่ืนไมเ่ หน็ มนั ก็เป็นบญุ คอื ความเหน็ ชอบอยทู่ ่ีตรง
จติ ใจของเรา การทาํ บญุ ทงั้ หมดนนั้ ตอ้ งการใหจ้ ติ เรามนั เป็น
บญุ ถา้ จติ เรามนั เป็นบญุ แลว้ ไปอยทู่ ่ีไหน ทาํ บญุ อยทู่ ่ีไหนมนั
จะเต็มเป่ียมอยเู่ สมอ ไมต่ อ้ งฉลอง ไมต่ อ้ งใหค้ นรู้ ไม่ตอ้ งใหค้ น
เห็น ไม่ตอ้ งมอี ะไรไปเพ่มิ เติมมนั เถอะ มกี าํ ลงั จิตใจ เราเช่ือมนั
ในความดีแลว้ เราก็ทาํ ไปเทา่ นนั้ แหละ มิฉะนนั้ พระอรยิ เจา้
ทงั้ หลายทา่ นจงึ ทาํ คณุ งามความดีของทา่ นนะ่ อยทู่ ่ีไหนท่านก็
ทาํ ของทา่ น ใครจะวา่ ไม่ดีสกั เทา่ ไหร่ มนั กด็ ีอย่นู ่นั แหละ เม่ือทาํ
สงิ่ ท่ีมนั ไมด่ ี เคา้ จะวา่ มนั จะดีอย่แู คไ่ หน มนั ก็ไมด่ อี ย่แู คน่ นั้

อนั นีก้ ็เป็นเหตอุ นั หนง่ึ ท่ีจะใหพ้ วกเราทงั้ หลายทาํ ความ
เขา้ ใจในธรรมะ ถา้ เราเขา้ ใจธรรมะมนั เป็นอย่างนีแ้ ลว้ เราก็ไม่
ตอ้ งสง่ จติ ใจของเราออกไปขา้ งนอก เราอยขู่ า้ งในของเรา ทาํ จิต

4

ใหม้ นั เป็นบญุ เช่นแสวงหาบญุ นอกใจของเจา้ ของ มนั ก็ลาํ บาก
น่งั รถ น่งั เรอื วง่ิ ไปว่งิ มาตลอดกาลตลอดเวลา อยา่ งญาตโิ ยมก็
มาทาํ บญุ กนั น่นั แหละ ไปทอดกฐินตรงนนั้ ไปทอดผา้ ป่าอยตู่ รง
นี้ ไมค่ อ่ ยไดฟ้ ังธรรมหรอก พอไปน่งั กราบพระแลว้ รบี จะไปแลว้
มนั รถเขา เช่ารถเขามา ก็เลยรบี ไปน่งั ก็รบี รบี ลกุ ลกุ แลว้ ก็รบี
เดนิ เดนิ นะ่ ก็รบี ว่ิง รบี ไปรบี มาๆ เลยไดแ้ ตร่ บี เท่านนั้ หละ ไมไ่ ด้
อะไรเป็นสาระประโยชนใ์ นดา้ นจิตใจของเรานนั้ ๆ

อนั นีค้ นเราว่งิ หาบญุ บญุ กศุ ลแทๆ้ น่นั นะ่ ไม่อ่ืนไกลหรอก
ในหลกั พทุ ธศาสนา พระพทุ ธหนง่ึ พระธรรมหนง่ึ พระสงฆห์ นง่ึ
เม่ือบคุ คลมาทาํ จติ ใจใหเ้ ช่ือม่นั ในคณุ พระรตั นตรยั คอื พระพทุ ธ
พระธรรม พระสงฆ์ อยา่ งแนน่ แฟน้ แลว้ เทา่ นนั้ นะ่ เทา่ นนั้ ก็ไมต่ ก
นรกแลว้ ไม่ตอ้ งอ่นื ไกลหรอก เช่ือม่นั ไมง่ มงาย อนั นีเ้ ป็นหลกั ท่ี
สาํ คญั สมยั นชี้ าวพทุ ธเราทงั้ หลายนนั้ มนั เป็นของยากลาํ บาก
ถึงแมจ้ ะทาํ บญุ ถึงแมจ้ ะฟังธรรม ถึงแมจ้ ะสรา้ งคณุ งามความดี
จะตอ้ งใหค้ นอ่นื บงั คบั จบั มือ ถา้ คนอ่นื ไมบ่ งั คบั ไม่จบั มือแลว้ ก็

5

ไมท่ าํ ไมย่ อมทาํ ไมก่ ลา้ ทาํ ฉะนนั้ ธรรมะอนั แทจ้ รงิ มนั จงึ ไมเ่ ห็น
เราจงึ ไม่เหน็ ธรรมในจติ ใจของเราน่นั เอง

ฉะนนั้ จิตใจของเรานี้ ถา้ เรามาพนิ ิจพิจารณาดแู ลว้ า่ มนั ไม่
อย่ทู ่ีอ่ืนหรอก บญุ บาป มนั อย่ทู ่ีจิตใจของเรา ฉะนนั้ พระพทุ ธ
องคใ์ หค้ น้ จิตของเรานนั้ กบั ธรรมะ จิตเรามนั ไม่ไดฝ้ ึก จติ เรามนั
ไมไ่ ดฝ้ ึก เราจะไปเช่ือจิตของเราอยา่ งเดียว วา่ เราชอบอนั นี้ วา่
มนั ดี บางทีมนั ก็ชอบอนั ผดิ ๆนะ่ วา่ ดี แตว่ า่ มนั ดเี ฉพาะใจของ
เรา แตค่ วามจรงิ แลว้ ขาดจากธรรมะ มนั เป็นของไม่จรงิ โดยสจั
ธรรม

มิฉะนนั้ ตอ้ งเอาจติ ของเรานอ้ มเขา้ ไปสธู่ รรมะ อยา่ ดงึ ธรรมะ
เขา้ มาสจู่ ิตของเรา เราตอ้ งดงึ จติ ของเราเขา้ ไปสธู่ รรมะ อยา่ ง
ผนู้ อ้ ยตอ้ งนอ้ มเขา้ ไปหาผใู้ หญ่ ไมต่ อ้ งใหผ้ ใู้ หญ่นอ้ มเขา้ ไปหา
ผนู้ อ้ ย เราเป็นสาวกพระพทุ ธองคข์ องเรา จะนอ้ มเขา้ สง่ ถงึ
พระพทุ ธเจา้ ของเรา ไม่ใชใ่ หพ้ ระพทุ ธเจา้ นอ้ มมาหาสาวกอยา่ ง
นี้ มนั เป็นธรรมเนียมมาแตด่ กึ ดาํ บรรพม์ าแลว้ ธรรมะก็ดี เป็น
ของท่ีสงู สดุ กบั ตวั เราน่ีมนั เป็นคนท่ีไกลจากธรรมะ เม่ือเรา

6

อยากจะเหน็ ธรรมะ เราไม่ควรดงึ ธรรมะเขา้ มาใสใ่ จเรา ไมใ่ ห้
ธรรมะนอ้ มมาใสใ่ จเรา ใหใ้ จเรานอ้ มเขา้ ไปหาธรรมะ เพราะ
ธรรมะมนั เป็นสจั ธรรม จติ ใจของเราเป็นตน้ มนั จติ ใจยงั ไมไ่ ด้
ฝึกฝนใหเ้ ป็นธรรมะ มิฉะนนั้ เป็นตน้ วา่ เราชอบอนั นี้ อนั ท่ีเราชอบ
นนั้ จะวา่ ดรี ึ มนั ก็ยงั ไม่ใช่ ดแี ตเ่ ฉพาะจติ ใจท่ีเราวา่ มนั ดี เราชอบ
มนั บางทีเราชอบของไมด่ ี ก็เขา้ ใจวา่ ของดี ชอบของผิดๆ ก็นกึ
วา่ มนั ดี แตว่ า่ มนั ความเหน็ วา่ ดนี ่ะ คือจิตของเรานะ่ ไมร่ ูจ้ กั
ฉะนนั้ จติ ของเรายงั ไมไ่ ดฝ้ ึกฝน จิตท่ีฝึกฝนดีแลว้ น่นั นะ่ มนั จงึ
เขา้ สธู่ รรมะ นอ้ มจิตเราเขา้ ไปหาธรรมะซะกอ่ น เพ่ือจิตเราให้
กลมเกลยี วกบั ธรรมะ

ใหจ้ ิตมนั เป็นธรรม ใหธ้ รรมมนั เป็นจิต ใหจ้ ติ มนั เป็นธรรม
มนั จะน่งั จะยนื จะเดนิ จะน่งั จะนอนอย่ทู ่ีไหนมนั ก็เป็นธรรม
มนั จติ เป็นธรรม ความคิดเรามนั ก็เป็นธรรม สภาวะท่ีเราคิดน่ะ
มนั ก็เป็นธรรม มนั เป็นความจรงิ เป็นสจั ธรรมอย่างนนั้ อนั นีก้ ็
เหมือนกนั ฉนั นนั้ มฉิ ะนนั้ มนั เหนือจิตของเจา้ ของนนั้ บางทีมนั ก็
ไม่เป็นธรรมะ เราก็ไปคดิ วา่ สงิ่ ท่ีมนั ผิดนนั้ วา่ มนั ถกู อนั นนั้ เราก็

7

ชอบเขา้ อยา่ งนนั้ มฉิ ะนนั้ ทา่ นจงึ ใหฟ้ ังธรรมะ ฟังธรรมใหม้ นั รูจ้ กั
ธรรมะ ใหร้ ูใ้ หเ้ หน็ ธรรมะอยทู่ ่ีใจ โงม่ นั อยทู่ ่ีจิตใจของเรา ความ
ฉลาดมนั อยทู่ ่จี ิตใจของเรา ความมืด ความหลงมนั อยทู่ ่ีจิตใจ
ของเรา ไอค้ วามรู้ ความสวา่ งมนั อยทู่ ่ีจิตใจของเรา

เหมือนกบั ท่ีวา่ ไอจ้ านใบหนง่ึ ท่ีมนั สกปรก หรอื พืน้ ฐานท่ี
บา้ น หรอื ศาลาเราน่มี นั สกปรก มนั ถกู นา้ํ มนั หรอื มนั ถกู เคร่อื ง
สกปรกอนั ใดอนั หน่งึ มนั กส็ กปรก อยทู่ ่ีมนั สกปรกน่นั หละ เม่ือ
เราอยากใหม้ นั สะอาด เราก็เอานา้ํ มาสาดมนั ซะ นา้ํ มาลา้ งมนั
เสีย ไอข้ องสกปรกนนั้ มนั ก็หายไป เม่ือของสกปรกหายไปคือ
ความสะอาดในพืน้ ศาลา พนื้ บา้ นของเรา มนั ก็สะอาดขนึ้ มา เรา
ก็จะเห็นไดว้ า่ ไอส้ ง่ิ ท่ีมนั สกปรกนนั้ ก็คอื จติ ของเรา ถา้ หากวา่ เรา
ทาํ ความถกู ตอ้ งดแี ลว้ ไอข้ องท่ีสะอาดมนั ก็ยงั มีอยู่ เหมือนพนื้
ศาลามนั สกปรกเพราะอะไรตา่ งๆท่ีใหม้ นั สกปรกนนั้ มาเชด็ มา
ลา้ งสง่ิ ท่ีสกปรกใหม้ นั ออก ความสะอาดมนั กพ็ น้ ขนึ้ มาอยทู่ ่ีน่นั
ท่ีของสกปรกมนั ปกปิดอยนู่ ่นั เอง ไอค้ วามช่วั และความดีของเรา
ทงั้ หลายก็เหมือนกนั ฉนั นนั้ ความช่วั อย่ตู รงไหน ความดอี ยตู่ รง

8

นนั้ ความผดิ อยตู่ รงไหน ความถกู อย่ตู รงไหน ความสกปรกอย่ทู ่ี
ไหน ความสะอาดมนั ก็อยทู่ ่ีน่นั เหมือนกนั ฉนั นนั้ จิตใจของเราน่ี
ก็เหมือนกนั ฉนั นนั้

ธรรมชาติของจติ เราจรงิ ๆนนั้ นะ่ มนั เป็นจติ ท่ีสม่าํ เสมอ มนั
เป็นจิตท่ีไม่เศรา้ หมอง เป็นจิตท่ีผอ่ งใส ขาวสะอาดอย่อู ย่างนนั้
ท่ีจติ ของเรามนั เศรา้ หมองนี้ ก็เพราะเราวา่ มนั ไปพบกบั อารมณ์
พบกบั อารมณท์ ่ีไมช่ อบใจของเราน่นั แหละ กท็ าํ ใจของเราใหข้ นุ่
มวั ทาํ ใจของเราใหเ้ ศรา้ หมอง ทาํ ใจของเราไม่ใหส้ ะอาด ทาํ ใจ
ของเราใหส้ กปรก น่ีเพราะอะไร ไม่ใชจ่ ติ ของเรามนั สกปรก
เพราะจติ ของเรามนั ยงั ไมแ่ นน่ อน ไม่เช่ือม่นั ในธรรมทงั้ หลาย
น่นั เอง กบั อารมณท์ ่ีเราไม่ชอบใจ เราก็เศรา้ หมอง อารมณท์ ่ีเรา
ชอบใจ ใจเราก็ผอ่ งใส มนั ก็เป็นอยา่ งนนั้

ฉะนนั้ องคส์ มเด็จพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ของเราน่ี ท่านให้
ปฏิบตั ิ ไมใ่ ช่ใหพ้ ดู เฉยๆ ใหป้ ฏบิ ตั คิ อื ใหท้ าํ ความเป็นจรงิ เชน่ วา่
เราสมาทานซง่ึ ศลี อยา่ งนีเ้ ป็นตน้ ทา่ นวา่ ปาณา อทนิ นา กาเม
มุสา สุรา น่ีเรยี กวา่ ศีล คาํ พดู ถึงศลี ไม่ใชต่ วั ของศลี สภาวะของ

9

ศลี นนั้ มนั ก็เป็นอกี อยา่ งหนง่ึ สภาวะของศีลนนั้ ไม่ใชว่ า่ การพดู
มนั เป็นการกระทาํ จรงิ ๆ เชน่ วา่ ไมฆ่ า่ สตั วอ์ ยา่ งนี้ เราก็ไมฆ่ า่
จรงิ ๆ ไม่กินสรุ า เราก็ไมก่ ินจรงิ ๆ ไม่พดู โกหก เราก็ไมโ่ กหกจรงิ ๆ
อยา่ งนี้ เราไมข่ โมยของคนอ่นื ก็ไม่ขโมยจรงิ ๆ ไม่ใช่ดีแตพ่ ดู
เฉยๆ ศลี มนั อย่ทู ่ีตรงนนั้ อยตู่ รงท่ีกระทาํ ไมอ่ ย่ตู รงท่ีพดู พดู นนั้
เพ่ือชีใ้ หเ้ ราเหน็ วา่ อนั นนั้ มนั เป็นอย่างนนั้ อนั นนั้ มนั เป็นอย่าง
นนั้ เม่ือเราตกลงใจวา่ มนั เป็นเช่นนนั้ เราก็ลงมือกระทาํ เลย ลง
มือประพฤติเลย ลงมือปฏบิ ตั ิเลย กระทาํ เลย อนั นนั้ ใหเ้ กิดเป็น
ผลขนึ้ มาคอื การกระทาํ เชน่ นนั้ อนั นนั้ ทา่ นเรยี กวา่ ขอ้ ศลี

ท่ีเราพดู ตามภาษาของเราเน่ีย มนั ก็ลาํ บากอยู่ ถงึ วนั พระ
ไปรกั ษาศีล ไปรกั ษาศีล ไอค้ วามเป็นจรงิ นนั้ มนั เป็นคาํ พดู ท่ีตอบ
เร่อื ยๆกนั มา เป็นประเพณี วนั นนั้ ไปรกั ษาศลี เม่ือเราเพง่
ความหมายแลว้ ก็ ศีลนะ่ เหน็ จะโงก่ วา่ เราละมงั้ เราจะตอ้ งไป
รกั ษามนั ถา้ เราเพง่ ไปนะ ศลี มนั คงจะไม่ดีขนาดเราไปรกั ษาศลี
แนะ่ มนั จะไปอยา่ งนนั้ ถา้ เราพดู ตามความเป็นจรงิ แลว้ ศีลน่นั
เราไมต่ อ้ งไปรกั ษาท่านหรอก ทา่ นดีแลว้ มารกั ษาตวั เราน่ีเอง

10

รกั ษากาย วาจา ใจของเราน่ี ดีแลว้ ศลี มนั ก็เกิดขนึ้ มา เราไม่
ตอ้ งไปรกั ษาศลี ไปรกั ษาตวั ของเรานี้ คาํ พดู อนั นีม้ นั พดู สงู เกิน
ตวั ไปซะมงั้ วา่ เราก็ไปรกั ษาศลี บางคนไมร่ ูจ้ กั ศีลเลย ก็เขา้ มา
วดั ไปไหน…ไปรกั ษาศลี ไปรกั ษาศีล ก็คดิ วา่ ศีลน่นั มนั เป็นของ
ยากของลาํ บาก มนั เป็นของสอนยาก ไอค้ วามเป็นจรงิ มนั
สะทอ้ นกลบั มาแลว้ วา่ มารกั ษาตวั เราน่นั เอง เม่ือรกั ษาตวั เราดี
ไมม่ ีโทษ ศีลมนั ก็เกิดขนึ้ มาท่ีตรงนนั้ ฉะนนั้ ศีลนีม้ นั จงึ ไมอ่ ยกู่ าร
พดู อยกู่ บั การพดู มนั อย่กู บั การกระทาํ องคส์ มเดจ็ พระ
สมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทา่ นสอนใหฟ้ ังอยา่ งนี้ ใหค้ วามดเี ขา้ ไปฝังใน
ใจ ถา้ ความดเี ขา้ ไปฝังในใจแลว้ ไอค้ วามทกุ ขม์ นั ก็ถอนออกไป
ห่างออกไป มนั เป็นฉนั นนั้ ทีนีเ้ รามองไม่เหน็ ไอส้ ่ิงท่ีมนั เบาท่ีสดุ
มนั ก็เหน็ มนั หนกั สง่ิ อะไรมนั หนกั ก็เห็นมนั เป็นเบา สิง่ อะไรท่ีมนั
ผิด เราก็เหน็ วา่ มนั ถกู สง่ิ อะไรท่ีเห็นวา่ ถกู อะไรมนั ผดิ

อย่างอาตมายกตวั อย่างใหฟ้ ังวา่ วนั หนง่ึ น่งั อยใู่ นวดั เราน่ี
แหละ มีโยมคนหน่งึ มาจากอาํ นาจเจรญิ เราเคยเป็นปราชญม์ า
เคยบวชเป็นพระมา ออกเป็นฆราวาสก็เป็นคนทาํ บญุ สนุ ทาน

11

ตลอดเวลา ตาแก่คนนนั้ วนั หนง่ึ นะ่ แกก็มาจากอาํ นาจเจรญิ
ถามวา่ โยมมที กุ ขห์ ลาย มีทกุ ขม์ าหลายวนั แลว้ แกอ้ ะไรไม่ตก
นกึ ถงึ หลวงพอ่ องคเ์ ดยี ว จะใหผ้ มมีความสวา่ งท่ีไหน ผมไม่นกึ
เหน็ แลว้ ก็กราบมา กระสบั กระสา่ ยมาเลย ทาํ ใจไม่คอ่ ยสบาย
มากราบลง โอดโอยครวญครางมาอย่างนนั้ แหละ อาตมาก็เลย
วา่ “โยมมนั เป็นไง” “ผมทกุ ขม์ าก” “ทาํ ไมมนั ทกุ ขม์ าก” “เรอ่ื ง
ใหญ่ไม่ใช่เร่อื งเลก็ ๆ มนั เรอ่ื งใหญ่เหลือเกนิ ” พดู ก็นา้ํ ตามนั ก็
ไหล ทงั้ พดู เร่อื งมนั ใหญ่ นา้ํ ตามนั ก็ไหลออก “หยดุ กอ่ นสิโยม
พดู ใหฟ้ ังเรอ่ื งอะไรมนั เร่อื งใหญ่นกั หนาหละวา่ ” แลว้ ทา่ นก็เลย
คลานเขา้ มากราบใกลๆ้ กระซบิ วา่ “หลวงพอ่ เมียผมตาย” แน่ะ
ฮา้ บอก เมียผมตาย ฮมื้ นกึ วา่ มนั เร่อื งใหญ่หวะ อนั นีม้ นั เรอ่ื ง
เลก็ น่ีหนา่ มนั เกิดๆตายๆ เคา้ เกิดกนั มาตลอดกาลตลอดเวลา
แลว้ ทงั้ เกิดทงั้ ตายทงั้ นนั้ น่ะ เหน็ มยั้ คนเกิดไม่ตาย เหน็ มยั้ เกิด
มามนั ตอ้ งตาย เรอ่ื งเกิดเร่อื งตายไมใ่ ชเ่ ร่อื งใหญ่ มนั เร่อื ง
ธรรมดาของเรา

12

น่ี ขนาดนีม้ นั ยงั มองไมเ่ หน็ วา่ มนั เป็นเรอ่ื งใหญ่ จนจะแกไ้ ม่
ไหวเลย จนกวา่ ท่วี า่ ไมเ่ คยเหน็ คนเกิด ไม่เคยเหน็ คนแก่ ไม่เคย
เหน็ คนตาย ไอค้ วามเป็นจรงิ น่ะ มนั เกิดมนั ตาย เราไมร่ ูว้ า่ ก่ีศพ
มาแลว้ เราไมไ่ ดอ้ า่ น ทาํ ไมไม่พิจารณา ทาํ ไมใหเ้ ป็นเรอ่ื งใหญ่
จนเดอื ดรอ้ นกระวนกระวาย กินไม่ไดน้ อนไม่หลบั อาตมาบอก
คดิ ใหม่สิ อนั นไี้ ม่ใช่เร่อื งใหญ่หรอก พอ่ ของโยม อย่มู ยั้ …ไม่อยู่
เคา้ เป็นไหน ตายแลว้ น่นั แหละ ตายแลว้ แม่ แม่ก็ตาย…แม่ก็
ตายแลว้ มนั จะเร่อื งใหญ่อะไร มนั จะอยู่ เราเป็นลกู เราจะไม่ตาย
หือ อนั นีม้ นั เรอ่ื งธรรมดา โยมไปยอ้ นคดิ ใหม่สิวา่ ไปคิดเร่อื ง
ใหญ่ มนั ก็ใหญ่ทงั้ นนั้ แหละ มนั เรอ่ื งเลก็ ๆ เรอ่ื งธรรมดา เร่อื งคน
เกิดมาในโลกมนั เป็นอยอู่ ยา่ งนนั้ มิฉะนนั้ เกิดมาพระพทุ ธเจา้
ทา่ นใหร้ บี ทาํ คณุ งามความดี เพราะมนั เป็นอยา่ งนนั้ ก็เลยพดู
แอบไปแอบมา ก็เลยเห็นโยมผหู้ ญิงคนหนง่ึ น่งั อย่ขู า้ งๆดว้ ย น่นั
แน่ะ โยมมนั กบั ใครน่ะถา้ แมบ่ า้ นตายแลว้ อนั นีแ้ มบ่ า้ นอกี คน
หนง่ึ อา้ ว ทาํ ไมมีหลายคนเหลอื เกนิ แลว้ มนั ยงั ดนี ะ น่นั มนั สอง
คน คนหนง่ึ ตาย คนหนง่ึ ยงั บางคนมีแมบ่ า้ นคนเดยี ว ตายคน

13

เดยี วกห็ มด มนั ยงั รา้ ยกวา่ โยมอกี เอาหละโยมพอแลว้ ตายคน
หนง่ึ ยงั อย่คู นหนง่ึ ไมใ่ ช่เรอ่ื งใหญ่อะไรแลว้ ใหไ้ ปคดิ ใหม่ แตค่ น
นนั้ ก็น่งั ฟัง

น่ีคอื ความคดิ ของคน เราไมร่ ูจ้ กั ไมร่ ูจ้ กั พอ คือคนไมร่ ูจ้ กั พอ
ก็คือคนไมร่ ูจ้ กั แก่ ไมร่ ูจ้ กั แก่ ไม่รูจ้ กั เจบ็ ไมร่ ูจ้ กั ตาย ไม่รูจ้ กั
ความเกิด แก่ เจบ็ ตาย บางคนจะไปเทศนว์ า่ เกิดๆ แกๆ่ เจ็บๆ
ตายๆ ฟังไมส่ บายใจเลยนะ ย่ิงคนฝร่งั เมืองนอก ไปพดู เรอ่ื งแก่
ใหฟ้ ัง ลกุ หนเี ลย เขาไมอ่ ยากแก่ เขาอยากเป็นของเขาอย่อู ย่าง
นนั้ วา่ คนเฒา่ ชะแร แก่ชราอย่างนีไ้ ม่เอาอะ้ ไม่อยากได้ มิฉะนนั้
เมืองนอกคนแก่เคา้ ทงิ้ อะ้ คนแกๆ่ ๕๐ ๖๐ เคา้ ทงิ้ อะ้ ไมเ่ หมือน
เมืองไทยหรอก เคา้ ทงิ้ หน่มุ ๆสาวๆลกู เคา้ เกิดมา เคา้ หนีไปเท่ียว
ไป คนแกเ่ คา้ ทงิ้ ไปตะพดึ แกแ่ ลว้ ทงิ้ ทงั้ นนั้ นะ่ ไมต่ อ้ งไปเก็บ
หรอก เอาเขา้ ใสใ่ นโกดงั

ฉะนนั้ พวกคนไทยเรามีธรรมะใหพ้ ิจารณาใหเ้ หน็ อย่างอยู่
ชลบรุ ี เอาคนแก่ไปเก็บไวเ้ ลยี้ ง อาตมาเคยเขา้ ไปดู โอย้ คนแก่
๗๐ปี ๘๐ ปีอย่นู ่นั แหละ ใหพ้ ยาบาลมารกั ษา อาตมาเขา้ ไป

14

เทศนต์ รงนนั้ นกึ ๆไปก็นา่ สลดสงั เวช นกึ ไปนกึ มาก็เหมือน
เปลือกแตงโมเขาเอาไปทงิ้ เคา้ จิม้ เอาเนือ้ มาทานแลว้ มแี ต่
เปลอื ก เคา้ ก็ทงิ้ ลงคลองน่นั นะ่ ไปอยชู่ ลบรุ ที ่ีเลยี้ งคนแกก่ ็
เหมือนกนั เขา้ ไปในท่ีน่นั เหมือนเปลือกแตงโม มีแตค่ นแกๆ่
ทงั้ นนั้ แหละ คนหนมุ่ ๆเขาหนี เขาก็ไมไ่ ปหาหรอก หนีไป ไปหา
เขา้ โรงหนงั เขา้ ลเิ กนคร หาลาํ วงเลน่ ตามสบาย ไอค้ นแก่ก็รบั
บาปไปเถิด แกไ่ ปเถิด ไม่มองถงึ เรา มิฉะนนั้ เมืองนอกก็เป็นไง
เอาคนแก่ไปทงิ้ คนหนมุ่ เจรญิ ไป ทกุ คนไอค้ นท่ีหน่มุ พอแก่ก็เอา
ไปทิง้ เหมือนกนั กรรม อาตมาพดู กบั ชาวฝร่งั วา่ น่ีคอื กรรม กรรม
แตก่ ่อนเราก็ทงิ้ คนแกม่ าน่ี ทีเราแกค่ นหน่มุ เคา้ ก็ทงิ้ เรา
เหมือนกนั ตอ้ งเป็นอย่างนี้ ถ่ายทอดไปตลอดเวลา มนั แกไ้ มไ่ ด้
เป็นอยา่ งนนั้

อนั นีน้ ะ่ ความอบอนุ่ ของเมืองนนั้ นะ ไมเ่ หมือนเมืองไทยเรา
เมืองไทยเรานนั้ น่ะ เทศนธ์ รรมะใหฟ้ ัง ใหเ้ หน็ ความเกิด ความแก่
ความเจบ็ ความตายวา่ มนั เป็นธรรมะ อนั เป็นท่นี ่าสลดสงั เวช
เม่ือเราจะทาํ อะไรแลว้ ก็ตอ้ งไดพ้ ิจารณา เม่อื เราหนมุ่ เราก็หวน

15

ถึงคนแก่ เม่ือเห็นคนแก่แลว้ หวนถงึ คนหนมุ่ มนั เลยไปเป็นเกาะ
มนั เลยเกาะกนั เหมือนลกู โซอ่ ยา่ งนี้ ฉะนนั้ พระพทุ ธองคส์ อนให้
มีความเมตตาอปุ การะบญุ คณุ ของบคุ คลท่ีมีคณุ ทางนอกเคา้
ไม่สอนกนั อยา่ งนี้ เคา้ สอนวา่ คนแกก่ ็แก่ไป คนหน่มุ ก็หนมุ่ ไป
มนั เร่อื งของใครๆเท่านนั้ แหละ มนั เป็นไปซะอยา่ งนี้ เม่ือพดู ไป
ตามความเป็นจรงิ นะ่ หลกั ธรรมะขององคส์ มเด็จพระสมั มาสมั
พทุ ธเจา้ ของเราน่ะ เลยี้ งลกู มาก็รกั เม่ือรกั ก็อยากจะใหร้ ูจ้ กั
บญุ คณุ ของพอ่ แมเ่ ทา่ นนั้ ถา้ เลยี้ งมา ไมม่ ีบญุ มีคณุ ก็ไมร่ ูว้ า่ จะ
เลีย้ งมาทาํ ไม อนั นพี้ ดู ถึงธรรมะขององคส์ มเด็จพระสมั มาสมั
พทุ ธเจา้ ของเรา แกข่ นาดไหน คนเมืองไทยก็ไม่ทงิ้ กนั อนั นีเ้ ป็น
ความอบอนุ่ ในเมืองไทย

ฉะนนั้ พวกเราน่ีก็เหมือนกนั ฉนั นนั้ เราจะตอ้ งพิจารณา
ธรรมะ พจิ ารณาธรรมะมนั เป็นสงั ขาร สงั ขารมนั ตอ้ งเปล่ยี นไป
เปล่ียนไปๆๆเรอ่ื ยๆ ไอค้ วามเปล่ียนไปนนั้ น่ะ มนั เกิดมาแลว้ เป็น
เด็ก แลว้ ก็เป็นหนมุ่ แลว้ ก็เป็นแก่ เฒา่ ชะแร แกช่ รา แตว่ า่ จิตใจ
ของคนเรานนั้ ไม่อยากใหม้ นั เปล่ียนไปอยา่ งนนั้ หนมุ่ แลว้ ไม่

16

อยากใหแ้ ก่ แก่แลว้ ไมอ่ ยากใหต้ าย อยากใหอ้ ย่อู ยา่ งนีๆ้ น่ีคอื
ความเหน็ ผิดเสยี แลว้ อนั นีม้ นั อย่ไู ม่ไดห้ รอก มนั เรอ่ื งอนิจจงั มนั
เร่อื งการเปล่ียนแปลงน่เี ป็นธรรมดาของมนั แลว้ ถา้ ไม่
เปล่ียนแปลง คนเราอย่ใู นโลกนีไ้ ม่ได้

เชน่ มะมว่ งตน้ นงึ มนั ก็เปล่ยี นขนึ้ มา มนั ถงึ โตขนาดนี้ จงึ
เป็นลอกออกผลใหเ้ ราทาน ผลมนั น่ี เพราะความเปลย่ี นแปลง
มาจากเมลด็ มนั จากเบยี้ เลก็ ๆมนั เป็นตน้ ใหญ่ๆมาเปล่ียน
เปล่ยี นจนมาถึงมนั เป็นดอก จงึ เป็นผลเลก็ ๆ เม่ือมนั เกิดมาเป็น
ผลเลก็ ๆ มนั ก็เปรยี้ ว มนั กเ็ ปล่ยี นไป มนั หา่ มน่ะ ไอค้ วามเปรยี้ ว
มนั กห็ ายไป เม่ือมนั สกุ มนั กเ็ ปล่ยี นเป็นหวาน รสของมนั ถา้ เรา
จะไมใ่ หม้ นั เปล่ยี นจะเกิดประโยชนอ์ ะไรนะ เปรยี้ วไป มนั เปรยี้ ว
อยา่ งนนั้ ดไี มด่ ีจะไมไ่ ดก้ ินมะมว่ งสกุ ซะดว้ ยนะ ไอค้ วาม
เปล่ียนแปลงมนั มีแลว้ ลมหายใจเราเขา้ ไปแลว้ ก็ออก ออกแลว้ ก็
เขา้ เขา้ แลว้ กอ็ อก เราจะอยมู่ าตลอดทกุ วนั นีก้ ็เพราะอาการมนั
เป็นอยา่ งนี้ เพราะอนิจจงั มนั เปล่ยี นแปลงอยา่ งนี้ ถา้ ไม่
เปล่ยี นแปลง อยมู่ ยั้ หายใจเขา้ ไป หายใจอดึ ใจเขา้ ไปแลว้ ไม่

17

ออกนะ่ น่ี ใหห้ ยดุ ไดม้ ยั้ ออกแลว้ ไมเ่ ขา้ มา มนั ก็ตายเทา่ นนั้
แหละ เขา้ ไมอ่ อกมนั ก็ตาย ออกไมเ่ ขา้ มนั ก็ตาย มนั อาศยั การ
เปล่ียนแปลง มนั เขา้ ไปแลว้ ก็ออกมา ออกแลว้ ก็เขา้ เขา้ แลว้ ก็
ออก น่ีเราอยไู่ ดเ้ พราะความเปล่ียนแปลงอย่างนี้

มิฉะนนั้ เป็นตน้ เราควรระลกึ ถึงธรรมะเม่ือเรามีชีวติ อยู่ เรา
ควรมองดขู า้ งๆวา่ อนั นีพ้ อ่ แม่ของเรา อนั นีพ้ ่ีนอ้ งของเรา อนั นี้
ลกู หลานของเรา อนั นีต้ วั ของเรา มนั ก็พรอ้ มไปเป็นอยา่ งนีต้ ลอด
กาลตลอดเวลาน่ี เพราะธรรมะมนั เป็นอยา่ งนี้ ฉะนนั้ เราจงึ ทาํ
ความเขา้ ใจ มาฟังธรรมะคือมาทาํ ความเขา้ ใจกนั เม่ือทาํ ความ
เขา้ ใจกนั ใหร้ ูจ้ กั ความเป็นจรงิ ก็ยอมรบั วา่ มนั จะตอ้ งเป็นอย่าง
นนั้ เกิดมาวนั นีก้ ็ตอ้ งยอมรบั วา่ มนั ก็ตอ้ งเป็นอย่างนนั้ วนั ตอ่ ไป
มนั ก็ตอ้ งเป็นอยา่ งนนั้ วนั ตอ่ ๆไปมนั ก็ตอ้ งเป็นอย่างนนั้ ของมนั
เป็นอยา่ งนนั้ มนั ก็เป็นของมนั อย่อู ยา่ งนนั้ มนั เปล่ียนแปลง
อยา่ งนนั้ ทกุ เวลา

เม่ือเราเขา้ ใจธรรมะเชน่ นี้ ความเป็นอยกู่ ็ดี ความพลดั พราก
จากกนั ก็ดีเป็นธรรมดา เหน็ มยั้ ท่ีเราสวดมนตก์ นั ใหพ้ จิ ารณา

18

อย่างนีท้ กุ วนั ๆเถิด พิจารณากนั รเึ ปลา่ ก็ไมร่ ู้ เม่ือสวดก็ให้
พิจารณากนั ทกุ วนั ๆเถิด ทกุ วนั ๆ ทาํ วตั รทกุ วนั อย่างนี้ ถา้ หากวา่
มนั เปล่ยี นแปลง เราก็ไม่ควรเสยี อกเสยี ใจ ไมค่ วรทาํ ใจใหม้ นั
เป็นทกุ ข์ เพราะวา่ มนั เป็นอยา่ งนนั้ สจั ธรรมมนั เป็นอยา่ งนนั้ อยู่
แลว้ ใหค้ วามเหน็ เราเป็นอยา่ งนี้ เม่ือเราไดฟ้ ังธรรมบอ่ ยๆนะ
ความบรรเทาทกุ ขอ์ นั นีม้ นั จะพน้ ขนึ้ มา มนั ก็จะไมท่ กุ ข์ มนั
บรรเทาๆไป บรรเทาไป ใหม้ นั นอ้ ยไป มนั นอ้ ยไป กวา่ ท่มี นั จะ
หมดทกุ ข์ เพราะเห็นความเป็นจรงิ อยา่ งนนั้ ของธรรมะ

ไดแ้ คน่ ีก้ ็เรยี กวา่ เรามีหลกั ท่ีสาํ คญั อยแู่ ลว้ การภาวนาของ
เรา ความเป็นอย่ขู องเราจะมีท่ีพง่ึ ท่ีพาํ นกั พุทโธ เม สะระณัง
วะรัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง
พระพทุ ธเจา้ ของเรามาเป็นท่ีพง่ึ พระธรรมมาเป็นท่พี ่งึ พระสงฆ์
มาเป็นท่ีพง่ึ ท่พี ่งึ อ่นื ไม่เหมือนพระพทุ ธเจา้ ท่ีพ่งึ อ่นื ก็ไม่เหมือน
พระธรรม ท่ีพง่ึ อ่นื ก็ไมเ่ หมือนพระสงฆ์ เพราะความเป็นจรงิ มนั
เป็นอยา่ งนนั้ เม่ือเราคิดเช่นนี้ ความบรรเทาทกุ ขเ์ รามนั ก็
หายไปๆ นอ้ ยไปๆ ตกลงอยทู่ ่ีมาเป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดา ไอ้

19

คนเกิดมา ก็เห็นวา่ เป็นธรรมดาท่ีมนั เกิดมาแลว้ เกิดมาแลว้ มี
ความเป็นอย่กู เ็ ป็นธรรมดา ไอธ้ รรมดามนั เป็นอย่อู ยา่ งนี้ ถา้ เรา
เขา้ ใจเช่นนี้ ความบรรเทาทกุ ขข์ องเราก็นอ้ ยไปๆ ความอย่เู ย็น
เป็นสขุ ความสงบระงบั มนั ก็ตงั้ ขนึ้ มาในท่ีใจของเราน่นั เอง อนั นี้
เป็นโอวาทคาํ สอนของพระพทุ ธองคข์ องเรา มฉิ ะนนั้ จงพากนั ตงั้
อกตงั้ ใจ ใหเ้ ขา้ ใจธรรมะ ฟังแลว้ ใหเ้ ขา้ ใจธรรมะ ใหพ้ จิ ารณา
อย่างนนั้
ท่ีมา: https://youtu.be/BUTmKz4WuT8 (เรม่ิ นาทีท่ี 30.13)

20


Click to View FlipBook Version