สวดมนต ๗ ตาํ นาน
สะมันตา จักกะวาเฬสุ ชุมนมุ เทวดา
อัตราคัจฉันตุ เทวะตา, เทพดาในรอบจักรวาฬท้ังหลาย
สทั ธัมมงั มุนริ าชสั สะ จงมาประชมุ กัน
สุณันตุ สคั คะโมกขะทัง. ในสถานท่นี ี้, จงฟง ซงึ่ สทั ธรรมอันใหสวรรค
และนพิ พาน ของพระสัมมาสมั พุทธเจา
ผูเปน เจาแหงมนุ ี.
สัคเค กาเม จะ รูเป ขอเชิญเหลา เทพเจา ซงึ่ สถติ อยใู นสวรรค
คริ สิ ขิ ะระตะเฏ จันตะลกิ เข ช้ันกามภพก็ดี รูปภพกด็ ี และภุมมเทวา
วิมาเน, ทีเป รฏั เฐ จะ คาเม ซ่งึ สถติ อยูใ นวิมานหรือยอดเขาและหบุ ผา
ตะรุวะนะคะหะเน เคหะ ในอากาศ ในเกาะ ในแวนแควน ในบาน
วัตถุมหิ เขตเต, ในตนพฤกษาและปา ชฏั
ภมุ มา จายนั ตุ เทวา ชะละ ในเรอื นและไรนากด็ ี และยักษค นธรรพ นาค
ถะลวิสะเม ยักขะคนั ธพั พะ ซึ่งสถิตอยูใ นนํ้าบนบก
และทอ่ี ันไมเรียบราบกด็ ี
นาคา, ติฏฐันตา สันตเิ ก อันอยใู นที่ใกลเคียง
จงมาประชมุ พรอ มกนั ในทน่ี ้ี
ยงั มุนวิ ะระวะจะนงั คําใดเปนคําสงั่ สอนของจอมพระมุนี
สาธะโว เม สณุ ันตุ. ทา นสาธชุ นทงั้ หลาย จงต้ังใจสดบั ฟงคาํ นนั้ .
ธมั มสั สะวะนะกาโล ดูกอนทา นผูเจริญทั้งหลาย
อะยมั ภะทนั ตา, กาลนีเ้ ปนกาลฟง ธรรม,
ธัมมสั สะวะนะกาโล
ดกู อ นทา นผูเ จริญท้งั หลาย
อะยมั ภะทันตา, กาลน้เี ปน กาลฟง ธรรม,
ธมั มัสสะวะนะกาโล
อะยมั ภะทันตา. ดูกอนทานผเู จริญท้ังหลาย
กาลน้ีเปนกาลฟงธรรม,
ขึ้นตนสวดมนต
ปพุ พะภาคะนะมะการะ
หันทะ มะยัง พทุ ธัสสะ ภะคะวะโต ปพุ พะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส ฯ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต, ขอนอบนอ ม แดพ ระผมู ีพระภาคเจา,
พระองคน ั้น
อะระหะโต, ซ่งึ เปน ผูไกลจากกเิ ลส,
สัมมาสัมพทุ ธัสสะ. ตรัสรูช อบไดโ ดยพระองคเอง.
(กลาว ๓ ครั้ง)
สะระณะคะมะนะปาฐะ
พุทธัง สะระณัง คัจฉาม,ิ ขา พเจา ถอื เอาพระพทุ ธเจา เปน
สรณะ
ธัมมัง สะระณงั คัจฉาม,ิ ขาพเจา ถือเอาพระธรรม เปนสรณะ
สงั ฆัง สะระณงั คัจฉามิ, ขา พเจา ถือเอาพระสงฆ เปนสรณะ
ทุตยิ ัมป พุทธัง สะระณงั คจั ฉาม,ิ แมค ร้ังที่ ๒ ขา พเจา ถอื เอา
พระพุทธเจา
เปนสรณะ
ทตุ ิยมั ป ธมั มงั สะระณงั คัจฉาม,ิ แมครง้ั ท่ี ๒ ขาพเจา ถือเอาพระธรรม
เปน สรณะ
ทตุ ยิ ัมป สังฆัง สะระณัง คจั ฉาม,ิ แมค ร้งั ที่ ๒ ขาพเจา ถอื เอาพระสงฆ
ตะตยิ มั ป พุทธัง สะระณัง คัจฉาม,ิ เปนสรณะ
พระพทุ ธเจา แมครง้ั ที่ ๓ ขาพเจาถือเอา
ตะตยิ มั ป ธมั มงั สะระณงั คจั ฉาม,ิ เปน สรณะ
แมครงั้ ที่ ๓ ขา พเจาถอื เอาพระธรรม
ตะติยมั ป สงั ฆงั สะระณงั คจั ฉาม,ิ เปน สรณะ
แมค รง้ั ท่ี ๓ ขา พเจาถอื เอาพระสงฆ
เปน สรณะ
นัตถิ เม สะระณัง อญั ญงั สจั จะกริ ยิ ากถา
พทุ โธ (เม) สะระณัง วะรัง,
ที่พง่ึ อยางอืน่ ของขา พเจาไมมี
ขา พเจา พระพทุ ธเจา เปนท่ีพงึ่ อันประเสรฐิ ของ
เอเตนะ สัจจะวชั เชนะ
โสตถิ (เม) โหตุ สพั พะทา. ดวยการกลา วคําสัตยน้ี
นตั ถิ เม สะระณัง อญั ญัง ขอความสวัสดีจงมแี กข าพเจาทุกเมื่อ
ธมั โม (เม) สะระณัง วะรัง, ท่ีพงึ่ อยางอน่ื ของขาพเจา ไมมี
เอเตนะ สัจจะวชั เชนะ พระธรรมเปน ที่พง่ึ อันประเสรฐิ ของขาพเจา
โสตถิ (เม) โหตุ สพั พะทา ดว ยการกลา วคําสัตยน้ี
นัตถิ เม สะระณงั อญั ญัง ขอความสวัสดจี งมีแกขาพเจาทุกเม่อื
สังโฆ (เม) สะระณงั วะรัง, ท่ีพ่ึงอยา งอ่นื ของขาพเจาไมมี
เอเตนะ สัจจะวชั เชนะ พระสงฆเ ปน ท่พี ึ่งอันประเสรฐิ ของขาพเจา
โสตถิ (เม) โหตุ สัพพะทา ดว ยการกลาวคําสัตยนี้
ขอความสวัสดจี งมีแกข า พเจาทุกเมอ่ื
ถา สวดใหผ อู ่ืนเปลยี่ นเปน (เต)
มะหาการุณโิ กนาโถ คิอาทกิ าคาถา
มหาการณุ โิ ก นาโถ พระพุทธเจา ผเู ปนท่ีพง่ึ ของสัตว
อตั ถายะ สพั พะปาณีนงั , ทรงประกอบแลว ดว ยพระ
ปูเรตฺตวา ปาระมี สัพพา บําเพ็ญบารมีทั้งหลายทง้ั ปวงใหเ ตม็
ปตโต สัมโพธิมตุ ตะมงั , เพือ่ ประโยชนเกื้อกูลแกสรรพสตั วท ง้ั หลาย
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ทรงถึงแลว ความตรัสรูชอบอันยอดเย่ียม
มา โหนตุ สัพพุปทฺทะวา. ดว ยกลาวคําสัตยจริงนี้
มะหาการุณโิ ก นาโถ ขอชัยมงคล จงมีแกทา นเถิด ฯ
หิตายะ สพั พะปาณนี ัง พระพุทธเจา ผูเปน ท่ีพงึ่ ของสัตว
ปเู รตวฺ า ปาระมี สัพพา ทรงประกอบแลวดวยพระมหากรุณา
บาํ เพ็ญบารมีทง้ั หลายทงั้ ปวงใหเตม็
ปตโต สัมโพธมิ ุตตะมัง เพื่อประโยชนเ กอื้ กลู แกส รรพสัตวท ั้งหลาย
เอเตนะ สัจจะวชั เชนะ ทรงถึงแลวความตรัสรชู อบอนั ยอดเยี่ยม
โหตุ เต ชะยะมังคะลัง ฯ ดว ยกลาวคําสัตยจรงิ นี้
มะหาการณุ โิ ก นาโถ ขอชยั มงคล จงมแี กท า นเถดิ ฯ
สุขายะ สัพพะปาณนี ัง, พระพทุ ธเจา ผูเ ปนที่พง่ึ ของสตั ว
ปูเรตฺตวา ปาระมี สัพพา ทรงประกอบแลว ดว ยพระ
บําเพญ็ บารมีท้งั หลายทง้ั ปวงใหเ ตม็
ปต โต สมั โพธมิ ตุ ตะมัง, เพอื่ ประโยชนเกอ้ื กลู แกส รรพสตั วท ัง้ หลาย
เอเตนะ สจั จะวชั เชนะ ทรงถงึ แลวความตรสั รชู อบอันยอดเย่ียม
มา โหนตุ สพั พปุ ท ฺทะวา. ดวยกลา วคําสัตยจ รงิ น้ี
ขอชยั มงคล จงมแี กท านเถิด ฯ
เขมาเขมะสะระณะคะมะนะปะรทิ ีปก า คาถา
พะหงุ เว สะระณงั ยนั ติ มนษุ ยทงั้ หลายเปนอันมาก
ปพพะตานิ วะนานิ จะ, อนั ถกู ภัยคุกคามแลว
อารามะรกุ ขะเจตยานิ ยอ มถงึ ภูเขาทงั้ หลายบาง ปาทั้งหลายบาง
อารามบา ง, รุกเจดียบาง
วา เปน สรณะทพ่ี ่ึงของเขา,
มะนสุ สา ภะยะตชั ชติ า.
เนตัง โข สะระณงั เขมงั นัน่ แล มิใชเ ปน สรณะท่ีพงึ่ อันเกษมเลย
เนตัง สะระณะมตุ ตะมงั , นัน่ มิใชส รณะอันอุดมอนั สูงสุด
เนตัง สะระณะมาคัมมะ เขาอาศยั อันน้ันเปน สรณะ ท่ีพึ่งแลว
สพั พะทกุ ขา ปะมุจจะติ. เขายอมไมพ นจากทุกขท้ังปวงได.
โย จะ พุทธญั จะ ธัมมญั จะ สว นผูใ ดถงึ พระพุทธเจา พระธรรมดว ย
สังฆญั จะ สะระณัง คะโต, พระสงฆดว ย วา เปนสรณะทพ่ี ง่ึ ของเขาแลว,
จตั ตาริ อะริสัจจานิ เห็นจรงิ ตามความเปนจริง คือ รูเหน็ อรยิ สจั
สี่
สัมมัปปญ ญายะ ปส สะติ. ดวยสัมมาทิฏฐิ อันเปนปญญาอันชอบ.
ทกุ ขัง ทกุ ขะสะมปุ ปาทัง คือกําหนดรูทุกขเหน็ ทุกข
เห็นเหตใุ หเกิดทุกข
ทกุ ขัสสะ จะ อะติกฺกะมัง, และกา วลว งทกุ ขเสียไดด ว ยการเจริญ-
อริยมรรค
อะริยัญจฏั ฐังคิกงั มัคคงั ซ่ึงมอี งค ๘ เปนเคร่ืองถึงความสงบระงับ-
แหง ทกุ ข,
ทุกฺขปู ะสะมะคามินงั .
เอตัง โข สะระณงั เขมงั นัน่ แล เปน สรณะท่ีพ่งึ อนั เกษม
เอตงั สะระณะมุตตะมัง, เปน สรณะอันอุดม สงู สดุ ,
เอตัง สะระณะมาคมั มะ เขาอาศยั สรณะอนั อุดมสงู สุดเปนทพ่ี ง่ึ แลว
สัพพะทกุ ขา ปะมุจจะตตี ิ. กย็ อมพน จากทุกขท ั้งปวงได ดงั นีแ้ ล.
นะมะการะสิทธิคาถา (ใหม)
โย จักขุมา โมหะมะลาปะกัฎโฐ ทานพระองคใด ทรงมพี ระปญ ญาจกั ษุ
ขจัดมลทนิ คอื โมหะเสยี แลว
สามงั วะ พทุ โธ สุคะโต วมิ ตุ โต ไดตรัสรเู ปน พระพทุ ธเจา
โดยลําพังพระองคเ อง เสดจ็ ผานไปดี
มารัสสะ ปาสา วนิ โิ ม จะยนั โต ทรงพน จากทุกขทัง้ ปวงไปแลว
ปาเปสิ เขมงั ชะนะตัง วเิ นยยัง ทรงชวยเปลอ้ื งชุมชน ผูเปนเวไนยสัตว
มาร แนะนําใหถงึ ความเกษม พนจากบวงแหง
พุทธงั วะรันตัง สริ ะสา นะมามิ ขา พระพทุ ธเจาขอถวายมนสั การ
พระพทุ ธเจา ผูบวรพระองคนัน้
โลกัสสะนาถญั จะวินายะกญั จะ
ตนั เตชะสา เต ชะยะสทิ ธิโหตุ ผูเปน นาถะ และเปนผูน ําแหง โลก
ดว ยเดชแหงพระพุทธเจานั้น
สัพพนั ตะรายา จะ วินาสะเมนตุ ขอความสําเรจ็ ชยั ชนะ จงมแี กท า น
ธมั โมธะโช โย วิยะ ตัสสะ สัตถุ และอนั ตรายทงั้ มวล จงถงึ ความพนิ าศ
พระธรรมใด เปนดุจธงชยั แหง พระศาสดา
ทสั เสสิ โลกัสสะ วิสุทธิมคั คงั พระองคนนั้
ทรงเปดทางแหง ความบรสิ ุทธ์ิใหแ กโลก
นิยยานโิ ก ธมั มะธะรสั สะธารี เปน บวรธรรมนําออกจากยุคเข็ญใหหลุดพน
และธรรมทีค่ ุม ครองผูประพฤติธรรม
สาตาวะโห สนั ติกะโร สุจิณโณ เมื่อประพฤตแิ ลว นํามาซึ่งความสุขความ
สงบ
ธัมมงั วะรนั ตัง สริ ะสานะมามิ ขาพระพุทธเจาขอถวายมนัสการพระธรรม
นั้น
โมหัปปะทาลัง อปุ ะสนั ตะทาหัง อนั ทําลายความหลง ระงบั ความเรา รอ นได
ตนั เตชะสา เต ชะยะสทิ ธโิ หตุ ดวยเดชแหง พระธรรมเจา น้ัน
ขอความสําเรจ็ ชัยชนะ จงมีแกทา น
สพั พนั ตะรายา จะ วินาสะเมนตุ และขออนั ตรายทั้งมวล จงถงึ ความพนิ าศ
สัทธมั มะเสนา พระสงฆเจา ใด เปนธรรมเสนาประกาศพระ
สุคะตานุโคโย สัทธรรม ดําเนินตามรอยพระผเู สด็จไปดี
แลว
โลกสั สะ ปาปูปะกิเลสะเชตา ผจญเสียซ่งึ อุปกิเลสอันเปนบาปของโลก
สนั โต สะยั งสันตินิโย ชะโก จะ เปนผสู งบเองดว ย สอนผอู ืน่ ใหส งบไดด ว ย
สวากขาตะธมั มงั วทิ ติ งั กะโรติ ยังสืบทอดพระธรรม
อนั พระศาสดาทรงตรัสไว
สงั ฆังวะรนั ตัง สิระสา นะมามิ ดแี ลว สอนใหผ อู ืน่ รเู หน็ ธรรมตามได
พทุ ธานพุ ทุ ธัง สะมะสลี ะทฎิ ฐงิ ขอถวายนมัสการแดพระสงฆเ จา ผูบวรนัน้
กัน ผตู รสั รตู ามพระพุทธเจา มีศลี และทิฏฐเิ สมอ
ตนั เตชะสา เต ชะยะสิทธิโหตุ
ดวยเดชพระสงฆเจา น้ัน
สพั พันตะรายา จะ วนิ าสะเมนตุ ขอความสําเร็จดวยชัยชนะ จงมีแกทา น
และอันตรายทัง้ มวลจงถึงความพนิ าศ เทอญ
นะมะการะคาถา (เกา)
สมั พทุ เธ อฏั ฐะวสี ัญจะ ทะวาทะสัญจะ สะหัสสะเก
ปญจะสะตะสะหสั สานิ นะมามิ สริ ะสา อะหงั
ขาพเจา ขอนอบนอ มสมเดจ็ พระสมั มาสัมพทุ ธเจา ท้ังหลาย
๕ แสน ๑ หมน่ื ๒ พัน ๒๘ พระองคน้ัน ดว ยเศียรเกลา
เตสงั ธัมมัญจะ สงั ฆญั จะ อาทะเรนะ นะมามหิ ัง
ขา พเจา ขอนอบนอมพระธรรมและพระอรยิ สงฆ
ของพระสมั มาสัมพุทธเจาเหลาน้ัน โดยความเคารพ
นะมะการานุภาเวนะ หันตวา สพั เพ อุปททะเว
ดวยอานภุ าพแหงการกระทําความนอบนอมตอพระรัตนตรัย
จงขจดั ความจัญไรทัง้ ปวงใหห มดไป
อะเนกา อันตะรายาป วนิ สั สนั ตุ อะเสสะโต ฯ
แมอ นั ตรายทัง้ หลายทั้งปวง จงพินาศไปโดยไมเหลือ
สมั พุทเธ ปญจะปญญาสัญจะ จะตุวสี ะติสะหัสสะเก
ทะสะสะตะสะหสั สานิ นะมามิ สริ ะสา อะหงั
ขา พเจาขอนอบนอ มสมเด็จพระสัมมาสมั พุทธเจา ท้งั หลาย
๑ ลา น ๒ หม่นื ๔ พัน ๕๕ พระองคนน้ั ดว ยเศียรเกลา
เตสัง ธัมมัญจะ สงั ฆญั จะ อาทะเรนะ นะมามหิ งั
ขาพเจา ขอนอบนอมพระธรรมและพระอรยิ สงฆ
ของพระสัมมาสัมพุทธเจา เหลานั้น โดยความเคารพ
นะมะการานภุ าเวนะ หันตวา สัพเพ อปุ ททะเว
ดว ยอานภุ าพแหงการกระทําความนอบนอมตอพระรัตนตรัย
จงขจัดความจญั ไรท้งั ปวงใหหมดไป
อะเนกา อนั ตะรายาป วนิ ัสสันตุ อะเสสะโต ฯ
แมอันตรายทง้ั หลายท้ังปวง จงพินาศไปโดยไมเหลือ
สมั พุทเธ นะวตุ ตะระสะเต อัฏฐะจตั ตาฬสี ะสะหสั สะเก
วีสะติ สะตะ สะหสั สานิ นะมามิ สริ ะสา อะหงั
ขา พเจาขอนอบนอ มสมเด็จพระสมั มาสัมพทุ ธเจา ท้งั หลาย
๒ ลาน ๔ หม่นื ๘ พนั ๑๐๙ พระองคน ั้น ดว ยเศยี รเกลา
เตสัง สงั ธัมมญั จะ สงั ฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามหิ ัง
ขา พเจา ขอนอบนอมพระธรรมและพระอริยสงฆ
ของพระสัมมาสัมพุทธเจา เหลานั้น โดยความเคารพ
นะมะการานุภาเวนะ หันตวา สัพเพ อุปททะเว
ดวยอานภุ าพแหงการกระทําความนอบนอมตอ พระรตั นตรัย
จงขจดั ความจญั ไรทงั้ ปวงใหหมดไป
อะเนกา อันตะรายาป วินสั สนั ตุ อะเสสะโต ฯ
แมอนั ตรายท้งั หลายทั้งปวง จงพนิ าศไปโดยไมเหลอื
นโมการฏั ฐกคาถา
นะโม อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ มเหสิโน
ขอนอบนอ มแดพ ระผมู พี ระภาค อรหันตสัมมาสัมพทุ ธเจา
ผูแ สวงหาประโยชนอันยง่ิ ใหญ
นะโม อุตตะมะธัมมสั สะ สวากขาตสั เสวะ เตนธิ ะ
ขอนอบนอ มแดพระธรรมอนั สงู สุดในพระศาสนาที่พระองคต รัสไวด แี ลว
นะโม มหาสงั ฆัสสาป วสิ ุทธะ สีละ ทิฏฐโิ น
ขอนอบนอมแดพระสงฆห มูใหญ ผมู ีศีลและทิฏฐิอนั หมดจด
นะโม โอมาตะยารทั ธัสสะ ระตะนตั ตะยสั สะ สาธกุ งั
ขอนอบนอม แดพ ระรัตนตรัย ทีป่ รารภดีแลว ใหส าํ เรจ็ ประโยชน
นะโม โอมะ กาตีตัสสะ ตสั สะ วัตถุตตะ ยัสสะป
ขอนอบนอม แดพระรัตนตรัย อนั ลวงพน โทษอันต่ําชา นนั้
นะโม การัปปะภาเวนะ วิคัจฉนั ตุ อุปท ทะวา
ดวยความประกาศ การกระทําความนอบนอม อปุ ทวะทัง้ หลายจงพนิ าศไป
นะโม การานภุ าเวนะ สวุ ตั ถิ โหตุ สพั พะทา
ขอความสวัสดี จงมที ุกเม่อื
นะโม การัสสะ เตเชนะ วธิ ิมหิ โหม,ิ เตชะวา ฯ
ดวยเดชะแหงการกระทําความนอบนอ ม เราจงเปนผมู เี ดช ในมงคลพิธีนี้เถดิ
มงั คะละสุตตงั
เอวัมเม สตุ ัง ฯ เอกัง สะมะยงั ถะคะวา,
ในสมยั หนึง่ พระอานนทเถรเจา ไดส ดับมาวา
สาวตั ถิยัง วหิ ะระติ, เชตะวะเน อะนาถะปณฑิกัสสะ อาราเม,
พระผมู พี ระภาคเจาเสดจ็ ประทบั อยูณ วดั พระเชตวนั ของอนาถปณ ฑิก
เศรษฐี สาวัตถี
อะถะโข อัญญะตะรา เทวะตา,
ครั้งนัน้ แล เทพยดาองคใ ดองคห นึ่ง
อะภิกกนั ตายะ รตั ตยิ า อะภกิ กันตะวัณณา
มรี ศั มีงามยิง่ เม่ือเวลาปฐมยามราตรีปานไปแลว
เกวะละกปั ปง เชตะวะนงั โอภาเสตวฺ า,
ยังวดั พระเชตวัน ใหส วางไสวไปทว่ั แลว
เยนะ ภะคะวา เตนุปะสงั กะมิ,
ไดเขา ไปเฝา พระผูม พี ระภาคเจา จนถึงท่ปี ระทบั
อุปะสังกะมติ วฺ า ภะคะวันตงั อะภวิ าเทตฺวา เอกะมนั ตัง อัฏฐาส,ิ
คร้ันเขาไปแลว ทําถวายอภวิ าทแลว จงึ ยืนอยู ณ ท่ีควรแหง หน่ึง
เอกะมนั ตัง ฐิตา โข สา เทวะตา ภะคะวนั ตงั คาถายะ อัชฌะภาส.ิ
แลวไดก ราบทบู ถามพระผมู พี ระภาคเจา ดวยคาถาวา
พะหู เทวา มะนสุ สา จะ มงั คะลานิ อะจนิ ตายงุ ,
เทวดาองคห นง่ึ ไดกราบทูลถามพระผูมีพระภาคเจาวา
หมูเทวดาและมนษุ ยมากหลาย มุงความเจรญิ กาวหนา
ไดค ดิ ถึงเรอ่ื งทเี่ ปน มงคลแลว (ไมตกลงกนั ได)
อากังขะมานา โสตถานงั พรหู ิ มังคะละมตุ ตะมัง,
ขอพระองคทรงตรัสบอกทางแหง มงคลอันสงู สดุ เถิด,
พระผมู พี ระภาคเจา ทรงตรสั ตอบดังนีว้ า
(หมทู ี่ ๑ ทําความเหน็ ใหถ ูกตอง)
อะเสวะนา จะ พาลานัง การไมค บคนพาล
ปณฑิตานัญจะ เสวะนา การคบบัณฑติ
ปชู า จะ ปูชะนยี า นัง การบชู าตอ บุคคลท่คี วรบูชา
เอตัมมงั คะละมุตตะมงั กิจสามอยา งน้ี เปน คงคลอนั สูงสดุ
(หมูท่ี ๒ มองปจ จยั พ้นื ฐาน)
ปะฎิรูปะเทสะวาโส จะ การอาศัยอยใู นถิ่นหรือประเทศอันสมควร
ปุพเพ จะ กะตะปญุ ญะตา การเปน ผูมีบญุ ไดทาํ ไวกอน
อตั ตะสมั มาปะณธิ ิ จะ การตัง้ ตนไวช อบ ใหเ หมาะสม ความพอดีๆ
เอตัมมงั คะละมุตตะมัง กิจสามอยา งน้ี เปนมงคลอันสงู สดุ
พาหสุ ัจจญั จะ (หมทู ี่ ๓ รูงานดมี วี นิ ยั )
สิปปง จะ
วินะโย จะ สุสกิ ขโิ ต การเปนผไู ดย ินไดฟ ง ไดเ หน็ มามาก
สภุ าสติ า จะ ยา วาจา การมศี ิลปวทิ ยา รจู ักหนา การงานดี
เอตัมมังคะละมุตตะมัง มีวนิ ยั อันศกึ ษาดว ยปญญามาดแี ลว
การพดู ประกอบดว ยสุภาษติ วาจา
กจิ สีอ่ ยางนี้ เปนมงคลอันสงู สุด
(หมทู ี่ ๔ ทําใหครอบครัวอบอนุ )
มาตาปตอุ ุปฎ ฐานัง การบํารุงเล้ียงดมู ารดาบดิ า-ผูมพี ระคุณตอ
เรา
ปุตตะทารัสสะ สังคะโห การสงเคราะหบุตรและผูอยรู วมดว ยกนั
อะนากลุ า จะ กมั มันตา การงานอนั ไมคั่งคาง ไมป ลอ ยลา ชา สบั สน
เอตัมมังคะละมตุ ตะมัง กจิ สามอยางน้ี เปน มงคลอนั สูงสุด
ทานัญ จะ (หมทู ่ี ๕ เก้ือหนนุ ตอ สังคม)
ธัมมะจะริยา จะ
ญาตะกานญั จะ สังคะโห การบําเพญ็ ในทานตางๆ ทคี่ วรทาํ
อะนะวัชชานิ กมั มานิ การประพฤติธรรม (ระบบธมั มาธปิ ไตย)
เอตัมมงั คะละมุตตะมัง การสงเคราะหหมูญาตพิ ี่นอง
การงานสุจริตอันปราศจากโทษ
กจิ สอ่ี ยางนี้ เปนมงคลอันสงู สุด
(หมทู ่ี ๖ ปฏิบัติธรรมะขน้ั พ้ืนฐาน)
อาระตี วริ ะตี ปาปา การงดเวน จากบาปกรรมความชว่ั
มชั ชะปานา จะ สัญญะโม การยับยั้งใจไวไดจ ากการดื่มน้ําเมา
อปั ปะมาโท จะ ธัมเมสุ ความไมป ระมาทในธรรมทั้งหลาย
เอตัมมังคะละมุตตะมงั กิจสามอยางน้ี เปน มงคลอันสูงสดุ
คาระโว จะ (หมูท่ี ๗ ปฏิบตั ธิ รรมะขนั้ ตน)
นวิ าโต จะ
สันตุฎฐิ จะ มคี วามเคารพในสิง่ ที่ควรเคารพ
กะตญั ตุ า มคี วามถอ มตน ไมเ ยอ หยิ่ง ลามปาม
กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง มคี วามสันโดษ (พอใจในของๆ ตน)
เอตมั มงั คะละมุตตะมงั มคี วามกตญั ู (รคู ณุ ท่ีผูอ่ืนทาํ ไว)
การไดฟ งธรรมตามกาล
กจิ หาอยางน้ี เปน มงคลอันสูงสดุ
ขันตี จะ (หมูท่ี ๘ ปฏบิ ัตธิ รรมะขนั้ กลาง)
โสวะจัสสะตา
มคี วามอดทน (๔ อยาง)
ความเปนคนเลย้ี งงา ย
สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง การพบเห็นเขาใกลผูสงบจากกิเลส
กาเลนะ ธมั มะสากจั ฉา การสนทนาธรรมตามกาล
เอตัมมงั คะละมตุ ตะมงั กิจส่อี ยางน้ี เปน มงคลอันสูงสุด
(หมทู ี่ ๙ ปฏบิ ตั ธิ รรมะขนั้ สูง) (เพื่อดับกเิ ลสเครอื่ งเรารอ น)
ตะโป จะ มคี วามเพียร เผากเิ ลส
พรหั มะจะริยัญ จะ การประพฤติพรหมจรรย
อะริยะสจั จานะ ทสั สะนัง การเห็นความจริงแบบพระอริยะเจา
นพิ พานะสัจฉกิ ริ ยิ า จะ การดบั กิเลส ทําพระนพิ พานใหแจง
เอตัมมังคะละมุตตะมงั กิจส่อี ยา งน้ี เปน มงคลอนั สงู สดุ
(หมูที่ ๑๐ รบั ผลจากการปฏบิ ัตธิ รรมะ)
ผุฎฐัสสะ โลกะธมั เมหิ จติ ของผูทไี่ มห ว่นั ไหวโดยโลกธรรม ๘
จิตตงั ยัสสะ นะ กมั ปะติ
อะโสกัง เปนจิตทไี่ มโศกเศรา
วิระชงั เปน จติ ไมม มี ลทิน ไรธุลกี เิ ลส
เขมงั เปนจิตทส่ี งบ เกษมศานต
เอตัมมังคะละมตุ ตะมัง กจิ ส่อี ยางนี้ เปน มงคลอนั สูงสดุ
หมทู ่ี ๑ ทาํ ความเห็นใหถ ูกตอ ง หมทู ี่ ๒ มองปจจยั พน้ื ฐาน
๑. อะเสวะนา จะ พาลานัง : ไมค บคนพาล ๔. ปะฎริ ปู ะเทสะวาโส จะ : อยใู นถ่ินทเี่ หมาะสม
๒. ปณ ฑิตานญั จะ เสวะนา : คบบัณฑิต ๕. ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา : เคยทําบญุ มากอน
๓. ปูชา จะ ปชู ะนียะ นงั : บชู าบุคคลที่ควรบชู า ๖. อตั ตะสัมมาปะณิธิ : ตั้งตนชอบ
หมูท ี่ ๓ รูงานดมี ีวนิ ยั หมทู ี่ ๔ ทาํ ใหค รอบครัวอบอนุ
๗. พาหสุ จั จัง จะ : มีความรู (พหูสตุ ) ๑๑. มาตาปตุอปุ ฎ ฐานงั : บํารงุ บิดามารดา
๘. สปิ ปง จะ : ทาํ งานดี (มีศิลปะ) ๑๒. ปุตตะสงั คะโห: สงเคราะหบ ุตร
๙. วนิ ะโย จะ สุสิกขโิ ต : มวี นิ ยั ๑๓. ทารัสสะ สังคโห : สงเคราะหภ รรยา (สามี)
๑๐. สกุ าสิตา จะ ยา วาจา :(วาจาสุภาษติ ) ๑๔. อะนากุสา จะ กัมมนั ตา : การงานไมคั่งคาง
หมทู ี่ ๕ เกื้อหนุนตอสังคม หมทู ่ี๖ ปฏบิ ัตธิ รรมะขนั้ พน้ื ฐาน
๑๕. ทานัง จะ : การใหที่ไมมีโทษตามมา ๑๙. อาระตี วริ ะตี ปาปา : งดเวน บาป (ความชั่ว)
๑๖. ธัมมะจะริยา จะ : ประพฤติธรรม ๒๐. มชั ชะปานา จะ สญั ญะโม : สํารวมในการเสพ
๑๗. ญาตะกานญั จะ สังคะโห : สงเคราะหญาติ ของมนึ เมา ๒๑. อัปปะมาโท จะ ธมั เมสุ : ไม
๑๘. อะนะวัชชานิ กัมมานิ : ทาํ งานไมมโี ทษ ประมาทในพระธรรม
หมูท ๗่ี ปฏบิ ตั ิธรรมะขนั้ ตน หมูที่ ๘ ปฏบิ ัติธรรมะขนั้ กลาง
๒๒. คาระโว จะ : มีความเคารพ ๒๗. ขนั ติ จะ : มีความอดทน
๒๓. นิวาโต จะ : มีความถอมตน ๒๘. โสวะจัสสสะตา : เปนคนวางาย
๒๔. สันตุฎฐิ จะ : มีความสันโดษ (ในของตน) ๒๙. สะมะณานญั จะ ทสั สะนัง : เห็นสมณะ
๒๕. กะตัญุตา : มคี วามกตัญู (รคู ุณผูอ่นื ) ๓๐. กาเลนะ ธมั มะสากจั ฉา : สนทนาธรรมตาม
๒๖. กาเลนะ ธัมมสั สะวะนงั : ฟง ธรรมตามเวลาที่ เวลาที่สมควร
สมควร
หมทู ี่ ๙ ปฏบิ ตั ิธรรมะข้ันสูง (ดับกิเลส) หมูท๑่ี ๐ รบั ผลจากการปฏบิ ัติธรรมะ
๓๑. ตะโป จะ : พยายามลดละกิเลส ๓๕. ผฎุ ฐัสสะ โลกะธมั เมหิ จติ ตงั
๓๒. พรหมมะจะรยิ งั จะ : ประพฤติอยา งพรหม ยัสสะ นะ กมั ปะติ : จิตไมห วนั่ ไหวในโลกธรรม
๓๓. อิริยะสจั จานะ ทสั สะนงั : เหน็ จริงตามความ ๓๖. อะโสกงั : จิตไมโศกเศรา
เปน จริงอนั ประเสริฐ เพอ่ื ตรสั รู ๓๗. วิรชิ ัง : จิตไมม ีมลทนิ
๓๔. นพิ พานะสจั ฉกิ ริ ิยา จะ : ดบั กเิ ลสของใจ ๓๘. เขมงั : จติ สงบ
ตาํ นานกะระณียะ เมตตะสุตตัง
พระภกิ ษุ ๕๐๐ รปู ในพระนครสาวัตถี ไดเ รียนพระกมั มฏั ฐานในสํานกั ของพระศาสดา
แลวไปหาที่สงัดเงียบสาํ เจรญิ วปิ สสนา ไปไดสนิ้ ทางประมาณ ๑๐๐ โยชนถงึ หมบู านแหง หน่ึง
ชนเหลา น้ันกลาววา จากท่ีนีไ้ ปไมสูจะไกลนัก มปี าชัฏเปนทส่ี งัดเงียบ ขอนมิ นตพ ระผเู ปน เจา
ทัง้ หลาย จงเจริญสมณธรรมในทีน่ น้ั ตลอดไตรมาสเถดิ ฯ
พฤกษาเทวดาทสี่ ิงอยูท ตี่ น ไมใ นปาน้ัน คิดวาพระผูเ ปนเจาท้งั หลายมาอาศยั อยทู ่ีโคน
ตน ไมแหง เรา ตัวเราและบุตรภรรยาของเราจะอยบู นตน ไมน ี้หาสมควรไม จะไมเ ปนการเคารพ
ทาน จงึ พากันลงจากตนไมน ่ังอยเู หนือพ้นื ดนิ ดวยสําคัญวา พระผูเ ปนเจาพกั อยูในท่นี นั้ คนื หนึง่
แลวกจ็ กั ไป ในวันรงุ ขึ้น พระภิกษเุ ทยี่ วบิณฑบาตภายในบานแลว กก็ ลบั มาสูปาชฏั ตามเดิม
เทวดาเหลา นนั้ พากนั คดิ วา ใคร ๆ เขาคงนมิ นตท านฉนั ในวนั พรงุ น้ี วันนีท้ า นจึงกลับมาพักใน
ท่นี ี้อกี และวันหนาทา นกจ็ ะไปที่อน่ื แตภิกษุกย็ ังกลับมาพักในที่เดมิ อีก จนเวลาลว งไป
ประมาณคร่งึ เดือน เทวดาจึงคิดไดวา ชะรอยพระภิกษุจะอยูตลอดไตรมาสแลว พวกเรากต็ อ ง
อยูกับพนื้ ดินตลอดไตรมาสดว ย เปนการลําบากนัก ควรทีพ่ วกเราจะทาํ วิการอะไรขึน้ ทาํ ให
ทา นไปเสยี จากทน่ี ีเ่ ปน การดี เมอื่ ปรารภอยา งน้ีแลว กแ็ สดงวิการตา งๆ มซี ากศพ และรปู ยักษ
เปนตน กบั บันดาลโรคไอและโรคจามใหเกดิ ข้นึ แกพระภิกษทุ ัง้ หลาย พระภิกษทุ ัง้ หลายก็อยูไ ม
เปน ผาสขุ เหมอื นดังแตกอ น มีความหวาดกลัว เกดิ โรคผอมซดี เวยี วลง จงึ พากนั ออกจากท่นี ั้น
ไปสูสํานักพระศาสดา ทูลใหทรงทราบถึงเรอ่ื งตางๆ ทีไ่ ดป ระสบตอ อารมณอ นั นากลัวตา ง ๆ
และความไมผาสุขจากโรคนน้ั ดว ย.
พระผมู พี ระภาคเจา ทรงประทานเมตตสูตรเปน เครื่องปองกนั แลวมพี ระพทุ ธดํารัสวา
เธอพึงสาธยายพระสตู รนต้ี ั้งแตร าวไพรภายนอกวิหารเขา ไปสูภ ายในวหิ าร พระภกิ ษุถวาย
บังคมกราบลากลบั ไป เปน คาํ สอนครูบาอาจารยวา ไมป กกลดอยูภ ายใตต นไมที่แหง เดียวนานๆ
หรืออยหู างสกั ระยะทางหนง่ึ เพอื่ ใหภมู เทวาเขาข้นึ ลงจากตน ไมสะดวก โดยเฉพาะเทพธิดานาง
ตะเคยี น ฯลฯ
คราวน้หี มูเทวดาเหลานน้ั กลบั มีความเมตตา ทาํ การตอนรบั อารักขา ภิกษุเหลาน้นั
ก็บําเพ็ญตลอดท้ังกลางวันกลางคนื เห็นความเส่อื มและความสนิ้ ในตนวา อตั ภาพนี้กเ็ ปนเชน
ภาชนะดนิ ตองแตกทาํ ลายไมถาวร พระพทุ ธเจาทรงประทบั อยูใ นพระคันธกุฏิ ทราบความ
ปรารภของพระภิกษุทัง้ หลายนั้นแลว จึงเปลง พระรัศมี ๑๐๐ โยชน ใหเหน็ เหมือนกับวาเสดจ็ มา
ประทับอยูทเ่ี ฉพาะหนา พระภกิ ษเุ หลา น้ัน และตรสั พระคาถาวา
“ภกิ ษุทราบวากายนเี้ ปรยี บเหมือนหมอ ปด จติ นใ้ี หเ หมอื นพระนคร พึงรบกบั มาร
ดวยอาวธุ คือปญญา และพึงเพยี รรกั ษาความชนะไว พึงเปน ผหู าความพวั พนั มไิ ด”
เมอื่ จบพระธรรมเทศนาแลว ภิกษุ ๕๐๐ รปู ก็ไดบ รรลพุ ระอรหตั พรอ มดว ยปฏสิ มั ภิทา.
กะระณยี ะ เมตตะ สุตตะคาถา
กะระณียะ มัตถะ กุสะเลนะ, อันผฉู ลาดในประโยชน พึงทํากิจ
ยันตงั สนั ตงั ปะทัง อะภิสะเมจจะ. ท่ีพระอริยเจา ไดบ รรลุถงึ ซ่ึงทาง
อนั สงบ ไดกระทําแลว,
สกั โก, พึงเปนผอู งอาจกลาหาญ
อชุ ู จะ, เปนผูซ่อื ตรงดวย, (ตอ หนาทีข่ องตน)
สุหุชู จะ, เปนผซู ื่อตรงอยางดดี วย, (ไมใ หใครเดือดรอ น)
สวุ ะโจ จัสสะ, เปน ผวู า งา ย สอนงายดวย
มุท,ุ เปน ผูอ อ นโยน, (ไมมีมานะ ยอมแพคนเปน)
อะนะติมานี, เปน ผไู มด หู มนิ่ ผอู นื่ ,
สันตุสสะโก จะ, เปน ผูยินดดี ว ยของอันมอี ยแู ลวดวย,
สภุ ะโร จะ, เปนผเู ล้ียงงายดว ย, (ทําตนเปนคนเลี้ยงงาย)
อปั ปะกิจโจ, เปนผมู ีกจิ การพอประมาณดว ย, (รจู กั พอ)
จะ สลั ละหกุ ะ วุตติ, ประพฤติตนเปนผเู บากายเบาจิต,
สนั ตนิ ทรโิ ย จะ มีอินทรยี อนั สงบระงับดว ย (สงบดวยปญญา)
นิปะโก จะ มีรกั ษาตนไดดว ย (เอาตวั รอด ดว ยปญญา)
อปั ปะคพั โภ เปนผไู มค นองกายวาจา
กุเลสุ อะนะนุคทิ โธ เปนผไู มติดพันในสกลุ ท้งั หลาย
นะจะ ขุททงั สะมาจะเร วิญูชน, ท่ีติเตยี นเหลาชนอืน่ ไดด ว ย
กญิ จิ เยนะ วญิ ู ปะเร การกระทําอยา งใด, ก็ไมพ งึ ประพฤติ
อุปะวะ เทยยุง. กระทําการอยางนนั้ หนอยหน่งึ แล.
(แลวพงึ ตงั้ ใจแนว แนไมแ สส าย แผเ มตตาไมตรจี ิต ไปในหมูสัตววา )
สุขิโนวา เขมิโน โหนตุ ขอสัตวทัง้ หลายท้ังปวง จงมคี วามสขุ
สพั เพสตั ตา ภะวันตุ สุขติ ตั ตา , มคี วามเกษม มตี นถึงซงึ่ ความสุขเถิด
เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ สัตวม ชี วี ิตท้ังหลาย เหลา ใดเหลาหน่ึง
ตะสา วา ถาวะรา วา ยังเปนผูส ะดงุ คือมีตัณหาอยู หรอื เปน ผู
ถาวร
อะนะวะเสสา, มน่ั คง คือไมมตี ณั หาทง้ั หมดไมเหลอื
ฑฆี า วา เย มะหนั ตะ วา เหลา ใดเปน ทีฆชาตหิ รอื โตใหญ
มชั ฌิมา รัสสะกา อะณกุ ะถลู า หรอื ปานกลางหรือต่ําเตย้ี หรอื ผอมอวนพี
ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา เหลาใดทีเ่ ราเหน็ แลว หรอื ไมไ ดเห็น
เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร เหลา ใดท่ีอยไู กล หรือทีใ่ กล
ภูตา วา สัมภะเวสี วา ท่ีเกิดแลว หรือยงั แสวงหาภพตอไปก็ดี
สัพเพ สัตตา ภะวนั ตุ สขุ ิตตั ตา ขอสรรพสัตวทั้งหลายเหลาน้นั
จงเปนผมู ีตนถงึ ซ่ึงความสุขเถดิ
นะ ปะโร ปะรัง นกิ ุพเพถะ สตั วอืน่ อยาพึงขมเหงสัตวอื่น
นาตมิ ญั เญถะ กตั ถะจิ นงั กญิ จิ อยา พงึ ดหู มิน่ อะไรๆ เขาในทใี่ ดๆเลย
พฺยา โรสะนา ปะฏฆี ะสัญญา ไมค วรปรารถนาทุกขใหแ กก ันและกัน
นาญญะมญั ญสั สะ เพราะความกริ้วโกรธ
ทกุ ขะมิจเฉยยะ และดว ยความคบั แคน เคืองใจ
มาตา ยะถา นยิ ัง ปุตตัง มารดาถนอมบุตรผูเกิดในตน
อายุสา เอกะปตุ ตะมะนุรักเข อนั เปนลูกคนเดยี ว คือแมชวี ติ ก็สละได
เพื่อรักษาบุตรของตนไว ฉนั ใด
เอวมั ป สัพพะภูเตสุ พงึ เจรญิ เมตตา มีในใจ ไมม ปี ระมาณ
มานะสมั ภาวะเย อะปะริมาณงั ไปในสตั วท ง้ั หลายท้ังปวง แมฉ ันนั้น
เมตตญั จะ สพั พะ โลกสั สะมิง บุคคลพึงเจริญเมตตาไวในใจ
มานะสัมภาวะเย อะปรมิ าณัง อยางไมม ปี ระมาณ ไปในโลกท้ังส้ิน
อทุ ธงั อะโธ จะ ติริยัญจะ ทั้งเบอ้ื งบน เบอ้ื งตํ่า เบอ้ื งขวาง
อะสัมพาธัง อะเวรัง เปนธรรมอันไมคับแคบ ไมมเี วร-ไมมีศตั รู
อะสะปต ตัง, ผูเจริญเมตตาจิตน้ัน ยืนอยูกด็ ี
ติฏฐญั จะรัง นิสนิ โน วา เดนิ เท่ียวไปก็ดี น่ังแลวกด็ ี นอนแลวกด็ ี
สะยาโน วา ยาวะตัสสะ เปนผปู ราศจากความงว งนอนเพียงใด
วิคะตะมทิ โธ,
เอตัง สะตงิ อะธฏิ เฐยยะ ก็พงึ ตง้ั สะติระลกึ แผเ มตตาไปได เพียงนั้น
พรัหมะเมตัง วิหารงั อธิ ะมาหุ บัณฑติ ทัง้ หลาย กลาวกิริยาอันนวี้ า
เปน การปฏิบัตพิ รหมวิหาร ในพระศาสนานี้
ทฏิ ฐญิ จะ อะนปุ ะคมั มะ มเี มตตาพรหมวหิ ารเปน ทิฐิเครื่องอยู
สลี ะวา ทัสสะเนนะ สมั ปนโน ถึงพรอ มดวยศีลและธรรมะทัสสนะอนั ชอบ
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง นําความหมกหมุนในกามทัง้ หลายออก
นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยงั ยอ มไมถ งึ ความนอน (เกดิ ) ในครรภอีก
ปุนะเรตีติ ฯ โดยแท ทีเดียวแลฯ
ตํานานขันธปรติ
สมัยหนง่ึ พระผมู พี ระภาคเจาเสดจ็ ประทบั อยู ณ พระเชตวนาราม ใกลพระนครสาวตั ถี
ครั้งนั้นพระภกิ ษุรปู หนง่ึ น่ังสีไฟอยู ณ เรือนไฟ งูตัวหนงึ่ ออกมาจากตนไมผุ ไดก ัดน้วิ เทาแหง
พระภิกษนุ ้ัน ทนพิษงูมไิ ด กถ็ ึงมรณะภาพอยู ณ ท่ีนั้น ภิกษุท้งั หลายก็พากนั ไปเฝา
พระพุทธเจา กราบทลู ถึงเรื่องภิกษนุ น้ั สมเด็จพระศาสดาตรสั วา ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ชะรอย
ภกิ ษุน้นั จะไมไ ดเ จริญเมตตาจติ ตอ ตระกูลแหงพญางูทัง้ ๔ ถาหากวา พระภิกษรุ ูปนนั้ ไดเจรญิ
เมตตาจติ ปรารภถงึ ซ่งึ ตระกูลแหงพญางทู ั้ง ๔ แลว งจู ะไมก ดั ถงึ แมว า จะกัดกห็ าตายไม แต
ปางกอ นดาบสทงั้ หลายผูเปน บัณฑติ ไดเ จริญเมตตาจติ ในตระกูลพญางทู ัง้ ๔ กพ็ ากันรอดพน
จากภัยแหง งูท้งั หลาย แลวจึงทรงนําเอาอดตี ชาดกมาแสดง ดงั ตอ ไปนวี้ า
ในอดีตกาล เมอ่ื พระเจาพรหมทตั ตครองราชสมบัติ ณ เมือง พาราณสี
พระโพธิสตั วบ ังเกิดในตระกูลพราหมณ ณ กาสิกรฐั ครน้ั เจรญิ วยั แลว กส็ ละราชสมบตั ิออก
บรรพชาเปน ฤษี ไดบ รรลอุ ภญิ ญา ๔ และสมาบัติ ๘ แลว สรา งอาศรมอยู ณ คงุ แหงหนึง่ ของ
แมน ้าํ คงคาในปาหิมพานต และไดเปนอาจารยส งั่ สอนหมูฤ าษอี ยู ณ ท่นี ั้นดวย.
ครงั้ น้นั งทู ้ังหลายอยู ณ ฝงแหงแมน า้ํ นนั้ ไดกดั ฤาษถี งึ แกความตายเปน อันมาก
พระดาบสทั้งหลายกไ็ ดนําความมาแจง แกด าบสพระโพธิสตั วผเู ปน อาจารยของตน.
พระโพธสิ ตั วจึงประชุมดาบสท้ังหลาย แลวสอนใหด าบสเหลาน้ันเจรญิ เมตตาจติ ตอ
ตระกูลแหง พญางทู ้งั ๔ เปนเบือ้ งตน แลว สอนใหเ จรญิ เมตตาจิตใหสตั วจําพวกอ่นื ตอ ไปตาม
โดยลําดับ ต้ังแตส ัตวท ีไ่ มม ีเทา ๒ เทา ๔ เทา และสัตวท่ีมเี ทามาก วา อยามีเวรอยา
พยาบาทเลย จงถึงซึง่ ความสขุ ปราศจากทกุ ขเ ถดิ
แลวทรงส่ังสอนใหระลกึ ถงึ คุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆว า มากไมม ปี ระมาณ (คอื มี
พระคณุ มากเพราะปราศจากกิเลส) สตั วท้งั หลายทมี่ ีประมาณ (เพราะยงั ของอยูในกิเลส) เหลานี้
จงกระทําการปองกันรักษาซ่งึ เราท้งั หลายทัง้ กลางวันกลางคืนเถดิ . ความรักษาและปองกันอัน
เรากระทาํ แลวแกส ตั วท ้ังหลายที่มปี ระมาณเทา นี้ ภตู สัตวทัง้ หลายจงหลีกไปเสีย อยา ไดม า
เบยี ดเบียนเราเลย เรากระทําความออนนอ มแดพระสัมมาสมั พทุ ธเจาท้งั หลาย มีพระวปิ สสี
สัมมาสมั พุทธเจา เปน ตน . อนึง่ ความมไี มตรจี ิตของสัตวทั้งหลายเหลาน้ันไดม อี ยูกบั เราแกผ ูใด
ผูน น้ั ยอ มไดก ระทําความออนนอ มนมัสการแดพระสัมมาสัมพุทธเจา ทั้งหลายโดยลาํ ดบั มา ๗
พระองค มีพระวปิ สสสี ัมมาสัมพุทธเจา เปนตน.
เมื่อพระโพธิสัตวผ ูกพระปรติ ใหแกฤาษีทงั้ หลายแลว พระฤาษเี หลานัน้ กไ็ ดเ จริญเมตตา
และระลกึ ถึงพระพุทธคณุ เปนอารมณ งูทั้งหลายก็หลกี หนีไป มิไดเขามากลา้ํ กรายอกี ตอ ไป.
วริ ูปก เขหิ เม เมตตัง สวดแปล ขันธะปริต
เมตตงั เอราปะเถ หิ เม,
ความเปนมิตรของเรา จงมกี ับสกลุ พญานาค
ท้งั หลายช่ือวา วิรปู กขด ว ย
ความเปนมติ รของเรา จงมกี บั สกลุ พญานาค
ฉัพยาปุตเตหิ เม เมตตงั ทั้งหลายชือ่ วา เอราบถดวย
ความเปน มิตรของเรา จงมกี ับสกุลพญานาค
เมตตัง กัณหาโคตะมะ เกหิจะ, ทั้งหลายชื่อ ฉัพยาบุตรดวย
ความเปนมิตรของเรา จงมกี ับสกลุ พญานาค
อะปาทะเกหิ เม เมตตงั ทงั้ หลายช่ือกัณหาโคตมกะดวย
ความเปน มิตรของเรา จงมีกับสตั วทั้งหลาย
เมตตงั ทปิ าทะเกหิ เม, ทไ่ี มม ีเทาดวย
ความเปนมิตรของเรา จงมีกบั สัตวท้งั หลาย
จะตปุ ปะเทหิ เม เมตตงั ทม่ี ีเทา 2 ดวย
ความเปน มติ รของเราจงมกี ับสัตวทัง้ หลาย
เมตตัง พะหุปปะเทหิ เม ทีม่ ีเทา 4 ดวย
ความเปน มติ รของเราจงมีกบั สัตวทง้ั หลาย
มา มงั อะปาทะโก หงิ สิ ที่มเี ทา มากดว ย
มามงั หงิ สิ ทิปาทะโก สัตวไ มม เี ทา ขออยาเบียดเบยี นเรา
มา มัง จะตุปปะโท หิงสิ สัตว 2 เทา ขออยาเบยี ดเบียนเรา
มา มงั หงิ สิ พะหปุ ปะโท สัตว 4 เทา ขออยาเบียดเบียนเรา
สพั เพ สัตตา สัพเพ ปาณา สตั วมากเทา ขออยาเบียดเบยี นเรา
สพั เพ ภูตา จะ เกวะลา ขอสรรพสัตวท ่มี ชี วี ิตทั้งหลาย
สัพเพ ภทั รานิ ปสสันตุ ท่ีเกดิ มาทั้งหมดจนสิ้นเชิงดวย
มา กญิ จิ ปาปะมาคะมา จงเห็นซง่ึ ความเจริญทั้งหลายน้นั เถดิ
โทษอนั ลามกใดๆ อยาไดมาถึงแลว
อัปปะมาโณ พุทโธ แกส ัตวเหลา น้ันเลย
อัปปะมาโณ ธัมโม พระพุทธเจา ทรงพระคุณอนั ไมม ีประมาณ
พระธรรมทรงพระคุณอนั ไมมีประมาณ
อัปปะมาโณ สังโฆ พระสงฆท รงพระคณุ อนั ไมม ีประมาณ
ปะมาณะวนั ตานิ สิรงิ สะปานิ สัตวเลอ้ื ยคลานท้งั หลายคอื งู แมลงปอ ง
อะหิ วิจฉิกา สะตะปะที ตะเขบ็ ตะขาบ แมลงมมุ ตุกแก หนู
อุณณานาภี สะระพู มสู ิกา เหลานี้ ลว นไมมปี ระมาณ
กะตา เม รักขา ความรกั ษา อันเรารักษาแลว
กะตา เม ปะริตตา ความปองกัน อนั เราไดก ระทาํ แลว
ปะฏกิ กะมันตุ ภูตานิ หมูสัตวทงั้ หลายทรี่ ายกาจจงหลีกไปเสีย
โสหัง นะโม ภะคะวะโต เรานน้ั กระทาํ การนอบนอมแด
พระผมู ีพระภาคเจาอยู
นะโม สัตตนั นัง- เราไดก ระทําการนอบนอม
แดพระสัมมาสมั พุทธ
สัมมาสมั พุทธานัง ฯ เจา ทั้งหลาย 7 พระองคอ ยู ฯ
อัตถิ โลเก สีละคโุ ณ วฏั ฏะกะปริตร
สัจจัง โสเจยยะนทุ ทะยา
คุณแหงศีลมีอยูใ นโลก
เตนะ สัจเจนะ กาหามิ ความสัตยค วามสะอาดกายและความเอน็ ดู
สจั จะกริ ิยะมะนตุ ตะรงั มอี ยใู นโลก
อาวัชชิตวา ธัมมะพะลงั ดวยคําสัตยน ้นั ขาพเจา จักทาํ
สะริตวา ปุพพะเก ชิเน สัจจะกิริยาอนั ยอดเย่ียม
ขาพเจา พิจารณาซึง่ กําลงั แหงธรรม
สจั จะพะละมะวสั สายะ และระลึกพระพุทธเจาผชู นะทัง้ หลาย
สจั จะกิริยะมะกาสะหัง ในปางกอน
เพราะอาศัยกําลงั แหงสัจจะ ดังนัน้
ขา พเจาขอทําสจั จะกิรยิ าวา ดงั นี้
สนั ติ ปกขา อะปตตะนา ปก ทัง้ หลายของขาพเจามอี ยู แตบินไมไ ด
สันติ ปาทา อะวัญจะนา เทา ทง้ั หลายของขาพเจา มอี ยู แตเ ดินไมไ ด
มาตา ปตา จะ นิกขนั ตา มารดาบดิ าของขาออกไปหาอาหาร
ชาตะเวทะ ปะฏกิ กะมะ ดกู อ นไฟปา ขอทานจงหลกี ไป
สะหะ สจั เจ กะเต มัยหงั ครนั้ เมื่อเราทําสจั จะกิริยาอยา งนี้แลว
มะหาปช ชะลิโต สขิ ี เปลวไฟอนั รุงเรืองใหญถ งึ ๑๖ กรสี นน้ั
วชั เชสิ โสฬะสะ กะรสี านิ ก็ไดหลกี เวน ไป
อทุ ะกัง ปต วา ยะถา สขิ ี ประดุจดังเปลวไฟนน้ั ตกลงไปในน้ํา ฉะนน้ั
แล
สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ สง่ิ ใดทจ่ี ะเสมอดว ยสัจจะของเราไมมี
เอสา เม สัจจะปาระมีติ ฯ น้เี ปนสจั จะบารมขี องเรา แล ฯ
อุเทตะยญั จักขมุ า เอกะราชา โมระปริตร
หะรสิ สะวัณโณ พระอาทติ ยน เี้ ปนเอกราช ดวงตาของโลก
มีสีเพยี งด่งั สีแหงทอง
ปะฐะวปิ ปะภาโส, ยังพน้ื ปฐพีใหอุทัยแสงสวา งจาข้ึนมา
ตัง ตงั นะมสั สามิ เพราะเหตุนั้น ขา ขอนอบนอมพระอาทติ ย
นนั้
หะริสสะวัณณงั ซึ่งมีสแี หงทอง
ยังพนื้ ปฐพีใหส วางไสว
ปะฐะวิปปะภาสัง, ขา พเจา อันทานคมุ ครองแลว ในวนั นี้
ตะยัชชะคตุ ตา พึงอยเู ปน สุขตลอดวนั
ขอพราหมณทงั้ หลายเหลาใด
วหิ ะเรมุ ทวิ ะสงั , ผถู ึงซึ่งเวท รอบรใู นธรรมท้ังปวง
เย พราหมะณา เวทะคุ
สัพพะธัมเม,
เต เม นะโม เต จงรับความนอมนอบของขา พเจา
จะมัง ปาละยนั ต,ุ ขอจงรักษาขาพเจาดวยเถิด
นะมัตถุ พุทธานงั ขอความนอบนอมจงมแี ดพระพุทธเจา-
ทงั้ หลาย
นะมัตถุ โพธิยา, ขอความนอบนอ ม จงมีแดพระโพธิญาณ
นะโม วิมตุ ตานัง ขอความนอบนอมจงมีแดท านผพู น กิเลส
แลว
นะโมวิมตุ ตยิ า, จงมีแดว ิมุตตธิ รรมเคร่อื งทาํ ใหหลุดพน กิเลส
อมิ งั โส ปะริตตัง กตั วา นกยูงนั้นไดกระทําพระปริตรอนั น้ีแลว
โมโร จะระติ เอสะนา ฯ จึงออกเที่ยวแสวงหาอาหารในเวลากลางวัน
ฯ
อะเปตะยัญจักขมุ า เอกะราชา พระอาทติ ยนเี้ ปน เอกราช ดวงตาของโลก
หะรสิ สะวณั โณ มีสเี พยี งดง่ั สีแหงทองยงั พนื้ ปฐพี
ปะฐะวปิ ปะภาโส , ความสวา งยอ มอัสดงคตไป
ตัง ตงั นะมัสสามิ เพราะเหตนุ น้ั ขาขอนอบนอ มพระอาทิตย
นนั้
หะรสิ สะวัณณงั ซึ่งมีสีดั่งทอง
ปะฐะวิปปะภาสัง, ยังพ้นื ปฐพใี หสวา งไสว
ตะยชั ชะ คตุ ตา ขา ทัง้ หลาย อนั ทานคุมครองแลว ในวนั นี้
วหิ ะเรมุ รตั ติง, พึงอยูเ ปนสุขตลอดคืน
เย พราหมะณา เวทะคุ ขอพราหมณทง้ั หลายเหลาใดผูถ ึงเวทท้ัง
ปวง
สัพพะธัมเม, ผูถงึ ในธรรมทงั้ ปวง
เต เม นะโม เต พราหมณเ หลานนั้ จงรับความนอบนอมของ
ขา ขอพราหมณท ั้งหลายเหลา น้นั จงรักษาซง่ึ
จะ มัง ปาละยนั ตุ
ความนอบนอมของขา จงมแี ดพระพุทธเจา
ขา ทั้งหลาย จงมแี ดพ ระโพธิญาณ
นะมัตถุ พุทธานงั จงมแี ดทานผูผา นพน กิเลสไปแลว
นะมตั ถุ โพธยิ า ความนอบนอมของขา จงมีแดวิมตุ ตธิ รรม
นะโม วมิ ตุ ตานัง เมอ่ื นกยูงไดก ระทําพระปรติ รอยางน้ีแลว
นะโมวมิ ุตติยา จึงสาํ เร็จในความเปนอยูใ นเวลากลางคืน ฯ
อิมงั โส ปะริตตัง กตั วา
โมโร วาสะมะกัปปะยีติ.
ระตะนะสุตตงั
๒. ยังกญิ จิ วิตตงั อิธะ วา หุรังวา สคั เค สวุ ายงั ระตะนัง ปะณีตัง
นะ โน สะมัง อัตถิ ตะถาคะเตนะ อิทัมป พุทเธ ระตะนัง ปะณตี ัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวตั ถิ โหตุ
ทรพั ยเ ครอ่ื งปลม้ื ใจอยางใดอยา งหนง่ึ ในโลกนี้ หรือในโลกอนื่ หรือรัตนะใดอัน
ประณีตในสวรรค ทรัพยและรตั นะนัน้ เสมอดวยพระตถาคตเจา ไมม ีเลย พุทธ
รตั นะนี้จึงเปนรัตนะอันประณตี ยิ่ง ดวยสจั จวาจานี้ ขอความสวัสดีทง้ั หลาย
เหลาน้ี จงมี
๓. ขะยงั วริ าคงั อะมะตัง ปะณตี ัง ยะทชั ฌะคา สกั ฺยะมนุ ี สมาหิโต
นะ เตนะ ธมั เมนะ สะมตั ถิ กิญจิ อทิ มั ป ธัมเม ระตะนงั ปะณตี งั
เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหตุ
พระศากยมนุ มี ีพระหฤทัยดํารงม่ัน ไดบรรลธุ รรมอนั ใดเปนทส่ี ิ้นกเิ ลส เปน ท่ี-
สํารอกกเิ ลสเปนอมฤต ธรรมอนั ประณีต ธรรมชาตอิ ะไรๆเสมอดว ยพระธรรม
นนั้ ยอมไมม ี ธรรมรัตนะน้ี จึงเปนรตั นะอันประณีตย่ิง ดว ยสัจจวาจานี้ ขอ
ความสวัสดที ้งั หลายเหลานี้ จงมี
๔. ยมั พทุ ธะเสฏโฐ ปรวิ ณั ณะยี สจุ งิ สะมาธมิ านนั ตะรกิ ญั ญะมาหุ
สะมาธินา เตนะ สะโม นะ วิชชะติ อทิ ัมป ธมั เม ระตะนงั ปะณีตงั
เอเตนะ สจั เจนะ สุวัตถิ โหตุ
พระพทุ ธเจาผปู ระเสรฐิ สุด ทรงสรรเสริญแลว ซึง่ สมาธใิ ดวาเปนธรรมอนั เย่ียม
บณั ฑิตท้ังหลายกลา วสมาธใิ ดใหผ ลในลาํ ดบั ของสมาธิ ส่งิ อ่ืนเสมอดวยสมาธิ
นนั้ ยอมไมมี ธรรมรตั นะนี้จงึ เปนรัตนะอนั ประณตี ย่งิ ดวยสัจจวาจาน้ี ขอ
ความสวสั ดีท้งั หลายเหลา นี้ จงมี
๕. เย ปคุ คลา อัฏฐะ สะตงั ปะสฏั ฐา, จตั ตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ
เต ทักขเิ ณยยา สคุ ะตัสสะ สาวะกา, เอเตสุ ทนิ นานิ มะหัปผะลานิ
อิทัมป สงั เฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหตุ
บคุ คล ๘จําพวก ๔ คู อันสตั บรุ ุษทัง้ หลายสรรเสริญแลว บุคคลเหลานั้นควรแก
ทกั ษิณาทาน เปนสาวกของพระตถาคต ทานทบี่ ุคคลถวายแลวในทา นเหลานัน้
ยอมมีผลมาก สงั ฆรัตนะน้ีจงึ เปน รัตนะอนั ประณตี ดวยสจั จวาจานี้ ขอความ
สวสั ดที ั้งหลาย จงมี
๖. เย สปุ ปะยุตตา นะมะสา ทฬั เหนะ นิกกามิโน โคตะมะสาสะนัมหิ
เต ปต ตปิ ตตา อะมะตงั วคิ ยั หะ, ลัทธา มธุ า นิพพตุ ิง ภุญชะมานา
อิทัมป สังเฆ ระตะนัง ปณีตงั เอเตนะ สจั เจนะ สุวัตถิ โหตุ
พระอริยบุคคลเหลาใด ในศาสนาพระโคดมประกอบดแี ลว [ดวยกายและวจี-
อันบรสิ ุทธ์ิ] มีใจมั่นคงเปนผไู มม คี วามหวงใยในกายและชีวติ พระอริยบุคคล
เหลา น้ันบรรลมุ รรคผลท่คี วรบรรลุหย่ังลงสอู มตนิพพาน ไดซึ่งความดบั กิเลสให
ส้นิ ไป เสวยผลอยู สงั ฆรตั นะแมน จ้ี ึงเปนรัตนะอนั ประณีต ดว ยสจั จวาจาน้ี ขอ
ความสวสั ดีทง้ั หลายเหลา นี้ จงมี
๑๓. ขีณัง ปรุ าณัง นะวัง นัตถิ สมั ภะวงั , วริ ตั ตะจิตตายะติเก ภวสั
สมิง, เต ขณี ะพีชา อวริ ฬุ หิฉันทา นพิ พันติ ธีรา ยะถายัม ปะทโี ป
อิทัมป สงั เฆ ระตะนงั ปณีตัง เอเตนะ สจั เจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
พระอริยบุคคลเหลาใดผมู จี ติ อันหนายแลวในภพตอไป มีกรรมเกายุตแิ ลวไมมี
กรรมใหมเ ปนเคร่ืองสมภพ พระอรยิ บคุ คลเหลานั้น มพี ืชพนั ธอ ันส้ินแลว มี
ความพอใจไมง อกงามแลว นักปราชญยอมนิพพานเหมือนประทีปอันดบั ไป
ฉะนัน้ สังฆรตั นะน้จี ึงเปนรตั นะอนั ประณีต ดวยสัจจวาจานี้ ขอความสวสั ดี
ทัง้ หลายเหลานี้ จงมี
ตํานานอาฏานาฏิยะปรติ ร
พระสูตรนมี้ เี นือ้ ความวา สมยั หน่งึ สมเดจ็ พระผูม พี ระภาคเจา เสด็จประทบั อยู ณ
เขาคชิ ฌกูฏบรรพต ใกลกรงุ ราชคฤหมหานคร ในครัง้ น้นั ทา วมหาราชทั้ง ๔ ซ่ึงสถติ อยูเหนือ
ยอดเขายคุ ันธรท่ีเรียกกนั วา ช้ันจาตุมหาราชกิ า อนั เปน ชัน้ ตํ่ากวาดาวดงึ สลงมา และเทวราช
ทัง้ ๔ น้กี อ็ ยใู นอํานาจของพระอนิ ทร พระอินทรม อบใหเ ทวราชทงั้ ๔ น้เี ปน ผูร ักษาตน ทาง ที่
อสูรจะยกมารบกวนดาวดงึ ส
ทาวธตรฏฐ เปนเจาแหง คนธรรพแสนหน่งึ รกั ษาทิศบรู พา. ทา ววริ ุฬหก เปน เจาแหง
กมุ ภณั ฑแ สนหนงึ่ รักษาทิศทกั ษณิ ทา ววริ ปู ก ษ เปน เจา แหงนาคแสนหนึง่ รกั ษาทิศปจ ฉมิ .
ทาวเวสวณั นัยหน่งึ เรียก ทา วกุเวรเปนเจาแหงยกั ษแ สนหนึง่ รักษาทศิ อดุ ร.
เทวราชทง้ั ๔ น้ี คดิ จะเกื้อกูลพระพทุ ธศาสนา มิใหหมยู ักษเปน ศัตรมู ายํา่ ยีบีฑาหมู
สาวกในพระพทุ ธศาสนา ทาวจตุมหาราชจึงประชุมกนั ท่ีอาฏายาฏยิ นคร ผูกซึ่งอาฏานาฏิย
ปริตร สรรเสริญพระสมั มาสมั พทุ ธเจาท้ัง ๗ พระองค มีพระวปิ ส สีเปน ตน มีพระพุทธเจา เราเปน
ปรโิ ยสาน ครนั้ ผูกพระปริตรแลว ก็ประกาศแกบ รษิ ัทของ ๆ ตนวา ธรรมอานาแหงสมเด็จ
พระพุทธเจา อันเปนบรมครแู ละราชอาณาแหงเราทงั้ ๔ น้ี ถาใครไมฟ ง ขืนกระทาํ เกนิ เลยแลว จะ
ทาํ โทษอยา งน้ี ๆ ครันประกาศแลว ทาวมหาราชทง้ั ๔ องค พรอมดว ยบริวารก็ลงมาเฝา
พระพุทธเจา กราบทลู วา ยกั ษท ัง้ หลายที่มีศักดานภุ าพทมี่ ิไดเลอ่ื มใสในพระคณุ แหง พระองค
ยักษท ี่เลือ่ มใสมีนอย เพราะยกั ษมจี ิตกระดางหยาบชา ลวงเบญจศลี น้นั มีมาก ในเมอื่ สาวกของ
พระผมู พี ระภาคเจา ยนิ ดีในอรัญญกิ เสนาสสนะบําเพญ็ สมณธรรม ในท่ปี ราศจากมนุษยส ญั จรไป
มา ยักษทมี่ ไิ ดเ ลื่อมใสศรทั ธา ยอมยํ่ายีบีฑา หลอกหลอนกระทาํ ใหเ จ็บไขเ ปนอนั ตรายแกพ ิธีที่
จะบําเพญ็ สมณธรรม จะเดมิ แตน ้ไี ปเบ้อื งหนา ขอใหทรงรบั อาฏานาฏิยะปรติ รไว แลว โปรด
ประธานใหพ ระสาวกท้ังปวงเจริญเนอื งๆ สวดเนืองๆ เถดิ ยกั ษท งั้ ปวงจะไดม คี วามเลอื่ มใส
ศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา แลว ก็มิไดจะทําอนั ตรายแกพ ุทธบริษทั ฯลฯ พระพุทธองคก ็ทรงรบั
โดยอาการดษุ ฎีภาพ ทาวเวสวณั กแ็ สดงอาฏานาฏยิ ะปรติ รถวายวา วิปส สิสะนะมัตถุ ฯลฯ ...
... ... อะยงั ยักโข นะ มญุ จะตีติ.
ครัน้ ทา วจตมุ หาราชกลับแลว จงึ มีพระพทุ ธฎกิ าประชุมสงฆท ัง้ ปวง แลว ทรงแสดงเหตแุ ต
หนหลงั ใหทราบ และในตอนทายพระพทุ ธวจนะมีวา ดูกอนภิกษุท้งั หลาย ทา นพงึ อุตสาหะ
กระทําซง่ึ อาฏานาฏิยปริตรนี้ใหบรบิ รู ณในสนั ดาน จําใหม น่ั คง จะคุม ครองปอ งกนั รกั ษา มิให
เหลาอมนุษยทั้งหลายเขามากลาํ้ กลายยํา่ ยีบีฑาพุทธบริษทั ๔ ท้ังปวงได จะไดอ ยเู ปน สขุ สําราญ
กาย ฯ
อาฏานาฏิยะ ปะริตตัง
วิปสสิสสะ นะมัตถุ ความนอบนอ มแหง ขาพเจา จงมแี ดพ ระพทุ ธเจา
จกั ขุมนั ตสั สะ สริ มิ ะโต ผูมีพระนามวา วิปสสี ผมู จี ักษุ ผมู ีสริ ิ
สขิ สิ สะป นะมตั ถุ ความนอบนอ มแหง ขาพเจา จงมแี ดพ ระพทุ ธเจา
สัพพะภูตานกุ มั ปโน ผมู พี ระนามวา สขิ ี
เวสสะภสุ สะ นะมตั ถุ ผูม ปี กติอนุเคราะหแ กส ตั วทง้ั ปวง
นะหาตะกัสสะ ตะปสสิโน ความนอบนอมแหงขาพเจา จงมแี ดพ ระพทุ ธเจา
ผมู พี ระนามวา เวสสภู ผูม ีกเิ ลสอันลา งแลวผมู ี
ตะบะ
นะมัตถุ กะกสุ ันธสั สะ ความนอบนอมแหงขาพเจา จงมีแดพ ระพทุ ธเจา
มาระเสนัปปะมัททโิ น ผูมีพระนามวา กกุสันธะ
ผยู ํ่ายีเสียซ่ึงมารและเสนาแหง มาร
โกนาคะมะนสั สะ นะมตั ถุ ความนอบนอมแหง ขาพเจา จงมแี ดพระพทุ ธเจา
พราหมะณสั สะ วสุ ีมะโต ผมู พี ระนามวา โกนาคมนะ ผมู ีบาปอันลอยเสีย
แลว
ผูม ีพรหมจรรย อนั อยจู บแลว.
กัสสะปสสะ นะมัตถุ ความนอบนอมแหงขาพเจา จงมีแดพ ระพทุ ธเจาผู
มี
วิปปะมุตตสั สะ สัพพะธิ พระนามวากสั สปผพู น วิเศษแลวจากกิเลสทั้งปวง
องั ครี ะสัสสะ นะมตั ถุ ความนอบนอมแหงขาพเจา จงมแี ดพระพทุ ธเจาผู
มี
สกั ยะปตุ ตัสสะ สิรีมะโต พระนามวา องั คีรส ผเู ปนโอรสแหงศากยราชผมู ี
สริ ิ
โย อมิ ัง ธัมมะมะเทเสสิ พระพทุ ธเจา พระองคใด ไดแสดงแลว ซงึ่ ธรรมน้ี
สพั พะทกุ ขาปะนทู ะนัง เปน เคร่ืองบรรเทาเสียซ่งึ ทุกขท้งั ปวง อนงึ่
เย จาป นพิ พตุ า โลเก พระพทุ ธเจาทง้ั หลาย
เหลาใดกด็ ที ่ีดบั กิเลสแลว ในโลก
ยะถาภตู งั วปิ ส สิสุง เหน็ แจง แลว ซึง่ ธรรม ตามความเปน จรงิ
เต ชะนา อะปสุณา พระพุทธเจาทงั้ หลายเปน ผูไ มม ีความสอเสียด เปน
ผู
มะหันตา วีตะสาระทา มีพระคณุ ใหญ ไปปราศจากความครั่นครา มแลว
หิตงั เทวะมนุสสานัง เทวดาและมนษุ ยทงั้ หลาย นอบนอมอยูซึ่ง
ยงั นะมัสสนั ติ โคตะมงั พระพทุ ธเจา ผูเ ปน โคดมโคตร
ผเู ปนประโยชนเ กือ้ กูลแกเทวาดาและมนษุ ย
วิชชาจะระณะสัมปน นงั เปน ผถู ึงพรอ มแลว ดว ยวิชชาและจรณะ ผมู ี
พระคุณ
มะหนั ตัง วตี ะสาระทงั ฯ ใหญ มคี วามครั่นครา มไปปราศจากแลว
วชิ ชาจะระณะสมั ปน นัง เปนผถู ึงพรอมแลวดว ยวิชชาและจรณะ
พุทธงั วนั ทามะ โคตะมนั ตฯิ ขอนอบนอมตอ พระพทุ ธเจา ผูเปน โคดมโคตร
อะภะยะปรติ ตงั
ยันทุนนิมติ ตงั อะวะมงั คะลัญจะ นิมิตอนั เปนลางช่ัวรายอนั ใด อวมงคลอนั ใด
โย จามะนาโป สะกณุ ัสสะ สทั โท เสยี งนกที่ไมชอบใจอันใด บาปเคราะอันใด
ปาปค คะโห ทุสสุปนัง อะกนั ตัง ความฝน รา ยทีไ่ มพอใจอันใด สงิ่ เหลา น้นั
พทุ ธา นุภาเวนะ วนิ าสะเมนตุ จงถึงพินาศไปดว ยอาํ นาจของพระพุทธเจา
ยนั ทุนนิมติ ตัง อะวะมงั คะลัญจะ นมิ ติ อนั เปน ลางชั่วรายอนั ใด อวมงคลอนั ใด
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท เสยี งนกที่ไมช อบใจอนั ใด บาปเคราะอันใด
ปาปค คะโห ทสุ สุปน ัง อะกนั ตงั ความฝนรายท่ไี มพ อใจอนั ใด สิ่งเหลา น้ัน
ธมั มา นุภาเวนะ วินาสะเมนตุ จงถึงพนิ าศไปดวยอํานาจของพระธรรม ฯ
ยนั ทนุ นิมติ ตัง อะวะมังคะลัญจะ นมิ ติ อนั เปน ลางชวั่ รายอันใด อวมงคลอันใด
โย จามะนาโป สะกุณสั สะ สัทโท เสียงนกทไี่ มชอบใจอนั ใด บาปเคราะอันใด
ปาปคคะโห ทสุ สุปนงั อะกันตัง ความฝนรา ยท่ไี มพ อใจอนั ใด ส่งิ เหลา นั้น
สังฆา นภุ าเวนะ วนิ าสะเมนตุ จงถงึ พนิ าศดว ยอาํ นาจของพระอริยสงฆ ฯ
องั คลุ มาละปะริตตัง
ยะโตหงั ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต,
นาภชิ านามิ สัญจจิ จะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตา ฯ
เตนะ สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภสั สะ ฯ
ดกู รนองหญิง จาํ เดิมตัง้ แตอ าตมาภาพเกดิ ในชาติอรยิ ะแลว มไิ ดร ูสกึ วา
จงใจทาํ ลายชีวิตสัตวเลย ดว ยเดชแหง สัจจะนี้ ขอความสวัสดจี งมีแกเจา
ขอความสวัสดจี งมีแกค รรภของเจา เถิด
โพชฌังคะปะริตตงั
โพชฌงั โค สะติสังขาโต โพชฌงั โค ๗ ประการ คอื ตอ งมสี ติ
ธัมมานัง วจิ ะโย ตะถา มีการเฟนเลือกธรรมใหถ กู กับตนเอง
วริ ยิ มั ปต ปิ ส สทั ธิ มคี วามเพยี ร มีรูสกึ ปติ มปี สสัทธิ ความสงบ
โพขฌงั คา จะ ตะถาปะเร เปน องคป ระกอบการตรัสรธู รรม
สะมาธุเปกขะโพชฌงั คา มีสมาธิตง้ั ใจมนั่ และมอี ุเบกขา รวมเปน ๗
สตั เตเต สัพพะทัสสินา ๗ ประการน้ีแล ที่เปนขน้ั ตอนรูเหน็ บรรลุซึง่ ธรรม
มุนินา สมั มะทกั ขาตา อนั พระจอมมุนีไดตรสั รไู วช อบแลว
ภาวติ า พะหลุ กี ะตา อนั บุคคลควรเจริญใหมาก ทําใหม ากแลว
สงั วตั ตนั ติ อะภิญญายะ ยอ มเปนไปเพ่ือความรยู ง่ิ ทไ่ี มเคยรูมากอ น
นพิ พานายะจะ โพธิยา เพ่อื ความตรสั รูและเพื่อนิพพาน
เอเตนะ สจั จะวชั เชนะ ดว ยการกลา วคําสัจจน้ี
โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา ฯ ขอความสวัสดีทง้ั หลาย จงบงั เกิดมแี กท านทุกเม่อื
เอกสั มฺ งิ สะมะเย นาโถ ในสมยั หนึง่ พระโลกนาถเจา
โมคคัลลานัญจะ กัสสะปง ทรงเห็นพระโมคคลั ลานะ และพระมหากัสสปะ
คลิ าเน ทุกขเิ ต ทสิ ฺวา เจบ็ ไข ไดร บั ความลําบาก
โพชฌังเค สตั ตะ เทสะยิ จงึ ทรงแสดงธรรมโพชฌงค ๗ ประการใหฟง
เต จะตัง อะภนิ นั ทิตวฺ า ทานทงั้ สองชืน่ ชมยนิ ดียง่ิ นักในโพชฌงคธรรม
โรคา มจุ จิงสุ ตงั ขะเณ โรคกบ็ รรเทาหายไดในขณะนั้นแล
เอเตนะ สัจจะวชั เชนะ ดวยการกลา วคําสจั จนี้
โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา ฯ ขอความสวัสดีท้ังหลาย จงบังเกิดมีแกท านทกุ เม่อื
เอกะทา ธมั มะราชาป ในคร้ังหนึ่งพระธรรมราชาเจา
เคลัญเญ นาภิปฬิโต ทรงพระประชวรดว ยไขหนัก
จนุ ทัตเถเรนะ ตัญเญวะ รับสั่งใหพระจุนทะกลาวสาธยายธรรมซง่ึ
ภะณาเปตตวานะ สาทะรัง โพชฌงค ๗ ทูลถวายใหฟง โดยความเคารพ
สัมโมทิตวฺ า จ ะ อาพาธา กท็ รงบันเทิงพระหฤทัย
ตมั หา วุฏฐาสิ ฐานะโส หายจากพระประชวรโดยพลนั
เอเตนะ สัจจะวชั เชนะ ดว ยการกลา วคําสัจจน้ี
โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา ฯ ขอความสวัสดที งั้ หลาย จงบังเกดิ มแี กทานทกุ เมือ่
ปะหนี า เต จะ อาพาธา ก็อาพาธของพระผูทรงคณุ ยิง่ ใหญท้ัง ๓ องคน น้ั
ตณิ ณันนมั ป มะเหสินัง หายแลว ไมกลบั มาอีก
มคั คาหะตะกิเลสา วะ ดุจดังกเิ ลสถกู อรยิ มรรคกาํ จัดเสยี แลว
ปต ตานปุ ปต ติ ธมั มะตงั ถึงซ่งึ ความไมเกดิ อกี เปน ธรรมดา
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ดว ยการกลาวคําสัจจน้ี
โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา ฯ ขอความสวัสดีท้งั หลาย จงบงั เกดิ มีแกท านทุกเม่ือ
ตํานานชะยะปรติ ร
พระมหาการญุ ยานุภาพน้ไี ดส รา งสะสมมานานแลว แมค รั้งเมือ่ เสวยพระชาตเิ ปนพระ
สุเมธดาบส ไดพ บพระทปี ง กรพทุ ธเจา เวลาน้นั พระองคท รงมีบารมีแกกลาสมควรท่จี ะสาํ เรจ็
อรหตั ผลสนิ้ ทกุ ขเ สยี ไดแตในชาตนิ ้ันแลว หากมีพระเมตตาคณุ พระกรณุ าคณุ ตอสรรพสัตว
ท้ังหลาย ทยี่ ังประสบความทกุ ขอ ยอู กี มากมายนกั ยงั มิควรเอาตวั รอดไปเสยี แตล ะพงั ผูเ ดียว
กอ น ควรจะหาอุบายชว ยผอู ืน่ พนทกุ ขไดด วย พระองคจ ึงตง้ั ความปรารถนาพระโพธิญาณ
เแพาะพระพักตรพ ระทีปง กรพุทธเจา ก็ไดร บั ลัทธยาเทศจากพระพทุ ธทีปงกรวา สเุ มธดาบสน้ี
จะไดตรสั รเู ปนพระพทุ ธเจาพระองคหนงึ่ ในภายหนา.
พระมหากรุณาน้ีไดต้งั ข้นึ แลว และเจรญิ สบื มาจนไดบ รรลปุ รมาภิเษกสัมโพธญิ าณ
พระองคจ ะเสวยวมิ ุตตสิ ขุ เฉยอยูอยา งพระปจเจกโพธ์กิ ไ็ ด แตห ากทรงเต็มไปดว ยพระมหา
กรุณาจึงไมท รงประพฤติเชนนน้ั ได จึงไดทรงประทานพระพทุ ธศาสนาใหค วามสขุ ควมเจรญิ แก
โลกอยูจนถงึ บัดนี้ บัณฑิตท้ังหลายหวังในพระการญุ ภาพน้ี เพ่ือใหเ ปน เครอ่ื งคุมครองและเจรญิ
สริ ิมงคล จึงไดว างระเบียบการสวดพระคาถาบทน้ี ไวทา ยสวดมนตเปน ประเพณสี ืบมา.
ชะยะปรติ ร
(คําแปล อยูในบทถวายพรพระ อนโุ มทนาในพธิ ีฉนั )
มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณีนงั
ปูเรตฺวา ปาระมี สัพพา ปตโต สัมโพธมิ ุตตะมัง
เอเตนะ สัจจะวชั เชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลงั ฯ
ชะยนั โต โพธยิ า มเู ล สักยฺ านงั นันทวิ ฑั ฒะโน
เอวัง ตะวัง วชิ ะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมงั คะเล
อะปะราชิตะปลลงั เก สเี ส ปะฐะวิโปกขะเร
อภเิ สเก สัพพะพทุ ธานัง อคั คัปปต โต ปะโมทะต.ิ
สนุ กั ขัตตัง สุมงั คะลัง สปุ ะภาตงั สุหุฏฐิตัง,
สุขะโณ สุมหุ ุตโต จะ สุยิฏฐงั พรหมะจาริส,ุ
ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทกั ขณิ ัง,
ปะทกั ขณิ งั มะโนกมั มัง ปะณิธิ เต ปะทักขิณา,
ปะทักขณิ านิ กตั ฺวานะ ละภนั ตตั เถ ปะทกั ขิเณ ฯ
โส อัตถะลทั โธ สุขโิ ต ทา นผเู ปน ชาย จงเปนผมู ปี ระโยชน
อันไดแลวถึงซง่ึ ความสุข
วริ ฬุ โห พุทธะสาสะเน มคี วามเจรญิ ในพระพทุ ธศาสนา
อะโรโค สุขิโต โหหิ ปราศจากโรค ถึงแลว ซึง่ ความสขุ
สะหะ สพั เพหิ ญาติภิ ฯ กบั ดว ยญาติทงั้ หลายท้งั หมด ฯ
สา อัตถะลทั ธา สุขิตา ทานผูเ ปน หญิง จงเปนผูมปี ระโยชน
อนั ไดแลว ถึงซ่งึ ความสขุ
วิรฬุ หา พทุ ธะสาสะเน มคี วามเจรญิ ในพระพุทธศาสนา
อะโรคา สุขติ า โหหิ ปราศจากโรค ถึงแลว ซ่ึงความสขุ
สะหะ สพั เพหิ ญาตภิ ิ ฯ กบั ดวยญาตทิ ั้งหลายท้ังหมด ฯ
เต อัตถะลัทธา สุขิตา ทา นท้ังหลาย ทว่ั ทกุ ๆ ทา น จงเปนผมู ี
ประโยชนอนั ไดแ ลว ถงึ ซ่ึงความสขุ
วิรฬุ หา พุทธะสาสะเน ถงึ ความเจริญในพระพุทธศาสนา
อะโรคา สุขิตา โหถะ ปราศจากโรค ถงึ แลว ซง่ึ ความสขุ
สะหะ สัพเพหิ ญาตภิ ิ ฯ กับดว ยญาติทั้งหลายทงั้ หมด ฯ
สกั กัตวา พทุ ธะระตะนงั โอสะถัง อุตตะมัง วะรงั ,
หิตัง เทวะมะนุสสานงั พุทธะเตเชนะ โสตฺถนิ า,
นัสสันตปุ ท ทะวา สัพเพ ทุกขา วปู ะสะเมนตุ เต.
เพราะกระทําความเคารพบูชาพระพุทธรัตนะ อันเปนเหมอื นดงั โอสถยา
รกั ษาโรคอันประเสรฐิ สูงสุด เปนประโยชนเ กอ้ื กูลแกเทวดาและมนษุ ย
ท้ังหลาย
ขอความจญั ไรทัง้ หลายท้ังปวง จงพนิ าสฉิบหายไป ขอใหท กุ ขท้ังหลายของ
ทาน จงสงบระงับไปโดยสวัสดี ดว ยเดชแหงพระพทุ ธเจาเถดิ ฯ
สักกัตวา ธมั มะระตะ นัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรงั ,
ปะรฬิ าหูปะสะมะนงั ธมั มะเตเชนะ โสตฺถนิ า,
นสั สนั ตปุ ท ทะวา สัพเพ ภะยา วปู ะสะเมนตุ เต.
เพราะกระทําความเคารพบูชาพระธรรมรัตนะ อนั เปน เหมือนดังโอสถยา
รักษาโรคอนั ประเสริฐสงู สุด เปนประโยชนเกื้อกูลแกเทวดาและมนุษย
ท้งั หลาย
ขอความจัญไรท้งั หลายทั้งปวง จงพินาสฉิบหายไป ขอใหภัยความนากลวั
ท้งั หลายของทา น จงสงบระงบั ไปโดยสวัสดี ดว ยเดชแหงพระพทุ ธเจาเถิด ฯ
สักกัตวา สังฆะระตะนงั โอสะถงั อุตตะมัง วะรัง,
อาหุเนยฺยงั ปาหเุ นยยฺ งั สงั ฆะเตเชนะ โสตฺถินา,
นัสสนั ตปุ ททะวา สัพเพ โรคา วูปะสะเมนตุ เต.
เพราะกระทําความเคารพบชู าพระสังฆรัตนะ อนั เปน เหมอื นดงั โอสถยา
รักษาโรคอันประเสรฐิ สงู สดุ เปนประโยชนเก้อื กูลแกเทวดาและมนุษย
ทั้งหลาย
ขอความจญั ไรทง้ั หลายท้งั ปวง จงพนิ าสฉิบหายไป ขอใหโรคคือความเสียด
แทงกายและใจท้ังหลายของทาน จงสงบระงบั ไปโดยสวสั ดี ดว ยเดชแหง
พระพุทธเจา เถดิ ฯ
นตั ถิ เม สะระณัง อญั ญงั พุทโธ เม สะระณงั วะรัง,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมงั คะลัง,.
นตั ถิ เม สะระณงั อญั ญัง ธัมโม เม สะระณงั วะรัง,
เอเตนะ สจั จะวชั เชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง,.
นัตถิ เม สะระณัง อัญญงั สังโฆ เม สะระณัง วะรงั ,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมงั คะลัง,.
(คําแปลนี้ อยใู นบท ตน สวดมนตแ ลว )
ยงั กิญจิ ระตะนัง โลเก รัตนะอยางใดอยางหนึง่ ในโลก
วชิ ชะติ ววิ ิธัง ปุถ,ุ มมี ากมายหลายอยาง
ระตะนัง พทุ ธะสะมงั นัตถิ รตั นะนัน้ ๆ จะเสมอดวยพระพทุ ธรัตนะ ยอมไมม ี
ตสั ฺมา โสตถี ภะวนั ตุ เต. เพราะเหตุนน้ั ขอความสวัสดที ้ังหลายจงมีแกทาน
ยังกญิ จิ ระตะนัง โลเก รัตนะอยางใดอยางหนง่ึ ในโลก
วิชชะติ วิวิธงั ปุถ,ุ มีมากมายหลายอยาง
ระตะนงั ธมั มะสะนัง นตั ถิ รตั นะนน้ั ๆ จะเสมอดวยพระธรรมรตั นะ ยอมไมม ี
ตัสมฺ า โสตถี ภะวันตุ เต. เพราะเหตนุ ้ัน ขอความสวัสดที ง้ั หลายจงมีแกทาน
ยังกิญจิ ระตะนงั โลเก รัตนะอยางใดอยา งหนึง่ ในโลก
วิชชะติ วิวิธงั ปุถุ, มีมากมายหลายอยาง
ระตะนงั สังฆะสะมัง นัตถิ รตั นะนั้นๆ จะเสมอดวยพระสงั ฆรัตนะ ยอ มไมม ี
ตสั มฺ า โสตถี ภะวนั ตุ เต. เพราะเหตุนนั้ ขอความสวัสดีท้ังหลายจงมีแกทาน
เทวะตา อุยโยชะนะคาถา
(คาถาเชญิ เทวดากลับ)
ทกุ ขัปปตตา จะ นิททุกขา ขอสรรพสัตวท ั้งหลาย ที่ถึงแลว ซ่งึ ทุกข
ภะยัปปตตา จะ นพิ ภะยา จงเปน ผูไมม ที ุกข และท่ถี งึ แลวซึง่ ภยั
โสกัปปต ตา จะ นสิ โสกา จงเปนผไู มมภี ัย และถงึ แลวท่ีโศก
โหนตุ สัพเพป ปาณโิ น จงเปน ผไู มมโี ศก.
เอตตฺ าวะตา จะ อัมเหหิ และขอเหลา เทพเจา ทั้งปวง จงอนุโมทนา
สมั ภะตงั ปญุ ญะ สัมปะทงั ซึง่ บุญสมบัติ อนั เราท้งั หลายกอสรางแลว
สพั เพ เทวานุโมทันตุ ดวยเหตมุ ีประมาณเทา น้ี
สพั พะ สัมปต ติ สทิ ธิยา เพ่อื อนั สําเร็จสมบัติทั้งปวง.
ทานงั ทะทันตุ สัทธายะ มนุษยท้ังหลายจงใหทานดวยศรัทธา
สลี งั รักขนั ตุ สพั พะทา จงรักษาศลี ในกาลทง้ั ปวง
ภาวะณา ภิระตา โหนตุ จงเปนผยู ินดีแลวในภาวนา,
คัจฉันตุ เทวะตาคะตา เทพดาท้ังหลายทีม่ าแลว เชิญกลบั ไปเถิด.
สพั เพ พุทธา พะลัปปตตา พระพุทธเจาท้ังหลายลวนทรงพระกําลัง
ทงั้ หมดกําลังอนั ใด
ปจ เจกานัญจะ ยงั พะลงั แหงพระปจเจกพทุ ธเจาท้งั หลายดว ย
อะระหนั ตานญั จะ เตเชนะ แหง พระอรหันตท ้งั หลายดวย
รกั ขงั พนั ธามิ สพั พะโส. ขา พเจา ขอเหนี่ยวความรกั ษาดวยเดชแหง
กําลงั ทัง้ หลายเหลานี้ โดยประการท้ังปวง ฯ