The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โมหะสมาธิ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-01-22 10:10:50

โมหะสมาธิ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

โมหะสมาธิ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

Keywords: โมหะสมาธิ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

โมหะสมาธิ
บดั นีถ้ งึ เวลาปฏบิ ตั บิ ชู าน่นั สมาธิภาวนา การน่งั สมาธินีใ้ ห้
พากนั น่งั ขดั สมาธิเพชร การน่งั ขดั สมาธิเพชรนนั้ ใหเ้ อาขาซา้ ย
ขนึ้ มาทบั ขาขวาก่อน แลว้ ก็เอาขาขวาขนึ้ มาทบั ขาซา้ ย เอามือ
ขา้ งขวาวางทบั มือขา้ งซา้ ย ตงั้ กายใหเ้ ท่ียงตรง แลว้ ก็หลบั ตา
นกึ ภาวนาพทุ โธ รวมจิตใจเขา้ ไปภายใน กาํ หนดพทุ โธพรอ้ มกบั
ลมหายใจ พรอ้ มกบั การไดย้ นิ ไดฟ้ ัง รวมจติ ใจเขา้ มาภายใน
คาํ วา่ สมาธิๆนนั้ คนเราไมค่ อ่ ยเขา้ ใจ การน่งั สมาธิไม่ใช่น่งั
หาวนอน ไมใ่ ชน่ ่งั ใหม้ นั หลบั ไมใ่ ช่น่งั ใหม้ นั สบาย น่งั หาวนอน
นนั้ เรยี กวา่ ไมใ่ ช่น่งั สมาธิ เป็นโมหะสมาธิ ตราบใดถา้ น่งั ภาวนา
หลบั ไปได้ เรยี กวา่ โมหะสมาธิ ไม่ใชส่ มาธิในทางพทุ ธศาสนา
สมาธิท่ีพระพทุ ธเจา้ ของเราตรสั สอนไว้ ไมใ่ ช่สมาธินอนหลบั น่งั
หลบั เป็นสมาธิท่ีเรยี กวา่ นกึ นองถงึ บรกิ รรมภาวนา หรอื กาํ หนด
ความทกุ ขค์ วามเดอื ดรอ้ นในโลกเรา มนั เตม็ ไปดว้ ยภยั อนั ตราย
เรายงั จะมางว่ งเหงาหาวนอน ฟงุ้ ซา่ นราํ คาญอย่ไู ม่ได้ ตอ้ งตงั้ ใจ
ใหม่ อยา่ ใหค้ วามงว่ งเหงาหาวนอนมาทบั ถมจติ

1

การหลบั นอน ถนี มิทธะ ความงว่ งเหงาหาวนอน นิวรณท์ งั้
๕ กามฉนั ท์ ความรกั ใครพ่ อใจในกามารมณท์ งั้ หลาย พยาบาท
ความอิจฉาพยาบาทกนั ถีนมิทธะ คือความงว่ งเหงาหาวนอน
มนั พวกนิวรณท์ งั้ นนั้ อทุ ธจั จะ กกุ กจุ จะ จติ ฟงุ้ ซา่ น คือวา่ จิตไม่
สงบ จิตไมห่ ยดุ จติ ไม่อยู่ จติ ไม่รูก้ ิเลสของตวั เอง เลยมาหลงอยู่
แคค่ วามสขุ สงบ สบาย สบายในการหลบั การนอนอยู่ เอาตวั
นอนลงไปเรยี กวา่ นอน แมเ้ ราจะน่งั สมาธิอยู่ ถา้ ขาดสติ จติ มนั
ง่วงเหงาหาวนอนไปได้ อนั นนั้ ก็คือวา่ นอน เรยี กวา่ นอนแบบลิง

ลิงนะ่ มนั ไมไ่ ดน้ อนเหมือนคน มนั น่งั หลบั แตค่ นเราไมไ่ ดไ้ ป
ดลู งิ นอน แตว่ า่ เรยี นกบั ลิงได้ ท่ีเราน่งั ภาวนาเป็นงว่ งเหงา
หาวนอนได้ คือวา่ เรยี นสมาธิจากลงิ ลงิ มะกอกท่ีมนั มากินใบไม้
ตามขา้ งถา้ํ ผาปลอ่ งเรา น่นั นะ่ มนั น่งั สมาธิลงิ หาวนอน อย่าไป
เรยี นอยา่ งนนั้ เม่ือน่งั สมาธิแลว้ ทา่ นใหย้ ืดตวั ใหเ้ ท่ยี งตรง ไมใ่ ห้
น่งั สอ่ มสอ่ ลงไป ไมใ่ หก้ ม้ นกั ไม่ใหเ้ งยนกั เรยี กวา่ ตงั้ ใจ ตงั้ ตวั
คาํ วา่ ตงั้ ใจนะ่ ตงั้ หมดตวั ถา้ ใจมนั ยงั หลงลมื ไปงว่ งเหงา
หาวนอน ใหเ้ ตือนจิตของเราเวลานีใ้ หไ้ ด้ วา่ นีม้ นั สมาธิวานร

2

วานรก็แปลวา่ ลิง ลิงก็แปลวา่ วอก วอก ๓๒ ภาษาเหนือเคา้ วา่
วอก ๓๒ ลงิ นนั้ เคา้ วา่ วอก เคา้ ก็วา่ ลงิ มนั เหนือคาํ วา่ วอก มนั
วอกแวก ถา้ ใครเหน็ ลงิ จะรูไ้ ดเ้ ขา้ ใจ ไมม่ ีเวลาสงบ จิตใจของ
คนเรานกี้ ็คลา้ ยกนั กบั วานร คลา้ ยกนั กบั ลงิ คือมนั วอกแวก
หว่นั ไหวอยเู่ สมอ ไม่วา่ เสยี งอะไรดงั ก๊อกแก๊กก๊กุ กิก๊ รุนแรงเบาก็
ตาม จติ นนั้ มนั จงึ วอกแวกไปแลว้ ไปตามเสียง เสียงดกี อ็ ยากฟัง
เสียงเคา้ ดดุ า่ วา่ รา้ ยปา้ ยสีใหไ้ ม่ชอบ โกรธเกลียดขนึ้ มา น่นั
แหละคือวา่ จติ ไมส่ งบตงั้ ม่นั ในสมาธิภาวนา

เหตนุ นั้ ถา้ จติ เราทกุ คนผใู้ ดก็ตาม ถา้ ยงั งว่ งเหงาหาวนอน
นิวรณท์ งั้ ๕ กามฉันท์ พยาบาท ถนี มทิ ธะ อุทธัจจะ กุกกุจ
จะ ความฟุ้งซ่านราํ คาญ วจิ กิ จิ ฉา ถา้ จติ ยงั มีสงสยั นนั้ วา่
สงสยั น่ีคอื จติ ออกนอกทงั้ นนั้ แหละ จติ ขาดสตสิ มั ปะชญั ญะ จติ
ไมม่ ีความระลกึ อย่ใู นตวั อยใู่ นใจ เราน่งั สมาธิภาวนา มนั ก็ได้
แตเ่ พียงระเบยี บ ระเบยี บน่งั แตจ่ ิตไมเ่ ป็นสมาธิให้ มนั หลงมนั
ลืม หลงลมื ภาวนาขาดสติ

3

สตินนั้ ท่านวา่ ตอ้ งใชใ้ นท่ีทกุ สถาน ในกาลทกุ เม่ือ ทงั้ กาย
จะเคล่ือนไหวไปมา ทาํ กิจกรรมการงานใดๆก็ตอ้ งมีสตใิ นสิง่ ท่ี
ตนทาํ คาํ วา่ การงานทางกาย กายถา้ เคลอ่ื นไหว เคล่อื นจากน่งั
ไปยืน เคล่อื นจากยืนไปเดิน เคล่ือนจากเดนิ มาน่งั ช่ือวา่ การงาน
ทางกายตอ้ งมสี ติ คนท่ีขาดสติ และไมข่ าดสติจะรูไ้ ดเ้ ขา้ ใจใน
เวลาทาํ ทาํ อะไรก็ตามตอ้ งมีสติ ถา้ ไมม่ ีสตมิ นั เป็นอยา่ งไร
ทาํ งานจบั น่ี ผา่ ขวานทาํ งานก็มกั จะถกู แขง้ ถกู ขา ถกู ตนี ถกู มือ
เดินไปก็ตาํ ตอ ตาํ ไม้ ทาํ อะไรมีแตผ่ ิดพลาดทงั้ นนั้ น่ีคือวา่ ขาด
สติ อยา่ ไปคดิ วา่ เราเป็นนกั ภาวนา ยงั ไมใ่ ชน่ กั ภาวนาท่ดี ี นกั
ภาวนาท่ีดีตอ้ งมีสติ อะไรควรทาํ ทาํ แลว้ เกดิ ผลประโยชนม์ า
อยา่ งไร สง่ิ ท่ีเราทาํ นนั้ เป็นบญุ หรอื เป็นบาป ตอ้ งมีสติระลกึ

ถา้ เราฟังเทา่ นีย้ งั ไมพ่ อ เราตอ้ งทาํ ตอ้ งทาํ ตอ้ งมีสตคิ วาม
ระลกึ ระลกึ อย่ใู นตวั ในกายวาจาจติ ของเราน่นั แหละ ถา้ ไม่
ระลกึ อยา่ งนนั้ มีแตค่ วามผิดพลาด น่งั ก็งว่ งเหงาหาวนอน ถา้ ไม่
น่งั สมาธิ น่งั ธรรมดาก็ชอบเป็นคนเลน่ คนคยุ ไมส่ นใจในการเดนิ
จงกรม ไม่สนใจอย่ใู นท่ีสงบระงบั ของตวั เอง มกั จะไปขนึ้ กฏุ ินนั้

4

ลงกฏุ นิ ี้ ไปคยุ ทา่ นนั้ คยุ ทา่ นี้ ย่งิ ใกลจ้ ะออกพรรษาก็คยุ เรอ่ื งไป
เท่ียวไปเตร่ ไปวิเวกภาวนาในป่าบา้ ง คดิ ในเรอ่ื งสกึ หาลาเพศ
บา้ ง เหลา่ นีล้ ว้ นแลว้ แตไ่ มเ่ ขา้ ในหลกั เกณฑส์ มาธิทงั้ นนั้ ท่ีเรา
พดู ก็ดี ทาํ ก็ดี มนั เป็นไปเพ่ือเรอ่ื งภายนอกนนั้ ใหพ้ ากนั คอยระวงั
ทาํ อะไรใหม้ ีสติ ถา้ เราฟังเทา่ นีย้ งั ไม่พอ เราตอ้ งทาํ แลว้ กม็ ีสติ
หรอื ไม่ ถา้ ไมม่ ีก็หดั ใหม้ นั มขี นึ้ ตอ้ งเอาสตธิ รรมดานีก้ ่อนใหไ้ ด้

เม่ือสติธรรมดานีแ้ หละยงั ไม่ได้ มนั จะไปไดส้ มาธิภาวนาท่ี
ไหน คือจติ มนั ลอยอยู่ ไม่มาสงบตงั้ ม่นั ไมม่ าสงบในท่ีบรกิ รรม
ภาวนาพทุ โธนนั้ มนั ลอย คาํ วา่ ลอยเล่ือน จิตมนั เล่ือนท่ีอยู่ เรา
ทกุ คนคงไดพ้ บไดเ้ ห็นวา่ อสรพิษคืองทู งั้ หลาย ไมว่ า่ ตวั เลก็ ตวั
ใหญ่ งมู ีพิษไมม่ ีพษิ มนั ไปทางไหน มนั ลอยไป ท่ีได้ (เสยี งไม่
ชดั )ท่ีลอยของงู คอื จติ เรามนั ลอยเหมือนงู เราน่งั ท่ีน่ี ภาวนาท่ีน่ี
มนั ไม่อยทู่ ่ีน่ี มนั ลอยไปท่ีอ่นื คิดอะไรตอ่ มิอะไร อนั เป็นเรอ่ื ง
ฟ้งุ ซา่ นราํ คาญทงั้ นนั้ ไม่เป็นความสงบระงบั เยือกเย็นสบาย
เรยี กวา่ จติ มนั ลอยไปเหมือนงู แตม่ นั เป็นงใู นใจ มนั ไม่ใชง่ ู

5

ภายนอก งใู นใจนนั้ ถา้ ขาดสติเม่ือใดเวลาใด มนั ก็ลอยไปอย่าง
นนั้ นะ่ ทีนีเ้ ราจะมาจาํ กดั อย่างไร…

จะตอ้ งจาํ กดั วา่ พระพทุ ธเจา้ สอนสาวกทงั้ หลายใหภ้ าวนา
ทกุ ลมหายใจเขา้ ออก หรอื วา่ ใหไ้ ดน้ กึ ถงึ ความตายใหไ้ ดท้ กุ ลม
หายใจเขา้ ออก ส่งิ เหลา่ นีเ้ ป็นการเตือนสติ ใหเ้ รานกึ ใหเ้ ราเจรญิ
เอาใหไ้ ด้ ถา้ ไมไ่ ดแ้ ลว้ มนั ก็ลอยไปหมด เล่ือนลอย เรยี กวา่ เป็น
คนเรยี กวา่ คนเล่อื นลอย จิตเล่ือนลอย พระ เณร แม่ขาว นางชี
จิตใจเล่ือนลอย ไม่สงบตงั้ ม่นั แลว้ ก็วา่ ตวั เองภาวนา มนั ภาวนา
แบบไหนก็ไม่รู้ ทาํ ไมจงึ น่งั ภาวนากง็ ่วงเหงาหาวนอนไปหมด
ตอ้ งตงั้ ใจใหม่ แกไ้ ขตวั เองใหไ้ ด้ ไม่มีใครจะไปแกไ้ ปไขตวั เองให้
เราได้ พระพทุ ธองคท์ า่ นทรงตรสั วา่ อตั ตาหิ อตั ตโน นาโถ ตน
เป็นท่ีพง่ึ ของตน คาํ วา่ ตนเป็นท่ีพง่ึ ของตนนนั้ เราตอ้ งทาํ เอง
ปฏิบตั เิ องใหม้ นั เกิดแกไ้ ขความงว่ งเหงาหาวนอนน่ี ขอ้ เดยี วให้
มนั ไดก้ อ่ น ถา้ แกไ้ ม่ไดแ้ ลว้ อยา่ ไปหวงั เอาท่ีอ่นื อีกไมไ่ ด้

คาํ วา่ มีสติ ถา้ จติ มนั อยใู่ นอารมณน์ ิวรณท์ งั้ ๕ อยู่ มนั ถอน
ออกมาไมไ่ ด้ จะจดั วา่ เป็นสมาธิภาวนาไมไ่ ด้ กามฉนั ท์

6

พยาบาท ถีนมทิ ธิ อทุ ธจั จะ กกุ กจุ จะ วจิ ิกจิ ฉา ยงั มีอยใู่ นใจ
ปถุ ชุ นคนเราตราบใด ช่ือวา่ ยงั ไมต่ งั้ ใจภาวนาทงั้ นนั้ แหละ ยงั ไม่
ตงั้ ใจ ยงั ไม่เอาจรงิ จะไปเอาเม่ือไรเวลาใดใหม้ นั จรงิ ลงไป ถา้ เรา
ไม่เอาเด๋ยี วนี้ ไม่ภาวนาเด๋ียวนี้ ไม่นกึ ไมเ่ จรญิ ไมว่ ิวฒั น์
พฒั นาการตวั เองในเวลานี้ น่ี ไมม่ ีเวลา เด๋ียวก็เขา้ ใจวา่ หมด
เวลาแลว้ หาเวลาไม่ได้ เวลาช่วั โมงนาทีมนั หมดท่ีไหน มนั ไม่
หมด มนั วนอย่ใู นอาการอนั เกา่ ใหเ้ ราแกไ้ ขตวั เองใหใ้ หม่ขนึ้ มา
อารมณเ์ ก่าๆ เคยคดิ เคยนกึ เคยพดู เคยทาํ อะไรมาในสง่ิ
ฟ้งุ ซา่ นราํ คาญทงั้ หมดน่นั แหละ

ถา้ จติ นีม้ นั ขาดสตเิ ม่ือใด เราพดู อะไรก็เรยี กวา่ ไม่สมบรู ณ์
แบบ เล่ือนลอยไปเรอ่ื ย เม่ือขาดสติแลว้ สมาธิมนั ก็ขาดไป เม่ือ
ขาดสติ ขาดสมาธิ ปัญญามนั ก็เกิดไม่ได้ ญาณอนั วเิ ศษย่งิ
หา่ งไกล จะเกิดขนึ้ อย่างใด คือขอ้ แรกมนั ก็ทาํ ไม่ไดแ้ ลว้ เรยี กวา่
สติ สตคิ วามระลกึ ไม่มีในจติ สมาธิก็ฟงุ้ ซา่ นอย่ไู มไ่ ด้ ความ
ระลกึ อย่ใู นจิต เวลาภาวนาทา่ นใหร้ ะลกึ อยใู่ นจิต ในจิตน่นั
แหละก็ตอ้ งมีอยใู่ นกาย ในกายในจติ น่นั แหละก็ตอ้ งอยทู่ ่ีวาจา

7

กาย วาจา จิตน่นั นะ่ มนั เป็นอนั เดยี ว ไม่ใชห่ ลายอนั เวลามนั ยงั
ครองชีวติ อยู่ กายทาํ อยา่ งไรจติ มนั ก็ไปอยา่ งนนั้ วาจาพดู
อยา่ งไร จิตมนั ก็ไปอย่างนนั้ วาจาเป็นอย่างไร จิตมนั ก็คดิ ลมุ่
หลงมวั เมาอยา่ งคนเราทาํ พดู คิดน่นั แหละ

ดงั นนั้ สตคิ วามระลกึ ได้ ดสู ิท่านครูบาอาจารยเ์ จา้ ทงั้ หลาย
เวลาภาวนาทา่ นจงึ ใหอ้ บุ ายย่อๆ อยา่ งวา่ นกึ ถงึ ความตายท่ีจะ
มาถงึ ตน นกึ ถงึ พทุ โธ คณุ พระพทุ ธเจา้ นกึ ถึงธรรมเจา้ นกึ ถงึ
พระสงั ฆเจา้ สงิ่ เหลา่ นถี้ า้ ตงั้ ใจนกึ จรงิ ๆ จนเอาจิตใจของตนหาย
ความงว่ งเหงาหาวนอนได้ จติ มนั จะสวา่ งไสวขนึ้ มา เรยี กวา่ จะ
ประพฤติดี ปฏิบตั ชิ อบได้ ถา้ ขนั้ โลกๆธรรมดาน่ีแหละก็เอาไมอ่ ยู่
เวลากเิ ลสความโกรธมนั เกิดขนึ้ ก็มาเห็นเวลามนั โกรธ มนั ก็
ระงบั ไมอ่ ยู่ พอขาดสติ ความโลภมนั เกิดขนึ้ มนั ขาดสติ เอาไม่
อยู่ ความหลงมนั เกิดขนึ้ มนั ขาดสติ เอาไมอ่ ยู่ ตอ้ งรวมจติ รวม
ใจเขา้ มาภายใน ท่ีพระพทุ ธเจา้ พระองคเ์ ตอื นวา่ ภาวนาใหม้ นั
ไดท้ กุ ลมหายใจเขา้ ออกนะ ท่านวา่ อยา่ งนี้ แลว้ จติ ใจเราทาํ
ไดม้ ยั้ นกึ พทุ โธไดท้ กุ ลมหายใจเขา้ ออกมยั้ นกึ ถงึ ความตายท่ีจะ

8

มาถงึ ตนใหไ้ ดท้ กุ ลมหายใจเขา้ ออกนนั้ จติ เราทาํ ไดม้ ยั้ ใจเราตงั้
ม่นั ไดม้ ยั้ นกึ ไดเ้ จรญิ ไดอ้ ยา่ งทา่ นสอนมยั้ ตอ้ งดใู นจติ ในใจ ดู
ความประพฤติความกระทาํ ของเราเอง

ตวั เราของเราท่ีไหน รา่ งกายสงั ขารนี้ ธาตดุ ิน ธาตนุ า้ํ ธาตุ
ไฟ ธาตลุ มประชมุ กนั อยเู่ ท่านนั้ เราจะมายดึ มาถือวา่ เป็นตวั เรา
ของเรา จรงิ ๆไม่ได้ ธาตแุ ทม้ นั ไมใ่ ช่ตวั เรา ธาตแุ ทก้ ็คือธาตดุ ิน
เอาดินมาปั้นเป็นตวั คนเรา เม่ือไดธ้ าตดุ นิ กอ้ นดนิ กอ้ นนีม้ าแลว้
เราไม่ประพฤติปฏิบตั ิใหด้ ี ขาดสติ ไมร่ ะลกึ ท่ีจะพจิ ารณา กิเลส
โลเลในใจมนั ก็โลเลละ เพราะไมภ่ าวนาดใู หร้ ูแ้ จง้ ดว้ ยปัญญา
เม่ือรูปผ่านตา ไม่วา่ รูปคน รูปสตั ว์ รูปวตั ถขุ า้ วของอะไรตอ่ มิ
อะไร เจา้ โลภะจติ มนั กเ็ กิดขนึ้ เจา้ โมหะอวชิ ชาตณั หามนั ก็
เกิดขนึ้ คอื มนั มีอยแู่ ลว้ กิเลสๆนนั้ ท่านวา่ เป็นไฟ ทา่ นจดั วา่ ไฟ
ความโกรธ ไฟความโลภ ไฟความหลง คอื มนั จิตใจรอ้ นระออุ ยู่
ดว้ ยอาํ นาจของกิเลสนนั้ ทา่ นวา่ มนั เป็นไฟ ไฟไหมห้ วั ใจมนษุ ย์
และสตั วท์ งั้ หลาย เพราะมนษุ ยแ์ ละสตั วท์ งั้ หลายขาดสติ ขาด

9

สมาธิ ขาดปัญญา ขาดวชิ าความรูใ้ นทางพทุ ธศาสนา เม่ือมนั
ขาดแลว้ มนั กบ็ กพรอ่ งไปหมด

เพราะฉะนนั้ ใหต้ งั้ ตวั ตงั้ ใจขนึ้ มา ระลกึ ขนึ้ มา อยา่ ใหข้ าดสติ
น่งั ก็ภาวนาอยใู่ หไ้ ด้ มรณัง เม ภาวสิ สติ นกึ เตือนใจของตนให้
ไดว้ า่ เราน่งั อยู่ เราก็น่งั รอวนั ตาย ถา้ ความตายมาถงึ เขา้ เราน่งั
อย่กู ็ตายได้ เราพดู อยกู่ ็ตายได้ อยา่ ไปเขา้ ใจวา่ ปลอดภยั
อนั ตราย มีแตภ่ ยั อนั ตรายทงั้ นนั้ ภยั อนั ตรายท่เี ราจะตอ้ งระวงั
ตอ้ งระวงั จติ มนั เป็นท่ีจิต เป็นท่ีใจ ใหใ้ จของเรานนั้ มีคณุ พระอยู่
ในใจ ใหใ้ จอยใู่ นพระ คาํ วา่ พระนนั้ จิตสงบ จติ ตงั้ ม่นั จติ มีสติ มี
ความระลกึ สอนจติ สอนใจของตวั เองอยู่ ไมห่ ลงไม่ลมื น่นั แหละ
เรยี กวา่ จิตอยใู่ นคณุ พระ ไมใ่ ช่พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆท์ ่ี
เป็นรูปเป็นรา่ งโนน่ พระในจติ พระในใจ พระในความประพฤติ
ปฏบิ ตั ขิ องเราทกุ คน จงึ จดั วา่ เป็นพระแท้ ละกิเลสความโกรธ
บรรเทากิเลสความโกรธได้ น่นั แหละ องคพ์ ระอยทู่ ่นี ่ี บรรเทา
ความโลภ โลภะจิตในจติ ในใจออกใหไ้ ด้ ละความหลงออกจาก
จิตใจใหไ้ ดน้ ่นั แหละ เป็นพระ

10

ไมใ่ ชว่ า่ บวชเป็นพระเป็นเณร น่งุ เหลอื งห่มเหลืองแลว้ ใจมนั
จะเหลอื งเหมือนผา้ มนั ไมไ่ ด้ ตอ้ งละความโลภ ความโกรธ
ความหลง ตดั ความโกรธ ความโลภ ความหลงของตนใหไ้ ด้
ไมใ่ ชว่ า่ บวชแลว้ ก็เป็นพระแลว้ ก็แลว้ ไป ไมภ่ าวนาละกิเลส มนั ก็
ไดแ้ คส่ มมตุ วิ า่ พระเทา่ นนั้ หละ นงุ่ ผา้ เหลอื ง ผา้ เหลอื งใครก็น่งุ
ได้ ในรา้ นคา้ ของเจ๊กของจีน เคา้ ขายเขียนวา่ ผา้ เหลอื งนะ่
เยอะแยะไป ไมใ่ ชผ่ า้ เหลืองมนั ดี จิตคนเราท่ีละเวน้ จากความช่วั
ตา่ งๆ เวน้ จากฆา่ สตั ว์ ลกั ทรพั ย์ ประพฤตผิ ดิ ในกาม กลา่ ว
มสุ าวาท เวน้ จากด่มื กินสรุ าเมรยั เป็นตน้ เราเลกิ ละสง่ิ ท่ไี ม่ดไี ด้
เน่ียแหละ ทา่ นเรยี กวา่ คณุ พระ พระพทุ ธเจา้ อยทู่ ่ีใจ พระธรรม
คาํ สอนพระธรรมวินยั พระธรรมพระวินยั ก็อยทู่ ่ีใจ คณุ พระอรยิ
สงฆส์ าวกก็อย่ทู ่ีจิตน่นั แหละ อยทู่ ่ีใจของเรา ใจนที้ า่ นจงึ วา่ ให้
ตงั้ ใจขนึ้ มา ระลกึ ขนึ้ มา

ใจโลเลใหพ้ าละกนั ทงิ้ ใจโลเลไดแ้ ก่อะไร ใจขีพ้ ดู ขีค้ ยุ ใจไม่
สงบ พดู เกง่ คยุ เก่ง เลน่ เกง่ น่นั แหละตวั ใจกิเลส ใจอนั นีแ้ หละ
มนั พาใหเ้ กิดใหแ้ กใ่ หเ้ จ็บใหไ้ ขใ้ หต้ าย มาเกิดแก่เจบ็ ตายอย่ใู น

11

โลกนี้ ไมจ่ บไมส่ ิน้ เพราะเราไมร่ ูเ้ ลห่ เ์ หล่ยี มกลมารยาของกิเลส
พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ พระองคร์ ูเ้ ลห่ เ์ หล่ียมของมาร สงั ขารมาร
มนั ไมใ่ ช่อยทู่ ่ีอ่นื มนั ก็อยทู่ ่ีใจมนษุ ยค์ นเราท่ีไม่เลิกไมล่ ะกิเลส
น่นั แหละ จติ อนั เกา่ น่นั แหละ เม่ือมนั หลง มนั ก็เป็นสงั ขารมาร
เป็นมารคือสงั ขาร เป็นกิเลสมาร กิเลสราคะ โทสะ โมหะ มนั ก็
จิตน่นั แหละ เหตนุ นั้ กิเลสโลเล พระองคส์ อนใหล้ ะ เราละไดห้ รอื
ยงั เราตงั้ ใจจะละมนั หรอื ยงั ตอ้ งเตอื นตนเตอื นใจใหม้ นั ได้ ภยั
อนั ตรายเกิดขนึ้ ไดท้ กุ เวลาผปู้ ระมาท

คาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ นนั้ มนั ยงั มีวเิ ศษอยู่ เขม้ ขน้ อยู่
ตงั้ แตพ่ ระพทุ ธเจา้ ตรสั รูแ้ ลว้ เทศนส์ อนไว้ ปฐมเทศนาจนถงึ
ปัจฉิมวาจาสดุ ทา้ ยดบั ขนั ธเ์ ขา้ สนู่ ฤพาน พระธรรมท่ี
พระพทุ ธเจา้ สอนนนั้ ยงั เขม้ ขน้ อยู่ แตม่ นั เป็นท่ีจติ ใจของผปู้ ฏิบตั ิ
สาวกทงั้ หลาย ไม่ตงั้ ใจ ไมท่ าํ จรงิ ไมป่ ฏบิ ตั จิ รงิ ตอ้ งใหร้ ูเ้ ลห่ ์
มารยาสาไถของกิเลส คอื เด๋ยี วนีจ้ ิตใจคนเรามนั ไปเช่ือมารกิเลส
ไม่เช่ือพระพทุ ธเจา้ ทงั้ ท่ีพระพทุ ธเจา้ นนั้ เคา้ หลอ่ เป็น
พระพทุ ธรูปไวป้ างตา่ งๆ ยนื ก็มี นอนสหี ไสยาสนก์ ็มี น่งั ขดั สมาธิ

12

เพชรก็มี น่งั แบบธรรมดากม็ ี ทนี ีพ้ อเราจะมาน่งั ขดั สมาธิเพชร
อย่างหลวงพอ่ เพชร หลวงพอ่ ขดั สมาธิเพชร ทาํ ไมไ่ ด้
พระพทุ ธรูปทองทา่ นยงั ทาํ ได้ แลว้ ทา่ นน่งั ไดน้ านกวา่ เราดว้ ย
ทา่ นน่งั ตลอดกาล ไมม่ ีกาลไมม่ ีเวลา เราทกุ คนใหม้ ีสตติ อ่ ไป
อยา่ ไดข้ าดสติ

สตินีม้ ีทงั้ อยา่ งหยาบ อย่างกลาง อยา่ งละเอยี ด สติในเวลา
ทาํ งานทาํ การ สตมิ ีในเวลาพดู จาปราศรยั จะตอ้ งมีสติควบคมุ
ไปวา่ มนั พดู เรอ่ื งกิเลสความโกรธ ความโลภ ความหลงอย่างไร
หรอื มนั พดู เพ่ือละกิเลสความโกรธ ความโลภ ความหลงก็ใหร้ ูไ้ ป
ขาดไมไ่ ด้ ขาดสติไมไ่ ด้ เด๋ียวนีจ้ ิตใจมนษุ ยค์ นเรามนั ขาด จงึ ไม่รู้
วา่ ทาํ บาปอยา่ งไร ทาํ บญุ อย่างไร ไม่รูจ้ กั บาป อาศยั กิเลส
เกิดขนึ้ อยา่ งไร ก็ทาํ ไปพดู ไป โลกภายนอกจงึ ไดว้ นุ่ วาย
เดือดรอ้ น เพราะมนั ขาดสติ โลกภายใน นกั พรต นกั บวช ผู้
ปฏิบตั ิ ผตู้ งั้ ใจ ภาวนาหลบั ตามนั ก็ยงั มีงว่ งเหงาหาวนอน เรานี้
แหละคือวา่ มนั ยงั ไมไ่ ดเ้ ตรยี มเลกิ ละ

13

ตอ่ ไปใหเ้ ราทกุ คนเตรยี มเลกิ เตรยี มละมนั เสยี ที อยา่ ปลอ่ ย
ใหม้ นั มาย่าํ ยหี วั ใจเรา มนั เหยียบย่าํ มานานแลว้ กิเลสความ
โกรธ มนั ครอบกาย วาจา จติ ของเรามาตงั้ แตเ่ อนกชาตมิ าแลว้
เรายงั จะไปโกรธตามมนั ไปรึ ยงั จะถือวา่ ความโกรธเป็นตวั เป็น
ตนของเราอยรู่ ึ ยงั ไมเ่ หน็ วา่ ความโกรธนนั้ เป็นอาํ นาจ มีอาํ นาจ
ใหญ่รึ ตอ้ งภาวนาดใู หร้ ูแ้ จง้ ดว้ ยสตปิ ัญญาของตวั เอง ไม่ใชผ่ อู้ ่นื
พิจารณาให้ ตวั เองตอ้ งพจิ ารณาตวั เอง ภาวนาดกู ายดใู จ ดู
ความประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องตวั เอง อะไรผดิ อะไรถกู อะไรดี อะไร
ไมด่ ี สว่ นใดไมด่ ี ทา่ นเรยี กวา่ บาป อยา่ ไปทาํ สว่ นใดทาํ ดีทา่ นวา่
บญุ ใหท้ าํ นีต้ อ้ งทาํ ประกอบ ส่ิงใดท่ีเป็นบาปเป็นอกศุ ลเราตอ้ ง
ละตอ้ งเลกิ ตอ้ งรูไ้ วด้ ว้ ย รูไ้ วก้ ่อนวา่ ทาํ อยา่ งนนั้ เป็นทาํ อย่างนนั้
เป็นบาป พดู อย่างนนั้ เป็นบาป คิดอย่างนนั้ เป็นบาป ลมื สติเป็น
บาป ขาดสตเิ ป็นบาป มีสตเิ ป็นบญุ สติตวั เดยี วน่นั แหละสาํ คญั
ถา้ มีสตขิ นึ้ มาเม่ือใดเวลาใด เวลาปฏบิ ตั บิ ชู าภาวนา มนั มีอยทู่ กุ
อิรยิ าบถ ยืน เดิน น่งั นอน มอี ย่ทู กุ ลมหายใจ เรยี กวา่ มีเวลาทาํ

14

ความดไี ดท้ กุ เวลา ช่วั โมง นาที วนิ าที เป็นเวลาทาํ ความดี
ภาวนาไดท้ งั้ นนั้

แตน่ ่ีคนเรามนั ไม่มีความสนใจ ไม่มีความตงั้ ใจ จงึ ปลอ่ ยให้
ความง่วงเหงาหาวนอนเขา้ มาทบั ถมจติ ใจ ทาํ อะไรก็จะเอาแต่
หนา้ เอาแตต่ าเอาแตช่ ่ือแตเ่ สียง ไม่เอามรรคผลนิพพาน มรรค
ผลนิพพานอยทู่ ่ีไหน มรรคผลนิพพานก็อยทู่ ่ีกาย วาจา จติ ของ
คนเราทกุ คน จะไปหามรรคผลนิพพานท่ีอ่นื นะ่ ไมม่ ี ไม่เห็น ไม่
เขา้ ใจ มนั มีอย่ทู ่ีกายวาจาจติ ของคนเรา ถา้ คนเราตงั้ อกตงั้ ใจ
ภาวนาจรงิ ๆ มรรคผลนิพพานมนั จงึ จะเกดิ มีขนึ้ เม่ือคนไม่ทาํ ไม่
ปฏบิ ตั ิปลอ่ ยปละละเลย มีแตพ่ ดู มีแตค่ ยุ กนั ในสงิ่ ท่ีไมเ่ ป็น
สาระประโยชน์ ทาํ อะไรสง่ิ ท่ีไมด่ ที งั้ มวลน่นั แหละ มนั เป็นอวิชชา
ทาํ ดว้ ยอวิชชา ความไม่รู้ พดู ดว้ ยอวิชชา ความไม่รู้ เวลาพดู คดิ
ดว้ ยอวิชชาความไม่รู้ คิดเรอ่ื ยเป่ือยไป ไมค่ ดิ อย่ใู นกายในจิต ไม่
คิดภาวนาทกุ ลมหายใจเขา้ ออก ไม่เตอื นใจของตนนนั้ ใหไ้ ดท้ กุ
ลมหายใจเขา้ ออกวา่ เราเกิดมาแลว้ นะ่ มนั ขยบั เขา้ ไปสคู่ วาม

15

ตายทกุ เวลา เวลาความตายมาถงึ เขา้ เวลามนั จะเจ็บไขไ้ ดป้ ่วย
ขนึ้ มา มนั มีไดท้ กุ เวลา

เพราะเราไม่ตงั้ ใจ ไมเ่ จรญิ ภาวนา น่งั อยดู่ ๆี ก็มีตะขาบมา
กดั หรอื ตวั เองไปจบั ตะขาบ ไม่ระมดั ระวงั มนั ก็กดั เอา จะไปติ
วา่ ตะขาบไมด่ ี ไมไ่ ด้ ตะขาบมนั ดี มนั ยงั เตอื นใหเ้ รารูว้ า่ ใครอย่า
ไปนอนเฉยๆ ไมส่ วดมนตว์ ริ ูปักเข ไมภ่ าวนาพทุ โธในใจ จติ ใจ
ไมส่ งบระงบั ก็ไปนอน อนั นนั้ แหละ ตะขาบมนั จะกดั ทกุ คนแหละ
เพราะคนเรานอนหลบั นนั้ เหมือนกบั ตาย ทา่ นวา่ งมู าก็กดั ได้
เสอื มาก็กดั กินได้ ตะขาบมามนั กก็ ดั ได้ นอนไมภ่ าวนา นอนไม่
สวดมนต์ นอนไม่เจรญิ วริ ูปักเข วริ ูปักเขนะ่ เป็นคาถา
พระพทุ ธเจา้ สอนไว้ ถา้ ผใู้ ดเจรญิ บอ่ ยๆ ภยั อนั ตรายจะไมม่ ี ไม่
วา่ ภยั อนั ตรายจะเกิดมาจากคน จากสตั ว์ จากอะไรก็ตาม วริ ูปัก
เข ใหเ้ จรญิ ไมใ่ ช่วา่ ตะขาบกดั แลว้ เราก็มาเจรญิ ภายหลงั หรอื
วา่ ตะขาบกดั มือแลว้ มาเจรญิ วิรูปักเขหิ เม เมตตงั เป่า มนั ไม่ได้
หละ มนั เป็นผลแลว้ ผลเจบ็ ผลทกุ ขม์ าถึงแลว้ ตอ้ งทาํ ไวก้ ่อน
ระมดั ระวงั ไวก้ อ่ น เจรญิ ไวน้ กึ ไว้ วา่ ตอ้ งหาเวลา นกึ ไดเ้ จรญิ ได้

16

เม่ือใดเวลาใดถือวา่ เป็นสริ มิ งคลแก่ตวั เราทกุ คน เป็นเกราะแกว้
ปอ้ งกนั เจด็ ชนั้ ภยั อนั ตรายตา่ งๆเขา้ มากลา้ํ กรายรูปขนั ธ์
รา่ งกายไม่ได้ ฉะนนั้ คาถาในทางพระพทุ ธศาสนาเราไดจ้ ดจาํ
อะไร ทา่ นจงึ ใหส้ วดใหเ้ จรญิ ไว้ มนั เป็นสริ มิ งคลทงั้ ตนและ
บคุ คลผอู้ ่ืนดว้ ย

แตค่ นเรามนั มองไมเ่ หน็ เขา้ ใจไมถ่ กู จงึ ไม่มีศรทั ธาท่ีจะ
เจรญิ ท่ีจะประกอบกระทาํ ใหเ้ กิดใหม้ ีขนึ้ เลยมีแตจ่ ะคอยทา่ เอา
รอทา่ เอา เม่ือใดมนั จะเกิดมีขนึ้ บญุ อยา่ งนนั้ ความสขุ อยา่ งนนั้
สบายอยา่ งนนั้ เม่ือใดมนั จะมาเกิดมีขนึ้ เม่ือใดมนั จะมขี นึ้ ในตวั
เราเอง มนั คอยท่าเอา แบมอื รบั อย่างเดียวไม่ได้ ตอ้ งประกอบ
กระทาํ สง่ิ ทงั้ หลายมาจากกรรมดกี รรมช่วั ตวั กระทาํ ทงั้ นนั้
แหละ แตว่ า่ เพราะอวชิ ชาความไมร่ ูข้ าดสติ ขาดสมาธิ ขาด
ภาวนา มนั จงึ ไมร่ ูไ้ ม่เขา้ ใจ เม่ือไม่รูไ้ ม่เขา้ ใจ มนั ก็หลงใหลไป
ตามอาํ นาจกิเลส กิเลสอนั ใดมนั ผลบุ โผลข่ นึ้ มา มนั ก็ไปตาม
กิเลส เพราะไมต่ งั้ ใจ ไม่รวมใจลงไปในเวลาปัจจบุ นั อยู่

17

ถา้ รวมจติ รวมใจเป็นปัจจุบนั ธรรม จะอยทู่ ่ีไหนก็ตาม อยู่
ในกายวาจาจติ ของตน ตงั้ แตเ่ กิดจนตายนะ่ ไมต่ ายเม่ือใด จะ
ออกรา่ งกายนีไ้ ปท่ีอ่ืนไม่ได้ ก็ใหถ้ ือวา่ มีกาย มีจติ มีชีวติ มีลม
หายใจอยู่ กน็ ่นั แหละ สมาธิภาวนา ประมาทไม่ได้ อะไรตอ้ ง
ประกอบกระทาํ อย่เู สมอๆ สตคิ วามระลกึ ได้ ไม่ใชว่ า่ มนั เป็นตวั
เป็นตนเป็นกอ้ นเป็นหน่วยอยู่ เหมือนวตั ถภุ ายนอก ไมใ่ ช่อยา่ ง
นนั้ มนั เป็นการเจรญิ เป็นการนกึ เป็นการนอ้ ม เป็นการกราบ
เป็นการไหว้ ไหวพ้ ระพทุ ธเจา้ ในใจ ไหวพ้ ระธรรมในใจ ไหวพ้ ระ
อรยิ สงฆส์ าวกในจิตในใจ เรากราบไหวภ้ ายในจิตใจอยู่ เรา
เจรญิ อยู่ นกึ อยู่ เตอื นใจของเราอย่ทู กุ เวลา น่นั จงึ ช่ือวา่ สาวโก
สาวกของพระพทุ ธเจา้ นนั้ ทา่ นไมน่ ่งั อยดู่ ว้ ยความประมาท น่งั ท่ี
ไหนทา่ นก็ใหถ้ ือวา่ เป็นน่งั ภาวนา ยืนอยทู่ ่ีไหนท่านกถ็ ือวา่ เป็น
ยืนภาวนา เดนิ ไปมาท่ีไหนทา่ นก็ใหถ้ ือวา่ การเดนิ ไปนนั้ เป็นการ
เดินจงกรมภาวนา แมไ้ ปรถไปเรอื ไปไหนกต็ าม ก็ตอ้ งภาวนาไป
ทกุ อริ ยิ าบถ คอื ไม่ใหใ้ จเราวา่ งหลงใหลไป ใหด้ วงจติ ดวงใจมีสติ
อย่ทู กุ เวลา มสี มาธิ มีความตงั้ ม่นั เป็นตวั เป็นตวั ตนของตนอยู่

18

ทกุ เวลา ไมใ่ หจ้ ติ ใจเล่อื นลอย พดู มากปากเปียก คนพดู มาก
ปากเปียกใชไ้ มไ่ ด้ จงเป็นคนพดู นอ้ ย พดู ดว้ ยการมีสติ พดู ดว้ ย
การมีสมาธิ พดู ดว้ ยการมีปัญญา พดู ดว้ ยการมีความเฉลียว
ฉลาด ความรอบรูใ้ นกองสงั ขาร

เหตนุ นั้ หดั ใจฝึกใจ หดั ตวั ฝึกตวั คาํ วา่ ฝึกฝนอบรม มนั หมด
ทกุ อยา่ งน่นั แหละ กายก็ฝึก วาจาก็ฝึก จติ ก็ฝึก ฝึกแหละ ทา่ น
ใหน้ กึ พทุ โธๆ คอื ถา้ นกึ พทุ โธไดท้ กุ ลมหายใจ จิตใจมนั ก็ดขี นึ้ สติ
มนั ก็ดีขนึ้ สมาธิก็ตงั้ ม่นั ขนึ้ เม่ือสมาธิตงั้ ม่นั มนั ก็มองเหน็ ในจติ
ในใจของตวั เอง อะไรผิดอะไรถกู อะไรรา้ ยดี มนั ขนึ้ อยใู่ นจติ ใจ
นนั้ ทงั้ นนั้ เหตนุ นั้ การน่งั สมาธิภาวนา เราจะมาถือการน่งั อย่าง
เดียวไม่ได้ ทกุ อริ ยิ าบถ ยืน เดนิ น่งั นอน ก็ภาวนาได้ เหตนุ นั้
พระพทุ ธเจา้ พระองคเ์ ป็นสพั พญั �พู ทุ ธะ พระองคร์ ู้ ท่านวา่ ไม่
วา่ จะภาวนาบทใด ขอ้ ใด ธรรมขอ้ ไหนก็ตาม ถา้ นกึ ไดเ้ จรญิ ได้
ทกุ ลมหายใจ หรอื เหมือนกบั ลมหายใจแลว้ น่นั แหละจะเขา้ ใจใน
ธรรมปฏิบตั ิ ไมใ่ ช่มนั อยทู่ ่ีอ่นื อยทู่ ่ีประกอบกระทาํ ระลกึ อยู่
เสมอ

19

น่ีเป็นอบุ ายในทางพทุ ธศาสนา เม่ือวา่ เราท่านทงั้ หลายพา
กนั ไดย้ ินไดฟ้ ังแลว้ วา่ ก็ใหก้ าํ หนดจดจาํ นาํ ไปประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ก็
คงไดร้ บั ความสขุ ความเจรญิ เอวงั ก็มีดว้ ยประการะฉะนี้

ท่ีมา: https://youtu.be/feck3wOz-fI

20


Click to View FlipBook Version