The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ป่าช้าในกาย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-01-22 10:09:17

ป่าช้าในกาย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

ป่าช้าในกาย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

Keywords: ป่าช้าในกาย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

ป่ าช้าในกาย
ขอนอบนอ้ มแดพ่ ระผมู้ ีพระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา้
พระองคน์ นั้ ตอ่ นีไ้ ปเป็นการปฏบิ ตั ิบชู าน่งั สมาธิภาวนา การ
น่งั ขดั สมาธิเพชรนนั้ ใหจ้ าํ ใหด้ ี แลว้ ก็ฝึกหดั ใหม้ นั ได้ เพราะวา่ สง่ิ
ทงั้ หลายนนั้ ตอ้ งอยทู่ ่ีการฝึกการหดั การดดั แปลง เม่ือเราฝึกหดั
ดดั แปลงไดแ้ ลว้ ก็เป็นท่ีสบายของเราน่นั เอง เม่ือถึงเวลาน่งั
สมาธิภาวนา ไม่วา่ ในกลางหม่คู ณะก็ตาม อยทู่ ่ีอย่อู าศยั ของตน
ก็ตามใหพ้ ยายามฝึกหดั น่งั คือเป็นของงา่ ยถา้ เราน่งั มนั เคยชิน
เอาขาซา้ ยขนึ้ มาทบั ขาขวากอ่ น แลว้ ก็เอาขาขวาขนึ้ มาทบั ขา
ซา้ ย เอามือขา้ งขวามาทบั มือขา้ งซา้ ย เม่ือตงั้ ใจทาํ จรงิ ๆ เรยี กวา่
สบายมาก ไมย่ งุ่ ยากประการใด
พระพทุ ธเจา้ ของเราพระองคเ์ ป็นลกู ทา้ วพระยามหากษัตรยิ ์
ถา้ จะยดึ ถือแลว้ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นยดึ ถือก่อน ขตั ติยมานะ
ขตั ตยิ ะทิฐิ พระองคเ์ ลิกละออกไป พระองคก์ ็น่งั ขดั สมาธิเพชรได้
โดยไม่ตอ้ งลาํ บาก คอื ใจมนั ยอมเทา่ นนั้ หละ เราทกุ คนไม่วา่ จะ
ทาํ อะไรก็ตอ้ งใจมนั ยอม หรอื วา่ ใจเกิดศรทั ธา ทกุ สิง่ ทกุ อย่าง

1

ตอ้ งเกิดศรทั ธาขนึ้ มาจงึ ทาํ ไดป้ ฏิบตั ิได้ ถา้ ไมเ่ กิดศรทั ธา จิตมนั
ก็คดั คา้ นในตวั อยู่ ตอ้ งสรา้ งศรทั ธาขนึ้ มา ศรทั ธาทา่ นแปลวา่
ความเช่ือ ศรทั ธาความเช่ือ ศรทั ธาความเล่อื มใสในการ
ประพฤติปฏิบตั ิ เม่ือเราเช่ือแน่วา่ พระพทุ ธเจา้ พระองค์
น่งั ขดั สมาธิเพชรใตร้ ม่ ไมโ้ พธิ์ ผินหลงั ใหต้ น้ ไมโ้ พธิ์ ผนิ หนา้ ไป
ทางทิศตะวนั ออก พระองคน์ ่งั ขดั สมาธิเพชร เม่ือน่งั ขดั สมาธิ
เพชรแลว้ ท่านก็ตงั้ จติ ตงั้ ใจลงไป วา่ การน่งั สมาธิภาวนาครงั้ นี้
จะมาใหเ้ ป็นครงั้ สดุ ทา้ ยในชวี ติ ถา้ หากวา่ น่งั สมาธิเพชรพรอ้ ม
กบั การปฏบิ ตั ภิ าวนาไมส่ าํ เรจ็ ดงั ความมงุ่ มาดปรารถนา คือ
พระองคต์ อ้ งการความตรสั รูพ้ ระอนตุ ตรสมั มาสมั โพธิญาณ แต่
ถา้ หากวา่ ไมเ่ ป็นการสาํ เรจ็ พระองคก์ ็จะเอาท่นี ่งั นนั้ แหละเป็นท่ี
ตาย ตายท่ืรม่ ไมต้ น้ นีแ้ หละ ไมโ่ ยกยา้ ยไปท่ีไหน

ถา้ เราฟังธรรมขอ้ นีใ้ หด้ ี ก็แสดงวา่ พระองคก์ ่อนท่ีจะไดต้ รสั
รูน้ นั้ คอื วา่ สละชีวติ ลงไป วา่ แมจ้ ะเลอื ดเนือ้ เชือ้ ไขจะเหือดแหง้
ไปเหลอื แตห่ นงั หมุ้ กระดกู ก็ตามที เราจะไม่ลกุ จากท่ีนีเ้ ป็นอนั
ขาด แสดงวา่ พระองคส์ ละชวี ิต ถา้ ไม่สาํ เรจ็ ไม่ไดต้ รสั รูเ้ ป็น

2

พระพทุ ธเจา้ พระองคไ์ มต่ อ้ งไปบิณฑบาตรมาเลีย้ งชีพอกี แลว้
จะใหเ้ ป็นครงั้ สดุ ทา้ ย น่นั แสดงวา่ พระพทุ ธเจา้ นนั้ ท่านทาํ จรงิ
นบั ตงั้ แตพ่ ระองคไ์ ดต้ งั้ ปณิธานความหมายม่นั เพ่ือพระ
โพธิญาณ จติ ใจของทา่ นก็ไมท่ อ้ ถอย ไมว่ า่ จะเกิดมาภพใดชาติ
ใด พระองคก์ ็มีความม่นั อกม่นั ใจในการทาํ บญุ ใหท้ าน ในการ
รกั ษาศีล ๕ ศลี ๘ ในการไหวพ้ ระสวดมนตเ์ จรญิ ภาวนา
พระองคต์ งั้ ใจประกอบกระทาํ ทกุ ภพทกุ ชาติ จนกระท่งั วา่ ชีวติ
แตกดบั ไปในชาติหนง่ึ ๆก็แลว้ ไป ถา้ เกิดมาชาติใหมไ่ มว่ า่ จะเป็น
คน เป็นเทวดา อินทร์ พรหม เป็นอะไรก็ตาม ท่านไมล่ ืมในทาน
ศลี ภาวนาของทา่ น ทา่ นทาํ จรงิ ทา่ นนกึ ทา่ นเจรญิ จรงิ เรยี กวา่
จติ ใจเชน่ นีห้ าไดย้ าก เม่ือพระองคไ์ ดต้ รสั รูแ้ ลว้ จงึ เป็นท่ี
สกั การะบชู าของมนษุ ยใ์ นสมยั นนั้ จนตอ่ มาถงึ สมยั นีก้ ็ยงั มีผู้
สกั การะบชู าคณุ พระพทุ ธเจา้ อยู่ ก็เพราะวา่ พระองคท์ า่ นทาํ จรงิ
ปฏบิ ตั จิ รงิ เอาจรงิ ส่ิงใดท่ีพระองคจ์ ะทาํ จะปฏบิ ตั ิแลว้ ส่ิงนนั้
ย่อมสาํ เรจ็ สาํ เรจ็ ไดด้ ว้ ยการกระทาํ ถา้ ไมก่ ระทาํ ไมม่ ีความ
พากเพียรพยายาม ไมว่ า่ กิจกรรมการงานใดๆในโลกนีโ้ ลกหนา้

3

ไม่สาํ เรจ็ ถา้ ไมท่ าํ ถา้ ลงมือทาํ ลงมือปฏบิ ตั แิ ลว้ แมจ้ ะไม่ไดม้ าก
ก็ไดน้ อ้ ย

การภาวนาในจิตในใจนีก้ ็เหมือนกนั เราตอ้ งตงั้ ใจรวมจติ
รวมใจเขา้ มาภายใน คือใหถ้ ือการเวลาปัจจบุ นั เป็นหลกั คาํ วา่
ปัจจบุ นั หมายถึงเด๋ียวนีข้ ณะนี้ กลางวนั ท่ีผ่านไปมาแลว้ นีค้ อื วา่
เป็นอดตี เป็นอดีตกาลลว่ งไปแลว้ ก็ไม่ตอ้ งมาคิดอีก สว่ นพรุง่ นี้
มะรนื นีเ้ ป็นอนาคตกาลก็ไม่ตอ้ งไปเป็นทกุ ขเ์ ป็นรอ้ น ทา่ นใหถ้ ือ
เวลานีบ้ ดั นีข้ ณะนีค้ อื ตวั ปัจจบุ นั ธรรม เม่อื ผใู้ ดรูธ้ รรมอนั เป็น
ปัจจบุ นั ธรรมแลว้ ยอ่ มไมห่ ว่นั ไหว เรยี กวา่ ตดั ขาดๆในท่ีนีๆ้ คาํ
วา่ ท่ีนี้ ท่ีนีๆ้ คอื จิตใจดวงท่ีมีความรูอ้ ยู่ ดวงจิตดวงใจท่ีมีความ
รูอ้ ยใู่ นปัจจบุ นั เด๋ยี วนี้ เวลานีน้ ่นั แหละ เรายกเอาจิตใจดวงนีม้ า
นกึ มาเจรญิ ขนึ้ มาในคณุ พระพทุ ธเจา้ แลว้ ท่ที ่านยอ่ มาจาก
พทุ ธคณุ มาเป็นพทุ โธคาํ เดียวเพ่ือสะดวกสบายในการนกึ การ
เจรญิ เม่ือเรานกึ ถงึ คณุ พระพทุ ธเจา้ พทุ โธ ก็ใหถ้ ือวา่ พระธรรมก็
ตอ้ งอยทู่ ่ีเดียวกนั พระสงฆก์ ็อยทู่ ่ีน่นั แหละ เรานกึ พทุ โธคาํ เดยี ว
ก็ใหใ้ จเราแนว่ แนไ่ มใ่ หม้ นั ไปทางไหน จะมคี วามปรุงแตง่ อะไร

4

เกิดขนึ้ ก็ละทิง้ ไม่ตามมนั ไป เอาสิง่ ท่ีเรานกึ เรานอ้ มอย่ใู หไ้ ดท้ กุ
ลมหายใจ หรอื ก็เหมือนกบั ลมหายใจเขา้ ไปออกมาอยา่ งนนั้
แหละ

การนกึ การเจรญิ การภาวนา ไม่ใหม้ ีความสงสยั ในสง่ิ ท่เี รา
นกึ เราเจรญิ นนั้ คือใหใ้ จของเราแนว่ แน่ม่นั คงลงไป พระพทุ ธเจา้
พระองคจ์ ะไดต้ รสั รูเ้ ป็นพระพทุ ธเจา้ ไม่ใชว่ า่ อยๆู่ กม็ าตรสั รูเ้ อา
เอง โดยท่ีไมไ่ ดท้ าํ บญุ ใหท้ านรกั ษาศลี ภาวนา ไม่ได้ พระองคท์ าํ
มาหมดทกุ อยา่ งทกุ ประการ ขนึ้ ช่ือวา่ บญุ ขนึ้ ช่ือวา่ คณุ งาม
ความดี พระองคไ์ ม่ไดท้ อดธรุ ะ ไมว่ า่ จะเกดิ ในชาตใิ ดภพใด
พระองคก์ ็ตงั้ อย่ใู นทานในศลี ในภาวนา มีจิตใจแนว่ แนม่ ่นั คง
อยา่ งนนั้ เม่ือมาปัจจบุ นั พระองคก์ ็ตงั้ ใจประพฤตปิ ฏิบตั ิ
จนกระท่งั วา่ กาํ หนดความลมุ่ หลงมวั เมาของพระองคแ์ กไ้ ขเลิก
ละออกไป ความมายดึ ม่นั ถือม่นั ในชาติในตระกลู พระองคก์ ็
แกไ้ ขออกไป ไมใ่ หม้ ีในใจของพระองค์ จติ ใจของพระองคช์ ่ือวา่
ปลอ่ ยวางได้ เราทกุ คนจะปลอ่ ยไดแ้ คไ่ หนเพียงใดก็ขนึ้ อยกู่ บั
การนกึ การเจรญิ การพจิ ารณาของเราน่นั แหละ ถา้ เราทกุ คนทกุ

5

ดวงใจมานกึ มาเจรญิ ใหล้ งสหู่ ลกั ปัจจบุ นั เด๋ยี วนีเ้ วลานีแ้ ลว้
จิตใจทกุ คนกย็ ่อมสงบระงบั ได้ เราไมต่ อ้ งไปสงสยั ในทาน ในศีล
ในภาวนาท่ีอ่นื คอื ถือกาลเวลาปัจจบุ นั น่ีแหละ ไมใ่ หจ้ ติ มนั
หวาดระแวงตอ่ ส่ิงใดๆ

คาํ วา่ ศีล ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศลี ๒๒๗ กไ็ มใ่ หม้ นั แสส่ า่ ย
ไปท่ีอ่นื ใหถ้ ือวา่ เวลานีเ้ ราไมไ่ ดไ้ ปฆา่ สตั วล์ กั ทรพั ยป์ ระพฤตผิ ดิ
ในกามกลา่ วมสุ าวาทหรอื กินสรุ าเมรยั ในหลกั ศลี ประเภทใดก็
ตามใหถ้ ือวา่ ปัจจบุ นั ท่ีเราน่งั ภาวนาอยู่ เราไม่ไดไ้ ปลว่ งเกินศลี
ขอ้ ไหน เราน่งั หลบั ตาภาวนานกึ พทุ โธๆอยู่ ก็ใหถ้ ือวา่ เด๋ยี วนี้
เวลานี้ ศีลวิสุทธิ ศีลบรสิ ทุ ธิ์ ก็คอื เราไมไ่ ดท้ าํ อะไรใหผ้ ดิ ศลี ผิด
ธรรมผิดคาํ ส่งั สอน จติ ตวสิ ทุ ธิ จิตบรสิ ทุ ธิ์ จติ จะบรสิ ทุ ธิ์ไดก้ ็อยทู่ ่ี
จติ เราสงบระงบั รวมจติ รวมใจเขา้ มาในหลกั ปัจจบุ นั นี้ ไมม่ ีความ
สงสยั ประการใด คือเราไม่ตามไปสอู่ ารมณก์ ิเลส ธรรมดาอาการ
ในจติ มนั หลงใหลไปตามอาํ นาจกิเลสความโกรธ มนั ก็สง่ แส่
ออกไปหาเรอ่ื งราวความโกรธนนั้ จติ ท่มี นั มีโลภะ ราคะ ตณั หา

6

มนั ก็แสส่ า่ ยออกไป ในขณะท่ีเราภาวนาไม่ใหม้ นั ไป ใหอ้ ยทู่ กุ ลม
หายใจ

พระองคว์ า่ ใหน้ กึ อยทู่ กุ ลมหายใจเขา้ และออก คาํ วา่ พทุ โธก็
ดหี รอื อบุ ายใดก็ตาม ใหน้ กึ ใหเ้ จรญิ ไดท้ กุ ลมเขา้ ออก หรอื วา่
หย่งั ลมหายใจเขา้ หายใจออกเสมอ สว่ นคนอ่ืนผอู้ ่นื เคา้ จะทาํ ไม่
ทาํ เคา้ จะละไม่ละเราไม่ตอ้ งไปสน เอาเรอ่ื งของตวั เองดีกวา่
เพราะวา่ ผอู้ ่นื จะไปทาํ จิตใจของผอู้ ่ืนใหบ้ รสิ ทุ ธิ์ยอ่ มไม่ได้ แม้
องคพ์ ระพทุ ธเจา้ ของเราพระองคก์ ็ทรงตรสั วา่ เราตถาคตเป็นแต่
ผตู้ รสั ผชู้ ีแ้ จงแสดงความจรงิ ไวใ้ หส้ าวกทงั้ หลายเทา่ นนั้ เอง สว่ น
สาวกของเหลา่ ตถาคตนนั้ จะตอ้ งจดจาํ เอาไปประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ
ทรมานส่งั สอนจิตใจของตน พรอ้ มดว้ ยกายวาจาจิต จนถงึ ขนั้
เลิกละกิเลส ราคะ โทสะ โมหะไดด้ ว้ ยตนเอง ไม่ใชเ่ ราตถาคตไป
ละกิเลสให้ ถา้ เราฟังคาํ ขอ้ นใี้ หด้ ี เราก็จะเขา้ ใจไดท้ ีเดยี ววา่
ความจรงิ มนั ตอ้ งเป็นเรอ่ื งของเราเทา่ นนั้ คนอ่ืนจะมาทาํ ผอู้ ่นื ให้
บรสิ ทุ ธิ์ไมไ่ ด้ พระองคเ์ ป็นผชู้ ีแ้ จงแสดงส่งิ ใดท่ีเป็นบาป ท่านก็
แสดงวา่ บาป อย่าไดท้ าํ เพราะวา่ บาปนนั้ เม่ือใหผ้ ล มนั มแี ตเ่ ร่อื ง

7

เดอื ดรอ้ น อยา่ ไปทาํ อกี ตอ่ ไป แมจ้ ะทาํ มาแลว้ ก็ตาม พดู มาแลว้
ก็ตาม คดิ มาแลว้ ก็ตาม อย่าไปทาํ อกี เป็นอนั ขาด เพราะวา่ บาป
นนั้ เม่ือมนั ใหผ้ ลก็ยอ่ มเดือดรอ้ นเม่ือภายหลงั เดือดรอ้ นตวั เอง
ไม่ใช่ไปเดือดรอ้ นพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆท์ ่ีไหน เราตอ้ งรู้
ในใจของเราได้ จงึ ใหร้ วมจติ ใจเขา้ มาตงั้ ม่นั ภายในใจของเราให้
ได้

ถา้ มนั เกิดสงสยั เรอ่ื งการทาํ บญุ ใหท้ านของตนเองก็ตาม ก็
ใหถ้ ือกาลเวลาปัจจบุ นั นีแ้ หละเป็นหลกั วา่ ทานมีมากนอ้ ยขนาด
ไหนเราก็ดใู จของเราน่นั แหละ ถา้ ใจของเรามีการเสียสละในส่ิงท่ี
เสียสละได้ เราก็เสียสละเรยี กวา่ ทาน ทานออกไป สละออกไป
แลว้ มนั กเ็ กิดเป็นบญุ เป็นกศุ ลในใจของเราน่นั เอง มนั ไมใ่ ชม่ า
จากท่ีอ่นื เม่ือเรารกั ษาศลี ไดแ้ ลว้ ศลี ท่ีเรารกั ษามนั กก็ ลบั เขา้ มา
สจู่ ิตใจของเราน่นั เอง ใหใ้ จนนั้ แหละเป็นสขุ สบาย เม่ือเราตงั้ จิต
ตงั้ ใจรวมจิตรวมใจลงไปในปัจจบุ นั จนจติ ใจสงบระงบั ตงั้ ม่นั ได้
ความสงบสขุ ในการภาวนาทาํ จิตทาํ ใจใหส้ งบนนั้ มนั ก็ไม่ไปท่ี
ไหนก็มาใหจ้ ติ ใจเราผภู้ าวนาผรู้ กั ษาศีลน่นั แหละ มีความสขุ จติ

8

สขุ ใจ มีความปิติยินดีในธรรมปฏบิ ตั ิ การท่ีเรามีชีวติ มาไดเ้ กิดใน
โลกยคุ นีส้ มยั นี้ ยงั มพี ทุ ธธรรมคาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ อยู่ อยใู่ น
พทุ ธศาสนาของพระองคอ์ ยู่ เราก็ใหท้ าํ ความปีตยิ นิ ดวี า่ การเกิด
มาชาตนิ ีเ้ ราไม่เสียที ไมเ่ สียทีท่ีเราเกิดมาเป็นมนษุ ยไ์ ดพ้ บ
พระพทุ ธศาสนา พรอ้ มดว้ ยการประพฤตปิ ฏบิ ตั ทิ ่ีเราตงั้ ใจ
กระทาํ อยู่ จนกระท่งั ถงึ ขนึ้ รกั ษา ศีล ๕ ศลี ๘ ศลี ๑๐ ศีล ๒๒๗
ตลอดจนการฟังเทศนฟ์ ังธรรมปฏบิ ตั บิ ชู าไม่ทอ้ ถอย สง่ิ เหลา่ นีก้ ็
คือวา่ แสดงถงึ วา่ บญุ กศุ ลของเรามีอยพู่ อแลว้

ยงั เหลือแตเ่ ราจะตอ้ งรวมจติ รวมใจใหม้ นั เป็นหนง่ึ ไม่ใหม้ นั
กระจดั กระจาย ใหม้ นั รวมเป็นกอ้ นเป็นหน่วย คือรวมจติ รวมใจ
เขา้ มาอยใู่ นกายในจิตของตวั เอง ไม่ตอ้ งใหใ้ จไปพะวา้ พะวงกบั
คนโนน้ คนนี้ ดใี จก็ไม่ใหด้ ใี จภายนอก เสียใจก็ไม่ใหไ้ ปเสียใจกบั
เร่อื งภายนอก เม่ือเราตงั้ จิตเจตนาในใจของเราแนว่ แน่ม่นั คงอยู่
ในจิตในใจแลว้ สงิ่ ภายนอกมนั ก็จืดไปเอง จางไปเอง ปลอ่ ยไป
เอง วางไปเอง เพราะจิตใจมนั รูเ้ ขา้ ใจ ทาํ อะไรมนั ก็มีความรูใ้ น
ใจของคนเราทกุ คน แตถ่ า้ เราทาํ ไมจ่ รงิ ไมส่ งบระงบั มนั ก็ไปอีก

9

เหล่ยี มหน่งึ แตถ่ า้ เรารวมใจเขา้ มาสหู่ ลกั ปัจจบุ นั คือในเวลานี้
เด๋ยี วนีแ้ ลว้ ก็จะเหน็ ทกุ ขเ์ หน็ โทษเหน็ ภยั ในรูปนามกายใจของ
เราทีเดียววา่ อนั ธรรมดารา่ งกายสงั ขารนีจ้ ะใหม้ นั อย่ดู สี บาย
จนกระท่งั วา่ ไมม่ ีเจ็บไขไ้ ดป้ ่วย ไมม่ ีแกช่ รา และไม่มีตายนนั้
เป็นไปไม่ได้ เพราะธรรมดาสงั ขารนีม้ นั เอามาใชช้ ่วั ระยะหนง่ึ
เท่านนั้ เอง ช่วั ระยะท่ียงั มีชีวติ อยู่ ชีวติ ของคนเราในระยะกาล
เด๋ียวนนี้ นั้ ก็ไมน่ าน คืออยใู่ นกรอบรอ้ ยปี รอ้ ยปีก็ไมค่ อ่ ยจะถึง
อยา่ งขนาดหนกั ก็หลวงป่แู หวน ก็ได้ ๙๙ปีเท่านนั้ ก็อยไู่ ม่ไดแ้ ลว้
พวกเราทงั้ หลายเขา้ ใจวา่ ยากจะถงึ ขนาดนนั้ ได้ เพราะรา่ งกาย
สงั ขารก็เต็มไปดว้ ยโรคภยั ไขเ้ จบ็ แลว้ จิตใจก็มีแตค่ วามทอ้ แท้
ออ่ นแอ สติก็ขาดไป สมาธิกข็ าดไป ปัญญาก็ยงั ไม่เตม็ ท่ี มีแต่
ความทอ้ แทอ้ อ่ นแอในหวั ใจ มีแตท่ างจะทอ้ ถอย อนั นีแ้ หละมนั
เรยี กวา่ ไม่แกก่ ลา้ เราตอ้ งทาํ เสมอๆใหม้ นั แกก่ ลา้ สามารถขนึ้ มา

ถา้ หากวา่ สงิ่ ใดเราสไู้ มไ่ ด้ เราก็หาทางอ่นื เหล่ยี มอ่นื สู้ อยา่ ง
บางคนน่งั มากก็มกั จะมีความงว่ งเหงาหาวนอน ก็อยา่ ไปน่งั มาก
ใหเ้ ดินจงกรม ยืนภาวนาหาทางแกไ้ ขทางอ่ืน จนกวา่ จะไดส้ ติ

10

สมาธิ ปัญญา เกิดขนึ้ ในจติ ในใจของตน เม่ือสมาธิภาวนา
เกิดขนึ้ ในจติ ในใจของตนแลว้ ความงว่ งเหงาหาวนอนมนั จะ
หายไปเอง ความโกรธมนั ก็คอ่ ยเบาบางไปหมดไปสนิ้ ไปโดย
ลาํ ดบั ความโลภะในจติ ก็จะไดเ้ บาไปบางไปหมดไปสนิ้ ไป
โมหะอวชิ ชา โมหะท่านแปลวา่ หลง อวชิ ชาแปลวา่ ไม่รู้ ผไู้ มร่ ูก้ ็
คือใจไม่ภาวนา ใจไมห่ ยดุ ใจไมอ่ ย่จู ติ ใจไม่รูภ้ ายในใจตวั เอง แต่
ไปรูใ้ จของคนอ่ืนไดว้ า่ คนนนั้ มีใจเป็นอย่างนนั้ คนนีม้ ีใจเป็น
อย่างนี้ อนั รูค้ นอ่นื ไมส่ าํ คญั ใหม้ ารูต้ วั เราเอง

กายเราเอง จติ เราเอง โดยเฉพาะคือรูปขนั ธ์ รา่ งกายของเรา
นี้ มีขา ๒ แขน ๒ ศรี ษะ ๑ ใหเ้ รามารูท้ ่ีน่ี มารูท้ ่ีน่ี มาเหน็ ท่ีน่ี มา
ภาวนาท่นี ่ี ดตู วั ของเราเองใหท้ ่วั ถงึ วา่ ภายในหนงั หมุ้ เขา้ ไปมี
อะไรบา้ ง เราเห็นตวั เราเหน็ แตผ่ ิวหนงั ภายนอก หรอื เหน็ คนอ่นื ก็
เห็นแตผ่ ิวหนงั ภายนอก ภายในเราไม่เหน็ เพราะเราไมเ่ อามานกึ
มาเจรญิ พจิ ารณาใหร้ ูใ้ หเ้ ขา้ ใจ ถา้ เรามานกึ นอ้ มดรู า่ งกาย
สงั ขารของเราทกุ คนแลว้ ไมว่ า่ เด็กหนมุ่ แกช่ รา ก็มหี นงั หมุ้ อยู่
เป็นสดุ รอบ หนงั หมุ้ อย่เู ป็นท่ีสดุ รอบ เรายงั ไมไ่ ดถ้ ลกหนงั ยงั

11

ไมไ่ ดล้ อกหนงั ตวั เราเอง ก็มกั จะเหน็ วา่ หนงั ของเรายงั สวยยงั
งามอยู่

แตถ่ า้ หากวา่ เราลอกหนกั ถลกหนงั ออก เหมือนชาวบา้ น
เวลาสตั วต์ าย เขาก็เอาหนงั ออก เม่ือเขาเอาปาดเอาหนงั ออก
แลว้ ก็จะเหน็ เนือ้ เม่ือเหน็ เนอื้ ๆน่นั แหละ เนือ้ กบั ผิวหนงั ไม่
เหมือนกนั คนเราถา้ เหน็ แตผ่ วิ หนงั ไม่เหน็ เนือ้ กเ็ ทา่ กนั กบั ไมร่ ู้
เพราะเนือ้ นนั้ มนั สนี า้ํ เลือด เลอื ดซมึ ซาบไปหมด ดเู วลาคนเรามี
อะไรมาถกู ตอ้ ง มีคราดจอบเสยี มกระทบเขา้ หรอื วา่ ของคมตา่ งๆ
มาโดนเขา้ ท่ีแขง้ ท่ีขาท่ีใดก็ตาม เลือดมนั จะไหลออกมา แลว้
เนือ้ มนั ก็แสดงใหต้ วั เราเห็น เป็นเนือ้ แดงไปไม่สวยงาม จะแตง่
อยา่ งไรๆมนั ก็ไม่เปล่ยี นท่ี เนอื้ มนั แดง เลือดมนั แดง เนือ้ ก็เลย
แดงไปหมด เวลามนั หยดลงมา ไหลออกมาก็แดงไปทีเดยี ว น่นั
แหละสเี ลือดเป็นสแี ดงเขม้ แสดงใหเ้ ราเหน็ วา่ ไมใ่ ชต่ วั เรา
มองเหน็ ผวิ หนงั ของเราโดยท่ไี ม่ไดถ้ ลกหนงั ออก ถา้ ถลกหนงั
ออกแลว้ คนเราหรอื วา่ ตวั เราเองก็ช่างเถอะ จาํ ตวั เราเองไม่ได้
เลย อนั นีจ้ าํ ผวิ หนงั ตา่ งหาก ผิวดาํ ผวิ ขาวอย่างไรก็จาํ ภายนอก

12

แตถ่ า้ ถลกหนงั ออกแลว้ จาํ ไม่ไดห้ ละ ยงั ไม่ถึงกระดกู หละ แคเ่ อา
หนงั ออกเทา่ นกี้ ็จาํ ไมไ่ ดแ้ ลว้ จาํ สไี มไ่ ดแ้ ลว้ สีใดหละ มนั เป็นสี
แดงไปหมด

ฉะนนั้ ตอ้ งกาํ หนดพจิ ารณาหาอบุ ายธรรมมาสอนตนใหไ้ ด้
สอนจติ สอนใจใหไ้ ด้ ทา่ นจงึ ใหภ้ าวนาบรกิ รรมบทนนั้ บทนี้
เพ่ือใหใ้ จสงบตงั้ ม่นั เม่ือจิตใจสงบตงั้ ม่นั ไดด้ แี ลว้ จะเอาบทใด
ขอ้ ใดธรรมอะไรมาพิจารณาก็แจม่ แจง้ ชดั เจนไดท้ งั้ นนั้ เพราะจติ
มนั หยดุ จติ มนั อยู่ จติ ไมไ่ ปท่ีไหน เม่ือจิตไม่ไปท่ีไหนน่นั แหละ
จิตใจมนั ก็ยอ่ มรูไ้ ดเ้ ขา้ ใจวา่ ชาติ ความเกดิ ขนึ้ มาแลว้ มนั มีการ
เจรญิ ขนึ้ เม่ือเจรญิ หมดขีดแลว้ มนั ก็ชาํ รุดทรุดโทรมแกช่ ราไป
ตามหนา้ ท่ีของสงั ขาร จิตใจของคนเราก็เป็นอย่อู ยา่ งนีเ้ ราตอ้ ง
กาํ หนดรูใ้ หแ้ จง้ ในใจใหเ้ หน็ ตามภาวะความเป็นจรงิ ความเป็น
จรงิ มนั เป็นอยอู่ ย่างไร ความเป็นจรงิ นนั้ ทา่ นวา่ รา่ งกายสงั ขาร
ของเรานนั้ ไม่ใช่เป็นของสวยสดงดงามอยา่ งชาวโลกเหน็

รา่ งกายสงั ขารนี้ พระพทุ ธเจา้ พระองคว์ า่ เป็นปฏกิ ลู คือวา่ ไม่
สวยไม่งาม ความจรงิ ในตวั เราก็เหมือนกบั ป่าชา้ ผีดบิ ทาํ ไมจงึ

13

วา่ เป็นป่าชา้ ผดี ิบ เพราะวา่ มนษุ ยค์ นเรานนั้ ตงั้ แตไ่ หนแตไ่ ร
มาแลว้ นบั แตป่ ่ยู ่าตาทวดเราทา่ นทงั้ หลาย เกิดมาแลว้ ก็ตอ้ งมี
อาหารหลอ่ เลยี้ งรูปรา่ งกาย ถา้ หากวา่ ทานแตข่ า้ ว กินแตข่ า้ ว
อยา่ งเดยี วมนั ก็ไมเ่ อรด็ อรอ่ ย มนั จะตอ้ งหาเนือ้ หาปลาหาสตั ว์
ตา่ งๆมาประกอบใหเ้ ป็นอาหาร แลว้ ท่เี รากลืนลงไปก็คอื กลืนลง
ไปในหลมุ ป่าชา้ น่นั เอง เราไปเหน็ ป่าชา้ ท่ีเขาเอาคนไปเผาไปฝัง
วา่ นนั้ เป็นป่าชา้ แลว้ การไปป่าชา้ กม็ กั จะกลวั ผี ความจรงิ นนั้ ใน
รา่ งกายเราน่ีแหละป่าชา้ ใหญ่ท่ีสดุ ใหญ่กวา่ ป่าชา้ ท่ีเราเหน็ เคา้
เอาไปฝังไปเผาคนนนั้ ป่าชา้ ตวั เรานีเ้ ป็นป่าชา้ ผีดบิ นบั ไมถ่ ว้ น
ไขม่ นั กินเขา้ ไปเท่าไร ปลามนั กนิ เขา้ ไปเทา่ ไหร่ ปมู นั กนิ เขา้ ไป
เทา่ ไร สตั วบ์ กสตั วน์ า้ํ มนั กินเขา้ ไปเท่าไร ใหญ่เทา่ ชา้ งมนั ก็เอา
มากิน ก็คือในทอ้ งในไสใ้ นตวั เรานนั้ มนั เป็นป่าชา้ ชา้ งกว็ า่ ได้ มา้
มนั กก็ ิน ววั มนั ก็กิน ควายมนั ก็กิน หมมู นั กก็ ิน เป็ดมนั ก็กนิ ไก่
มนั ก็กิน หา่ นมนั กก็ ิน กินหมดทกุ อยา่ ง จนนบั ไม่ถว้ น น่หี ละป่า
ชา้ ผีดบิ ผียงั ไม่ตายแตเ่ ป็นป่าชา้ จนนบั ไม่ถว้ นท่มี นั กินลงไป

14

ส่ิงเหลา่ นีก้ ็ใหเ้ อามาคดิ มาอา่ นมาพิจารณาเตือนใจของ
ตวั เอง อย่าแตเ่ พียงวา่ มายดึ วา่ ตวั เราของเรา ตวั ขา้ ของขา้ ตวั กู
ของกู ขา้ เป็นนนั้ ขา้ เป็นนีไ้ มก่ าํ หนดพจิ ารณา กิเลสความโกรธ
ความโลภ ความหลงมนั ก็ลกุ ขนึ้ มาทาํ ใหจ้ ิตใจเราวา้ วนุ่ ไปหมด
ฉะนนั้ ผปู้ ฏิบตั ธิ รรมอยา่ เป็นคนจน อะไรๆก็ธรรมทงั้ นนั้ เกิดก็
เป็นธรรม แกก่ ็เป็นธรรม เจบ็ ก็เป็นธรรม ตายก็เป็นธรรม ตาย
แลว้ ก็เกิดมาก็เป็นธรรม ถา้ เราตงั้ จิตเจตนาใหด้ แี ลว้ น่ีแหละ
กอ้ นพระธรรม รูปนีก้ ็เรยี กวา่ รูปธรรม จติ ใจนนั้ ก็เป็นนามธรรม
รูปธรรม นามธรรม โดยสมมตุ ิก็วา่ เป็นตวั เราของเรา ทางวมิ ตุ ติ
แลว้ ทา่ นวา่ ไมใ่ ชต่ วั เราของเรา เพราะวา่ บอกไมไ่ ด้ วา่ ไมฟ่ ัง เกิด
มาแลว้ บอกไมใ่ หแ้ ก่มนั ก็แกไ่ ป บอกไม่ใหเ้ จบ็ มนั ก็เจ็บได้ เวลา
มนั จะแตกจะตายวา่ อย่าไปตายเลย ขา้ พเจา้ ยงั ไมอ่ ยากตาย มนั
ก็ตายไปไดเ้ หมือนคนทงั้ หลายเคา้ ตายไปใหเ้ ราเหน็ น่ีแหละผู้
ปฏิบตั ิภาวนา จงพากนั กาํ หนดพจิ ารณาใหร้ ูใ้ หเ้ ขา้ ใจภายใน
จติ ใจของเราอีกสว่ นหน่งึ ดงั แสดงมาก็สมควรดว้ ยกาลเวลา
เอวงั ก็มีดว้ ยประการฉะนี้

15

ท่ีมา: https://youtu.be/m7yMYBq-XT0

16


Click to View FlipBook Version