The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักการทำสมาธิ โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-17 20:59:41

หลักการทำสมาธิ โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

หลักการทำสมาธิ โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

Keywords: หลักการทำสมาธิ,หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

หลักการทาํ สมาธิ
หลวงป่สู วุ จั น์ สวุ โจ
ใครท่ีนาํ มาใชก้ บั จติ ถา้ เราจะตรวจดศู ีลก็เป็นกศุ ล ตรวจ
กาย ตรวจวาจา เม่ือเรารูว้ า่ กายของเราไมเ่ คล่อื นคลาดจาก
มรรค จากหนทาง วาจาของเราไมเ่ คล่ือนคลาดจากหนทาง นีก้ ็
เป็นความสงบอนั หน่งึ เป็นความดีอนั หนง่ึ สงบในทางอกศุ ลไม่
กอ่ กวน อกศุ ลทางกาย กายทจุ รติ ไมม่ ี วจที กุ จรติ ไมม่ ี คราวนมี้ า
ตรวจใจ ตรวจใจของเรา อกศุ ลท่ีเกิดขนึ้ ในใจท่ีจะขดั ขวางสมาธิ
ไมใ่ หส้ งบ กามะฉนั ทะ จิตมนั ปรุงมนั แตง่ รกเร่อื งไปตาม
กามารมณ์ ทางรูป ทางเสยี ง ทางกลนิ่ ทางรส คาํ วา่ กามารมณ์
ไม่ใช่เรอ่ื งเพศอยา่ งเดยี ว กามคุณ ๕ ตากบั รูป หกู บั เสยี ง จมกู
กบั กลน่ิ ลนิ้ กบั รส กายกบั สมั ผสั น่ี เรามีสติ เราเหน็ โทษ เหน็
ทกุ ข์ เห็นภยั ในอารมณท์ ่ีเกิดขนึ้ ไมใ่ หเ้ กิดปัญญา ใหเ้ กิดความ
มวั เมา เกิดความลมุ่ หลง ใหร้ ูผ้ ิด ใหค้ ิดผดิ ใหส้ าํ คญั ผิด มนั ไม่
ชอบ เม่ือเห็นทกุ ขท์ งั้ หลายก็มีอนั นีแ้ หละเป็นสมุทยั ความหลง
อนั นีแ้ หละเป็นตวั อวิชชา อวชิ ชา อาสวะ เม่ือเราตอ้ งการ

1

ทาํ ลายอาสวะ ก็ตอ้ งทาํ ลายความหลงอนั นี้ ตอ้ งทาํ ความรูค้ วาม
จรงิ ขนึ้ มา ระวงั จิตของเรา รกั ษาจติ ของเรา ไมใ่ หม้ นั ปรุงไปทาง
นนั้ ใหป้ รุงในทางมรรค

ถา้ จะคดิ ใหค้ ดิ ออกความดาํ รชิ อบ ดาํ รเิ นกขมั มะ คอื ออก
คือออกก็คือเห็นโทษรูปเสยี งกลน่ิ รสเน่ีย มนั ก็หมนุ อยา่ งนีแ้ หละ
ปัญญา ไมใ่ ชอ่ ่นื ไกล ออกจากสมทุ ยั น่ี ใหเ้ หน็ โทษสมทุ ยั ใหล้ ะ
สมทุ ยั ก็แปลวา่ มนั ออกจากกนั ใจกบั สมทุ ยั มนั ออกจากกนั
เรยี กวา่ ละบา้ ง ตดั บา้ ง ทิง้ บา้ ง ไมย่ ินดีบา้ ง แลว้ แตจ่ ะเรยี ก เขา้
สอู่ งคฌ์ าณได้ เขา้ สมาธิได้ ขนั้ สมาธิได้ ถา้ เราไม่เหน็ โทษอนั นี้
เราก็ตอ้ งพยายาม เม่ือจิตไมเ่ ขา้ สมาธิ ตอ้ งมีองคใ์ ดอนั ใด
อนั หน่งึ มาขดั ขวางในเวลาปัจจบุ นั ท่เี ราน่งั อยู่ เราก็ตรวจกามะ
ฉันทะ เม่ือชาํ ระแลว้ เราก็ตรวจพยาบาท มีอย่ใู นจิตใจหรอื ไม่
ปองรา้ ยสงิ่ ท่ีเราชอบไม่ชอบน่ี แทจ้ รงิ น่นั กามะฉนั ทะกบั
พยาบาทนีถ้ า้ เราเอาปัจจบุ นั ท่ีครูบาอาจารยท์ า่ นแกป้ ัจจบุ นั คือ
สิ่งท่ีเราชอบ ไม่วา่ สงิ่ ใดท่ีเราชอบมนั ก็ทาํ ใหจ้ ิตปรุงโนม้ ไป มี
อคตไิ ปแลว้ ตงั้ อยใู่ นความสงบไม่ได้ สงิ่ ท่ีไมช่ อบ เชน่ สมมตุ ิวา่

2

พอน่งั ไปไดค้ วามสบายสงบวเิ วก พอใจอนั นนั้ ก็หลบั ไปเลย น่กี า
มะฉนั ทะก็วา่ ได้ คอื มนั พอใจ หลบั ไปเลย

ทีนีพ้ ยาบาท พอน่งั ไป มนั เจบ็ มนั ปวดก็ฟงุ้ ซา่ นไปเลย ทา่ น
เรยี กอยา่ งหนง่ึ วา่ อภชิ ฌาโทมนสั คือใจไมด่ งึ เกิดฟงุ้ ซา่ นไป
เกิดพยาบาทขนึ้ มา เพราะฉะนนั้ พยาบาทกบั อทุ ธจั จะกกุ กจุ จะ
ฟ้งุ ซา่ นราํ คาญ มนั เป็นประเภทอนั เดยี วกนั ทีนีก้ ามะฉนั ทะกบั
ถนี มิทธะ ความหดหจู่ ิตไปหลง ไม่มีปัญญา เหน็ อนิจจงั เหน็
ไตรลกั ษณ์ เหน็ ทกุ ขงั เพราะฉะนนั้ ไมม่ ีอนั อ่ืนท่ีจะละนิวรณน์ ีไ้ ด้
นอกจากสติในปัจจบุ นั ในการบรกิ รรม อนั นีล้ ะไดท้ กุ อยา่ ง คือละ
น่ีไม่ใช่วา่ ตดั ขาดนะ ฌาณนพี้ งึ แตผ่ ่านไป แกเ้ ฉพาะหนา้ ๆ กา
มะฉนั ทะแกเ้ ฉพาะหนา้ พยาบาทก็แกเ้ ฉพาะหนา้ ถีนมทิ ธะอะไร
ก็แกเ้ ฉพาะหนา้ เอาปัจจบุ นั ท่ีเรยี กวา่ บรกิ รรมน่ีเอง

หากบรกิ รรมใหห้ นกั แนน่ ใหม้ ่นั คงอยตู่ ิดตอ่ เน่ืองกนั ไประยะ
หนง่ึ มนั ปักไปม่นั ไประยะหน่งึ แลว้ มนั ก็ผา่ นไปๆ จนจติ ได้
เขา้ ฌาณไดล้ ะเอียด ไดเ้ ขา้ ขนั้ สมาธิแลว้ มนั ผา่ นไปแลว้ น่ีความ
สงบ มนั ม่นั คง สตมิ นั ม่นั คงแน่นหนา ทนี ีต้ วั โมหะความเผลอ

3

ความหลงลืมท่ีเป็นปัจจยั ท่ีใหน้ วิ รณอ์ ่นื ๆเกิดมา มนั ก็เกดิ ไม่ได้
เพราะสติมนั เป็นธรรมปฏิบตั ิ เพราะกิเลสทงั้ หลายอาศยั ความ
เผลอ เหมือนกบั คนท่ีมาขโมยของอยา่ งนนั้ น่ะ อาศยั เจา้ ของ
เผลอ อาศยั เจา้ ของมืดไป อาศยั ท่ีมืด อาศยั คนไม่เหน็ อาศยั ท่ี
กาํ บงั หลบซอ่ น เวลาเราไมอ่ ยู่ เคา้ ก็ออกมาทาํ งาน กิเลส
ประเภทนีก้ เ็ หมือนกนั เพราะฉะนนั้ สตนิ ่ี บรกิ รรมภาวนาน่ีเพ่ือ
กาํ จดั นวิ รณน์ ่ีเอง เพราะเอาแตป่ ัจจบุ นั เม่ือนิวรณเ์ กิดไมไ่ ด้ สติ
กบั สมาธิกบั ความเพียรของเรามนั ทาํ งานรว่ มกนั อนั นีฝ้ ่ายกศุ ล
ความเพียรก็เป็นกศุ ลเจตสกิ สตกิ ็เป็นกศุ ลเจตสิก สมาธิก็จิต
เป็นท่ีตงั้ ตงั้ ม่นั ทาํ งานอย่ดู ว้ ยกนั

ความตงั้ ม่นั ถา้ หากวา่ เราบรกิ รรมพทุ โธ แลว้ ก็ไม่หานิมติ
ท่ีตงั้ ไม่ได้ ลมหายใจเขา้ ออก มนั ก็เขา้ ออกๆ มนั ตงั้ ไมไ่ ด้
เพราะฉะนนั้ เราจะสรา้ งสตกิ าํ หนดกายของเราทงั้ หมด คลา้ ยกบั
วา่ แบบหลวงป่ฝู ั้นทา่ นวา่ เปรยี บเหมือนหนิ ยาว เสาหนิ ยาวส่ี
ศอก ฝังแตส่ องศอก ยงั เหลอื สองศอก ลมมาจากทิศไหนๆก็ไม่
กระเทือน จะแรงขนาดาํ หนกไ็ ม่กระเทือน ไม่หว่นั ไหว คราวนีถ้ า้

4

เราตอ้ งตามจติ ตงั้ ม่นั เรากาํ หนดกาย กายมนั ไม่ไดค้ ดิ ใหน้ ่งั มนั
ก็น่งั อยู่ มนั ไมค่ ิดอะไร แลว้ กาํ หนดกายเหมือนกบั เสาหนิ จิต
ของเราก็เหมือนในเสาหนิ แลว้ สตกิ ็กาํ หนดรกั ษา ใหม้ ่นั อยใู่ นท่ี
น่นั เพ่ือใหไ้ ดน้ ิมิตก่อน

นิมติ ก็ตงั้ ใหม้ นั ม่นั คอื สมาธิแรกๆน่ีตอ้ งอาศยั นิมิต อาศยั
ภาพ แตภ่ าพมนั เป็นธรรม มนั เป็นกศุ ลธรรม เป็นเคร่อื งหมาย
เพราะฉะนนั้ บางแหง่ จงึ ตงั้ กสณิ สีขาวบา้ ง ปฐวีกสิณบา้ ง เอา
นา้ํ บา้ ง เอาไฟบา้ ง เอาสีตา่ งๆบา้ ง เพ่ือใหไ้ ดน้ ิมติ ไดภ้ าพ ใหม้ ่นั
น่ิง สง่ิ เหลา่ นนั้ ลว้ นมนั เป็นภาพเป็นนิมติ ได้ แตค่ รูบาอาจารย์
บางท่านน่ี สีขาวท่านก็เพง่ กระดกู ก็ได้ นะ สขี าว สีแดงกเ็ พง่
เลอื ดเพง่ เนือ้ ก็ไดภ้ ายใน เอาอยา่ งนนั้ ก็ได้ กาํ หนดเพง่ อยา่ งไหน
ก็ได้ เพง่ กระดกู ไปมนั ก็ไม่กระดกุ กระดิก มนั ไมไ่ ปไหน ตงั้
ตรงไหนก็อยตู่ รงนนั้ ถา้ เพง่ กระดกู ภายใน น่ีถา้ หากวา่ จติ สงบใน
กระดกู อนั นนั้ แลว้ เพง่ อนั นนั้ พอจติ รวมไปแลว้ มนั จะเห็นสงั ขาร
ไม่เท่ียงดว้ ย มนั จะเหน็ อสภุ ะก็ได้ มนั จะเหน็ ไมเ่ ท่ียงก็ได้ เห็น
กายนีแ้ ตกดบั เห็นกระดกู เป็นกองเนือ้ กองใหญ่ ก็เห็นรา่ งกาย

5

เป็นเรอื นของกระดกู เรอื นท่ตี งั้ ดว้ ยกระดกู ท่ีจติ อาศยั ถา้ มนั
เหน็ ชดั แลว้ กิเลสท่ีจะสรา้ งความยนิ ดีก็ไมม่ ีแลว้ กามะฉนั ทะไม่
ทราบจะมายนิ ดีอะไร โครงกระดกู โครงเนือ้ มนั พอใจอะไร โลภ
ไดว้ ตั ถขุ า้ วของมา ก็โลภมา เอามาทาํ อะไร พิจารณาเป็นธาตุ
แตกสลายไป ก็พิจารณาไปได้

เพราะฉะนนั้ ใหไ้ ดน้ ิมติ ไดภ้ าพซกั อย่างหน่งึ เป็นหลกั ใหจ้ ิต
มีท่ีตงั้ ท่ียดึ เหมือนกบั นิมติ กค็ ือสญั ญาน่นั เอง อสุภสัญญา
อนิจจสัญญา อาทนี วสัญญา บางคนกลวั วา่ สญั ญา มนั จะได้
สญั ญา เทจ็ จรงิ อนั สญั ญาในภาวนา สญั ญาก็เป็นนิมิตอนั คิดรู้
มนั ไมใ่ ชส่ ญั ญาน่ี ไอต้ วั นีต้ วั จติ มนั จะไดป้ ัญญา สว่ นสญั ญามนั
ก็สญั ญาอยใู่ นนิมติ มนั อนิจจงั ทกุ ขงั มนั จะละลายไปตามนมิ ิต
อนั นนั้ สญั ญา มนั ไม่ใช่ สญั ญาไตรลกั ษณน์ ่ีมนั ทาํ ใหจ้ ิตสงบจิต
บรสิ ทุ ธิ์ มนั ไมใ่ ช่สญั ญาท่ีเราไปยดึ ดว้ ยกิเลสเป็นผนู้ าํ ดว้ ยโมหะ
เป็นเจา้ เรอื นเป็นผนู้ าํ พารูพ้ าเหน็

ตอ้ งใหม้ นั มีหลกั เอาอะไรเป็นหลกั เอาอนิจจงั ก็ได้ วา่
อนิจจงั ก็มนั เป็นตวั ธรรมไมม่ รี ูป เราก็เอารูปของเราน่ีแหละ ตวั

6

ของเราน่ีแหละเป็นเคร่อื งหมาย น่ี อนิจจงั ถา้ เราไมเ่ หน็ ในรูป
ท่ีน่ีเราจะไปเหน็ ท่ีไหน ทกุ ขงั ถา้ ไมเ่ หน็ อยใู่ นรูปน่ีจะไปเหน็ ท่ีไหน
อนตั ตาถา้ ไม่เหน็ รูปนีจ้ ะไปเหน็ ท่ีไหน เพราะจติ สตขิ องเรามนั ยงั
ไม่ละเอยี ด พอไปเหน็ นามธรรมสว่ นละเอยี ดพอ เราก็ตอ้ งดอู นั ท่ี
ตาเหน็ จากภายนอก จาํ ได้ แลว้ ก็มาดภู ายใน มนั ก็เป็นอยา่ งนนั้
จรงิ ๆ ท่ีเราไดเ้ รยี นสรรี ะวทิ ยาในนีแ้ ลว้ เราก็พิจารณา เม่ือ
เห็นชดั แลว้ เราก็จะแยกไปวิปัสสนา มนั งา่ ย มนั สะดวก เรา
ตรงไหน ถามดู มนั ก็ไมเ่ หน็ เป็นเรา ของเราตรงไหน ก็ไมเ่ หน็
กองกระดกู มีแตท่ งิ้ เท่านนั้ ไมเ่ หน็ เอาซกั อย่าง เม่ือเหน็ แยกไป
เป็นเนือ้ เป็นหนงั มีแตข่ องทงิ้ ทงั้ นนั้ มนั กป็ ลอ่ ยวางได้ สละได้
อบุ ายตอ้ งอยา่ งนีถ้ า้ เราอยากพน้ ทกุ ขจ์ รงิ นะ

เรามีจิตศรทั ธาอยากจะพน้ ทกุ ข์ แตเ่ ราปฏิบตั เิ พียงวา่ มนษุ ย
สมบตั ิน่ี เราก็ภาวนาพอใหจ้ ิตเป็นกศุ ลมนั ก็ไดม้ นษุ ยสมบตั ิ
ไม่ใช่วา่ ไม่ไดอ้ ะไร การมาปฏบิ ตั ิ ไดเ้ กิดปัญญาเกิดฉลาดใน
มนษุ ยน์ ่ี อยใู่ นกามาวจรน่ี กามสุขน่ีพระพทุ ธเจา้ ก็เรยี กวา่ มีอยู่
กามสขุ ไมใ่ ชว่ า่ ไมม่ ี แตก่ ามสขุ นนั้ พระองคก์ ็พิจารณา พระองค์

7

ดแู ลว้ มนั เป็นสมทุ ยั ถา้ เราไปหลง ท่ีเราไดท้ กุ ขฆ์ า่ ฟันรนั แทงกนั
เบยี ดเบียนกนั โรคภยั ทงั้ หลายท่เี กิดขนึ้ เพราะอนั นีเ้ อง
พระพทุ ธเจา้ พระองคม์ ีคลา้ ยกบั วา่ ญาณดตู งั้ แตม่ นั ดีใจจนถงึ
เหน็ โทษ จนถงึ สดุ ทางของมนั พระองคไ์ ม่ไดด้ แู ตเ่ ฉพาะเหน็ ชอบ
แลว้ ก็ไปหลงเพียงแคน่ นั้ พระองคย์ งั ถามวา่ ทาํ ไมเราจงึ ชอบ
ทาํ ไมเราจงึ หลง ทาํ ไมเราจงึ ยินดี อนั นีม้ นั เป็นอะไร มนั ตอ้ งมี
ปัญหาในใจ เราก็ตามเร่อื งเหลา่ นีจ้ นใหม้ นั สดุ

ทีนีเ้ กลียดก็เหมือนกนั ทาํ ไมเราจงึ เกลยี ด เช่นวา่ ทกุ ขม์ นั
เกิดขนึ้ ในใจ เอ๊ะ ทาํ ไมใจของเรา ทาํ ไมถงึ มีอคติ อารมณช์ นิดนี้
ทาํ ไมมนั ถงึ ไมช่ อบ ก็หงดุ หงดิ ขนึ้ มา อารมณอ์ ีกอยา่ งหนง่ึ ทาํ ไม
มนั ถงึ ชอบ ทาํ ไมมีอคติ สงิ่ เหลา่ นีม้ นั อะไรกบั ใจ สงิ่ นนั้ กบั ใจเป็น
อะไรกนั ก็ดใู หม้ นั ชดั แยกกนั ดไู ปขนึ้ มา จะไดค้ วามรู้ ไดค้ วาม
ฉลาดจากความรกั และความชงั น่ีเอง

เพราะฉะนนั้ พระพทุ ธเจา้ พระองคท์ รงตรสั อยา่ งนา่ จบั ใจ
ตอนหน่งึ ท่ีวา่ ท่ีเราไดต้ รสั รูธ้ รรมก็เพราะของ ๓ อยา่ งเกิดขนึ้
หรอื มีขนึ้ เราจงึ ไดต้ รสั รูธ้ รรม จงึ ไดบ้ รรลธุ รรม ธรรมคาํ สอนของ

8

เราท่ีตงั้ อย่ไู ดน้ านก็เพราะธรรม ๓ อย่าง ธรรม ๓ อยา่ งคอื อะไร
บอกภกิ ษุทงั้ หลาย ธรรม ๓ อยา่ งคอื ชาติ ชรา มรณะ น่ี ธรรม
๓ อย่างนีเ้ ราจงึ ไดต้ รสั รูธ้ รรม ไดบ้ รรลธุ รรม ธรรมท่ีอยยู่ ืนยาวทกุ
วนั นีเ้ พราะมีธรรม ๓ อยา่ งเหลา่ นี้ พวกเราทงั้ หลายจงึ ไดศ้ กึ ษา
จงึ ไดม้ าปฏบิ ตั ิ จงึ ไดอ้ บรม เพราะชาติ เพราะชรา เพราะมรณะ
น่ี พระองคพ์ ดู อย่างนีเ้ ราลองเอาไปคดิ ลองดู ธรรมท่ีพระองคไ์ ด้
ตรสั รู้ จรงิ อย่เู พราะอะไร เพราะพระองคท์ งิ้ ราชสมบตั ิ ก็เพราะ
อนั นีเ้ อง เพราะไปเห็นคนแกช่ รา พระองคเ์ หน็ คนชราแลว้
พระองคก์ ็ไม่ไดห้ ยดุ แตเ่ พียงเห็นชราเทา่ นนั้ จติ พระองคก์ ็
ประหวดั ไปถงึ ตน้ ตอของความแกช่ รามาจากไหน กม็ าท่ีภพเกิด
น่ีเอง ถา้ ไมเ่ กิดแลว้ จะเอาอะไรมาแก่ ถา้ ไมเ่ กิดแลว้ จะเอาอะไร
มาตาย เม่ือพระองคต์ งั้ หลกั อนั นีแ้ ลว้ พระองคก์ ็ดาํ เนินการ
เรยี กวา่ วจิ ยั คอื ความสอดสอ่ ง เพราะฉะนนั้ ท่านจงึ จดั วา่
สัมมาทฐิ ิ เพ่อื หาความเหน็ ใหม้ นั ถกู ตอ้ ง ใหม้ นั ไดผ้ ลออกมาท่ี
ถกู ตอ้ ง

9

เม่ือพระองคไ์ ดผ้ ลถกู ตอ้ งแลว้ พระองคจ์ งึ จดั สัมมาทฐิ ิ
สัมมาสังกปั โป ปัญญาความเหน็ ตรงชอบ เพราะอะไร...เพราะ
อบรมจิตดว้ ยสัมมาวาจา สัมมากมั มนั โต สัมมาอาชีวะ อนั นี้
เอามาอบรมจติ ดว้ ย ถา้ อนั นไี้ มช่ อบ ไมถ่ กู ตอ้ ง มนั ก็เป็น
อปุ สรรคในการละ ความถอน สัมมาวายาโม สัมมาสติ
สัมมาสมาธิ พระองคเ์ ลือกสาํ คญั ๆอยา่ งรกั ท่ีสดุ เพราะทกุ ขภ์ ยั
ในวฏั ฏะ อารมณท์ ่ีเกิดขนึ้ ในจติ ท่ที าํ ใหท้ กุ ขเ์ กิดมนั มีมาก
ปัญญาของพระองคเ์ ทา่ นนั้ พระองคจ์ งึ สามารถบรรยตั ิมรรค ๘
ไดอ้ ย่างย่อ อย่างท่ีคนธรรมดาอยา่ งเราจะเขา้ ใจได้ รูไ้ ด้ ปฏบิ ตั ิ
ตามได้ พระองคย์ อ่ เขา้ มา ยอ่ เขา้ มาอกี มรรค ๘ ก็ กาย วาจา
ใจ ศลี สมาธิ ปัญญา มาอบรมกายวาจาใจ ของ ๓ อยา่ ง อบรม
๓ อย่าง

เพราะฉะนนั้ สมาธิตงั้ ม่นั ดกู ายเสยี ก่อนก็ได้ กายเป็นธาตุ
เปรยี บเหมือนเสาหนิ แลว้ ก็ตงั้ กาํ หนดเป็นเคร่อื งหมายใหเ้ ท่ยี ง
ไม่ใหจ้ ิตสง่ ไปท่ีไหน ใหอ้ ยใู่ นนีก้ ่อน จะบรกิ รรมอะไรก็ได้ ถา้ มนั
จะหลบั เราก็กาํ หนด โอภาสนิมิต ใหส้ วา่ งเหมือนกลางคนื

10

เพราะมนั หลบั มนั มืด ทาํ ความสวา่ งหมายสญั ญาโอภาส ทาํ
ความสวา่ ง จะไปฟงุ้ ซา่ นเราก็ยดึ กายคือหลกั น่นั เอง ไม่ไปไหน
หมุ้ อยนู่ ่ีแหละ ถา้ มนั จะกลวั ตายก็ อา้ ว ลมหายใจเขา้ ออกเรามี
อยู่ ไมต่ ายหรอก คนตายไมม่ ีลม ใหม้ นั ทนั กิเลสท่ีมนั อา้ งขนึ้ มา
มนั เช่ือวา่ ลมหายใจสบาย ไมเ่ หน็ ขดั ขอ้ งอะไรมนั ก็ไม่ตาย คน
ตายไมม่ ีลม มนั ไมท่ กุ ขห์ รอก ถา้ มีลมหายใจอย่าไปทกุ ข์ เม่ือไม่
ทกุ ขเ์ ราก็สงบละเอยี ดๆไป เราก็กาํ หนดใหม้ นั ตงั้ ม่นั ก่อน
เรยี กวา่ สมาธิ เหมือนกบั เสาท่ีวา่ นะ่ อยา่ เอาเหมือนกะเอาไมไ้ ป
ปัก ใสข่ ีค้ วายไมไ่ ด้ วางมือไม่ได้ วางมือกล็ ม่ น่ะ ไปหาหลวงพอ่
บวั บา้ นหนองแซงทา่ นกพ็ ดู อยา่ งเดยี วกนั สมาธิตอ้ งปักใหม้ ่นั
เราไปจบั หลกั อนั นนั้ ปฏิบตั มิ า อยา่ ทาํ หลวมๆทา่ นวา่

คลกุ คลชี ลุ มนุ วนุ่ วายกนั แตเ่ ชา้ จะน่งั สงบสบายๆก็ตอ้ งลกุ
จิตจะสงบจะสขุ จะสบายก็มีเครอ่ื งดดี เครอ่ื งเก่ียวขอ้ งใหไ้ ดล้ กุ
ไดไ้ ปไดท้ าํ น่งั อย่สู บายๆไม่ได้ เพราะอะไร เพราะขนั ธท์ ่เี รา
รบั ภาระ ถา้ ไมล่ กุ มาทาํ มนั ก็ย่งิ จะทาํ รา้ ยอกี เพราะทกุ ขค์ ือ
ความหิว ทนไมไ่ ด้ คาํ วา่ ทกุ ขม์ นั ทนไมไ่ ด้ เม่ือหิวขนึ้ มาจะไมใ่ ห้

11

กิน มนั ก็ตายจรงิ ๆ เรยี กวา่ ทนไมไ่ ด้ ไดก้ ินเขา้ ไปแลว้ ถา้ มนั ไม่
ย่อยกท็ กุ ขอ์ กี หรอื ถา้ ไมอ่ อกมา ไปกองอยนู่ ่นั ก็ทกุ ขอ์ กี การรู้
ทกุ ขท์ าํ ใหจ้ ิตใจของเราเป็นมชั ฌิมาปฏปิ ทา ไมห่ ลง ใหร้ ูค้ วาม
จรงิ จติ จะไม่ยดึ ม่นั ในสง่ิ ท่ีเป็นทกุ ข์ คาํ วา่ มชั ฌิมาน่ีจติ ของเรา
ไม่มีอคติ ไมม่ ีฉนั ทาคตใิ นขนั ธข์ องเรา รกั จนเกินไป โทสาคติ
บางทีก็โกรธ เวลาทกุ ขเ์ กิดขนึ้ เวลาไม่ดี ไดส้ ง่ิ ท่ีไมด่ ไี มพ่ อใจ
หงดุ หงิดในตวั ของเราเอง โทสาคตทิ ่ีในตวั ของเราเองจิตก็เลยตงั้
เท่ียงตรงไมไ่ ด้ มนั มีอคติ

ผตู้ อ้ งการความสงบภาวนาตอ้ งรูจ้ กั อคติ ๔ อยา่ งคอื
ฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ ภยาคติ ภยาคติน่ีมีอคตเิ พราะ
กลวั ไม่ใช่อคติกบั คนอ่ืน เราจะไปเพง่ เอาอคตกิ บั คนอ่นื อคติใน
ธาตใุ นขนั ธข์ องเราเองเน่ยี แหละ บางทีเรารกั ตวั เราเองจนเกินไป
จนสรา้ งความไมส่ งบ สรา้ งความมวั เมา สรา้ งความเพลดิ เพลนิ
ไม่เกิดปัญญา เราผิดก็เราเกลียดตวั เราเวลาไมด่ ี เวลาเจบ็ เวลา
ป่วยไมส่ บายเป็นไข้ หรอื มีเรอ่ื งปัญหาเกิดขนึ้ นอ้ ยใจทกุ ขใ์ จ
เสียใจตวั เอง โกรธ ความโกรธน่ีมนั มีอยู่ ๒ อยา่ ง ความโกรธถา้

12

หากวา่ เอาชนะได้ เราก็จะเอาชนะ ถา้ เอาชนะไม่ไดก้ ็เรม่ิ งอแง
ขนึ้ มา หดหู่ ทาํ ความนอ้ ยใจเสยี ใจ น่กี ็ลว้ นแตค่ วามโกรธ
เพราะฉะนนั้ ความโกรธก็มีอคตทิ าํ ใหจ้ ิตไมอ่ ยใู่ นทา่ มกลาง
มชั ฌิมาปฏิปทา หรอื ทาํ ใหจ้ ิตไมอ่ เุ บกขา เม่ือจติ มนั อเุ บกขา
ไมไ่ ดม้ นั ก็สงบไมไ่ ด้ เม่ือจติ มนั หว่นั ไหวเพราะความรกั ความ
โกรธกอ่ กวน โมหาคติ ความหลง อนั นีส้ าํ คญั มาก ไม่สามารถ
จะตงั้ สตติ งั้ สมาธิไดเ้ พราะความหลง หลงรกั หลงโกรธเน่ียแหละ
มนั สลบั กนั ในนีแ้ หละ หลงผดิ น่ีแหละ ภยาคตกิ ็กลวั อนั นีก้ ็ทาํ ให้
จิตหว่นั ไหวเหมือนกนั ความกลวั จะเป็นอยา่ งนนั้ กลวั อยา่ งนีใ้ ห้
เกิดวติ กกงั วลตา่ งๆ

อคติ ๔ อยา่ งนีแ้ หละก่อกวนจติ ใจของเราท่ีเราน่งั อยนู่ าน
ไม่ได้ สงบอยนู่ านไมไ่ ด้ ใหม้ ีความสขุ อยนู่ านไม่ได้ ใหห้ ว่นั ไหว
อย่ตู ลอด เพราะฉะนนั้ ผอู้ บรมจติ ก็ตอ้ งการสมาธิเพ่ือน่งั อยู่
สบายเพ่ือใหส้ งบสบาย ตอ้ งตรวจอคติทงั้ ๔ วา่ จิตเรามีอคติใน
ขนั ธข์ องเราหรอื ไม่ เช่นเราตรวจดรู ูปขนั ธ์ ตลอดถงึ ผวิ พรรณ
วรรณะ รา่ งกายทรวดทรง อาหารการกินทกุ สว่ นของรูป เรายดึ

13

เรารกั เราหลงรกั ตวั เราเองมากไปหรอื เปลา่ เคารพมากไปก็กลวั
จะแดดจะรอ้ นกลวั อยา่ งโนน้ กลวั อยา่ งนี้ กลวั จะหนาว กลวั จะ
โรค ทงั้ ๆท่ีมนั ไมเ่ ป็นอะไร เรากลวั ไปก่อนแลว้ ไม่ไดท้ าํ จิตท่ีควร
ทาํ ใหม้ ่นั คง เพราะโกรธก็เชน่ เดียวกนั เราโกรธเราเหยียดหยาม
ตวั เรามากไปหรอื เปลา่ เราเหยียดหยามดถู กู โกรธ ก็คิดไมพ่ อใจ
ในรูปในความเป็นอยขู่ องเรา ไมใ่ ชแ่ ตร่ ูปอยา่ งเดยี ว เราตรวจถึง
เวทนาคือความสขุ ความทกุ ข์ เรารกั ความสขุ มาก เราเกลียด
ความทกุ ขม์ าก กท็ าํ ใหก้ อ่ กวนจิตใจเหมือนกนั

เพราะฉะนนั้ ตอ้ งใชป้ ัญญาพิจารณา ความสขุ ความทกุ ขม์ นั
เป็นเวทนาขนั ธ์ ใหร้ ูว้ า่ เป็นอนิจจงั ทกุ ขัง อนัตตาเชน่ เดยี วกนั
กบั รูป ตอ้ งใหร้ ูเ้ ท่าสงิ่ เหลา่ นอี้ ีก สญั ญาขนั ธเ์ ราก็ตรวจดู
ความหมายความจาํ เราจะไปหลงผดิ หมายสวย หมายไม่สวย
หมายสกปรก หมายสะอาด หมายสขุ หมายทกุ ขต์ า่ งๆอนั นนั้
เกิดขนึ้ แลว้ เกดิ ความหว่นั ไหว ความจาํ ความหมายของเรา ตอ้ ง
ใหร้ ูเ้ ท่า ตรวจดสู งั ขารก็เหมอื นกนั จติ ท่มี นั ปรุงมนั แตง่ เราก็
ตรวจดจู ิตอีก มนั ปรุงหาอะไรแตง่ อะไร เม่ือเราตอ้ งการความ

14

สงบแลว้ เราก็พยายามท่ีจะปลอ่ ยวางสญั ญา สงั ขาร ตลอดถงึ
วิญญาณ ไมใ่ หม้ นั ซา่ นไปอย่างอ่นื ใหอ้ ยใู่ นอเุ บกขาทกุ สว่ น
อะไรเสนออะไรเขา้ อะไรมาปรากฏเขา้ มาเราก็ผ่านไป เราก็เฉย
ผา่ นไปๆ จิตกใ็ หอ้ ยกู่ บั ท่ีงานท่ีเราภาวนา เราเอาอะไรเป็นงาน
เอาลมหายใจเป็นงาน ก็ใหอ้ ย่ใู นงาน ไมท่ อดทิง้ งาน จะเป็นพทุ
โธก็อย่ใู นพทุ โธ อย่าทงิ้ พทุ โธ จะดอู าการในรา่ งกาย ๓๒ อย่าง
อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ เราก็ดสู าํ รวจดแู ลว้ เราจะยดึ อนั ไหน ดเู พง่ ดู
เราก็ยดึ จบั อนั ใดอนั หนง่ึ

โดยสว่ นใหญ่ในสมยั พทุ ธกาล ดตู ามตาํ รบั ตาํ ราโดยมาก
เคา้ ท่องอาการ ๓๒ จาํ ไดค้ ลอ่ งปากจนสามารถท่ีจะสรา้ งภาพ
ผม ก็สรา้ งภาพในใจใหป้ รากฏชดั ได,้ ขน ก็สรา้ งภาพในใจให้
ปรากฏชดั ได้ อาการ ๓๒ ใหม้ นั มีภาพมีนมิ ิตปรากฏในจติ ในใจ
แลวั เราก็เพง่ เพง่ ใหม้ นั อยู่ ไมใ่ หม้ นั เคล่ือนท่ี ใหม้ นั อย่ดู ว้ ย
ความสขุ เราก็ตงั้ ความหมายวา่ เราจะไดค้ วามสขุ เพราะไม่
วนุ่ วาย เพราะไม่กระทบกระเทือน เราก็จะไดส้ งบแนว่ แน่ ใหเ้ อา
อนั นีเ้ ป็นหลกั เราก็กาํ หนดเพง่ ดู ในขณะท่ีเพง่ อยนู่ นั้ เราก็เพ่ิง

15

ดว้ ยความรูส้ กึ วา่ ไม่ใชอ่ ตั ตา ไมใ่ ชเ่ ราไมใ่ ชข่ องใคร น่ีสกั แตว่ า่
ธาตุ แลว้ กาํ หนดไปๆ ผ่านไปเพง่ อย่ใู นนนั้ ดอู ย่ใู นนนั้ จติ เม่ือมนั
ขาดจากอารมณภ์ ายนอกท่ีมนั เคยคดิ เคยนกึ มนั ตดั ขาดไปแลว้
มนั ก็จะรวมพลงั อยใู่ นงานท่ีเราทาํ โดยเฉพาะโดยจาํ กดั ถา้ มนั
ทาํ งานโดยเฉพาะแลว้ มนั จะเปล่ยี น รูส้ กึ ทนั ที ตวั เบาทนั ที
แมแ้ ตเ่ ราเดนิ อย่างตรงเหมอื นกนั ถา้ มนั ตรงอย่ใู นขอบเขต ไม่
ซา่ นไปท่ีอ่นื แลว้ การเดนิ ก็มนั ตวั เบา แลว้ มนั คลอ่ งตวั รูส้ กึ วา่ มนั
ไมเ่ หน่ือย เดนิ มนั ดดู ด่ืมทาํ ความเพียรใหไ้ ด้ อยา่ งเราจะยกเร่อื ง
อะไรมากาํ หนด มนั ก็เหน็ ชดั เหน็ ชดั จรงิ ใหเ้ กิดความเลอ่ื มใส
และความพอใจและสขุ ใจในงานท่ีเราทาํ ขนึ้ มา เห็นผลของงาน
ศรทั ธาของเราก็เพ่ิมขนึ้ อีก ความเคารพ ความออ่ นนอ้ มในธรรม
ในพระพทุ ธเจา้ ในพระธรรม พระสงฆก์ ็เพม่ิ ขนึ้ อกี น่นั ปฏบิ ตั ิ
ไดผ้ ล เกิดความสงบความสขุ

อนั นีต้ อ้ งนกั สงั เกต นกั สอดสอ่ งดใู จของเราวา่ มีอคตใิ นขนั ธ์
อนั นีอ้ ยา่ งใดอย่างหน่งึ หรอื ไม่ในอคติ ๔ อยา่ ง เรารกั มนั เกินไป
หรอื ไม่ หรอื เราชอบ หรอื เราเกลยี ด บางครงั้ ก็เกลยี ดเวทนา

16

อยา่ งนนั้ ชอบเวทนาอย่างนี้ เราก็ตรวจดวู า่ มีอคตหิ รอื ไม่ ถา้
อคตลิ าํ เอียงไปทางไหนจิตจะไม่เท่ียงตรงสงบไม่ได้ เพราะฉะนนั้
เราพยายาม สมยั ครงั้ พทุ ธกาล พระพทุ ธเจา้ พาประพฤติปฏิบตั ิ
เม่ือไดอ้ าหารพอสมควรแลว้ ก็แยกกนั อยใู่ นท่ีของเรา จะอยโู่ คน
ไม้ จะอย่เู รอื นบา้ น จะอย่เู ง่อื มผา จะอย่ตู รงไหนกพ็ อไดส้ ถานท่ี
แลว้ ก็อุชุกายงั ปะณธิ ายะ ตงั้ กายใหต้ รง ปะริมุขงั สะตงิ ให้
มีสติเฉพาะหนา้ กาํ หนดอาการ ๓๒ ทาํ ใหเ้ หน็ ความเส่อื ม ความ
เกิด ความดบั ของสงั ขารคือรา่ งกาย ใหเ้ หน็ ชดั และสงบอยู่ มี
วหิ ารธรรมความสงบความสขุ น่ีเป็นเคร่อื งอยู่ จติ ก็ผอ่ งใส เบกิ
บาน เม่ือจิตผอ่ งใส กายก็ผอ่ งใส กายก็มคี วามสขุ จติ ก็มี
ความสขุ ถา้ มีความสขุ อยไู่ ดด้ ว้ ยอย่างนีเ้ พราะไม่มีสง่ิ กอ่ กวน
ดว้ ยอบุ ายปัญญาอนั ชอบ ดว้ ยสตริ ะลกึ ชอบ ดว้ ยความเหน็ อนั
ชอบอนั ถกู ตอ้ งมาทาํ ใหไ้ ดผ้ ลขนึ้ มา เพราะฉะนนั้ ไดย้ นิ ไดฟ้ ังแลว้
ก็นาํ ไปปฏิบตั จิ ะไดป้ รากฏชดั ในตวั ของเราเอง เอา้ ตงั้ ใจรบั พร

17

ท่ีมา: https://youtu.be/PfUa3iTXIjE เรม่ิ นาทีท่ี 23.58 และ
ตอ่ ดว้ ย https://youtu.be/nmu-BNgpZF4 จบท่นี าทีท่ี 32.05

18


Click to View FlipBook Version