The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปฎิบัติให้พ้นทุกข์ในชาติปัจจุบัน โดย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-01-21 21:02:30

ปฎิบัติให้พ้นทุกข์ในชาติปัจจุบัน โดย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

ปฎิบัติให้พ้นทุกข์ในชาติปัจจุบัน โดย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

Keywords: ปฎิบัติให้พ้นทุกข์ในชาติปัจจุบัน โดย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

ปฎิบัตใิ หพ้ น้ ทกุ ขใ์ นชาตปิ ัจจุบนั
ณ บดั นี้ ถึงเวลาน่งั สมาธิภาวนา อยา่ มวั คดิ ฟงุ้ ซา่ นไปท่ีอ่ืน
ตงั้ ใจขนึ้ มา ตงั้ ตวั ตงั้ กาย ตงั้ หมดทกุ อยา่ ง ตงั้ แตด่ วงจติ ดวงใจ
ขนึ้ มา ใจของคนเรากบั รูปรา่ งกาย ใหม้ นั เป็นสามคั คี ทาํ อะไรให้
มนั พรอ้ มอยใู่ นใจ เม่ือใจตอ้ งการอยา่ งไร กายก็ใหเ้ ป็นอยา่ งนนั้
ดพู ระสาวกเจา้ ทงั้ หลายในครงั้ พทุ ธกาล ทา่ นท่ีบวชเรยี นเขียน
อา่ นเป็นภิกษุภิกษุณี สามเณร สามเณรี ทา่ นท่ีเป็นอบุ าสก
อบุ าสิกาสมยั โนน้ ทา่ นมีความหม่นั ความขยนั ไม่ทอ้ ถอย คาํ วา่
พทุ โธ หรอื พทุ ธคณุ ไมว่ า่ อยทู่ ่ีไหน มนั เจรญิ อย่ใู นใจ สวดในใจ
สวดทงั้ นอกทงั้ ใน ทา่ นเจรญิ ธรรมกมั มฎั ฐาน มีศรทั ธาแก่กลา้
อยา่ งสมยั พระพทุ ธเจา้ ของเรา เม่ือยงั มีชีวติ จติ ใจอยู่ ทา่ น
ไปเทศนแ์ สดงธรรมท่ีเมืองกรุ ูราช แสดงมหาสติปัฏฐาน มหาสติ
ปัฏฐาน ๔ กาย เวทธนา จติ ธรรม พระองคไ์ ปตรสั เทศนา
สอนคนเมืองนนั้ และเมืองกรุ ูราชนนั้ เป็นเมืองไม่ใหญ่เทา่ ไหร่
เป็นเมืองยงั ไมเ่ จรญิ เหมือนเมืองใหญ่ตา่ งๆในสมยั นนั้ แต่
ศรทั ธาญาตโิ ยมเล่อื มใสศรทั ธาในมหาสติปัฏฐาน ๔ ตาม

1

ตาํ นานญานหลวงป่มู ่นั ทา่ นวา่ หลวงป่มู ่นั ในเวลานนั้ ทา่ นก็ยงั
อยอู่ นิ เดียยงั เป็นแขกอนิ เดยี อยู่ เป็นคนเมืองกรุ ูราช แตเ่ ป็นคน
ชนั้ กลาง ไดเ้ หน็ พระพทุ ธเจา้ ไดก้ ราบไดไ้ หว้ ไดเ้ หน็ รศั มี ๖
ประการ ไดฟ้ ังธรรมเกิดศรทั ธาปสาธะ ความเช่ือความเล่อื มใส
อนั สงู สดุ ในเวลานนั้ จนไดต้ งั้ ใจวา่ จะเอาใหไ้ ดเ้ ป็นพระพทุ ธเจา้
อีกองคห์ นง่ึ ในอนาคตกาล แตก่ ็บาํ เพญ็ ทานรกั ษาศลี ภาวนา
พรอ้ ม จนกระท่งั เกิดตายๆ มา ๒๔๐๐ ปี จนมาเกิดอยใู่ น
ประเทศไทย อบุ ลราชธานี มาชาติปัจจบุ นั หรอื วา่ หลายชาติ
มาแลว้ ท่านก็ไดบ้ วชในศาสนา เม่ือมาบวชในศาสนาแลว้
ภาวนาจิตใจสงบระงบั ตงั้ ม่นั ในการภาวนาดีขนึ้ โดยลาํ ดบั จงึ มา
ถอน ถอนคาํ ปฏญิ าณในใจของตวั เองวา่ จะเอาเป็น
พระพทุ ธเจา้ นนั้ มนั กินเวลานาน ไดอ้ ยแู่ ตว่ า่ นาน จะไปนิพพาน
ในภพนีช้ าตินีไ้ ม่ได้ ท่านก็เลยหยดุ ไม่เอา เม่ือบญุ บารมีแก่กลา้
เหน็ ทกุ ขเ์ หน็ โทษเห็นภยั ในโลก ในวฏั สงสารนนั้ ตงั้ ใจปฏิบตั ิ
ภาวนา เอาพน้ ทกุ ขภ์ ยั ในโลกปัจจบุ นั น่ีเสยี

2

เราจงึ ไดเ้ หน็ หลวงป่มู ่นั ขยนั หม่นั เพยี ร มีความสามารถอาจ
หาญ การท่ีทา่ นมาเกิดในสมยั นี้ มาพาพระสงฆอ์ งคเ์ จา้
ประพฤตปิ ฏิบตั ิในการปฏิบตั ิธรรมกมั มฏั ฐาน ตลอดจนถงึ ขอ้
วตั รปฏบิ ตั ิตา่ งๆแตก่ ่อนนีม้ นั เส่อื มไปจนวา่ วดั ป่าก็ไมม่ ียงั เหลือ
แตว่ ดั บา้ น วดั บา้ นก็รอ่ แรเ่ ตม็ ที เม่ือหลวงป่มู ่นั มาบวชในศาสนา
เจรญิ ภาวนา ทา่ นก็แกไ้ ขใหม้ ีวดั ป่าขนึ้ ไมว่ า่ อยทู่ ่ีไหนก็เรยี กวา่
อยใู่ นป่า สรา้ งวดั ป่าขนึ้ มา แตก่ ่อนนีก้ ม็ ีแบบพระธดุ งคภ์ าค
กลาง เวลาจาํ พรรษาก็จาํ พรรษาวดั บา้ นธรรมดา ออกพรรษา
แลว้ ดนิ แหง้ กอ็ อกธุดงคแ์ บกกลดไหญ่ สะพายยา่ มไปภาวนา
ตามท่ีชอบใจ จะไปธดุ งคก์ ็ไป แตก่ ่อนๆมีอย่างนนั้ เม่ือหลวงป่ ู
ม่นั ทา่ นขยนั ภาวนา ทา่ นไม่เอาอยา่ งนนั้ ใกลจ้ ะเขา้ พรรษาก็ให้
จดั เสนาเสนะ ไม่ตอ้ งเอาหรูหรา เอาพอกนั ฝนกนั แดดกนั ลม
เป็นท่ีจาํ พรรษาช่วั ระยะเวลาไตรมาสสามเดอื น ใหญ้ าติโยม
ปลกู กระตอ๊ บกฏุ นิ อ้ ยใหอ้ ยู่ มีศาลาโรงฉนั มงุ หญา้ มงุ คาก็
พอแลว้

3

ทีนนั้ เม่ือทา่ นมาววิ ฒั นพ์ ฒั นาการมาได้ สมยั นีท้ างภาค
อสี านถา้ ไปท่ีไหนก็จะมีวดั ป่าอย่างวา่ น่ีแหละ แบบงา่ ยๆ แต่
สมยั นกี้ ็แบบใหญ่โตแบบอนั นนั้ มากขนึ้ มาแลว้ ลาํ บากหนอ่ ย
ถา้ ออกพรรษาแลว้ ท่านก็ออกพาเดินจงกรม พาไปธุดงคไ์ มใ่ หอ้ ยู่
ไปหาท่ีภาวนาท่ีภเู ขา ท่ีถา้ํ ท่ีวิเวก ท่ีไหนมกี ็ไปเจรญิ ภาวนา
ไม่ใหไ้ ปมาก ไปองคส์ ององค์ เพ่ือจะไดไ้ ปปฏบิ ตั บิ ชู าภาวนา
จรงิ ๆ เม่ือขดั ขอ้ งอยา่ งไรก็มาหาทา่ น มาหาครูบาอาจารยใ์ ห้
แนะนาํ ตกั เตือนแกไ้ ข ในชว่ งชีวติ ของทา่ นน่ีแหละก็เรยี กวา่
เจรญิ รุง่ เรอื งขนึ้ มาได้ ใหช้ ่ือวา่ พระวดั ป่าหรอื พระกรรมฐาน พระ
ธดุ งคท์ ่วั ไป หรอื อยา่ งเชียงไหม่ แตก่ ่อนยงั ไม่มีพระกรรมฐาน
พระธดุ งคก์ ็ขยายไม่ออก พระทางวดั บา้ นเขาไม่ยอม ไมย่ อมให้
มี กลวั จะไปทาํ ลายลาภสกั การะของเขา แตเ่ ม่ือหลวงป่มู ่นั และ
ลกู ศิษยห์ ลวงป่มู ่นั มามนั ขยายออกไปได้ มีวดั ป่าวดั กรรมฐาน
มากวดั ตอ่ ไป

เน่ียแหละอาศยั หลวงป่มู ่นั ทา่ นขยนั สมยั ทา่ นยงั มีชีวติ จติ ใจ
อย่ทู ่านไมท่ อ้ ถอย ภาวนาในป่าในถา้ํ ในท่วี เิ วก อีกอ้ มเู ซอท่ีไกลๆ

4

สงู ๆ ภเู ขาสงู ท่ีสดุ ท่านก็ไปอย่ไู ดเ้ พราะท่านมีความอดทน ทา่ น
ไมถ่ ือความสขุ สะดวกสบาย แมภ้ เู ขาสงู ขนาดไหนเวลาเยน็ ๆ
ค่าํ ๆท่านไปสรงนา้ํ ก็จะเอาบงั้ ไมไ้ ผส่ ะพายลงไป ไมล้ าํ ใหญ่ๆ ไม้
หกไมซ้ าง นอกจากสรงนา้ํ แลว้ ก็เอานา้ํ ขนึ้ มาใชใ้ นท่ีพกั อาศยั
สะพายขนึ้ มา ถา้ มีลกู ศิษย์ ลกู ศษิ ยจ์ ะชว่ ย ถา้ ไม่มีองคท์ ่านก็
หม่นั ขยนั ทาํ ได้ คือมีความเพียรความหม่นั ความขยนั เทา่ นนั้
แหละ มนั ทาํ ไดท้ งั้ นนั้ คอื ท่านไมม่ ่งุ เอาความสะดวกสบาย มงุ่
เอาประโยชนท์ ่ีไหนก็ตามใหม้ ีท่ีภาวนาเดนิ จงกรมปฏิบตั ิบชู า
ภาวนาไดเ้ ตม็ ท่ีเตม็ ฐาน ทา่ นเอาการปฏิบตั ิเป็นหลกั ถา้ หากวา่
เกิดเจ็บไขไ้ ดป้ ่ วยทา่ นก็มกั สอนวา่ ไมใ่ หน้ อนมากเกินไปใหเ้ ดนิ
จงกรมใหม้ าก น่งั สมาธิภาวนาและกเ็ ดนิ จงกรม เดนิ จงกรมแลว้
ก็ไหวพ้ ระสวดมนตน์ ่งั ภาวนาสลบั เปล่ียนแปลงไป เพ่ือรา่ งกาย
จะไดอ้ ย่ดู ีสบายจะไดป้ ฏิบตั ภิ าวนาตอ่ ไป อยา่ งท่ีเคยไดเ้ ลา่ วา่
ทา่ นเดินจงกรมก่อน ๒ ช่วั โมง ขนึ้ ไหวพ้ ระสวดมนต์ น่งั สมาธิ ๒
ช่วั โมงก็พอดี ๔ ทมุ่ ๔ ทมุ่ ทา่ นกจ็ าํ วดั จาํ ก็อย่ใู น ๔ ช่วั โมง
เทา่ นนั้ แหละ ตี ๒ ทา่ นก็ลกุ ขนึ้ มาเดนิ จงกรม ๒ ช่วั โมง ไหวพ้ ระ

5

๒ ช่วั โมง น่งั สมาธิไหวพ้ ระ ๒ ช่วั โมงก็พอดแี จง้ สวา่ งไป
บิณฑบาตรอนั นีน้ บั วา่ ทา่ นทาํ ได้

เราก็ใหต้ งั้ ใจขนึ้ มา มีขา ๒ ขาเหมือนท่าน มีมือ ๒ มือ
เหมือนทา่ น มตี า ๒ ตา มีหู ๒ หู มีจมกู ๒ ป่อง มกี ายมีจติ
เหมือนๆทา่ น ทา่ นทาํ ไดเ้ ราก็ใหท้ าํ ไดโ้ ดยเฉพาะแลว้ ตอ้ งการ
การละกิเลส ความโกรธ ความโลภ ความหลง กิเลสราคะ โทสะ
โมหะในจติ ใจของเราใหม้ นั เบาไป บางไป หมดไป สนิ้ ไป ไมใ่ ช่
เพ่มิ ขนึ้

ธรรมดาหลวงป่มู ่นั สมช่ือ ช่ือก็ม่นั ม่นั คงเวลาทา่ นทาํ อะไรก็
ม่นั คงหนกั แนน่ ไมท่ อ้ ถอย มีจิตใจแน่วแนเ่ ดด็ ขาด ดรู ูปท่ีทา่ น
ยืนใหเ้ ขาถา่ ย ถา้ มองแสงตาดสู ายตาของทา่ น จิตใจแข็ง ไม่ยอ่
ทอ้ ไมก่ ลวั ทีนีล้ กู ศษิ ยส์ มยั เนีย้ เม่ือมีชีวิตอย่อู ย่างนนั้ ไม่คอ่ ย
ใครจะไปอย่ใู กลแ้ หละ ถา้ ทาํ ไมถ่ กู ท่านก็ไลห่ นีไลไ่ ปไม่ใหอ้ ยู่ คือ
ทา่ นตอ้ งการผตู้ งั้ ใจปฏบิ ตั ิ ไมใ่ ชเ่ พียงแตว่ า่ อย่สู บายไมภ่ าวนา
ไม่ละกิเลส หลวงป่มู ่นั นนั้ ทา่ นภาวนาละกิเลส ทา่ นมีความหม่นั

6

ขยนั เดนิ จงกรมไหวพ้ ระสวดมนตน์ ่งั กรรมฐานภาวนา มกี ิจวตั ร
ใดเกิดขนึ้ ท่านก็ทาํ ได้

อนั เราทกุ คนท่ีเกิดมาสดุ ทา้ ยภายหลงั ก็ใหต้ งั้ อกตงั้ ใจ
ภาวนา ภาวนาอย่างเดียว น่งั สมาธิภาวนาอย่างเดยี วก็ไมพ่ อ ให้
เดินจงกรมบา้ ง การเดินจงกรมนนั้ เป็นการเปล่ียนอริ ยิ าบถ น่งั
นานๆแลว้ ยืน ยืนนานๆแลว้ ก็เดิน เดนิ กลบั ไปกลบั มาภาวนาพทุ
โธในใจ ตงั้ ใจอย่เู สมอไมย่ อมอย่ใู ตอ้ าํ นาจกิเลสความโกรธ
ความโลภ ความหลง พยายามฝึกฝนจิตใจของตนใหม้ คี วามแก่
กลา้ สามารถในการท่ีจะประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตามพระธรรมวนิ ยั คาํ
สอนของพระพทุ ธเจา้

ในสมยั เม่ือหลวงป่มู ่นั ทา่ นยงั อยู่ ความเจรญิ รุง่ เรอื งในทาง
ปฏบิ ตั ิบชู าจงึ มีมาก เม่ือทา่ นลว่ งลบั ไปแลว้ ลกู ศิษยอ์ ยภู่ ายหลงั
ก็ไมข่ ยนั เหมือนทา่ น อนั นีเ้ ราตอ้ งตงั้ ใจขนึ้ มา มนั อยทู่ ่ีความ
ตงั้ ใจของผปู้ ฏบิ ตั ิ เม่ือเรานกึ ถึงพทุ โธ คณุ พระพทุ ธเจา้ ในพทุ โธ
คณุ พระพทุ ธเจา้ นนั้ แหละ พระธรรมก็มีอยทู่ ่ีน่นั พระอรยิ สงฆ์
สาวกก็อยทู่ ่ีน่นั คณุ ครูบาอาจารยก์ ็อยทู่ ่นี ่นั พระสงฆส์ าวกองค์

7

พระอรหนั ตาก็อย่ทู ่ีน่นั พทุ โธพระพทุ ธเจา้ น่นั แหละกวา่ จะไดถ้ งึ
คาํ วา่ พทุ โธจะตอ้ งภาวนาปฏบิ ตั ิบชู าเอาจรงิ เอาจงั ไมใ่ ชว่ า่
ปลอ่ ยไปเหมือนตกไปในกระแสนา้ํ ใหน้ า้ํ ไหลไป ไม่ได้ ผภู้ าวนา
ผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมใหท้ วนกระแส ทวนกระแสใจของตวั เองอยู่
ตลอดเวลา ธรรมดาใจกิเลสมนั มนั ไหลไปสทู่ างต่าํ เหมอื นฝนท่ี
ตกลงมาจากฟ้ามาบนภเู ขาไหลลงมาเป็นหว้ ยเลก็ นอ้ ย ไป
รวมกนั เป็นแมน่ า้ํ ลาํ ธารใหญ่โตขนึ้ ไปโดยลาํ ดบั นา้ํ น่นั ก็จะไหล
ลงไปสทู่ ะเลมหาสมทุ ร ธรรมดานา้ํ ไหลลงไปสทู่ ่ีต่าํ ฉนั ใด ใจ
คนเราทกุ คนนนั้ ถา้ ไม่มีการปฏบิ ตั บิ ชู า ไมม่ ีภาวนา ไมม่ ีทาน ไม่
มีศีล มีไมส่ มาธิ ไม่มีปัญญา จิตใจมนั จะไหลไปสทู่ างต่าํ
เสมอ คาํ วา่ ต่าํ เตีย้ ก็คือไหลลงไปสหู่ ากิเลส กิเลสความโกรธมนั
อยทู่ ่ีไหนใจมนั ก็มกั จะไปขอ้ งไปแวะอยใู่ นกิเลสความโกรธความ
ขดั เคอื งนนั้ กิเลสความโลภหรอื วา่ ราคะตณั หาเม่ือมนั เกิดมีใน
จติ ในใจแลว้ มนั ก็ไหลไปสทู่ ่ีต่าํ ถา้ ใครทาํ ตามอาํ นาจกเิ ลสความ
โกรธก็ดี ความโลภก็ดี ความหลงก็ดี ไมม่ ีทางท่ีจะดขี นึ้ มาได้ มี
แตจ่ ะเส่ือมเสยี จติ ใจมนั ตกต่าํ ไปไม่สงู ขนึ้

8

จงึ มีการระลกึ ถึงพระบรมครูศาสดาจารยส์ มั มาสมั พทุ ธ
เจา้ ของเราทงั้ หลายนบั ตงั้ แตพ่ ระองคต์ งั้ ปณิธานความหมายม่นั
ปั้นใจวา่ จะบาํ เพ็ญบารมีใหไ้ ด้ ตรสั รูเ้ ป็นพระศาสดาสมั มาสมั
พทุ ธเจา้ ขนึ้ ในโลก จะบาํ เพญ็ ทาน ศลี ภาวนาใหเ้ ตม็ ท่จี นให้
เต็มเป่ียมในหลกั ท่ีวา่ ๔ อสงไขยแสนมหากปั ป์ ตงั้ แตน่ นั้ มา
พระองคก์ ็ไม่มคี วามทอ้ ถอยประการใด ไมว่ า่ จะมาเกิดเป็นคน
ทกุ ขไ์ รอ้ นาถา แมย้ งั เป็นสตั วส์ ง่ิ เดยี รจั ฉานอย่กู ็ตาม เม่อื ถืงวนั
พระวนั ศลี จะเป็นนกเขา นกกระทา เป็นสตั วอ์ ะไรก็ตาม ทา่ นก็
รกั ษาศีล รกั ษาศีล ๕ รกั ษาศีล ๘ ยง่ิ ถา้ มาเกิดเป็นมนษุ ยเ์ ป็น
คนแลว้ ก็ยง่ิ เอาใหญ่ ทานศลี ภาวนาทา่ นบาํ เพญ็ อย่ตู ลอดกาล
ดว้ ยอาํ นาจจติ ใจทา่ นไมท่ อ้ ถอยนนั้ เอง แมจ้ ะมาเกิดมาตายบน
โลก ๔ อสงไขย แสนมหากปั ป์ นา้ํ พระทยั ใจพระพทุ ธเจา้ ก็
แขง็ แกรง่ แลว้ กลา้ สามารถ ไดต้ รสั รูพ้ ระอนตุ ตระสมั มาสมั โพธิ
ญาณ ตดั กิเลสขาดสะบนั้ ห่นั แหลก เป็นพระพทุ ธเจา้ เป็น
สมั มาสมั พทุ ธเจา้ ขนึ้ มาในโลกแลว้ ก็ยงั มีเมตตาการุณแก่มนษุ ย์
เทวดา อินทร์ พรหมทงั้ หลาย ชว่ ยมนษุ ยค์ นเรา แมพ้ ระองคท์ า่ น

9

มีชีวติ ไมม่ าถึงพวกเราทงั้ หลาย ท่านกย็ งั วางพทุ ธศาสนา
ประดิษฐานไวห้ า้ พนั ปี ศาสนาของพระองคจ์ งึ จะหมดจากโลกนี้

เวลาก็ลว่ งไปแลว้ ๒๕๒๖ปีนีก้ ็นบั วา่ เราทกุ คนยงั เป็นผมู้ ีโชค
ดีอยู่ เราเกิดมานีภ้ พนีช้ าตนิ ีก้ ็ยงั ไดเ้ ขา้ สพู่ ทุ ธศาสนายงั อยใู่ น
เขตขา่ ยศาสนาของพระองค์ แลว้ เราทกุ คนก็จะไดร้ บี เรง่ ปฏบิ ตั ิ
บชู าภาวนา สรา้ งคณุ งามความดตี า่ งๆใหเ้ กิดมีขนึ้ เพราะการ
อยากไดด้ ีนนั้ มนั ก็มีอยทู่ กุ หวั ใจ มีอยทู่ กุ คน แตม่ นั จะดไี ดต้ อ้ ง
อาศยั ปฏบิ ตั บิ ชู าภาวนา ปฏบิ ตั ิบชู าภาวนาน่ีหมายความวา่ ลง
มือทาํ ลงมือปฏิบตั ิ ลงมือทาํ บญุ ใหท้ าน ลงมือรกั ษาศลี ๕ ศลี
๘ ขนึ้ ไป ลงมือท่องมนตส์ าธยายคาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ จนลง
มือไหวพ้ ระสวดมนตต์ ามกาลเวลาของหมคู่ ณะ แลว้ กน็ ่งั
กรรมฐานภาวนาอยา่ ไปบน่ วา่ มนั เจ็บน่นั เจบ็ น่ีเป็นน่นั เป็นน่ีไม่
ตอ้ งวา่ ถงึ จะไปบน่ ใหม้ นั ก็ไม่หายเจบ็ ถา้ มนั หนา้ ท่ีมนั ตอ้ งเจ็บ
มนั ก็เจบ็ ธรรมดารูปรา่ งกายนี้ ธาตดุ นิ ธาตนุ า้ํ ธาตไุ ฟ ธาตลุ ม
จะไม่ใหม้ นั เจบ็ ไขไ้ ดป้ ่วยเป็นไปไมไ่ ด้ หรอื วา่ เกิดมาแลว้ จะ
เยียวยาพยาบาลไม่ใหม้ นั แตกมนั ตายก็ไมไ่ ดอ้ ีก ในทางท่ดี ีท่ี

10

เหมาะท่ีสม ช่วั ชีวิตของเราท่ียงั มีอยู่ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นตรสั วา่
อยา่ ไดท้ อ้ ถอย บาํ เพ็ญภาวนารกั ษาศีลของตนใหบ้ รสิ ทุ ธิ์

อนั ศีลบรสิ ทุ ธิ์นนั้ จะไปเพง่ เลง็ เอาตามสิกขาบทวนิ ยั ก็ไม่
คอ่ ยเต็มเท่าไหรน่ กั คาํ วา่ ศลี บรสิ ทุ ธิ์ทกุ ครงั้ ท่ีเราน่งั สมาธิภาวนา
ไหวพ้ ระสวดมนตเ์ สรจ็ แลว้ เราก็น่งั ภาวนาทกุ คนื ระยะเด๋ยี วนีก้ ็
ตามระยะตอ่ ไปก็ตาม เวลาช่วั ระยะท่ีเราน่งั ภาวนาอยใู่ น
ขณะนนั้ หละ ใหถ้ ือวา่ ศีลของเราบรสิ ทุ ธิ์ สมาทานศีลในใจ คาํ วา่
ศีลบรสิ ทุ ธ์ เราน่งั บรกิ รรมภาวนาพทุ โธอยใู่ นใจ ไมไ่ ดฆ้ า่ สตั วท์ ่ี
ไหน ไมไ่ ดล้ กั ขโมยใคร ไมไ่ ดป้ ระพฤติผดิ ในกาม ไม่ไดก้ ลา่ ว
มสุ าวาท ไม่ไดด้ ่มื กินสรุ าเมรยั เป็นตน้ น่นั แหละถือวา่ เวลา
ปัจจบุ นั นนั้ ศีลของเราก็บรสิ ทุ ธิ์ สมาธิก็ตงั้ ใจใหม้ ่นั คง ไม่ใหห้ ลง
ไปกบั คน สตั วว์ ตั ถธุ าตทุ งั้ หลาย ตงั้ ใจภาวนาพทุ โธ หรอื อบุ าย
ใดถกู กบั จรติ จิตใจของเราก็ใหน้ กึ อบุ ายนนั้

เม่ือนกึ อบุ ายอ่นื ๆมนั ยงั ไมส่ งบ ก็อยา่ ลืมอบุ ายคาํ วา่ ความ
ตาย ความตายนนั้ เป็นยอดธรรม ถา้ ผใู้ ดนกึ ถงึ ความตายจติ ใจ
ยงั ประมาทอยู่ ยงั เขา้ ใจวา่ เราไม่ตาย ไม่ได้ ความตายนนั้ ไม่มี

11

ใครไปแกไ้ ขได้ ความตายมนั ไมใ่ ช่วา่ แกช่ ราไปมาไม่ไดแ้ ลว้ ก็
ตาย ๙๐ปีกวา่ หรอื ๑๐๐ปีจงึ ตาย ไมใ่ ชอ่ ยา่ งนนั้ มนษุ ยค์ นเรา
และสตั วท์ งั้ หลายเกิดมาแลว้ ความตายไม่มีเวลา น่งั อยดู่ ๆี ก็
ตาย ไปรถไปเรอื ย่ิงตายเรว็ เม่ือมนั เกิดอบุ ทั วเหตขุ นึ้ มา ความ
ตายน่ีใกลท้ ่ีสดุ ถา้ เราไมภ่ าวนาปลอ่ ยปละละเลย มีแตจ่ ติ
ประมาท ก็คดิ เอาเองหมายเอาเองวา่ เราไม่ตายงา่ ยๆ ความจรงิ
แลว้ ความตายน่ีเรว็ ท่ีสดุ เวลามาถงึ เขา้ ก็แทบจะรูไ้ มท่ นั ป๊ บุ ป๊ัป
ก็ตายไปเลย

ทางท่ีดเี ราตอ้ งรบี ทาํ รบี ปฏบิ ตั ไิ ว้ จะภาวนาบทใดขอ้ ใด สง่ิ
ใดก็ใหเ้ รม่ิ ขนึ้ ตงั้ แตเ่ ด๋ียวนีแ้ หละ จติ ยงั ไมส่ งบก็เอาใหม้ นั สงบ
จติ ยงั ไม่ตงั้ ม่นั เอาใหม้ นั ตงั้ ม่นั จิตมนั ยงั ไม่แจ่มแจง้ ชดั เจนก็เอา
ใหม้ นั ชดั เจน จนกระท่งั จิตใจน่นั แหละเกิดความรูค้ วามฉลาด
ความสามารถอาจหาญตดั บว่ งห่วงอาลยั กิเลสตณั หาใดๆท่ีเคย
ยดึ ม่นั ถือม่นั มาก็คล่คี ลายออกไป ยงั จติ ใจใหส้ งบตงั้ ม่นั ในธรรม
ปฏบิ ตั ิ ทีนีเ้ ม่ือจิตใจสงบระงบั ตงั้ ม่นั ดีแลว้ ภยั อนั ตรายใดๆมนั

12

เกิดขนึ้ มาตามธรรมดา ธรรมชาติ ผภู้ าวนาก็จะตอ้ งรูเ้ ทา่ ทนั
ไม่ใหอ้ าํ นาจฝ่ายต่าํ มาทบั ถมจติ ใจของตน

จงนกึ ถงึ พระบรมศาสดาจารยส์ มั มาสมั พทุ ธเจา้ ท่ีเราเจรญิ
อย่วู า่ พทุ โธๆน่นั แหละคอื วา่ องคพ์ ระพทุ ธเจา้ องคพ์ ระพทุ ธเจา้
นนั้ ไมม่ ีสะทกสะทา้ นยา่ นกลวั ตอ่ ภยั อนั ตรายเพราะวา่ จติ ของ
ท่านบรสิ ทุ ธิ์หลดุ พน้ จากกิเลสแลว้ ทา่ นไม่มีความย่งุ ยากใดๆใน
หวั ใจของท่านท่านเลกิ ทา่ นละทา่ นปลอ่ ยวางไดห้ มดแลว้ กิเลส
ความโกรธก็ไมม่ ีในจติ ของพระพทุ ธเจา้ กิเลสความโลภความ
อยากไดอ้ ย่างคนเราธรรมดาก็ไม่มี กิเลสความหลง หลงตามคน
หลงตามสตั ว์ หลงตามวตั ถธุ าตทุ งั้ หลายก็ไม่หลง จิตใจของ
พระพทุ ธเจา้ จงึ ช่ือวา่ แจง้ สวา่ ง กลายมาเป็นรศั มี ๖ ประการ อนั
พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทกุ ๆพระองคเ์ ม่ือมาตรสั รูใ้ นโลกแลว้ มี
รศั มีสีสนั วรรณะ ๖ อยา่ ง ขา้ งละวา ละวาพระองคเ์ สด็จไปไหน
ไม่ตอ้ งจดุ ไฟ ไมต่ อ้ งไฟสายเทียนไขมนั สวา่ งในตวั พระองคน์ ่งั
อยบู่ รรทมนอนอย่กู ็ตาม เสด็จไปไหนทงั้ หลางคนื กลางวนั จะมี
รศั มี ๖ ประการตามไป ซง่ึ คนทงั้ หลายตลอดจนถึงเทวดาอนิ ทร์

13

พรหมไดร้ ูไ้ ดเ้ ห็นก็เขา้ ใจทเี ดียววา่ น่นั ท่มี ีรศั มี ๖ ประการน่นั
แหละคือพระศาสดาพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ กราบไหวบ้ ชู าได้
สนิทใจ

ท่ีเป็นเช่นนนั้ กด็ ว้ ยอาํ นาจฐานะบารมีของพระองค์ ดว้ ย
อาํ นาจศลี บารมีของพระองค์ ดว้ ยบารมี ๑๐ ประการ บารมี ๓๐
ทศั นท์ ่ีพระองคบ์ าํ เพญ็ มาครบถว้ นทกุ สว่ นทกุ ประการน่นั เอง
จิตใจก็ดี กายก็ดี ความทกุ ขค์ วามเดอื ดรอ้ นตา่ งๆนาๆในจิตใจ
เป็นอนั วา่ ไมม่ ี สบายท่านก็ไม่ไปยดึ ติดไปถือเอา เม่ือไม่สบาย
ท่านก็ไมไ่ ปยดึ ไปถือเอา กิเลสความโกรธโลภหลงทา่ นสลดั ทิง้
ท่านฆา่ มนั ทิง้ มนั ตายไปหมดแลว้ ไม่มีกิเลสความโกรธใหใ้ คร
ไม่มีกิเลสความโลภอยากไดส้ มบตั ิพสั ถานในโลกนี้ ไม่มีกิเลส
ความหลง จะหลงอย่ใู นรูปในนามในกายในจิตเหมือนคนเรา
ธรรมดาไมม่ ี นา้ํ พระทยั ใจพระพทธเจา้ จงึ ช่ือวา่ แจง้ สวา่ ง สาวก
ทงั้ หลายพวกเราทงั้ หลายจงึ ไดน้ อ้ มนกึ ราํ ลกึ เอา พทุ ธคณุ คาํ วา่
พทุ โธพระพทุ ธเจา้ มาผกู จติ ผกู ใจของเรา นอ้ มนกึ ราํ ลกึ อยใู่ นตวั
ในใจของเรา ไม่วา่ น่งั ก็นกึ ถงึ คณุ พระพทุ ธเจา้ จติ ใจก็เยน็ สบาย

14

ไม่ทกุ ขไ์ มร่ อ้ น ยืนไปท่ีไหนเดนิ ไปท่ีไหนก็ระลกึ เอาพระพทุ ธเจา้
เป็นอารมณ์ จติ ใจท่ีเตม็ ไปดว้ ยกิเลสความโกรธความโลภความ
หลง ไม่ใหม้ ีในใจนี้ พทุ โธพระพทุ ธเจา้ มาอยใู่ นกายในวาจาในใจ
ของเราไดท้ กุ เวลา

ดว้ ยอาํ นาจคณุ พระพทุ ธเจา้ คณุ พระศรรี ตั นตรยั นีแ้ หละ
พทุ ธบรษิ ัททงั้ หลายท่ียงั นกึ ยงั เจรญิ ถงึ คณุ ของพระพทุ ธเจา้ อยู่
ภยั อนั ตรายตา่ งๆก็ไมเ่ กิดมีขนึ้ แมจ้ ะเกิดมีขนึ้ ก็นอ้ ยเบาบางดว้ ย
เตชานภุ าพของพระพทุ ธเจา้ ดว้ ยเตชานภุ าพของพระธรรม ดว้ ย
เตชานภุ าพของพระอรยิ สงฆ์ จติ ใจของผเู้ จรญิ อยู่ ก็มีแต่
ความสขุ มีแตค่ วามเยน็ มีแตค่ วามสบาย ไปไหนอย่ไู หนก็ไม่มี
ภยั อนั ตราย มแี ตค่ วามสขุ กายสบายใจ ไมเ่ ดอื ดเนือ้ รอ้ นใจ
ประการใด แลว้ วา่ บาํ เพญ็ ภาวนาปฏิบตั บิ ชู าในจติ ใจของตนได้
ทกุ เวลา ไมว่ า่ จะอย่ใู นเพศพนั ธวุ์ รรณะใดๆก็ตามเม่ือจติ ใจตงั้ ได้
นกึ ภาวนาได้ รวมเอาจิตใจของตนได้ อยทู่ ่ีไหนก็มีความสขุ ไปท่ี
ไหนก็มีความสขุ ความสบาย เรอ่ื งเดอื ดเนือ้ รอ้ นใจยอ่ มไมม่ ี
เพราะไดต้ งั้ ใจปฏิบตั บิ ชู าภาวนานกึ นอ้ มถงึ คณุ พระรตั นตรยั อยู่

15

จิตใจท่ีเศรา้ หมองขนุ่ มวั เดอื ดรอ้ นวนุ่ วายกจ็ ะหายไป จะเป็น
จิตใจท่ีมีความหนาแนน่ ในธรรมะปฏบิ ตั ิ อย่ทู ่ีไหนไปท่ีไหนน่งั
นอนยืนเดนิ อยใู่ นท่ีใด เม่ือยงั ไมห่ ลบั ก็ภาวนาไดป้ ฏิบตั ิบชู าทาํ
ความดีไดต้ ลอดไป เวน้ เสยี แตน่ อนหลบั นอนหลบั ไปแลว้ ก็แลว้
ไป ต่นื ขนึ้ มารูส้ กึ ตวั รูส้ กึ ใจขนึ้ มาก็ตงั้ อกตงั้ ใจปฏิบตั บิ ชู าภาวนา
รวมจติ รวมใจใหม้ าสงบตงั้ ม่นั ในธรรมปฏบิ ตั ิ ดว้ ยวา่ จิตใจดวงผู้
รูอ้ ยู่ เหน็ อยมู่ อี ยใู่ นตวั ในใจนนั้ ไมไ่ ดห้ ลงไมไ่ ดล้ มื วนั ไหนคืนไหน
เวลาใดก็ตามเรยี กไดว้ า่ ตงั้ อย่เู สมอ เจรญิ ขนึ้ มาในจิตใจของผู้
ปฏิบตั ินนั้

ท่ีทา่ นวา่ ภาวนาใหไ้ ดท้ กุ ลมหายใจเขา้ ออก ลมเขา้ ไปลม
ออกมาก็ภาวนาไดอ้ ย่ไู ม่หลงไม่ลืม หรอื วา่ เม่ือเราแกเ่ ฒา่ ชราถงึ
ขนั้ แตกดบั จะตายหนีจากโลกนี้ จิตใจท่ีภาวนามาจนมหี ลกั ฐาน
อย่ใู นใจในตวั นนั้ แหละ จะเป็นท่พี ง่ึ พาอาศยั ไดท้ งั้ ในโลกนีโ้ ลก
หนา้ โลกใดก็ตาม บญุ กศุ ลท่ีตนประกอบกระทาํ อยเู่ นืองนิจ
ตดิ ตอ่ กนั ไปอนั นีแ้ หละ จะพาใหจ้ ิตใจของเราเดนิ ตามถกู ไปทาง
สวรรคพ์ รหมโลก เทวโลก ไปสทู่ างนิพพาน ไมม่ าหลงใหลตดิ

16

ขอ้ งพวั พนั อยตู่ ามอาํ นาจกเิ ลส จงึ เป็นขอ้ วตั รปฏิบตั ิอนั สาํ คญั
ย่งิ ในทางพทุ ธศาสนาท่ีเราทกุ คนทกุ รูปทกุ นามจะตอ้ งตงั้ อก
ตงั้ ใจปฏบิ ตั บิ ชู าภาวนา ไมใ่ หจ้ ติ ใจทอ้ แทอ้ อ่ นแอในดวงใจ
ประการใด

พระพทุ ธเจา้ เตือนวา่ ใหภ้ าวนาจนกระท่งั ไดท้ กุ ลมหายใจ
เขา้ ออกมีความสงบระงบั เม่อื ความสงบระงบั บงั เกิดมีขนึ้ ไดก้ ็
จะตอ้ งเขา้ สคู่ วามรูแ้ จง้ เหน็ จรงิ ในธรรมปฏบิ ตั ิ เม่ือจติ ใจรูแ้ จง้ วา่
รูปนามนีไ้ มเ่ ท่ียงจรงิ ๆ เป็นทกุ ข์ รูปนามเป็นทกุ ข์ รูปนามไม่ใช่
ตวั ตน สงั ขารทงั้ หลายมีความไม่เท่ยี งแทแ้ นน่ อน จิตใจก็จะไม่
วนุ่ วายร่วั ไหลไปอย่ใู ตอ้ าํ นาจกิเลส สง่ิ ใดไมด่ กี ็เลิกละออกไป สง่ิ
ใดดมี ีประโยชนไ์ มม่ ีทกุ ขโ์ ทษประการใดกใ็ หร้ เิ รม่ิ ทาํ เรยี กวา่
ภาเวตพั พธรรม รบี ทาํ ใหเ้ กิดใหม้ ีขนึ้ อยา่ ไปมวั รอทา่ คนโนน้ คน
นีอ้ ยู่ ไมไ่ ด้ ใครก็ตามพระพทุ ธเจา้ ส่งั ไวต้ รสั ไวส้ อนไวแ้ ลว้ ใหเ้ รา
ทกุ คน จงรบี เรง่ ภาวนาทาํ ใจใหส้ งบตงั้ ม่นั

เม่ือจิตใจสงบตงั้ ม่นั แลว้ ก็ใหน้ อ้ มนาํ คาํ วา่ หลกั อนิจจงั ทุก
ขัง อนัตตา มาสอนจิตใจของเรานีอ้ กี ทหี นง่ึ เม่ือใจนีม้ ารูจ้ กั รู้

17

แจง้ รูจ้ รงิ อย่ภู ายในวา่ โลกนจี้ ะไปเกิดท่ีไหนก็ตาม มนั จะตอ้ งตก
อย่ใู นความไมเ่ ท่ียงแทแ้ นน่ อน แลว้ ก็เป็นเร่อื งทกุ ขด์ ว้ ย การมี
ชีวติ จิตใจอย่ใู นโลกถา้ ไม่ภาวนาละกิเลส ถา้ ตงั้ ใจภานาละกิเลส
ใหม้ นั หมดไปสนิ้ ไป จิตใจมองเหน็ กิเลสตณั หามานะทฐิ ิอยู่ เพยี ร
ละกิเลสตณั หามานะทฐิ ิอนั มีอย่ใู นตวั ในใจนีแ้ หละ ใหม้ นั หมด
ไปสิน้ ไปจนรูแ้ จง้ พระนิพพานดว้ ยตนเอง จติ ใจของบคุ คลผนู้ นั้ ก็
จะเป็นไปเพ่ือความเจรญิ งอกงาม อยทู่ ่ีไหนไปท่ีไหนก็เจรญิ
เจรญิ รุง่ เรอื งเกิดความรูค้ วามฉลาดความสามารถอาจหาญ
ขนึ้ มาในจิตใจ จิตใจก็ย่อมผอ่ งใสสะอาดเรยี กวา่ ใจเยน็ ใจสบาย
ใจเป็นดวงหนง่ึ ดวงเดยี ว เพราะผปู้ ฏบิ ตั ทิ งั้ หลาย ภาวนาพทุ โธอ
ย่ใู นหวั ใจ ไมป่ ลอ่ ยปละละเลยใหใ้ จฟงุ้ ซา่ นราํ คาญไปอย่ใู ต้
อาํ นาจกิเลสเม่ือจิตใจมีความสงบตงั้ ม่นั อยใู่ นธรรมปฏบิ ตั ิ ก็มี
ความสขุ จิตสขุ ใจ เม่ือมีจิตใจมีความสขุ ภายนอกมนั ก็สขุ ได้
หมด เพราะวา่ จิตใจมนั เป็นนาย กายเป็นบา่ ว ถา้ ใจดี กายวาจา
จิตมนั ก็ดไี ปหมด ถา้ ใจเสยี อะไรๆก็เสยี ไปหมด ใจท่ีไม่เสียก็คือ
ใจท่ีภาวนาพทุ โธอยทู่ กุ ลมหายใจเขา้ ออก ฉะนนั้ เม่ือวา่ เรา

18

ทงั้ หลายพากนั ไดย้ นิ ไดฟ้ ังแลว้ ก็ใหก้ าํ หนดจดจาํ นาํ ไป
ประพฤติปฏบิ ตั ิ ก็คงไดร้ บั ความสขุ ความเจรญิ เอวงั ก็มีดว้ ย
ประการะฉะนี้
ท่ีมา: https://youtu.be/0nMLe_q4Eeg

19


Click to View FlipBook Version