The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความยืดยาวของภพชาติ โดย หลวงตามหาบัว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-08 20:57:50

ความยืดยาวของภพชาติ โดย หลวงตามหาบัว

ความยืดยาวของภพชาติ โดย หลวงตามหาบัว

Keywords: ความยืดยาวของภพชาติ,หลวงตามหาบัว

ความยดื ยาวของภพชาติ
หลวงตามหาบวั ญาณสมั ปันโน
เทศนอ์ บรมพระ ณ วดั ป่ าบา้ นตาด (๑ สงิ หาคม ๒๕๒๓)
สง่ิ ท่ีเราแกเ้ ราถอดถอนท่ีเราพยายามซง่ึ เรยี กวา่ ความเพียร
อยเู่ วลานี้ เป็นสิ่งท่ีฝังอย่ใู นจติ ใจของสตั วโ์ ลกมานานแสนนาน
นบั ไม่ถว้ น ในภพชาติหน่งึ ๆ ของแตล่ ะบคุ คลและสตั วท์ ่วั หนา้
เหลา่ นนั้ ไมม่ อี นั ใดยืดยาวย่งิ กวา่ ภพชาตทิ ่ีตอ่ เน่ืองกนั มาโดย
ลาํ ดบั เพราะอาํ นาจแหง่ เชือ้ ท่ีฝังพืชไวภ้ ายในใจ พอฝังพืชไว้
แลว้ ก็ออกมาเป็นตวั ผล คือ ชาติ แลว้ ก็ ปิ ทุกฺขา เลยละท่ีน่ี สง่ิ
นีถ้ า้ ไมม่ ีผฉู้ ลาดแหลมคมมาแนะนาํ ส่งั สอนอบุ ายวิธี และชีบ้ อก
สงิ่ เหลา่ นีว้ า่ เป็นภยั ตอ่ สตั วโ์ ลกแลว้ จะไม่มีใครทราบไดเ้ ลย
เพราะเป็นสง่ิ ท่ีละเอียดมากในไตรภพ คอื ธรรมชาตนิ ีล้ ะเอยี ด
ท่ีสดุ
มีพระพทุ ธเจา้ แตล่ ะพระองคเ์ ทา่ นนั้ ท่พี ยายามขดุ คน้
บกุ เบิกมาโดยลาํ ดบั ลาํ ดา และไดต้ รสั รูถ้ า่ ยทอดกนั มาเรอ่ื ย ๆ
คาํ วา่ ตรสั รูก้ ็คอื รูแ้ จง้ เห็นจรงิ ในสิ่งนี้ การพยายามประกอบ

1

บาํ เพญ็ บารมี หรอื ประกอบความเพียรทกุ ประโยค ก็เพ่ือจะแก้
จะถอดถอนสง่ิ นีแ้ ตย่ งั ไม่ชดั เจน ตอ่ เม่ือไดเ้ ขา้ บาํ เพ็ญจวนถงึ
วาระท่ีจะผา่ นพน้ สง่ิ เหลา่ นีไ้ ปได้ และไดผ้ ่านพน้ สงิ่ เหลา่ นีไ้ ป
แลว้ โดยสมบรู ณ์ เรยี กวา่ จิตบรสิ ทุ ธิ์เตม็ ท่เี พราะหมดจากส่ิง
เหลา่ นีแ้ ลว้ จงึ สามารถรูไ้ ดอ้ ยา่ งชดั เจน และทรงบญั ญตั ติ งั้ ช่ือ
ตงั้ นามสิง่ เหลา่ นีว้ า่ คือกิเลสน่ีเป็นเร่อื งใหญ่ และแยกประเภท
ออกซง่ึ เป็นรากเหงา้ เคา้ มลู จรงิ ๆ คือ ความโลภ ความโกรธ
ความหลง ความหลงแสดงตวั ออกมาจากอวชิ ชา อวชิ ชาจรงิ ๆ
แลว้ ไมไ่ ดห้ ลงตวั เองแตท่ าํ สตั วโ์ ลกใหล้ มุ่ หลงไดเ้ พราะอวชิ ชา นี้
ท่านใหช้ ่ือวา่ กิเลส

คาํ วา่ กิเลสนีไ้ มม่ ีท่ีอยนู่ อกจากจิตของสตั วโ์ ลกเทา่ นนั้ อยู่
กบั จิต ฝังอย่ภู ายในจิตอยา่ งแนบสนิทไมม่ ีทางทราบได้ ใครจะ
เรยี นวชิ าแขนงใด จบไตรเพทมาก็ตาม ในแหลง่ โลกธาตนุ ีไ้ มม่ ี
ทางท่ีจะทราบเรอ่ื งเหลา่ นี้ และไมม่ ีทางจะทราบวธิ ีการแกไ้ ขสง่ิ
เหลา่ นีไ้ ด้ นอกจากวชิ าธรรมคอื พระพทุ ธเจา้ ทงั้ หลายท่ที ่านทรง
ดาํ เนนิ วชิ าธรรมเทา่ นนั้ ท่ีจะสามารถทราบส่ิงเหลา่ นี้ วา่ เป็นภยั

2

แก่ตวั เองและสตั วโ์ ลกท่วั ๆ ไปได้ และพยายามคยุ้ เข่ียขดุ คน้
แยกแยะดว้ ยอบุ ายวธิ ีตา่ งๆ มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ
ปัญญา เป็นสาํ คญั จนสามารถแยกแยะไดด้ งั พระพทุ ธเจา้ ของ
เราองคป์ ัจจบุ นั เป็นตวั อยา่ ง

ทรงฝึกฝนอบรมพระองคท์ รมานจนถงึ ขนั้ สลบไสล ก็เพ่อื แก้
หรอื ปราบปรามสงิ่ เหลา่ นีท้ ่ีเป็นภยั ใหอ้ อกจากพระทยั แตก่ ็ไม่
สามารถเพราะไมถ่ กู วธิ ี ทรงยอ้ นกลบั เขา้ มาสอู่ านาปานสตอิ นั
เป็นวธิ ีท่ีถกู ตอ้ ง พรอ้ มทงั้ สมถะและวปิ ัสสนา ตลอดวปิ ัสสนา
ญาณรวมอยใู่ นขนั้ นีท้ งั้ หมด เพราะคาํ วา่ อานาปานสตินมี้ ีทงั้ ขนั้
สมถะ มีทงั้ ขนั้ วปิ ัสสนาและวิปัสสนาอย่างละเอยี ด โดยอาศยั อา
นาปานสติเป็นรากฐานแหง่ สมถะก่อน เม่ือละเอยี ดเขา้ ไปจิตใจ
ก็ซมึ ซาบออกไปเป็นปัญญาพิจารณา จนกลายเป็นวิปัสสนา
ญาณ

ทา่ นจงึ สอนไวว้ า่ กาํ หนดลมหายใจเขา้ ออก คอื การกาํ หนด
ลมเขา้ ออกในเบอื้ งตน้ กท็ ราบเพียงลมเขา้ ลมออกเทา่ นนั้ ตอ่ ไป
เม่ือกาํ หนดรูอ้ ยดู่ ว้ ยสติ ลมเขา้ ลมออกก็คอ่ ยแผว่ เบาลงไปๆ ถงึ

3

ขนั้ ละเอียด พอถึงขนั้ ละเอยี ดแลว้ จิตสงบ ความสงบนีเ้ ป็นบาท
ฐานแหง่ วิปัสสนา พระองคก์ ็ทรงถือเอาความสงบนีเ้ ป็นบาทฐาน
หรอื เป็นตน้ ทนุ เป็นท่ีกา้ วขนึ้ สคู่ วามแยบคาย จงึ เคล่อื นไหวทาง
กิรยิ าของจติ ไดแ้ ก่พระปัญญา พจิ ารณาถึงเร่อื งปัจจยาการ
อวิชฺชาปจจฺ ยา สงขฺ ารา สงขฺ ารปจจฺ ยา ว�ิ ญฺ าณํ น่ีเขา้ สู่
กระแสของจติ โดยประสบั ประสานกนั กบั สว่ นรา่ งกาย

พอออกจากรา่ งกายแลว้ ก็เป็นอานาปานสตสิ ว่ นละเอยี ด ก็
พิจารณาถึงเรอ่ื งความเคล่ือนไหวของจิตท่ีแสดงมาเป็นสงั ขาร
ซมึ ซาบออกมาเป็นสญั ญา ตลอดถงึ แย็บออกเป็นวิญญาณ
ถอยหนา้ ถอยหลงั หลายครงั้ หลายหนดว้ ยความสนพระทยั
อยากทราบความจรงิ ท่ีมีอยนู่ นั้ ซง่ึ กาํ ลงั แสดงความจรงิ อยตู่ าม
หลกั ธรรมชาตขิ องตน ปัญญายอ่ มทรงทราบไดเ้ ป็นสาํ ดบั ๆ จน
สามารถแทงทะลปุ รุโปรง่ ไปหมด จงึ เรยี กวา่ วิปัสสนา

เคล่ือนยา้ ยจากฐานแห่งสมาธิคือความสงบ แลว้ ก็แปร
สภาพสวู่ ปิ ัสสนาญาณ คอื ความละเอยี ดแห่งปัญญา จงึ
กลายเป็นวิปัสสนาญาณหย่งั ทราบ สามารถทาํ ลายกิเลสอาสวะ

4

ซง่ึ เคยหมกั หมมหรอื เคยฝังอยภู่ ายในพระทยั ของพระองคม์ า
เป็นเวลานาน ใหแ้ ตกกระจายในขณะนนั้ เชน่ เดยี วกบั ความมืด
ซง่ึ เคยมีมาตงั้ กปั ตงั้ กลั ป์ ก็ตาม แตพ่ อเปิดไฟฟา้ ขนึ้ เทา่ นนั้
ความมืดนนั้ ไมไ่ ดม้ ีท่ีอา้ งไมม่ ีท่ียืนยนั ไม่มีท่ีแขง็ ขอ้ ไดว้ า่ ขา้ พเจา้
ไดเ้ คยมืดดาํ อยกู่ บั โลกอนั นมี้ าเป็นเวลานานแลว้ แมจ้ ะเปิดไฟ
ขนึ้ มาขา้ พเจา้ ไม่ยอมหนีจากความมืด ไมย่ อมกลายจากความ
มืดไปเป็นความสวา่ ง พอไฟเปิดขนึ้ เท่านนั้ ความมืดทงั้ หลายก็
กระจายตวั ออกไปทนั ที มีแตค่ วามสวา่ งขนึ้ ในขณะเดยี วกนั

น่ีเม่ือปัญญาไดห้ ย่งั ทราบรอบจติ ทกุ ดา้ น ไม่มีมมุ ใดท่ี
เหลืออย่เู ลย แลว้ ความสวา่ งจา้ จติ ท่ีบรสิ ทุ ธิ์ก็แสดงขนึ้ มาเต็มท่ี
น่นั เรยี กวา่ ทา่ นตรสั รู้ สิ่งท่ีเคยฝังจมมาพาใหเ้ ป็นพืชแหง่ ความ
เกิดแกเ่ จ็บตายมานานแสนนาน ก็ไดพ้ งั ทลายลงแลว้ ดว้ ย
วิปัสสนาญาณท่ีหย่งั ทราบละเอียดท่วั ถงึ สลดั ปัดทงิ้ ไปหมดดว้ ย
พระปัญญา จงึ ไดท้ รงนาํ ธรรมนีอ้ อกมา แยกประเภททงั้ กิเลส
ประเภทนนั้ ๆ ทงั้ ธรรมเครอ่ื งกาํ จดั กิเลสประเภทนนั้ ๆ จะควรทาํ
อยา่ งไรตอ่ กนั

5

จงึ มีวธิ ีการมากมายตามแตจ่ รติ นิสยั ของนกั ปฏิบตั ิหรอื พทุ ธ
บรษิ ัททงั้ หลาย จะชอบในวธิ ีการใดบรรดาวิธีการทงั้ หลายท่ีทรง
แสดงไวแ้ ลว้ นนั้ แลว้ นาํ มาประพฤติปฏิบตั ิ เชน่ กรรมฐาน ๔๐
เป็นตน้ น่ยี กออกมาแยกออกมาเป็นอาการๆ ซง่ึ ลว้ นแลว้ ตงั้ แต่
เป็นวธิ ีการท่ีจะทาํ จติ ใหส้ งบ และกา้ วเขา้ สวู่ ิปัสสนาจนกระท่งั
ถงึ ความหลดุ พน้ ไดเ้ ชน่ เดียวกนั น่มี ีพระพทุ ธเจา้ เทา่ นนั้ และมี
วชิ าธรรมนีเ้ ทา่ นนั้ ท่ีสามารถทาํ ลายสงิ่ ท่ลี กึ ลบั ฝังอย่ภู ายในจิต
ใหเ้ กิดเป็นพืชเป็นผลสบื เน่ืองกนั เป็นความทกุ ขเ์ หมือนลกู โซม่ า
โดยลาํ ดบั นี้ ไดข้ าดกระจายออกไปจากใจ มีวชิ าธรรมเทา่ นนั้ ไม่
มีวชิ าใดในโลกนีจ้ ะสามารถทาํ ลายสิง่ เหลา่ นีไ้ ดน้ อกจากวิชา
ธรรม

ในวชิ าธรรมทงั้ หลายทา่ นก็สรุปความลง เพ่ือใหเ้ หมาะสม
กบั ผปู้ ฏิบตั ิ ยน่ เขา้ มาวา่ ศลี สมาธิ ปัญญา ยน่ เขา้ ไปจรงิ ๆ ก็
มีสมาธิกบั ปัญญาน่ีซง่ึ เป็นหลกั ใหญ่ เพราะศลี เป็นผรู้ กั ษาอยู่
แลว้ ดว้ ยดี สมาธิเพ่ือตะลอ่ มจติ เขา้ มาสคู่ วามสงบจะไดม้ ีกาํ ลงั
และมีความอม่ิ ตวั ไม่วอกแวกคลอนแคลน ไม่หวิ โหยกบั อารมณ์

6

ตา่ ง ๆ ท่ีเคยสมั ผสั สมั พนั ธก์ นั อยตู่ ลอดเวลาไม่มีความอ่มิ พอใน
อารมณน์ นั้ ๆ เม่ือจิตไดร้ บั การบาํ เพ็ญโดยทางสมถะ จะเป็นวธิ ี
ใดบทใดบาทใดแหง่ ธรรมท่ีนาํ มากาํ กบั ใจ เพ่ือความเป็นสมถะก็
ตาม จิตย่อมมีความสงบตวั เขา้ มา

เม่ือจติ มีความสงบตวั เขา้ มาแลว้ ยอ่ มมีพลงั เพราะกระแส
ของจิตท่ีซา่ นไปในท่ีตา่ ง ๆ นนั้ รวมตวั เขา้ มาสคู่ วามรูด้ วงเดยี ว
คอื จติ เม่ือจติ ไดร้ วมกระแสเขา้ มาสจู่ ดุ เดยี ว ย่อมเป็นกาํ ลงั และ
มีความอ่ิมตวั ไม่หวิ ไมโ่ หยกบั อารมณต์ า่ ง ๆ ท่ีเคยสมั ผสั
สมั พนั ธ์ ท่ีเคยหิวเคยโหยอยตู่ ลอดเวลานนั้ มีแตค่ วามอ่มิ เอบิ
ความสงบเยน็ ใจ จากนนั้ ก็นาํ จิตท่ีมีความอ่ิมตวั ในขนั้ นีอ้ อก
พิจารณาทางดา้ นปัญญา จะพจิ ารณาเรอ่ื งอสภุ ะอสภุ งั ความ
ปฏกิ ลู โสโครกในสง่ิ ตา่ งๆ ในรา่ งกายของตนทงั้ ภายนอกภายใน
หมดทงั้ รา่ งนี้ และรา่ งกายของบคุ คลอ่ืนสตั วอ์ ่ืนท่วั แดนโลกธาตุ
ใหเ้ หน็ เป็นสภาพเหมือนกนั นีห้ มด น่ีเรยี กวา่ วปิ ัสสนาปัญญา

จติ เม่ือมีความสงบตวั อ่มิ ตวั แลว้ เราพาทาํ งานแยกแยะ
พสิ จู นส์ ง่ิ ตา่ ง ๆ โดยทางวิปัสสนา ย่อมยอมทาํ งานใหเ้ ราอย่าง

7

เตม็ เม็ดเตม็ หน่วย ไม่เถลไถลเพราะความหิวโหยฉดุ ลากไป
เพราะฉะนนั้ สมาธิจงึ เป็นเครอ่ื งหนนุ ปัญญา ลบลา้ งกนั ไปไมไ่ ด้
สมาธิกบั ปัญญาเป็นคเู่ คียงกนั เม่ือปัญญาไดพ้ ิจารณารา่ งกาย
สว่ นตา่ ง ๆ ย่อมจะซมึ ซาบเขา้ ไปถงึ สว่ นทงั้ หลายท่ีมีอย่ภู ายใน
รา่ งนที้ ่วั ถึงกนั จะพดู ถึงเร่อื งอสภุ ะคอื ความปฏิกลู โสโครกใน
รา่ งกายทงั้ ภายนอกภายใน เต็มไปทงั้ รา่ งนีก้ ็เหน็ ไดช้ ดั ดว้ ย
ปัญญา จะแยกออกไปพจิ ารณาส่งิ ภายนอกใหเ้ ป็นอสภุ ะอสภุ งั
เหมือนกนั ก็เป็นไดเ้ ช่นเดยี วกนั เพราะเป็นสภาพเหมือนกนั

ถา้ พจิ ารณาถงึ ไตรลกั ษณ์ จะเป็นไตรลกั ษณใ์ ดก็ตามไม่
สาํ คญั ไมจ่ าํ เป็นจะตอ้ งพิจารณาทงั้ ๓ ไตรลกั ษณใ์ นเวลา
เดยี วกนั เรามีความหนกั แนน่ มีความสนใจมีความถนดั ในไตร
ลกั ษณใ์ ด จติ ยอ่ มสมั ผสั สมั พนั ธก์ บั ไตรลกั ษณน์ นั้ นาํ ไตร
ลกั ษณน์ นั้ เขา้ มาพจิ ารณาเทียบเคียง เชน่ อนิจฺจํ ความแปร
สภาพ เราจะเหน็ ความแปรสภาพอยทู่ กุ ขณะของรา่ งกายและ
อาการของจติ เป็นท่ีซาบซงึ้ ถึงจติ วา่ เป็นความจรงิ อย่างนนั้
แน่นอน ทกุ ฺขํ ก็เหมือนกนั เรอ่ื งความเป็นทกุ ข์ มีตรงไหนท่ีไม่

8

เป็นทกุ ข์ มนั ก็เป็นเหมือนกนั ก็ซงึ้ ในเรอ่ื งความทกุ ขท์ ่ีอย่ใู น
ทา่ มกลางแหง่ ความทกุ ขแ์ ท้ ๆ

จิตของเรานีอ้ ยใู่ นทา่ มกลางแหง่ ความทกุ ขค์ วาม
ทรมาน ความบบี คนั้ บงั คบั อย่ตู ลอดเวลา ทาํ ไมจงึ รน่ื เรงิ บนั เทงิ
จงึ วา่ จะมีความสขุ มีความสขุ ท่ีไหนนอกจากมีแตล่ มแตแ่ ลง้
หลกั ธรรมชาตแิ ทๆ้ จิตนีถ้ กู บบี อย่ดู ว้ ยอาํ นาจของกิเลสตณั หา
พรอ้ มทงั้ ผลของมนั ท่ีแสดงออกมาใหเ้ ป็นความทกุ ขค์ วาม
ทรมานใจ ผลติ ออกเป็นรา่ งกายขนึ้ มาเพราะพืชแหง่ อวชิ ชานนั้
มนั ก็คือกอ้ นแห่งความทกุ ข์ แน่ะ เราพิจารณาแยกแยะไป
อยา่ งไร มนั ก็เป็นทกุ ขไ์ ปไดท้ กุ แขนงทกุ แง่ทกุ มมุ ตามแตค่ วาม
ถนดั ใจ จนถงึ กบั ซงึ้ จรงิ ๆ ภายในจิตใจ จะพจิ ารณาเป็น อนตฺตา
เราจะหาสาระแก่นสาร หาสตั วห์ าบคุ คล หาเราหาท่าน หาของ
เราของเขาหาท่ีไหน มนั เป็นสภาพแหง่ ความจรงิ อนั หน่งึ ๆ ท่ี
ปรากฏตวั อยเู่ ท่านนั้

ธรรมทงั้ ๓ ประเภทคือไตรลกั ษณน์ ีเ้ ป็นอนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั
เป็นแตเ่ พียงวา่ อาการ เหมือนกบั ขา้ งหนา้ ขา้ งหลงั ขา้ งซา้ ยขา้ ง

9

ขวาของบคุ คลคนหนง่ึ เท่านนั้ แตอ่ าศยั รา่ งกายนีเ้ ป็นรากฐาน
ขา้ งหนา้ ขา้ งหลงั ขา้ งซา้ ยขา้ งขวาออกจากรา่ งกายอนั นี้ น่ีวตั ถุ
หนง่ึ ๆ อาการหนง่ึ ๆ นนั้ เหมอื นกบั รา่ งกาย ไตรลกั ษณก์ ็อยู่
ดว้ ยกนั นนั้ ทงั้ ๓ เพราะฉะนนั้ การพจิ ารณาไตรลกั ษณใ์ ด จงึ
สามารถซมึ ซาบไปถงึ ไตรลกั ษณท์ งั้ หลายไดโ้ ดยไม่ตอ้ งสงสยั
สดุ ทา้ ยก็ลงใน ธมฺมา อนตตฺ า ไมน่ อกเหนือไปจากนีไ้ ดเ้ ลย ว่งิ
เขา้ ถึงนนั้ ทีเดยี ว น่ีการพจิ ารณาขอจงทาํ ใหจ้ รงิ ใหจ้ งั

ของจรงิ มีอยแู่ ลว้ ในรา่ งกายและจติ ใจของเรา ไม่เคยเส่อื ม
คลายไม่เคยสญู หายไปไหน ไม่เคยดอ้ ยไม่เคยลดความจรงิ ของ
ตนลงไป พดู ถงึ เรอ่ื ง อนิจฺจํ ก็ดี ทกุ ฺขํ ก็ดี อนตตฺ า ก็ดี พดู ถงึ เรอ่ื ง
ความเกิดแกเ่ จ็บตาย ความสลายพลดั พรากประการตา่ ง ๆ มนั ก็
มีสมบรู ณอ์ ย่ทู ่ีรา่ งกายและจิตใจของเรานี้ คาํ วา่ จติ ใจของเรานี้
มนั มีอวชิ ชาอยใู่ นนนั้ เราจงึ ตอ้ งพดู อย่างนี้ ถา้ บรสิ ทุ ธิ์แลว้ จิตไม่
เขา้ มาเก่ียวขอ้ ง แตน่ ีม้ นั ไม่บรสิ ทุ ธิ์ ธรรมชาตซิ ง่ึ เป็นสมมตุ นิ ีม้ นั
มีอยภู่ ายในจติ ใจ จงึ ตอ้ งเรยี กถงึ รา่ งกายจติ ใจ มนั เป็น อนิจฺจํ
ทกุ ฺขํ อนตตฺ า ตาม ๆ กนั ไปหมด เพราะไตรลกั ษณม์ นั กม็ ีอยู่

10

ภายในใจ ใจมีสมมตุ ิ ใจมีพชื ใจจงึ ตอ้ งเป็นสมมตุ ิ ใจจงึ ตอ้ งเป็น
ไตรลกั ษณไ์ ด้ เราตอ้ งแยกตอ้ งแยะใหถ้ งึ เหตถุ ึงผลถึงหลกั ถึง
ฐานของมนั ถงึ จะปลดเปลอื้ งไปได้

ทกุ สง่ิ ทกุ อย่างท่ีเราดาํ เนินอย่เู วลานีไ้ ม่มีอะไรขาดตก
บกพรอ่ งหรอื ดอ้ ยกวา่ ครงั้ พทุ ธกาล ท่ีพระพทุ ธเจา้ และพระสาวก
ทงั้ หลายทา่ นทรงบาํ เพญ็ และดาํ เนนิ กนั มา ถา้ พดู ถึงเรอ่ื ง
สตปิ ัญญาก็ทรงสอนแบบเดยี วกนั การพจิ ารณาสภาวธรรมตา่ ง
ๆ ดว้ ยสติ ปัญญา ศรทั ธา ความเพียร ก็ทรงสอนแบบเดียวกนั
หมด เพราะสง่ิ เหลา่ นีม้ ีเหมือนกนั สตเิ ป็นส่งิ ท่ีตอ้ งไดร้ บั การ
บาํ รุงเพ่ือความสามารถแกก่ ลา้ ปัญญาเพ่ือความเฉลียวฉลาด
เช่นเดียวกนั ความขีเ้ กียจขีค้ รา้ น ความออ่ นแอ ความเถลไถล
เหลา่ นีเ้ ป็นเรอ่ื งของกิเลสเหมือนกนั หมดกบั ครงั้ นนั้ ครงั้ นี้ ใครมี
ความขยนั หม่นั เพยี ร ใครมีความอตุ สา่ หพ์ ยายาม ใครเป็นนกั
ใครค่ รวญพนิ ิจพจิ ารณาทงั้ ขา้ งนอกขา้ งในอยโู่ ดยสม่าํ เสมอ
ดว้ ยความมีสติ ผนู้ นั้ จะกา้ วไปไดเ้ รว็ ผดิ ปกตอิ ย่มู าก หลกั การ
ดาํ เนนิ ใหด้ าํ เนินอยา่ งนี้

11

เราอย่าคาดอยา่ หมายมรรคผลนิพพานวา่ จะอยใู่ นสถานท่ี
ใด นอกจากจะสนใจขดุ คน้ ลงในวงแหง่ สจั ธรรมนี้ ใหร้ ูแ้ จง้ เหน็
จรงิ ในความจรงิ ทงั้ หลาย ท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงประกาศไวเ้ ป็นเวลา
๒,๕๐๐ กวา่ ปีมาแลว้ วา่ ทุกขฺ ํ อริยสจจฺ ํ ทกุ ขเ์ ป็นสภาพแหง่
ความจรงิ อนั หนง่ึ สมุทยั อริยสจจฺ ํ สมทุ ยั ก็เป็นความจรงิ
อนั หนง่ึ กิเลสมนั ก็เป็นความจรงิ ของมนั มคฺค อริยสจจฺ ํ เครอ่ื ง
ดาํ เนนิ เพ่ือแกก้ ิเลสตณั หาอาสวะประเภทตา่ ง ๆ ก็เป็นความจรงิ
อนั หนง่ึ นิโรธคือความดบั สนิทแหง่ ทกุ ขเ์ พราะอาํ นาจแห่งมรรค
ทาํ หนา้ ท่ีโดยสมบรู ณแ์ ลว้ ก็เป็นธรรมของจรงิ อนั หน่งึ ใหข้ ดุ คน้
ลงท่ีตรงนี้

ไมม่ ีสง่ิ ใดท่ีจะกีดกนั มรรคผลนิพพาน กาลสถานท่ีไมม่ ี
อาํ นาจเทา่ กิเลสท่ีมีอย่ภู ายในจิตใจของเรา เป็นธรรมชาติท่ีกีด
กนั้ มรรคผลนิพพาน เพราะฉะนนั้ จงฟาดฟันกิเลสทงั้ หลายซง่ึ
เป็นสจั ธรรมแตล่ ะอย่างๆ นนั้ ลงท่ีดวงใจของเรา อนั เป็นสถานท่ี
อย่แู ห่งกเิ ลสทงั้ หลายนีด้ ว้ ยมรรค คือ ศรัทธา วริ ิยะ สติ สมาธิ
ปัญญา ซง่ึ เป็นเร่อื งของมรรค เอาใหแ้ หลกแตกกระจายลงท่ีตรง

12

นี้ คาํ วา่ นิโรธคอื ความดบั ทกุ ขน์ นั้ เป็นสิง่ ท่จี ะแสดงตวั ขนึ้ มาตาม
อาํ นาจแหง่ มรรคท่ีทาํ หนา้ ท่ีไดม้ ากนอ้ ยเพียงไร

ถา้ มรรคมกี าํ ลงั เต็มท่ี คือ สติปัญญามีความเฉลยี วฉลาด
สามารถปราบกิเลสไดห้ มด คอื โดยประการทงั้ ปวงไม่มีสง่ิ ใด
เหลอื แลว้ นิโรธคอื ความดบั ทกุ ขก์ ็ดบั สนิท เพราะกิเลสอนั เป็น
เหตใุ หเ้ กิดทุกขน์ นั้ ดบั ไปแลว้ อยา่ งสนิท ทกุ ขจ์ ะออกมาจากไหน
จะเกิดมาจากไหน เม่ือตน้ เหตขุ องทกุ ขไ์ ดด้ บั ไปแลว้ มนั อย่ทู ่ีตรง
นีค้ ืออย่ทู ่ีกาย รวมลงแลว้ อยทู่ ่ีใจ กายกบั ใจเป็นสิง่ เก่ียวเน่ืองกนั
อุปาทานความยดึ ม่นั ถือม่นั ถือหมด ไมว่ า่ จะเป็นอวยั วะสว่ นใด
เป็นเรอ่ื งสมุทยั ของจิตทงั้ นนั้ เพราะอาํ นาจแห่งอปุ าทาน
อปุ าทานสืบเน่ืองมาจากความสาํ คญั ผิด ความลมุ่ หลง
เพราะฉะนนั้ จงึ ตอ้ งแกก้ นั ดว้ ยสตปิ ัญญา มีศรทั ธาหรอื ความ
เพียรเป็นเคร่อื งสนบั สนนุ ทาํ ใหจ้ รงิ ใหจ้ งั อย่าทาํ เหลาะแหละ

เรามีบกพรอ่ งตรงไหนใหท้ ราบวา่ ความบกพรอ่ งนนั้ คอื
กิเลส อยา่ เขา้ ใจวา่ ความบกพรอ่ งนนั้ เป็นของดี เป็นอรรถเป็น
ธรรม เชน่ ความทอ้ ถอยความออ่ นแอ ความโงกงว่ ง ความขีเ้ กียจ

13

ออ่ นแอเหลา่ นี้ ลว้ นแลว้ แตเ่ ป็นบรษิ ัทบรวิ ารของกิเลสทงั้ มวล ท่ี
คอยกระซิบกระซาบคอยกลอ่ มเราใหพ้ ลงั้ ใหเ้ ผลอใหเ้ คลิม้ หลบั
ไปทงั้ น่งั ทงั้ ท่ีทาํ ความเพยี รอย่นู นั้ ลว้ นแลว้ ตงั้ แตเ่ ป็นอบุ าย
วธิ ีการของกิเลสทงั้ มวล

ไมไ่ ดอ้ ย่ทู ่ีไหนกิเลส อยทู่ ่ีใจ ในขณะท่ีเรากาํ ลงั ประกอบ
ความพากเพียรอย่นู นั้ แล กิเลสก็อย่ใู นท่ีน่นั ดว้ ย ถา้ มีสตสิ ตงั
ตงั้ อย่เู ม่ือไร เรอ่ื งของกิเลสตา่ ง ๆ ก็ไม่แสดงความรุนแรงขนึ้ มา
มาก ถา้ จติ แยบ็ ออกจากองคแ์ หง่ ความเพยี รเม่ือไรแลว้ พงึ ทราบ
วา่ กิเลสทาํ หนา้ ท่ีแทนความเพียรโดยไมต่ อ้ งสงสยั น่เี ป็นส่ิง
สาํ คญั ผปู้ ฏบิ ตั ิจงสงั เกตอาการของจติ ท่ีคดิ ปรุงแตง่ ในสง่ิ ตา่ งๆ
วา่ เป็นเรอ่ื งของสตปิ ัญญา หรอื เป็นเรอ่ื งของกิเลสในขณะท่ี
ประกอบความเพียร สว่ นมากมกั จะเป็นเร่อื งของกิเลสออกแสดง
ตวั เพน่ พา่ นอยบู่ นเวทีแหง่ ความเพียรของเรา

น่งั ภาวนาจิตใจหาความสงบไม่ไดก้ ็เพราะกิเลสทาํ งาน จิต
ฟ้งุ ซา่ นราํ คาญ ทาํ ใหเ้ ผลอไผลอย่เู รอ่ื ยๆ น่นั ละกิเลสมนั มาตดั
มารงั ควาน มากีดมาขวางใหส้ ตปิ ัญญาขาดวรรคขาดตอน ผล

14

ท่ีจะพงึ ไดร้ บั เป็นความสงบจงึ ไมค่ อ่ ยปรากฏ เพราะกิเลสมาทาํ
การกีดขวาง โดยท่ีเราไมร่ ูส้ กึ ตวั อยใู่ นขณะท่ีเราประกอบความ
เพียร น่งั สมาธิภาวนาอยนู่ นั้ แล เดนิ จงกรมก็เหมือนกนั ถา้ จติ
เผลอคิดสง่ ไปไหนและอารมณอ์ นั ใด รอ้ ยทงั้ รอ้ ยเป็นอารมณ์
ของสมทุ ยั คอื กิเลสทงั้ มวล แลว้ เราจะหวงั เอาผลคือความสงบ
เย็นใจหรอื ความแยบคายมาจากไหน เม่ือมีแตก่ ิเลสทาํ หนา้ ท่ี
ของตนอยบู่ นความเพียรในท่าตา่ ง ๆ ในอริ ยิ าบถตา่ ง ๆ ของเรา
แลว้ เราจงึ ควรคดิ ใหม้ ากในส่ิงเหลา่ นี้

ธรรมของพระพทุ ธเจา้ นนั้ เราทราบแลว้ และเป็นความจรงิ
เต็มสว่ นอยแู่ ลว้ วา่ เป็นสง่ิ ท่เี หนือกเิ ลส ธรรมของพระพทุ ธเจา้
เป็นสิ่งท่ีเหนือกิเลส ไม่เชน่ นนั้ ไมส่ ามารถจะปราบกิเลสใหอ้ ย่ใู น
เงือ้ มมือหรอื ใหส้ ิน้ ซากไปได้ เราจงนาํ ธรรมท่ีเหนือกเิ ลสนนั้ เขา้
มาใชอ้ ย่เู สมอ เช่น สตปิ ัญญา ความเพียรก็ใหเ้ หนือกิเลส ความ
อดความทนกใ็ หเ้ หนือกิเลส สติท่ีตงั้ รกั ษาตวั เองก็ใหเ้ หนือกิเลส
ปัญญาอบุ ายแยบคายตา่ ง ๆ ท่ีจะปลดเปลอื้ งสิง่ จอมปลอมคอื
กิเลสทงั้ หลายออกไปนนั้ ก็ใหเ้ หนือกิเลส เม่ือทกุ สงิ่ ทกุ อย่างท่ีเรา

15

พรอ้ มมลู ไปโดยลาํ ดบั เหนือกิเลสอยโู่ ดยลาํ ดบั แลว้ กิเลสจะไม่
มาทาํ งานบนเวทีแหง่ ความเพียรของเราไดเ้ ลย

สว่ นมากมีแตก่ ิเลสทาํ งานอย่บู นเวทีแห่งความเพียรของเรา
โดยท่ีเราไมร่ ูส้ กึ เรามีแตห่ มายลมหมายแลง้ ไปอย่างนนั้ วา่ เรา
ทาํ ความเพียร เดนิ จงกรมไดเ้ ทา่ นนั้ ช่วั โมง น่งั สมาธิภาวนาได้
เทา่ นนั้ ช่วั โมง ประกอบความเพียรอยใู่ นทา่ ตา่ ง ๆ ไดเ้ ทา่ นนั้
ช่วั โมงไดเ้ ท่านนั้ นาที เป็นแตเ่ พียงความคาดความหมาย
ความคิดเอาลมๆ แลง้ ๆ หลกั ธรรมชาตแิ ทเ้ ราหาทราบไมว่ า่
เวลาเทา่ นนั้ ช่วั โมงเทา่ นีช้ ่วั โมงในความเพียรทา่ ตา่ งๆ นนั้ มนั
ลว้ นแลว้ แตเ่ ป็นทา่ ความเพียรของกิเลสมาทาํ งานอยใู่ นวงแห่ง
ความเพียรของเรา ผลจงึ ไมค่ อ่ ยปรากฏ น่เี ป็นส่งิ ท่ีเราควรจะคิด
ใหม้ าก

ผตู้ อ้ งการธรรมใหเ้ หนือกิเลสตอ้ งไดผ้ ลติ ขึน้ เสมอ ตอ้ งตงั้ สติ
ความเพียรหนนุ ตวั เองเขา้ ไปเสมอ ความอดความทนตอ้ งให้
เหนือกิเลส กิเลสจะทาํ ใหอ้ อ่ นแอ จะทาํ ใหข้ ีแ้ ย จะทาํ ใหอ้ อ่ น
เปียกไปหมด ความเพียรตอ้ งใหม้ ีความเขม้ แขง็ มีความขยนั มี

16

ความอดทน มีความเขม้ แข็ง น่ีแกก้ นั กบั กิเลสประเภทนนั้ ๆ
ความซมึ เซา ความไม่คิดอา่ น ความไม่เอาไหน ลว้ นแลว้ แตเ่ ป็น
โมหะคือกเิ ลสประเภทครอบงาํ ใหม้ ืดมิดปิดตา

ใหพ้ ยายามใชส้ ติปัญญาสอดสอ่ งพนิ ิจพจิ ารณาหาเหตหุ า
ผล ทงั้ ใกลท้ งั้ ไกลแยกแยะ ดว้ ยความรูส้ กึ มสี ตเิ ป็นเครอ่ื งกาํ กบั
การพิจารณาของตนอย่เู สมอ ช่ือวา่ เราทาํ ความเพียรอยใู่ นวง
ความเพียร ไมใ่ ช่กิเลสมาทาํ หนา้ ท่ีของเขาอย่ใู นวงความเพียร
หรอื บนเวทีความเพยี รของเรา น่ีเป็นหลกั ใหญ่ท่ีเราทงั้ หลายจะ
พจิ ารณาใหถ้ งึ ใจ

ผตู้ อ้ งการมีความเฉลียวฉลาดเพ่ือปราบปรามกิเลสใหอ้ ยใู่ น
เงือ้ มมือ ตอ้ งผลิตความเฉลยี วฉลาดใหท้ นั กบั กลมายาของกิเลส
ซง่ึ มีความแหลมคมมาก ในโลกธาตนุ ีไ้ มม่ ีอบุ ายใดท่ีจะแหลม
คมย่ิงกวา่ กลมายาหรอื อบุ ายของกิเลส ซง่ึ เคยครองหวั ใจสตั ว์
โลกมาเป็นเวลานาน น่ีหวั ใจเราก็เต็มไปดว้ ยส่งิ เหลา่ นีอ้ ยแู่ ลว้
สง่ิ เหลา่ นีเ้ ป็นสงิ่ ท่ีฉลาดเหนอื หวั ใจเรา จงึ ไดค้ รองหวั ใจเรา

17

ทีนีเ้ ราพยายามนาํ สติ ปัญญา ศรทั ธา ความเพียรอนั เป็น
ฝ่ายธรรมนีเ้ ขา้ ไปชะลา้ ง เขา้ ไปกาํ จดั เขา้ ไปปราบปราม เขา้ ไป
ทาํ ลาย ใหส้ งิ่ เหลา่ นนั้ สลายหายสญู ไปโดยลาํ ดบั ๆ จนกระท่งั ไม่
มีส่งิ ใดเหลอื อย่ภู ายในจติ ใจนนั้ เลย เหลอื แตธ่ รรมลว้ นๆ เป็น
ธรรมแทธ้ รรมบรสิ ทุ ธิ์ ธรรมโดยหลกั ธรรมชาติ เม่ือถงึ ขนั้ นนั้ แลว้
เราย่ิงรูเ้ รอ่ื งไดช้ ดั เจนวา่ ออ๋ การท่ีความเคล่อื นไหวไปมาของจิต
แตล่ ะอาการ ๆ นี้ ลว้ นแลว้ ตงั้ แตเ่ ป็นเคร่อื งเชิดของกิเลสทงั้ มวล
กิเลสอย่ฉู ากหลงั

ทีนีพ้ อกิเลสนนั้ สนิ้ ไปแลว้ อาการใดแสดงออกก็เป็นไปตาม
หลกั ธรรมชาตขิ องตน ขนั ธก์ เ็ ลยกลายเป็นขนั ธล์ ว้ นๆ เพราะไม่มี
สงิ่ มาบงั คบั นอกจากธรรมซง่ึ เป็นเจา้ ของ ธรรมเป็นเจา้ ของก็
ไม่ไดย้ ดึ ขนั ธท์ งั้ ๕ นวี้ า่ เป็นตน เราจงึ จะเหน็ ไดช้ ดั วา่ ไมม่ สี ง่ิ ใดท่ี
จะกอ่ กวนหรอื ยแุ หยท่ าํ ลายบบี คนั้ ใหไ้ ดร้ บั ความทกุ ขม์ ากนอ้ ย
นอกจากกิเลสเท่านนั้ เม่ือกิเลสสนิ้ ลงไปจากจติ ใจแลว้ ไมม่ ีอนั
ใดท่ีจะมาทาํ ลายเลย ไมม่ ีอนั ใดท่ีจะมาทาํ จิตใหก้ ระเพ่ือมไป
ดว้ ยความขนุ่ มวั ม่วั สมุ หรอื ไดร้ บั ความทกุ ขค์ วามทรมาน มีแต่

18

ความเป็นอสิ ระอยโู่ ดยลาํ พงั ตนเองโดยหลกั ธรรมชาติ เป็นอ
กาลกิ จติ อกาลิกธรรม หากาลสถานท่ีไม่ได้ เป็นหลกั
ธรรมชาตอิ ยนู่ นั้ ตลอดอนนั ตกาล

เพราะฉะนนั้ ทา่ นผทู้ ่ีสนิ้ จากสง่ิ กดข่ีบงั คบั กลายมาเป็นจติ
อิสระแลว้ ท่านจงึ ไม่หมายป่าชา้ ไมห่ มายการเกิดการตาย ไม่
หมายสถานท่นี ่นั ท่ีน่ี สงู ๆ ต่าํ ๆ ภพนนั้ ชาตินีอ้ ะไรท่านไม่หมาย
เพราะทา่ นเจอความจรงิ ความเหมาะสมความพอดี ความอ่มิ พอ
เตม็ หวั ใจแลว้ ไมไ่ ดห้ ิวโหยเหมือนอย่างแตก่ อ่ น เพราะอาํ นาจ
ของกิเลสพาใหส้ ตั วโ์ ลกหวิ โหยไมม่ ีความอ่มิ พอเลย พอจติ ได้
เป็นอิสระเตม็ ท่ีดว้ ยธรรม ธรรมกบั จิตกลายเป็นอนั เดยี วกนั แลว้
จงึ หมดความหวิ โหย เป็นความพอตวั อยตู่ ลอดเวลา ไมค่ าดโนน้
คาดนีอ้ ดตี อนาคต สถานท่ีน่นั ท่ีน่ี ซง่ึ เป็นเรอ่ื งของสมมตุ ทิ ่ีเคย
หลอกมานาน เป็นอนั วา่ หมดปัญหาไปโดยสิน้ เชงิ เหลือแตห่ ลกั
ธรรมชาตลิ ว้ นๆ นนั้ แหละพระขีณาสพทงั้ หลายทา่ นเป็นอยา่ ง
นนั้

19

เวลาธาตขุ นั ธส์ ลายลงไปกเ็ ป็นเร่อื งของธาตขุ องขนั ธ์
สลายตวั ลงไป โดยท่ีทา่ นทราบไวร้ อบคอบหมดแลว้ ทราบไว้
ตลอดท่วั ถึงแลว้ ตงั้ แตต่ รสั รูแ้ ลว้ โนน้ บรรลธุ รรมแลว้ โนน้ เม่ือถงึ
กาลเขาจะทาํ หนา้ ท่ีตามความสตั ยจ์ รงิ ท่ีไดท้ ราบไวแ้ ลว้ ก็จะมี
ปัญหาอะไร ปลอ่ ยลงไปตามสภาพแหง่ ความสลายเพราะมา
จากสิง่ ผสม เม่ือผสมกนั แลว้ ก็ตอ้ งสลายจากความผสมนนั้ ลง
ไปสธู่ าตเุ ดมิ ของตน จติ ผไู้ มม่ ีความบกพรอ่ งตอ้ งการสงิ่ ใด
บรรดาสมมตุ ิท่ีอยใู่ นโลก แมแ้ ตข่ นั ธใ์ ดขนั ธห์ นง่ึ เป็นตน้ ยอ่ มเป็น
จติ ท่ีหายห่วงหายกงั วล อนาลโย อยดู่ ว้ ยความพอตวั ไมต่ อ้ ง
พ่งึ พิงองิ อาศยั อนั ใดอกี แลว้ เพราะทงั้ หมดนนั้ เป็นสมมตุ ทิ งั้ มวล
จิตนีเ้ ป็นวมิ ตุ ติหลดุ พน้ แลว้ จงึ ไม่เขา้ ไปเก่ียวขอ้ งหรอื ไม่ขอ้ งแวะ
กบั บรรดาสมมตุ ใิ ด ๆ ทงั้ สนิ้ เพราะไดร้ ูแ้ จง้ แทงตลอดหมดแลว้
น่ีคือผลแหง่ การปฏิบตั ิทางดา้ นจิตตภาวนาของผมู้ ีความ
พากเพียรเตม็ เมด็ เต็มหนว่ ย

จะไม่คาดไมห่ มายถงึ เร่อื งภพเร่อื งชาตวิ า่ จะเกิดในสถานท่ี
ใด พระพทุ ธเจา้ ปรนิ ิพพานไปนานแลว้ หรอื ไมน่ านเพียงใด จะไม่

20

ไปย่งุ นอกจากทาํ งานอย่ใู นวงสจั ธรรมตามท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรง
สอนแลว้ อนั เป็นธรรมของจรงิ แท้ ของจรงิ ของแท้ ๔ อยา่ ง ทกุ ข์
ดบั ไปแลว้ เพราะสมทุ ยั ดบั ไป ดว้ ยอาํ นาจของมรรคมีสติปัญญา
เป็นสาํ คญั นิโรธเป็นกิรยิ าอนั หน่งึ แห่งความดบั ทกุ ขเ์ ทา่ นนั้ ผทู้ ่ีรู้
วา่ ทกุ ข์ สมทุ ยั หรอื นิโรธทาํ งานสาํ เรจ็ เสรจ็ สิน้ ลงแลว้ นนั้ คอื ผู้
บรสิ ทุ ธิ์ ผนู้ ีไ้ มใ่ ช่สจั ธรรม เป็นธรรมชาตทิ ่ีเหนือสจั ธรรมนีโ้ ดย
ประการทงั้ ปวง

เพราะสจั ธรรมทงั้ ๔ นีย้ งั เป็นสมมตุ ิ มรรคคอื ศีล สมาธิ
ปัญญา ก็เป็นสมมตุ ิ แตเ่ ป็นสมมตุ ิฝ่ายแก้ เป็นสมมตุ ฝิ ่าย
ปราบปรามสิง่ ท่ีเป็นขา้ ศกึ คอื สมทุ ยั นิโรธก็เป็นสมมตุ ิ ผทู้ ่ีรูว้ า่
ทกุ ข์ สมทุ ยั นิโรธ มรรค ทาํ งานเสรจ็ โดยสมบรู ณแ์ ลว้ นนั้ คอื จติ
ท่ีบรสิ ทุ ธิ์เตม็ ท่ี ผนู้ ีแ้ ลผหู้ มดปัญหา หมดลงท่ีจิตใจไม่หมดอย่ทู ่ี
ไหนนะ หมดอย่ทู ่ีจติ ใจนีเ้ ป็นสาํ คญั เพราะฉะนนั้ จงพยายาม
ถอดถอน รอื้ ถอน ปราบปรามส่ิงท่ีเป็นขา้ ศกึ ซง่ึ หมุ้ ห่อปิดบงั จติ
ใหม้ ืดมดิ ปิดตานีอ้ อกใหส้ วา่ งกระจา่ งแจง้ ดว้ ยความพากเพียรมี

21

สติปัญญาเป็นสาํ คญั ท่ีจะสามารถทราบหรอื สามารถทาํ ลายสงิ่
ทงั้ หลายเหลา่ นีไ้ ด้ น่ีเป็นจดุ สาํ คญั ของผบู้ าํ เพญ็

เราเป็นนกั ปฏบิ ตั ิ เป็นพระ มีหนา้ ท่ีท่ีจะรอื้ ถอนกิเลสตณั หา
อาสวะออกจากจิตใจ ใหถ้ ือวา่ งานนีเ้ ป็นงานสาํ คญั สาํ หรบั ของ
พระ เป็นคชู่ ีวติ จิตใจของเราแทค้ ือความเพยี รเพ่ือถอดถอนกิเลส
เดนิ จงกรม น่งั สมาธิภาวนา เป็นงานท่ีชอบธรรม เป็นงานท่ีชอบ
ย่ิง เป็นงานท่ีเหมาะสมกบั ผมู้ ีความมงุ่ ม่นั ตอ่ ความพน้ ทกุ ข์
นอกจากนนั้ เป็นกรณีพเิ ศษ มิหนาํ ซาํ้ ยงั ยอ้ นเขา้ มาเป็นความ
กงั วลและเป็นขา้ ศกึ ตอ่ งานอนั สาํ คญั นีอ้ กี ดว้ ย จงึ ไม่ควรกงั วล
กบั งานใด

เฉพาะอยา่ งย่งิ ในพรรษาโดยเฉพาะวดั ป่าบา้ นตาดนี้ ไดเ้ ปิด
โอกาสใหห้ มคู่ ณะประกอบความพากเพยี รเตม็ สติกาํ ลงั
ความสามารถของตน โดยไม่ใหม้ ีงานใดเขา้ มายงุ่ แมแ้ ตเ่ วลา
อ่นื ๆ เราก็ระมดั ระวงั มาก งานหยาบอนั จะมาทาํ ลายงาน
ละเอียด เชน่ มรรคหยาบ เช่นวา่ สมั มากมั มนั ตะ งานหยาบจะ
มาทาํ ลายสมั มากมั มนั ตะอนั เป็นงานละเอยี ด งานละเอยี ดคือ

22

งานประกอบความเพียรเพ่อื ชาํ ระกิเลส งานนอกนนั้ จดั นนั้ ทาํ นี้
ย่งุ ไปหมดนนั้ เป็นงานกงั วล เราจงึ ไมใ่ หม้ ถี า้ ไม่จาํ เป็นท่ีจะตอ้ งมี
จรงิ ๆ

เพราะงานนเี้ ป็นงานสาระสาํ คญั แก่เรามากทีเดียว
พระพทุ ธเจา้ ทา่ นไดห้ ลดุ พน้ จากทกุ ขเ์ พราะงานนี้ ผลของงานนี้
คอื ความหลดุ พน้ ของพระพทุ ธเจา้ ผลของงานนีค้ ือความหลดุ
พน้ ของสาวกทงั้ หลายทา่ น งานนีห้ มายถงึ งานเดนิ จงกรม น่งั
สมาธิภาวนา ถือ เกสา โลมา นขา ทนั ตา ตโจ และอาการ
๓๒ เป็นงานอนั สาํ คญั พนิ ิจพิจารณาคล่ีคลายใหเ้ หน็ ตามหลกั
ความจรงิ ทกุ สดั ทกุ สว่ น จะแยกเป็นทางอสุภะอสุภงั ก็รอบทศิ
รอบดา้ นไม่สงสยั จะแยกเป็น อนิจจฺ ํ ทุกขฺ ํ อนตตฺ า ในขนั ธท์ งั้
๕ นีเ้ ตม็ อยแู่ ลว้ ดว้ ย อนิจฺจํ ทกุ ฺขํ อนตตฺ า เป็นของจรงิ ลว้ น ๆ
เป็นไตรลกั ษณล์ ว้ น ๆ อยแู่ ลว้ นอกจากปัญญาไม่เกิดหรอื
ปัญญาเซอ่ อยเู่ ท่านนั้ จงึ ไม่มองเหน็ ความจรงิ ท่ีมีอยู่

เม่ือปัญญาไดผ้ ลติ ตวั ขนึ้ มาสมควรท่ีจะทราบความจรงิ ท่ีมี
อย่แู ลว้ ทาํ ไมจะไมท่ ราบได้ ตอ้ งทราบไดโ้ ดยสมบรู ณไ์ มต่ อ้ ง

23

สงสยั เม่ือทราบ อนิจฺจํ ทกุ ฺขํ อนตตฺ า ทงั้ ธาตทุ งั้ ขนั ธ์ ทงั้ สง่ิ ท่ี
แทรกสงิ อยภู่ ายในจติ หรอื ซมึ ซาบอย่ภู ายในจติ ฝังจมอย่ภู ายใน
จิต วา่ เป็น อนิจฺจํ ทกุ ฺขํ อนตตฺ า ดว้ ยกนั แลว้ เป็นส่งิ ท่ีจะควรสลดั
ปัดทิง้ โดยประการทงั้ ปวงดว้ ยกนั แลว้ ส่งิ เหลา่ นีย้ อ่ มจะสลายลง
ไปดว้ ยอาํ นาจของปัญญาเชน่ เดยี วกนั หมด

จงึ ขอใหท้ า่ นทงั้ หลายมีความม่นั ใจตอ่ การประพฤติปฏบิ ตั ิ
หนา้ ท่กี ารงานของตนอนั เป็นความเหมาะสมแลว้ นี้ ใหม้ ีความ
เจรญิ ดว้ ยความพากเพียร ดว้ ยสติปัญญาศรทั ธาความเพียรของ
ตนอยา่ ไดล้ ดละ ใหถ้ ือวา่ นีเ้ ป็นท่ีพง่ึ ของเราแท้ นอกนนั้ ไม่ใชท่ ่ี
พ่งึ แมแ้ ตร่ า่ งกายยงั พ่งึ มนั ไม่ได้ วนั หนง่ึ ๆ มนั รบกวนเราขนาด
ไหนเห็นไหม เราไม่สงั เกตบา้ งเหรอ เด๋ยี วหวิ เด๋ยี วกระหายเด๋ยี ว
เจบ็ นนั้ ปวดนี้ รบกวนตลอดเวลา ทงั้ หลบั ทงั้ นอนทงั้ กนิ ทงั้ ขบั ทงั้
ถ่าย ลว้ นแลว้ แตเ่ ป็นการรบกวนของธาตขุ องขนั ธ์

ถา้ สตปิ ัญญามีอยแู่ ลว้ จะทราบความสมั ผสั สมั พนั ธแ์ หง่
การรบกวนนีอ้ ยตู่ ลอดเวลา แลว้ ไหนจะมาถือวา่ เป็นเราเป็นของ
เรา พอจะภาคภมู ิใจกบั สง่ิ เหลา่ นี้ นอกจากจติ ท่ีจะถอนตวั ออก

24

จากความหว่ งใยพวั พนั นี้ โดยบรสิ ทุ ธิพ์ ทุ โธแลว้ เป็นเอกสทิ ธิ์
เป็นอสิ รเสรภี ายในตนเทา่ นนั้ ไมม่ ีอยา่ งอ่นื ท่ีเราจะเป็นท่ีม่นั ใจ
มีเทา่ นีเ้ ป็นหลกั แหง่ ความม่นั ใจของเรา จงึ ขอใหท้ า่ นทงั้ หลายมี
ความตงั้ อกตงั้ ใจ

การแสดงธรรมก็หยดุ เพียงแคน่ ี้
พดู ทา้ ยเทศน์
อบุ ายวธิ ีการใดท่ีไดส้ อนลงไปนนั้ นะ่ เราเป็นท่ีแนใ่ จ สอน
ดว้ ยความแนใ่ จ ใหป้ ฏิบตั ิไดเ้ ลย เราไมส่ งสยั ในการสอนหมู่
เพ่ือนวา่ เหน็ จะเป็นอยา่ งนนั้ อยา่ งนี้ เราแนใ่ จทกุ บททกุ บาท ทกุ
อบุ ายวธิ ีการท่ไี ดเ้ คยปฏิบตั แิ ละไดเ้ คยผ่านมาแลว้ ประจกั ษใ์ จ
นาํ มาสอนหมเู่ พ่ือน จงึ กลา้ พดู ไดต้ ามท่ีไดผ้ ่านมาแลว้ นนั้ การ
ตอ่ สกู้ บั กิเลสถา้ เราไมไ่ ดผ้ ่านมาเสยี กอ่ นนีล้ าํ บากมาก จงึ ตอ้ ง
อาศยั ผทู้ ่ีไดผ้ า่ นมา เชน่ ครูบาอาจารยท์ า่ นเคยปฏบิ ตั ิเป็นท่ี

25

เขา้ ใจมาเรยี บรอ้ ยแลว้ ทา่ นสอนเราจดุ ไหนถกู ๆ ใหเ้ รายดึ หลกั
นนั้ ไวอ้ ย่าใหเ้ คล่ือนคลาด นีเ้ ป็นหลกั สาํ คญั ทีเดยี ว

ในโลกอนั นีไ้ มม่ ีอนั ใดไมม่ ีสิง่ ใดท่ีจะลาํ บาก ท่ีจะตอ่ สยู้ ากย่งิ
กวา่ กิเลส เพราะกิเลสมนั เหนือเราอย่แู ลว้ โดยปกติ ธรรมเราพ่งึ
จะมีมาจะไปเหนือกเิ ลสไดย้ งั ไง จงึ ตอ้ งผลติ ขนึ้ เรอ่ื ยๆ ความ
เพียรผลติ ขนึ้ จนเหนือกิเลส สตปิ ัญญาผลิตขนึ้ ใหเ้ หนือกเิ ลส
เม่ือเหนือแลว้ กิเลสก็ลดลงไปๆ ทีแรกนีเ้ ดนิ ไปท่ีตรงไหนถา้ หาก
เราเทียบทางดา้ นวตั ถุ มีแตข่ วากแตห่ นามเต็มไปหมดจนหาท่ี
เหยียบย่างเทา้ ลงไปไมไ่ ดน้ ่นั แหละ มนั เตม็ ไปดว้ ยขวากดว้ ย
หนามคือกิเลส ความเพียรจะในทา่ ใดอริ ยิ าบถใดก็ตามมนั มีแต่
กิเลสซอ่ งสมุ อยตู่ ลอดเวลา จนหาท่ีหย่งั ธรรมลงไมไ่ ดโ้ นน่ นะ่

เราจะทราบไดเ้ ม่ือสติปัญญามนั ทนั กนั พอทนั กนั แลว้ เราก็รู้
ฤทธิ์ของกนั และกนั ทีนีม้ นั มีวธิ ีหลบหลกี ปลีกตวั และตอ่ สกู้ นั
ดว้ ยอบุ ายตา่ งๆ ไดเ้ ป็นลาํ ดบั ๆ จนกระท่งั ถงึ สติปัญญาเกรยี ง
ไกรแลว้ ท่ีน่ีกเิ ลสหมอบ หมอบนนั้ ไมใ่ ช่อะไรเป็นอบุ ายของมนั
เหมือนกนั นะ คอื กิเลสหมอบนนั้ น่ะ อบุ ายของมนั มนั หลบฉาก

26

ไมใ่ ชม่ นั หมอบกลวั เรานะ มนั หลบฉาก แลว้ คยุ้ เข่ีย น่กี ็เป็นงาน
อนั หน่งึ ของสติปัญญาขนั้ นี้ ขนั้ อตั โนมตั ิ ขนั้ หมนุ ตวั ไปเองไมอ่ ยู่
เฉยๆ มนั หมนุ ของมนั มนั หมนุ คยุ้ เข่ียขดุ คน้ หา เหมือนกบั วา่
กิเลสมนั สนิ้ ไปเลยน่นั นะ มนั ไมไ่ ดส้ ิน้ นะ

ถา้ ยงั ไมป่ ระกาศเป็น สนฺทฏิ ฺ ฐิโก ขนึ้ เม่ือไรแลว้ เราจะลงใจ
ไม่ได้ เรอ่ื งกิเลสแหลมคมขนาดนนั้ เฉพาะอยา่ งย่งิ ราคะเป็น
สาํ คญั มาก น่ีเคยปฏิบตั มิ าแลว้ หมอบราบทีเดียว จนกระท่งั เกิด
ความกลา้ หาญชาญชยั เอา้ จะใหม้ ีแตผ่ อู้ ยา่ งสาํ คญั ๆ ทงั้ นนั้
รุมเป็นตบั อยนู่ ีน้ ่ะ เราจะเดนิ บกุ เขา้ ไปนีไ้ มใ่ หม้ ีความกาํ หนดั
ยนิ ดอี ะไรเลย น่นู นะ่ มนั อาจหาญขนาดนนั้ น่นั ไมใ่ ช่มนั หมดนะ
ไม่สนิ้ นะ มนั กลา้ หาญ น่นั มนั หลบฉากเราไมร่ ู้ เม่ือเราพลิกไป
พลกิ มาหาทา่ หาทางหลายตลบทบทวนดว้ ยอบุ ายปัญญาของ
เรา มนั โผลข่ นึ้ มาจนได้ ฟาดกนั ลงไป เอา้ ถา้ มนั ลงจรงิ จงั ของ
มนั แลว้ ไปทดลองกนั ทาํ ไม กลา้ หาญไปหาประโยชนอ์ ะไร ความ
กลา้ หาญมนั ก็ผดิ น่นั แตม่ นั ถกู ในขนั้ นนั้

27

เวลาผา่ นไปแลว้ รูค้ วามกลา้ หาญก็เป็นบา้ อนั หนง่ึ เหมือนกนั
บา้ กลวั แลว้ กบ็ า้ กลา้ บา้ ยินดีแลว้ บา้ ยนิ รา้ ย มนั เป็นคกู่ นั เลย พอ
มนั เต็มท่ีของมนั เป็น สนฺทฏิ ฺฐิโก เต็มตวั แลว้ ทดลองอะไร น่นั มนั
ถึงตายตวั มนั รู้ พระพทุ ธเจา้ บอกแลว้ ท่านแสดงไวแ้ ลว้ วา่ สนฺ
ทฏิ ฺฐิโกๆ ฟังซิ ประจกั ษโ์ ดยลาํ ดบั ๆ ประจกั ษเ์ ต็มท่ีก็ตอ้ งเต็มท่ี
ถงึ ขนั้ ธรรมเตม็ ท่ีตอ้ งเตม็ ท่ี เอาใหม้ นั จรงิ มนั จงั อย่างนนั้ ซิ ฟาด
มนั สะบนั้ ห่นั แหลกลงไป

ปัญญาละสาํ คญั ใหใ้ ชเ้ สมอนะปัญญา ปัญญากบั สมาธิ
เป็นคเู่ คียงกนั ไป อย่าคอยแตว่ า่ สมาธิเทา่ นนั้ เทา่ นีแ้ ลว้ ถงึ จะใช้
ปัญญา สมาธิมีเทา่ ไรก็เป็นสมาธิเทา่ นนั้ ไม่เกิดปัญญาไดเ้ ลย
เราเคยเป็นมาแลว้ กลา้ พดู เตม็ ท่ี ติดสมาธิมาก่ีปี จนจะเอาสมาธิ
เป็นมรรคผลนพิ พานเลย น่นั มนั หลงขนาดไหน แตพ่ อแยก
ออกมาจากสมาธิมาเดนิ ถงึ ขนั้ ปัญญานีม้ นั หมนุ ติว้ เลย เพราะ
มนั อ่มิ ตวั แลว้ น่ีจติ มนั ไมย่ งุ่ กบั อะไร พามนั นอนจมอย่เู หมือน
หมเู ฉย ๆ น่ี พอปัญญาออกแลว้ มนั กก็ า้ วของมนั เรอ่ื ย ย่งิ ถึงขนั้
ละเอยี ดสดุ นนั้ มนั ย่งิ ละเอยี ด เหมือนกบั นา้ํ ซบั นา้ํ ซมึ ทีเดยี ว

28

ปัญญาก็แบบนนั้ อวชิ ชามนั ก็แบบนนั้ เหมอื นกนั หลบฉากกนั
อยใู่ กล้ ๆ ไม่ไกลแหละ อยใู่ นจติ ดวงเดยี วกนั นนั้ แหละ จนมนั
หลงไดน้ ่นั ละ เวลารูอ้ ยา่ งเตม็ ท่ีแลว้ อวชิ ชาก็ดบั สลายหายซาก
ไปในขณะนนั้

(ถอดเสียงธรรมโดย www.Luangta.com)
ท่ีมา: https://youtu.be/Xv3A19eiy4M

29


Click to View FlipBook Version