The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ทวนกระแสใจ โดย หลวงพ่อสิงห์ทอง ธมฺมวโร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-13 10:21:12

ทวนกระแสใจ โดย หลวงพ่อสิงห์ทอง ธมฺมวโร

ทวนกระแสใจ โดย หลวงพ่อสิงห์ทอง ธมฺมวโร

Keywords: ทวนกระแสใจ,หลวงพ่อสิงห์ทอง ธมฺมวโร

ทวนกระแสใจ
การฟังธรรมะทกุ ท่านทกุ คนเคยสดบั รบั ฟังกนั มา การฟัง
ธรรมะก็คือการปฏิบตั ิจิตใจของตวั ระยะเวลาท่ีฟังธรรมะ หนา้ ท่ี
การงานดา้ นอ่นื ไม่มี กิจธุระสว่ นอ่นื เรากท็ อดทิง้ ไม่ไดเ้ ก่ียวขอ้ ง
กายไมไ่ ดท้ าํ วาจาไม่ไดพ้ ดู จติ ก็หา้ มกนั้ เอาไวไ้ มใ่ หไ้ ปนกึ คดิ ถึง
สิ่งอ่นื นอกจากธรรมะ ฟังไปทาํ ไปเพ่ือขบั ไลส่ ญั ญาอารมณก์ ิเลส
ตณั หาภายใน ใหจ้ ิตใจสงบ ใหจ้ ติ ใจเยือกเย็น น่ีคอื การฟัง
ธรรมะเพ่ือความสขุ ความสงบ ความสบายภายใน ไม่ใชเ่ ราฟัง
เพียงอานิสงส์ คือหวงั บญุ หวงั กศุ ลจากการฟังเท่านนั้ ฟังเพ่ือ
ปฏบิ ตั ิจติ ใจของเราทา่ นท่ีมนั มืดบอดใหส้ วา่ งไสว ใหเ้ ขา้ ใจใน
ธรรมะ ถา้ หากฟังเพียงเป็นพธิ ี ไมพ่ ธิ ีพิถนั ตงั้ หนา้ ตงั้ หนา้
กาํ หนดรกั ษาจิตใจของตน มนั ก็ไมเ่ กิดผลประโยชนใ์ ห้
ดงั นนั้ ฟังธรรมะสมยั พทุ ธกาล พวกท่มี าฟังหลายทา่ นหลาย
คนดว้ ยกนั ทงั้ ภิกษุสามเณร ฆราวาสญาติโยม มาฟังก็แลว้ แต่
สตปิ ัญญาของใคร พระพทุ ธเจา้ แสดงธรรมออกไป พวกเหลา่ นนั้
ก็สดบั รบั ฟัง คน้ คดิ ติดตามเรอ่ื งตา่ งๆท่ีทา่ นแสดงออกไป บาง

1

ท่านบางคนท่มี ีปัญญาสามารถก็ขบั ไลเ่ รอ่ื งกิเลสตณั หาออกไป
เป็นพระโสดา สกิทาคา หรอื เป็นพระอรหนั ต์ ในขณะท่ีฟังธรรมะ
อย่นู นั้ บางท่านบางคนก็ไมไ่ ดอ้ ะไร น่ีหมายถึงความตงั้ ใจ การ
สดบั รบั ฟังทงั้ ๆท่ีออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ไมไ่ ดอ้ อกจาก
ท่ีอ่ืน คนฟังก็มีหมู ีใจท่ีจะใครค่ ดิ ติดตามเร่ืองธรรมะดว้ ยกนั แต่
การขบั ไลก่ ิเลสภายในนนั้ ไม่เหมือนกนั บางท่านบางคนก็ได้
ผลไดป้ ระโยชนม์ าก บางท่านบางคนก็ไดน้ อ้ ย แตถ่ งึ อยา่ งไรก็ดี
การฟังธรรมะไม่ไดเ้ สีย ไมเ่ กิดโทษ เพราะธรรมะท่ีพระพทุ ธเจา้
แสดงออกไปหรอื อา่ นธรรมะตามตาํ รบั ตาํ ราก็ดี ธรรมะนนั้ ไม่
ชกั ชวนใหค้ นลมุ่ หลง ไมช่ กั ชวนใหค้ นมวั เมา เรอ่ื งธรรมะเป็น
เร่อื งกาํ จดั ปัดเป่าเรอ่ื งกิเลสในใจ ไมใ่ ชใ่ หส้ ะสม

น่ีพวกเราเคยไดย้ นิ ธรรมะมา บางทา่ นบางคนก็นบั ครูนบั
อาจารยไ์ มไ่ ด้ แตจ่ ิตใจก็ยงั วนุ่ วายก่อกวนเกิดทกุ ข์ เพราะเราไม่
นาํ ธรรมะท่ที ่านสอนนนั้ มาประพฤตปิ ฏิบตั ภิ ายในใหเ้ ขา้ ใจ
ธรรมะ เพียงแตจ่ ดจาํ ตามตาํ รบั ตาํ รา ตามลมปากของครูบา
อาจารยท์ ่ีแนะสอน มีแตส่ ญั ญาท่ีจาํ มาเทา่ นนั้ แตก่ ารเป็นในจิต

2

ในใจ ปฏิบตั เิ พ่ือเกิดปัญญาสามารถจรงิ จงั ไมม่ ี กิเลสจงึ ไม่กลวั
ความจาํ ถงึ จะจาํ ไดม้ ากขนาดไหน กิเลสก็ไมก่ ลวั ถา้ ประพฤติ
ปฏบิ ตั เิ กิดปัญญาขนึ้ ภายใน กิเลสกลวั มาก เพราะปัญญาเป็น
สงิ่ ท่ีตดั กระแสของกิเลสตณั หา ปัญญาจะเกิดขนึ้ ไดก้ ็อาศยั การ
สงั วรณร์ ะวงั จติ

ทางปรยิ ตั ทิ า่ นวา่ ปัญญาเกิดขนึ้ จากสมาธิ เม่ือสมาธิดี
อบรมสมาธิได้ ปัญญาเกิดขนึ้ น่ีปัญญาทางศาสนาทา่ นสอน
อย่างนนั้ คือเหน็ ในจิตในใจของผปู้ ระพฤติปฏบิ ตั เิ อง ไม่ใช่จาํ มา
จากท่ีอ่ืน แตป่ ัญญามนั กม็ ีหลายขนั้ สตุ มยปัญญา ปัญญา
เกิดขนึ้ จากการไดส้ ดบั รบั ฟัง การศกึ ษาเลา่ เรยี น จนิ ตามย
ปัญญา ปัญญาเกิดขนึ้ จากการคน้ คิดพนิ ิจพิจารณา น่ีสตุ มย
ปัญญา ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดขนึ้ จากอบรมภาวนา
ปัญญาทงั้ สองขนั้ คอื สตุ มยปัญญา จนิ ตามยปัญญานนั้ เป็น
ปัญญาของโลก สามารถท่ีจะทาํ อะไรถกู ตอ้ งดงี าม ไมค่ อ่ ย
พลาดผิด แตภ่ าวนามยปัญญาเป็นปัญญาทางธรรม สามารถท่ี

3

จะแกไ้ ขจติ ใจท่ีขอ้ งติดใหห้ มดออกไป ใหส้ ิน้ ออกไป ใหห้ าย
สงสยั พดู งา่ ยๆก็ใหห้ มดจากกิเลสได้

แตพ่ วกเราทกุ คนก็เคยไดย้ นิ ไดฟ้ ัง เคยไดอ้ า่ นตาํ รบั ตาํ รา
เคยคิดเคยปรุงสง่ิ ตา่ งๆนานา การภาวนาก็เคย แตป่ ัญญาท่ีจะ
เกิดขนึ้ เพ่ือสงั หารกิเลสนนั้ ยงั ไมม่ ี หรอื มีก็ยงั ไมเ่ พยี งพอ กิเลสจงึ
มีการรบกวน ใหจ้ ติ ใจฟงุ้ ปรุง ตดิ ขอ้ งเศรา้ หมองอยเู่ รอ่ื ยๆ ฉะนนั้
เราจงึ ควรอบรมปัญญาใหแ้ ก่กลา้ สามารถ ตดั กิเลสขาดออกไป
จากใจของเรา ภาวนามยปัญญานนั้ หมายถึงเราพนิ ิจพจิ ารณา
ดว้ ยจติ เป็นสมาธิหนกั แนน่ ม่นั คง พิจารณาอะไร พิจารณาไปๆ
ปัญญานนั้ จะเกิดขนึ้ ผดุ ขนึ้ บอกขนึ้ ในจิตในใจวา่ อนั นนั้ ผดิ อนั
นีถ้ กู เขา้ ใจชดั เจนเห็นประจกั ษใ์ นจิตในใจ เม่ือมนั รูเ้ หตผุ ลทกุ
ส่งิ ทกุ อย่าง ท่พี ิจารณาไปนนั้ มนั กห็ ายสงสยั ในจติ ในใจ ถงึ สงิ่
นนั้ จะมีอยทู่ ่วั โลก แตก่ ็ไม่ขอ้ งติดยดึ ถือเหมือนแตเ่ กา่ ก่อน
เพราะปัญญาของเราหย่งั รูเ้ ขา้ ใจเหน็ ชดั ในส่งิ นนั้ ๆ สมมตุ ิมนั
เป็นอยา่ งนนั้ วมิ ตุ ติมนั เป็นอยา่ งนี้ ขนั้ สมมตุ ิ ขนั้ ปรมตั มิ นั ทราบ
จากการภาวนา

4

การอบรมปัญญาทางภาวนาจงึ เป็นเรอ่ื งละถอนเรอ่ื งกิเลส
ตณั หาท่ีมีอยใู่ นจิตในใจ ทกุ คนมีสทิ ธิ์ท่ีจะฝึกจะอบรมจติ ใจของ
ตนได้ หากเราตงั้ ใจเหน็ วา่ เป็นของจาํ เป็นจรงิ จงั ไมท่ าํ ก็จะไม่
เกิดประโยชน์ เกิดมาไมท่ าํ ภาวนาเลย มนั ก็แก่ก็ตายเหมือนกนั
ผทู้ าํ ภาวนาถงึ แกถ่ ึงตาย จิตใจของท่านไมม่ ีการหว่นั ไหว ไม่มี
การเสียดายชีวิต ไม่ถือวา่ เกดิ มาเป็นโมฆะ ทา่ นมีความสขุ มี
ความสบายในจิตในใจของทา่ น กายมนั จะแตกสลายไป
เหมือนกนั แตท่ วา่ จติ ใจของท่านไม่หว่นั ไหว ไม่ลมุ่ หลง น่คี อื
อานิสงสเ์ กิดจากการภาวนา ผกู้ ระทาํ บาํ เพญ็ จะเหน็ จะเป็นใน
ตวั ของตวั เอง โดยไม่เช่ือคนอ่ืนเพราะเหน็ เพราะเป็นจากการ
ภาวนา จากสติจากปัญญาของตวั

ปัญญานีห้ ากเราอบรมใหเ้ ขา้ ถึงท่ีจรงิ จงั แลว้ มนั จะสามารถ
สงั หารกิเลสใหข้ าดออกไป ไมว่ า่ กิเลสประเภทไหนท่ีเกิดมา
ปัญญาจะตอ้ งตามพจิ ารณาในกิเลสนนั้ ๆ เพ่ือแกไ้ ขใหก้ ิเลส
นนั้ ๆหายไปจากใจ กิเลสก็คอื ความเศรา้ หมองของใจ ตณั หาก็
คอื ความอยากของใจ ราคะก็คือความกาํ หนดั ยนิ ดีในสง่ิ ตา่ งๆ

5

แตท่ า่ นพดู เป็นศพั ทท์ างธรรมะ ศพั ทข์ องธรรมะออกมาจากบาลี
ออกมาจากภาษาอ่นื ฉะนนั้ เราฟังตามตาํ รบั ตาํ ราหรอื ครูบา
อาจารยท์ ่ีทา่ นศกึ ษาดา้ นปรยิ ตั ิ เราไมเ่ คยในเร่อื งปรยิ ตั ิ พอทา่ น
ยกบาลีขนึ้ เราจงึ ฟังไมค่ อ่ ย ผปู้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ินนั้ ไมท่ ราบวา่ เป็น
บาลีหรอื อะไร ตอ้ งพจิ ารณาในกายในใจของตวั เรอ่ื ยไป เพราะ
กายใจเป็นท่ีตงั้ ของมรรคของผล

กายใจเป็นท่ีตงั้ ของราคะ โทสะ โมหะ ไมใ่ ชท่ ่ีอ่ืนเป็นท่ีตงั้
ท่านจงึ จบั มาพิจารณาอนั นี้ มีความอยากใหญ่ใฝ่สงู ไมม่ ีขอบมี
เขต ถึงมีอยมู่ ีกินเพียงพอบรบิ รู ณแ์ ลว้ แตค่ วามอยากมนั ก็
ทวีคณู ขนึ้ ทบั ถมขนึ้ เม่ือความอยากมนั มีมากเทา่ ไร มนั ก็ให้
ทกุ ขใ์ หโ้ ทษแกต่ วั ของตวั เพราะความอยากมนั เป็นพษิ
เหมือนกนั กบั ไฟ ความอยากมนั ไหมม้ นั เผามนั รอ้ น คนท่มี ีความ
อยากอย่ใู นใจถึงจะม่งั มี ขา้ วของเงนิ ทองขนาดไหนจงึ ไม่มี
ความสขุ ให้ เพราะความอยากมนั เป็นภยั แก่ความสงบ ความ
อยากเป็นเสยี้ นหนามสาํ หรบั ท่ิมแทงจติ ใจใหเ้ จ็บปวดเดอื ดรอ้ น
การพิจารณาธรรมะเพ่ือแกไ้ ขความอยากนนั้ ก็แลว้ แต่

6

สติปัญญาของใครจะนาํ มาพนิ ิจพจิ ารณา ถา้ หากมนั เกิดขนึ้ กบั
จิตกบั ใจจรงิ จงั แลว้ มนั ทราบ มนั ตดั ขาดเร่อื งความอยาก ทงั้ ๆท่ี
ของนนั้ มีอยู่ แตเ่ ราอย่เู หนือของ ของไม่ไดม้ าทบั ถมจิตใจของเรา
โอกาสท่ีเราจะใชเ้ ราก็ใชไ้ ปตามสะดวกสบาย แตถ่ ือวา่ ของนนั้
เป็นของภายนอก ไม่ไดย้ ดึ ไดถ้ ือวา่ เป็นของของเราจรงิ ๆจงั ๆ จน
เกิดความเสยี ใจ รอ้ นใจ

การพนิ ิจพิจารณาอยา่ งนี้ ก็พจิ ารณาถงึ วา่ คนเกิดมาไมว่ า่
ผหู้ ญิงผชู้ าย ไม่มีใครนาํ สง่ิ ของมาได้ จะเป็นผา้ น่งุ ผา้ หม่ เป็น
เงินเป็นทองไม่เคยมีใครหอบหิว้ หาบหามมาจากทอ้ งของมารดา
มาดว้ ยตวั เปลา่ ๆ เม่ือมาแลว้ ก็แสวงหาตามหนา้ ท่ีเพราะรา่ งกาย
นีเ้ ป็นอย่ดู ว้ ยอาหาร เป็นอยดู่ ว้ ยปัจจยั ทงั้ ๔ เป็นท่ีพกั ท่ีอาศยั
จะเป็นนกั บวชก็ตาม เป็นฆราวาสก็ตาม ปัจจยั ทงั้ ๔ นีเ้ ป็นเร่อื ง
สาํ คญั ท่ีทกุ ทา่ นจาํ เป็นจะตอ้ งแสวงหาปัจจยั ทงั้ ๔ เป็นภาษา
ของวดั ทา่ นกลา่ วเอาไวว้ า่ จีวร จีวรหมายถงึ ผา้ จะเป็นผา้ น่งุ ผา้
หม่ ผา้ ขาว ผา้ เขียว ผา้ แดง ผา้ เหลืองอะไร เรยี กวา่ จวี รทงั้ นนั้
จาํ เป็นท่ีคนเกิดมาจะตอ้ งอาศยั หนาวมากจ็ ะตอ้ งนงุ่ หม่ รอ้ นมา

7

ก็จะตอ้ งปกปิดรา่ งกายเพ่ือกนั แดดกนั เหลือบกนั ยงุ ตา่ งๆ กนั
ความละอาย มนษุ ยท์ ่วั ไปเป็นอยา่ งนนั้ ไม่วา่ ชาติชนั้ วรรณะไหน
แลว้ แต่ เกิดมาแลว้ จะตอ้ งแสวงหาจีวรคอื ผา้ มาน่งุ มาหม่
ตอนตน้ ท่ีเรายงั เป็นเดก็ แสวงหาไมไ่ ด้ ก็อาศยั ผหู้ ลกั ผใู้ หญ่หามา
ให้ ใหญ่มาเราก็แสวงหาเอง น่ีเป็นเร่อื งจาํ เป็นขอ้ หนง่ึ ซง่ึ เรยี กวา่
ปัจจยั เคร่อื งอาศยั ของมนษุ ย์

บณิ ฑบาตขอ้ ท่ีสอง ก็หมายถงึ อาหาร ไมว่ า่ ชาวบา้ นนกั บวช
รา่ งกายอนั นีจ้ ะตอ้ งเป็นอย่ดู ว้ ยอาหาร ถา้ ขาดอาหารนานเขา้
มนั ก็ตาย เพราะไมม่ ีกาํ ลงั เรย่ี วแรงท่ีจะแสวงหาทรพั ยส์ มบตั ิ
อะไรได้ อาหารจงึ เป็นเร่อื งสาํ คญั ท่ีสตั วจ์ ะอย่ไู ดก้ ็อาศยั อาหาร
กายอนั นีเ้ ติบโตมาไดก้ ็เพราะอาหาร ฉะนนั้ อาหารจงึ จะตอ้ ง
แสวงหา พระไมไ่ ดไ้ ปทาํ การทาํ งาน ทาํ ไรท่ าํ นาคา้ ขาย กไ็ ป
บณิ ฑบาตก็คอื หาอาหารมาเลีย้ งรา่ งกายน่ีเอง พวกญาติโยมก็
แสวงหาตามหนา้ ท่ีของตน มีวชิ าความรูแ้ ขนงไหนก็ทาํ ไปเพ่ือจะ
ไดอ้ าหาร ถงึ เราหาเงนิ หาทองก็เอามาซอื้ อาหารเลยี้ งปากเลีย้ ง

8

ทอ้ งของตวั อาหารจาํ เป็นขอ้ หนง่ึ ซง่ึ เรยี กวา่ ปัจจยั เคร่อื งอาศยั
ของผเู้ กิดมาท่ีมีชีวิตเป็นอยู่

เสนาสนะหมายถึงท่ีอยอู่ าศยั จะเป็นกฏุ วิ หิ าร ศาลาโรงรา้ น
หรอื ตกึ บา้ นตา่ งๆ เรยี กเสนาสนะ น่ีก็เป็นเรอ่ื งจาํ เป็นท่ีมนษุ ย์
เกิดมาจะตอ้ งหา สรา้ งท่ีอยทู่ ่ีอาศยั ยาสาํ หรบั แกโ้ รคภยั ไขเ้ จ็บก็
เป็นอกี ประเภทหน่งึ น่ีคือปัจจยั ๔ ปัจจยั ทงั้ ๔ นีไ้ มว่ า่ นกั บวช
ฆราวาสจะตอ้ งจาํ เป็นดว้ ยกนั ทงั้ นนั้ แตน่ กั บวชนนั้ มพี ระวินยั ท่ี
ตอ้ งรกั ษามากกวา่ เพศของฆราวาส ถา้ หากแสวงหาไมถ่ กู ตอ้ ง
ตามพระวินยั ก็เกิดโทษ ทา่ นปรบั อาบตั ทิ างศาสนา มีพระวินยั
ของพระของเณรประจาํ ตวั อยู่ ฉะนนั้ ปัจจยั ทงั้ ๔ นี้ เราจะตอ้ ง
แสวงหา แตป่ ัจจยั ทงั้ ๔ นีจ้ ะแสวงหามาไดม้ ากขนาดไหนก็ไม่
สามารถท่ีจะลบลา้ งอรยิ สจั คอื คาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ ได้ เม่ือมี
ลมหายใจเป็นอยกู่ ็ตอ้ งหามาบาํ รุงรกั ษา

แตท่ วา่ ปัจจยั อนั นีม้ มี ากก็หา้ มความแกไ่ มไ่ ด้ หา้ มความ
ตายไมไ่ ด้ ถงึ กาลถงึ เวลาเราก็จะตอ้ งแกต่ อ้ งตายไปตามธรรมดา
ถึงจะหงึ หวงขนาดไหนก็ไมม่ ีทางท่ีจะรกั ษาไวไ้ ด้ คือเราไม่ตาย

9

จากมนั มนั ก็จะหายจากเรา หนา้ ท่ีของมนั เป็นอยอู่ ยา่ งนี้ เรา
โลภขนาดไหน อยากไดข้ นาดไหน แสวงหามาไดม้ ากขนาดไหน
เม่ือเวลาเราตายไปเลา่ เอาไปไดไ้ หม ไมเ่ หน็ ใครในโลกท่ีเขา
หอบหวิ้ หาบหามสมบตั อิ อกไปจากโลก สมบตั ิของโลกเป็น
สมบตั ิของโลกอยอู่ ยา่ งนนั้ เราท่ีลมุ่ หลงติดขอ้ ง ไปท่ีไหนไมไ่ ด้
ห่วงส่งิ หว่ งของ กลวั มนั จะวบิ ตั ิฉิบหายอยา่ งนนั้ อยา่ งนี้ ก็ทาํ นอง
เดยี วกนั จะหงึ จะหวงขนาดไหน หาตาํ รวจทหารมารกั ษา หาคน
ยามมาเฝา้ มนั ก็มาเอาไปไม่ได้ เวลาตายก็ไปแตต่ วั เปลา่
รา่ งกายของเราก็เคา้ เอาไปฝังตามหนา้ ท่ี ถงึ เคา้ ไมเ่ ผาไมฝ่ ังมนั ก็
เป่ือยเนา่ ไปตามธาตขุ องมนั

ถา้ หากพจิ ารณาไปตามธรรมะอยา่ งนี้ จติ ใจท่ีโลภอยากได้
อยา่ งนนั้ อยา่ งนีเ้ กินขอบเขต มนั ก็พอท่ีจะสงบระงบั ได้ เพราะ
ตายไปแลว้ เอาไปไมไ่ ด้ ถา้ หากเอาไปได้ คนท่ีเคา้ เกิดมากอ่ น
ตายไปกอ่ น เคา้ เอาไปหมด เราไม่มีท่ีอยทู่ ่ีอาศยั ท่ีดนิ ไม่วา่ ตอน
ไหนจงั หวดั ใด มีคนเคยเกิดเคยตายดว้ ยกนั ทงั้ นนั้ เคยมเี จา้ ของ
มากอ่ นเราเกดิ นบั ไม่ถว้ น บางทีขดุ ลงไปลกึ ๆอย่างบา้ นเชียงน่ี ก็

10

ยงั ไปเหน็ กระดกู กองกนั อยนู่ ่นั แสดงวา่ เคา้ เคยตายมากอ่ นเรา
เคา้ เคยเป็นเจา้ ของท่ีดนิ แถวนนั้ มากอ่ น แตเ่ คา้ เอาไปไมไ่ ด้ เรา
จงึ ไดอ้ ยไู่ ดอ้ าศยั เราท่ีหงึ หวงโลภหลงอย่นู ีก้ ็ทาํ นองเดียวกนั
เพ่ือจะตดั ความโลภความอยากไดใ้ นจติ ในใจใหเ้ บาบางไป

แตพ่ ระพทุ ธเจา้ ไมไ่ ดส้ อนใหค้ นเกียจครา้ น ใหค้ น
ขยนั หม่นั เพียร อฏุ ฐานสมั ปทา ถึงพรอ้ มดว้ ยความหม่นั ความ
ขยนั จะทาํ การทาํ งานอะไรใหต้ งั้ ใจทาํ แตอ่ ยา่ ใหส้ ง่ิ ของนนั้ มา
ทบั ถมจิตใจจนเกนิ ไป อยากไดจ้ นเกินขอบเกินเขต คอื อยากได้
ดว้ ยการแสวงหาทางสจุ รติ ไมไ่ ด้ ก็โกงเคา้ โลภลกั ขโมยจปี้ ลน้
เคา้ น่ีมนั เป็นทางผิดศลี ธรรมท่ีพระพทุ ธเจา้ สอน พระพทุ ธเจา้ จงึ
ใหพ้ นิ ิจพจิ ารณาธรรมะเพ่ือชาํ ระใจ อยากไดข้ นาดไหน ไดม้ า
แลว้ ก็เอาไปไมไ่ ด้ เม่ือเราทราบ เราเขา้ ใจในตวั ของตวั จรงิ จงั
อย่างนนั้ ความอยากท่ีมนั เคยอยาก วนุ่ ว่วี นุ่ วายอยใู่ นใจ นอน
ไม่หลบั อยากอนั นนั้ อยากอนั นี้ เป็นเศรษฐีในเมืองไทยไมพ่ อ ยงั
อยากเป็นเศรษฐีของโลก มนั ก็เลยไม่จบไมส่ ิน้ ให้ เลยเป็นทกุ ข์
ทงั้ ๆท่ีขา้ วของกินตลอดวนั ตายก็ไมห่ มด แตค่ วามอยากมนั ไม่มี

11

เวลาอีกเหมือนกนั กบั ไฟ เชอื้ มีเท่าไร ไหมเ้ ทา่ นนั้ ไฟไม่เคยอ่ิม
เชือ้ มีมากไหมม้ าก น่ีความอยากของจิตของใจก็ทาํ นอง
เดียวกนั

ทา่ นจงึ ใหม้ ีฝ่ังมีฝามีขอบมีเขต มีธรรมะเป็นเครอ่ื งดบั เอาไว้
อยา่ ใหม้ นั เลยขอบเลยเขต เลยเถิดไป ถา้ คนมีธรรมะจะตอ้ งแนะ
สอนตวั ของตวั ใหจ้ ติ สงบ ใหจ้ ิตระงบั ใหจ้ ติ รูแ้ จง้ เขา้ ใจจรงิ อย่าง
นนั้ ใจจะไม่โลภ ไม่หลงจนเกินขอบเกินเขตไป น่ีหมายถงึ ผู้
ภาวนามีจิตใจม่นั คงในอรรถในธรรม พจิ ารณาเหน็ เขา้ ใจชดั เจน
ในตวั เองอยา่ งนนั้ ความโลภอยากไดม้ กั ใหญ่ใฝ่สงู ก็คอ่ ยดบั ไป
เบาไป สบายไป

ความโกรธในจติ ในใจก็ทาํ นองเดยี วกนั โกรธนีไ้ ม่เป็นสง่ิ ท่ีดี
เผาตวั ไหมต้ วั ใหช้ ่วั ใหเ้ สยี คนท่วั ไปเคา้ ไมน่ ิยมชมชอบ เคา้ ไม่
สรรเสรญิ คนโกรธถงึ รกั กนั ชอบกนั อยู่ เม่ือโกรธขนึ้ มา วาจาพดู
ออกมาก็ไมน่ า่ ฟัง เป็นวาจาท่ีเนา่ วาจาท่ีเหมน็ เป็นวาจาท่ีเป็น
พษิ หนา้ ตาท่ีเคยสวยสดงดงาม กเ็ ป็นหนา้ ตาเป็นยกั ษเ์ ป็นมาร
ขนึ้ รกั กนั ชอบกนั อยกู่ ็รบี หนี เพราะกลวั ความโกรธของเขา เขา

12

จะฆา่ จะตีเอา ความโกรธมนั เป็นอยา่ งนี้ ไมม่ ีใครชอบ ไม่มีใคร
ยินดี ไม่มีใครสรรเสรญิ คนอ่ืนโกรธ เราเหน็ เขา้ เราก็ไม่ชอบ ไฉน
ตวั ของเราเองจะไปโกรธใหค้ นอ่นื โกรธขนึ้ มนั มีความสงบมี
ความสขุ มยั้ กพ็ จิ ารณาหาสาเหตขุ องมนั ถา้ มนั เป็นโทษเป็น
ทกุ ข์ ไม่เกิดสาระประโยชนอ์ ะไรให้ เราวา่ เราเป็นคน เป็นผฉู้ ลาด
ทาํ ไมจงึ เก็บของเนา่ ของเหมน็ ของไม่มีคณุ คา่ ราคา ของไมม่ ี
สาระประโยชน์ ของเป็นโทษเป็นทกุ ขเ์ อามาไวใ้ นจิตในใจของตวั
พิจารณาตวั ของตวั อย่างนี้ เพ่ือแกไ้ ขขบั ไลค่ วามโกรธในจิตในใจ
ใหต้ กออกไป ใหห้ ลดุ ออกไป

เม่ือพจิ ารณามนั ไม่มีคณุ คา่ สาระอยา่ งนนั้ เราเขา้ ใจชดั เจน
ในจติ ในใจ เราก็ปลอ่ ยไป ละไปได้ ถา้ เราไมเ่ หน็ ในจติ ในใจของ
ตน เหน็ คนอ่นื โกรธ เราไมช่ อบ แตต่ วั ของตวั โกรธ ไมเ่ หน็ น่นั ไม่
มีทางท่จี ะแกไ้ ขจิตใจของตวั ใหเ้ ยือกเยน็ สงบได้ เราตอ้ งดเู รอ่ื ง
คนอ่ืน ดใู นจิตในใจของตวั สง่ิ ท่ีช่วั คนอ่นื ทาํ เราตาํ หนิ แตเ่ ม่ือ
เราทาํ เรากลบั ชอบกลบั ยินดีอยา่ งนี้ จะเป็นบณั ฑติ เป็นผฉู้ ลาด
เป็นผปู้ ระเสรฐิ วิเศษไม่ได้

13

พระพทุ ธเจา้ สอนธรรมนนั้ ทา่ นทาํ ไดท้ กุ สิ่งทกุ ประการไป
ท่านจงึ มาสอนคน ไมใ่ ชท่ ่านทาํ ไมไ่ ด้ ทา่ นระงบั ดบั ไดท้ กุ อยา่ ง
เรอ่ื งโทษทกุ ข์ ทา่ นจงึ มาสอน จงึ เกิดสาระประโยชน์ คนอ่นื จะ
ตาํ หนนิ ินทาวา่ กลา่ วทา่ นขนาดไหน ท่านทราบในพระทยั ของ
ท่านวา่ จติ ของเรารบั มยั้ ยงั เอนเอียงไปตามเรอ่ื งท่ีเคา้ ติฉินนนิ ทา
หรอื ไม่ ทา่ นจะตอ้ งดใู นพระทยั ของทา่ น อนั นีถ้ า้ หากเราไม่
พิจารณา ไม่มธี รรมะ ก็มกั อยากจะหยบิ เอาฉวยเอา เคา้ พดู อะไร
สรรเสรญิ ก็ลืมเนือ้ ลมื ตวั วา่ เราน่ีดีน่ีเดน่ เคา้ ตาํ หนินินทาวา่ กลา่ ว
ตา่ งๆนานาเราก็หยิบก็ฉวยเอา วา่ เคา้ พดู อยา่ งนนั้ เคา้ ตาํ หนิ
อยา่ งนี้ โกรธขนึ้ ในจติ ในใจ ลว้ นแตเ่ ป็นทกุ ขเ์ ป็นโทษทงั้ นนั้

ถา้ ผทู้ ่ีมีธรรมะไม่เป็นอยา่ งนนั้ เคา้ จะสรรเสรญิ ขนาดไหน
จติ ใจของท่านก็ยงั คงเสน้ คงวา ไม่บา้ บอไปตามลมปากของคน
เคา้ จะนนิ ทาขนาดไหนก็เป็นลมปากของเขา เราเป็นอยา่ งไร
บรสิ ทุ ธิ์หรอื ไม่ เราจะตอ้ งทราบในจติ ในใจของเรา เม่ือเรา
บรสิ ทุ ธิ์ เราไมไ่ ปทาํ ผดิ พดู ผดิ คดิ ผดิ อยา่ งท่ีเคา้ ตาํ หนินนิ ทาเรา
เราจะไปโกรธกบั เขานนั้ สมควรแลว้ หรอื จะตอ้ งดตู อ้ งรูใ้ นจติ ใน

14

ใจของตวั พระพทุ ธเจา้ เคยโดนคนดา่ คนวา่ จงึ ไดพ้ ดู ผกู เป็น
ภาษิตขนึ้ นตฺถิ โลเก อนินทฺ โิ ต คนไม่ถกู นินทาไม่มีในโลก จะดี
ขนาดไหน วเิ ศษขนาดไหน พระพทุ ธเจา้ ไม่เคยมีกิเลสตณั หาใน
ใจ ไมเ่ คยทาํ อะไรใหผ้ ดิ ความจรงิ แตถ่ งึ กระนนั้ คนท่ีไมช่ อบไม่
ยินดใี นทา่ น เคา้ ก็ตาํ หนิ เคา้ ก็นินทา ดา่ ไออ้ ฐู ไอล้ า ไอห้ วั โลน้
อย่างนนั้ อยา่ งนี้ เคยมีเคยพบมาพระพทุ ธเจา้ ตวั ของเราก็เป็น
คนธรรมดาสามญั จะไปหลบหลีกปลีกตวั ท่ีไหน จะไมใ่ หค้ นเคา้
นินทาตาํ หนิ จะใหเ้ คา้ สรรเสรญิ เยนิ ยอโดยถา่ ยเดียว มนั เป็นไป
ไมไ่ ด้

เม่ือเคา้ นนิ ทามา แตท่ วา่ เราไมเ่ ป็นไปตามคาํ นินทาของเขา
ตามคาํ ตาํ หนิของเขา เราจะมีทางเสยี หายอะไรใหต้ รวจตรา
พิจารณาดใู จของตวั น่ีคือผทู้ ่ีมีธรรมะ อยา่ ไปรบั ของเนา่ ของ
เหมน็ ของไม่เป็นสาระประโยชน์ ถา้ หากวา่ ตวั ฉลาด ตวั รู้ ของไม่
มีคณุ คา่ สาระ เคา้ เอาอะไรมาใหก้ ็จะกาํ เอา ทงั้ ๆท่ีของนนั้ เป็น
ของเนา่ ของเหม็น ของปฏกิ ลู โลภ โกรธ หลงก็เป็นของเนา่ ของ
เหมน็ ของปฏิกลู ผฝู้ ึกอบรมภาวนาจงึ ควรชาํ ระออกจากจิตจาก

15

ใจของตวั เม่ือเราชาํ ระออกไปไดม้ ากเทา่ ไร ความเนา่ เหมน็ ของ
จติ ของใจก็เบาบางไปเทา่ นนั้ เราก็สขุ เราก็สบาย เราก็สงบ เราก็
เยือกเยน็ เพราะสิ่งเหลา่ นนั้ ท่ีเนา่ ท่ีเหมน็ คอื ความช่วั ผลของมนั
ก็คอื ทกุ ข์ เพราะจติ ไม่รูต้ ามเป็นจรงิ จงึ ไปรบั ของช่วั ของเหมน็
ของเนา่ เอามาไว้ น่ีคอื การพจิ ารณาชาํ ระใจของตวั

ผพู้ จิ ารณาผมู้ ีธรรมะในใจทา่ นอย่ใู นโลกจงึ ไมแ่ ปดเปื้อนไป
ดว้ ยโลก เหมือนกนั กบั ใบบวั อย่ใู นนา้ํ แตท่ วา่ ไม่ซมึ ซาบ ถึงนา้ํ
จะมาตกคา้ งในใบบวั เด๋ียวมนั กห็ ลดุ ก็หลน่ ออกไป ไหลออกไป
ใบบวั ไมเ่ คยซมึ ในนา้ํ ท่ีไปถกู ไปตอ้ ง น่ีจิตใจของทา่ นท่ีมธี รรมะ
ชาํ ระกิเลสตณั หาไดก้ ็ทาํ นองเดยี วกนั ทา่ นจงึ อย่ใู นโลกดว้ ย
ความสขุ ความสบาย ไมล่ มุ่ หลงวนุ่ วายเหมือนพวกเรา กิเลสใน
จิตในใจของมนษุ ย์ มนั มีดว้ ยกนั ทกุ ทา่ นทกุ คนแลว้ แตจ่ ะนอ้ ย
มากตา่ งกนั เทา่ นนั้ บางทา่ นก็มีความโกรธมาก บางทา่ นก็มี
ความโลภมาก บางทา่ นก็มีความหลงมาก บางทา่ นก็มีราคะ
ตณั หามาก แตท่ กุ ส่งิ ทกุ อยา่ งธรรมะของพระพทุ ธเจา้ มีเพ่ือจะ
รกั ษาโรคประเภทนี้ ถา้ หากนาํ ธรรมะพระพทุ ธเจา้ มารกั ษาดว้ ย

16

สติดว้ ยปัญญา ดว้ ยการพิจารณาจรงิ จงั โรคท่ีมีอย่ใู นจติ ในใจ
คือกิเลสตณั หา มานะทฐิ ิตา่ งๆ คอ่ ยจะสะอาดไป ตกไป หลดุ ไป

การพจิ ารณาธรรมะ การฝึกจติ ฝึกใจ อบรมใหเ้ ป็นธรรมะจงึ
เป็นหนา้ ท่ีของพวกเราทา่ นทกุ คน ผชู้ อบสงบ ผชู้ อบความสขุ ผู้
ชอบความเยน็ ใจสบายใจ จะตอ้ งกระทาํ บาํ เพญ็ ใหเ้ หน็ ใหเ้ ป็น
ใหร้ ูใ้ นตวั ของตวั ไมอ่ ยา่ งนนั้ จะแก่ขนาดไหน ใจมนั ก็ยงั ติดยงั
ขอ้ ง ยงั ลมุ่ ยงั หลงยงั โกรธยงั เพลนิ ในโลกเรอ่ื ยไป เพราะไม่มี
ธรรมะในจิตในใจของตวั ถา้ มีธรรมะ ไมเ่ ป็นอย่างนนั้ ถงึ ส่ิงอ่นื
มนั จะมีอยกู่ ็รูก้ ็เขา้ ใจ แตไ่ มต่ ดิ ไม่ขอ้ งในสิง่ นนั้ ๆ มีธรรมะมี
ปัญญาท่ีจะแกไ้ ขใจของตวั ใหส้ ขุ ใหส้ บายใหส้ ะอาด หายจาก
ความวนุ่ วายกอ่ กวนได้ น่ีคอื ธรรมะท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงสอน
มนษุ ยท์ ่วั ไปใหฝ้ ึกอบรมจติ ใจของตวั

จิตใจช่วั จิตใจเสยี มนั หมดคณุ คา่ หมดสาระ สมบตั ิขา้ วของ
ภายนอกทางโลกจะมีมากมายขนาดไหน ถา้ หากใจไมป่ กติ ใจ
วิปรติ รกั ษาไมไ่ ด้ สว่ นสมบตั ิภายในคือสตปิ ัญญา มนั ก็หมดไป
หายไป น่ีคือคนท่ีจติ วปิ รติ จติ ไม่ฝึกไมอ่ บรมธรรมะ คนท่มี ีจิตดี

17

ถงึ รา่ งกายจะไมส่ วยสดงดงาม ถงึ หนา้ ตาจะไมย่ มิ้ แยม้ แจ่มใส
แตจ่ ิตใจเยือกเย็น คนเหน็ เบอื้ งตน้ ก็ไม่ชอบพอเพราะหนา้ ตาไม่
สวยงามให้ แตเ่ ม่ือคบคา้ สมาคมนานเขา้ รูจ้ กั นิสยั วา่ มีจิตใจ
เยือกเยน็ ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ มนั กเ็ กิดคณุ คา่ มีคนนิยมเช่ือถือ อยาก
ไดเ้ พราะใครไปเก่ียวขอ้ งก็เกิดความสขุ ความสบายในจติ ในใจ น่ี
คอื คณุ คา่ ของธรรมะทางจติ ทางใจซง่ึ ทกุ คนฝึกอบรมได้ เพราะ
จิตใจเป็นสง่ิ ท่ฝี ึกได้ นอ้ มไปได้ ไม่ใช่มนั เหลอื วสิ ยั

ความจรงิ แลว้ ถา้ หากเราจบั ผดิ ในจิตในใจของเรา เราศกึ ษา
จิตใจของเรา เราจะฉลาด จะรอบรู้ จะเกิดธรรมะธรรมโมให้
จติ ใจนีน้ บั วา่ เป็นส่งิ ท่ีพลกิ แพลงง่ายท่ีสดุ หลงใหลงา่ ย ยดึ ถือ
ง่าย ถา้ หากเราสงั เกต ถา้ เราไม่สงั เกตก็ไมเ่ หน็ ความเป็นอย่าง
นนั้ ทงั้ ๆท่ีสง่ิ เหลา่ นนั้ ไม่มีอยใู่ นตวั ของเรา เราก็โกรธได้ รกั ได้
ยนิ ดไี ด้ เสียใจได้ เพราะเราไมต่ รวจตราพิจารณาภายใน ถา้ เรา
ตรวจตราพิจารณาภายในอยา่ งท่ีอธิบายมา เคา้ สรรเสรญิ
เยินยอ เราดีอย่างเคา้ ลมปากเคา้ วา่ หรอื ไม่ ถา้ เราไมด่ เี ราก็ไม่

18

ควรไปยินดี ควรตงั้ หนา้ ตงั้ ตาฝึกรกั ษา ใหส้ มกบั คาํ ท่ีเขาชมเรา
วา่ เรารูเ้ ราฉลาด เรามีสติ เรามีปัญญา เราเป็นคนท่ีมีธรรมะ

ถา้ เราไมฝ่ ึก ไม่อบรมตวั ของตวั อยา่ งนนั้ เคา้ สรรเสรญิ แลว้ ก็
ลืมหลงตวั ไป วา่ ดวี า่ เดน่ อยา่ งนนั้ มนั เกิดทกุ ขเ์ กิดโทษในตวั
ภายหลงั เพราะมนั ไมม่ ีอะไร พอเคา้ ตาํ หนินินทาใหเ้ รากจ็ ะ
เสียใจอกี เคา้ ตาํ หนินินทาถา้ หากมนั ไมม่ ีมลู เหตุ เราก็ไม่ควรจะ
ไปเสียใจ ควรจะสอนตวั วา่ มนั ช่วั มนั เสยี อย่างเคา้ วา่ เราควรจะ
แกส้ าเหตขุ องมนั เคา้ ตาํ หนิเราไม่ดีอยา่ งนนั้ เราอยา่ ไปทาํ อีก
พดู อกี ในสง่ิ ท่ีไม่ดี ถา้ เราไปทาํ อกี พดู อีก เคา้ ก็จะตาํ หนิอกี น่เี ป็น
ทางท่ีจะแกไ้ ขลมปากภายนอกหากเรามีปัญญา ไม่วา่ ทาง
สรรเสรญิ หรอื นินทา

ถา้ หากเรามีปัญญานาํ มาสอนจติ มาพนิ ิจพิจารณา มนั ก็
เป็นธรรมะ ถา้ หากเราไม่มีปัญญา ตะครุบเรอ่ื ยไป เคา้ วา่
อย่างไรก็ตะครุบอยา่ งนนั้ ไม่เกิดผลเกิดประโยชนใ์ ห้ มีแตจ่ ะเกิด
ความดใี จเสียใจตามคาํ สรรเสรญิ นินทาเทา่ นนั้ ผลท่ีสดุ เลย
ไม่ตงั้ ม่นั เพราะคนท่วั โลกเคา้ จะยนิ ดเี ล่อื มใสเตม็ ใจมาสรรเสรญิ

19

เรานนั้ มนั เป็นไปไมไ่ ด้ คนท่วั โลกเคา้ จะนนิ ทาวา่ ทกุ ขว์ า่ โทษ
ตา่ งๆแกเ่ รา มนั ก็เป็นไปไม่ได้ ผทู้ ่ีมนั ชอบมนั ก็สรรเสรญิ ผทู้ ่ีมนั
ไมช่ อบ มนั ก็นนิ ทา มนั เป็นธรรมดาเรอ่ื งลมปาก เราก็เป็นสตั ว์
โลกคนหนง่ึ ตวั หนง่ึ มนั จะตอ้ งพบตอ้ งเหน็

เม่ือเกิดมาในโลก เราตอ้ งตงั้ ม่นั พจิ ารณาในธรรมะ สว่ นใดท่ี
ควรละ สว่ นใดท่ีควรบาํ เพญ็ ใหเ้ หน็ ในจติ ในใจของตน วา่ สงิ่ นี้
ควรละ รบี ละรบี ถอนออกไป เพราะเก็บเอาไวเ้ ป็นพษิ เป็นภยั
เกิดทกุ ขเ์ กิดโทษ สง่ิ ใดควรบาํ เพญ็ กบ็ าํ เพญ็ เรอ่ื ยไป ใหจ้ ติ ใจ
เล่ือมใส ใหจ้ ิตใจเยือกเยน็ ใหจ้ ติ ใจเหน็ แจง้ ในสง่ิ นนั้ ๆ น่คี ือการ
ฝึกธรรมะ อบรมธรรมะ แนะสอนธรรมะใหแ้ กต่ วั ของตวั ถา้ หาก
ไมฝ่ ึก ไมร่ กั ษา ไม่เอาธรรมะมาประดบั คนรา่ งกายเป็นมนษุ ย์
แตจ่ ิตใจมนั ก็เป็นสตั วน์ รก เป็นเปรต เป็นอสรู กายอย่ดู ๆี ไมม่ ี
อะไรผดิ แปลกแตกตา่ งกบั สตั วเ์ หลา่ นนั้ เพราะราคะตณั หา
มานะทิฐิทกุ อย่าง สตั วอ์ ่นื มนั ก็มีได้ เป็นไปได้ แตด่ ว้ ยอาํ นาจ
ของปัญญา ดว้ ยอาํ นาจของธรรมะท่ีฝึกอบรมรกั ษาเท่านนั้ จงึ
จะเป็นผดู้ ีวเิ ศษย่งิ กวา่ สตั ว์

20

ฉะนนั้ ทกุ คนจงึ ควรหาธรรมะมาประดบั กายวาจาของตวั ผู้
ท่ีมีธรรมะอย่สู ถานท่ีใด ไปสถานท่ีใด เป็นสิรมิ งคลแก่สถานท่ี
ไปสถานท่ีใด ทาํ ความสขุ ความสบายความเยือกเย็นให้ ไม่เป็น
ภยั อนั ตราย น่ีคอื คนมีธรรมะ เป็นสคุ โต ไปดี มาดี อยดู่ ี กินดี
นอนดี น่งั ดี เพราะจติ ของทา่ นดี จิตของทา่ นมีธรรมะ ยอม
เสยี สละเร่อื งทฐิ ิมานะกิเลสตณั หาใหห้ มดออกไป ตกออกไป
จากใจ พระพทุ ธเจา้ สาวกทา่ นดวี เิ ศษไดเ้ พราะท่านฝึกอบรม
จติ ใจของท่าน เร่อื งรา่ งกายเหมือนกนั กบั พวกเรา โรคภยั ไข้
หนาว…มี ไมอ่ ย่างนนั้ ทา่ นก็ไม่ปรนิ ิพพาน ความแก่ ความเจบ็
ความตาย มีเหมือนกนั แตจ่ ิตใจของท่านไม่เคยมีป่าชา้ ไม่เคย
ตาย จะไปเกิดภพใดชาตใิ ดอีก ก็ความจรงิ อย่ใู นจิตมีอะไรท่ีเป็น
พิษเป็นภยั ท่ีจะไปก่อภพก่อชาติอกี ก็ทราบ

น่ีคือการปฏบิ ตั ิอรรถธรรมท่ีพระพทุ ธเจา้ สอน เห็นประจกั ษ์
ในจิตในใจของตน ในผปู้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ประจกั ษอ์ ย่อู ยา่ งนนั้
ท่านจงึ ไมห่ ลงใหลใฝ่ฝัน ไมบ่ า้ ไมบ่ อเหมือนพวกเรา เห็นอะไรก็
ชอบจิตตดิ ใจง่ายๆ เห็นอะไรก็โกรธงา่ ยๆ ทงั้ ๆท่ีไม่พิจารณาวา่

21

เป็นทกุ ขเ์ ป็นโทษอยา่ งไรในส่งิ นนั้ ๆ น่ีคอื คนขาดธรรมะ ขาดสติ
ขาดปัญญา ไม่สามารถท่ีจะแกไ้ ขใจของตวั ใหเ้ ยือกเยน็ ใหส้ ขุ
ใหส้ งบได้ เพราะขาดธรรมะ

ถา้ มีธรรมะก็เหมือนกนั กบั เรามีอาวธุ ไปสถานท่ีใดเม่ือมี
อาวธุ อย่ใู นตวั แลว้ ไม่คอ่ ยกลวั ภยั อนั ตรายเพราะอาวธุ เรามี ถงึ
มีอปุ สรรค มีศตั รูมา เราก็อาศยั อาวธุ เราจะตอ่ สู้ น่ีไม่มีอาวธุ
อะไร ไมว่ า่ ตงั้ แตเ่ สอื อะ้ ยงั สตั วเ์ ลก็ ๆมนั ก็กลวั อยา่ งเราไม่มีมงุ้
ไปอยใู่ นสถานท่ีท่ียงุ ชมุ เราก็กลวั ไมก่ ลา้ จะไปอยู่ ถา้ เรามีมงุ้ ดีๆ
หละ มนั มาเถอะยงุ เรากางมงุ้ กนั้ เอาไว้ มนั ก็เขา้ ไมไ่ ด้ น่คี นมี
ธรรมะก็ทาํ นองเดยี วกนั ถงึ รูปเสียงกลนิ่ รสสมั ผสั จะมีอยใู่ นโลก
แตท่ ่านก็มีเครอ่ื งรกั ษาจิตใจของท่าน ไม่ใหห้ ว่นั ไหว ไมใ่ ห้
เดือดรอ้ นวนุ่ วายไปตามเร่อื งนนั้ ๆ น่ีคอื คนมีธรรมะในจิตในใจ

ธรรมะท่ีจะเกิดขนึ้ ไดก้ ็เพราะอาศยั ฝึก เพราะอาศยั อบรม
เพราะอาศยั กระทาํ บาํ เพ็ญ มนั จงึ จะเกิดขนึ้ ได้ ไม่ใชม่ นั เกิด
ขนึ้ มาลอยๆ พระพทุ ธเจา้ สรา้ งบารมีมา หรอื ทาํ ทกุ รกิรยิ าเพ่ือ
ตรสั รูก้ ็คอื สรา้ งเหตเุ พ่ือจะใหเ้ กิดผล เราทกุ คนถา้ ทาํ ตามโอวาท

22

ท่ีทา่ นสอนเอาไว้ มนั ง่ายมนั สบาย เพราะพระพทุ ธเจา้ ไมม่ ีครูมี
อาจารยส์ อน ทา่ นคน้ คิดดว้ ยตวั ของทา่ นเอง จงึ เกิดธรรมะขนึ้ น่ี
เราทา่ นสอนทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง อนั นนั้ เป็นโทษนะ อย่าไปทาํ อยา่ ไป
พดู อยา่ ไปคิด เม่ือพดู เม่ือทาํ เม่ือคิดไป สงิ่ นนั้ จะเป็นภยั คือนาํ
ทกุ ขน์ าํ โทษมาให้ ทา่ นบอกแลว้ เรารูจ้ กั วา่ อนั นนั้ มนั ช่วั มนั เสีย
มนั เกิดทกุ ขเ์ กิดโทษ ก็เวน้ อย่าไปกระทาํ อย่าไปบาํ เพญ็ สง่ิ นนั้
เกิดสขุ เกิดประโยชน์ คนใดไปทาํ ไปพดู ไปคดิ คนนนั้ จะมี
ความสขุ ความเจรญิ ถึงไมป่ รารถนาคาํ สรรเสรญิ เยนิ ยอ บณั ฑิต
ท่วั ไปเคา้ ก็สรรเสรญิ เยนิ ยอให้ เราก็รบี กระทาํ ในสงิ่ ท่ี
พระพทุ ธเจา้ แนะนาํ ใหบ้ าํ เพญ็

ละส่งิ ท่ีพระพทุ ธเจา้ หา้ มไมใ่ หท้ าํ ถงึ จติ จะชอบจะยนิ ดี ก็ให้
ละไป เพราะพระพทุ ธเจา้ เป็นผทู้ ่ีมพี ยานภายใน เขา้ ใจชดั เจน
สิง่ ใดท่ีเป็นทกุ ขเ์ ป็นโทษ เขา้ ใจจรงิ จงั จงึ มาส่งั สอนมนษุ ย์ ไมใ่ ช่
ท่านมืดบอดอย่างพวกเรา แตท่ า่ นถางทางหรอื ทาํ ถนนใหเ้ รา
เดนิ ตามถนนท่ีทา่ นทาํ ให้ มนั สะดวกสบาย ถา้ หากเราสอนเรา
ประพฤติปฏิบตั ติ ามท่ีพระพทุ ธเจา้ แนะให้ มนั สบาย น่ี

23

พระพทุ ธเจา้ ทา่ นบกุ เบิกเบือ้ งตน้ มนั ลาํ บาก เหมือนกบั ตดั ถนน
มนั ลาํ บากกวา่ จะเป็นถนนให้ แตค่ นมาทอ่ งเท่ยี วมนั สบาย
เพราะเป็นถนนแลว้ มนั ง่าย เราก็ทาํ นองเดียวกนั พดู ถึงสาวก มี
หนา้ ท่ีท่ีจะประพฤติปฏิบตั ิตามคาํ สอนของทา่ นเทา่ นนั้ สิง่ ใดท่ี
ทา่ นสอนวา่ เป็นพษิ เป็นภยั กห็ ลีกไป สง่ิ ใดท่ีทา่ นสอนใหก้ ระทาํ
บาํ เพ็ญก็ทาํ ตาม มนั ง่าย อย่าไปถือวา่ มนั เหลือวสิ ยั

ส่งิ อ่นื มนั คดิ ได้ ปรุงได้ มีโอกาส มีเวลา แตจ่ ะมีหลบั ตา
ภาวนา สาํ รวมจติ ใหอ้ ยใู่ นตวั ละวางอารมณส์ ญั ญาตา่ งๆท่ีเคย
รบกวนจติ ใจ มนั ถือวา่ ไม่มีโอกาสเวลา วนั นีเ้ พียบเพลยี
เหลือเกนิ รอ้ นเหลอื เกนิ หนาวเหลอื เกิน เหน่ือยเหลือเกิน หวิ
เหลอื เกิน ทาํ ไมไ่ ด้ ดกึ แลว้ เชา้ อยู่ มนั ไปแบบนนั้ น่ีคอื เรอ่ื งมาร
ท่ีมากระซบิ จติ ใจของพวกเราทา่ น ไมใ่ หม้ ีโอกาสเวลาจะภาวนา
ละกิเลส แตไ่ ปดหู นงั ฟังเพลง ไปเท่ยี วเลน่ เท่ียวคยุ กนั เรอ่ื งนอกๆ
มีโอกาสเวลา แตจ่ ะมาภาวนา มนั หกั มนั หา้ มเอาไว้

น่ีใจท่ีมีกิเลสหนาเป็นอยา่ งนนั้ ทกุ ทา่ นทกุ คนไป แตก่ ็ตอ้ งฝ่า
ฝืน อยา่ ไปเช่อื มนั โอกาสเวลามนั มี ถา้ เราจะทาํ เพราะการ

24

ภาวนาไมใ่ ชจ่ ะน่งั หลบั ตาเทา่ นนั้ จะทาํ ได้ เดินไปก็ได้ น่งั อย่กู ็ได้
ทาํ การงานอนั อ่ืนก็ได้ ภาวนาดจู ิตดใู จของตวั มนั ทาํ ไมจะทาํ
ไม่ได้ ถา้ หากเราเล่อื มใส เรายนิ ดี เราเตม็ ใจ เราทาํ งานอนั อ่นื ยงั
คิดยงั ปรุงในรูป ในเสียง ในเร่อื งตา่ งๆได้ ถา้ หากเรานาํ มา
ภาวนารูปเสยี งท่ีเราลมุ่ หลงตดิ ขอ้ ง วา่ มนั สวยมนั งามนา่ กาํ หนด
ยินดี เรามาพจิ ารณารา่ งกายอนั นีม้ นั เตม็ ไปดว้ ยของปฏกิ ลู
โสโครกสกปรกจรงิ ๆจงั ๆ ไมม่ ีอะไรเป็นของดีของวิเศษ ไม่มีอะไร
ท่ีจะหอมหวล มีแตข่ องเนา่ ของเหมน็ ของปฏิกลู ผา้ ผอ่ นทอ่ น
สไบเอามาปกคลมุ เขา้ ถงึ สิ่งนนั้ จะสวยงามขนาดไหน นานวนั
เขา้ มนั ก็เศรา้ ก็หมองก็มีกลนิ่ ขนึ้ มนั ไหลออกมาจากตา จากหู
จากจมกู จากปาก จากทวารไหนก็ตาม ก็ลว้ นแตข่ องเนา่ ของ
เหมน็ ของปฏกิ ลู ทงั้ นนั้ กอ้ นอนั นีเ้ ป็นกอ้ นปฏิกลู เป็นของปฏกิ ลู
กอ้ นอนั นีเ้ ป็นกอ้ นอนิจจงั กอ้ นอนั นีเ้ ป็นกอ้ นทกุ ข์ กอ้ นโทษ เรา
พจิ ารณาเพ่ือจะแกไ้ ขสญั ญาอารมณท์ ่ีวา่ กาํ หนดยนิ ดี นา่ จบู น่า
กอดอย่างนนั้ อยา่ งนี้ ถา้ หากมาพิจารณาในธรรมะของ

25

พระพทุ ธเจา้ ตามเป็นจรงิ มนั ก็ถอดถอนได้ คลายกาํ หนดั ได้
เพราะมนั เหน็ เป็นจรงิ อยา่ งนนั้ ความเป็นจรงิ ของมนั เป็นอย่างไร

ถา้ หากคนมีปัญญามีธรรมะ มนั จะเหน็ จรงิ อยา่ งนนั้ มนั ไม่
หลงใหลใฝ่ฝัน ไม่ไดบ้ า้ ไดบ้ อไปตามสมมตุ ขิ องโลก เพราะมนั
ทวนสมมตุ ิ ทวนกระแสธรรมะ โลกเคา้ วา่ ดีอยา่ งนนั้ อยา่ งนีน้ ิยม
แตเ่ รอ่ื งของธรรมะจรงิ จงั มนั ทวนกระแส มนั ไม่ไดถ้ ือวา่ สงิ่ นนั้
มนั ดีมนั วเิ ศษ ถา้ หากพจิ ารณาตามธรรมะ ไม่อย่างนนั้ จิตไมเ่ บ่ือ
เรอ่ื งเกิดเร่อื งตายเร่อื งโลกเร่อื งสงสาร จิตท่ีจะเบ่อื ไดก้ ็เพราะ
อาศยั พจิ ารณาทวนกระแส เคา้ วา่ สวยงาม ความจรงิ มนั เป็น
อย่างไร มนั เป็นอสภุ ะอสภุ งั เคา้ วา่ ของนนั้ ย่งั ยืน แตท่ างธรรมะ
ถือวา่ เป็นอนิจจงั เคา้ วา่ ของนนั้ เป็นของตนของตวั เป็นสตั วเ์ ป็น
บคุ คลเป็นเราเป็นเขา แตธ่ รรมะเคา้ ถือวา่ เป็นอนตั ตา คือไมม่ ี
สตั วไ์ มม่ ีบคุ คล ถึงจะลมุ่ หลงขนาดไหน สง่ิ เหลา่ นนั้ มนั ก็ไมเ่ ช่ือ
ฟัง หนา้ ท่ีของมนั เป็นอยา่ งไร มนั ก็เป็นอยา่ งนนั้ น่ีธรรมะท่ี
พระพทุ ธเจา้ สอน สอนทวนกระแสอยา่ งนี้

26

เราผฝู้ ึกภาวนาก็พยายามทวนกระแสของใจ อย่าปลอ่ ยไป
ตามสญั ญาอารมณข์ องกิเลสตณั หา เม่ือเราทวนกระแสไดเ้ ท่าไร
จติ ใจก็ย่งิ จะหา่ งไกลจากความทกุ ข์ จากความลมุ่ หลง จาก
ความเศรา้ หมอง จากความขดั ขอ้ งเท่านนั้ ทา่ นจงึ ใหฝ้ ึกให้
ภาวนา มนั ฝึกไดถ้ า้ มนั มีสติ สงั ขารท่ีมนั ปรุงขนึ้ อย่ใู นจติ ในใจ
มนั ทราบทกุ ขณะทกุ เวลาถา้ มนั มีสติ ถา้ มนั ไมม่ ีสติ มนั ปลอ่ ย
ลอยลมไป น่งั ภาวนากท็ าํ ทา่ ไมท่ ราบวา่ มนั ไปคดิ ไปนกึ เร่อื ง
อะไร จนเหน็ดเหน่ือยเม่ือยหวิ เกิดขนึ้ มนั วกมา อา้ ว น่งั นานแลว้
น่นั เจบ็ แขง้ เจบ็ ขา ปวดหลงั ปวดเอวแลว้ พอสมควรเอาละ มนั
เป็นแบบนนั้ ไม่ทราบวา่ “เอาละ”อะไร เม่อื กินไม่อ่ิม ก็ไม่เหน็ วา่
“เอาละ” กินแลว้ นอนยงั ไมพ่ อก็ “เอาละ” มนั นอนไปหลบั ไป
แลว้ ต่นื หนง่ึ แลว้ “เอาละ” จะน่งั ภาวนามนั ไม่เหน็ วา่ มนั ยงั วา่
ดกึ อยู่ เอาอกี ซกั ต่นื เสียกอ่ น จนสายต่นื มา เออ้ ภาวนาไม่ได้
วนั นี้ เพราะหนา้ ท่ีการงานมนั มี มนั สายแลว้ มนั เลยไปแบบนนั้
วนั นนั้ ก็ผิด วนั นีก้ ็เลยเถิดเลยแดนไป มนั กเ็ ลยเป็นเกลยี วหวาน
จะทาํ ภาวนาเม่ือไรก็ไปอยา่ งนนั้ มนั ไมอ่ ยใู่ นอรรถในธรรมให้

27

ถา้ หากมนั อยใู่ นอรรถในธรรม ไม่วา่ อย่อู ิรยิ าบถใด มีสติอยู่
กบั ใจ มีปัญญาสอนตวั อย่างมนั ปรุงขนึ้ ก็ทราบ อะไรมนั ปรุงขนึ้
ดีเป็นช่วั มนั ทราบ เหมือนกนั กบั ไฟอยใู่ นกา้ นไมข้ ีด พอมนั
กระทบกนั เขา้ มนั เกิดไฟขนึ้ เราก็ทราบ แลว้ รบี ดบั มนั กง็ า่ ย ถา้
หากไปจดุ บา้ นจดุ ชอ่ งจดุ ป่าจดุ ดง จนมนั ลกุ ลามไปใหญ่โตแลว้
ดบั ยาก บางทีก็ดบั ไม่ได้ จนไหมข้ า้ วของเสียหายป่นปี้ น่ีทาํ นอง
เดยี วกนั คนไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีธรรมะในตวั โกรธก็โกรธ
จนตาดาํ ตาแดง จนลมุ่ หลงจนฆา่ จนแกงกนั กม็ ี แตก่ วา่ จะทราบ
วา่ มนั เป็นทกุ ขเ์ ป็นโทษมนั ผิด ท่ีไหนไดม้ นั เลยเถิดเลยแดนไป
แลว้ มนั เลยฝ่ังเลยฝาไปแลว้ รกั ก็เหมือนกนั มนั เป็นอยา่ งนนั้ น่ี
คอื มนั หา่ งไกลไปจากสติปัญญา จากธรรมะท่ีพระพทุ ธเจา้ สอน

เราตอ้ งนอ้ มพนิ ิจพจิ ารณาอย่สู ม่าํ เสมอ จติ ใจปัจจบุ นั นีม้ นั
คิดมนั ปรุงอะไร ตายไปขณะนีจ้ ะไปเกิดเป็นอะไร ดภู ายในจิตใจ
ของตวั ก็ทราบ ถา้ จิตใจของตวั ไม่มีอรรถมีธรรม คดิ ปรุงตดิ ขอ้ ง
ในส่งิ ท่ีช่วั ชา้ ลามกสกปรก เกิดทกุ ขเ์ กิดโทษในจิตในใจ ไมผ่ อ่ ง
ใส ไมส่ งบ มนั ก็ไปในทางช่วั ทางเสยี น่นั เอง เพราะมนั มีทกุ ขม์ ี

28

โทษอยู่ มนั จะไปดีวิเศษท่ีไหนได้ ถา้ จิตของเราผ่องใส จติ ของ
เราสงบ จิตของเราเยือกเยน็ เราก็บอกได้ ภพชาติขา้ งหนา้ ถา้ เรา
ตายในปัจจบุ นั ทนั ตาเด๋ยี วนี้ เราจะไปท่ีไหน ก็ของดวี เิ ศษมนั ดี
อยู่ เราก็ไปทางดี เม่ือมนั หมดกิเลสก็ทาํ นองเดียวกนั ใหด้ จู ติ
ปัจจบุ นั สงิ่ ใดเป็นพษิ เป็นภยั ใหข้ บั ไลอ่ อกไป สิง่ ใดท่ีทาํ จิตทาํ ใจ
ใหส้ งบสขุ รบี รกั ษาเอาไว้ รบี กระทาํ บาํ เพญ็ ใหม้ ีในจติ ในใจของ
ตน น่ีคอื คนฝึกฝนภาวนาชาํ ระกิเลส

อยา่ ไปดทู ่ีอ่ืน ดภู ายใน ทาํ จติ ทาํ ใจใหเ้ ยือกใหเ้ ยน็ ใหส้ ขุ ให้
สบาย เร่อื งอ่ืนภายนอกท่ีจะมารบกวนตวั ของตวั ใหท้ กุ ขใ์ หโ้ ทษ
แก่ตวั เอง เทา่ กบั ตวั ของตวั นนั้ ไม่มี เพราะสงิ่ อ่นื ภายนอก มนั
เหน็ มนั รูเ้ ป็นบางกาลบางเวลา แตส่ ว่ นทกุ ขโ์ ทษกิเลสตณั หา
อารมณส์ ญั ญาในใจนี้ มนั อยภู่ ายใน มนั ใหท้ กุ ขใ์ หโ้ ทษอยทู่ กุ
กาลทกุ สมยั ถงึ ไมไ่ ดไ้ ปทาํ ไม่ไดพ้ ดู มนั ก็คิดใหด้ ใี จเสียใจ ให้
ทกุ ขใ์ หโ้ ทษแกต่ วั ได้ ทา่ นจงึ ใหด้ ภู ายใน ชาํ ระภายใน ใหม้ ี
ธรรมะในใจ คนท่ีมีธรรมะในใจ จติ ใจผ่องใส จิตใจเบกิ บาน
จติ ใจต่ืน จิตใจรู้ ทา่ นวา่ มพี ทุ โธ คอื ต่ืนอยู่ เบกิ บานอยู่ ไม่ลมุ่ ไม่

29

หลง หมายถึงสติ หมายถงึ ปัญญาในจติ ในใจของตวั ดภู ายใน
ชาํ ระภายใน ใหใ้ จมนั ผ่องมนั ใสมนั สงบ

โอกาสเวลาท่ีเกิดมาเป็นมนษุ ยม์ นั หายาก ไมใ่ ช่จะเกิดงา่ ยๆ
ถึงคนสมยั ปัจจบุ นั เคา้ ทาํ หมนั กนั เพราะมนษุ ยล์ น้ โลก ไม่มีท่ีอยู่
ท่ีอาศยั ทาํ ไมวา่ เกิดยากมนั จงึ มากขนาดนี้ บางท่านบางคนก็
อาจจะสงสยั มนั มาจากท่ีไหน มนั จงึ มาก ใหพ้ จิ ารณาหาทาง
สอนใจตวั เอง ถึงมนั มาก มนษุ ยท์ ่ีเป็นมนษุ ยส์ มบรู ณน์ นั้ มนั หา
ยาก มนษุ ยเ์ ด๋ยี วนมี้ นั เป็นมนษุ ยส์ ตั วเ์ ดรจั ฉาโนสว่ นมาก คือ
จติ ใจเป็นสตั ว์ มนั มาจากสตั ว์ แตก่ อ่ นสตั วน์ า้ํ ก็ดี สตั วบ์ กก็ดี มนั
ไม่อดไมอ่ ยาก เด๋ียวนีม้ นั หายาก มนั ตายมาเกิดเป็นมนษุ ยท์ ่ี
โง่เงา่ เตา่ ตนุ่ ท่ีไม่ทราบอรรถทราบธรรมท่ีพระพทุ ธเจา้ สอนน่ีเอง
มนั จงึ ยงุ่ วนุ่ วาย

ผทู้ ่ีพิจารณาหาทางแกไ้ ขอบรมใจของตวั ใหเ้ ยน็ ใหส้ งบ
โอกาสเวลามนั มีถา้ หากเราชอบ เรายนิ ดีในธรรมะ จะเดนิ ก็ดี จะ
น่งั ก็ดี จะนอนก็ดี จะไมห่ ลบั เม่ือไรใหม้ ีสตพิ นิ ิจพิจารณาใจของ
ตวั ชาํ ระช่วั ซง่ึ เรยี กวา่ กิเลสตณั หา ใหต้ กออกไป ใหห้ ลดุ ออกไป

30

ใหพ้ จิ ารณาตามธรรมะท่ีพระพทุ ธเจา้ สอนเอาไว้ กายของเรานี้
เป็นท่ีตงั้ ของสติ เวทนาก็เป็นท่ีตงั้ ของสติ จติ ธรรมมนั ก็อยใู่ นนี้
ไม่ไดม้ ีอยทู่ ่ีอ่ืน น่ีคือตวั สตปิ ัฏฐาน กอ้ นสติปัฏฐาน พระพทุ ธเจา้
รบั รองผใู้ ดท่ีพจิ ารณาตามธรรมะของพระพทุ ธเจา้ มีสตปิ ัฏฐาน
พิจารณาเอาสติตงั้ ไวใ้ นกาย ในเวทนา ในจติ ในธรรมอยทู่ กุ กาล
ทกุ เวลา เอาท่นี ีเ้ ป็นฐานของท่ีตงั้ ทีสติ พจิ ารณาใหเ้ หน็ ตามเป็น
จรงิ ของมนั คนนนั้ ไมน่ านจะมีความสขุ ความสบายในจติ ในใจ
ของตวั อยา่ งนานไมเ่ ลยเจด็ ปี คนท่หี ยาบหนาจรงิ จงั จะตอ้ งมี
คติเป็นสอง ไมถ่ งึ เจด็ ปี เจ็ดเดอื น เจ็ดวนั หรอื เจ็ดนาทีกไ็ ด้ ถา้
หากมนั เป็นให้ พอจติ ใจมนั พลกิ ขณะของมนั มนั เป็นแพลบ
เดียวเทา่ นนั้ มนั เป็นไปได้ มนั ละได้ ถอนได้ เขา้ ใจแยบคายตาม
เป็นจรงิ ของมนั พระพทุ ธเจา้ วา่ ผทู้ ่พี ิจารณาตามหลกั สติปัฏฐาน
จะมีคติเป็นสอง คือเป็นพระอนาคา เป็นพระอรหนั ต์

โสดา สกทิ าคา หรอื ปถุ ชุ นคนหนาท่านไมไ่ ดบ้ อก ถา้ หาก
ตงั้ ใจพินิจพิจารณา ท่านไมไ่ ดถ้ ือวา่ นกั บวช ไมไ่ ดถ้ ือวา่ ฆราวาส
ไม่ถือวา่ ผหู้ ญิง ไม่ถือวา่ ผชู้ าย ถา้ พิจารณาตามธรรมะท่ีสอน

31

เอาไว้ ตงั้ ใจกาํ หนดสตปิ ัฏฐานจรงิ จงั จะเป็นอย่างนนั้ คือจะเป็น
พระอนาคาและพระอรหนั ตใ์ นชาตปิ ัจจบุ นั ในการกระทาํ
บาํ เพญ็ ของตน

มนั อยทู่ ่ีไหนเลา่ กาย น่งั อยทู่ กุ คนน่ีไมใ่ ชก่ ายหรอื ตาม
สมมตุ ขิ องโลกเคา้ เรยี กวา่ กาย ตงั้ สตเิ อาไวใ้ นท่นี ี้ กายนีเ้ ป็นสขุ
สมหวงั หรอื ไม่ หรอื มนั เป็นอย่างไร กายนนี้ า่ ยนิ ดีเล่ือมใส นา่
สกั การะบชู าหรอื เป็นเร่อื งอะไรกนั แน่ ดใู หม้ นั ถ่ีถว้ น ดเู รอ่ื งของ
การจะพจิ ารณาผม ขน เลบ็ ฟัน หนงั เนอื้ เอ็น กระดกู พจิ ารณา
เขา้ พจิ ารณาออกอยอู่ ยา่ งนนั้ ใหม้ นั อย่ใู นนี้ สติ อยา่ ใหม้ นั
ออกไปท่ีอ่ืน น่งั เหน็ดเหน่ือยเม่ือยหวิ ก็กาํ หนดเอาท่ีมนั เจบ็ มนั
ปวด ออกไปแขวนเอาไว้ ขาเอาไปแขวนไวน้ นู้ ขานีเ้ อาแขวนไว้
นนั้ ลาํ ตวั เอาไวน้ นั้ คอเอาไวน้ ี้ เอาแยกกนั เหมือนเคา้ ขายเนือ้ อยู่
ในตลาด ดมู นั อย่างนนั้ ใหม้ นั เหน็ ใหม้ นั เขา้ ใจชดั เจน มนั เจบ็ มนั
ปวดมยั้ ท่ีไหนมนั เจบ็ มนั ปวด ดมู นั แยกมนั ออกไป

เวลาเดนิ จงกรมก็สาวไสอ้ อกมา แขวนคอแลว้ ลากไปตาม
ทางจงกรม หรอื จะกาํ หนดคนตายกลาดเกล่ือนอยตู่ ามถนน

32

เดินจงกรมไปก็เหยยี บตงั้ แตซ่ ากผีท่ีตายเพ่อื จะหา้ มจติ ไมใ่ หค้ ดิ
ออกไปขา้ งนอก ท่ีไปหลงกาํ หนดั ยนิ ดีอยา่ งนนั้ อยา่ งนี้ แลว้ แต่
อบุ ายพธิ ีของตวั ท่ีจะนาํ มาสอนจติ ใจของตวั ไม่ใหไ้ ปปรุงช่วั คิด
ช่วั ตา่ งๆซง่ึ เป็นทางกิเลสตณั หา เราคิดวาดภาพเอาเสยี ก่อน
ตอ่ ไปเม่ือพจิ ารณาเรอ่ื ยๆไป จิตใจมนั เกิดภายในของมนั มนั เหน็
มนั เขา้ ใจชดั เจนอย่างนนั้ มนั จงึ ละจงึ ถอนออกได้

ถา้ มนั ไมล่ ะไมถ่ อนเม่ือไร ก็เหมือนกนั กบั เราทานอาหาร ยงั
ไมอ่ ่มิ ใหท้ านไป น่ีธรรมะกท็ าํ นองเดียวกนั อยา่ ไปถือวา่ อนั นีเ้ รา
เคยพนิ ิจพิจารณาแลว้ แตก่ ิเลสตณั หามนั ตกไปมยั้ หมดไปมยั้
เวลาเดนิ ขานีเ้ ราเคยเดินแลว้ จะไปหยดุ อยมู่ นั ก็อย่นู นั้ หละ มนั
ไมไ่ ดไ้ ปอีก ขาเรามีสองขา เดินอย่นู ีต้ งั้ แตว่ นั เกิด จนกระท่งั วนั นี้
หรอื จนตลอดวนั ตาย กเ็ อาขาสองขาน่ีเดนิ น่ีการพจิ ารณาก็
พิจารณากาย พจิ ารณาใจ พจิ ารณาธรรมะอย่างเดิมน่ะ มนั ไมม่ ี
เสยี หายอะไร ก็พิจารณาเพ่ือขบั ไลข่ องช่วั เสียใหต้ กออกไป ไม่ใช่
พจิ ารณาสะสมกิเลส มนั ถกู ทงั้ นนั้ แลว้ แตอ่ บุ ายปัญญาท่ีเราจะ
นาํ มาแนะมาสอนตวั ของตวั เพ่ือละช่วั บาํ เพ็ญดี

33

ฉะนนั้ เราทกุ คนท่ีเกิดมาไดม้ าศกึ ษา มาอบรมภาวนากพ็ งึ
ตงั้ หนา้ ตงั้ ตาศกึ ษาอบรม ทาํ จติ ทาํ ใจใหห้ า่ งไกลไปจากอารมณ์
ท่ีช่วั เสยี ตา่ งๆ พยายามหาความสงบ หาความสขุ ความสบาย
ในการกระทาํ บาํ เพญ็ ใหไ้ ด้ ไมอ่ ยา่ งนนั้ เรามาอย่ใู นวดั ในวา เป็น
พระเป็นสงฆก์ ด็ ี เป็นฆราวาสก็ดที ่ีม่งุ ม่นั มาปฏบิ ตั ิ ถา้ หากเราไม่
ตงั้ หนา้ ตงั้ ตาทาํ จรงิ จงั จติ ไมส่ งบ ไมเ่ ย็น ไมเ่ หน็ ไม่รู้ มนั ก็ไมม่ ี
ความสขุ ความสบายให้

เลยอยปู่ ่าเพียงแตส่ กั แตว่ า่ อยู่ เหมือนกนั กบั พวกสตั วป์ ่าเคา้
อยู่ ไม่ไดร้ บั ความวิเวกทางจิตทางใจ คอื วเิ วกทางใจหา่ งไกล
จากสญั ญาอารมณ์ จงึ เรยี กวา่ วเิ วก คือเขา้ สงบ ไม่อย่างนนั้ ก็
ห่างไกลจากสญั ญาอารมณท์ างโลก มีธรรมะประจาํ อยทู่ กุ
โอกาสทกุ เวลา คิดอะไรก็คดิ ไปในดา้ นธรรมะ พจิ ารณาอะไรก็
พจิ ารณาไปเพ่ือละเพ่ือถอน น่ีก็คอื จติ วเิ วก คอื ห่างไกลไปจาก
ราคะตณั หา มานะทฐิ ิตา่ งๆ หา่ งไกลไปจากสมมตุ ิท่ีเราเคยลมุ่
หลงติดขอ้ งมากอ่ น จติ วิเวกวงั เวงมีความสงบในอรรถในธรรม น่ี
จงึ ไดช้ ่ือวา่ ผมู้ าปฏบิ ตั ิ ผมู้ าฝึกหดั อบรมตวั ของตวั ไม่อยา่ งนนั้ ก็

34

จะไมเ่ หน็ ผลเห็นประโยชนใ์ ห้ ศาสนาถือวา่ เป็นของวเิ ศษ
ประเสรฐิ ขนาดไหน ถา้ หากใจไม่เห็น ใจไมเ่ ป็น มนั ก็ไมป่ ระเสรฐิ
วิเศษให้ ถา้ เราเหน็ เราเป็น เราจงึ จะทราบวา่ มนั เป็นของ
ประเสรฐิ วิเศษจรงิ ไม่มีอะไรในโลกท่ีจะเหนือกวา่ ศาสนา

ธรรมะท่ีพระพทุ ธเจา้ สอน เป็นของมีคณุ คา่ สาระมาก หาก
เราไมม่ ีพระพทุ ธเจา้ อบุ ตั ิขนึ้ ในโลก ไมไ่ ดต้ รสั สอนเอาไว้ ตวั ของ
เราก็จะลมุ่ หลงอยเู่ รอ่ื ยไป เม่ือจติ ใจเห็น จิตใจเป็นในอรรถใน
ธรรม ยอมกราบยอมไหวพ้ ระพทุ ธเจา้ และเหน็ ประจกั ษว์ า่
พระพทุ ธเจา้ เขา้ ใจในอรรถในธรรมจรงิ จงั ท่านแนะสอนไวข้ อ้
ไหน เราประพฤตปิ ฏิบตั ิมาเห็นความอศั จรรยข์ นาดไหน มีแลว้
ในโอวาทท่ีพระพทุ ธเจา้ สอน ทา่ นผา่ นไปกอ่ นแลว้ จงึ เคารพ จงึ
เล่อื มใส จงึ เตม็ ใจปฏบิ ตั ิ เพราะท่ีฝึกปฏิบตั มิ า มนั ถกู ตอ้ งตาม
คาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ พระพทุ ธเจา้ เหน็ รูก้ ่อนแลว้ ท่านจงึ ได้
สอนไวอ้ ย่างนี้ จิตของเราเหน็ ก็เขา้ ใจชดั เจนอยา่ งนนั้

ท่ีเรายงั ไมถ่ งึ ยงั ไมร่ ู้ ท่ีทา่ นสอนเอาไว้ เราประพฤติปฏบิ ตั ิ
ไปก็จะเหน็ จะรูอ้ กี เหมือนกนั เพราะท่ีเรามนั ปฏิบตั ิมาแลว้ ก็เห็น

35

ก็รูต้ ามท่ที ่านแนะทา่ นสอนเอาไว้ จงึ เคารพ จงึ เล่ือมใส จงึ เต็มใจ
อยากประพฤตปิ ฏิบตั ิ จิตมนั ดดู มนั ด่ืม มนั เพลดิ มนั เพลนิ ใน
อรรถในธรรม เพลดิ เพลนิ ไดเ้ หมือนกนั กบั คนเพลดิ เพลนิ กบั เร่อื ง
ของโลก เพลดิ เพลนิ ได้ หลงใหลเอาจรงิ เอาจงั เพราะไม่มีธรรมะ
ผทู้ ่ีมีธรรมะเพลดิ เพลนิ ในสตปิ ัญญาก็ทาํ นองเดยี วกนั เวลามนั
เพลดิ มนั เพลนิ มนั ไมม่ ีเหนด็ มีเหน่ือย มีเม่ือยมีหวิ ให้ เดนิ เทา่ ไร
ก็ไมไ่ ดก้ าํ หนดกาลเวลา น่งั เท่าไรก็เหมือนกนั ไมย่ อมอยากหลบั
อยากนอนใหเ้ พราะจติ ใจมนั เพลิดเพลนิ กบั อรรถกบั ธรรม เพลิน
ไปได้ เป็นไปไดส้ าํ หรบั ผฝู้ ึกจิตอบรมใจ มนั สนกุ มนั เพลินใน
อรรถในธรรม มนั เยน็ มนั สบาย สงั เวชสลดใจ แตส่ มยั ท่ียงั ไม่
เป็น ไม่เหน็ อยา่ งนี้ มนั เท่ียวไปตดิ ไปขอ้ งไปยินดยี นิ รา้ ยในส่งิ
นนั้ ๆ เพราะเราไมม่ ีธรรมะในใจ ไม่มีไฟสอ่ งใหเ้ ห็นความสวา่ ง
ของจิตของใจ มนั มืด มนั จงึ ไปงมไปติด ไปคดิ ไปปรุง เม่ือมนั
สวา่ งแลว้ เราทราบ เราจงึ เพลนิ ในธรรมะ การปฏบิ ตั ิอรรถธรรม
ทกุ คนมีสิทธิ์ท่จี ะเหน็ จะเป็นอยา่ งนนั้

36

ธรรมะเป็นเรอ่ื งสาํ คญั ท่ีพวกเราทา่ นจะนาํ มาประดบั ประดา
รกั ษากาย วาจา ใจของเรา ใครมีธรรมะคนนนั้ ก็มีความสขุ จะ
เป็นฆราวาสก็ตาม จะเป็นภกิ ษุสามเณร เป็นนกั บวชก็ตาม คนท่ี
จนธรรมะถงึ จะมีขา้ วของบา้ นชอ่ งใหญ่โตขนาดไหนก็ทกุ ขจ์ ติ
ทกุ ขใ์ จอย่อู ยา่ งนนั้ เคยเหน็ ทงั้ ท่ีเคา้ ม่งั มี ขา้ วของเงนิ ทองไมอ่ ด
อยากยากจนอะไร มาบน่ ทกุ ขอ์ ย่างนนั้ อย่างนี้ พระเจา้ พระสงฆ์
ท่ีทา่ นมีธรรมะในจิตในใจ ท่านไมม่ ีอะไร มบี รขิ ารเคร่อื งใชน้ ิด
หนอ่ ยเทา่ นนั้ ท่านก็ไม่เคยบน่ ทกุ ขอ์ ย่างนนั้ ลาํ บากอย่างนี้ ทา่ น
ไม่เคยบน่ เพราะทา่ นมีธรรมะ ธรรมะจงึ เป็นของท่มี ีคณุ คา่ กวา่
เร่อื งวตั ถภุ ายนอก

พยายามสรา้ งธรรมะ ทาํ ธรรมะใหเ้ กิดใหม้ เี ป็นท่ีพ่งึ ท่ีอาศยั
ของใจแลว้ คนนนั้ ก็สขุ ก็สบายได้ ทงั้ ๆท่ีไม่ขา้ วของเงนิ ทอง
ภายนอก ถา้ หากขาดธรรมะถงึ จะมีสง่ิ ของมากมายกา่ ยกอง
ขนาดไหน กิเลสตณั หาย่าํ ยีวที าก็เลยไมม่ ีโอกาสเวลาท่จี ะสขุ จะ
สงบ จะสบายให้ บน่ ทกุ ข์ บน่ ยาก บน่ ลาํ บาก บน่ ราํ คาญอยู่
เรอ่ื ยไป

37

ฉะนนั้ ขอทกุ ทา่ นจงนาํ ธรรมะไปประดบั ประดารกั ษา
ประพฤติปฏบิ ตั ิ ทกุ คนก็จะมีความสขุ ความเจรญิ ในจติ ในใจ
ของตน การอธิบายธรรมะเหน็ วา่ พอสมควรแก่เวลา ขอยตุ ิ
เพียงแคน่ ี้

ท่ีมา: https://youtu.be/5IvaCjVDzhY

38


Click to View FlipBook Version