The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภาวนาชำระใจ หลวงพ่อสิงห์ทอง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-14 21:45:02

ภาวนาชำระใจ หลวงพ่อสิงห์ทอง

ภาวนาชำระใจ หลวงพ่อสิงห์ทอง

Keywords: ภาวนาชำระใจ,หลวงพ่อสิงห์ทอง

ภาวนาชาํ ระใจ
การฟังธรรมะ การปฏิบตั ิ คนท่ีเคยฟังมาแลว้ เคยฝึกมาแลว้
ก็ไมเ่ ป็นปัญหาอะไร ก็เคยทาํ เคยฟังกนั มา แตค่ นท่ีไม่เคยก็ไม่
ทราบวา่ จะทาํ แบบไหนการฟังธรรมะจงึ จะไดค้ วามสงบสขุ ทาง
ใจ เพราะยงั ไมเ่ คยสดบั รบั ฟัง ไม่เคยฝึก ไม่เคยปฏบิ ตั ิ ฉะนนั้
การฟังธรรมะ ระยะท่ีเราน่งั ฟัง ธรุ ะหนา้ ท่ีเรอ่ื งอ่นื ไมม่ ี ใหส้ งั วรณ์
ระวงั ใจของตวั อยา่ ใหค้ ิดปรุงยงุ่ เก่ียวกบั เรอ่ื งตา่ งๆ ท่ีเป็นอดตี
ผา่ นมาแลว้ กต็ าม อนาคตยงั ไม่มาถงึ ก็ตาม หนา้ ท่ีของตวั ให้
กาํ หนดจิตอย่เู ฉพาะหนา้
ถา้ หากเรารกั ษาจิตของเราไดอ้ ย่างนนั้ ธรรมะท่ีทา่ นแสดง
ไปสมั ผสั กบั ใจอยเู่ ร่อื ยๆ ผลท่ีสดุ จติ ใจก็สงบ จติ ใจก็เยน็ เกิด
ความสขุ ความสบาย เพราะใจสงบ ใจเยน็ ถา้ ไม่อยา่ งนนั้ มีแต่
คิดปรุงย่งุ เก่ียวกบั เรอ่ื งตา่ งๆ ทงั้ ๆท่ีงานดา้ นนอกไมม่ ี แตจ่ ติ มนั
วกคิดไปอดีตท่ีผา่ นมาอยา่ งนนั้ อยา่ งนี้ คดิ ห่วงคดิ หวงเร่อื งการ
งานบา้ นช่องขา้ วของตา่ งๆ ปลอ่ ยใหจ้ ิตคิดปรุง ไม่มีระยะเวลา
ไมร่ กั ษาจติ ใจของตวั การฟังธรรมะก็เกิดความราํ คาญ ใจไม่

1

สงบ ใจไมเ่ ยน็ ใจไมส่ งบใจไม่เย็น ถงึ ทา่ นจะแนะจะสอนอะไร
มนั ไม่ไปสมั ผสั กบั ใจ มนั ก็เลยเกิดความราํ คาญ ถงึ ระยะท่ีทา่ น
เทศนไ์ ม่ยาวนานก็ตาม แตจ่ ติ ของเรามนั ไมส่ มั ผสั กบั ธรรม มนั
ไมเ่ ขา้ ใจในธรรม มนั ไมร่ บั ความสขุ จากธรรม มนั ก็เหมือนกบั วา่
เวลามนั ยืดยาว จติ ใจก็ราํ คาญ กายก็เจบ็ ปวด เหน็ดเหน่ือย
เม่ือยหวิ ตา่ งๆ เข็ดหลาบ ไมอ่ ยากจะฟังเพราะไมเ่ พลดิ เพลิน
เพราะไม่สนกุ เพราะไม่สขุ ไม่สบายให้ น่ีคอื การฟังธรรมะไม่เป็น
รกั ษาจติ รกั ษาใจของตวั ไมเ่ ย็นไม่สงบ

ฉะนนั้ ระยะท่ีเราฟังธรรมะก็ใหถ้ ือวา่ เป็นการภาวนาในตวั
ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งทงั้ อดีตอนาคตหกั หา้ มเอาไว้ ใหใ้ จอย่ปู ัจจบุ นั จะ
กาํ หนดลมหายใจหรอื กาํ หนดพทุ โธ ก็ใหก้ าํ หนดได้ ถือวา่ ธรรมะ
ท่ีทา่ นแสดงไป ทา่ นไมแ่ สดงไปท่ีอ่นื คือสอนกายสอนใจของทกุ
คน ไมไ่ ดม้ งุ่ แสดงไปนอกเรอ่ื งของกายของใจ ท่านแสดงไปเม่ือ
ทา่ นแสดงในขอบเขตของธรรมะ ของกายของใจ เราก็มีกายมีใจ
น่งั ฟังอยนู่ ีก้ ม็ กี ายมีใจ ผแู้ สดงก็เอากายเอาใจเป็นการแสดง เม่ือ

2

อย่างนนั้ การฟังมนั ก็เขา้ ใจง่าย เพราะกายเราก็มี ใจเรากม็ ี ไมใ่ ช่
วา่ ทา่ นหาเรอ่ื งอนั อ่นื มาแสดง

กายใจนีเ้ ป็นปัญหาสาํ คญั พวกเราท่านครองจติ คดิ ปรุงกนั
มากจนภพชาตยิ ืดยาวมาตลอดเวลาก็เพราะการหลงกายหลง
ใจของตวั เราเอง นอกจากนนั้ กห็ ลงคนอ่นื เน่ืองจากใจของเราไม่
ฉลาด ไมม่ ีธรรมะ ไมส่ ามารถท่ีจะแกไ้ ขขบั ไลก่ ิเลสตณั หาความ
ลมุ่ หลงของใจใหต้ กออกไป เพราะสมมตุ ขิ องโลกท่ีเราเกดิ มา
เคยไดส้ ดบั รบั ฟังกนั มา เคยใกลช้ ดิ ตดิ ตามกนั มา เร่อื งสมมตุ ิ
ตา่ งๆนานา มนั ฝังลกึ ไมส่ ามารถท่ีจะแกไ้ ขใหใ้ จรูเ้ หน็ เป็นจรงิ ใน
อรรถในธรรมได้ ฉะนนั้ การฝึกอบรมจิต การฟังธรรมะจงึ เป็นการ
เปิดโอกาสใหใ้ จของเราไดพ้ นิ ิจพิจารณาหาความจรงิ ท่จี ติ ใจขอ้ ง
ตดิ ยงุ่ เก่ียวตา่ งๆ จิตใจนีม้ นั ย่งุ เก่ียวลมุ่ หลงในเร่อื งของกาย
มากมายจนหลงใหลใฝ่ฝัน ไม่เขา้ ใจสงิ่ นนั้ ตามเป็นจรงิ ของมนั
ทางธรรมะทา่ นจงึ สอนใหพ้ นิ ิจพจิ ารณาศกึ ษาหาความจรงิ ในสงิ่
นนั้ ๆ ไม่ใหจ้ ิตใจหลงใหลใฝ่ฝันไปตามเร่อื งของกิเลสตณั หา

3

การพจิ ารณาการศกึ ษานนั้ ศกึ ษากายเป็นเบือ้ งตน้ กายนี้
เป็นท่ีตงั้ ของความลมุ่ หลง แตค่ วามจรงิ กายมนั ไมไ่ ดห้ ลง ใจมนั
หลง มนั ไม่รู้ ไมเ่ ขา้ ใจวา่ กายอนั นมี้ ีอะไรแน่นอน โดยสว่ นใหญ่
โลกเขาถือวา่ สวย เราก็สมมตุ ไิ ปตามเขา ติดขอ้ งไปตามเขาวา่
มนั สวยมนั งามอย่างนนั้ อยา่ งนี้ การศกึ ษาธรรมะ ท่านให้
พิจารณาตามเป็นจรงิ ก็คือพิจารณากายนี้ ตามเป็นจรงิ ของมนั
จะพิจารณาเรอ่ื งธาตุ เร่อื งขนั ธ์ มนั ก็ถกู เพราะธาตนุ นั้ ทา่ นกลา่ ว
เอาไว้ ธาตใุ หญ่ๆท่ีสาํ คญั ในกายก็คอื ธาตทุ งั้ ๔ ดิน นา้ํ ลม ไฟ
มาประกอบกนั เขา้ เรยี กวา่ กาย สมมตุ อิ ีกวา่ หญิงวา่ ชาย วา่ สตั ว์
และบคุ คล ทบั กนั ไปเร่อื ยวา่ หนมุ่ วา่ สาว วา่ แกว่ า่ เฒา่ วา่ สวยวา่
งาม สมมตุ ทิ บั ๆๆเรอ่ื ยไป ผลท่ีสดุ ความจรงิ ของกายนนั้ เป็น
อยา่ งไร พวกเราท่านไม่เคยวนิ ิจฉยั ไมเ่ คยพนิ ิจพจิ ารณา ตวั เอง
จงึ หลงตดิ สมมตุ ิเรอ่ื ยมาตลอดปัจจบุ นั ทกุ วนั นี้ เราตอ้ งเพกิ
สมมตุ อิ อกไป เอาอรรถเอาธรรมเขา้ สอ่ ง ดเู ร่อื งของกายใหแ้ ยบ
คาย

4

พิจารณาทางธาตุ ก็ใหพ้ จิ ารณาใหม้ นั ทราบตามเป็นจรงิ
ของมนั ธาตทุ ่ีขน้ แข็ง ทา่ นกเ็ รยี กวา่ ธาตดุ ิน เป็นตน้ วา่ เกสา คอื
ผมขน โลมา นขา ทนั ตา เรอ่ื ยลงไปอะ้ ธาตดุ นิ ทา่ นบอกไวใ้ น
ตาํ รบั ตาํ รา ก็มี ๒๐ อยา่ ง น่ีทางสมมตุ ิ แตถ่ งึ อยา่ งไรก็ดมี นั ก็มี
อย่ใู นตวั ของเรา ธาตเุ หลา่ นี้ เรยี กธาตคุ อื ของท่ีขน้ ท่ีแขง็ ธาตทุ ่ี
เออื บอาบไหลไปไหลมาได้ ทา่ นเรยี กวา่ ธาตนุ า้ํ น่กี ็มีอยใู่ นกาย
ของเราอีก ทางตาํ ราทา่ นแยกเอาไว้ ๑๒ อยา่ ง นอกจากนนั้ ก็
ธาตลุ ม ท่ีพดั ขนึ้ เบอื้ งสงู พดั ลงเบอื้ งลา่ ง ตลอดถงึ ลมในทอ้ งใน
ไส้ ลมหายใจเขา้ ออก ธาตไุ ฟก็ความอบอนุ่ ในเนือ้ ในตวั ของเรา
เรยี กวา่ ธาตไุ ฟ

ธาตเุ หลา่ นีป้ ระกอบกนั เขา้ เรยี กวา่ สตั ว์ วา่ บคุ คล แตถ่ า้
แยกแยะออกไปธาตเุ หลา่ นมี้ นั ไมม่ ีธาตไุ หน ไมม่ ีทรงใดวา่ มนั
เป็นสตั ว์ มนั เป็นบคุ คล แตส่ มมตุ ิเคา้ เรยี กวา่ สตั ว์ วา่ บคุ คล แต่
ถา้ หากพิจารณาทางธรรมาธิษฐาน มนั ไมม่ ีสตั ว์ ไมม่ ีบคุ คลอย่ทู ่ี
ตรงไหน เราไปถามดกู ็พอทราบได้ มนั วา่ มนั เป็นผม เป็นขน เป็น
เลบ็ เป็นฟันมยั้ มนั ไมม่ ีตอบ ธาตนุ ีไ้ มม่ ีการลมุ่ หลงในจิตในใจ

5

เราจะหลงใหลใฝ่ฝันขนาดไหน ธาตอุ นั นีห้ นา้ ท่ีของมนั เป็น
อย่างไร มนั ก็เป็นไปตามหนา้ ท่ีของมนั ไมไ่ ดห้ ลงใหลกบั ใคร
ทงั้ นนั้ หนา้ ท่ีของมนั เกิดมากแ็ ปรปรวนไปตามสภาพของมนั ถงึ
เราจะบาํ รุงรกั ษาดิบดีขนาดไหน ธาตเุ หลา่ นีห้ นา้ ท่ีของมนั เป็น
อยา่ งไร มนั ก็แปรสภาพของมนั ไปตามเร่อื งของมนั ไป ผลท่ีสดุ
ธาตเุ หลา่ นกี้ ็แตกสลายจากกนั ดนิ ก็ไปเป็นดนิ นา้ํ เป็นนา้ํ ลม
เป็นลม ไฟเป็นไฟ แตธ่ าตลุ ม ธาตไุ ฟนนั้ เป็นธาตทุ ่ีละเอยี ด เรา
มองไม่เหน็ อาศยั สมั ผสั จงึ ทราบ มนั ดบั ไปดว้ ยกนั แตม่ นั ดบั ไป
ท่ีไหน เราก็มองเหน็ ไมไ่ ด้ แตจ่ ะปฏิเสธวา่ ธาตไุ ฟ ธาตลุ มนนั้ มนั
ไม่มี มนั ก็ไม่ไดอ้ กี เหมือนกนั มนั ยงั มีอยู่ แตว่ า่ มนั ไปตงั้ อยทู่ ่ีไหน
ตอนออกจากกายของเราไป มนั ก็ไปตามหนา้ ท่ีของมนั น่ีธาตุ
ขนั ธข์ องสตั วข์ องบคุ คลเป็นอยา่ งนนั้

ถา้ เราพจิ ารณาอย่างนี้ ความลมุ่ หลงของจิตของใจท่ีไป
สาํ คญั วา่ หญิงวา่ ชาย วา่ สวยวา่ งามตา่ งๆ มนั จะคอ่ ยถอนไป
หมดไปเพราะสิ่งเหลา่ นีม้ นั ไม่สตั วบ์ คุ คลตวั ตนเราเขา มนั เป็น
ธาตุ น่ีพจิ ารณาในทางธาตเุ พ่ือแกไ้ ขขบั ไลส่ มมตุ ขิ องใจท่ียดึ ม่นั

6

ถือม่นั เอาไวว้ า่ เรา วา่ ของเรา วา่ คนนนั้ คนนี้ ถา้ หากจะพจิ ารณา
หาทางแกไ้ ขความกาํ หนดั ยนิ ดีของใจท่ีถือวา่ สวยวา่ งามก็
พิจารณาในทางตรงกนั ขา้ มกบั สมมตุ ิของโลกท่ีเคา้ ถือกนั ก็
พิจารณากายของเก่าน่ีแหละ ดใู หท้ ่วั ถงึ ใหเ้ ขา้ ใจชดั เจนใน
ความจรงิ ของมนั ธาตขุ นั ธอ์ นั นี้ กอ้ นอนั นที้ ่ีเราลมุ่ หลงกนั ดว้ ย
สมมตุ ทิ างโลกวา่ มนั สวยมนั งามอยา่ งนนั้ อยา่ งนี้

ทางธรรมะท่จี ะแกก้ ิเลสตณั หาราคะของใจ ทา่ นก็ให้
พจิ ารณาทางอสภุ ะอสภุ งั ตามความเป็นจรงิ ของมนั ในธาตใุ น
ขนั ธข์ องพวกเราทา่ น ไมม่ ีอะไรท่ีน่ายินดชี อบใจ ถา้ หาก
พิจารณาเหน็ จรงิ ประจกั ษ์ ใจนนั้ จะเกิดสงั เวชสลดใจ เพราะ
ความลมุ่ หลงห่อหมุ้ จิตใจ ท่ลี มุ่ หลงในเรอ่ื งของกาย วา่ ชายวา่
หญิง วา่ สวยวา่ งามนนั้ มนั เป็นมาตลอดระยะเวลา ไมท่ ราบ
สภาพความจรงิ ของมนั วา่ เป็นอย่างไร ถา้ จิตใจพินิจพจิ ารณา
ทางอสภุ ะ คือพิจารณาความไมส่ วยไมง่ าม พิจารณาตามเป็น
จรงิ ของมนั ไมว่ า่ อะไรในตวั ของเราทา่ นมนั สกปรก ตกหลน่ ลงท่ี
ไหนก็ไม่มีใครชอบ ไมม่ ีใครยินดี ตงั้ อยกู่ ็ดแู ลรกั ษา เป็นภาระ

7

สาํ คญั ไม่อย่างนนั้ ความเนา่ เหมน็ ปฏกิ ลู ของกายมนั ก็เยมิ้
ออกมา ไหลออกมา ใหพ้ วกเราท่านไดท้ ราบ ไดเ้ ห็นกนั อยู่ ชาํ ระ
กนั อยเู่ ร่อื ยๆ เพราะกายมนั สกปรก แตเ่ ราลมุ่ หลงงมงาย ถือวา่
หญิงวา่ ชาย วา่ สวยวา่ งามอย่างนนั้ อย่างนี้ เพราะวา่ จิตตดิ ขอ้ ง
ในสมมตุ ิ

ถา้ หากพจิ ารณาทางดา้ นธรรมะ เหน็ จรงิ ประจกั ษช์ ดั เจนวา่
เป็นของปฏิกลู อสภุ ะอสภุ งั ไมน่ ่ากาํ หนด ไม่น่ายนิ ดี ไมน่ ่า
เพลิดเพลนิ หลงใหล กาํ หนดจิตกาํ หนดใจลงไป หลบั ตาลงไป
แทนท่ีมนั จะอยใู่ นเนือ้ ในหนงั รอบนอก มนั ไมเ่ ป็นอย่างนนั้ ถา้
จิตเป็นอรรถเป็นธรรมจรงิ จงั มนั จะเหน็ อสภุ ะ อสภุ งั ความ
ปฏิกลู ของกาย คอื เกิดอคุ หะ ตดิ ตาติดใจได้ มองไปท่ีไหน ใน
กายของตวั ก็มีแตข่ องช่วั ของเนา่ ของเหมน็ ของเป็นปฏิกลู ทงั้ นนั้
ผลท่ีสดุ เนือ้ หนงั ผพุ งั ลงไปเหลอื แตก่ ระดกู ดกู ระดกู ในเนือ้ ในตวั
ของตวั เอง มนั สวยมนั งามมยั้ มนั มีอะไรท่ีเป็นคณุ คา่ สาระ ทาํ
ใหจ้ ิตใจใฝ่ฝันลมุ่ หลง ถา้ มนั เหน็ ชดั เจนจรงิ จงั อยา่ งนนั้ มนั จะ
เกิดสลดสงั เวชท่ีจิตไปตดิ ขอ้ งในสมมตุ ิ พอมนั เห็นในจิตในใจ

8

ของตน น่ีคือคนท่ีประพฤตปิ ฏบิ ตั ิฝึกหดั พนิ ิจพจิ ารณาธรรมะ ไม่
ขอ้ งตดิ ในเร่อื งของกาย เพราะกายมนั เนา่ มนั เหม็น มนั เหน็ เป็น
ของสกปรก ของปฏกิ ลู

เม่ือจติ ของเราฝึกหดั ปฏิบตั ิเกิดอคุ หนิมิตตดิ ในใจอย่างนนั้
ไปท่ีไหนแทนท่ีมนั จะหลงใหลใฝ่ฝันในรูปตา่ งๆ ไม่วา่ รูปหญิงรูป
ชายก็ขนึ้ มาเป็นกายแลว้ มนั เน่ามนั เหมน็ มนั ปฏกิ ลู ดว้ ยกนั
ทงั้ นนั้ มนั เหน็ ประจกั ษ์ แลว้ มนั ก็ไม่ติดไมข่ อ้ ง ไมย่ ดึ ไมถ่ ือ ไม่
กาํ หนด ไมย่ นิ ดใี นรูปนนั้ ๆ เคา้ สมมตุ ิอยา่ งไรก็พดู ไปตามโลก
ของเขา แตจ่ ิตใจของเราจะลมุ่ หลงเหมือนเก่าก่อนท่ีเราไม่เคย
ฝึกสอน ไม่เคยประพฤติปฏบิ ตั ินนั้ มนั เป็นไปไมไ่ ด้ พอมนั เหน็
ประจกั ษช์ ดั เจนในจิตในใจ น่ีคือการประพฤติปฏบิ ตั ฝิ ึกหดั พนิ ิจ
พิจารณาธรรมะ

ใจเม่ือมีธรรมะ ฝึกธรรมะ พจิ ารณาในทางธรรมะ เร่อื งกเิ ลส
ตณั หาท่เี คยยงุ่ เก่ียวกบั จติ กบั ใจ มนั คอ่ ยถอนออกไป ตกออกไป
หลดุ ออกไป ใจไมล่ มุ่ หลงมืดบอดเหมือนก่อน ใจไมว่ นุ่ วาย
เดอื ดรอ้ นเพราะความลมุ่ หลงเรอ่ื งกิเลสตณั หาเผาตวั ใจจงึ สวา่ ง

9

ไสว ใจจงึ สงบเย็น อยใู่ นสถานท่ีใด มีความสขุ ความสบายทาง
ใจ เพราะการแกไ้ ขขบั ไลเ่ รอ่ื งความลมุ่ หลง เรอ่ื งกิเลสของตวั
ออกไป น่ีการพจิ ารณาศกึ ษาปฏบิ ตั ิธรรมะ เกิดคณุ คา่ สาระจาก
การกระทาํ บาํ เพญ็ ของตน พอเหน็ ความเย็น ความสงบ ไป
สถานท่ีใดมีแตอ่ รรถแตธ่ รรมะท่วั ไป เหน็ อะไรนอ้ มนาํ มาพนิ ิจ
พิจารณาแกไ้ ขเพ่ือใหใ้ จเกิดปัญญา สามารถละถอนความยดึ ถือ
ของจิตของใจ

เม่ือเป็นอยา่ งนนั้ ใจสงบได้ ใจสขุ ได้ ใจมีสติมีปัญญา
ภายใน ทา่ นจงึ เป็นโลกะวิทู คอื รูแ้ จง้ ในตวั ของท่าน วา่ ธาตขุ นั ธ์
อนั นีไ้ ม่ใชส่ ตั วบ์ คุ คล เป็นแตธ่ าตทุ งั้ ๔ ผสมกนั เขา้ ขนั ธท์ งั้ ๕ ท่ี
อาศยั อย่นู ีก้ ็เป็นสมมตุ ิอนั หนง่ึ มนั มีดว้ ยกนั ทกุ คน ไมว่ า่ หญิงวา่
ชาย ไมว่ า่ อดตี อนาคต ปัจจบุ นั เรารูเ้ ราเขา้ ใจตวั ของเราชดั เจน
อย่างไร อดีตอนาคตมนั ก็หมดไป เพราะคนเกิดใหม่เคา้ ก็จะ
เป็นไปทาํ นองเดยี วกบั เรา ผลท่ีสดุ เคา้ จะตอ้ งลม้ หายตายไป คน
ท่ีตายไปแลว้ ในอดตี ก็เหมือนกนั กบั เราในปัจจบุ นั ไม่มีอะไรท่ีจะ
สงสยั ขอ้ งใจอกี น่ีคือการพนิ จิ พิจารณาเรอ่ื งของธรรมะ

10

ธรรมะจงึ เป็นเคร่อื งสอ่ งเร่อื งโลกตา่ งๆใหส้ วา่ งไสว ให้
ประจกั ษใ์ นใจ คนท่ีลมุ่ หลงโลกเทา่ ไร อารมณม์ ากเทา่ ไร คนนนั้
ก็ยงุ่ ลาํ บากเทา่ นนั้ เราไม่คอ่ ยสงั วรณร์ ะวงั ใจกนั มีแตป่ ลอ่ ยไป
ตามเรอ่ื งของโลก เรอ่ื งของสมมตุ ิ เราจงึ ขอ้ งติดคิดแวะในสิ่ง
ตา่ งๆอยเู่ ร่อื ยๆ ไมม่ ีความสงบสขุ ให้ พอมาฝึกอบรมใจของตวั
สอนใจของตวั พิจารณาอรรถธรรมชาํ ระใจของตวั สิง่ ท่ีช่วั เสยี
ตา่ งๆเคยมารบกวนจติ ใจคอ่ ยตกไป ขาดไป เบาไป สบายไป ใจ
สวา่ ง ใจไสว ใจสงบ ใจเยน็ น่ีคอื การฝึกการบาํ เพ็ญในทาง
ธรรมะ ถา้ หากใครฝึกปฏบิ ตั ิได้ เขา้ ใจในเร่อื งของธรรมะ โลกอนั
นีก้ ็ไมม่ ีอะไรท่ีจะมาย่วั ยจุ ิตใจใหล้ มุ่ หลงตดิ ขอ้ ง เพราะสมมตุ ิ
ตา่ งๆนนั้ ถา้ หากเราพนิ ิจพจิ ารณาตามธรรมะแลว้ มนั แกไ้ ป
หลดุ ไป การแกส้ มมตุ ิไป หลดุ จากสมมตุ ิไปดว้ ยใจของตวั เองนนั้
แหละ ทา่ นเรยี กวา่ วิมตุ คิ ือความพน้ ไปจากความขอ้ งจติ ในเร่อื ง
สมมตุ ิตา่ งๆ

แตก่ อ่ นมนั เคยลมุ่ เคยหลง ตาเหน็ รูปก็เกิดอยา่ งนนั้ เกดิ
อย่างนี้ ถา้ มนั ชอบ มนั ยนิ ดมี นั ก็เกิดราคะตณั หา ถา้ มนั ไมช่ อบ

11

ไม่ยนิ ดี มนั ก็เกิดความไมพ่ อใจโสมนสั โกรธแคน้ ในส่งิ เหลา่ นนั้
มนั เลยทกุ ขไ์ หมเ้ ผาจติ ใจของเราตลอดเวลา เสียงก็เหมือนกนั
มนั เป็นพิษเป็นภยั ใหญ่หลวง ถา้ หากคนไมม่ ีธรรมะ ลมปากของ
คนสามารถท่จี ะทาํ ภยั อนั ตรายไดม้ าก รอ้ นไหมย้ ่งิ กวา่ ไฟ
ธรรมดาเพราะลมปาก เยน็ ก็เยน็ สนิท ฝังจติ ฝังใจของคนเพราะ
ลมปาก ถา้ หากคนมีธรรมะพินิจพจิ ารณาเรอ่ื งรูปก็ดี เสยี งก็ดี
สิ่งเหลา่ นีม้ นั มีมากอ่ นแตไ่ หนแตไ่ ร เราไม่เหน็ มนั ก็มีอย่แู ลว้ เรา
เห็นมนั ก็มีอยอู่ ยา่ งนนั้ แลว้ ส่งิ เหลา่ นีม้ นั จะไปสจู่ ดุ หมาย
ปลายทางอยา่ งไรกนั เราทราบวา่ สง่ิ ท่ีเกิดขนึ้ มีการแปรปรวน
และแตกสลาย

เสยี งกเ็ หมือนกนั เขาสรรเสรญิ เยนิ ยอพดู ดอี ย่างนนั้ อยา่ งนี้
ทาํ ใหก้ าํ หนดั ยินดี ทาํ ใหล้ มุ่ หลงจติ ใจ เสยี งนนั้ ดบั ไประยะ
ยาวนานขนาดไหน แตส่ ญั ญาอารมณค์ วามยดึ ถือของใจมนั
ผกู มดั ไว้ ทาํ ใหใ้ จยนิ ดี ทาํ ใหใ้ จลมุ่ หลงเพลิดเพลนิ ไป ถา้ เคา้ ดา่
เคา้ วา่ สง่ิ ท่ีเราไม่ปรารถนา ไมช่ อบใจแลว้ ก็ทาํ นองเดยี วกนั ทงั้
ส่ิงเหลา่ นนั้ เสยี งเหลา่ นนั้ ดบั ไประยะยาวนาน แตเ่ ราก็นาํ มาคิด

12

มาอา่ นมาปรุงขนึ้ ทาํ ใหจ้ ิตใจโกรธแคน้ เรา่ รอ้ น เป็นไปทาํ นอง
นนั้ เพราะปัญญาของเราในทางธรรมะไมม่ ี ไม่สามารถท่ีจะแกไ้ ข
ขบั ไลส่ ง่ิ เหลา่ นีใ้ หห้ ายออกไปจากใจ ใจจงึ ลมุ่ หลงเรอ่ื ยไป

โลกอนั นี้ รูปกด็ ี เสียงก็ดี มนั มีมาแตไ่ หนแตไ่ ร คนหลงจงึ ไม่
มีความสงบ ไม่มีความสขุ ให้ เพราะไปท่ีไหนก็เจอรูป เจอเสียง
เจอกลนิ่ เจอรส แตค่ นมีธรรมะในจิตในใจนนั้ ทา่ นไมไ่ ดล้ มุ่ หลง
ทา่ นพจิ ารณาตามเป็นจรงิ แลว้ ปลอ่ ยวางในสิง่ นนั้ ๆ รูปมนั มีอยกู่ ็
สกั แตว่ า่ รูป เราเป็นอยา่ งไร เคา้ ก็เป็นอยา่ งนนั้ เสียงก็ทาํ นอง
เดยี วกนั เคา้ จะสรรเสรญิ เยนิ ยอ มนั ก็ดบั ไป เคา้ จะติฉินนินทา
มนั ก็ดบั ไป มนั ไม่มีอะไรท่ีจะยดึ จะถือเอาไว้ มนั ปลอ่ ยไปวางไป
พอพดู จบมนั ก็ดบั น่ีหมายถึงเร่อื งผทู้ ่ีมีธรรมะในใจท่ีแกไ้ ขตวั
เพ่ือความสงบ ทา่ นจงึ อย่สู งบ ไม่มีอะไรท่จี ะมากอ่ กวนจิตใจให้
ชอบ ใหย้ นิ ดี ใหต้ าํ หนิ โกรธแคน้ ตา่ งๆ น่ีหมายถงึ ผทู้ ่ีประพฤติ
ปฏบิ ตั อิ รรถธรรม ระวงั สงั วรณใ์ จภายใน ดใู จของตวั ท่ีมนั ชอบ
มนั ยนิ ดใี นเร่อื งตา่ งๆนนั้ มนั ใหท้ กุ ข์ ใหโ้ ทษ หรอื มนั ใหค้ ณุ ให้
ประโยชนอ์ ย่าไร ท่ีมนั ตาํ หนเิ ขานนั้ มนั มีความสขุ ความสบาย

13

มยั้ ทา่ นตอ้ งพนิ ิจพิจารณาเพ่ือใหจ้ ติ เขา้ ใจชดั เจนในสงิ่ เหลา่ นนั้
เม่ือมนั เขา้ ใจชดั เจนเห็นประจกั ษ์ มนั ก็ละได้ ถอนได้ น่ีมนั ไม่
เห็น ไม่เป็นในจติ ในใจของตวั ไปอย่สู ถานท่ีใดถงึ สถานท่ีจะสงบ
ไมม่ ีอะไรภายนอกมารบกวน แตจ่ ติ ใจก็วนุ่ วายวา่ คิดอย่างนนั้
คิดอย่างนี้ อยใู่ นท่ีสงบก็กลวั อนั นนั้ กลวั อนั นี้ ทงั้ ๆท่ีสง่ิ ท่เี รากลวั
นนั้ มนั ไมม่ ี แตม่ นั ก็คดิ เอา เดาเอา ปรุงเอาวา่ มนั จะเกิดขนึ้ อยา่ ง
นนั้ เป็นไปอยา่ งนี้ คือไปคาดไปฝัน ทาํ ใหจ้ ิตใจของตวั เองวา้ วนุ่
ย่งุ เก่ียว หาความสงบ หาความวเิ วกไม่ได้

นกั ภาวนา นกั ชาํ ระใจจงึ ควรแกไ้ ข ควรพนิ จิ พจิ ารณาดสู งิ่
ตา่ งๆใหเ้ หน็ ตามเป็นจรงิ ของมนั แตจ่ ติ ใจท่ีจะเห็นเดน่ ชดั อยา่ ง
นนั้ ทางศาสนาครูอาจารยท์ า่ นเคยแนะสอนใหฝ้ ึกสมาธิ คือ
ความสงบของใจเสยี กอ่ น ถา้ หากพิจารณาสมุ่ เดาโดยไมม่ ีความ
สงบของใจ พจิ ารณาไปเทา่ ไหรม่ นั ก็คลาดหมายไป มนั ไมข่ าด
ไม่ตกให้ ความจรงิ ปัญญามนั มที กุ คน ความคดิ นกึ มนั มีทกุ คน
แตม่ นั นกึ คิดไปคนละอยา่ งละแบบ นกึ คดิ ไปในทางโลก ทางผิด
จิตใจก็เดือดรอ้ น นกึ คิดไปในทางธรรมะ จติ ใจก็เยือกเยน็ ก็ใจ

14

จะละจะถอน จะเกิดปัญญาสามารถหาํ้ ห่นั ตดั เร่อื งของราคะ
ตณั หาได้ ตอ้ งอาศยั ความสงบของใจคอื สมาธิก่อน ทา่ นจงึ สอน
ใหฝ้ ึกสมาธิ

การฝึกสมาธิคอื ความสงบของใจนนั้ ทางศาสนาถือวา่
สมถะ คือฝึกเพ่ือความสงบ ใหส้ งบเสียก่อนจงึ คอ่ ยพินจิ
พจิ ารณาตอ่ ไป การสงบของใจ การฝึกใจนนั้ บางทา่ นบางคนก็
ตอ้ งอาศยั การบรกิ รรม บางท่านบางคนกอ็ าศยั ลมหายใจ บาง
ทา่ นบางคนก็อาศยั การพินจิ พจิ ารณา พจิ ารณาไปใจสงบไป แต่
บางทา่ นบางคนถา้ หากสง่ ใหพ้ จิ ารณาขา้ งนอก มนั ไม่สงบให้
มนั เลยเถิดเลยแดนออกไป อยา่ งนนั้ ตอ้ งอาศยั การบรกิ รรม จะ
บรกิ รรมพทุ โธ ธมั โม สงั โฆ หรอื ตายๆก็ได้ ใหจ้ ิตมนั สมั ผสั กบั คาํ
บรกิ รรมอย่นู นั้ ไมป่ ลอ่ ยใหจ้ ติ วกคิดไปเรอ่ื งอ่ืน ถึงเกิดขนึ้ ผ่านมา
อย่าไปตดิ ตามเร่อื งตา่ งๆ ใหถ้ ือวา่ คาํ บรกิ รรมของเรานนั้ เป็น
เรอ่ื งสาํ คญั ย่งิ กวา่ สง่ิ ท่วั ไป ถา้ หากเราไปติดในการคิดปรุงของ
ใจ อะไรผา่ นมาก็ลืมคาํ บรกิ รรมไปเสยี ตามไปนิดๆหนอ่ ยๆก็
หายไป กลบั มาบรกิ รรมใหมอ่ ยอู่ ยา่ งนนั้ มนั ไม่ทนั เหตกุ ารณ์

15

ตอ้ งผกู ใจม่นั บรกิ รรมอย่นู นั้ จนใจของเราอยกู่ บั คาํ บรกิ รรม
สมั ผสั อยนู่ นั้ ไมไ่ ดอ้ อกไปเร่อื งอ่ืน ผลท่ีสดุ เม่ือจิตสมั ผสั กบั คาํ
บรกิ รรมของตวั อยู่ เรอ่ื งนอกไมม่ ายงุ่ เก่ียวอะไร ใจคอ่ ยจะสงบ

ความสงบของใจบางทา่ นบางคนก็เหมือนตกเหว วบู ลงไป
บางทา่ นบางคนก็เหมือนทงิ้ กอ้ นหนิ กอ้ นดนิ ลงไปในนา้ํ คอ่ ยจม
ลงไป จมลงไปจนถงึ พนื้ น่ีคือความสงบ แตม่ นั จะเกิดขนึ้ แบบ
ไหนอยา่ งไรนนั้ อาศยั ผปู้ ระพฤติปฏบิ ตั ิจะทราบ จะเขา้ ใจจาก
ตวั ของตวั เอง เพราะตวั เป็นคนทาํ ตวั ตอ้ งเห็นตวั ตอ้ งเป็น เม่ือ
มนั สงบลงถงึ ท่ีของมนั จติ ใจไมไ่ ดค้ าดไดฝ้ ันกาลเวลา เพราะมนั
จิตเป็นหนง่ึ ไมไ่ ดค้ ิดปรุงอะไร มีแตค่ วามรูส้ กึ อย่างเดยี ว กายทงั้
กายมนั ก็ไม่ไดน้ กึ วา่ มนั น่งั มนั ยืน มนั นอน มนั เดินอย่ทู ่ไี หน มนั
วางไปหมดเรอ่ื งนอกจากกายของเราไปไมต่ อ้ งพดู ไอเ้ ร่อื งของ
กายท่ีมนั อย่ดู ว้ ยกนั นี้ มนั ก็วางไปปลอ่ ยไปหมด จิตมนั วา่ ง มนั
ไม่ไดเ้ ก่ียวขอ้ งกบั รูป กบั เสยี งอะไร มนั อยเู่ ฉพาะเรอ่ื งของมนั ถา้
หากมนั ไมถ่ อนขนึ้ มาเม่ือไร มนั อยอู่ ยา่ งนนั้ มนั จะไมม่ กี ารคาด
ฝันวา่ นานขนาดไหน มนั ไมม่ ีการเหน็ดเหน่ือยเม่ือยหวิ ไมม่ ีการ

16

เจ็บปวด เพราะใจนนั้ ไมม่ ายงุ่ เก่ียวออกมาขา้ งนอก มนั สงบ
เรยี กวา่ มนั สงบถึงท่ีของมนั พอมนั ถอนออกมา มนั จะมีกาํ ลงั

บางคนพอถอนขนึ้ มาจากนนั้ นิดหนอ่ ย ก็ออกรูส้ งิ่ ตา่ งๆ ทา่ น
เรยี กวา่ อปุ จาระ คือออกรู้ ออกเหน็ จะพิจารณาอะไรในเรอ่ื งของ
กาย มนั ก็เกิดอคุ หะขนึ้ ได้ คอื ติดหตู ิดตา จะพิจารณาเรอ่ื งตา่ งๆ
ท่ีเคยขอ้ งใจมาก่อน มนั ก็จะมีธรรมผดุ ขนึ้ บอก วา่ อนั นนั้ เป็น
อยา่ งนนั้ อนั นีเ้ ป็นอยา่ งนี้ ซง่ึ เราไมเ่ คยคาดฝันมาก่อน มนั เป็น
ขนึ้ จากจติ จากใจท่ีสงบ จากจิตจากใจท่ีฝึกปฏิบตั ิ ความสขุ
ความสบายท่ีเราเหน็ เราเป็นอย่างนนั้ เราไมเ่ คยเหน็ เคยเป็นมา
กอ่ นมนั ก็อศั จรรย์ เพราะความสขุ ชนิดนีไ้ ม่มีใหใ้ ครดู ไม่วา่ จะไป
ท่ีไหน มีเงินก่ีแสนก่ีลา้ น ไปจา้ งดมู นั ก็ไม่เหน็ เพราะไมม่ ีใครท่ีจะ
เอาออกลงใหค้ นดู ออกรา้ นใหค้ นดู คนท่ีฝึกท่ีปฏิบตั เิ ทา่ นนั้ จะ
เหน็ ความเย็น ความสขุ ความอศั จรรยข์ องใจ

เม่ือมนั เหน็ อยา่ งนนั้ ความเช่อื ความเล่อื มใสอยากจะ
กระทาํ บาํ เพญ็ มนั เกิดขนึ้ ศรทั ธาความเช่ือม่นั ในจิตในใจวา่
มรรคผลนนั้ ยงั มีอยู่ เราประพฤติปฏิบตั ิ เรารู้ เราเหน็ ความสงบ

17

เยน็ ของใจปราศจากราคะตณั หาช่วั ระยะเวลาสนั้ ๆ เราเหน็ แลว้
เราเขา้ ใจแลว้ เม่ือมนั เป็นอยา่ งนนั้ ความเพยี รพยายามท่ีจะ
กระทาํ ใหเ้ หน็ ใหเ้ ป็นอยา่ งนนั้ มนั ก็มีกาํ ลงั ทวขี นึ้ เพราะทกุ คน
ชอบความสงบ ชอบความสขุ ชอบความเย็นของใจ แตเ่ ราไม่
เคยเหน็ เคยเป็นมา เขา้ ใจวา่ สง่ิ นนั้ ส่งิ นีไ้ ดม้ าแลว้ คงจะดี จะสขุ
จะสบาย เราเคยติดดา้ นวตั ถุ ดา้ นสมมตุ ขิ า้ งนอกมาพอแลว้ ว่งิ
วนุ่ หา แสวงหา ไดม้ าแลว้ สมปรารถนามยั้ ความสขุ ของใจท่ีมนั
เป็นอยา่ งนีม้ นั ดีมีคณุ คา่ ย่ิงกวา่ สิ่งท่ีเราเคยไดม้ า เคยเหน็ มามยั้
มนั จะทราบไดจ้ ากการประพฤติปฏบิ ตั ขิ องตวั

ฉะนนั้ ผทู้ ่ีประพฤติปฏิบตั ิตามอรรถธรรมท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรง
สอนจรงิ จงั เหน็ ธรรมในจติ ในใจ ท่านจงึ ไมอ่ ศั จรรยอ์ ะไรในโลก
เพราะโลกอนั นีถ้ า้ หากมาเหน็ อรรถเหน็ ธรรมดว้ ยความประพฤติ
ปฏิบตั ิแลว้ ไม่มีความหมายอะไรใหญ่โตเท่ากบั การประพฤติ
ปฏบิ ตั ิธรรม งานอะไรในโลกจะสาํ คญั เทา่ การละกิเลสไม่มี งาน
เหลา่ นนั้ ถงึ มีอยทู่ ่วั โลกก็ตาม เป็นงานท่ีไมส่ าํ คญั งานสาํ คญั คือ
การละกิเลส การบาํ เพญ็ ภาวนา การชาํ ระใจของตวั ทา่ นจงึ ไม่

18

ย่งุ เก่ียวกบั เรอ่ื งอะไรทงั้ หมดนอกจากจะพนิ ิจพจิ ารณาชาํ ระใจ
ของตวั อยสู่ ถานท่ีใดสะดวกในการบาํ เพ็ญภาวนาชาํ ระกิเลส
ท่านอยไู่ ด้ ถงึ ท่ีนนั้ จะคบั ขนั ถงึ ท่นี นั้ จะอดอยากยากจน ไม่
สะดวกทางกายก็ตาม แตใ่ จของท่านสะดวกสบายในการพินิจ
พจิ ารณา ทา่ นอย่ไู ด้ ท่านไม่ไดถ้ ืองานอ่นื เป็นงานสาํ คญั ยง่ิ กวา่
ชาํ ระกิเลสของทา่ น น่ีคือผปู้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิ เขา้ ใจในอรรถใน
ธรรม ท่านไมอ่ ศั จรรยอ์ ะไรนอกจากชาํ ระใจใหห้ มดจดจากกิเลส
ม่งุ ม่นั ภาวนาชาํ ระใจอยตู่ ลอดเวลา

เม่ือทาํ อยบู่ อ่ ย ชาํ ระอยบู่ อ่ ย ใจมนั ก็สะอาด เม่ือใจมนั
สะอาดก็สามารถท่ีจะรูจ้ ะเหน็ สง่ิ ตา่ งๆนานาท่ีตกมาปลวิ มา
เกาะติดกบั จติ กบั ใจ หมายถงึ วา่ อารมณต์ า่ งๆท่ีจรมาก็ดี เกิดขนึ้
ก็ดี ทา่ นมองเห็นชดั เจนวา่ สงิ่ นีเ้ ป็นอยา่ งไร แลว้ ก็แกไ้ ขทนั ทว่ งที
น่ีคือมนั สะอาดทางจิตทางใจ เขา้ ใจสญั ญาอารมณ์ น่ีเราไมเ่ ป็น
อย่างนนั้ มนั โกรธ ไมท่ ราบวา่ มนั เกิดขนึ้ จากอะไร ทาํ ไมมนั ถึง
โกรธ ถงึ ไมช่ อบ มนั ก็ยงั โกรธอยู่ มนั โลภ มนั หลงก็เหมือนกนั
เพราะมนั ไม่สะอาดจิตใจ อะไรตกลงมา กไ็ ม่ทราบวา่ อนั นีต้ กลง

19

มาเม่ือไร เหมอื นกนั กบั ป่ามนั มืดทบึ รกเต็มท่ี งมู นั อาศยั ได้ เสือ
มนั อาศยั ได้ ชา้ งมนั ก็อย่ไู ด้ ชา้ งตวั ใหญ่ๆมนั มีอะไรปิดบงั ของ
มนั ถา้ หากมนั สะอาด โลง่ ถา้ หากเป็นของสะอาดจรงิ จงั ไมว่ า่
จะเป็นของใหญ่โตขนาดนนั้ แมแ้ ตเ่ ข็มหรอื เสน้ ผมตกลงไป เราก็
มองเหน็ ไดว้ า่ อนั นีเ้ ป็นเข็ม เป็นเสน้ ผม ถา้ หากมนั ไปตกในป่า
ไปหาท่ีไหนหละมนั จะเจอให้ เพราะมนั รก

ใจสะอาดจงึ เป็นท่ีปรารถนาของบณั ฑิตท่วั ไป ทา่ นชาํ ระใจ
ของท่านสะอาดแลว้ ราคะ ตณั หา มานะทฐิ ิตา่ งๆท่ีเกิดขนึ้ ท่าน
สามารถท่ีจะกาํ จดั ปัดเป่าออกไป ไม่ใหเ้ กิดพิษเกิดภยั รบกวน
จติ ใจของทา่ น น่ีคือการประพฤติปฏบิ ตั ิการชาํ ระใจ ทกุ คนมี
หนา้ ท่ที ่ีจะชาํ ระสะสางตวั ของตนได้ ไมใ่ ชว่ า่ เป็นหนา้ ท่ีของ
พระพทุ ธเจา้ หรอื พระอรยิ เจา้ หรอื เป็นหนา้ ท่ีของพระของเณร
คนท่ีปรารถนาความสขุ อยา่ ไปหาความสขุ ท่ีอ่ืน ใหห้ าความสขุ
จากจติ จากใจของตน คอื การกาํ หนดพิจารณา การศกึ ษา การ
ชาํ ระสงิ่ ท่ีช่วั ออกไปจากใจดว้ ยธรรมะท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงสอนไว้

20

นาํ มาแกไ้ ขขบั ไลส่ ิง่ ท่ีใจขอ้ งติดคิดแวะตา่ งๆ ใหต้ กออกไป ใจจะ
สงบ ใจจะเยน็ จะเห็นความสขุ

เม่ือมีความสขุ ในตวั แลว้ ถงึ สง่ิ อ่นื จะไมม่ ีขนึ้ ก็ตาม เพราะ
ความสขุ ของธรรมนนั้ ไมอ่ าศยั วตั ถุ มนั มีอยภู่ ายในของมนั สขุ
อย่างไรนนั้ ผปู้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิจะทราบจะเขา้ ใจดว้ ยการประพฤติ
ปฏบิ ตั ิของตวั ถงึ คนอ่นื จะปฏิเสธวา่ อนั นีบ้ า้ บอ มรรคผลอะไรจะ
มี ศาสนาผ่านมาสองพนั กวา่ ปีแลว้ เคา้ จะวา่ จนปากเคา้ ฉีกก็วา่
ไปเถอะ ถา้ หากเราประพฤติปฏิบตั ิ รูเ้ ห็นเป็นในจิตในใจของเรา
น่นั ลมปากของเขา เราไมไ่ ดห้ ว่นั ไหวอะไรกบั เคา้ เราเขา้ ใจ
เช่ือม่นั ธรรมะนนั้ เป็นอกาลิโกจรงิ คอื ไมม่ กี าล มีสมยั ถา้ หากตงั้
หนา้ ตงั้ ตาปฏบิ ตั ิรกั ษา จะตอ้ งเหน็ ตอ้ งเป็น ตอ้ งเยน็ ตอ้ งสงบ
เพราะเราประพฤติปฏิบตั มิ า เรารูเ้ ราเหน็ ชดั เจนในจติ ในใจ ใคร
จะวา่ เราบา้ บออย่างไร เป็นเร่อื งของเขา เขา้ ใจผิด น่ีคือเราเหน็
เราเป็นในจิตในใจของเรา มนั ม่นั ในใจอยา่ งนนั้ ไมว่ อกแวกไป
ตามลมปากของเขา ใครจะสรรเสรญิ เยินยอหรอื ตฉิ ินนินทา ดว้ ย

21

อาํ นาจปัญญา ดว้ ยอาํ นาจจติ ปกติ ไมไ่ ดร้ บั เอาสิง่ เหลา่ นนั้ เม่ือ
เราไม่รบั เอา ใจมนั ก็ไมไ่ ดห้ นกั หนว่ ง ไมเ่ กิดทกุ ขเ์ กิดโทษ

น่ีเราวา่ เราฉลาด อะไรก็รูห้ มด แตโ่ ทษทกุ ขท์ ่ีมนั เผาใจ เรา
ไมท่ ราบ เคา้ ใหข้ องไม่ดีมา เราก็รบั เอา ทงั้ ท่ีเป็นของเนา่ ของ
เหมน็ ของเรา่ ของรอ้ นแผดเผาใจของเราใหเ้ กิดทกุ ขเ์ กิดโทษ
ขนาดไหน ก็ยงั รบั เอาอยู่ ปัญญาขีห้ มาอะไรจงึ จะชาํ ระใจของ
ตวั ไม่ได้ มนั ก็ควรท่ีจะสอนใจของตวั ส่งิ ท่ชี ่วั ท่ีเสยี ตา่ งๆ ตาเหน็
ก็ดี หไู ดย้ นิ ก็ดี ถา้ หากจิตมีสมาธิ จิตมีปัญญา จะไมห่ ว่นั ไหว สงิ่
เหลา่ นนั้ ไมด่ ีเราก็ไม่รบั เอา ดมี ีประโยชนเ์ ราก็รบั เอามาพนิ ิจ
พิจารณา น่ีจงึ ไดช้ ่ือวา่ คนมีปัญญา รูจ้ กั ดชี ่วั ผดิ ถกู น่ีปัญญา
ของเราไมเ่ ป็นอยา่ งนนั้ อะไรก็รบั เอาหมด มนั ก็เลยเกิดโทษเกิด
ทกุ ขใ์ นจติ ในใจ

ฉะนนั้ การปฏบิ ตั กิ ายใจของตวั จงึ เป็นเร่อื งสาํ คญั ธรรมะ
สอนพวกเราทา่ นใหพ้ จิ ารณากาย พิจารณาใจ พจิ ารณาอยา่ งไร
ใจจงึ จะสงบ ใจจงึ จะเหน็ แจง้ ละถอนกเิ ลสตณั หาได้ ก็อยา่ งท่ี
อธิบายมา กาํ หนดบทบรกิ รรมหรอื กาํ หนดลมหายใจใหใ้ จรวม

22

ได้ พกั ไดเ้ สยี กอ่ น เม่ือถอดถอนมาก็พจิ ารณาธรรมะ พิจารณา
หาความจรงิ ของมนั ในธาตใุ นขนั ธไ์ ดท้ ราบตามเป็นจรงิ ของมนั
จติ ใจของท่านจะถอดถอนเรอ่ื งราคะตณั หาตา่ งๆ ไมห่ ลงใหล
ใฝ่ฝันในสิ่งเหลา่ นนั้ เพราะตวั ของตวั เป็นอยา่ งไร สตั วอ์ ่นื ท่วั ไป
มนั ก็เป็นอยา่ งนนั้ เลยทราบท่วั ไป รูแ้ จง้ เป็นโลกะวทิ ู แจง้ โลก
รูปกายของตวั ท่วั ถงึ เทา่ นนั้ โลกท่วั ไปมนั แจง้ ไปหมด ประจกั ษ์
ไปหมด ไม่ตอ้ งไปเท่ียวดปู ระเทศนนั้ ประเทศนีเ้ ท่ียวรอบโลก
เป็นโลกะวทิ ู มนั จะรูแ้ จง้ อะไร เพราะใจของตวั ไมแ่ จง้ ไม่สวา่ ง
ถา้ หากทาํ จติ ทาํ ใจของตวั ใหแ้ จง้ ใหส้ วา่ ง เป็นโลกะวทิ ู โลกไหนก็
ตาม ก็ดนิ นา้ํ ลม ไฟ ของเกา่ โลกเนา่ โลกเหมน็ โลกทกุ ขโ์ ลก
ลาํ บากเหมือนกนั ไมม่ ีท่ีไหนท่ีจะสขุ จะเยน็ ใหถ้ า้ หากใจหลง ใจ
ตดิ ใจขอ้ ง ใจยดึ ใจถือ เพียงพจิ ารณาตวั ของตวั ท่วั ถงึ เทา่ นี้ โลก
มนั กท็ ราบไปหมด ท่วั ถงึ ไปหมด เพราะไมห่ ลงตวั ของตวั รูต้ วั
ของตวั ท่วั ถึง ก็รูโ้ ลกท่วั ถงึ

น่ีเราหลงเพราะเราไมม่ ีธรรม ไม่มีสมาธิ ไมม่ ีปัญญา ไม่มี
วิชาจงึ ไม่เกิดวมิ ตุ ติ เม่ือไม่เกดิ วมิ ตุ ติ จิตตดิ สมมตุ มิ นั ก็นาํ ทกุ ข์

23

นาํ โทษมาใหอ้ ย่ตู ลอดไป ฉะนนั้ การพจิ ารณา การศกึ ษาจงึ เป็น
เรอ่ื งสาํ คญั ควรท่ีพวกเราทา่ นจะพนิ ิจพจิ ารณาฝึกอบรมกาย
วาจา ใจของตวั เม่ือคนใดตงั้ หนา้ ตงั้ ตาศกึ ษาชาํ ระใจของตวั คน
นนั้ แหละจะเป็นคนท่ีมีคณุ คา่ สาระสงู ในตวั ของตวั ถงึ สมบตั ิ
พสั ถาน สงิ่ ของ เงนิ ทองจะไมม่ ีก็ตาม แตธ่ รรมะ ความสขุ ความ
สงบ ความเยน็ ของใจนนั้ จะทราบในตวั ของตวั หมดอยาก หมด
ทกุ ข์ หมดสงสยั วา่ จะมีอะไรดีวเิ ศษดกี วา่ นี้ ความอยากไม่มี
ทกุ ขไ์ มเ่ กิด ความเหน็ ของใจท่ีพน้ ออกไปจากสมมตุ ิเป็นอย่างไร
ก็ไมส่ งสยั จะบาํ เพ็ญอะไรอกี จะละอะไรอีก ทา่ นก็ทราบ เพราะ
ละมาหมดแลว้ บาํ เพ็ญก็ไดบ้ าํ เพญ็ เต็มแลว้ ตายหรอื อย่จู งึ ไม่มี
อะไรท่ีจะหว่นั ไหว ดีใจเสียใจกบั ความเป็นอย่หู รอื ความตายไป
เพราะใจถงึ ความบรสิ ทุ ธิ์

น่ีคือการประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามธรรมะท่ีพระพทุ ธเจา้ แนะสอน
คนท่ีถือปฏบิ ตั ติ ามคาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ ถือวา่ งานชาํ ระกิเลส
เป็นงานสาํ คญั ย่งิ กวา่ งานอ่นื แลว้ คนนนั้ มีโอกาสเวลาท่ีจะถงึ
ท่ีสดุ วมิ ตุ ตไิ ด้ ถา้ หากเหน็ เรอ่ื งอ่ืนเป็นเรอ่ื งสาํ คญั ย่งิ กวา่ การ

24

ชาํ ระใจของตนนนั้ คนนนั้ ไมม่ ีวนั มีเวลาท่ีจะไปเจอธรรมะความ
บรสิ ทุ ธิ์ได้ น่ีธรรมคาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ สอนลงมาสกู่ าย สู่
วาจา สใู่ จของพวกเรา เราทกุ คนก็มกี าย วาจา ใจดว้ ยกนั ไมว่ า่
สมยั ก่อนหรอื สมยั ปัจจบุ นั ความหลงกห็ ลงในสิ่งท่ีมีอยู่ หลงใน
กายของตวั ใจของตวั เทา่ นี้ เม่ือแกไ้ ขจงึ ไมจ่ ะไปแกไ้ ขท่ีใหม่
แกไ้ ขท่ีกายท่ีใจ เกิด แก่ เจบ็ ตาย ราคะตณั หามีอยทู่ ่ีไหน ก็
พยายามขบั ไล่ พยายามพนิ ิจพิจาณาเพ่อื ชาํ ระใจใหเ้ หน็ ตาม
เป็นจรงิ ของมนั เม่ือเหน็ ตามเป็นจรงิ แลว้ ความสงสยั มนั จะไป
อยไู่ ดอ้ ยา่ งไร เพราะเหน็ ตามเป็นจรงิ แลว้ อนั นีเ้ ป็นอยา่ งไรก็เห็น
เป็นอยา่ งนนั้ แตม่ นั ไมไ่ ดส้ งสยั วา่ มนั จะเป็นอะไรอีกมยั้

น่ีมนั ไม่รูไ้ มเ่ ขา้ ใจอย่างนนั้ มนั จงึ สงสยั เรอ่ื ยไป ใจเลยไม่
สงบเทา่ ท่ีควรให้ ความสขุ จงึ ไมเ่ กิดเหน็ เป็นในใจ จงึ แสวงหาส่ิง
ใหม่มาเป็นความสขุ โดดใสก่ ่ิงนน้ โดดใสก่ ่ิงนี้ พอถกู ก่ิงไมม้ นั ผุ
มนั ก็พงั ลงเทา่ นนั้ น่ีจิตใจของพวกเราท่านท่ีผิดหวงั ทาํ นอง
เดยี วกนั พอมนั โดดใสอ่ นั นนั้ วา่ จะสขุ โดดใสอ่ นั นีว้ า่ จะสขุ ผล
ท่ีสดุ มนั ไม่สมหวงั ให้ รูปัง อนิจจงั รูปัง อนตั ตา เวทนา สญั ญา

25

สงั ขาร วญิ ญาณก็ทาํ นองนนั้ คอื มนั ไมม่ ีอะไรท่ีจะคงเสน้ คงวา
อย่ไู ด้ ไม่มีอะไรท่ีจะบงั คบั บญั ชาได้ มนั เป็นไปตามธรรมชาติ
ธาตขุ นั ธข์ องมนั แตก่ ็ยงั ยดึ ม่นั ถือม่นั หลงใหลใฝ่ฝัน มนั จะไม่
เกิดทกุ ขเ์ กิดโทษอยา่ งไร เพราะความหลง ไมเ่ ขา้ ใจตามเป็นจรงิ
ของมนั เราหาความรอ้ นมาเผาตวั ของเราเอง ไม่ใช่วา่ รูป เสียง
กลิน่ รส มนั มาเผาเรา ความหลงของเรา ความยดึ ของเราเท่านนั้
ทาํ ใหเ้ ราเรา่ รอ้ น ทาํ ใหเ้ ราลมุ่ หลง ทาํ ใหเ้ ราไม่สงบ ท่านจงึ สอน
ใหว้ กเขา้ มาภายใน ดใุ จของตวั สงั วรณใ์ จของตวั พจิ ารณาหา
หลกั ฐานแกน่ สารเหตผุ ลจรงิ จงั แลว้ มนั จะแกต้ กเร่อื งจติ เรอ่ื งใจ

ฉะนนั้ ขอทกุ ทา่ นจงนาํ ไปพนิ ิจพจิ ารณาศกึ ษา ตงั้ หนา้ ตงั้ ตา
ปฏิบตั ิ ก็จะประสบพบเห็นแตค่ วามสขุ ความเจรญิ การอธิบาย
ธรรมะเหน็ วา่ สมควรแกเ่ วลา ขอยตุ เิ พียงเท่านี้ เอวงั

ท่ีมา: https://youtu.be/gFKkPY0IfGU

26


Click to View FlipBook Version