The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเข้าและการออกจากสมาธิ โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-15 21:14:12

การเข้าและการออกจากสมาธิ โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

การเข้าและการออกจากสมาธิ โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

Keywords: การเข้าและการออกจากสมาธิ,หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

การเข้าและการออกจากสมาธิ
หลวงป่สู วุ จั น์ สวุ โจ

ไดเ้ วลาแลว้ ตงั้ ใจปฏิบตั ิธรรม เพ่ือจะไดใ้ หร้ ูธ้ รรม เหน็ ธรรม
และถงึ ธรรม ท่ีเราควรรูท้ ่ีเราควรเหน็ และธรรมท่ีเราควรถึง ถา้ เรา
ไดถ้ ึงธรรมะแลว้ เราก็จะไดส้ มั ผสั ไดร้ บั รสแหง่ พระสทั ธรรม ท่ี
พระพทุ ธเจา้ พระองคท์ รงตรสั วา่ รสแหง่ พระสทั ธรรมชนะเสียซง่ึ
รสทงั้ ปวง เรยี กวา่ ธรรมรส ใครไดด้ ่มื ธรรมรสเป็นอมตะ เรยี กวา่
รสอมตะ เป็นท่ีพง่ึ ไดต้ ลอด กาํ จดั ทกุ ข์ กาํ จดั ภยั ไดส้ ิน้ เชงิ
เหมือนกบั องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ และพระอรยิ เจา้
ทงั้ หลาย ทา่ นไดร้ บั รสพระสทั ธรรมแลว้ ทา่ นไม่ยนิ ดีรสอยา่ งอ่นื
ซง่ึ เป็นวตั ถหุ รอื เป็นอามิส เพราะรสเหลา่ นนั้ มนั ก็รูส้ กึ แตเ่ พียง
ลนิ้ นิดเดยี วเทา่ นนั้ เอง แลว้ กจ็ ืดจางหายไปๆ ไม่ตงั้ ม่นั ไมม่ ่นั คง
ไมถ่ าวรเหมือนกบั รสพระสทั ธรรม ไมเ่ คยมีหายไปไหน ถา้ เราได้
เขา้ ถงึ แลว้ เพราะเหตนุ นั้ เราทงั้ หลายควรจะอยากใหร้ ูป้ ฏบิ ตั ิ ให้
รูธ้ รรม

1

คาํ วา่ รูธ้ รรมนนั้ คอื รูธ้ รรมไหนเป็นธรรมอยา่ งต่าํ พระองคจ์ ดั
กองธรรมไว้ ๓ กองหรอื ๓ กลมุ่ ธรรมอย่างต่าํ ธรรมอย่างกลาง
ธรรมอย่างสงู หรอื ธรรมอย่างปราณีต ธรรมอย่างต่าํ นนั้ ไดแ้ ก่
ธรรมท่ีเป็นทจุ รติ ท่ีเป็นอกศุ ลอนั ลามก เรยี กวา่ ธรรมลามก ธรรม
สกปรก ธรรมเผด็ รอ้ นหรอื ธรรมเจบ็ แสบ ผลของธรรมเหลา่ นีไ้ ม่
เกิดประโยชน์ น่ีเป็นธรรมกลมุ่ หนง่ึ ใหเ้ รารูจ้ กั เพ่ือจะไดล้ ะไดเ้ วน้
ธรรมเหลา่ นีไ้ ดแ้ ก่ กายทจุ ริต วจที จุ ริต มโนทุจริต น่ีเรยี กวา่
หนี าธรรมา ธรรมในสว่ นเลว สว่ นต่าํ กายทจุ รติ ธรรมในสว่ น
ต่าํ นนั้ เม่ือเกดิ ขนึ้ ในใจแลว้ มนั จงู ใจใหเ้ กิดความยนิ ดคี วาม
พอใจในการกระทาํ ทจุ รติ มนั เกิดจงู ใจใหไ้ ปพอใจในการฆา่ สตั ว์
จงู ใจไปใหล้ กั ทรพั ย์ จงู ใจไปใหย้ ินดีในเสพเมถนุ จงู ใจใหใ้ ช้
วาจาพดู เท็จ พดู สอ่ เสยี ด พดู คาํ หยาบ พดู เพอ้ เจอ้ แลว้ ทาํ ใจให้
มีพยาบาท ทาํ ใจใหเ้ บยี ดเบยี นทรมานผอู้ ่ืนสตั วอ์ ่นื ทาํ ใจใหม้ ี
ความเหน็ อนั ไมถ่ กู ตอ้ ง มีความคิดในทางท่ีช่วั ท่ีไม่ดี น่ีเป็นธรรม
ฝ่ายต่าํ เพราะฉะนนั้ นกั ภาวนาตอ้ งรูจ้ กั ธรรมฝ่ายต่าํ ถา้ เกิดขนึ้
ในกาย ถา้ ใชท้ างกายก็ไปในทางท่ีไม่ดี

2

สว่ นธรรมอยา่ งกลาง ธรรมปานกลาง ละกายทจุ รติ
ประพฤติกายสจุ รติ น่ีธรรมอย่างกลาง ละวจีทจุ รติ ประพฤติวจี
สจุ รติ ละมโนทจุ รติ ประพฤติมโนสจุ รติ น่ธี รรมอยา่ งกลาง
บคุ คลผปู้ ระพฤติธรรมอย่างกลาง ทา่ นวา่ เป็นมนสุ สธรรม ธรรม
ในชนั้ มนษุ ย์ ชนั้ กามาวจรกศุ ล ไดค้ วามสขุ ในรูปในเสียงในกลน่ิ
ในรสในโผฏฐัพพะตามวิสยั กาํ ลงั ท่ีเป็นกามาวจรแบบมนษุ ย์
ธรรมดา แตไ่ มไ่ ดค้ วามสขุ ละเอยี ดปราณีตม่นั คงกวา่ นนั้ อีก

ธรรมอย่างสงู นบั ตงั้ แตฌ่ าณสมาบตั ิขนึ้ ไป คอื ละนิวรณ์ ๕
อยา่ ง ละกามะฉันทะได้ ละพยาบาทได้ ละถนี มิทธะได้ ละ
อุทธัจจะ กุกกจั จะ ละวจิ กิ จิ ฉา คอื ละกามฉนั ทะ จติ ใจไม่
พวั พนั พอใจในทางกามเพราะปัญญาเห็นโทษของกาม เป็นทกุ ข์
ของกาม ของรูปของเสียงของกลน่ิ ของรส คอื ละอารมณ์ มี
ปัญญาทางตา ทางหู ทางจมกู ทางลนิ้ ทางกาย รกั ษาสาํ รวม
ระวงั ไมห่ ลง ไม่เกิดความพอใจ เรยี กวา่ กามารมณ์ กามะฉนั ทะ
คือพอใจ พยาบาทดว้ ยอาํ นาจแห่งความไม่ชอบ ความโกรธ
ความไมพ่ อใจ ละความพยาบาทได้ จติ เคยพยาบาท เหน็ โทษ

3

ของพยาบาทละไดข้ าด ถีนมิทธะ ความหดหเู่ คลิบเคลมิ้ ทา่ นละ
ไดจ้ ติ หดหไู่ มข่ วนขวาย จิตประมาท ไมร่ ะลกึ เหน็ ทกุ ขเ์ หน็ ภยั ไม่
เห็นทกุ ขท์ ่ีจะเกิดขนึ้ คอื ความชราคร่าํ ครา่ ในอตั ภาพ เราถงึ ความ
เจบ็ ปวด เราถงึ ความแตกดบั ไมเ่ ตรยี มหาท่ีพ่งึ จติ หดหู่ อยไู่ ด้
กินไดอ้ ยู่ สกั แตว่ า่ กินสกั แตว่ า่ อยู่ ทา่ นละธรรมเหลา่ นีไ้ ด้ จติ
ฟ้งุ ซา่ นราํ คาญ ท่านเห็นโทษ ทา่ นสาํ รวมระวงั มีสตริ กั ษาจติ
ไม่ใหฟ้ ้งุ ซา่ นราํ คาญ พยายามแกไ้ ขวจิ กิ ิจฉา ความสงสยั ลงั เลไม่
แนน่ อนในจติ ในใจ มนั เขา้ หาผปู้ ระพฤตธิ รรมปฏบิ ตั ธิ รรม ท่ี
เรยี กวา่ บณั ฑติ ผตู้ งั้ อย่ใู นธรรม สนทนาฟังธรรมโดยเคารพ
สนทนาธรรมโดยเคารพ รูจ้ กั ธรรมควรละ ธรรมควรเจรญิ เขา้ ใจ
ในธรรม มีความรูค้ วามฉลาดขนึ้ มาแกค้ วามวจิ กิ ิจฉาความ
สงสยั ได้ สนิ้ ความสงสยั เพราะมารูค้ วามจรงิ เพราะฉะนนั้ ธรรม
นีจ้ งึ เป็นธรรมชนั้ สงู ถงึ แมว้ า่ จะละไดช้ ่วั คราว แตก่ ็ยงั มอี านิสงส์
เรยี กวา่ ธรรมชนั้ สงู เป็นวหิ ารธรรมเครอ่ื งอยขู่ องชนั้ พรหม จิต
ประกอบดว้ ยเมตตา กรุณา มุทติ า อุเบกขา น่ีวิหารธรรมเป็น
เคร่อื งอย่ขู องผใู้ หญ่ของชนั้ พรหม

4

น่ีขนั้ สงู อย่างต่าํ อยา่ งเพลา สว่ นชนั้ สงู อยา่ งประณีตก็
หมายถงึ อรยิ มรรค อรยิ ผล นบั ตงั้ แตโ่ สดาบนั ขนึ้ ไปจนถงึ
สกิทาคา อนาคา อรหตั ต์ สงู ไปตามลาํ ดบั เรยี กวา่ ธรรมชนั้ สงู
เพราะฉะนนั้ เราตอ้ งศกึ ษารูต้ วั กาํ หนดวา่ จติ ใจของเราอยใู่ นชนั้
ใดภมู ใิ ด เราตอ้ งการชนั้ ใดภมู ิใด เราก็ปฏบิ ตั ิในชนั้ นนั้ ๆ ชนั้ เลว
ชนั้ ต่าํ ชนั้ หยาบน่ีเป็นชนั้ อบายภมู ิ เพราะฉะนนั้ เม่ือเราไม่
ตอ้ งการอบายภมู ิ เราก็เหน็ โทษของการทตุ ติ กายทจุ รติ วจี
ทจุ รติ ตลอดถึง มโนทจุ รติ แลว้ มาประพฤติกายสจุ รติ วจีสจุ รติ
มโนสจุ รติ เราตอ้ งการปราณีตกวา่ นนั้ อบรมจติ ภาวนา เหมือน
เรากาํ ลงั ปฏบิ ตั นิ ่ีเป็นการปฏบิ ตั สิ รา้ งกศุ ลอยา่ งสงู เราตอ้ งการ
ความสขุ ในทางธรรมโดยตรง

เราจงึ พยายามสนั โดษในอามสิ ในเครอ่ื ง ในปัจจยั ๔ เคร่อื ง
อาศยั เลีย้ งชีพแลว้ มาปฏิบตั เิ อาความสขุ ในทางธรรม เรา
พยายามละอารมณภ์ ายนอก กามฉนั ทะดว้ ยการมาสาํ รวมให้
สงบจากกาม ววิ ิจเจวะ กาเมหิ สงดั จากกาม คอื สงิ่ ท่ีเราชอบ
ใจพอใจ มีรูป มีเสยี ง มีกลน่ิ สิง่ เหลา่ นีเ้ ป็นตน้ ตอ้ งใชป้ ัญญา

5

พจิ ารณาเหน็ โทษส่ิงเหลา่ นี้ ไม่ใช่มีแตค่ ณุ อย่างเดยี ว ถงึ แมว้ า่
ตาจะเหน็ แลว้ มนั ชอบก็ตาม หไู ดย้ นิ เกิดความชอบ จมกู ไดก้ ล่นิ
มนั ชอบก็ตาม หรอื รสท่ีมนั ชอบก็ตาม สมั ผสั ท่ีมนั ชอบท่ีมนั ยนิ ดี
ก็ตาม แตป่ ัญญานนั้ ไม่มองเห็นแตค่ วามดอี ย่างเดยี ว มองเหน็
โทษสงิ่ เหลา่ นนั้ ดว้ ย เพราะเหตใุ ดจงึ มีโทษ เพราะมนั ไมเ่ ท่ียง
มนั ไม่ตงั้ อยไู่ ดน้ าน เม่ือไมเ่ ท่ียงแลว้ ของนนั้ จากไปแลว้ หมดไป
แลว้ กท็ กุ ขเ์ พราะเราตดิ เพราะเราหลง ตอ้ งดใู หล้ ะเอยี ด อยา่ ไป
คิดวา่ เราชอบแลว้ จะมีความสขุ เสมอไป ไม่ใช่ สิง่ ท่ีเราชอบแลว้
อาจจะมีความสขุ แตค่ รงั้ แรก แตเ่ หมือนกบั ไดข้ องปลอมเน่ีย
แหละ ดใู หม่ๆก็สวยงามแตน่ านๆไปแลว้ กห็ มดคา่ หมดราคา รูป
เสยี งกลน่ิ รสกเ็ หมือนกนั มนั นานไปแลว้ ก็หมดคา่ หมดราคา
เพราะฉะนนั้ น่โี ทษ...รูจ้ กั คณุ รูจ้ กั โทษ

เม่ือเรารูจ้ กั อยา่ งนนั้ แลว้ มนั ก็ยดึ เป็นท่ีพง่ึ ไม่ได้ เราพง่ึ ทาง
ธรรมมาอบรมจิตใจของเราใหฉ้ ลาด ยดึ ธรรมอนั เป็นกศุ ล รูปาว
จรกุศล อรูปาวจรกุศล เสรจ็ แลว้ ถงึ โลกุตตระกุศล อบรมจติ
ใหฉ้ ลาด กศุ ลแปลวา่ ฉลาด รูปาวจรกศุ ลกฉ็ ลาดในการทาํ สมาธิ

6

อบรมจิตใหม้ ีนิมติ หมายความสงบ ใหต้ งั้ ม่นั ในอารมณอ์ ยา่ งใด
อยา่ งหนง่ึ เป็นเครอ่ื งหมายนิมิตหมาย เราจะเอาอะไรมาเป็น
อารมณก์ ็ได้ มาเพง่ มากาํ หนดเพ่ือใหจ้ ิตน่นั ตงั้ ม่นั ตงั้ ม่นั ตงั้ ตวั
ซะก่อน เพราะโดยปกติแลว้ จิตมนั หว่นั ไหวไปตามอารมณท์ ่ี
เรยี กกิเลสมนั ปรุงไปใหเ้ กิดฟ้งุ ซา่ น เม่ือฟงุ้ ซา่ นแลว้ มนั ก็มีความ
ราํ คาญ เม่ือย่งิ ความราํ คาญก็ย่งิ ดนิ้ หาความเพลดิ เพลนิ เพ่ือ
ความพอใจ ความเพลิดเพลนิ นนั้ มนั ก็ไม่ไดส้ ิ่งท่ีคงท่ี มนั เล่อื น
ลอยไม่มีหลกั เพราะฉะนนั้ ทา่ นจงึ จดั เขา้ ในสมทุ ยั ไมค่ วรหลง
ควรจติ เป็นสมาธิตงั้ ม่นั เป็นมรรค สติก็เป็นมรรค วริ ยิ ะคอื ความ
เพียรชอบก็เป็นมรรค เป็นหนทางออกจากทกุ ข์ จติ ตงั้ ม่นั ชอบก็
เป็นมรรค เพราะฉะนนั้ ความเพียรชอบ สตริ ะลกึ ชอบ สมาธิตงั้
ม่นั ชอบ ๓ อยา่ งนีเ้ ป็นปฏปิ ทาใหไ้ ดถ้ งึ ธรรมอนั ชนั้ สงู

นบั ตงั้ แตร่ ูปฌาณไปตามลาํ ดบั จิตสงดั จากกาม จิตสงดั
จากอกศุ ลคอื นิวรณ์ ๕ อย่างดงั กลา่ วมาแลว้ จิตเขา้ สคู่ วามวเิ วก
กายวเิ วก จติ ตวเิ วก พอจิตเขา้ รวมวิเวก สงดั จากภายนอก
กิเลสภายนอกคือกามารมณ์ กิเลสภายในคอื นิวรณท์ ่ีปรุงขนึ้

7

ภายในจติ เม่ือมนั ปลอ่ ยอารมณก์ ่อกวนทงั้ ภายนอกทงั้ ภายใน
แลว้ จิตก็เขา้ สคู่ วามสงบสงดั เพราะไมม่ ีอะไรปรุงไปในทาง
กอ่ กวน กายก็รูส้ กึ เบาๆ เหมอื นกบั ไม่น่งั ตดิ พืน้ จิตก็เบา กาย
ลหตุ า จติ ตลหุตา กายปัสสัทธิ จติ ปัสสัทธิ กายก็สงบ จิตก็
สงบ น่ี ถา้ จิตรวมมนั ไม่มีการรูส้ กึ ถึงใครไมบ่ อก มนั รูเ้ พราะมนั
สงบ มนั ไดส้ มั ผสั เรยี กวา่ จติ มนั เขา้ ถึงธรรม จิตมนั เขา้ ถงึ ธรรม
มนั ก็ตอ้ งรูธ้ รรมเหน็ ธรรม เพราะมนั ไดส้ มั ผสั แลว้ มนั ตอ้ งเกิดขนึ้
ตอ้ งรูจ้ กั มนั เปล่ียนจากความรูส้ กึ เม่ือยงั เขา้ ไม่ถงึ จากปกติ
ธรรมดามาทาํ ใหก้ ายสงบ จติ สงบ กายเบา จติ เบา มีความ
ปรากฏขนึ้ ในจติ ในใจ กายกอ็ อ่ น จิตก็ออ่ น แตไ่ มใ่ ช่ออ่ นแอ แต่
มนั ออ่ น มนั น่มิ นวลตอ่ ธรรม มนั ออ่ นตอ่ ธรรม ออ่ นตอ่
พระพทุ ธเจา้ ออ่ นตอ่ พระธรรม ออ่ นตอ่ พระสงฆ์ มนั ออ่ นตอ่ ให้
ควรแก่การงาน กายกัมมนั ยตา จติ ก็กมั มันยตา มนั ออ่ นทาํ ให้
ทาํ คลอ่ งทาํ การงานคอื ควรแก่งานคือสมาธิสมาบตั ิ เราจะน่งั อยู่
นานเทา่ ไหรก่ ็ไดน้ กึ จะออกเม่ือไหรก่ ็ได้

8

เม่ือจติ เขา้ ถึงขนั้ นีแ้ ลว้ ตอ้ งฝึก หดั เขา้ หดั ออกใหช้ าํ นาญ
เรยี กวา่ วสีทงั้ ๕ คือชาํ นาญในการคดิ สมบรู ณใ์ นการคดิ วา่ จะ
เขา้ เม่ือไหร่ ไมต่ อ้ งคิดสบั สนวนุ่ วาย พอคดิ จะเขา้ มนั ก็ได้ เขา้ ได้
เลย ชาํ นาญในการปฏบิ ตั เิ ขา้ สมาธิ เม่ือสมบรู ณด์ ว้ ยความคิด
แลว้ การเขา้ สมาธิกเ็ ขา้ ไดเ้ ลย ไม่ตอ้ งรรี อตามเวลาท่ีตงั้ ใจ เขา้
เวลาไหนก็ได้ ตามใจกาํ หนดไวใ้ นเวลานนั้ นะ่ ชาํ นาญในการ
อธิษฐาน เม่ือเขา้ จิตรวมสงบแลว้ จะอย่ไู ดต้ ามท่ีตงั้ ใจไว้ จะอยู่
นานเทา่ นนั้ ช่วั โมงหรอื อย่ทู งั้ วนั มนั ก็อย่ไู ดท้ งั้ วนั จะอยไู่ ดก้ ่ี
ช่วั โมงก็ไดเ้ ทา่ นนั้ ตามท่ีกาํ หนดไว้ ชาํ นาญในการออก ออกได้
ตามเวลา แมจ้ ะเขา้ เวลาไหนตอ้ งตงั้ จติ ไวจ้ ะออกแลว้ ถงึ เวลาก็
ออกตรงกบั เวลา อยนู่ านเทา่ ไหรต่ ามแลว้ แตก่ าํ หนด ชาํ นาญใน
การพจิ ารณา ปัจจเวกขณวสี เวลาออกแลว้ ก็พิจารณาทางท่ี
เราออกทางท่ีเราเขา้ ตามลาํ ดบั เป็นภาพเป็นนิมติ หมายไวใ้ นจติ
ในใจเหมือนกบั เรากรุยทาง เวลาจะเขา้ อีกก็เขา้ ไดต้ ลอดเวลา
เรยี กวา่ เขา้ ไดโ้ ดยไมย่ าก น่ี ใหช้ าํ นาญในวสี ออกไม่ยากเขา้ ไม่
ยาก อยากเขา้ เวลาไหนก็เขา้ อยากออกเวลาไหนก็ออก ชาํ นาญ

9

แมแ้ ตค่ ดิ จะเขา้ มนั ก็พรอ้ มดว้ ย มนั สมบรู ณด์ ว้ ยความคดิ มนั ถงึ
พรอ้ ม สมบรู ณด์ ว้ ยการเขา้ ดาํ เนินเขา้ สสู่ มาธิ สมบรู ณด์ ว้ ยการ
อยใู่ นสมาธิ จะอยนู่ านเท่าไหรก่ ็ได้ แลว้ กอ็ อกไดต้ ามกาํ หนด
เพราะพิจารณา อาศยั ปัจจเวกขณะพิจารณา มนั ไมเ่ ส่อื ม

เพราะฉะนนั้ ผปู้ ฏบิ ตั ิจะตอ้ งฝึกอย่เู สมอ จะตอ้ งยนิ ดใี น
ความสงบ ยนิ ดใี นความวิเวก นอ้ มไปสคู่ วามวิเวก เพราะไดผ้ ล
คือไดด้ ่ืมรสพระสทั ธรรมคือความสงบ เป็นรสอนั เลิศอนั
ประเสรฐิ กวา่ รสใดๆทงั้ หมด ชนะเสียซง่ึ รสทงั้ ปวง เพราะฉะนนั้
เราทงั้ หลายควรพยายามตงั้ ใจภาวนา ใครเคยไดค้ วามสงบดว้ ย
วิธีไหน เราก็ทาํ ตามทางท่ีเราเคยทาํ เม่ือถงึ ความสงบแลว้ เราก็
อย่ใู นความสงบ จะอยนู่ านเทา่ ไหรก่ ็ได้ เพ่อื ใหจ้ ิตใจผ่องใส
สะอาด พกั ผ่อนเพราะเราทกุ ขม์ าเป็นเวลายาวนานแลว้ ตงั้ แต่
เกิดมาไมเ่ คยเขา้ สมาธิสมาบตั ิ ไม่เคยเขา้ ใจ เม่ือมนั เขา้ ไดแ้ ลว้ ก็
ควรอย่ใู นความสงบไประยะหนง่ึ แลว้ ก็ใหช้ าํ นาญ ฝึกจนวา่ ให้
เขา้ เวลาไหนกไ็ ด้ ออกเวลาไหนก็ได้ อยนู่ านเทา่ ไรก็ได้ หดั เขา้
หดั ออกจนชาํ นาญ พอเขา้ แลว้ หดั ถอยออกมาแลว้ ก็เขา้ อกี เขา้

10

แลว้ ก็ถอยอีก ตงั้ ใจวา่ จะอยสู่ ามช่วั โมง สช่ี ่วั โมง หา้ ช่วั โมง อยู่
เทา่ ไหรก่ ็ใหอ้ ยู่ หดั ไปเร่อื ยๆ

บางคนนะเม่ือไปสงบแลว้ ทาํ ยงั ไงอีก...ไม่ตอ้ งทาํ อะไรแลว้
เพราะเราตอ้ งการความสขุ ความสงบ แตม่ แี ตฝ่ ึกเขา้ ฝึกออกฝึกก็
อย่นู านแลว้ นะ่ ปัญหาจะมขี นึ้ ใหเ้ กิดปัญญาไปน่ี เพราะมนั ไมใ่ ช่
จะสะดวกอยา่ งนนั้ เสมอไป ปัญหาอปุ สรรคท่ีเราออกมาแลว้ ไป
ทาํ การทาํ งาน มีเรอ่ื งมีราวกระทบกระเทือน อนั นีเ้ ป็นปัญหาท่ี
เราเขา้ อกี ไม่ได้ น่ีจะตอ้ งใชป้ ัญญา แลว้ จะไดใ้ ชป้ ัญญา
วิปัสสนาเขา้ ไปช่วย เพ่ือจะไดเ้ ห็นโทษวา่ ท่มี นั เขา้ ไมไ่ ดเ้ พราะ
อะไร มีอะไรเกิดขนึ้ ในจติ ในใจ คราวนนั้ ทาํ ไมเขา้ ได้ คราวนี้
ทาํ ไมเขา้ ไม่ได้ เราก็จะไดใ้ ชป้ ัญญาพิจารณาตอ่ ไปเม่ือเห็นโทษ
แลว้ ก็สาํ รวมระวงั ตดั ทางนนั้ ออก ก็จะไดแ้ กไ้ ขไปตามเรอ่ื ยๆจน
กิเลสมนั หมดไป เพราะกิเลสน่นั เองท่เี ขา้ ไมไ่ ด้ ไม่ใชอ่ นั อ่ืน กเิ ลส
เม่ือไดช้ อ่ งวา่ งมนั เกิดขนึ้ มาขดั ขวางอีก มนั ป่วนอีก ไม่ได้
เพราะฉะนนั้ เราตอ้ งปัญญาในเรอ่ื งกิเลสอนั นีท้ ่ีมนั ขดั ขวาง มี

11

หลายประเภทท่ีมาขดั ขวาง ตอ้ งใชส้ ติใชป้ ัญญาในตอนนี้ ไดย้ นิ
ไดฟ้ ังแลว้ กาํ หนดจดจาํ ใหด้ ี

ท่ีมา: https://youtu.be/PfUa3iTXIjE จบท่ีนาที 23.57

12


Click to View FlipBook Version