กายคตาสติ
หลวงป่สู วุ จั น์ สวุ โจ
เราไดป้ ฏิบตั ิมาเป็นประจาํ การภาวนานนั้ เราก็ทราบดีอยู่
แลว้ เราภาวนาทกุ วนั ฟังทกุ วนั ดทู กุ วนั พอท่ีจะรู้ พอท่ีจะเขา้ ใจ
ได้ ถา้ เราพยายามท่ีจะทาํ ความเขา้ ใจ เราพยายามตงั้ ใจสงั เกต
เพราะทกุ อยา่ งเรารูไ้ ด้ ไมใ่ ชว่ า่ รูไ้ ม่ได้ จิตดเี ราก็รูไ้ ด้ ไมใ่ ชว่ า่ รู้
ไมไ่ ด้ จติ ไมด่ ีเราก็รูไ้ ด้ จิตไมส่ งบเราก็รูไ้ ด้ เม่ือไหรจ่ ิตสงบเราก็รู้
ความรูเ้ หลา่ นแี้ หละ เม่ือรวบรวมความรูเ้ ขา้ กนั แลว้ เราก็จะได้
เลอื กวา่ อนั ไหนมีประโยชน์ อนั ไหนไมม่ ีประโยชน์ อนั ไหนควรละ
อนั ไหนควรเจรญิ อนั ไหนใหบ้ งั เกิดความสงบความสขุ จติ ไม่
เป็นสมาธิก็ไดเ้ ป็นสมาธิ จติ ไม่เคยสงบก็สงบ จติ ไมเ่ คยมี
ปัญญาก็มีปัญญา ความคดิ ปลอดโปรง่ ผอ่ งใสในจิตในใจ มี
อบุ ายเคร่อื งออกจากทกุ ข์ ออกจากเวรออกจากภยั ดาํ เนินจิตใจ
เขา้ สคู่ วามสงบ
สงิ่ เหลา่ นีไ้ มเ่ ป็นสงิ่ ท่ีเหนือวสิ ยั ท่เี ราทงั้ หลายจะรูไ้ ม่ได้ เห็น
ไม่ได้ เพราะธรรมธาตทุ ่ีรูข้ องเรายงั มีอยู่ เพราะฉะนนั้ เราตอ้ ง
1
สอดสอ่ งดดู ว้ ยความรอบคอบ ดว้ ยความถกู ตอ้ งตามหลกั ธรรม
ท่ีพระพทุ ธเจา้ พาประพฤติปฏิบตั มิ า ไมใ่ ชส่ กั แตว่ า่ ทาํ สกั แตว่ า่
ปฏิบตั ิ เอาแตค่ วามคดิ ของเรา เอาแตส่ ง่ิ ท่ีเราชอบ จะถกู ธรรม
หรอื ไมถ่ กู ธรรม จะเป็นไปเพ่อื ความสงบหรอื ไมส่ งบ เรากไ็ ม่
ตรวจ วจิ ยั วิจารณใ์ หม้ นั ตรงถกู ตอ้ ง การภาวนาอาศยั จติ มี
ความเหน็ ตรง เหน็ ชอบ เหน็ ถกู ตอ้ งดว้ ย การปฏบิ ตั ิจงึ จะถกู ตอ้ ง
ถา้ จติ เหน็ ไมต่ รง การปฏบิ ตั ิก็ไม่ตรง จติ เหน็ ไมช่ อบ การปฏบิ ตั ิก็
ไมช่ อบ การกระทาํ ก็ไมช่ อบ เพราะฉะนนั้ การตงั้ จติ ไวใ้ นท่ีชอบ
เป็นส่งิ ท่ีสาํ คญั ในธรรมท่ีถกู ตอ้ ง
ในการภาวนามหาสตปิ ัฏฐานทา่ นใหต้ งั้ สตอิ ยทู่ ่ีกายใน
กาย ช่ือวา่ สตริ ะลกึ ชอบเพ่ือระลกึ กาย กายของเราก็มีอยู่ สติ
ของเราก็มีอยู่ ยงั ขาดความเพียรพยายาม ถา้ เรายกจติ ขนึ้ สู่
ความเพียรความพยายามระลกึ กายในกาย ดว้ ยความเช่อื ม่นั
ดว้ ยความเพยี รท่ีชอบ ดว้ ยการระลกึ ชอบ ดว้ ยการตงั้ ไวใ้ นชอบ
คือกาย เราก็จะไดร้ ูก้ ายในกาย กาํ จดั ความหลงเขา้ ใจผดิ เพราะ
ความหลงนีเ้ ป็นตวั สมทุ ยั ท่ีทาํ ใหเ้ ขา้ ใจผิด เป็นตวั ท่ีจะพลิกทกุ ข์
2
ขนึ้ มาใหเ้ ราทงั้ หลายไดร้ บั ไดเ้ สวยสิง่ ท่ีเราไม่ตอ้ งการ สงิ่ ท่ีทนได้
ยาก จะตอ้ งอด จะตอ้ งทน จะตอ้ งดนิ้ รนแกไ้ ขเพราะทกุ ขต์ วั นี้
เองท่ีมาจากสมทุ ยั คือความหลง คอื ตวั โมหะท่เี ราไมไ่ ดพ้ ยายาม
แกไ้ ขใหห้ มดไปจากจิตใจของเรา
ความหลงคือหลงอะไร พระพทุ ธเจา้ ใหม้ าพิจารณากายก็คือ
เราหลงกายน่ีเอง นะ สาํ คญั ในกาย กายในกายไปอย่างอ่นื ไม่
เห็นเป็นธรรม ถา้ เราเหน็ เป็นธรรมแลว้ กายของเรานี้ ปูโร นานัป
ปะการัสสะ อะสุจโิ น เตม็ ไปดว้ ยของไมส่ ะอาด มีประการ
ตา่ งๆ น่ี ธรรมทาํ ท่านวา่ อยา่ งนี้ เราไปหลงเขา้ ใจวา่ เป็นของ
สะอาด นา่ นิยมชมชอบ นา่ ยดึ ถือ เขา้ ใจ หลงเขา้ ใจวา่ จะได้
ความสขุ น่นั แตท่ างธรรมทา่ นวา่ ไมส่ ะอาดเพราะฉะนนั้
ความเห็นของเรากบั ความเห็นในทางธรรมนะ่ ใครจะเป็นความ
จรงิ กวา่ กนั ท่พี ระองคว์ า่ ไมส่ ะอาดกบั เราเหน็ วา่ เป็นของสะอาด
ลองพิจารณาดซู ิ เราควรเช่ือตวั เองหรอื ควรเช่ือธรรม ดใู หม้ นั ชดั
อตั ถิ มัสมิง กาเย น่นั สงิ่ ท่ีไม่สะอาดเหลา่ นนั้ มีอย่ใู นกายนี้
กายของเรานีไ้ มใ่ ช่อย่ทู ่ีอ่นื เม่ือเราเหน็ กายของเราเต็มไปดว้ ย
3
ของไมส่ ะอาด กายคนอ่นื มนั ก็มีประเภทเหมือนกนั มีสภาวะ
เหมือนกนั เกิดมาจากท่ีแหง่ เดยี วกนั อยไู่ ดด้ ว้ ยวตั ถอุ นั เดยี วกนั
ท่ีมาทะนบุ าํ รุงตา่ งๆ ถา้ เราพจิ ารณาใหช้ ดั แลว้ มนั เป็นความจรงิ
ท่ีพระพทุ ธเจา้ พระองคร์ ูธ้ รรมเหน็ ธรรม พระองคก์ ็ไดต้ รสั รูธ้ รรม
อนั เป็นความจรงิ ท่ีมีอยู่ อยทู่ กุ ๆคน ไม่ใชว่ า่ ไมม่ ี เปิดเผยอยู่
ตลอดเวลา ไมใ่ ช่วา่ เป็นสง่ิ ปกปิด แตเ่ ราหละพยายามปกปิดไม่
อยากรูไ้ ม่อยากเหน็ อยากแตส่ ลดั หนีไปรูไ้ ปเหน็ สงิ่ อ่ืนตามความ
หลงเขา้ ใจผิดของเราเอง ถา้ เราพจิ ารณาตลอดเวลาตอ้ งรูไ้ ด้
ตอ้ งเหน็ ได้ ตอ้ งสงบได้ การรูใ้ นกายตามความเป็นจรงิ ท่วี า่ เตม็
ไปดว้ ยของไมส่ ะอาดตามธรรมท่ีทา่ นชีบ้ อกไว้ จิตใจของเราก็
ย่อมสงบยอ่ มผ่องใส จะเหน็ รา่ งกายนีไ้ ม่สะอาด แทนท่จี ติ ใจจะ
สกปรกไปดว้ ย ตรงกนั ขา้ ม จติ ใจน่ีสะอาด ไม่มวั หมอง ถา้ เหน็
รา่ งกายเป็นของสะอาด จิตใจก็มวั หมองเต็มไปดว้ ยกิเลส เกิด
ความยนิ ดี ความปรารถนา ความหลงใหล สรา้ งกรรมอนั เป็น
อกศุ ลได้
4
เพราะฉะนนั้ เราควรพจิ ารณาตามธรรม เราดทู กุ สว่ น มนั
สะอาดตรงไหนตงั้ แตเ่ กศาผม ก็ลว้ นแตเ่ ป็นของไม่สะอาด โลมา
ขนก็ลว้ นแตเ่ ป็นของไม่สะอาด พจิ ารณาใหล้ ะเอียดกวา่ นนั้ อีกก็
ได้ เพ่ือตอ้ งการปัญญาอนั ละเอียดใหช้ ดั ย่งิ ขนึ้ กวา่ นนั้ อกี จนถึง
ผมมนั หลดุ รว่ งออกไป มีประโยชนอ์ ะไร มีแตต่ ดั ทิง้ ๆ มีแต่
รงั เกียจ ไม่มีของสงิ่ ไหนท่ีจะเอาไวซ้ กั อยา่ ง ไมม่ ีสงิ่ ไหนท่ีจะ
เจรญิ หเู จรญิ ใจ ย่ิงเนือ้ ยง่ิ หนงั ตลอดถงึ กระดกู ทกุ สว่ นแลว้ ถา้
มนั กระจดั กระจายออกจากกนั แลว้ กลวั เคยอยดู่ ว้ ยกนั นบั ถือ
กนั รกั ใครก่ นั พอหมดลมอสั สาสะ ปัสสาสะแลว้ รา่ งกายก็
เปล่ียนแปลง อดื กล่นิ กเ็ หมน็ ทกุ สว่ นก็สกปรกทงั้ นนั้ ถกู หลอก
กลวั ผีหลอก ไม่เป็นพ่ีไมเ่ ป็นนอ้ ง แนะ่ อนั นีเ้ ป็นความจรงิ ไม่ใช่
ลงโทษ เราสามารถเพง่ พินิจพิจารณา นอกจากเป็นของไม่
สะอาดแลว้ ยงั เต็มไปดว้ ยโรคภยั ตา่ งๆ ตรงไหนไมม่ ีโรค เกิดได้
ทกุ สว่ นของรา่ งกาย
นอกจากโรคแลว้ อย่ไู ปนานก็ครา่ํ ครา่ อีก ชราอกี มีแตท่ กุ ข์
เราก็จะไดเ้ หน็ ทกุ ขเ์ หน็ โทษตามความเป็นธรรม เราจะไดเ้ ช่ือใน
5
ธรรมคาํ สอนพระพทุ ธเจา้ วา่ พระองคท์ รงกลา่ วไวด้ ีแลว้ ไมม่ ี
ผดิ พลาด แตเ่ ราหากหลง เราหากไม่รู้ เราหากใฝ่ฝันเขา้ ใจผิด
เพราะฉะนนั้ ใหด้ ใู หม้ นั ชดั เพราะมนั มีอยู่ เราอย่าดแู ตด่ ว้ ยตา ถา้
เราดดู ว้ ยตาหละ สง่ิ ท่ีเคา้ ประดบั ประดาตกแตง่ ภายนอก ก็เลย
หลงถกู หลอก เคา้ เอาสิง่ อ่นื มาทาใหห้ อมก็สาํ คญั วา่ หอม ก็ถกู
หลอก เคา้ เอามายอ้ มน่ีกห็ ลงไปตามอาการท่ีเคา้ ตกแตง่ หลอก
หารูไ้ มว่ า่ สงิ่ เหลา่ นีม้ าจากท่อี ่นื ไม่ใช่มนั เกดิ ธรรมชาติของมนั
ธรรมชาตขิ องมนั แลว้ เกิดมาจากท่ีสกปรก เป็นอยดู่ ว้ ยสกปรก
อาหารการกินก็ไม่ใชข่ องสะอาด เป็นเนือ้ สตั วอ์ บายท่ีสกปรก
ทงั้ นนั้ แตเ่ ราไม่ไดค้ ิด ไมไ่ ดน้ กึ ไมไ่ ดน้ ่กี ็เลยจนเคยชนิ แลว้ ก็นกึ
วา่ ไมร่ งั เกียจ แตถ่ า้ พจิ ารณาโดยความจรงิ แลว้ ลว้ นแตม่ าจาก
สกปรกแมแ้ ตผ่ กั ก็ตอ้ งใสป่ ๋ ยุ ของสกปรกขนึ้ มาอกี งอกงามดว้ ย
ของสกปรก เพราะฉะนนั้ พระพทุ ธเจา้ จงึ สอน จงึ กลา้ พดู เตม็
ปากวา่ เต็มไปดว้ ยของไมส่ ะอาด พิจารณาดใู หเ้ หน็ ชดั ใจ
เทา่ นนั้ จะรูไ้ ด้ สว่ นตามนั รูไ้ มไ่ ด้ ตอ้ งอาศยั การสอ่ งไปในดว้ ย
จิตใจ แมแ้ ตอ่ ยภู่ ายในก็ปกปิดไมไ่ ด้
6
จติ ใจน่ีมนั แทงตลอดได้ มนั ไปเห็นได้ อดตี อนาคตมนั ก็รูไ้ ด้
จากความเป็นจรงิ ดว้ ยเหตดุ ว้ ยผล มนั รูไ้ ดเ้ ห็นไดแ้ ละเช่ือได้ เป็น
ความจรงิ ไดท้ ่พี ระพทุ ธเจา้ สอน เหมือนทา่ นสอนใหพ้ ิจารณา
อภณิ หปัจเวกขณะ เรามีความแก่เป็นธรรมดา มีความเจบ็ ไข้
เป็นธรรมดา น่ีถา้ เราสอ่ งดดู ว้ ยใจเราเห็นได้ แตด่ ดู ว้ ยตาเราไม่รู้
เรายงั ไมแ่ ก่ น่นั เรายงั หนมุ่ เรายงั ไมเ่ จ็บ เรายงั ไมต่ าย เลยหลง
ถา้ ดดู ว้ ยปัญญาแลว้ มนั ตอ้ งแก่ มนั ตอ้ งเจบ็ ไดต้ ลอดเวลา มนั
ตอ้ งตายแนน่ อน มนั เห็นไดร้ ูไ้ ด้ ยงั เหน็ ความตายท่ีปกปิด ท่ีไม่
ปรากฏดว้ ยตาท่ีเราไมเ่ ขา้ ใจวา่ ตาย
ถา้ พดู ถงึ ความจรงิ แลว้ เราตายตงั้ แตว่ นั เกิด พอเกิดมา
ปรากฏขนึ้ มาแลว้ ก็ตายไปเร่อื ย มนั หมดไปๆ ไมไ่ ดก้ ลบั คืนมา
นนั้ เรยี กวา่ มนั ตายไปสนิ้ ไป เรยี กวา่ ขะยะ วะยะ ธัมมา คือ
เส่อื มไปและสนิ้ ไปหมดไป น่ีก็เป็นความตายประเภทหนง่ึ ท่ี
พระพทุ ธเจา้ พระองคท์ รงตรสั วา่ เราเหน็ ความตายทกุ ลมหายใจ
เขา้ ออก น่นั พวกเราใครบา้ งเหน็ ความตายทกุ ลมหายใจเขา้
ออก เหน็ แตเ่ ราเป็น เหน็ แตเ่ ราดี เหน็ แตเ่ รามีชีวิตอยตู่ ลอด
7
เพราะสง่ิ ท่มี นั หมดไปๆน่นั เองจงึ เรยี กวา่ ตาย เพราะไมก่ ลบั สู่
ของเก่าอกี ได้ ถา้ เราพจิ ารณาผมของเราก็ตายมาตงั้ แตเ่ ด็กๆ ก็
ตดั ทงิ้ มาเรอ่ื ยมา เลบ็ ก็ตดั ทงิ้ เร่อื ยมา รา่ งกายก็หมดไปๆ จงึ ตอ้ ง
บาํ รุงทกุ วนั ๆ ถา้ หากไมห่ มดไปไม่เส่ือมไป ไม่หมดไป ท่ีเราบาํ รุง
ไปมนั จะกองใหญ่โตขนาดไหน ถา้ มนั สะสมไวไ้ มเ่ ส่ือม ไมห่ มด
ไป เพราะท่ีมนั หมดไปเราจงึ เสรมิ ขนึ้ อีก เพ่ือใหม้ นั อยไู่ ด้ ถา้ เรา
ไม่กินลงไป มนั หมดเห่ียวแหง้ ไปจรงิ ๆ ย่ิงอดไปนานก็เหลือแต่
หนงั ตดิ กระดกู นานไปกวา่ นนั้ อกี มนั ก็จะผพุ งั จรงิ ๆเพราะมนั มี
แตห่ มด มนั ไมม่ ีเกิด ไม่มที างบาํ รุง
ท่านวา่ ชีวิตนีเ้ ปรยี บเหมือนแสงไฟ เหมือนกบั ไฟเทียนถา้ มนั
ไม่มีเชือ้ มนั หมดไปตงั้ แตเ่ ราจดุ ทีแรก ท่ีเหน็ สวา่ งตอ่ เน่ืองกนั ก็
เพราะมนั เกิดขนึ้ สมดลุ ยก์ นั เสมอกบั สง่ิ ท่หี มดไป เรานกึ วา่ ไฟไม่
ดบั แทจ้ รงิ มนั ดบั ตงั้ แตจ่ ดุ ทีแรก เม่ือหมดเชือ้ แลว้ มนั ไมม่ ีเชือ้
ลกุ ขนึ้ มาอกี มนั ก็หมดไปอกี น่ีมนั มีเชือ้ ท่ีมนั ลกุ ใหส้ ม่าํ เสมอท่ีเรา
ไม่เห็นวา่ มนั ดบั ชีวติ ของเราก็เหมือนกนั หมดทกุ ลมหายใจเขา้
ออก หมดไปๆจรงิ ๆ น่ีพระพทุ ธเจา้ พระองคจ์ งึ สลดสงั เวช เบ่อื
8
หนา่ ย เหน็ ไมจ่ ีรงั ย่งั ยืนของอตั ภาพ เต็มไปดว้ ยของไม่สะอาด
สกปรก นา่ เบ่อื หนา่ ย เหลืออดเหลือทน พจิ ารณาใหเ้ หน็ ชดั ตาม
ความเป็นจรงิ จิตตอ้ งสงบตอ้ งสะอาด ตอ้ งผอ่ งใส ถา้ พจิ ารณา
ไมถ่ ึงหละมนั หลง แลว้ มนั เพลินเล่อื นลอยไปตา่ งๆดว้ ยอาํ นาจ
แห่งความหลง
คอื สติของเราท่ีเราฝึกยงั ไม่เป็นมหาสติ ยงั ไม่มีฐานตงั้ ม่นั
พอท่ีจะระลกึ ใหช้ ดั พอ เพราะฉะนนั้ ตอ้ งเพยี รพยายาม สมาธิ
ของเราก็ยงั ไมม่ ่นั พอ เม่ือสมาธิไมม่ ่นั ปัญญาสอดสอ่ งกไ็ มแ่ จง้
ชดั ไม่แทงตลอด มืดทบึ ไมผ่ ่องใส เลยเกิดความสงสยั ไม่แนใ่ จ
ในทางธรรม ในคาํ สอนของพระพทุ ธเจา้
ขอเราทงั้ หลายเพียรพยายามตงั้ ใจ พจิ ารณาใหเ้ หน็ จรงิ
ความจรงิ มีอยแู่ ลว้ แตเ่ รายงั ไม่กระจา่ งแจง้ ในจิตใจของเรา ตอ้ ง
เพง่ แลว้ เพง่ อกี พิจารณาแลว้ พิจารณาอีก เรยี กวา่ ภาวิโต พาหุ
ลกี โต ทาํ ใหม้ ากเจรญิ ใหย้ ่งิ เจรญิ ไปทาํ ไป ทาํ ไป มนั ตอ้ งรูแ้ หละ
มนั ตอ้ งเห็น มนั ตอ้ งชาํ นาญ ตอ้ งฉลาด ถา้ เราไมล่ ดละ ตอ้ งสลด
สงั เวชตอ้ งเบ่อื หนา่ ย ตอ้ งไดค้ วามสงบ ไดค้ วามสขุ เหน็ อานิสงส์
9
ของการนบั ถือพระพทุ ธศาสนา มีศรทั ธาเช่ือม่นั เพม่ิ กาํ ลงั จติ ใจ
อยา่ งม่นั คง เพราะฉะนนั้ ใหพ้ ยายามตงั้ ใจภาวนา สมควรแก่
เวลาแลว้ จงึ เลกิ พรอ้ มกนั
ท่ีมา: https://youtu.be/2TNrHgKq1Jk
10