ปฎิปทาของครูบาอาจารยส์ ู่ทางพ้นทกุ ข์
หลวงพอ่ พธุ ฐานิโย
โอกาสตอ่ ไปนีข้ อท่านผใู้ ครใ่ นธรรมทงั้ หลายจงตงั้ ใจฟัง
ธรรม การฟังธรรมสาํ คญั อย่ทู ่ีการฟังหวั ใจของตวั เอง หลวงป่ ู
แหวนทา่ นเทศนว์ า่ ใหก้ าํ หนดดทู ่ีใจ เพราะถา้ เรารูใ้ จของเราเอง
แลว้ มนั หมดปัญหาทกุ สงิ่ ทกุ อย่าง เพราะความดกี ็เกิดท่ใี จ
ความช่วั ก็เกิดท่ีใจ บาปก็เกดิ ท่ีใจ บญุ ก็เกดิ ท่ีใจ ใจเป็นผกู้ อ่ ใจ
เป็นผสู้ ่งั สม ใจเป็นผดู้ ิน้ รน ใจเป็นผแู้ สวงหาซง่ึ โดยธรรมชาติของ
ใจแตด่ งั้ เดิม
เม่ือคืนนีม้ ีผเู้ ขียนปัญหารอถามเอาไวว้ า่ จติ กบั อวชิ ชาใคร
เกิดกอ่ นหลงั กนั กอ่ นท่ีจะตอบปัญหาคาํ นี้ ขอทาํ ความเขา้ ใจ
กอ่ นวา่ ไอส้ งิ่ ท่ีเราเรยี กกนั วา่ จิตๆใจๆเน่ีย ดงั้ เดมิ มนั ไมใ่ ช่จิต
ไมใ่ ช่ใจ มนั เป็นธาตอุ นั หนง่ึ ซง่ึ เรยี กวา่ ธาตรุ ู้ ท่านอาจารยม์ ่นั
ท่านวา่ มนั เป็นมโนธาตุ เป็นมโนธาตซุ ง่ึ มนั มีหนา้ ท่ีพรอ้ มท่ีจะ
นอ้ มไปสอู่ ารมณ์ ในเม่ือมนั นอ้ มไปสอู่ ารมณแ์ ลว้ เพราะอาศยั
1
อวิชชาคอื ความไมร่ ู้ มนั จงึ เป็นผดู้ ิน้ รนก่อส่งั สม เกิดตวั สงั ขาร
ขนึ้ มาปรุงเป็นโนน่ เป็นน่ี
ปรุงเป็นผชู้ าย ปรุงเป็นผหู้ ญิง ปรุงเป็นคน ปรุงเป็นสตั ว์ แต่
แทท้ ่ีจรงิ มนั กเ็ ป็นธาตสุ ่ี ดิน นา้ํ ลม ไฟ ดว้ ยกนั ทงั้ นนั้ แหละ ไม่
เหน็ วา่ อะไรจะมีอะไร ในจกั รวาลนีม้ นั มีแตธ่ าตสุ ่ี ดนิ นา้ํ ลม ไฟ
ธาตสุ ่ี ดิน นา้ํ ลม ไฟก็สมมตุ ิบญั ญตั เิ รยี กกนั พอรูเ้ ร่อื งกนั เท่า
นนั้ เอง แตเ่ สรจ็ แลว้ ไม่ทราบวา่ อะไรเป็นอะไรทงั้ สิน้ ท่ีมนั จะเกิด
มีอะไร มอิ ะไรขนึ้ มาเพราะอวิชชาความไมร่ ูม้ นั จงึ เป็นเหตใุ หป้ รุง
ปรุงวา่ อนั นมี้ นั ก็ดี ปรุงวา่ อนั นีม้ นั ก็เลว ปรุงวา่ อนั นมี้ นั กเ็ ป็นท่ี
พอใจและไม่พอใจ
อวิชฺชาปจจฺ ยา สงขฺ ารา อวชิ ชาความไมร่ ูเ้ ป็นเหตใุ หเ้ กดิ
สงั ขาร สังขาระแปลวา่ ปรุง แปลวา่ แตง่ เม่ือคืนนีไ้ ดพ้ ดู ฝากๆ
เอาไวแ้ ลว้ วา่ รูป เสียง กลน่ิ รส สมั ผสั ธรรมารมณ์ เคา้ เป็นส่ิงท่ี
มีอยเู่ ป็นอย่โู ดยธรรมชาติของเคา้ เคา้ เป็นกลางๆ เคา้ จะดีจะช่วั
จะปราณีตละเอียดอยา่ งไร ก็ไอเ้ จา้ ใจท่ีมีอวิชชาหอ่ หมุ้ เน่ีย
แหละ มนั จงึ ไปเท่ียวปรุงวา่ ใหเ้ คา้ ดี เคา้ ช่วั เคา้ เลว แตแ่ ทท้ ่ีจรงิ
2
มนั ไม่ชะโงกดเู งาหนา้ ของตวั เอง ไปเท่ียวตสู่ ิ่งโนน้ ตสู่ ่ิงนี้ วา่ เคา้
เป็นอยา่ งนนั้ เคา้ เป็นอยา่ งนี้ แตแ่ ทท้ ่ีจรงิ ไอเ้ จา้ มโนธาตทุ ่ีมนั
นอ้ มออกมาสอู่ ารมณน์ ่ี พอมนั มาสมั ผสั อารมณป์ ๊ับเขา้ มารู้
อารมณเ์ ขา้ ตวั อวชิ ชาความไมร่ ู้ มนั กว็ ่ิงเขา้ มา
ผถู้ ามถามวา่ อวิชชากบั จิต อนั ไหนเกิดกอ่ นหลงั กนั ไอเ้ จา้
อวชิ ชาเน่ียหละมนั อาศยั แฝงอยทู่ ่จี ติ ถา้ จติ ใจไมม่ ีอวชิ ชา มนั จะ
ไปเกิดท่ีไหน โดยธรรมชาติของจติ ใจมนษุ ยน์ ่ี เรามีความรูส้ กึ นกึ
คิดเฉพาะเวลาท่ีเรามีสว่ นประกอบคอื รา่ งกาย บางทีอาตมาได้
หดั ตายเลน่ ๆลองดู ในเม่ือมนั ตายจรงิ ลงไปแลว้ ปฏสิ นธิ
วิญญาณท่ีมนั ครองอย่ใู นรา่ งน่ี มนั หนีออกจากรา่ งกายไปลอย
เดน่ อย่เู ฉพาะตวั มนั จะวา่ เฉพาะตวั มนั มนั ก็ไม่เขา้ ทา่ เพราะมนั
ไม่มีตวั มนั มีแตธ่ าตรุ ูป้ รากฏเดน่ ชดั อยเู่ ทา่ นนั้ แตเ่ สรจ็ แลว้ มนั ก็
ไมม่ ีปฏิกิรยิ าอาการใดๆท่ีจะแสดงความหว่นั ไหว มนั มแี ตแ่ น่น่ิง
อย่เู ฉยๆ แมม้ นั จะมองเหน็ โลกท่วั หมดทกุ มมุ โลก มนั ก็เฉยอยู่
อยา่ งนนั้ โดยท่ีสดุ แมแ้ ตร่ า่ งกายคอื ตวั มนั ท่ีเคยอาศยั อยู่ มนั ก็
3
ไม่ไดน้ กึ วา่ ตวั มนั แมร้ า่ งกายมนั จะเนา่ เป่ือยผพุ งั ไปประการใดก็
ตาม มนั กน็ ่ิงเฉยของมนั อยอู่ ย่างนนั้
ถา้ ไม่เช่ือ ทา่ นทงั้ หลายถา้ หากเป็นนกั ปฏิบตั ิ สามารถทาํ จิต
ใหบ้ รรลถุ ึงขนั้ ท่ีเป็นสมถะอยา่ งละเอยี ดจนตวั หาย ทา่ นจะรูไ้ ด้
ทนั ทีวา่ จติ ในเม่ือมนั เขา้ ไปสภู่ พเดิมของมนั ซง่ึ เป็นธาตแุ ทข้ อง
มโนธาตุ เป็นปฐมวิญญาณ มนั จะไมม่ ปี ฏิกิรยิ าอาการอนั ใด
แสดงออก อยา่ งดีมนั ก็เพียงแตไ่ ปน่ิงวา่ งสวา่ งอย่เู ฉยๆ ท่ีมนั ไมม่ ี
ปฏกิ ิรยิ าอาการอย่างนนั้ เพราะมนั ไมม่ ีเครอ่ื งมือ ไม่มีเครอ่ื งมือ
ไมม่ ีเครอ่ื งใช้ แมว้ า่ ไอเ้ จา้ จติ หรอื มโนธาตตุ วั นี้ มนั จะเกง่ วเิ ศษ
ซกั ปานใดก็ตาม
เม่ือมนั มาสมั ผสั กบั รา่ งกายซง่ึ มีความเป็นปกติ ความ
ผิดปกติทางประสาทส่งั การ เช่นคนท่ีเป็นบา้ วกิ ลจรติ มนั จะ
แสดงความเป็นบา้ เฉพาะเวลาท่ีมโนธาตตุ วั นีม้ นั มาสมั พนั ธก์ บั
รา่ งกายเท่านนั้ เอง แตเ่ ม่ือมนั ออกจากรา่ งกายท่ีพกิ ลพกิ ารอนั นี้
ไปแลว้ ความเป็นบา้ มนั ก็หายไป อย่าวา่ แตว่ า่ ความเป็นบา้ มนั
จะหายไป แมแ้ ตค่ วามสาํ คญั ม่นั หมายวา่ ผหู้ ญิง ผชู้ าย วา่ ตวั วา่
4
ตนมนั ก็ไมม่ ีทงั้ นนั้ เพราะมนั ไมม่ ีอวยั วะประกอบซง่ึ จะเป็นสิ่งให้
เกิด หรอื เป็นเหตเุ ป็นปัจจยั ใหแ้ สดงกิรยิ า เปล่ียนแปลงจาก
สภาพปกติ
เพราะฉะนนั้ โดยธรรมชาติของจิต ถา้ หากผปู้ ฏิบตั ิมวั แตจ่ ะ
ไปงมเอาแตส่ ว่ นท่ีจิตมนั สงบน่ิงแน่เป็นสมาธิ เป็นอปั ปนาสมาธิ
โดยไมม่ ีปฏกิ ิรยิ าอาการใดๆบงั เกิดขนึ้ เอากนั แตเ่ พียงแคน่ ี้
ภาวนากนั ทีไรก็เอาแตส่ งบน่ิงๆๆ น่ิงอย่างไม่มีตวั มีตนปรากฏ
โดยท่ีสดุ แมว้ า่ โลกคือแผ่นดินอนั นีก้ ็หายสาบสญู ไปหมดสิน้ ใน
จกั รวาลนีม้ ีแตจ่ ิตดวงเดียวซง่ึ ปลอ่ ยวางทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งแลว้
แตค่ วามปลอ่ ยวางของจติ ในขนั้ นี้ อยา่ เพง่ิ เขา้ ใจวา่ ทา่ นถึง
ขนั้ ความบรสิ ทุ ธิ์สะอาดแลว้ แตแ่ ทท้ ่ีจรงิ มนั เปรยี บเหมือนดงั วา่
เมลด็ ในของผลไม้ ในเม่ือกอ่ นท่ีมนั จะหลน่ จากตน้ ของมนั มนั ได้
เก็บอวยั วะตา่ งๆเขา้ ไปรวมอยใู่ นเมด็ ในมนั ในเม่ือเราผ่าออก
มาแลว้ เราจะไมม่ องเหน็ อะไร ไม่มองเหน็ อวยั วะซง่ึ เป็น
สว่ นประกอบขอมนั รากแกว้ รากฝอย เปลือก แกน่ ใบ ดอก ผล
ไม่ปรากฏในเม็ดในของผลไม้ แตเ่ ม่ือทา่ นเหน็ แลว้ ทา่ นจะ
5
ปฏเิ สธไดห้ รอื วา่ อวยั วะสว่ นประกอบสว่ นอนั เป็นตน้ ผลไมน้ นั้
เปลือก แกน่ ใบ ดอก ผล มนั จะไมม่ ี แมว้ า่ เราจะมองไมเ่ หน็ ก็
ตามแต่ เชือ้ แหง่ รากแกว้ แกน่ ใบ ดอก ผล มนั เก็บรวมรวม
เอาไวใ้ นแกน่ ในของมนั หมดแลว้
สภาพจติ ท่ีเราสามารถภาวนาแลว้ เก็บทกุ สงิ่ ทกุ อย่างเขา้ ไป
บรรจเุ อาไวข้ า้ งใน แมม้ นั จะเหลือแตแ่ กนในของมนั คือความ
เป็นหนง่ึ ของจติ ซง่ึ เรามองเห็นแลว้ วา่ มนั ใสสะอาดสวา่ งไสวอยู่
อยา่ ไปเขา้ ใจวา่ มนั หมดกิเลสแลว้ แตแ่ ทท้ ่จี รงิ มนั เก็บเอาเชือ้
ของอวชิ ชาตณั หาอปุ าทานไปรวมไวใ้ นแกน่ ของจติ ของใจ ของ
มโนธาตปุ ฐมวิญญาณ และตวั วิญญาณอนั นีซ้ ง่ึ มนั ไม่มีอวยั วะ
สว่ นประกอบท่ีจะแสดงปฏกิ ิรยิ าอนั ใด ออกมาใหเ้ รามองเหน็ ใน
แง่ท่ีเป็นกิเลสโลภ โกรธ หลง เราจงึ เขา้ ใจผดิ วา่ จิตใจของเรา
บรสิ ทุ ธิ์ สะอาดแลว้
ถา้ หากเราจะมาสาํ คญั ม่นั หมายเอาเพียงแคน่ ีเ้ ป็นผลสาํ เรจ็
ถา้ จะสาํ เรจ็ ไดอ้ ยา่ งดกี ็ถึงแคพ่ ระนิพพานพรหมเทา่ นนั้ เอง น่ีคอื
ขนั้ ตอนแหง่ ศาสนาพราหมณท์ ่ีเขามีความเขา้ ใจวา่ เม่ือเขาทาํ
6
จิตใจใหเ้ ขา้ ไปถงึ จดุ ท่ีสงบน่งิ สวา่ งโดยไมม่ ีอะไรเหลือ มแี ตจ่ ติ
ดวงเดยี วลว้ นๆแลว้ เขาก็เขา้ ใจวา่ ของเขาสาํ เรจ็ พระนิพพาน
แลว้
เพราะฉะนนั้ การท่ีเรามาทาํ สมาธิภาวนา ถา้ เราไปตดิ อยแู่ ต่
เพียงความสงบของจิต จติ น่ิงๆ แลว้ น่ิงอยา่ งไม่มีอะไร รา่ งกาย
ตวั ตนหายไปหมด สติปัญญาหายไปหมด ความรูส้ กึ นกึ คดิ ใดๆ
ไมม่ ีเหลอื อยแู่ ลว้ แลว้ ก็ไปเขา้ ใจวา่ เพียงแคน่ ีเ้ ป็นจดุ สาํ เรจ็ พระ
นิพพาน เหลวไหลทงั้ เพ อนั นีเ้ ป็นแตเ่ พียงแคว่ า่ ความสงบของ
จิตซง่ึ ปราศจากความคิด ทาํ ไมมนั จงึ ไมค่ ิด เพราะมนั ไมม่ ี
เคร่อื งมือ จิตมนั ไมม่ ีตวั มนั จะเอาอะไรไปคิด แตถ่ า้ เผ่ือวา่ มนั มา
สมั ผสั กบั รา่ งกาย มนั ก็เอารา่ งกายน่ีเป็นเครอ่ื งมือ เป็นเคร่อื งใช้
ความรูส้ กึ นกึ คิดตา่ งๆมนั จะเกิดขนึ้ มาทนั ที
ในเม่ือมนั มีตวั มีตนแลว้ มนั ตอ้ งมีตา ถา้ ตาเหน็ รูป ถา้ มนั ยงั
มีกิเลสอยู่ มนั ก็ยงั รูส้ กึ ชอบ หไู ดย้ ินเสียง ถา้ มนั ยงั มกี ิเลสอยกู่ ็
รูส้ กึ ยนิ ดยี นิ รา้ ย ในสว่ นอ่นื ๆ ถา้ มนั ยงั มีกิเลสอยู่ มนั ประสบเขา้
แลว้ มนั ก็พอใจไมพ่ อใจ
7
ดงั นนั้ ในลทั ธิศาสนาพราหมณ์ ท่ีเขาเขา้ ใจวา่ เขาสาํ เรจ็ พระ
นิพพานแลว้ ก็เพราะเคา้ ทาํ จติ ไปถึงจดุ ดงั ท่ีกลา่ วนี้ ในเม่ือจิตอยู่
ในจดุ ท่ีกลา่ วนี้ ความรูส้ กึ ในอาการของกเิ ลส และความรูส้ กึ นกึ
คดิ ใดๆมนั ไม่มีจรงิ ๆ จงึ เป็นเหตใุ หค้ นท่ีมปี ัญญายงั ออ่ น เขา้ ใจ
วา่ ตวั เองน่ีสาํ เรจ็ มรรคผลนิพพานไปซะแลว้ แตล่ มื นกึ ถงึ วา่ เม่ือ
เขาออกจากสมาธิในขนั้ นมี้ าแลว้ ในเม่ือมามีตา หู จมกู ลิน้
กายและใจ เขาลมื นกึ ไปวา่ เขายงั มีความยนิ ดียินรา้ ย ถงึ แมว้ า่
เคา้ จะมีความรูส้ กึ วา่ เคา้ ยงั มีความยินดียนิ รา้ ยอยู่ เคา้ กย็ งั ชะลา่
ใจ ยงั นกึ วา่ จะตายเม่ือไหร่ ก็รบี เขา้ ไปสพู่ ระนิพพานในจดุ
ดงั กลา่ ว แลว้ ก็นิพพานหมดกิเลสไปเลย ไม่ตอ้ งมาเกิดอีก อนั นี้
คือความเขา้ ใจของผมู้ ีสตปิ ัญญานอ้ ย
แตส่ มเด็จพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ของเราพระองคเ์ คยทาํ จติ
ของพระองคใ์ หถ้ งึ ขนั้ นี้ ทดสอบไมร่ ูก้ ่ีพนั ครงั้ หม่นื ครงั้ เม่อื จิต
บรรลถุ งึ ขนั้ นี้ ออกมาตา หู จมกู ลนิ้ กาย ใจยงั มี รูป เสยี ง กล่นิ
รส สมั ผสั ธรรมารมณผ์ า่ นเขา้ มา พระองคจ์ งึ เอาเป็นปรอท
เครอ่ื งวดั วา่ สภาพจิตท่ีมนั เป็นอยา่ งนนั้ แตก่ อ่ นมนั ยงั คงสภาพ
8
เดิมอยหู่ รอื เปลา่ พระองคก์ ม็ าทราบวา่ ในเม่ือประสบสง่ิ เหลา่ นนั้
แลว้ อวิชชาความไมร่ ู้ หรอื ความรูเ้ ทา่ เอาทนั มนั ยงั ไม่ดพียงพอ
คอื สติปัญญายงั ออ่ น ความรูส้ กึ ยินดยี นิ รา้ ย ความชอบไม่ชอบ
มนั กย็ งั เหลืออยู่ ถา้ เราจะไปรอเอาตอ่ เม่ือวา่ เราใกลจ้ ะตายแลว้
รบี เขา้ สมาธิ ทาํ จติ ใหม้ นั ไปบรรลคุ ณุ ธรรมถงึ ขนั้ นีแ้ ลว้ นิพพาน
ไป ถา้ เผ่ือวา่ เราเผลอไปแลว้ เราเขา้ ฌาณหรอื เขา้ สมาธิขนั้ นีไ้ ม่
ทนั ตายเสยี ระหวา่ งกลางคนั เราจะไม่ตกนรกหรอื อนั นเี้ ป็นพระ
ปัญญาของพระพทุ ธเจา้
ถา้ ในจดุ ท่ีมนั มีความละเอยี ดสขุ มุ จนกระท่งั ตวั หาย ทกุ สงิ่
ทกุ อยา่ งไมม่ ีแลว้ ในโลกนี้ จกั รวาลนีม้ ีแตจ่ ติ ของเราอนั เดียว
เทา่ นนั้ ถา้ หากวา่ ออกมา ท่ีเราอยขู่ า้ งในสภาพจิตมนั เป็น
อยา่ งไร เม่ือออกมาขา้ งนอก มาเหน็ สง่ิ ตา่ งๆ มาประสบกบั ส่งิ
ตา่ งๆแลว้ ถา้ ความรูส้ กึ ในดา้ นกิเลสมนั ไมม่ ีปรากฏขนึ้ มาซกั นิด
หนง่ึ ก็แสดงวา่ จิตใจของเราน่ีมนั บรสิ ทุ ธิ์สะอาดตลอดกาล
แมว้ า่ อย่ใู นขา้ งในซง่ึ ไม่มีตวั มีตน ความเป็นของจติ ในแงค่ วาม
ยินดยี นิ รา้ ยทกุ ส่งิ ทกุ อยา่ งมนั หายไปหมดแลว้ เม่ือออกมาสู่
9
บรรณโลกนี้ เรามีสถานการณแ์ ละสิ่งแวดลอ้ มท่ีผา่ นเขา้ มาทกุ
ลมหายใจ ถา้ สภาพจติ ของเราหมดกิเลสจรงิ ๆแลว้ มนั ก็ไม่มียดึ
ไมม่ ีปรุง ไมม่ ีความยนิ ดียนิ รา้ ย มนั กย็ งั คงสภาพปกตอิ ยู่
ตลอดเวลา อนั นีจ้ งึ ไดช้ ่ือวา่ เป็นผสู้ าํ เรจ็ แลว้
ดงั นนั้ ปัญหาท่ีวา่ อวิชชากบั จิต ใครเป็นผเู้ กิดก่อนหลงั กนั
อวิชชาเป็นเจตสิกอนั หน่งึ ซง่ึ มนั คอยตดิ ตาม เพราะเจา้ ดวงจติ
ดวงนมี้ ีอวชิ ชา อวิชชาความไมร่ ูเ้ ป็นเหตใุ หท้ าํ กรรม ครนั้ ทาํ
กรรมแลว้ ไดร้ บั ผลของกรรม รบั ผลของกรรมแลว้ ตอ้ งเป็นเหตใุ ห้
มาเกิดอีก เม่ือเกิดอกี ก็อาศยั อวชิ ชาตวั เดียวน่นั แหละ แลว้ ก็หลง
ทาํ กรรมตา่ งๆตามความเขา้ ใจของตวั เอง กรรมดีบา้ ง กรรมช่วั
บา้ ง ทาํ กรรมดกี ็เรยี กวา่ ทาํ บญุ ทาํ กรรมไมด่ กี ็เรยี กวา่ ทาํ บาป
ส่งิ ท่ีเรยี กวา่ บญุ และบาปสองอยา่ งนเี้ ป็นผลซ่งี เกิดโดยกฏขอว
ธรรมชาติ
คนเรามีกายมใี จ ในกายของเรามีใจเป็นใหญ่ ในเม่ือไอเ้ จา้
ใจนีม้ นั ส่งั ใหเ้ ราไปตีหวั คนซกั โป๊ กหนง่ึ ลงไป เคา้ ตายลงไป
ภายหลงั มนั มานกึ วา่ โอย้ เผลอไป ฉนั ทาํ เลน่ ๆ ไมต่ อ้ งการ
10
ผลตอบแทน จา้ งอกี มนั กห็ ลกี เล่ยี งไมไ่ ด้ เพราะอนั นีม้ นั เป็นผล
ท่ีจะพงึ ไดร้ บั โดยกฏของธรรมชาติ ความยตุ ิธรรมอนั ใดในโลกนี้
จะไปย่งิ ใหญ่กวา่ ความยตุ ิธรรมท่ีวา่ ใจเป็นนาย กายเป็นบา่ ว
ในเม่ือไอเ้ จา้ ใจน่ีมนั ส่งั กายใหท้ าํ อะไรลงไป ใหพ้ ดู ลงไป จะเป็น
กรรมดีก็ตาม เป็นกรรมช่วั กต็ าม เขาจะหลกี เล่ยี งผลงานท่ีเขาส่งั
การลงไปไมไ่ ดเ้ ลย เขาจะตอ้ งเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบ รบั ผดิ ชอบทกุ สง่ิ
ทกุ อยา่ ง ปฏเิ สธไม่ไดเ้ ลยเป็นอนั ขาด อนั นีค้ ือกฏธรรมชาติท่ีเรา
จะตอ้ งยอมรบั
ดงั นนั้ พระพทุ ธเจา้ จงึ กระตนุ้ เตือนใหเ้ ราพิจารณาอยบู่ อ่ ยๆ
วา่ เรามีกรรมเป็นของๆตน มกี รรมเป็นผใู้ หผ้ ล มีกรรมเป็นแดน
เกิด มีกรรมเป็นผตู้ ิดตาม มีกรรมเป็นท่ีพง่ึ อาศยั เราจกั ทาํ กรรม
อนั ใดไว้ ดีก็ตาม ช่วั ก็ตาม เราจะตอ้ งไดร้ บั ผลของกรรมนนั้ อยา่ ง
แนน่ อน จรงิ หรอื ไมจ่ รงิ ก็ขอใหผ้ ฟู้ ังไปพจิ ารณาเอาเอง อยา่ งบาง
ทีก็มีเดก็ หนมุ่ ๆ เด็กวยั รุน่ มาเคยถามวา่ พระคณุ เจา้ ฆา่ สตั วน์ ่ี
บาปมยั้ บาปมนั จะเหน็ ทนั ตาหรอื เปลา่ หลวงพอ่ ก็ถามวา่
มนษุ ยก์ ็สตั วป์ ระเภทหน่งึ ใชม่ ยั้ เคา้ ก็บอกวา่ ใช่ หนจู ะทดลอง
11
หรอื เปลา่ ถา้ อยากรูก้ ็ทดลองดเู อาเอง หลวงพอ่ รบั รองวา่ ยืนยนั
วา่ ตอ้ งเป็นบาป และเหน็ บาปทนั ตาดว้ ย เอากนั อยา่ งนี้ ถา้ จะ
พสิ จู นก์ นั ใหเ้ ห็นจรงิ กนั ในปัจจบุ นั น่ี หนอู อกจากกฏุ หิ ลวงพอ่ ไป
แลว้ เดินออกไปถนนใหญ่ เหน็ คนเดนิ มาก็กาํ หมดั แน่นๆ ซดั
ปากมนั เขา้ ไปซกั หมดั สองหมดั ลองดซู ิมนั จะมีอะไรโตต้ อบหรอื
เปลา่ ถา้ หากวา่ หนตู อ่ ยปากเคา้ แลว้ เคา้ เดนิ หนีเฉยไป ก็แสดง
วา่ การทาํ รา้ ยรา่ งกายเขามนั ไม่เกิดบาป แตถ่ า้ เคา้ ซดั คืน ก็แสดง
วา่ มนั จะตอ้ งบาปแนๆ่ อนั นีม้ นั พิสจู นไ์ ดเ้ ลย ไม่ตอ้ งพดู ถงึ ผล
บาปกรรมท่ีจะตอ้ งไป…พดู ถึงในสงิ่ เราไมเ่ หน็
อย่างในปัจจบุ นั นี้ เราดา่ เคา้ เคา้ ดา่ ตอบ เราตีเคา้ เคา้ ตี
ตอบ เรารา้ ยตอ่ เคา้ เคา้ รา้ ยตอบ เราดตี อ่ เคา้ เคา้ ดีตอบ สงิ่
ทงั้ หลายเหลา่ นีแ้ หละเป็นสง่ิ ท่ีเราจะตอ้ งหยิบยกมาพจิ ารณา
เพ่ือเปรยี บเทยี บ เพ่ือจะยงั ศรทั ธาคอื ความรูส้ กึ ของเราใหม้ ี
ความเช่ือม่นั และเล่ือมใสในคาํ สอนของสมเดจ็ พระสมั มาสมั
พทุ ธเจา้
12
การกลา่ วธรรมะอนั เก่ียวดว้ ยภมู จิ ติ ภมู ใิ จ เพราะวา่ ในงานนี้
เราก็ไดอ้ าราธนาพระเถรานเุ ถระในระดบั คณาจารยช์ นั้ สงู ซง่ึ เคย
เป็นท่ีเคารพบชู า เป็นครูบาอาจารยข์ องผแู้ สดงธรรมก็หลาย
ท่าน พดู ไปพดู มาก็รูส้ กึ วา่ หนาวๆในใจ เพราะโดยวสิ ยั ของพระ
ธุดงคกรรมฐานแลว้ จะตอ้ งมีความเคารพบชู าในครูบาอาจารย์
ของตนเป็นอยา่ งยง่ิ
ในขณะท่ีทา่ นทงั้ หลายอาราธนามาแสดงธรรมนี้ ก็อดท่ีจะ
คดิ ไมไ่ ดว้ า่ เราอยใู่ นสภาพท่ีไมด่ ีกวา่ ไกป่ ่า ไกป่ ่าเคา้ มีนสิ ยั เป็น
อยา่ งไร สมมตุ วิ า่ ในป่าหน่งึ มีไก่ป่าตวั ผมู้ จี าํ นวนอยู่ ๑๐๐ ตวั
๑๐๐๐ ตวั เราจะไดย้ ินเสยี งไกต่ วั ท่ีเป็นหวั หนา้ เทา่ นนั้ ขนั ถา้ ไก่
ตวั อ่นื ขนั แทรกแซงขนึ้ มาแลว้ หมพู่ วกของไก่ทงั้ หลายมนั จะรุม
จกิ จนตาย อนั นีว้ ิสยั ไก่ป่ามนั เป็นอย่างนนั้ วสิ ยั ของพระนกั
ปฏิบตั ซิ ง่ึ มีความเคารพและบชู า บชู าในครูบาอาจารย์ ถา้ พดู
มากนกั กม็ ีความรูส้ กึ หนาวในจิตในใจ กลวั วา่ เราจะเป็นบาป ซง่ึ
มนั อาจจะเป็นการลว่ งเกินกา้ วกา่ ยครูบาอาจารยม์ ากเกนิ ไป
13
ในสมยั ปัจจบุ นั นีท้ ่านสหธรรมิกผเู้ ป็นลกู ศิษยค์ รูบาอาจารย์
ทงั้ หลาย บางทีอาจจะเผลอลืมตวั ไปบา้ งกไ็ ด้ เราไปท่ีไหนเหน็
แตพ่ ระธดุ งคกรรมฐานขนั แขง่ กนั อย่ไู ม่หยดุ บางทีบางครงั้ ลกู
ศิษยข์ องครูบาอาจารยบ์ างองคซ์ ง่ึ มีช่ือเสยี งโดง่ ดงั ขนึ้ มาแลว้
มือไมม้ นั แข็งไปหมด กราบไหวค้ รูบาอาจารยก์ ็ไม่ลง ตีตนเสมอ
กบั ครูบาอาจารย์
จงึ ใครท่ ่ีจะขอนาํ ประวตั กิ ารปฏบิ ตั ขิ องครูบาอาจารยต์ งั้
เรม่ิ ตน้ แตท่ ่านอาจารยเ์ สาร์ อาจารยม์ ่นั เป็นตน้ มา ซง่ึ สมยั นนั้
เป็นสามเณรนอ้ ยๆ อายเุ พียง ๑๔ ๑๕ ปี เคยอย่รู ว่ มกบั ครูบา
อาจารย์ ถา้ หากวา่ ครูบาอาจารยน์ ่งั ประชมุ กนั อยู่ หรอื อยใู่ น
อาวาสนนั้ ๆ หนา้ ท่ีของการถกปัญหา แกป้ ัญหาจะตอ้ งเป็น
หนา้ ท่ีของครูบาอาจารยผ์ เู้ ป็นหวั หนา้ ไมใ่ ช่วา่ เราจะตา่ งคนตา่ ง
มาน่งั เทศนแ์ ขง่ กนั อย่อู ยา่ งในสมยั ปัจจบุ นั นี้
แมแ้ ตก่ ารถือนิสยั ครูบาอาจารยต์ ามระเบยี บพระธรรมวินยั
ตามระเบียบวนิ ยั ก็ตาม เราอยใู่ นสาํ นกั ของครูบาอาจารย์ เรา
ไมไ่ ดน้ บั อายพุ รรษาครบ ๕ วา่ เราพน้ นิสยั มตุ (นิสยั มตุ ตกะ)
14
เพราะวา่ เราถือวา่ การพน้ นิสยั มตุ นนั้ จะตอ้ งเป็นหนา้ ท่ีของ
อปุ ัชฌายอ์ าจารยเ์ ป็นผยู้ กให้ เชน่ อยา่ งหลวงตาพร ซง่ึ เป็น
อาจารยข์ องอาตมา ในสมยั ท่ีทา่ นออกจากฆราวาสไปบวชที
แรก ก็ไปอาศยั อยใู่ นสาํ นกั ของทา่ นอาจารยม์ ่นั ทา่ นอาจารยม์ ่นั
บงั คบั ใหบ้ วชเป็นตาเถรชีผา้ ขาวอยสู่ ามปี อบรมส่งั สอนให้
ปฏิบตั ธิ รรม ปฏบิ ตั จิ นจติ มีความสงบรูธ้ รรมเหน็ ธรรม รูธ้ รรม
วนิ ยั ระเบยี บปฏิบตั ติ อ่ ครูบาอาจารยแ์ ละพระศาสนาเป็นอยา่ ง
ดี แลว้ ท่านก็ใหเ้ ปล่ียนจากเพศชีเป็นเพศสามเณร คือใหบ้ วช
เป็นเณรใหญ่อย่อู ีกสามปี
พอครบสามปีแลว้ ทา่ นอาจารยม์ ่นั ไดพ้ าไปอปุ สมบทเป็น
พระภิกษุท่ีวดั ปทมุ วนารามในจงั หวดั กรุงเทพน่ีเอง ซง่ึ ทา่ น
อาจารยม์ ่นั อาจารยเ์ ป็นผนู้ าํ มา มามอบใหพ้ ระปัญญาพศิ าล
เถร ซง่ึ เป็นพระอปุ ัชฌายข์ องอาตมาเอง เป็นอปุ ัชฌายอ์ ปุ สมบท
ให้ ในเม่ืออปุ สมบทแลว้ ก็อย่ใู นสาํ นกั ของท่านอาจารยม์ ่นั เอา
ใจใสป่ รนนิบตั คิ รูบาอาจารยม์ ิใหเ้ ดอื ดรอ้ น อาจารยิ วตั ร
อปุ ัชฌายวตั ร ปฏบิ ตั ิอยา่ งถกู ตอ้ งตรงตามพระวนิ ยั ทกุ ประการ
15
จนกระท่งั ทา่ นอาจารยม์ ่นั พจิ ารณาดอู ปุ นิสยั และการประพฤติ
ปฏิบตั ิวา่ สมควรพอท่ีจะออกไปบาํ เพ็ญเพยี รโดยลาํ พงั ตนเองได้
แลว้ ทา่ นจงึ เรยี กมาส่งั วา่ "พร เอย้ เจา้ ก็ฝึกฝนอบรมกบั ครูบา
อาจารยม์ าตงั้ พน้ นิสยั มตุ แลว้ พอจะช่วยตวั เองได้ หลกี ออกไป
หาวิเวกเฉพาะตวั ก่อนเถิด ใหโ้ อกาสองคอ์ ่นื เคา้ เขา้ มาปรนนิบตั ิ
ครูบาอาจารยบ์ า้ ง" น่นั แหละถงึ จะไดอ้ อกสาํ นกั ครูบาอาจารย์ น่ี
คือจารตี ประเพณีของพระธดุ งคกรรมฐานท่ีปฏบิ ตั ติ อ่ อปุ ัชฌาย์
อาจารยใ์ นสมยั อดตี ในสมยั ท่ีทา่ นอาจารยเ์ สาร์ อาจารยม์ ่นั ยงั
ดาํ รงชีวติ อยู่
และอกี อย่างหน่งึ เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๘๖ ทา่ นอาจารยเ์ สารไ์ ด้
มรณภาพลง แลว้ ก็ไดท้ าํ ฌาปนกิจคือถวายเพลิงเผาศพทา่ น
อาจารยเ์ สาร์ ในงานนนั้ ทา่ นอาจารยม์ ่นั ก็ไปรว่ มในงานดว้ ย ใน
ฐานะท่ีทา่ นก็เป็นอนั เตวาสิกของทา่ นอาจารยเ์ สาร์ ซง่ึ อยใู่ น
ระดบั ผใู้ หญ่ทา่ นหนง่ึ ในขณะท่ีทา่ นแสดงธรรม ท่านอาจารยม์ ่นั
แสดงธรรมวา่ "เม่ือสมยั ทา่ นอาจารยเ์ สารย์ งั มีชีวติ อยู่ ทา่ นก็เป็น
ครูบาอาจารยอ์ บรมส่งั สอนเรา บดั นที้ า่ นอาจารยเ์ สารไ์ ด้
16
มรณภาพไปแลว้ ก็ยงั เหลอื แตเ่ ราคอื พระอาจารยม์ ่นั จะเป็นครู
บาอาจารยห์ มใู่ นสายนีต้ อ่ ไป ดงั นนั้ ท่านผใู้ ดสมคั รใจจะเป็นลกู
ศษิ ยท์ า่ นอาจารยม์ ่นั ตอ้ งปฏบิ ตั ิตามปฏิปทาของอาจารยม์ ่นั
ถา้ ใครไมส่ มคั รใจหรอื ปฏบิ ตั ิตามไม่ได้ อยา่ มายงุ่ กบั อาจารยม์ ่นั
เป็นอนั ขาด"
โอวาทครงั้ สดุ ทา้ ยท่ที ่านอาจารยม์ ่นั ไดป้ ระทานเอาไว้ ไม่
ทราบวา่ สหธรรมิกซง่ึ เป็นลกู ศษิ ยท์ า่ นอาจารยม์ ่นั จะจาํ ไดห้ รอื
เปลา่ ถา้ หากจาํ ไดก้ ็ขออภยั ดว้ ย ถา้ หากจาํ ไมไ่ ดก้ ็ลองเอาไปคดิ
เป็นการบา้ นดซู ิ วา่ ปฏิปทาของทา่ นอาจารยม์ ่นั ท่านปฏิบตั ิ
อย่างไร และเราควรจะดาํ เนินตามแนวทางของท่านอยา่ งไร จงึ
จะไดช้ ่ือวา่ เป็นลกู ศษิ ยข์ องพระอาจารยม์ ่นั
บางสงิ่ บางอยา่ งท่ีเราอนโุ ลมตามความตอ้ งการของชาวโลก
แทบจะไมป่ รากฏ แมแ้ ตก่ ารทาํ บญุ มหาชาติ การจดั งานวดั มี
มหรสพตา่ งๆ เราไมเ่ คยมี มาสมยั ปัจจบุ นั นี้ ครูบาอาจารยก์ ็พา
เป็นนกั ธรุ กิจ ไปกนั ซะไมไ่ ดห้ ยดุ จากเหนือไปใต้ จากใตไ้ ปเหนือ
ไปเท่ียวโปรดญาติโยม แตไ่ มแ่ นน่ กั วา่ ไปเท่ียวใหญ้ าติโยมโปรด
17
หรอื วา่ ไปโปรดญาติโยมกนั แน่ก็ไมท่ ราบ อนั นีก้ ็ขอฝากใหล้ กู
ศษิ ยค์ รูบาอาจารยไ์ ดน้ าํ ไปพิจารณาเป็นการบา้ น
ครงั้ สดุ ทา้ ยท่ีไดเ้ ขา้ ไปกราบท่านอาจารยฝ์ ั้น ทงั้ ๆท่ที า่ นกย็ งั
ป่วยมีอาการรอ่ แรเ่ ตม็ ที กอ่ นหนา้ ท่ีทา่ นจะสนิ้ ใจประมาณสาม
วนั พอไปกราบแลว้ พยายามท่ีจะไม่ใหท้ า่ นรูส้ กึ ตวั แตแ่ ลว้ ทา่ น
ก็ส่งั ใหพ้ ระเวรท่ีปรนนิบตั ิอยใู่ หเ้ อาทา่ นลกุ ขนึ้ พระก็เรยี นทา่ น
วา่ หมอไม่ใหล้ กุ หมอไม่ใหล้ กุ ทา่ นก็ยาํ้ อยวู่ า่ “เอาลกุ ขนึ้ เอา
ลกุ ขนึ้ ” ในเม่ือลกุ ขนึ้ มาแลว้ แทนท่ีทา่ นจะพดู อะไร มือไมท้ ่ียงั
ส่นั เทาอยนู่ ่นั แหละ อตุ สา่ หพ์ ยายามพยงุ ยกขนึ้ มาแลว้ ก็ชีห้ นา้ ผู้
ไปกราบ แลว้ ก็บอกวา่ “น่ี อะไรครูบาอาจารยก์ ็ถอดแบบส่งั สอน
ใหห้ มดแลว้ สามารถทาํ ไดด้ ดี ว้ ย แตเ่ สียอย่างเดียว มนั ยงั ขี้
เกียจอยู่ ตอ่ ไปเพ่ิมความขยนั มากขนึ้ เพราะเม่ือมนั หมดรุน่ ของ
พวกเธอแลว้ พระธดุ งคกรรมฐานมนั จะไม่มีเหลือ” อนั นีก้ ็เป็น
โอวาทของทา่ นอาจารยฝ์ ั้น ซง่ึ ทา่ นประทานไวเ้ ป็นครงั้ สดุ ทา้ ย
อนั นีก้ ็ใครท่ ่ีจะขอฝากเพ่ือนสหธรรมิกทงั้ หลาย เอาไปพจิ ารณา
เป็นการบา้ น เพ่ือเป็นการเปรยี บเทียบกบั การประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ
18
ของเราในสมยั ปัจจบุ นั นี้ วา่ เรากาํ ลงั เดินหนา้ เขา้ คลองหรอื วา่
กาํ ลงั ถอยหลงั เขา้ คลอง
การถือธุดงควตั รตา่ งๆ เรามคี วามเครง่ ครดั เพียงใด แคไ่ หน
อย่างไร ถา้ สนใจในปฏิปทาหรอื ชีวประวตั ขิ องท่านอาจารยม์ ่นั
เราจะไดเ้ ครอ่ื งวดั วา่ ความประพฤตขิ องเราในปัจจบุ นั นีม้ นั ยอ่
หยอ่ นหรอื มนั ตงึ ขนึ้ เทา่ ท่ีสงั เกตโดยท่วั ๆไปแลว้ บรรดา
พระภกิ ษุสามเณรท่ีอปุ สมบทมา อายพุ รรษายงั ไมค่ รบหา้
ระเบยี บวนิ ยั ยงั ไมร่ ู้ การแสดงอาบตั ิก็ยงั วา่ ไม่ถกู แลว้ ก็เท่ยี ว
ตะพายบาตรเดนิ ธุดงคจ์ ากเหนือไปใต้ จากใตไ้ ปเหนือ ในฐานะ
ท่ีเรายงั ไม่เขา้ ใจวินยั เพียงพอ ไมไ่ ดฝ้ ึกหดั นิสยั จากครูบา
อาจารย์ เราก็นาํ ลทั ธิการปฏบิ ตั ผิ ิดๆไป ไปใหช้ าวบา้ นทงั้ หลาย
เคา้ เขา้ ใจวา่ เราเป็นผปู้ ฏบิ ตั ดิ ีปฏิบตั ิชอบ แทท้ ่ีจรงิ แลว้ เรายงั
ไม่ไดฝ้ ึกฝนอบรม
โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ การกราบพระ เป็นสิง่ ท่ีครูบาอาจารย์
ของเราน่ีถือเครง่ นกั ทา่ นจะตอ้ งฝึกสอนใหก้ ราบใหไ้ หวใ้ ห้
ถกู ตอ้ งตามระเบยี บเบญจางคประดิษฐ์ โดยเอาหวั เขา่ ขอ้ ศอก
19
ตอ่ กนั วางมือลงราบกบั พืน้ นิว้ มือไม่ใหถ้ า่ ง เวน้ ระยะหา่ ง พอ
หนา้ ผากลงไวไ้ ด้ ระหวา่ งคิว้ กบั หวั แมม่ ือจรดกนั ทาํ หลงั ใหต้ รง
ไม่ทาํ โกง้ โคง้ แสดงกิรยิ ามารยาทอนั เรยี บรอ้ ยงดงาม อนั นีเ้ ป็น
วิธีกราบท่ีครูบาอาจารยข์ องเราถือนกั มาในสมยั ปัจจบุ นั นีเ้ ทา่ ท่ี
ชาํ เลืองดแู ลว้ การกราบการไหวน้ ่ีหา่ งไกลจากครูบาอาจารย์
เหลอื เกิน สง่ิ ทงั้ หลายเหลา่ นีก้ ็ไม่น่าจะนาํ มาพดู แตว่ า่ โอกาสนี้
เรามาประชมุ กนั มากๆ เผ่ือหากวา่ มนั อาจจะเป็นประโยชนแ์ ก่
หม่คู ณะของเราบา้ ง ถา้ หากใครจะนกึ วา่ เป็นเรอ่ื งนาํ มา เป็น
เรอ่ื งประจานตอ่ หนา้ ธารกาํ นลั ก็ไมค่ วรอาย เพราะวา่ เราหวงั ดี
ตอ่ กนั เผ่ือมนั จะไดเ้ ป็นประโยชนแ์ ก่ญาตโิ ยมผมู้ าฟังเทศนฟ์ ัง
ธรรมกนั บา้ ง
นอกจากเรอ่ื งการกราบ รองลงไป อนั ดบั ตอ่ ไปก็คือการวา่
อกั ขระขานกลอนใหถ้ กู ตอ้ งตามอกั ขระภาษาบาลี ใหถ้ กู ตอ้ ง
ตามสาํ เนียงมคธภาษา แลว้ รองๆลงไปก็เร่อื งระเบยี บวินยั
เลก็ ๆนอ้ ยๆ เก่ียวกบั การรบั ประเคนสงิ่ ของ ของอนั ใดท่ีเป็น
ยาวกาลิก ยามกาลิก สตั ตาหกาลกิ ยาวชวี ิก เอกลาภผลอนั ใดท่ี
20
มนั เกิดขนึ้ มา ครูบาอาจารยท์ ่านเคยใหเ้ ฉล่ียแจกแบง่
สงเคราะหพ์ ระภกิ ษุสงฆส์ ามเณรผขู้ าดตกบกพรอ่ งเพราะเราถือ
วา่ เป็นสมณะศากยบตุ รดว้ ยกนั เราจะตอ้ งดแู ลสขุ ทกุ ขซ์ ง่ึ กนั
และกนั
โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ สง่ิ สาํ คญั อกี อย่างหนง่ึ ก็คือเวลาเจบ็ ไข้
ไดป้ ่วย พระภกิ ษุสงฆอ์ าพาธเป็นหนา้ ท่ีของพระภกิ ษุสามเณรใน
อาวาสนนั้ จะตอ้ งเอาใจใสด่ แู ลรกั ษา แตเ่ ท่าท่ีสงั เกตมาก็รูส้ กึ วา่
ทา่ นผใู้ ดไมม่ ีบญุ บารมี เป็นหลวงพอ่ หลวงตาไม่มีบญุ บารมีมาก
ถา้ เจ็บไขไ้ ดป้ ่วยลง ตกอย่ใู นตาลาํ บาก จะตอ้ งพง่ึ พาอาศยั ญาติ
โยม
ยกตวั อยา่ งเชน่ อาจารยอ์ งคห์ นง่ึ เจบ็ ป่วยมาจากนครพนม
ช่ืออาจารยท์ อง อโสโก เป็นอาจารยผ์ ทู้ าํ กิจพระศาสนา ทาํ กิจ
ธรุ ะ ฟื้นฟหู ม่คู ณะ เป็นมือขวาของทา่ นอาจารยเ์ สารเ์ หมือนกนั
ภายหลงั มาทา่ นป่วยอาพาธลงไป ทีแรกก็ไปอาพาธอยทู่ ่ีวดั เกาะ
แกว้ อมั พวนั อาํ เภอธาตพุ นม จงั หวดั นครพนม ภายหลงั ญาติ
โยมก็นาํ มาท่ีวดั ป่าบา้ นสวนววั อาํ เภอมว่ งสามสิบ จงั หวดั อบุ ล
21
ฯ ในขณะท่ีทา่ นมาถึงก็มีพระธุดงคกรรมฐานเฝา้ วดั อยนู่ ่นั เจ็ด
แปดองค์ พออยมู่ าไมถ่ งึ อาทติ ย์ ครูบาอาจารยผ์ ทู้ ่ีมาพง่ึ พา
บารมีของพระคณุ เจา้ เหลา่ นนั้ ทา่ นจะเห็นวา่ การอปุ ัฏฐาก
พระภกิ ษุไขเ้ ป็นการลาํ บาก เป็นภาระหรอื อย่างไรไม่ทราบ พระ
เณรทงั้ นนั้ ตะพายบาตรแบกกลดหนีไปหมด ทงิ้ พระอาจารยท์ อง
ซง่ึ อาพาธเป็นโรคอมั พาต ใหน้ อนแอง้ แมง้ อยใู่ นวดั ป่าบา้ นสวน
ววั เพียงองคเ์ ดยี ว
ในท่ีสดุ ตอ้ งเดอื ดรอ้ นถงึ เจา้ คณุ ชนิ วงศาจารยใ์ นพรรษานนั้
จาํ สตั ตาหะไปปรนนิบตั ติ ลอดพรรษา ในพรรษา ๙๐ วนั มีเวลา
ไดน้ อนวดั เพียง ๑๒ วนั เท่านนั้ เอง นอกนนั้ ไปจาํ พรรษาท่อี ่ืน
จนกระท่งั ทา่ นอาจารยอ์ งคน์ ถี้ งึ แก่มรณภาพลงไป จดั การศพ
เสรจ็ จงึ ไดห้ มดภาระ อนั นีก้ เ็ ป็นส่งิ บกพรอ่ งอนั หนง่ึ สาํ หรบั ลกู
ศษิ ยน์ กั ปฏบิ ตั ขิ องเรา
สมเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ถือวา่ เป็นขอ้ วนิ ยั อนั เครง่ ครดั
ภกิ ษุสงฆอ์ าพาธเกิดขนึ้ ในอาวาสใด ตอ้ งเป็นหนา้ ท่ีของภิกษุ
สามเณรในอาวาสนนั้ จะตอ้ งอปุ ัฏฐากดแู ลรกั ษา หาหยกู หายา
22
หาหมอมาพยาบาลรกั ษา ถา้ ภกิ ษุรูปใด ในเม่ือเห็นสหธรรมกิ
ของตวั เองเจ็บไขไ้ ดป้ ่วยอาพาธลง ถา้ หากคดิ วา่ มนั จะเป็นภาระ
ยงุ่ ยาก รบี ออกหนีไปจากอาวาสนนั้ เสยี พระวินยั ทา่ นปรบั อาบตั ิ
เพราะขาดความเอือ้ เฟื้อไม่เอาใจใส่
แมใ้ นสมยั ท่ีพระพทุ ธเจา้ กาํ ลงั จะเสดจ็ ดบั ขนั ธปรนิ พิ พาน ก็
ยงั มีพระภิกษุองคห์ นง่ึ มาคิดวา่ เรายงั ไมไ่ ดบ้ รรลมุ รรคผลอนั ใด
เราจะรบี เรง่ ปฏิบตั ใิ หเ้ พ่ือใหไ้ ดอ้ รหนั ตก์ ่อนท่ีพระพทุ ธเจา้ จะ
เสดจ็ ดบั ขนั ธปรนิ ิพพาน พระอรหนั ตแ์ ละพระปถุ ชุ นทงั้ นนั้ ซง่ึ
สนใจในการท่จี ะปรนิ ิพพานของสมเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้
เห็นวา่ นวกะภกิ ษุองคน์ นั้ ไมส่ นใจกบั กิจการของสงฆ์ จงึ ไดย้ ก
เป็นอธิกรณข์ นึ้ มาถือวา่ ทา่ นทาํ ผิด แลว้ กน็ าํ ขอ้ ความไปกราบทลู
สมเดจ็ พระผมู้ พี ระภาคเจา้
พระผมู้ ีพระภาคเจา้ ก็เรยี กมารบั ส่งั ถามวา่ เธอปฏิบตั อิ ยา่ ง
นนั้ จรงิ หรอื มีเหตผุ ลอนั ใด พระภกิ ษุใหมอ่ งคน์ นั้ ก็ทลู วา่ ขา้
พระองคไ์ ดท้ ราบวา่ พระผมู้ พี ระภาคเจา้ จะเสด็จดบั ขนั ธปริ
นิพพานแลว้ แตข่ า้ พระองคย์ งั ไม่ไดบ้ รรลมุ รรคผลใดๆทงั้ สนิ้ จงึ
23
ตดั สินใจเดด็ เด่ยี วจะบาํ เพญ็ เพียรภาวนาเพ่ือใหไ้ ดอ้ รหนั ตม์ า
บชู าพระพทุ ธเจา้ ก่อนท่ีจะเสด็จปรนิ ิพพานจากไปเสีย ในเม่ือ
พระพทุ ธองคไ์ ดท้ รงทราบเชน่ นนั้ กย็ กยอ่ งสรรเสรญิ พระภิกษุ
องคน์ นั้ วา่ ดแี ลว้ ภิกษุ ดีแลว้ ภกิ ษุ ขอใหพ้ ระภกิ ษุทงั้ หลายท่ียงั
เป็นปถุ ชุ นอยพู่ งึ เอาตวั อยา่ งพระองคน์ ี้ แลว้ เราจะไดด้ ิบไดด้ ี
น่ีในสงั คมของพระอรหนั ตต์ อ่ หนา้ พระผมู้ ีพระภาคเจา้ ทา่ น
ก็ยงั ยกเร่อื งเหลา่ นีข้ นึ้ เป็นอธิกรณ์ ทีนีถ้ า้ หากในสมยั ปัจจบุ นั นี้
ถา้ หากสหธรรมิกของเราไปทอดทิง้ พระภกิ ษุอาพาธโดยไมเ่ อา
ใจใสอ่ ปุ ัฏฐากดแู ลรกั ษาพยาบาล เราสมณะศากยบตุ รจะหนั
หนา้ ไปพ่งึ พาอาศยั บารมีของใครหนอ อนั นีเ้ ป็นสงิ่ หนง่ึ ซง่ึ ครูบา
อาจารยส์ ายนที้ ่ีทา่ นถือเป็นเร่อื งเครง่ นกั หนา อย่าวา่ แตใ่ น
อาวาสเดยี วกนั แมภ้ ิกษุในอาวาสอ่นื เกิดอาพาธลง ทา่ นจะตอ้ ง
สง่ พระภิกษุสามเณรองคใ์ ดองคห์ นง่ึ ไปชว่ ยพยาบาลรกั ษาซง่ึ
มนั เป็นกิจธรุ ะหนา้ ท่ี
แมส้ มเดจ็ พระผมู้ ีพระภาคเจา้ ก็ยงั ทรงรบั ส่งั สรรเสรญิ วา่
ผใู้ ดอปุ ถมั ภอ์ ปุ ัฏฐากพระภกิ ษุอาพาธมีอานิสงสเ์ ทา่ กนั กบั
24
อปุ ัฏฐากพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ คอื เราตถาคต ท่ีทา่ นทรงยกย่อง
ไวถ้ งึ ขนาดนนั้ ก็เป็นการกระตนุ้ เตอื นใจพระภกิ ษุสงฆม์ ิให้
ทอดทงิ้ กนั ในยามยาก
ดงั นนั้ ในปกตแิ ลว้ เรามีปัจจยั ๔ เกิดขนึ้ พระภิกษุสงฆ์
จะตอ้ งพิจารณาแจกแบง่ กนั ไปตามฐานานรุ ูป คอื แจกแบง่ กนั ใช้
แจกแบง่ กนั ฉนั พอใหม้ ีชวี ติ อยู่ มีกาํ ลงั พอประพฤติพรต
พรหมจรรย์ มใิ ช่วา่ จะแจกแบง่ เอาไปเพ่ือความรา่ํ รวย หรอื ไป
สะสมเอาไวใ้ หม้ นั บดู มนั เนา่ โดยปราศจากประโยชน์
เพราะฉะนนั้ โภชเนมัตตัญ�ุตา การปฏบิ ตั ธิ รรมตอ้ งถือหลกั
โภชนะ โภชนะรูจ้ กั ประมาณในการบรโิ ภค การบรโิ ภคนีไ้ ม่
จาํ เพาะแตบ่ รโิ ภคปัจจยั ๔ แมแ้ ตก่ ารประพฤติวตั รขอ้ วตั ร
ปฏบิ ตั ิก็ควรจะรูจ้ กั ประมาณ
ดงั นนั้ ในธัมมจกั กัปวตั ตนสูตร สมเด็จพระผมู้ ีพระภาคเจา้
จงึ ไดต้ รสั เอาไวว้ า่ เทวเฺ ม ภกิ ขฺ เว อนฺตา ปพพฺ ชเิ ตน น เส
วิตพพฺ า ดกู อ่ นภกิ ษุทงั้ หลาย สว่ นสดุ สองอยา่ ง อนั บรรพชิตไม่
ควรซอ่ งเสพ คือ กามสุขลฺลกิ านุโยโค การประกอบตนให้
25
พวั พนั ในความสขุ มากเกินไป คอื เกินพอดี อนั นนั้ เป็นเรอ่ื งของ
ปถุ ชุ น เป็นเร่อื งของชาวบา้ น ไม่ใช่เรอ่ื งของสมณะ อตตฺ กลิ มถา
นุโยโค การประพฤตติ นเพ่ือทรมานตนเพ่ือใหไ้ ดร้ บั ความ
ลาํ บาก โดยเขา้ ใจวา่ กิเลสมนั จะเหือดแหง้ ไปเพราะการทรมาน
ตน อนั นีบ้ รรพชติ ก็ไม่ควรซอ่ งเสพเพราะมนั เป็นเร่อื งท่ีเป็นการ
ทรมานโดยปราศจากประโยชน์ ถา้ อยา่ งนนั้ เราจะประพฤติ
ปฏิบตั อิ ย่างไร มชฺฌมิ า ปฏปิ ทา ตถาคเตน อภสิ มพฺ ทุ ธฺ า
ทางสายกลางคือศีล สมาธิ ปัญญา การปฏบิ ตั พิ อดบิ พอดี ไมย่ ่ิง
นกั และไมห่ ยอ่ นนกั เป็นทางสายกลาง เป็นแนวทางท่ีดาํ เนนิ
ไปสคู่ วามสาํ เรจ็ อรยิ มรรค อรยิ ผล
ดงั นนั้ ตวั อยา่ งแห่งการถือเนสัชชิกธุดงคต์ ามแบบเจา้ คณุ
พระอบุ าลีสริ จิ นั โท จนั ทร์ ท่านเจา้ คณุ อบุ าลีสิรจิ นั โท จนั ทร์
สอนใหล้ กู ศิษยใ์ หถ้ ือธุดงควตั รเก่ียวกบั การอย่เู นสชั ชิก ท่าน
บอกวา่ ใครสามารถท่ีจะอดนอนตลอดคนื ย่าํ รุง่ ก็เป็นการดี แต่
ถา้ อดดว้ ยการประพฤติปฏบิ ตั บิ าํ เพญ็ เพียรภาวนา แตถ่ า้ อด
นอนดว้ ยการคยุ กนั ใหส้ นกุ เพ่ือฆา่ เวลาแกง้ ว่ ง มนั ก็ไม่เกดิ
26
ประโยชนอ์ นั ใด ท่านจงึ สอนใหล้ กู ศิษยข์ องทา่ นถือธุดงคอ์ ยา่ ง
หนง่ึ ใหเ้ ครง่ ครดั คือฝึกหดั นอนเวลาส่ที มุ่ แลว้ ก็ต่ืนเวลาตสี าม
ฝึกหดั ใหไ้ ดท้ กุ วนั ๆ จนเป็นนิสยั จนกระท่งั วา่ ถงึ เวลาสท่ี ่มุ แลว้
ไมอ่ ยากนอนมนั ก็งว่ งหลบั ไปเอง พอถึงเวลาตสี ามแลว้ ไม่อยาก
ต่นื มนั ก็ต่ืนเอง ต่นื แลว้ นอนลงไม่ได้ เพราะนิสยั มนั เคยชนิ
ท่านอาจารยเ์ สารใ์ นฐานะท่ที า่ นมีสมั พนั ธก์ บั เจา้ คณุ อบุ าลี
คณุ ปู มาจารย์ สริ จิ นั โท จนั ทร์ ทา่ นกย็ าํ้ สอนลกู ศษิ ยล์ กู หาใน
เบือ้ งตน้ ใหฝ้ ึกฝนอบรมตวั เอง ฝึกหดั ตวั เอง ใหจ้ าํ วดั เวลาส่ที ่มุ
ก่อนจะถงึ ส่ที มุ่ ใหเ้ ดินจงกรมน่งั สมาธิภาวนาหรอื ศกึ ษาขอ้ วินยั
ในสาํ นกั ครูบาอาจารย์ ทา่ นไมน่ ิยมในการท่ีจะคลกุ คลดี ว้ ยหมู่
คณะ ดว้ ยการคยุ ดว้ ยการสนกุ เพลิดเพลนิ หรอื ดว้ ยการอย่กู าร
กินใดๆ การหลบั การนอน ใหเ้ ครง่ ครดั ในการปฏิบตั ิ เดนิ ธุดงค์
น่งั สมาธิภาวนา พอถงึ ส่ีทมุ่ แลว้ ก็จาํ วดั หลบั ไมห่ ลบั กน็ อนมนั
อยอู่ ยา่ งนนั้ จนกระท่งั ถงึ ตีสาม ตงั้ แตส่ ่ที มุ่ ถึงตีสามนอนไม่หลบั
ทงั้ คนื พอถึงตสี ามแลว้ ไมย่ อมนอนตอ่ ไป ลกุ ขนึ้ มาเดินจงกรม
น่งั สมาธิภาวนา ฝึกหดั นิสยั จนมนั เคยชนิ จนคลอ่ งตวั
27
ถา้ ใครปฏิบตั ิตามโอวาทท่ีทา่ นแนะนาํ อนั นีเ้ ป็นการฝึกหดั
ลกู ศษิ ยใ์ นขนั้ ตน้ ถา้ ใครปฏบิ ตั ไิ ดแ้ ลว้ ทกุ สง่ิ ทกุ อย่างทา่ นจะ
เปิดเผยออกมาสอน ถอดใหห้ มดทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง ไม่มีปิดบงั
ปฏิปทาของทา่ นอาจารยม์ ่นั ก่อนท่ีจะรบั ลกู ศษิ ยเ์ ขา้ อยใู่ นสาํ นกั
ใครเขา้ ไปอยใู่ นสาํ นกั ของทา่ นในตอนแรกๆ ท่านจะมีแตด่ กุ บั ดุ
ดา่ กบั ดา่ ทาํ ผดิ ท่านก็ดุ ทาํ ถกู ท่านก็ดา่ ทาํ ผิดท่านก็ดุ ทาํ ถกู
ทา่ นก็ดุ ดเุ อาอย่อู ย่างนนั้ จนกระท่งั บางครงั้ บางทีผทู้ ่จี ะไป
อาศยั อยใู่ นสาํ นกั ของทา่ นทนไม่ไหว ตะพายบาตรแบกกลดหนี
ไป ถา้ หากเวลาลว่ งเลยไปหน่งึ ปี มีอะไรอาจารยม์ ่นั จะสอนให้
หมด ท่านถือวา่ ทา่ นไดก้ ล่นั กรองแลว้ (เทปขาดตอน) คนๆนีเ้ ป็น
คนท่ีจะอบรมส่งั สอนได้ เป็นคนมีอปุ นิสยั ครนั้ ตอ่ ไปแลว้ ทา่ นมี
อะไรดๆี ทา่ นก็สอนใหห้ มด
อย่างครูบาอาจารยข์ องเราท่ีท่านมาแสดงธรรมใหฟ้ ังเชน่
หลวงป่สู ิม หลวงป่แู วน่ หรอื ท่านอาจารยเ์ หรยี ญ ท่านอาจารย์
บวั พา เคยผา่ นสาํ นกั ของครูบาอาจารยม์ ่นั อาจารยเ์ สารม์ าแลว้
โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ลกู ศิษยต์ น้ ของทา่ นอาจารยเ์ สารท์ ่ยี งั เหลือ
28
คา้ งอย่เู วลานคี้ ือท่านอาจารยบ์ วั พา เพียงองคเ์ ดียว นอกนนั้ ก็
สกึ หาลาเพศ ลม้ หายตายจากไป ถา้ จะนบั อกี องคท์ ่ีสองคอื เจา้
คณุ ชินวงศาจารย์ ทา่ นอาจารยบ์ วั พาก็ไมค่ อ่ ยเทศน์ ไมค่ อ่ ยพดู
เพราะติดนิสยั ของท่านอาจารยม์ ่นั แตท่ ่ีแหวกแนวกวา่ หนอ่ ยคือ
เจา้ คณุ ชนิ วงศาจารยซ์ ง่ึ เป็นลกู ศิษยค์ นสดุ ทา้ ยของท่านอาจารย์
เสาร์ อนั นีเ้ ป็นปฏปิ ทาย่อๆของครูบาอาจารยท์ ่ีนาํ เลา่ เพ่ือจะเป็น
ประโยชนแ์ ก่สหธรรมิก
ทีนหี้ ลกั การสอนกรรมฐานของทา่ นอาจารยเ์ สาร์ ท่าน
เรม่ิ ตน้ ดว้ ยการใหภ้ าวนาพทุ โธ เม่ือบรกิ รรมภาวนาพทุ โธ ทาํ จิต
ใหเ้ ป็นสมาธิคลอ่ งตวั จนชาํ นิชาํ นาญพอสมควรแลว้ เพ่ือจะให้
จติ มีสติปัญญากา้ วขนึ้ สภู่ มู แิ หง่ วิปัสสนา
อนั ดบั ท่ีสองทา่ นสอนใหพ้ ิจารณากายคตาสติ ใหพ้ ิจารณา
ผม ขน เลบ็ ฟัน หนัง เนือ้ เอน็ กระดกู ใหม้ องเห็นเป็นสงิ่
ปฏกิ ลู น่าเกลยี ดโสโครก การพจิ ารณากายคตาสติ ทา่ นถือคติ
เป็นสองอยา่ ง อยา่ งหนง่ึ พิจารณาไปโดยอนโุ ลมปฏโิ ลมไป
ตามลาํ ดบั จนครบอาการ ๓๒ อกี อย่างหนง่ึ ทา่ นใหพ้ ิจารณา
29
เพียงอยา่ งเดยี วคอื ใหก้ าํ หนดจดจอ้ งมองดทู ่ีบรเิ วณหนา้ อก แลว้
กาํ หนดจิตลอกหนงั ออก เถือเนือ้ ออก มองใหม้ นั ถงึ กระดกู
พจิ ารณากลบั ไปกลบั มาอยอู่ ย่างนนั้ จนจติ มนั เช่ือม่นั วา่ มีกระดกู
อย่ทู ่ีตรงนี้
ในอนั ดบั ตอ่ ไปทา่ นก็ใหบ้ รกิ รรมภาวนา อฐั ิๆ แลว้ ก็ใหจ้ อ้ ง
ความรูส้ กึ ของจิตลงไปบรเิ วณหนา้ อก พยายามทาํ บอ่ ยๆ ทาํ
เนืองๆ ทาํ ใหม้ ากๆ ในท่ีสดุ เม่ือจิตสงบลงไปแลว้ จะไดน้ ิมิต
มองเหน็ โครงกระดกู บรเิ วณหนา้ อก หรอื มองเหน็ โดยท่วั ตวั และ
เม่ือเหน็ โครงกระดกู ขนึ้ มาแลว้ ก็เพง่ จอ้ งมองดทู ่ีโครงกระดกู
จนกระท่งั โครงกระดกู มนั แหลกละเอยี ด สลายตวั ไป หรอื ได้
อสุภกรรมฐาน ในเม่ือพจิ ารณาอสภุ กรรมฐาน รูจ้ รงิ เหน็ จรงิ
อนั เป็นอบุ ายระงบั ราคะความกาํ หนดั ยนิ ดไี ม่ใหเ้ กิดขนึ้ กลมุ้ รุม
จิตใจ เพ่ือจะไดม้ ีโอกาสบาํ เพญ็ เพียรภาวนาในขนั้ ตอ่ ไป
เสรจ็ แลว้ พระอาจารยเ์ สารท์ า่ นสอนใหพ้ จิ ารณารา่ งกายให้
มองเหน็ โดยความเป็นธาตสุ ี่ ดนิ นา้ํ ลม ไฟ คือแยกออกไปวา่
รา่ งกายนีม้ ีแตด่ นิ แตน่ า้ํ แตล่ ม แตไ่ ฟ ในเม่ือแยกออกไปแลว้ ก็
30
ไม่มีสตั ว์ บคุ คล ตวั ตน เราเขา พจิ ารณาใหม้ องเหน็ เป็นนิมติ วา่
รา่ งกายนีม้ ีแตด่ นิ นา้ํ ลม ไฟ กนั แทจ้ รงิ จนกระท่งั จิตยอมรบั วา่
สตั วบ์ คุ คล ตวั ตนเราเขา ในดิน นา้ํ ลม ไฟ ไมม่ ี ความเป็นคน
เป็นสตั วเ์ พราะอาศยั ดนิ นา้ํ ลม ไฟ ยงั คมุ กนั อยู่ มีปฏสิ นธิ
วิญญาณมายดึ ครองโดยความเป็นเจา้ ของ เพราะอาศยั กิเลส
ตณั หา อปุ าทาน กรรม จงึ ทาํ ใหเ้ ราเกิดยดึ ม่นั ถือม่นั วา่ เป็น
อตั ตาตวั ตน ยดึ วา่ ของเราของเขา รา่ งกายของเราของเขา ใน
เม่ือเหน็ วา่ รา่ งกายเป็นแตเ่ พียงธาตสุ ่ี ดิน นา้ํ ลม ไฟ หาสตั ว์
บคุ คลตวั ตนเราเขาไม่มี ในเม่ือเป็นเชน่ นนั้ จิตของผภู้ าวนาก็ได้
อนัตตานุปัสสนาญาณ เหน็ วา่ รา่ งกายเป็นอนตั ตาหมดทงั้ สนิ้
ภมู ิจิตภมู ิใจก็กา้ วขนึ้ สภู่ มู ิแหง่ วปิ ัสสนาเองโดยอตั โนมตั ิ
อนั นีเ้ ป็นปฏิปทาของท่านอาจารยเ์ สารแ์ ละอาจารยม์ ่นั ท่ี
เคยไดย้ นิ ไดฟ้ ังมาเพียงเลก็ ๆนอ้ ยๆ นาํ มาเลา่ เพ่ืออาจจะเกิด
ประโยชนแ์ กว่ งการนกั ปฏบิ ตั บิ า้ ง ดงั นนั้ การแสดงธรรมะอนั เป็น
คติเตอื นใจในบดั นีก้ ็เห็นวา่ พอสมควรแกก่ าลเวลา เวลาผา่ นไป
ถึง ๕๓ นาทีกเ็ ห็นวา่ พอสมควร ถา้ จะแสดงไปมากนกั ทา่ นก็
31
เพล่ยี งพลา้ํ เก่ียวกบั การฟังธรรมซะจน บางทีอาจจะนกึ วา่ เป็น
การรบกวนโสตประสาท จงึ ใครท่ ่ีจะขอสมมตุ ยิ ตุ ลิ งดว้ ยประการ
ฉะนี้
การรูธ้ รรมเรยี นธรรมก็เพ่ือประโยชนเ์ ป็นเคร่อื งมือในการ
ปฏบิ ตั ิ คาํ สอนของสมเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทงั้ นนั้ ทงั้ นีม้ ีถงึ
๘๔๐๐๐ พระธรรมขนั ธ์ เป็นแตเ่ พียงหลกั วชิ าการ เป็นทฤษฏี
เป็นสตู ร ท่ีใหเ้ ราอาศยั เป็นเคร่อื งมือเพ่ือคน้ ควา้ หาความจรงิ
ตามกฏธรรมชาติ กฏธรรมชาติท่ีเราจะพยายามทาํ จติ ใจให้
ยอมรบั ก็คือกฏธรรมชาติท่ีเป็นผลเกิดจากการกระทาํ
คนเรามีกาย วาจา และใจ ไตรทวารทงั้ สามเป็นบอ่ เกิดแห่ง
บญุ แหง่ บาป ในเม่ือเราทาํ อะไรลงไปดว้ ยกาย วาจา และใจ ทาํ
ลงไปแลว้ ย่อมโตต้ อบ คือเราจะตอ้ งรบั ผลกรรมนนั้ อยา่ งแนน่ อน
ทาํ ดไี ดด้ ี ทาํ ช่วั ไดช้ ่วั พระพทุ ธเจา้ สอน อนั นีเ้ ป็นกฏธรรมชาติซง่ึ
เกิดจากกระทาํ ของเราเอง แตก่ ฏธรรมชาตอิ กี สว่ นหน่งึ คอื ความ
ยกั ยา้ ยเปล่ียนแปลงของสภาวะธรรมท่ีเราไดย้ นิ ไดฟ้ ังวา่ อนิจจงั
ไมเ่ ท่ียง ทกุ ขงั เป็นทกุ ข์ อนตั ตา ไมใ่ ช่ตวั ไมใ่ ช่ตน ใหเ้ รา
32
พจิ ารณาบอ่ ยๆ พิจารณาเนืองๆ ทาํ สตติ ามรูส้ ง่ิ เหลา่ นีใ้ หม้ ากๆ
จนกระท่งั สรา้ งสมรรถภาพทางสติใหม้ ีความเขม้ แข็งพอสมควร
ท่ีจะประคบั ประคองจิต
ในเม่ือสิ่งทงั้ หลายเหลา่ นนั้ มีอนั เปล่ยี นแปลงไปตามกฏ
ธรรมชาติ สภาพจติ ของเราจะไดย้ อมรบั สภาพความเป็นจรงิ
แลว้ จะไม่ปฏิเสธความเป็นไปของส่ิงเหลา่ นนั้ ซง่ึ เราไมอ่ าจ
สามารถท่ีจะคดั คา้ นหรอื ปฏเิ สธไดโ้ ดยประการทงั้ ปวง เม่ือเป็น
เชน่ นนั้ จิตของเราก็จะรูซ้ งึ้ เหน็ จรงิ ดาํ รงตวั อยใู่ นความปกตภิ าพ
ไมห่ ว่นั ไหว เราก็จะมีความสขุ กายสขุ ใจ ไดโ้ อกาสท่ีจะบาํ เพ็ญ
เพียรภาวนาดว้ ยความสบายใจเป็นอยา่ งย่งิ
การแสดงธรรมอนั นีเ้ ผ่ือวา่ จะเป็นประโยชนแ์ กท่ า่ นผฟู้ ังอยู่
บา้ ง หรอื จะถือวา่ เป็นบญุ เป็นกศุ ล ขออทุ ิศถวายเป็นดอกไม้
บชู าบรุ พาจารยท์ ่ีลว่ งลบั ไปแลว้ และเป็นการขอขมาครูบา
อาจารยท์ ่ียงั ดาํ รงชีวิตอยู่ การแสดงธรรมถา้ หากวา่ ผิดพลาด
ดว้ ยประการใด ขอฝากไวก้ บั ทา่ นปัญญาชนไดช้ ว่ ยพจิ ารณา
33
ถา้ ใครจะฝึกหดั ตนเป็นพระโสดาบนั ตอ้ งเป็นผรู้ บั ฟัง มี
ปัญหายงั ตกคา้ งอยอู่ กี อนั หนง่ึ วา่ สักกายทฐิ ิ มีผถู้ ามวา่ พระ
โสดาบนั ละสกั กายทฐิ ิไดแ้ ลว้ ทาํ ไมจงึ ตอ้ งมีราคะอยู่ การละ
กิเลสของพระโสดาบนั ในขนั้ นี้ เป็นแตเ่ พียงละมจิ ฉาทิฐิ
สกั กายทฐิ ิคือความเห็นเขา้ ขา้ งตวั หรอื พระพทุ ธเจา้ สอนวา่
เบญจขนั ธ์ ๕ ไม่ใช่ตวั ไม่ใชต่ น พระโสดาบนั แมจ้ ะยงั ละขนั ธ์ ๕
ไม่ได้ แตก่ ็ละความเขา้ ใจผดิ คอื ยอมเช่ือคาํ เทศนข์ อง
พระพทุ ธเจา้ วา่ รูปัง อนตั ตา เวทนา อนตั ตา สญั ญา วญิ ญาณ
อนตั ตา ไม่ใชต่ วั ไม่ใช่ตน พระโสดาบนั ฟังแลว้ พระโสดาบนั ก็ไม่
เถียงพระพทุ ธเจา้ ถา้ พระโสดาบนั องคใ์ ดยงั เถียงพระพทุ ธเจา้ ใน
ขอ้ ท่ีวา่ รูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณเป็นอนตั ตา ถา้ ผนู้ นั้
วา่ ไมใ่ ชๆ่ คือไม่ยอมรบั และไมย่ อมรบั สภาพความเป็นจรงิ ไม่
เช่ือพระพทุ ธเจา้ ไดช้ ่ือวา่ ผนู้ นั้ ไมใ่ ชพ่ ระโสดาบนั การละ
สกั กายทฐิ ินีเ้ ป็นแตเ่ พียงละความเหน็ เทา่ นนั้ เอง แตไ่ ม่ได้
หมายถงึ การละกิเลส ไม่ไดห้ มายละรูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร
วิญญาณเด็ดขาดลงไป พระโสดาบนั ยงั ยดึ ถือในเบญจขนั ธอ์ ยู่
34
ยงั ถือวา่ เบญจขนั ธน์ ่ีเป็นเรา เป็นของเรา แตไ่ ม่ปฏเิ สธคาํ สอน
ของพระพทุ ธเจา้ ดงั นนั้ พระโสดาบนั แมล้ ะสกั กายทฐิ ิแลว้ กย็ งั
ตอ้ งมีราคะความกาํ หนดยินดอี ยู่ ปัญหานีข้ อใหค้ าํ ตอบ
เพียงแคน่ ี้
และทา้ ยท่ีสดุ นีด้ ว้ ยอาํ นาจบญุ บารมีของทา่ นเองดว้ ย ของ
ครูบาอาจารยด์ ว้ ย และดว้ ยอาํ นาจบญุ ของพระพทุ ธ พระธรรม
พระสงฆอ์ นั เป็นสรณะท่พี ง่ึ จงึ ช่วยเป็นปัจจยั อดุ หนนุ เกือ้ กลู
พลงั จติ ของทา่ นทงั้ หลายใหบ้ รรลถุ งึ คณุ ธรรมอนั สงู สดุ คือมรรค
ผลนิพพานโดยท่วั กนั ทกุ ทา่ นเทอญ
ท่ีมา: https://youtu.be/e-Bq020cIZE
35