The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การทำสมาธิในชีวิตประจำวัน โดย หลวงพ่อพุธ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-10 22:31:15

การทำสมาธิในชีวิตประจำวัน โดย หลวงพ่อพุธ

การทำสมาธิในชีวิตประจำวัน โดย หลวงพ่อพุธ

Keywords: การทำสมาธิในชีวิตประจำวัน,หลวงพ่อพุธ

การทาํ สมาธปิ ระจาํ วนั
หลวงพอ่ พธุ ฐานิโย

เทศน์ ณ หอประชมุ โรงพยาลสงฆ์ (21 สงิ หาคม 2526)
ณ โอกาสตอ่ ไปนี้ จะไดน้ าํ ธรรมะอนั เป็นคาํ สอนของสมเดจ็
พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ มาบรรยายพอเป็นเครอ่ื งประดบั
สติปัญญาของทา่ นผฟู้ ัง ทา่ นทงั้ หลายมีความสนใจในการฟัง
ธรรม นอกจากจะสนใจในการฟังแลว้ ยงั สนใจในการทาํ คอื การ
ปฏบิ ตั ดิ ว้ ย เทา่ ท่ีสงั เกตในสมยั ปัจจบุ นั นี้ รูส้ กึ วา่ มีผฟู้ ังและมีผู้
ตงั้ ใจปฏบิ ตั ิธรรมเพ่มิ มากขนึ้ ทกุ ทีๆ
ตามสถิตโิ ดยเฉล่ยี ท่ีวดั ป่าสาลวนั ก็มีผไู้ ปศกึ ษาธรรมไมน่ อ้ ย
กวา่ วนั ละ ๕๐ คน แตล่ ะทา่ นท่ีไปศกึ ษาก็ยงั เป็นพวกประเภทท่ี
ยงั อยใู่ นวยั หนมุ่ วยั สาว สว่ นคนแก่ๆก็มีบา้ งประปราย ไมม่ ีมาก
เหมือนคนหนมุ่ ๆสาวๆ และพวกหนมุ่ สาวทงั้ หลายท่ีสนใจใน
การศกึ ษาและปฏบิ ตั ิธรรม สว่ นมากจะเป็นชนชนั้ ปัญญาชน
และผา่ นการศกึ ษาอยา่ งนอ้ ยระดบั อนปุ รญิ ญา ตงั้ แต่
อนปุ รญิ ญาจนถึงปรญิ ญาเอก ทนี ีถ้ า้ พดู ถงึ ตาํ แหนง่ หนา้ ท่ีของ

1

ทา่ นเหลา่ นนั้ ก็ตงั้ แตร่ ะดบั เสมียนจนกระท่งั ถงึ ขา้ ราชการชนั้
พเิ ศษเจา้ กรมถงึ รฐั มนตรี

น่ีก็สอ่ แสดงวา่ ธรรมะกาํ ลงั เฟ่ื องฟู หรอื กาํ ลงั ถกู ฟื้นฟขู นึ้ มา
ทงั้ นีก้ ็เห็นจะเป็นเพราะวา่ ประชาชนพทุ ธบรษิ ัทมีความเขา้ ใจใน
คาํ วา่ ธรรมะ ใกลต้ อ่ ชีวติ ประจาํ วนั มากเขา้ ทกุ ทีๆ จนรูส้ กึ วา่ เรา
อาจจะไดค้ าํ ตอบเม่ือมีผถู้ ามวา่ ธรรมะคอื อะไร ธรรมะก็คอี
ชีวติ ประจาํ วนั หรอื อกี อยา่ งหนง่ึ ธรรมะกค็ อื การงาน การงานก็
คอื ชีวติ ประจาํ วนั น่นั เอง คนเราทกุ คนน่ีเป็นอยดู่ ว้ ยการทาํ งาน
เราจะทาํ งานทงั้ เวลาหลบั ทงั้ เวลาต่นื เวลาต่ืนเราทาํ งานทกุ สงิ่
ทกุ อยา่ งดว้ ยความตงั้ ใจ แตเ่ วลานอนหลบั เราทาํ งานโดย
อตั โนมตั ิ จติ ของเรากย็ งั ตอ้ งคิด หวั ใจกย็ งั เตน้ ปอดก็ยงั สดู ลม
หายใจ อนั นีค้ อื การทาํ งาน เพราะฉะนนั้ ชีวติ ก็คือการทาํ งาน
งานก็คือชีวติ และสิง่ ทงั้ หลายเหลา่ นนั้ ถา้ เราจะมาพดู ถงึ เรอ่ื งวา่
ส่งิ เหลา่ นนั้ คือธรรม และมนั เป็นธรรมไดอ้ ยา่ งไร

ในขอ้ ท่ีวา่ ธรรมะก็คอื ชีวติ ชวี ิตก็คือธรรมะ อะไรในทาํ นองนี้
ท่ีเรยี กวา่ ธรรมะก็เพราะเหตวุ า่ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งน่ี มนั เป็นเครอ่ื งรู้

2

ของจิต เป็นเคร่อื งระลกึ ของสติ และเป็นพนื้ ฐานท่ีเป็นเหตใุ หเ้ รา
รูว้ า่ ทกุ สง่ิ ทกุ อย่างเน่ียมนั มีอยู่ และมีความเปล่ียนแปลงและ
แสดงความจรงิ ใหป้ รากฏตลอดเวลา แมแ้ ตล่ มหายใจของเราน่ี
มนั ก็แสดงความจรงิ ใหป้ รากฏอยตู่ ลอดเวลา คือการสดู ลมออก
สดู ลมเขา้ ตราบใดท่ีเรายงั มีการสดู ลมออกลมเขา้ ความจรงิ มนั
ก็ปรากฏคอื เราตอ้ งมีชีวิตอยู่ ถา้ เราหยดุ หายใจเม่ือไหร่ หยดุ สดู
ลมออกลมเขา้ เม่ือไหร่ เม่ือนนั้ กห็ มายถงึ ความสนิ้ สญู แหง่ ชีวิต
คือตายน่นั เอง เพราะฉะนนั้ ในคาํ ตอบท่ีปัญหาขอ้ ท่ีวา่ ธรรมะคือ
อะไร ธรรมะคือชีวิตน่ี ยอ่ มเป็นสงิ่ ท่ีไมผ่ ิดแน่นอน อีกนยั หนง่ึ
การท่ีเรามาศกึ ษาธรรมะเน่ยี ท่วี า่ ศกึ ษาใหร้ ูค้ วามจรงิ ของชีวติ
เราควรจะไดท้ ราบคาํ วา่ สภาวะธรรม

สภาวะธรรมคือสิ่งท่ีมีอยู่ เป็นอยใู่ นโลกนีท้ งั้ หมด หรอื ทกุ
ส่ิงทกุ อยา่ งท่ีมีอยใู่ นจกั รวาลน่ี ตงั้ แตอ่ ณหู รอื ปรมาณู หรอื มวล
สารท่ีเกาะกลมุ่ กนั เป็นกอ้ นใหญ่โตจนหาประมาณมิได้ ส่ิง
ทงั้ หลายเหลา่ นนั้ คอื ธรรมะดา้ นสภาวะธรรม ธรรมะดา้ น
สภาวะธรรมน่เี คา้ ยอ่ มมีการปรากฏการณแ์ สดงความจรงิ ใหเ้ รา

3

รูอ้ ย่ตู ลอดเวลา แตว่ า่ เราจะสามารถกาํ หนดรูท้ นั หรอื เปลา่
เพราะทกุ สงิ่ ทกุ อย่างมีปรากฏการณเ์ กิดขนึ้ ทรงตวั อยู่ แลว้ ก็
สลายตวั อนั นคี้ อื กฏธรรมชาติท่ีเราจะตอ้ งศกึ ษาใหร้ ู้

ทีนีภ้ ายในตวั ของเราเน่ยี เราก็มีกายกบั ใจ กายกบั ใจเน่ียใน
เม่ือมีความสมั พนั ธก์ นั อย่ตู ราบใด เราก็ยงั มีชีวติ อยตู่ ราบนนั้
เม่ือมีกายมีใจแลว้ เราตอ้ งมสี ว่ นประกอบคอื ตา หู จมกู ลนิ้
กายและใจ ตา หู จมกู ลิน้ กายและใจบางครงั้ พระพทุ ธเจา้
ทา่ นก็วา่ อนิ ทรีย์ ๖ บางทกี ็วา่ ประตซู ง่ึ สดุ แทแ้ ตโ่ วหารของ
พระองคท์ า่ นจะรบั ส่งั มาเป็นประการใด ทนี ีถ้ า้ มงุ่ ถงึ ความเป็น
ใหญ่ ก็เรยี กวา่ อนิ ทรยี ์ ๖ ตา หู จมกู ลนิ้ กาย และใจเคา้ ตา่ งมี
ความเป็นใหญ่ในหนา้ ท่ีของเคา้ แตล่ ะอยา่ งๆ จะกา้ วกา่ ยกนั
ไมไ่ ด้ ไม่เหมือนมนษุ ยเ์ ราธรรมดาๆ ซง่ึ บางทีอาจจะกา้ วกา่ ย
หนา้ ท่ีของกนั และกนั ได้ ทีนีต้ า หู จมกู ลนิ้ กาย ใจเคา้ มหี นา้ ท่ี
เฉพาะตวั ถา้ ไอเ้ จา้ หนู ่ีจะอตุ รไิ ปดแู ทนตา เชิญเลย ไม่มที าง ทีนี้
ตาจะทาํ อตุ รมิ าฟังแทนหู ก็ไม่มีทางท่ีจะทาํ ได้ เพราะอาศยั เหตุ

4

นีพ้ ระพทุ ธเจา้ จงึ สมมตุ ิบญั ญตั ิวา่ อนั นีค้ อื อนิ ทรยี ์ คือความเป็น
ใหญ่เฉพาะตวั

ในบางครงั้ ทา่ นก็กลา่ ววา่ มนั เป็นประตู ประตใู นเม่ือสง่ิ นนั้
เป็นประตู ตา หู จมกู ลนิ้ กายและใจท่ีเรยี กวา่ ประตเู พราะมีสง่ิ
ผา่ นออกผา่ นเขา้ รูปผ่านเขา้ มาทางตา เสยี งผา่ นเขา้ ทางหู กลนิ่
ผ่านเขา้ ทางจมกู รสผา่ นเขา้ มาทางลนิ้ สมั ผสั ผ่านเขา้ มาทาง
กาย ธรรมารมณผ์ ่านเขา้ มาทางจิตใจ ทีนสี้ ิ่งทงั้ หลายท่ีผ่านเขา้
มาเน่ีย ถา้ เรากาํ หนดดใู หม้ นั ดีๆแลว้ ท่เี รารูว้ า่ มนั ผา่ นออกผ่าน
เขา้ อย่เู น่ยี ใครเป็นผรู้ ู้ ก็จิตใจของเราน่นั เองแหละเป็นผรู้ ู้ สิง่ ท่ีรู้
ทงั้ หลายเหลา่ นนั้ ก็เป็นสภาวะธรรม กายใจเป็นสภาวะธรรม ตา
หู จมกู ลนิ้ กายและใจก็เป็นสภาวะธรรม ส่งิ ท่ีผา่ นเขา้ มาทางตา
หู จมกู ลนิ้ กายและใจ ก็เป็นสภาวะธรรม โดยท่ีสดุ แมว้ า่ ใจผรู้ ูก้ ็
เป็นสภาวะธรรมอกี สิง่ ท่ีเป็นสภาวะธรรมนนั้ หมายถงึ สงิ่ ท่ีมีอยู่
เป็นอย่ดู งั ท่ีปรากฏใหเ้ รารูเ้ หน็ อยนู่ ่ี เม่ือสงิ่ เหลา่ นีเ้ ป็น
สภาวะธรรม ส่งิ เหลา่ นกี้ ็เป็นเครอ่ื งรูข้ องจติ เป็นเครอ่ื งระลกึ ของ
สติ นกั ปฏิบตั ธิ รรม นกั ศกึ ษาธรรม เอาใจมารูก้ บั สง่ิ เหลา่ นี้ ทาํ

5

สตกิ บั สิง่ เหลา่ นีต้ ลอดเวลา เราก็ไดช้ ่ือวา่ มกี ารปฏบิ ตั ิธรรมอยู่
ตลอดเวลา

มาตอนนีม้ าพดู ถึงการปฏิบตั ธิ รรม อยากจะขอตดั เรอ่ื งราว
วิธีการปฏิบตั ธิ รรม ซง่ึ เราเคยไดย้ ินไดฟ้ ังกนั มามากตอ่ มากแลว้
เชน่ บรกิ รรมภาวนาบา้ ง หรอื การพิจารณาอะไรท่ีเก่ียวกบั
รา่ งกายสงั ขารบา้ ง ซง่ึ เป็นสว่ นภายใน อยากจะตคี วามหมาย
แหง่ สภาวะธรรมใหม้ นั กวา้ งๆออกไป เพ่ือเราจะไดม้ ีทางปฏิบตั ิ
ธรรมใหก้ วา้ งขวางออกไปยง่ิ กวา่ ท่เี ราเคยไดย้ ินไดฟ้ ังมา เขา้ ใจ
วา่ ส่งิ ใดท่ีเราสามารถรูด้ ว้ ยจติ หรอื ส่งิ ใดท่ีเราสมั ผสั ดว้ ยตา หู
จมกู ลนิ้ กายและใจดงั ท่ีกลา่ วมาแลว้ นนั้ เขา้ ใจวา่ จะเป็น
อารมณ์ เป็นเครอ่ื งรูข้ องจิต เป็นเครอ่ื งระลกึ ของสติได้ ในเม่ือ
เป็นเชน่ นนั้ เราก็ควรจะเอามาเป็นอารมณป์ ฏบิ ตั กิ รรมฐานได้

เอา้ ถา้ อยา่ งสมมตุ ิวา่ ใครซกั ท่านหน่งึ อาจจะดอดถาม
ขนึ้ มาวา่ ขา้ พเจา้ เรยี นมาทางหมอ มีความรูท้ างแพทย์ จะเอา
วชิ าทางแพทยม์ าเป็นอารมณภ์ าวนากรรมฐานเน่ยี ไมต่ อ้ งเอา
พทุ โธ ยบุ หนอพองหนอ จะใชไ้ ดไ้ หม คาํ ตอบก็คอื วา่ ได้ ทาํ ไมจงึ

6

ตอ้ งได้ เพราะวชิ าหมอ วชิ าแพทยท์ ่ีเราเรยี นมาน่นั มนั ผ่านเขา้
มาทางตา หู จมกู ลนิ้ กายและใจ ในเม่ือความรูอ้ นั ใดท่ีผา่ นเขา้
มาทางตา หู จมกู ลนิ้ กายและใจ กายใจเป็นสภาวะธรรม สง่ิ ท่ี
กายรูใ้ จรู้ สมั ผสั รู้ มนั ก็เป็นสภาวะธรรม มนั เป็นสง่ิ ท่ีเราจะตอ้ ง
วติ กเอามาเป็นอารมณป์ ฏบิ ตั ิกรรมฐานได้ แมว้ า่ ใครจะเรยี นมา
ในศาสตรไ์ หนอยา่ งไรก็ตาม จะเป็นวิทยาศาสตร์ แพทยศ์ าสตร์
นิตศิ าสตร์ หรอื ศาสตรอ์ ะไรก็แลว้ แต่ เรานกึ วติ กเอาหวั ขอ้
วชิ าการท่ีเราเรยี นมานนั้ แลว้ เอามาเป็นเคร่อื งพิจารณาของจิต
ซง่ึ มนั เป็นวิชาท่ีเราเรยี นมา รูม้ ากอ่ นแลว้ มนั คลอ่ งตวั ง่ายดี

เชน่ อยา่ งเราอาจจะนกึ วา่ วิชาแพทยค์ ืออะไร และมี
ความสาํ คญั กบั ชีวติ ของเราอย่างไร เวลาเราจะรกั ษาคนไข้ เรา
จะรกั ษาอยา่ งไร วางแผนไปอย่างไร อะไรในทาํ นองนี้ ซง่ึ เรายก
เป็นหวั ขอ้ ขนึ้ มาตงั้ เป็นปัญหาแลว้ ก็คดิ คิดดว้ ยความมสี ตสิ มั ปะ
ชญั ญะ คิดจนกระท่งั จิตของเรามนั สงบเพราะการคิดอนั นนั้ จะ
เป็นเรอ่ื งอะไรก็ได้ เราบรกิ รรมภาวนาพทุ โธๆๆ พทุ โธก็ความคิด
เหมือนกนั ยบุ หนอพองหนอก็ความคดิ เหมือนกนั สมั มาอรหงั ก็

7

ความคิดเหมือนกนั แตถ่ า้ เราจะเอาเรอ่ื งความคิดท่ีเราเรยี นมา
เน่ีย เอาวิชาท่ีเราเรยี นมาทกุ อยา่ งมาเป็นความคิดเน่ีย มนั ก็เป็น
ความคดิ ในเม่ือสง่ิ นนั้ เป็นความคดิ สง่ิ นนั้ ก็เป็นเคร่อื งรูข้ องจิต
เคร่อื งระลกึ ของสติ ทาํ ไมเราจะเอามาเป็นอารมณก์ รรมฐาน
ไม่ได้

บางทีบางทา่ นอาจจะสงสยั วา่ สง่ิ เหลา่ นนั้ ไม่มีคาํ วา่ ธรรมะ
เจือปนอย่เู ลย แลว้ เราจะเอามาเป็นอารมณก์ รรมฐานไดอ้ ย่างไร
ในสมยั ท่ีอาตมาเป็นสามเณรนอ้ ยเรยี นธรรมบทแปลภาษาบาลี
ไปแปลพบเรอ่ื งหนง่ึ วา่ ช่างไมน้ ่งั ถากไมอ้ ยู่ เอาการถากไมเ้ ป็น
เป็นอารมณก์ รรมฐาน ปลงปัญญาลงสพู่ ระไตรลักษณ์
พิจารณาอนิจจงั ทุกขัง อนัตตา ไดส้ าํ เรจ็ พระอรหนั ต์
เหมือนกนั การถากไมม้ ีคาํ วา่ ธรรมะเจือปนอยดู่ ว้ ยมยั้

มีอีกคนหนง่ึ น่งั ทอหกู อยู่ ก็มาพิจารณาชีวติ ของตนเอง
เปรยี บเทียบกบั การทอหกู การทอหกู น่ีมนั หดสนั้ เขา้ ไปเรอ่ื ยฉนั
ใด ชีวิตของเราก็สนั้ เขา้ ไปทกุ ทีๆ แลว้ ก็ไดค้ วามสลดสงั เวช ได้
สาํ เรจ็ พระอรหนั ต์ การทอหกู มีคาํ วา่ ธรรมะหรอื เปลา่

8

มีท่านผหู้ นง่ึ เดนิ ทางไปเห็นพยบั แดด เดอื นเมษามนั รอ้ น
มองเหน็ พยบั แดดมนั เกิดความระยบิ ระยบั ขนึ้ มา ก็ไปปลง
ปัญญาวา่ ออ้ พยบั แดดนีก้ ็เปล่ยี นแปลงอย่างนนี้ อ้ จิตก็ได้
ความสลดสงั เวช ไดส้ าํ เรจ็ พระอรหนั ต์ พยบั แดดน่ีมีคาํ วา่ ธรรมะ
เจือปนอย่ดู ว้ ยหรอื เปลา่

ท่ีนาํ เรอ่ื งตา่ งๆมาเลา่ สทู่ า่ นทงั้ หลายฟังเน่ีย อาตมภาพ
อยากจะแกไ้ ขขอ้ ขอั งใจบรรดาสงั คมนกั ศกึ ษาธรรมะทงั้ หลาย
เช่นอยา่ งบางทีวา่ สมถะกบั วิปัสสนามนี ยั ตา่ งกนั อยา่ งไร เม่ือ
ตะกี๊น่ีก็ไดย้ นิ คาํ ถามคาํ ตอบในเทป คาํ วา่ สมถะ วิปัสสนา มี
ความตา่ งกนั อย่างไร ถา้ จะใหค้ าํ ตอบตรงตามความหมายกนั
จรงิ ๆ สมถะกบั วิปัสสนาตา่ งกนั แตว่ ธิ ีการ แตจ่ ดุ มงุ่ หมายก็คอื
ความสงบ ทา่ นจะสงั เกตดคู วามเท็จจรงิ ขนั้ ปฏิบตั ิผ่านมาก็ได้
ถา้ อยากจะรูข้ อ้ เทจ็ จรงิ ท่ีเราไม่ตอ้ งสงสยั ใหส้ ลดั แบบทงิ้ เอาไว้
เสียกอ่ น

การปฏิบตั สิ มถกรรมฐานตามความเขา้ ใจท่วั ไปคอื บรกิ รรม
ภาวนาและการเพง่ กสิณ หรอื นกึ อยสู่ งิ่ ใดสิง่ หนง่ึ ซง่ึ เป็นเพียงสงิ่

9

เดียว หรอื นกึ ถึงลมหายใจ นกึ ถงึ โครงกระดกู เป็นตน้ แลว้ เป็น
การนกึ ในวงจาํ กดั เฉพาะสงิ่ ๆหน่งึ เชน่ อยา่ งนกึ พทุ โธๆๆๆ ก็นกึ
อยทู่ ่ีพทุ โธๆ อนั นีเ้ ป็นวธิ ีการปฏิบตั ิแบบสมถะ

แตถ่ า้ ทา่ นผใู้ ดมีความคิดมาก สามารถท่จี ะคิดมาก วิตกถงึ
วชิ าความรูท้ ่ีเรยี นมาอยา่ งท่เี สนอแนะไปเม่ือสกั ครูน่ ่ี เชน่ อยา่ ง
เรยี นวชิ าวทิ ยาศาสตรม์ า กน็ กึ ถงึ หวั ขอ้ วทิ ยาศาสตร์ แลว้ ก็ตงั้
คาํ ถามตวั เอง ตอบตวั เองไปเร่อื ยวา่ วทิ ยาศาสตรค์ อื อะไร ใน
เม่ือตอบไปไดแ้ ลว้ ก็เก่ียวขอ้ งกบั ชีวติ ของมนษุ ยอ์ ยา่ งไร ตอบไป
ขอ้ ไหน ก็เพราะอะไรๆๆ ถามตวั เอง ตอบตวั เองเรอ่ื ยไป หรอื เรา
จะนกึ นอ้ มเอารา่ งกายของเรามาวิตกขนึ้ มาวา่ รา่ งกายของเราน่ี
ประกอบดว้ ยขนั ธ์ รูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ แลว้ ก็มา
ใชค้ วามคิดวา่ รูปัง รูปไมเ่ ท่ยี ง อนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตาเก่ียวกบั
เร่อื งรูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณเรอ่ื ยไป การปฏบิ ตั ิ
แบบใชค้ วามคดิ พจิ ารณาเพ่ือใหเ้ กิดปัญญา เรยี กวา่ วปิ ัสสนา
กรรมฐานหรอื ปฏบิ ตั ิแบบวิปัสสนากรรมฐาน

10

ถา้ จะจาํ กดั ความใหม้ นั เขา้ ใจอย่างชดั เจนก็คือวา่ บรกิ รรม
ภาวนาคือปฏิบตั ิแบบสมถะ การปฏบิ ตั ดิ ว้ ยการใชป้ ัญญาคน้
คิดพจิ ารณาเป็นเรอ่ื งเป็นราวเพ่ือใหเ้ ป็นอบุ ายใหจ้ ติ สงบ เป็น
การปฏบิ ตั ิแบบวปิ ัสสนา ทงั้ สองอย่างน่ีแหละ การนกึ อยสู่ งิ่ ๆ
เดียวก็ดี หรอื การพจิ ารณาเป็นเรอ่ื งเป็นราวก็ดี มงุ่ สจู่ ดุ แหง่
ความสงบตงั้ ม่นั ของจติ ในแนวแหง่ สมาธิ เพราะทงั้ สองอยา่ งน่ี
ถา้ ปฏบิ ตั แิ ลว้ จะทาํ ใหจ้ ติ สงบเหมือนกนั ไมเ่ ช่ือทดลองดกู ็ได้
เพราะฉะนนั้ ขอ้ แตกตา่ งกนั เน่ีย แตกตา่ งกนั เฉพาะวิธีการ

แตถ่ า้ จะถามวา่ การปฏบิ ตั ิดว้ ยบรกิ รรมภาวนาเน่ยี กบั การ
ใชส้ ติปัญญาพจิ ารณา เม่ือผลเกิดขนึ้ แลว้ จะมีนยั แตกตา่ งกนั
บา้ งมยั้ อนั นีม้ ีขอ้ แตกตา่ งกนั อยบู่ า้ ง การบรกิ รรมภาวนาบางทีก็
ไปน่ิงตดิ แหงกอยทู่ ่ีสมถกรรมฐาน ท่ที า่ นวา่ บรกิ รรมภาวนาน่ีได้
แคส่ มถกรรมฐาน ถกู ตอ้ งตามท่ีทา่ นวา่ สว่ นมากจะเป็นอย่าง
นนั้ แตถ่ า้ หากวา่ ผทู้ ่ีใชส้ ตปิ ัญญาเรม่ิ ตน้ พจิ ารณาเป็นเรอ่ื งเป็น
ราวไปเลยไม่ตอ้ งบรกิ รรมภาวนา เม่ือจติ สงบลงทาํ ใหเ้ กดิ มีปีติ
มีความสขุ แลว้ ก็มีสมาธิอยา่ งเดยี วกนั กบั บรกิ รรมภาวนา ผทู้ ่ีใช้

11

ความคิดนนั้ ในเม่ือมีสมาธิเกิดขนึ้ แลว้ จติ จะเดินวปิ ัสสนาไดเ้ รว็
กวา่ ผทู้ ่ีบรกิ รรมภาวนา เพราะฉะนนั้ ทงั้ สองอยา่ งเนยี้ อย่าขอ้ ง
ใจ ใครจะบรกิ รรมภาวนาก็ได้ จะใชส้ ติปัญญาพจิ ารณาก็ได้

แตว่ า่ ขอเตอื นไวอ้ กี อย่างหนง่ึ อนั นีเ้ ป็นประสบการณ์ ออก
จะเป็นเร่อื งนอกตาํ ราไปซกั หนอ่ ยหนง่ึ การปฏบิ ตั ิสมาธิตอ้ ง
พยายามใหส้ มั พนั ธก์ บั งานและชีวิตประจาํ วนั ท่ีเราทาํ อย่ใู น
ปัจจบุ นั เชน่ อย่างสมมตุ ิวา่ ท่านขบั รถ ท่านภาวนาพทุ โธ ในขณะ
ท่ีขบั รถภาวนาพทุ โธ ถา้ จติ มนั สงบลงไปแลว้ มนั ไปอยกู่ บั พทุ โธ
ไม่สนใจกบั การขบั รถ ทา่ นลองหลบั ตานกึ ดซู ิวา่ อะไรจะเกิดขนึ้
อย่างนอ้ ยก็ตอ้ งขบั รถไปอยา่ งไม่มีจดุ หมายปลายทาง ถา้ รา้ ยไป
หน่อย ถา้ รถสวนมากๆ บางทีอาจชนเกิดอบุ ตั เิ หตุ อนั นีล้ อง
พิจารณาดู เป็นประสบการณท์ ่ีไดย้ นิ ไดฟ้ ัง และเคยไดพ้ บเหน็
มาแลว้ ดว้ ยตนเอง

เพราะฉะนนั้ การทาํ สมาธิน่ี ถา้ พยายามทาํ สมาธิ ฝึกสมาธิ
ใหม้ นั มีความสมั พนั ธก์ บั สถานการณส์ ิ่งแวดลอ้ ม เป็นเรอ่ื งของ
ชีวติ ประจาํ วนั ไดเ้ น่ียจะดีท่ีสดุ เพราะทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งก็ไดก้ ลา่ ว

12

แลว้ วา่ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งมนั เป็นสภาวะธรรม เป็นเคร่อื งรูข้ องจิต
เคร่อื งระลกึ ของสติ การปฏบิ ตั ิกบั สงิ่ เหลา่ นี้ เราทาํ สติรูอ้ ย่าง
เดยี ว ขอบอกวา่ ไม่มีพิธีรตี องอะไร ทาํ สติรูอ้ ย่างเดยี ว เร่อื ง
พธิ ีรตี องนนั้ ตดั ออกไวเ้ สยี กอ่ น ถา้ เราจะทาํ ใหเ้ ป็นพธิ ีน่นั เอาไว้
ทาํ ตอนเชา้ ตอนเยน็ ท่ีเรามีไหวพ้ ระสวดมนตป์ ระจาํ วนั

แตถ่ า้ เราจะทาํ ในขณะนี้ ขณะนีท้ า่ นฟังเทศน์ ทา่ นอาจจะ
ทาํ สติกบั การฟังเทศน์ เอาเสียงเป็นเครอ่ื งรูข้ องจติ เคร่อื งระลกึ
ของสติ ถา้ ทา่ นกาํ หนดจดจอ้ งฟังอยู่ แมว้ า่ ทา่ นจะจาํ คาํ พดู
ไมไ่ ดท้ กุ คาํ ทา่ นอาจจะมีความรูส้ กึ เกิดขนึ้ มาวา่ เสียงนกี้ ็มีสงู ๆ
ต่าํ ๆ มีหนกั มีเบา แลว้ ก็มีสนั้ มียาว ประเด๋ยี วทา่ นก็จะรูอ้ นิจจงั
ทกุ ขงั อนตั ตาขนึ้ มาดว้ ยการกาํ หนดรูป้ ัจจบุ นั หรอื แมใ้ นท่ีสดุ
ทา่ นอาจจะกาํ หนดรูค้ วามเป็นอย่ใู นปัจจบุ นั ของทา่ น ทา่ นน่งั
นานๆแลว้ มนั ปวดหลงั น่งั นานๆแลว้ มนั เม่ือย น่งั นานๆแลว้ มนั
งว่ ง ในเม่ือรูส้ กึ ตวั ขนึ้ มา มีสตแิ ลว้ ทา่ นอาจจะไดร้ ูธ้ รรมขนึ้ มาวา่
ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งมนั ก็เป็นอยา่ งนีแ้ หละ ย่อมมีการเปล่ยี นแปลงยกั
ยา้ ยอย่ตู ลอดเวลา

13

พอเขา้ มาในหอ้ งนีใ้ นตอนแรกก็เกิดอากาศเยน็ เฉียบเพราะ
ฤทธิ์ของแอร์ หนกั ๆเขา้ ความอบอา้ วมนั เกิดขนึ้ จากกลน่ิ อายของ
กนั และกนั บางทีอาจจะเกิดความรอ้ น ทนี ีบ้ างทีพระท่ีพดู ท่ี
เทศนอ์ ยนู่ ่ี บางทีตอนแรกๆกจ็ ะรูส้ กึ วา่ เออ นา่ ฟัง ฟังไปฟังมา
มนั เหนด็ เหน่ือยแลว้ อาจจะเกิดราํ คาญขนึ้ มาก็ได้ สง่ิ ทงั้ หลาย
เหลา่ นีค้ อื เหตกุ ารณใ์ นปัจจบุ นั ท่ีมนั จะเกิดขนึ้ สอ่ แสดงใหเ้ รารู้
ธรรมะวา่ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งมนั มีความเปล่ยี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา

เพราะฉะนนั้ การท่ีเราจะทาํ สมาธิใหม้ นั มีความสมั พนั ธก์ บั
ชีวิตประจาํ วนั ของเรา ท่ีเราเป็นอย่ใู นปัจจบุ นั เน่ีย ใหม้ นั ใกล้
ท่ีสดุ อยา่ ใหม้ นั หา่ งกนั ในมหาสตปิ ัฏฐานท่านก็ใหก้ าํ หนดยนื
เดนิ น่ัง นอน กนิ ดม่ื ทาํ พดู คดิ ทาํ สติอย่างเดียว ทีนีใ้ นส่ิง
อ่นื ๆท่ีเราทาํ อยู่ เวลาเราตอ้ งการใชค้ วามคดิ เก่ียวกบั งาน เราก็
เอาเรอ่ื งงานมาคิด ทาํ สติคดิ ใหม้ นั จดจอ้ งลงใหม้ นั ชดั ๆ เวลาทาํ
ทาํ สติอย่กู บั งาน เวลาเขียนหนงั สอื ก็ทาํ สติอย่กู บั สงิ่ นนั้ ทาํ อะไร
ก็ทาํ สตกิ บั ส่ิงนนั้ ทาํ สตลิ กู เดียว อนั นีค้ ือการปฏบิ ตั ิสมาธิเพ่ือให้
เกิดพลงั จติ มีความสมั พนั ธก์ บั ชีวติ ประจาํ วนั และงานท่ีเราทาํ

14

อยู่ โดยเอาเร่อื งของชีวติ ประจาํ วนั เป็นเคร่อื งรูข้ องจิต เป็นเคร่อื ง
ระลกึ ของสติ

เพราะฉะนนั้ จงึ ใครท่ ่ีจะขอประมวลหลกั การท่ีจะพงึ ยดึ เป็น
แบบฉบบั ในการปฏิบตั ไิ วส้ ามอย่าง หน่ึง บรกิ รรมภาวนา อยา่ ง
ท่ีเราปฏบิ ตั มิ าแลว้ อะไรก็ได้

สอง การใชส้ ตปิ ัญญาพจิ ารณา โดยวติ กเอาความรูท้ ่ีเรา
เรยี นมา หรอื ถา้ หากวา่ ใครรูเ้ รอ่ื งกายเรอ่ื งใจมากๆ เร่อื งอภธิ รรม
มากๆ จะวติ กเอาเร่อื งอภธิ รรมมาเป็นเคร่อื งรูข้ องจิต เคร่อื ง
ระลกึ ของสตกิ ไ็ ด้ ถา้ ทา่ นผใู้ ดไม่คลอ่ งตอ่ เร่อื งของธรรมะ ก็เอา
วิชาการท่ีเราเรยี นมา ท่เี รารูม้ าคลอ่ งๆแลว้ น่นั มาเป็นอารมณ์
พจิ ารณาในเบอื้ งตน้ มนั จะชว่ ยใหก้ ารพิจารณาของเราคลอ่ งตวั
ขนึ้ อนั นีเ้ ป็นขนั้ แหง่ การพจิ ารณา จะเอาอะไรมาเป็นอารมณก์ ็
ได้

ประการท่ีสาม การกาํ หนดรู้ โดยท่ีเราตงั้ ใจกาํ หนดรูล้ งท่ีจติ
ทาํ จิตใหว้ า่ งอยชู่ ่วั ขณะหนง่ึ โดยธรรมดาของจิตเม่ือเราตงั้ ใจ
กาํ หนดลง เราจะเกิดความวา่ ง ในเม่ือเกิดความวา่ งขนึ้ มาแลว้

15

เราก็กาํ หนดดทู ่ีความวา่ ง ในเม่ือจิตวา่ งอย่ซู กั พกั หน่งึ ความคิด
ยอ่ มเกิดขนึ้ เม่ือความคดิ เกิดขนึ้ ทาํ สติตามรูค้ วามคิดนนั้
เพียงแตส่ กั วา่ รู้ อยา่ ไปช่วยมนั คดิ ความคิดอะไรเกิดขึน้ กาํ หนด
รู้ ความคิดอะไรเกิดขนึ้ กาํ หนดรู้

ยกตวั อยา่ งเชน่ คดิ ถึงสีแดง ก็เพยี งแตว่ า่ รูว้ า่ สีแดง ไมต่ อ้ ง
ไปคดิ วา่ สีแดงคอื อะไร ถา้ หากวา่ จิตมนั คดิ ไปโดยอตั โนมตั ขิ อง
มนั เราทาํ สตติ ามรูท้ กุ ระยะ อย่าเผลอ ในทาํ นองนีจ้ ะเป็นอบุ าย
ทาํ ใหจ้ ิตของเรารูเ้ ทา่ ทนั อารมณ์ สติตวั นีจ้ ะกลายเป็นมหาสติ
ถา้ สติกลายเป็นมหาสติ จะสามารถประคบั ประคองจิตใหด้ าํ รง
อยใู่ นสภาพปกติ ไมห่ ว่นั ไหวตอ่ อารมณไ์ ดง้ ่าย เม่ือสตติ วั นีเ้ ป็น
มหาสตแิ ลว้ เพ่มิ พลงั ขนึ้ ดว้ ยการฝึกฝนอบรมกลายเป็น สต-ิ
นทรีย์

เม่ือสติตวั นีก้ ลายเป็นสตินทรยี แ์ ลว้ พอกระทบอะไรป๊ับ จติ
จะคน้ ควา้ พจิ ารณาไปเองโดยอตั โนมตั ิ โดยท่ีเราไม่ไดต้ งั้ ใจ ทีนี้
เม่ือสตติ วั นีก้ ลายเป็นสตินทรยี ์ เป็นใหญ่ในอารมณท์ งั้ ปวง ซง่ึ มี
ลกั ษณะคลา้ ยๆกบั วา่ จิตของเราสามารถเหน่ยี วเอาอารมณม์ า

16

เป็นเครอ่ื งมือเคร่อื งใชไ้ ด้ หรอื เอากิเลสมาเป็นเคร่อื งมือเครอ่ื ง
ใชไ้ ด้ เพราะสตติ วั นีเ้ ป็นใหญ่ ย่อมมีอาํ นาจเหนืออารมณ์ และ
สามารถใชอ้ ารมณใ์ หเ้ กิดประโยชนไ์ ด้ เม่ือเป็นเชน่ นนั้ สตติ วั นีจ้ ะ
กลายเป็นสตวิ ินโย

ในเม่ือสตติ วั นีก้ ลายเป็นสตวิ นิ โย สมาธิ สติ ปัญญาของผู้
ปฏิบตั ิมีสมรรถภาพดยี ่งิ ขนึ้ ท่านผนู้ นั้ จะไมม่ ีการหลบั ยนื เดนิ
น่งั นอน กิน ดม่ื ทาํ พดู คดิ ตลอด ๒๔ ช่วั โมงจะมีสติสมั ปะ
ชญั ญะ เป็นสายสมั พนั ธส์ บื ตอ่ กนั ตลอดเวลา แมห้ ลบั ลงไปแลว้
จะรูส้ กึ วา่ ตวั เองนอนไม่หลบั เพราะสตไิ ม่ขาดตอน สตติ วั รู้ หรอื
สตติ วั รูส้ กึ สาํ นกึ หรอื สติอนั เป็นตวั การซง่ึ เป็นสตวิ นิ โยเน่ีย มนั
จะคอยจดจอ้ งอย่ทู ่ีจิตตลอดเวลา พออะไรเขา้ มาป๊ับ มนั จะฉก
เหมือนกบั งเู หา่ ฉกเหย่ืออยา่ งนนั้ ถา้ สงิ่ ใดท่ีมนั ยงั ไม่รูแ้ จง้ เหน็
จรงิ มนั จะยดึ เอามาแลว้ ก็พจิ ารณาคน้ ควา้ จนรูค้ วามจรงิ ถา้ มนั
รูแ้ ลว้ พอสมั ผสั รูป้ ๊ับ มนั กม็ าน่ิง เวลาเราจะทาํ งานทาํ การสิ่ง
หนง่ึ สงิ่ ใด สตติ วั นีม้ นั จะคลา้ ยๆกบั วา่ เป็นตวั รูป้ รากฏอยู่

17

ท่ามกลางทรวงอก สว่ นท่ีสง่ กระแสอออกมาทาํ งาน มนั ก็ทาํ งาน
ของมนั อยตู่ ลอดเวลา

ในเม่ือเป็นเช่นนนั้ เราสามารถท่ีจะเอาพลงั แหง่ สมาธิไปใช้
ในงานทกุ ประเภทได้ การทาํ สมาธิอนั ใด ทาํ ใหท้ า่ นเบ่อื ตอ่ โลก
ตอ่ ครอบครวั มนั ยงั ไม่ถกู ตอ้ งหรอก ถา้ ทาํ สมาธิมีสตปิ ัญญารู้
แจง้ เหน็ จรงิ ดแี ลว้ ตอ้ งสามารถเอาพลงั ของสมาธิไปสนบั สนนุ
งานการท่ีเราทาํ อยไู่ ด้ นกั ศกึ ษาก็ตอ้ งเอาพลงั แหง่ สมาธิไป
สนบั สนนุ การศกึ ษา

เคยใหค้ าํ แนะนาํ แกน่ กั ศกึ ษาท่ีกาํ ลงั เรยี นอยวู่ า่ วนั แตล่ ะ
วนั ๆ เราไปเรยี นหนงั สอื วนั นีอ้ าจารยท์ ่านสอนอะไรมา พอกลบั
มาถงึ ท่พี กั เสรจ็ ธรุ ะแลว้ ใหว้ ติ กถงึ วิชาท่ีเราเรยี นมาในวนั นนั้ มา
คิดทบทวนเป็นการทวนความจาํ คดิ ไปคดิ มา นกึ ไปนกึ มาอยู่
อยา่ งนนั้ ดว้ ยความตงั้ ใจ ผลปรากฏวา่ ทาํ ใหน้ กั ศกึ ษาทงั้ หลายท่ี
มีความสนใจปฏิบตั อิ ย่างนี้ มีสมาธิแลว้ กส็ ามารถเรยี นหนงั สอื
เกง่ สามารถท่จี ะเอาสมาธิไปสนบั สนนุ การศกึ ษา และงานการท่ี
เราทาํ อยู่ บางทา่ นถงึ กบั เอาพลงั ของสมาธิไปช่วยสรา้ ง

18

เครอ่ื งมือวทิ ยาศาสตรข์ นึ้ มาก็ได้ อนั นีถ้ า้ หากมีนกั ศกึ ษามาฟัง
อยนู่ ่ี ลองพิจารณาดู ลองปฏบิ ตั ิดู วนั หนง่ึ ไปเรยี นอะไรมา วิตก
ถึงความรูอ้ นั นนั้ คน้ ควา้ พิจารณาเป็นการทวนความจาํ

ทีนีอ้ ยา่ งพอ่ บา้ นแม่เรอื นทงั้ หลาย ถา้ ทา่ นผใู้ ดเกิดมีปัญหา
ครอบครวั เชน่ อยา่ งพอ่ บา้ นแม่บา้ นไมค่ อ่ ยจะลงรอยกนั มีมติ
ขดั แยง้ กนั อยู่ ก็ใหพ้ ยายามตงั้ ปัญหาถามตวั เองวา่ เรามีความ
บกพรอ่ งอะไร ยกตวั อยา่ งเชน่ บางครงั้ ทา่ นอาจจะเผลอไปเท่ียว
ดกึ ด่นื เท่ียงคืนตหี นง่ึ ตสี องกลบั มา แม่บา้ นชกั โมโห บิดหเู อา
ทา่ นอยา่ เพ่งิ ไปโกรธ ถา้ โดนเคา้ บดิ หแู ลว้ ทา่ นอยา่ เพ่งิ ไปโกรธ
ใหต้ งั้ ปัญหาถามตวั เองก่อนวา่ เราผดิ อะไร ถา้ เรามีสตยิ บั ยงั้ ถาม
ตวั เองซกั พกั หนง่ึ เราจะไดค้ วามรู้ ไดค้ วามรูส้ กึ วา่ เราผดิ ผดิ
เพราะเราไปเท่ียวดกึ เกินไป อนั นีเ้ ป็นตวั อย่างอนั หนง่ึ สาํ หรบั การ
แกป้ ัญหาครอบครวั และชีวติ ประจาํ วนั

การปฏบิ ตั ธิ รรมน่ี มิใชว่ า่ เราตอ้ งการความรูค้ วามเหน็ มาคยุ
อวดกนั ใหเ้ สยี เวลา เราตอ้ งการธรรมะอนั ท่ีสามารถจะมาแกไ้ ข
ปัญหาชวี ติ ประจาํ วนั ได้ สามารถแกไ้ ขปัญหาหวั ใจได้ สามารถ

19

แกไ้ ขปัญหางานการได้ สามารถใชพ้ ลงั สมาธิไปสนบั สนนุ
กิจการงานท่ีเราทาํ อยไู่ ดท้ กุ ประเภท จงึ จะช่ือวา่ ฝึกสมาธิแลว้
ไดผ้ ลคมุ้ คา่ กบั การเสยี เวลา วนั นีไ้ ดก้ ลา่ วธรรมะเบ็ดเตลด็ พอ
เป็นเคร่อื งเตอื นจติ เตอื นใจของทา่ นผฟู้ ังทงั้ หลาย ก็เหน็ วา่
พอสมควรแกก่ าลเวลา

ในทา้ ยท่ีสดุ นดี้ ว้ ยอาํ นาจแห่งความตงั้ ใจดี ในการท่ีจะ
ศกึ ษาธรรมะปฏิบตั ิเพ่ือใหเ้ กิดประโยชนแ์ กช่ ีวติ ประจาํ วนั ขอทกุ
ทา่ นจงสาํ เรจ็ ความปรารถนาตามท่ีตงั้ ไวโ้ ดยท่วั กนั ทกุ ทา่ น
เทอญ

ท่ีมา: https://youtu.be/AXBMuNgYnvk

20


Click to View FlipBook Version