The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ทวนกระแสจิต หลุดพ้นทุกข์ โดย หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-03-05 21:06:05

ทวนกระแสจิต หลุดพ้นทุกข์ โดย หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร

ทวนกระแสจิต หลุดพ้นทุกข์ โดย หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร

Keywords: ทวนกระแสจิต หลุดพ้นทุกข์,หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร

ทวนกระแสจติ หลุดพน้
หลวงพอ่ วริ ยิ งั ค์ สิรนิ ฺธโร
การน่งั สมาธิเป็นสิ่งท่ีมีความสาํ คญั สาํ คญั ในชีวิตของ
บคุ คล บคุ คลผทู้ ่ีมีสมาธินนั้ มีประโยชนแ์ กจ่ ติ ใจเป็นอยา่ งมาก
เพราะใจของคนเรานนั้ มีอารมณเ์ ป็นท่ีตงั้ อารมณน์ นั้ เกิดขนึ้ จาก
สิ่งแวดลอ้ มตา่ งๆ สง่ิ แวดลอ้ มตา่ งๆท่ีจะเขา้ มาเจือปนในอารมณ์
มีมาก ท่ีจะมาก่อใหเ้ กิดราคะ โทสะ โมหะ ความโลภ ความโกรธ
ความหลง สิ่งเหลา่ นีม้ ีอยใู่ นตวั ของคนเราอยแู่ ลว้ แตว่ า่ ถา้ หาก
เราไปสะสมเพม่ิ เติมขนึ้ มาแลว้ มนั ก็จะทาํ ใหเ้ กิดกิเลสหนกั ขนึ้
ไป

ในคาํ สอนขององคส์ มเด็จพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ นนั้ ก็คือ
การแกไ้ ขกิเลสเหลา่ นีใ้ หบ้ รรเทาเบาบางลงไป การบรรเทาเบา
บางนนั้ กอ่ ใหเ้ กิดความสขุ เม่ือจติ ของตนสงบเป็นสมาธิ
ความสขุ ยอ่ มเกิดขนึ้ ความสขุ ท่ีเกิดขนึ้ นนั้ เป็นความสุขท่ี
ปราศจากอามสิ เป็นความสขุ ท่ีมีความบรสิ ทุ ธิ์ แมจ้ ะเป็น
ความสขุ ท่ีเกิดขนึ้ ในเพียงขณิกสมาธิ ก็เป็นความสขุ ท่ีมคี วาม

โดยทมี งานกรุธรรม grudhamma.com 1

บรสิ ทุ ธิ์ จะเป็นอปุ จารสมาธิ ก็เป็นความสขุ ท่ีมีความบรสิ ทุ ธิ์ จะ
เป็นอปั ปนาสมาธิ ก็เป็นความสขุ ท่ีมีความบรสิ ทุ ธิ์ เพราะ
ความสขุ ท่มี ีความบรสิ ทุ ธิ์นีห้ าไดเ้ ฉพาะการทาํ บาํ เพ็ญในทาง
จติ ใจโดยการฝึกหดั ในทางพระพทุ ธศาสนานีเ้ ทา่ นนั้ เราจะไปหา
ท่ีอ่ืนหาไม่ได้

นอกเหนือจากการทาํ สมาธิ ความสขุ ท่ีเกิดขนึ้ นนั้ ไม่บรสิ ทุ ธิ์
เพราะความสขุ เหลา่ นนั้ เป็นความสขุ ท่ีเกิดขนึ้ จากอามิส อามสิ ก็
หมายความวา่ มีสง่ิ เจือปน มีความสขุ ก็จรงิ แตว่ า่ มีความทกุ ข์
เจือปนอยู่ ความทกุ ขท์ ่ีมาเจอื ปนในจติ ใจของคนนนั้ มีอยู่
ตลอดเวลา ถงึ เรยี กวา่ โลกธรรม โลกธรรมท่ีเกิดขนึ้ เพราะจิตใจ
ของคนเรานนั้ ยงั มีความลมุ่ หลง ความลมุ่ หลงท่ีเกิดขนึ้ เน่ืองจาก
โลกธรรมเขา้ มากระทบ บางทีมีลาภ บางทเี ส่อื มลาภ บางทีมียศ
บางทีเส่อื มยศ บางทีมีสขุ บางทีเกิดทกุ ข์ เหลา่ นีล้ ว้ นแลว้ แตเ่ ป็น
สง่ิ เรยี กวา่ โลกธรรม โลกธรรมนนั้ มีมาแตอ่ ดีตจนถึงปัจจบุ นั ซง่ึ
ทกุ คนจะตอ้ งอย่ภู ายใตอ้ าํ นาจบงการของมนั

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 2

เพราะฉะนนั้ ทกุ คนจงึ ตอ้ งอยภู่ ายใตอ้ าํ นาจของกิเลส จงึ
ตอ้ งเดินไปตามทางท่กี ิเลสนนั้ ไดบ้ งการไป บงการใหโ้ กรธ บง
การใหโ้ ลภ บงการใหห้ ลง บงการใหม้ ีราคะความยนิ ดี บงการให้
มีความโกรธ บงการใหม้ ีความหลงเป็นตน้ สงิ่ เหลา่ นเี้ ป็นอาํ นาจ
ของกิเลสท่ีบงการเอาไว้ เม่ืออาํ นาจของกิเลสบงการไป เราก็
ตอ้ งเดินตามไปเร่อื ย เม่ือเราเดินตามมนั ไป เราก็ตอ้ งไปพบกบั
ความหายนะหรอื เรยี กวา่ ทางตนั เพราะอะไรจงึ ไปเป็นเช่นนนั้
เพราะวา่ เม่ือเราอย่ภู ายใตอ้ าํ นาจของกิเลสแลว้ มนั จะตอ้ งพาไป
ตามจดุ หรอื ทาํ ไปตามในทางท่ีจะก่อใหเ้ กิดความวา้ วนุ่ หรอื เกิด
ความวนุ่ วาย

ดว้ ยเหตอุ ยา่ งนีพ้ ระยสกุลบตุ ร ท่ีเป็นลกู เศรษฐี เม่ือมเี งิน
มีทองมีขา้ วมีของมีทรพั ยส์ นิ สมบตั ิ มีลกู มีเมียมนี างสนมคน
สวยๆเยอะแยะมากมาย แตว่ า่ พระยสกลุ บตุ รนนั้ ต่นื ขนึ้ มาในค่าํ
คืนวนั หนง่ึ ทา่ นก็ไดอ้ อกอทุ านในใจวา่ ท่ีน่ีขดั ขอ้ ง ท่ีน่ีวนุ่ วาย
ท่ีน่ีขดั ขอ้ ง ท่นี ่ีวนุ่ วาย เดนิ หนีไปจากปราสาทนนั้ ไดไ้ ปพบ

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 3

พระพทุ ธเจา้ ท่ปี ่าอิสปิ ตนมฤคทายวนั เมืองพาราณสี ไดฟ้ ังธรรม
ของพระพทุ ธเจา้ แลว้ ก็ปลดความขดั ขอ้ ง ปลดความวนุ่ วาย

เพราะฉะนนั้ เราทา่ นทงั้ หลายผทู้ ่ีไดม้ าปฏบิ ตั ใิ นทางใจจงึ ได้
ช่ือวา่ เดนิ ทางถกู เราไมอ่ ย่ภู ายใตอ้ าํ นาจกเิ ลส แตว่ า่ เราอยใู่ น
ตวั ของเรา เราเป็นผทู้ ่ีมีความเป็นใหญ่ มีความเป็นอสิ ระ เพราะ
เหตเุ ราไดม้ าพบหนทาง เพราะเหตเุ ราไดม้ าปฏบิ ตั ิในทางใจ
เพราะเหตเุ ราไดพ้ บการปฏิบตั ทิ ่ีถกู ตอ้ ง เพราะฉะนนั้ เราจงึ มีหมู ี
ตา เรยี กวา่ เกดิ ความสวา่ ง เกิดความสวา่ งนนั้ พระพทุ ธเจา้ แสดง
วา่ ธมโฺ ม ปทโี ป แสงสวา่ งแห่งธรรม ธรรมะใหแ้ สงสวา่ ง
เปิดทางใหพ้ วกเราพากนั เดนิ เปิดทางใหพ้ วกเราพบในสิง่ ท่ีมี
ความสขุ ท่ีมีความบรสิ ทุ ธิ์

ความสขุ ท่มี ีความบรสิ ทุ ธิ์นนั้ เราไดม้ าพบแลว้ และเราไดพ้ า
กนั สมั ผสั แลว้ เราสมั ผสั ความสขุ ท่ีเกิดขนึ้ จากการปฏบิ ตั ใิ นทาง
ใจ คอื ไดส้ มั ผสั ความสงบ สมั ผสั ในความสงบก็คอื เราไดพ้ บ
ปฐมฌานแลว้ เราไดพ้ บทตุ ยิ ฌานแลว้ เราไดพ้ บตตยิ ฌาน
แลว้ เราไดพ้ บจตุตถถฌานแลว้ อยา่ งนี้ เม่อื เราไดพ้ บทางท่ี

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 4

ถกู ตอ้ ง หรอื เรยี กวา่ ธมโฺ ม ปทโี ป แสงสวา่ งแหง่ ธรรม เราก็จะ
ไดว้ หิ ารธรรม

วหิ ารธรรมคอื ธรรมเป็นเครอ่ื งอยู่ ตามธรรมดานนั้ คนใน
โลกท่ียงั มองไมเ่ หน็ ธรรม เขาจะหาเคร่อื งอยู่ ทกุ คนตอ้ งมีเครอ่ื ง
อยู่ ถา้ ไม่มีเคร่อื งอยกู่ ็เป็นคนไม่ได้ ตาย คนตอ้ งมีเครอ่ื งอยู่ แต่
เขาเอาเครอ่ื งอย่ทู ่ีเรยี กวา่ วหิ ารธรรมนนั้ จากการเลน่ ไพ่ เลน่ โป
จากการกินเหลา้ เมายา จากการมวั เมาสารพดั น่นั เป็นเคร่อื งอยู่
ของปถุ ชุ น ปถุ ชุ นแปลวา่ คนหนาไปดว้ ยกิเลส เรยี กวา่ ปถุ ชุ น
ปถุ ชุ นนนั้ มีเครอ่ื งอยู่ คือเคร่อื งอยทู่ ่ีเรยี กวา่ เป็นเครอ่ื งมวั เมาเชน่
เหลา้ ยา หรอื สง่ิ ตา่ งๆท่ีทาํ ใหเ้ กิดความมวั เมาในโลก ตอ้ งมีเป็น
เช่นนนั้

สว่ นผทู้ ่ีมีความเขา้ ใจไดพ้ บแสงสวา่ งแหง่ ธรรม เม่ือพบแสง
สวา่ งแห่งธรรมแลว้ ในท่ีสดุ เขาก็ไดว้ ิหารธรรมคอื เคร่อื งอยู่
เคร่อื งอยกู่ ็คือความสขุ สบายใจท่ีไดพ้ บความสงบ ท่ีพระพทุ ธเจา้
ตรสั วา่ นัตถิ สนฺติ ปรํ สุขํ ความสขุ ย่งิ กวา่ ความสงบไมม่ ี
ความสงบท่ีเกิดจากความสขุ นนั้ เป็นความสขุ ท่ีไมไ่ ดซ้ อื้ เอาดว้ ย

โดยทมี งานกรุธรรม grudhamma.com 5

เงนิ ดว้ ยทอง ไมไ่ ดซ้ อื้ เอาดว้ ยทรพั ยส์ ินสมบตั ิใดๆ ความสขุ อนั นี้
จะตอ้ งเกิดขนึ้ จากการกระทาํ ท่ีผใู้ ดกระทาํ ผนู้ นั้ ถงึ จะเกดิ ขนึ้
เกิดขนึ้ จากกาํ ลงั วงั ชาของตน เกิดขนึ้ จากศรทั ธาของตน เกิดขนึ้
จากความตงั้ ม่นั ในจิตใจของตน เกิดขนึ้ จากความอดทนของตน
เกิดขนึ้ จากความเพยี รของตน ถงึ ไดช้ ่ือวา่ เป็นวหิ ารธรรม
เรยี กวา่ ธรรมเป็นเคร่อื งอยทู่ ่ีมีความสขุ ท่ีสดุ

เม่ือเป็นเชน่ นอี้ ยทู่ ่ีวา่ ตวั ของพวกเราทงั้ หลายจะมีความ
ม่นั ใจในตวั เองแคไ่ หน ถา้ หากวา่ มีความม่นั ใจในตวั เองย่ิงขนึ้ ผู้
นนั้ จะมีแตส่ ะสมความสขุ อนั นี้ ใหม้ ีพละกาํ ลงั วงั ชาย่งิ ขนึ้ ไป คือ
ไม่หยดุ อยแู่ ตเ่ พียงแคน่ ี้ มีความเจรญิ กา้ วหนา้ ตอ่ ไป จาก
ปฐมฌานก็เป็นทตุ ิยฌาน จากทตุ ยิ ฌานกเ็ ป็นตตยิ ฌาน จาก
ตตยิ ฌานก็เป็นจตตุ ถฌาน

ปฐมฌานนนั้ ไดแ้ ก่ขณิกสมาธิ พอเวลาจิตรวมลงไปแลว้ มี
ความรูส้ กึ สบายประเด๋ยี วเดยี วหายไปแลว้ นนั้ เรยี กวา่ ปฐมฌาน
บรกิ รรมพทุ โธๆไปจิตก็สงบ พอสงบไปประเด๋ยี วเดียวจติ ก็ถอน
เกิดมามีความนกึ คดิ ตามเดมิ

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 6

ทุตยิ ฌานนนั้ ไม่ตอ้ งนกึ พทุ โธ พอกาํ หนดจติ จิตก็สงบ พอ
สงบแลว้ ก็อย่ไู ดน้ านพอสมควรอย่างนีเ้ รยี กวา่ ทตุ ิยฌาน

ตตยิ ฌานนนั้ ก็ไมต่ อ้ งนกึ พทุ โธอีกเช่นเดยี วกนั กาํ หนดแต่
จติ อยา่ งเดียวจิตก็เกิดความผ่องใสสะอาด เรยี กวา่ ตติยฌาน

จตุตถฌานนนั้ เม่ือจิตสงบโดยท่ีไม่ตอ้ งกาํ หนดพทุ โธ
กาํ หนดจิตอยอู่ ย่างนนั้ เม่ือกาํ หนดจติ อยอู่ ย่างนนั้ จติ ก็ตงั้ เท่ียง
ตงั้ ม่นั อยไู่ ด้ จะอยซู่ กั วนั นงึ ก็ได้ อย่ซู กั สองวนั ก็ได้ ใหจ้ ติ ตงั้ อยู่
อย่างนนั้ ไมว่ อกแวก เรยี กวา่ จตตุ ถฌาน

ในฌานทงั้ ๔ นี้ เรยี กวา่ เป็นบาท คือเป็นบาทแหง่
วิปัสสนา การท่ีจะดาํ เนนิ จติ เขา้ สวู่ ิปัสสนาไดน้ นั้ ตอ้ งอาศยั ตติย
ฌานและจตตุ ถฌานนีเ้ ป็นกาํ ลงั ถา้ ไม่มีกาํ ลงั ตติยฌาน จตตุ ถ
ฌานอยแู่ ลว้ การบาํ เพ็ญวปิ ัสสนาก็ไม่เกิด

วิปัสสนานนั้ ไดแ้ กค่ วามรูแ้ จง้ และเหน็ จรงิ ความรูแ้ จง้ และ
เห็นจรงิ นนั้ เกดิ ขนึ้ มาจากการพิจารณาภายใน การพจิ ารณา
ภายในนนั้ คือดวงตาทิพย์ ดวงตาทิพยน์ นั้ คือแสงสวา่ งท่เี กิดขนึ้
จากการกระทาํ จติ เม่ือกระทาํ จิตเกิดแสงสวา่ งเรยี กวา่ ผทู้ ่ีมี

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 7

ดวงตาเห็นธรรม การท่ีมีจิตแลว้ สวา่ งกาํ หนดจิตหลบั ตา แตเ่ กิด
ความสวา่ งขนึ้ อย่างนีเ้ รยี กวา่ มีดวงตา เม่ือมีดวงตาอยา่ งนนั้ ก็
บาํ เพ็ญวิปัสสนาได้ เพราะการจะบาํ เพ็ญวปิ ัสสนานนั้ ตอ้ งมี
กระแส หรอื เรยี กวา่ จติ ท่ีมกี าํ ลงั

การเป็นปฐมฌาน ทตุ ิยฌาน ตตยิ ฌาน จตตุ ถฌาน เป็น
เพียงครงั้ หน่งึ ครงั้ เดยี ว แลว้ จะมาบาํ เพ็ญวิปัสสนานนั้ ไม่ได้ ตอ้ ง
บาํ เพ็ญฌานเหลา่ นีใ้ หเ้ กิด วสี คอื ความชาํ นาญ มีปฐมฌานก็
ชาํ นาญ ทตุ ยิ ฌานก็ชาํ นาญ ตติยฌานก็ชาํ นาญ จตตุ ถฌานก็
ชาํ นาญ เม่ือชาํ นาญแลว้ เม่อื เกิดวสี เรยี กวา่ ความชาํ นาญแลว้
ถึงจะเกิดพลงั จิตได้

พลงั จิตนนั้ เราจะรูไ้ ดอ้ ยา่ งไรวา่ พลงั จิตของเรานนั้ เพยี งพอ
แลว้ ก็ใชก้ ระแสจติ นีพ้ ิจารณาคือพิจารณาใหเ้ หน็ ถงึ สงั ขาร
ทงั้ หลาย สงั ขารทงั้ หลายก็คอื รา่ งกาย รา่ งกายนีจ้ ะมีอะไรบา้ ง

อะยงั โข เม กาโย กายของเรานีแ้ ล
อุทธัง ปาทะตะลา เบอื้ งบนแตพ่ ืน้ เทา้ ขนึ้ มา
อะโธ เกสะมตั ถะกา เบอื้ งต่าํ แตป่ ลายผมลงไป

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 8

ตะจะปะริยันโต มีหนงั หมุ้ อยเู่ ป็นท่ีสดุ รอบ
ปูโรนานัปปะการัสสะ อะสุจโิ น เต็มไปดว้ ยของไมส่ ะอาด
มีประการตา่ งๆ
อตั ถิ อมิ สั มิง กาเย มีอย่ใู นกายนี้
เกสา โลมา นขา ทนั ตา (ตโจ) ผม ขน เลบ็ ฟัน หนงั
ในมหาสตปิ ัฏฐานนนั้ ทา่ นใหพ้ จิ ารณาใหเ้ หน็ เหมือนกนั กบั
นายโคบาล หรอื นายโคคาดท่ีเขาเฉือนเนือ้ โค ลอกหนงั ออกไป
ลอกเนือ้ ออกไป แลว้ ก็เหลอื แตก่ ระดกู มีเคร่อื งในเกล่ือนกลาด
พิจารณารา่ งกายใหเ้ ป็นเชน่ นนั้ ได้ ถือวา่ กาํ ลงั เรม่ิ ท่ีจะเขา้ สู่
วิปัสสนา
การเขา้ สวู่ ปิ ัสสนานนั้ พระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่ เป็นอรยิ สจั ก็
เทา่ กนั กบั การดาํ เนินอริยสัจ การดาํ เนนิ อรยิ สจั นนั้ คอื การ
พิจารณาถึงทกุ ขสัจ สมุทยั สัจ นิโรธสัจ และมรรคสัจ
ทุกขสัจนนั้ ไดแ้ ก่ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความเกิด แก่ เจ็บ
ตายนนั้ ผใู้ ดเป็นผเู้ กิด ผใู้ ดเป็นผแู้ ก่ ผใู้ ดเป็นผเู้ จ็บ ผใู้ ดเป็น
ผตู้ าย ตวั รา่ งกายของเราท่ปี รากฏอยนู่ ่ีแหละเป็นผเู้ กิดมา และ

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 9

รา่ งกายของเราน่ีเองเป็นผทู้ ่ีแก่ และรา่ งกายของเราก็เป็นผทู้ ่ี
จะตอ้ งแตกสลายไป พจิ ารณาอยา่ งนีจ้ ะทาํ ใหเ้ กิดนิพพทิ ทา
ญาณ ความเบ่อื หนา่ ยขนึ้ มาในจติ ใจ

คือใจของเรานีท้ าํ อยา่ งไรถงึ จะเกิดความเบ่อื หนา่ ยได้ คอื ใจ
ของคนเรานนั้ เม่ือยงั ไมไ่ ดร้ บั การฝึกฝน หรอื ไมไ่ ดร้ บั การให้
พจิ ารณาใหเ้ หน็ ตามความเป็นจรงิ แลว้ ใจนีจ้ ะเป็นผทู้ ่ีมีความ
ยดึ ถือ เห็นผม ขน เลบ็ ฟัน หนงั รา่ งกายนี้ เป็นของสวยของงาม
เป็นสง่ิ ท่นี ่ารกั ใครช่ อบใจ แลว้ ทีนีก้ ็ทาํ ใหเ้ กิดเป็นสมทุ ยั สจั

สมุทยั สัจนนั้ ไดแ้ กต่ ณั หาทงั้ ๓ ตณั หาทงั้ ๓ ไดแ้ ก่
กามตัณหา ภวตัณหา วภิ วตณั หา กามตัณหาก็คอื ความใคร่
ในกาม ภวตณั หาก็คือความอยากมี อยากเป็น อยากไดเ้ ป็น
ใหญ่เป็นโต มีเงินมีทอง มีขา้ วมีของ วภิ วตัณหานนั้ ก็คอื ความ
ไมอ่ ยาก ไม่อยากเป็น ไมอ่ ยากจน ไมอ่ ยากท่จี ะเส่อื มลาภ เส่อื ม
ยศอะไรอย่างนี้ เรยี กวา่ วภิ วตณั หา ตณั หานนั้ เกิดขนึ้ จาก
อุปาทาน อปุ าทานคอื ความยดึ ม่นั ถือม่นั ความยดึ ม่นั นนั้ ใน
อปุ าทานก็คือใจของเรานีเ้ ป็นอปุ าทาน เม่ืออปุ าทานยดึ วา่ อนั นี้

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 10

เป็นรูปผหู้ ญิง อนั นีเ้ ป็นรูปชาย เรยี กวา่ รูปหญิง รูปชาย ตา่ งคนก็
ตา่ งก็มีความรกั ความชอบ สง่ิ เหลา่ นีเ้ กิดขนึ้ มาก็ทาํ ใหเ้ กิดเป็น
ตวั ตณั หาขนึ้ มา

ตวั ตณั หานีพ้ ระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่ ปะหาตพั พันตเิ ม ภกิ ขเว
ดกู ่อนภิกษุทงั้ หลาย สมทุ ยั ควรละ สมทุ ยั นีพ้ ระพทุ ธเจา้ ใหล้ ะ
การพิจารณาถึงตวั ทกุ ข์ พระพทุ ธเจา้ ไดต้ รสั วา่ ทกุ ขน์ นั้ ควร
กาํ หนดรู้ ทกุ ขค์ วรกาํ หนดรู้ สมทุ ยั ควรละ ปะหาตพั พนั ตเิ ม ภิกข
เว ดกู ่อนภกิ ษุทงั้ หลายสมทุ ยั ควรละ สว่ นทกุ ขน์ นั้ ควรกาํ หนดรู้
อยา่ งกาํ หนดรูว้ า่ อนั นีเ้ ป็นผม ขน เลบ็ ฟัน หนงั อนั นีเ้ ป็นกระดกู
อนั นีเ้ ป็นตบั ไต ไส้ พงุ อนั นีเ้ รยี กวา่ ธาตทุ งั้ ๔ ดนิ นา้ํ ไฟ ลม
เหลา่ นีล้ ว้ นแตเ่ ป็นความเป็นจรงิ คอื ตามความเป็นจรงิ เป็นอย่าง
นนั้

แตค่ นท่ีไมร่ ูต้ ามความเป็นจรงิ คอื ไมพ่ จิ ารณาใหเ้ ป็น
วปิ ัสสนาก็จะตอ้ งมีความหลงใหลไปตามวา่ สิง่ เหลา่ นีเ้ ป็นของ
สวยของงาม เป็นส่งิ ท่ีควรจะยดึ ถือสมั ผสั อะไรตา่ งๆเหลา่ นีเ้ ป็น
ตน้ อนั นีเ้ รยี กวา่ เป็นตณั หา

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 11

พระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่ ปะหาตพั พนั ตเิ ม ภิกขเว ดกู ่อนภิกษุ
ทงั้ หลาย สมทุ ยั ควรละ ถา้ หากการละนนั้ จะละดว้ ยความจาํ ใจ
คือไม่ใช่ละดว้ ยสมาธิ คอื กาํ หนดอยากจะละก็ละเอาอยา่ งนนั้
ละไม่ได้ ถงึ อยา่ งไรก็ละไมไ่ ด้ แตก่ ารท่ีจะละไดต้ อ้ งละดว้ ย
อาํ นาจพลงั ของจติ ท่ีไดพ้ ิจารณาถึงตวั วิปัสสนา คอื พจิ ารณาให้
เหน็ ตามความเป็นจรงิ พจิ ารณาเหน็ ความเป็นจรงิ ภายในจิตนนั้
จติ นีจ้ ะเกิดนพิ พทิ ทาญาณ ความเบ่อื หนา่ ยขนึ้ มาเอง อนั นนั้ จงึ
จะถือวา่ ละได้

แตก่ ารจะไปคดิ วา่ อนั นีม้ นั เป็นกระดกู อนั นีเ้ ป็นธาตุ ๔ ดนิ
นา้ํ ไฟ ลม ไปคิดเอาเฉยๆอยา่ งนี้ ย่ิงคดิ มนั ก็ย่งิ ไม่รูเ้ รอ่ื ง ย่ิงคดิ
มนั ก็ย่งิ หนกั เขา้ ไป สว่ นถา้ หากวา่ พิจารณาไดต้ ามความเป็นจรงิ
แลว้ นนั้ ถงึ ไมต่ อ้ งคิดมนั ก็เกิดความถา่ ยถอนคอื มีจิตใจท่ีไมโ่ ลภ
โมโทสนั เอง คอื ละไปเอง เหมือนกนั กบั การรบั ประทานอาหาร
การรบั ประทานอาหารนนั้ ถา้ หากวา่ เรารบั ประทานอาหาร ความ
หวิ มนั หายไปเองมนั น่นั แหละ มนั หายไปไดอ้ ยา่ งไร ก็เพราะ
ความอ่ิมเขา้ มาแทนท่ี เรารบั ประทานเขา้ รบั ประทานเขา้ ใน

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 12

ท่ีสดุ มนั ก็เกิดความอ่มิ แลว้ ความหิวมนั หายไปไดย้ งั ไง ก็เพราะ
ความอ่มิ น่นั เองท่ีมากาํ จดั ความหวิ ออกไปได้

ฉนั ใดก็ฉนั นนั้ การท่ีจะละตณั หาออกไปจากจิตไดน้ นั้ ก็ตอ้ ง
อาศยั การพจิ ารณาถงึ ตวั ทกุ ข์ คอื พจิ ารณาใหเ้ หน็ ตามความเป็น
จรงิ ตามความเป็นจรงิ ท่ีวา่ อนั นีเ้ ป็นธาตทุ งั้ ๔ อนั นีเ้ ป็นดนิ อนั นี้
เป็นนา้ํ อนั นเี้ ป็นลม อนั นเี้ ป็นไฟ ธาตุ ๔ ดนิ นา้ํ ไฟ ลม ทงั้ ๔
ประการนนั้ เคา้ เรยี กวา่ มหาภตู รูป มหาภตู รูปทงั้ ๔ เม่ือ
มหาภตู รูปทงั้ ๔ ก็คือธาตทุ งั้ ๔ ดิน นา้ํ ไฟ ลม ผสมกนั จงึ ไดช้ ่ือ
วา่ เป็นมหาภตู รูป เรยี กวา่ มีรูปเกิดขนึ้ อนั นีต้ ามความเป็นจรงิ
แตถ่ า้ หากวา่ ตามความสมมตุ ิ อนั นกี้ ็เรยี กวา่ เป็นตวั เป็นตน เป็น
บคุ คลเป็นเราเป็นเขา อย่างนีน้ นั้ เก่ียวกบั โดยท่วั ๆไป ไม่ใชผ่ ฝู้ ึก
วิปัสสนา ผฝู้ ึกวิปัสสนานนั้ ยอ่ มจะตอ้ งเหน็ ตามความเป็นจรงิ
ถึงแมว้ า่ จะไมเ่ ป็นจรงิ ก็บงั คบั ใหม้ นั พิจารณาตามความเป็นจรงิ

ในเบอื้ งตน้ น่ีตอ้ งบงั คบั กนั กอ่ น พอบงั คบั จนกระท่งั มนั
สาํ เรจ็ ไปแลว้ ตอ่ มาทีหลงั ก็ไม่ตอ้ งบงั คบั เหมือนกนั กบั คนไม่
อยากรบั ประทาน ก็บงั คบั กนั ก่อน เม่ือบงั คบั กนั ไป อา้ ว มนั

โดยทมี งานกรุธรรม grudhamma.com 13

อรอ่ ยน่ี ก็เลยรบั ประทานกนั ตอ่ ไปจนกระท่งั อ่มิ ความหวิ ก็หาย
เอง เหมือนกนั กบั ผทู้ ่ีจะบาํ เพ็ญวิปัสสนา ในเบอื้ งตน้ นีก้ ็ยงั
บาํ เพ็ญวิปัสสนาไม่ได้ ตวั เราก็จาํ เป็นท่ีจะตอ้ งบงั คบั ตวั เรา
พิจารณา มนั ไมอ่ ยากมองเหน็ คนตาย กม็ องใหเ้ ห็น มนั ไม่อยาก
เห็นคนเนา่ เป่ือย ก็มองใหม้ นั เหน็ มนั ไมอ่ ยากเหน็ คนท่ที พุ พล
ภาพอะไรตา่ งๆเหลา่ นี้ ก็เราจะตอ้ งทาํ ใหม้ นั เหน็ เรยี กวา่ บงั คบั
ใหด้ ู

เหมือนกนั กบั ท่ีพระพทุ ธเจา้ ของเราก่อนท่จี ะออกบวช
พระองคก์ ็เหน็ เทวทตู ทงั้ ๔ เทวทตู ทงั้ ๔ ท่ีมาบนั ดาลใหเ้ หน็ นนั้
คอื อะไร คอื คนแก่ คนกาํ ลงั เจบ็ ไข้ คนตาย และก็สมณะ ส่ี
ประการนีเ้ รยี กวา่ เทวทตู ทงั้ ๔ เขา้ มาใหพ้ ระพทุ ธองคไ์ ดเ้ หน็ เป็น
ครงั้ แรก เพ่ือท่ีจะเป็นแนวทางในการท่ีจะปฏิบตั ิวิปัสสนาตอ่ ไป

พวกเราทา่ นทงั้ หลาย พวกเรามีโชค พระพทุ ธเจา้ แนะนาํ ไว้
แลว้ น่ีคือวิปัสสนา น่ีคอื สมถะ พระพทุ ธองคไ์ ดแ้ นะนาํ ไว้
หมดแลว้ แตว่ า่ เราจะทาํ ใหเ้ กิดขนึ้ หรอื ไม่เท่านนั้ ทีนีเ้ ราไดท้ าํ
วปิ ัสสนา ก็จะตอ้ งเป็นอรยิ สจั ๔ อรยิ สจั ขอ้ ท่ี๓ นนั้ สัจฉิกาตัพ

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 14

พนั ตเิ ม ภกิ ขเว ดกู ่อนภิกษุทงั้ หลาย นิโรธควรทาํ ใหแ้ จง้ นิโรธ
นนั้ คืออะไร นิโรธนนั้ ถา้ เปรยี บก็เหมือนกนั กบั ความอม่ิ เม่ือเรา
รบั ประทานอาหารเขา้ ไปแลว้ อ่ิม ความอ่มิ นนั้ คือนิโรธ
เหมือนกนั กบั ท่ีเราพจิ ารณาถึงสงั ขาร นพิ พทิ ทาญาณเกดิ ขนึ้ กบั
เรา จิตนนั้ ก็ไดเ้ กิดสวา่ งไสวขนึ้ รูแ้ จง้ และเหน็ จรงิ ความรูแ้ จง้
และเหน็ จรงิ นนั้ เรยี กวา่ เป็นความท่ีเราไดด้ บั ทกุ ขไ์ ปแลว้
เหมือนกนั กบั ความหิว มนั มที กุ ข์ มนั เป็นทกุ ข์ แตเ่ ม่ือเวลามนั
รบั ประทานอาหารอ่มิ แลว้ มนั ก็ไมเ่ ป็นทกุ ข์ เพราะดบั ทกุ ขไ์ ป
แลว้ อนั นีจ้ งึ เปรยี บเหมือนกนั กบั นิโรธสัจ คอื นิโรธท่ี
พระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่ สจั ฉิกาตพั พนั ติเม ภกิ ขเว ดกู อ่ นภกิ ษุ
ทงั้ หลาย นิโรธควรทาํ ใหแ้ จง้ เป็นอยา่ งนนั้

ในท่ีสดุ นนั้ พระองคก์ ็ไดท้ รงแสดงตอ่ ไปวา่ ภาเวตพั พนั ตเิ ม
ภกิ ขเม ดกู ่อนภิกษุทงั้ หลาย มรรคควรเจรญิ ใหม้ าก การดบั
ทกุ ขเ์ ราจะไปดบั ครงั้ เดียวยอ่ มไมส่ าํ เรจ็ จาํ เป็นจะตอ้ งดบั ทกุ ข์
ไปหลายครงั้ ถงึ จะสาํ เรจ็ ได้ เหมือนกนั กบั คนรบั ประทานอาหาร
รบั ประทานอ่มิ ครงั้ เดียว แลว้ ตอ่ ไปไม่กินอกี ก็ตอ้ งตาย เม่ือมนั

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 15

หวิ ขนึ้ มาเม่ือไหรก่ ็ตอ้ งกนิ เม่ือนนั้ จนกวา่ รา่ งกายนีจ้ ะเตบิ ใหญ่
เตม็ ท่ี ถึงเตบิ ใหญ่เตม็ ท่กี ็ตอ้ งรบั ประทานเร่อื ยไป เพราะฉะนนั้
ในคาํ ท่วี า่ ภาเวตพั พนั ติเม ภกิ ขเว ดกู อ่ นภกิ ษุทงั้ หลาย มรรค
ควรเจรญิ ใหม้ าก ก็เชน่ เดียวกนั ก็เราก็ตอ้ งทาํ ใหม้ าก เหมือนกบั
เรารบั ประทาานอาหาร อ่ิมแลว้ หวิ แลว้ ก็กนิ ใหม่ อ่ิมแลว้ หวิ
แลว้ ก็กนิ ใหม่ อยา่ งนีเ้ รยี กวา่ ภาเวตพั พนั ติเม ภิกขเว ดกู อ่ น
ภิกษุทงั้ หลาย มรรคควรเจรญิ ใหม้ าก

มรรคท่ีจะเจรญิ ใหม้ ากและจะไปถึงซง่ึ ความสาํ เรจ็ เรยี กวา่
บรรลนุ นั้ เราจะกาํ หนดความหมายอยา่ งไร เรากาํ หนด
ความหมายได้ เพราะวา่ การท่ีจะบรรลไุ ดน้ นั้ มนั จะตอ้ งทาํ จิตนี้
ใหเ้ ป็นอนิ ทรียซ์ ะก่อน จติ ท่ีเป็นอนิ ทรยี น์ นั้ มาตงั้ แต่ สัทธนิ ทริ

ยัง วริ ยิ นิ ทริยัง สะตนิ ทรยิ งั สะมาธนิ ทริยัง ปัญญนิ ทริยงั

สัทธนิ ทริยงั นนั้ ไดแ้ ก่ศรัทธาเป็นใหญ่ ศรทั ธาคอื ความเช่ือ
ความเช่ือท่ีเกิดขนึ้ จากจติ ท่ีดาํ เนนิ มรรค ผทู้ ่ีจะดาํ เนินมรรคนนั้
ตอ้ งทวนกระแสจติ ไปถงึ ท่ีตงั้ ของจติ คือการสมบรู ณข์ องการทาํ

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 16

สมาธิ เรม่ิ แลว้ ซง่ึ วิปัสสนา ซง่ึ เป็นกาํ ลงั ท่ีจะดาํ เนินวปิ ัสสนา
ตอ่ ไปไดอ้ ย่างเต็มท่ี

เม่ือเป็นเชน่ นนั้ เม่ือทวนกระแสจติ เขา้ ไปถงึ ท่ีตงั้ ของจติ
การทวนกระแสจิตนนั้ กระทาํ อยา่ งไร ก็จะอธิบายไวซ้ กั หนอ่ ยนงึ
วา่ การท่ีจะทวนกระแสจติ เขา้ ไปถึงท่ีตงั้ ของจิตไดน้ นั้ ก็
เหมือนกบั เราไดพ้ ากนั พิจารณาดรู า่ งกาย เรามองเห็นวา่ นีเ้ ป็น
กระดกู และใครเป็นผเู้ หน็ กระดกู นนั้ เราเหน็ แสงสวา่ งในจติ ใคร
เป็นผเู้ หน็ แสงสวา่ งในจติ นนั้ เราเห็นความสะอาดในจิต ใครเป็น
ผเู้ ห็นความสวา่ งในจิตนนั้ น่นั แหละเป็นการทวนกระแสจติ มาถงึ
ท่ีตงั้ ของจิต ก็หมายความวา่ แสงสวา่ งเราเหน็ แสงสวา่ ง ใครเป็น
ผเู้ หน็ อยา่ งเราอ่มิ อย่างนี้ ใครเป็นผอู้ ่ิม หรอื อย่างเรามเี หน็
สงั ขารรา่ งกายอยา่ งนี้ ใครเป็นคนเหน็ ผทู้ ่ีเหน็ นนั้ มีความสาํ คญั
คอื เป็นผมู้ ีความสาํ คญั อยา่ งย่ิง

เม่ือเราทวนกระแสจติ มาถงึ ท่ีตงั้ ของจิตไดอ้ ยา่ งนีแ้ ลว้ คือ
ทวนกระแสครงั้ หนง่ึ ไมไ่ ด้ ก็ตอ้ งทวนกระแสหลายครงั้ วา่ เราก็ตงั้
คาํ ถามในท่ีนนั้ วา่ ใครเป็นผเู้ หน็ ใครเป็นผรู้ ู้ ใครเป็นผเู้ หน็ แสง

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 17

สวา่ งใครเป็นผเู้ ห็น รา่ งกายใครเป็นผเู้ หน็ ก็ถามอยอู่ ย่างนนั้
แหละ แลว้ ก็กาํ หนดจิตน่ิงอยู่ จะตอ้ งมีซกั วนั หนง่ึ จะรอ้ ง “ออ้ อยู่
ท่ีน่ีเอง” เม่ือรอ้ ง “ออ้ ” ไดเ้ ม่ือไหร่ เม่ือนนั้ ท่านบอกกวา่ ดาํ เนิน
จิตถงึ ตน้ เรยี กวา่ ตน้ หนทาง เม่ือไปถงึ นนั้ เม่ือไหรน่ ่ี มนั จะรวม
ความเป็นใหญ่ทงั้ ๕ ประการ สัทธนิ ทรยิ งั วริ ิยนิ ทริยงั สะติ
นทริยงั สะมาธนิ ทริยัง ปัญญนิ ทริยัง ทงั้ ๕ คอื อินทรียท์ งั้
๕ นี้ จะตอ้ งเป็นอินทรยี ท์ ่มี คี วามพรอ้ ม มคี วามพรอ้ ม ถา้ พรอ้ ม
เม่ือไหรถ่ ึงจะกาํ จดั กิเลสไดเ้ ม่ือนนั้ ถา้ ยงั ไมพ่ รอ้ มก็เรยี กวา่ ยงั
ไมไ่ ด้

เหมือนกบั สงคราม ถา้ หากวา่ ยงั ตีเมืองหลวงไมแ่ ตกก็ยงั ไม่
ชนะ เม่ือตีเมืองหลวงแตกเม่ือไหรก่ ็ชนะเม่ือนนั้ ก็เหมือนกนั กบั
กาํ ลงั ทงั้ ๕ คอื ศรัทธา วริ ยิ ะ สติ สมาธิ ปัญญา เป็นผทู้ ่ี
รวบรวมได้ มีกาํ ลงั อนั ยง่ิ ใหญ่ เม่ือมีกาํ ลงั อนั ย่งิ ใหญ่ก็สามารถ
กาํ จดั กิเลส คอื สามารถกาํ จดั กิเลสออกไปไดท้ นั ที เรยี กวา่ กาํ จดั
ออกไปไดท้ นั ที แตว่ า่ การกาํ จดั กิเลสนนั้ ก็เหมือนกนั กบั การท่ี
ชนะโดยเด็ดขาด การชนะเดด็ ขาดนนั้ เรยี กวา่ ชนะโดยไมม่ ีการ

โดยทมี งานกรุธรรม grudhamma.com 18

แพ้ ในโลกนีก้ ารชนะเดด็ ขาดไมม่ ี ชนะแลว้ ก็แพ้ แพแ้ ลว้ ก็ชนะ
ชนะแลว้ ก็แพ้ แพแ้ ลว้ ก็ชนะ สว่ นโลกุตตรธรรมนนั้ เรยี กวา่ ชนะ
โดยเด็ดขาด หมายความวา่ เม่ือชนะแลว้ ไม่มีกลบั มาแพอ้ กี ผนู้ นั้
ก็จะมีจติ เขา้ สคู่ วามเป็นอรยิ บคุ คล

ความเป็นอรยิ บคุ คลนนั้ ท่านแบง่ เป็น ๔ ประเภทดว้ ยกนั มี
พระโสดาบนั พระสกิทาคา พระอนาคา และพระอรหนั ต์ พระ
โสดาก็มีโสดามรรค และก็โสดาผล และก็มีสกิทาคามรรค และก็
มีสกิทาคาผล และก็มีอนาคามรรค อนาคาผล และก็มี
อรหตั ตมรรค อรหตั ตผล อนั นีถ้ ือวา่ เป็นพระอรยิ เจา้ พระอรยิ เจา้
นนั้ คอื ผทู้ ่กี าํ จดั กิเลสไดแ้ ลว้ กาํ จดั กิเลสพวกนี้ คือมกี าํ ลงั ทงั้ ๕
ศรทั ธา วริ ยิ ะ สติ สมาธิ ปัญญา หรอื เรยี กอีกนยั หนง่ึ วา่ กองทพั
ทงั้ ๕

กองทพั ทงั้ ๕ นี้ กองทพั ท่ีหนง่ึ มีศรทั ธาเป็นแม่ทพั กองทพั ท่ี
สอง มวี ิรยิ ะเป็นแมท่ พั กองทพั ท่ีสาม มีสตเิ ป็นแมท่ พั กองทพั ท่ี
ส่มี ีสมาธิเป็นแม่ทพั กองทพั ท่ีหา้ มีปัญญาเป็นแม่ทพั ทงั้ หา้
กองทพั น่ีจงึ จะช่ือวา่ เป็นกองทพั ท่ีตอ่ สกู้ บั กิเลส ถา้ หากวา่ ทวน

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 19

กระแสจิตมาถงึ ท่ีตงั้ ของจิตได้ ผนู้ นั้ ก็จะมศี รัทธาเรยี กวา่ ม่นั คง
ไมต่ อ้ งไปวอกแวก คนท่ียงั ไมม่ ีศรทั ธาม่นั คงคือยงั ไม่มีดวงตา
เหน็ ธรรม เม่ือยงั ไม่มีดวงตาเหน็ ธรรมก็ยงั หลง คนนนั้ วา่ ดีก็ตอ้ ง
เอาไปที คนนีว้ า่ ดีก็เอาไปที คนนนั้ จงู จมกู ไปทีก็เอาไปที คนนีจ้ งู
จมกู ไปทางนีก้ ็ไปที อยา่ งนีเ้ รยี กวา่ ไม่ใช่ สทั ธินทรยิ งั คอื ไม่ใชม่ ี
ศรทั ธาเป็นแมท่ พั หรอื ไม่ใชช่ ่ือวา่ ศรทั ธาเป็นใหญ่ ศรทั ธายงั ย่อ
หยอ่ น ยงั ไมม่ กี าํ ลงั แตถ่ า้ หากวา่ มองเหน็ จรงิ แจง้ ประจกั ษ์
ชดั เจนวา่ ออ๋ น่ี เป็นธรรมะแทจ้ รงิ ท่ีเราไดพ้ บ ไมต่ อ้ งไปหาท่ีอ่ืน
อีกแลว้ ใครจงู จมกู ไปไหนก็ไม่ตอ้ งไปจงู ใหย้ าก ไม่ตอ้ งมใี คร
ชกั ชวนใหไ้ ปไหนยาก อยทู่ ่ีน่ีจงึ ไดช้ ่ือวา่ พบธรรม น่ีเคา้ เรยี กวา่
สัทธนิ ทริยงั ถา้ ไม่เป็นอยา่ งนี้ ก็เรยี กวา่ ยงั เป็นศรทั ธาหวั เตา่
หลบุ เขา้ หลบุ ออกอย่อู ยา่ งนนั้

ในขอ้ ท่ีสอง วริ ิยทริยัง คือมีวริ ิยะเป็นอนิ ทรยี ์ หรอื วา่ วิรยิ ะ
น่ีเป็นผอู้ นิ ทรยี ์ เป็นผเู้ ป็นใหญ่ ก็หมายความวา่ จะตอ้ งเป็นผมู้ ี
ความเพียรท่ีจะทาํ สมาธิ มีความเพียรท่ีไม่มีการถอยหลงั เป็น
ธรรมดา การถอยหลงั ช่ือวา่ ไมม่ ีอกี ตอ่ ไป มีแตว่ า่ มงุ่ หนา้ ตอ่ ไป

โดยทมี งานกรุธรรม grudhamma.com 20

เท่านนั้ คาํ วา่ ถอยหลงั ไม่มอี กี ตอ่ ไปของบคุ คลผเู้ ป็น วริ ยิ ะ
อนิ ทรยี ์

สตอิ ินทรียค์ อื ในสตนิ นั้ จะเป็นผทู้ ่ีไมห่ ลง คือไมห่ ลงทาํ
ความช่วั อกี ตอ่ ไป เพราะฉะนนั้ พระโสดาบนั ทา่ นจงึ บอกวา่ ปิด
อบายมขุ โดยสนิ้ เชงิ ไม่ตอ้ งไปตกนรกอกี เป็นอนั ขาด มีแตจ่ ะ
กา้ วหนา้ สสู่ วรรคแ์ ละนิพพาน น่นั คอื พระโสดาบนั ก็คอื วา่ ทา่ นมี
สติ เรยี กวา่ สตอิ ินทรยี ์ สตอิ นิ ทรยี น์ ีเ้ ป็นผทู้ ่มี ีสติ ไมใ่ หต้ วั ของคน
น่ีไปเท่ียวทาํ ในสงิ่ ท่ีไม่ถกู ตอ้ ง คือมีสติบงั คบั อย่ตู ลอด ไม่มีการ
หลง หลงท่ีจะไปทาํ ความช่วั ไมไ่ ด้

สมาธินนั้ เปรยี บประดจุ วา่ เป็นอาหารของใจ หรอื เป็นผทู้ ่ี
สง่ เสรมิ กาํ ลงั สมาธิของผทู้ ่ีเรยี กวา่ สมาธอิ นิ ทรียน์ นั้ ก็เป็น
สมาธิท่ีมีความหนกั แนน่ เม่ือจะเขา้ ฌาน ทตุ ยิ ฌาน ตตยิ ฌาน
เม่ือไหรน่ นั้ ก็ไม่ขดั ขอ้ ง เขา้ เม่ือไหรก่ ็ได้ สมาธิเขา้ เม่ือไหรก่ ็ได้
อย่างนนั้ น่ะ ถงึ เรยี กวา่ สมาธิอินทรยี ์ เรยี กวา่ สะมาธินทรยี ์

ปัญญานนั้ ไดแ้ กก่ ารพิจารณา คอื พจิ ารณาอย่วู า่ ส่งิ นีเ้ ป็น
ธาตุ ๔ ดิน นา้ํ ไฟ ลม สิ่งนีเ้ กิดขนึ้ มาแลว้ ก็ดบั ไป สิง่ นเี้ ป็นของ

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 21

ไม่เท่ียงไม่ใชต่ วั ตนบคุ คลเราเขา อยา่ งนีเ้ รยี กวา่ ปัญญาอนิ ทรีย์
ถา้ หากวา่ ปัญญาคิดหลอกคนโนน้ ปัญญาคิดโตเ้ ถียงคนนีใ้ ห้
ชนะ ปัญญาอยากเอารดั เอาเปรยี บคนอ่นื อนั นนั้ ไม่ใช่ ไมใ่ ช่
ปัญญาอินทรยี ์ ปัญญาอนิ ทรยี ค์ ือปัญญาพิจารณาถงึ ความไม่
เท่ียง เป็นทกุ ข์ ความไมใ่ ช่ตวั ตน เหน็ จรงิ แจง้ เรยี กวา่ ปัญญา
อนิ ทรยี ์

เม่ืออนิ ทรยี ท์ งั้ ๕ เพียบพรอ้ มบรบิ รู ณ์ คอื อนิ ทรยี ท์ งั้ ๕ นีม้ ี
ความพรอ้ มคือหมายความวา่ พรอ้ มแนน่ อน น่นั แหละไดช้ ่ือวา่
เป็นกาํ ลงั และสามารถท่ีจะนาํ จติ นีเ้ ขา้ สคู่ วามเป็นอรยิ บคุ คลได้
โดยไม่ตอ้ งสงสยั ตอ่ ไปน่งั สมาธิกนั ตอ่ ไป

ท่ีมา: https://youtu.be/nnu9qxaUteE

โดยทมี งานกรธุ รรม grudhamma.com 22


Click to View FlipBook Version