หลวงป่ หู ล้า ตอบปัญหาธรรมะ
แนะทางวิปัสสนา
หลวงป่ หู ล้า เขมปตโฺ ต
จดั พมิ พแ์ ละเผยแพรโ่ ดยมลู นิธสิ มั มาอาชวี ะ
800/3 ถนนสขุ มุ วทิ ตําบลแสนสขุ อาํ เภอเมอื งชลบุรี จงั หวดั ชลบุรี 20130
เลขมาตรฐานสากลประจาํ หนงั สอื (ISBN) 978-616-8257-02-9
ขอ้ มลู บรรณานุกรม
หลวงปหู่ ลา้ เขมปตฺโต. หลวงปหู่ ลา้ ตอบปญั หาธรรมะ แนะทางวปิ สั สนา.
ชลบุร:ี มลู นิธสิ มั มาอาชวี ะ; 2556. จาํ นวน 21 หน้า หมวดหมหู่ นงั สอื 294.3
จดั พมิ พข์ น้ึ เพอ่ื แจกฟรเี ป็นธรรมทาน
พมิ พเ์ น้ือหาโดย น.ส.วชั ราภรณ์ ไหมทอง และ น.ส.ละอองดาว ดว้ งแกว้
ขอสงวนสทิ ธใิ ์ นการคดั ลอกขอ้ ความทงั้ หมดหรอื ตอนใดตอนหน่ึง
ไปทาํ การพมิ พเ์ พอ่ื จาํ หน่ายหรอื มผี ลตอบแทน
หากผใู้ ดประสงคพ์ มิ พเ์ ผยแพรเ่ ป็นทาน กรณุ าพมิ พไ์ ดโ้ ดยไมต่ อ้ งขออนุญาตแต่อยา่ งใด
คาํ ชี้แจงมลู นิธิสมั มาอาชีวะ
ในปี พ.ศ. 2556 น้ี มลู นิธสิ มั มาอาชวี ะ มคี วามตงั้ ใจจะจดั พมิ พห์ นงั สอื
ธรรมะเล่มเลก็ ๆ ท่มี เี น้ือหาดขี ้นึ สกั ชุดหน่ึง จงึ ไดท้ ําการคน้ หาว่ามหี นังสอื
ธรรมะของพระอาจารยผ์ ทู้ รงธรรมทา่ นใดบา้ ง ทอ่ี นุญาตใหจ้ ดั พมิ พไ์ ดโ้ ดยไม่
สงวนลขิ สทิ ธิ ์กพ็ อดไี ดม้ าพบหนงั สอื ธรรมะของทา่ นหลวงปหู่ ลา้ เขมปตฺโต เขา้
หลวงปหู่ ลา้ เขมปตฺโต (14 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2454 – 19 มกราคม พ.ศ. 2539)
แห่งวดั บรรพตครี ี (วดั ภูจ้อกอ) บ้านแวง ตําบลหนองสูงใต้ อําเภอคําชะอี
จงั หวดั มุกดาหาร ท่านเป็นพระนกั กรรมฐาน สายหลวงปมู่ นั่ ภรู ทิ ตฺโต
หนังสอื เล่มน้ี เป็นหนังสอื ทน่ี ําเน้ือหามาจากหนังสอื ฉบบั เตม็ ช่อื เร่อื ง
“หลวงปู่หลา้ เขมปตฺโต ตอบปญั หาธรรมะ” ซ่งึ จดั ทําขน้ึ โดยคณะศษิ ย์ของ
หลวงปู่หล้า เป็นการรวบรวมการตอบคําถามทางจดหมาย ท่หี ลวงปู่ตอบ
ใหก้ บั ญาตโิ ยมทม่ี ขี อ้ ขอ้ งใจสอบถามเขา้ มา ในการจดั พมิ พฉ์ บบั เตม็ นนั้ ทาง
คณะผจู้ ดั ทาํ ไดต้ ดั ทอนบางสว่ นทไ่ี มจ่ าํ เป็น เชน่ หวั และทา้ ยจดหมาย รวมถงึ
ช่อื บุคคลออก คงเหลอื ไวแ้ ต่ส่วนทเ่ี ป็นเน้ือหาทางธรรมเท่านัน้ และมคี วาม
ตงั้ ใจทจ่ี ะพมิ พเ์ ป็นเน้ือความต่อเน่ืองกนั โดยไมม่ หี วั เรอ่ื งและสารบญั
ในการพมิ พค์ รงั้ น้ี มลู นิธสิ มั มาอาชวี ะ ไดน้ ําเน้ือหาบางสว่ นจากฉบบั เตม็ มา
จดั เรยี งใหม่ แลว้ แบง่ เป็นเลม่ เลก็ ๆ ตามลกั ษณะคาํ ถาม เพอ่ื ใหส้ ะดวกกบั การ
อ่านและการพกพา ใหช้ ่อื ชุดว่า “หลวงปหู่ ลา้ ตอบปญั หาธรรมะ” โดยในเล่มน้ีจะ
เป็นการตอบปญั หาของหลวงปหู่ ลา้ เกย่ี วกบั การปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนา จงึ ใหช้ ่อื ว่า
“แนะทางวปิ สั สนา” ทางมูลนิธหิ วงั ว่าเน้ือหาของหนังสอื เล่มน้ี จะมอบความ
เพลนิ เพลนิ ทางธรรม ใหแ้ สงสว่างทางปญั ญาแก่ท่านผอู้ ่านไดเ้ ป็นอย่างดี และ
ขออนุโมทนาบุญ แกผ่ มู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งทกุ ทา่ นไว้ ณ ทน่ี ้ีดว้ ย
มลู นิธสิ มั มาอาชวี ะ
คาํ นําธรรมมาพาให้ชวนคิด
พระธรรมคาํ สอนของพระพุทธศาสนาไม่ลา้ สมยั แต่ผวู้ จิ ยั พจิ ารณาไม่
อย่รู ะดบั เดยี วกนั กจ็ ําเป็นจําไปจะตพี ระคุณค่าสงู ต่ําลุ่มดอน ต่างกนั ไปตาม
อสิ ระเสรขี องเจา้ ตวั ตามวาสนาบารมที ส่ี รา้ งมาแต่ปุเรชาตปิ างก่อน ไมเ่ สมอ
กนั ปุพเพกตปุญญตา ดา้ นปญั ญาอนั เป็นนายหน้าของศลี และสมาธอิ นั เป็น
พละพลงั อนั ทรงบลั ลงั ก์ในปจั จุบนั แขง็ แกร่งไม่เสมอกนั จงึ กลายเป็นพรรค
เป็นพวกแห่งความเหน็ ไปซะแลว้ แต่กต็ อ้ งอาศยั ความเมตตาปราณี สามคั คี
สมานมติ รสมานฉันท์กนั กลมเกลียวไว้ เพราะเราคนเดยี วเป็นโลกมนุษย์
ไม่ได้ เราคนเดยี วเป็นประเทศไม่ได้ เราคนเดยี วเป็นพระนครหลวงไม่ได้
เป็นภาค จงั หวดั อาํ เภอ ตําบล หม่บู า้ น ครอบครวั กระทรวงนนั้ กระทรวงน้ี
ไม่ได้ และฝา่ ยนานาศาสนา แมพ้ ระพุทธศาสนาอนั เป็นจอมพลของศาสนาท่ี
เรยี กว่าอรยิ ะสจั จะศาสนาเล่า กต็ ้องอาศยั พรรคอกี จะเว้นไม่ได้ แมผ้ ้งึ และ
ปลวกซ่งึ เป็นสตั วเ์ ลก็ ๆ มนั ยงั ควบคุมกนั อยู่ไดเ้ ป็นพวกๆ ตามกรรมและผล
ของกรรมใครมนั เพราะกรรมและผลของกรรมย่อมจําแนกสตั ว์ใหด้ แี ละเลว
ต่างกนั เป็นพวกๆ เป็นบุคคล (พระพุทธศาสนายนื ยนั แขง็ แกร่ง) การยนื ยนั
ตามอรยิ ะสจั จะธรรมไมเ่ ป็นอุปาทานเลย
พระหลา้ เขมปตฺโต
คาํ ถาม
หลวงปู่เจา้ ค่ะ ขอเรยี นถามขอ้ สงสยั ในสมาธิ พอจติ ดฉิ ันเขา้ ส่ภู วงั ค์จะรู้สกึ
เหมอื นร่างกายหลน่ จากทส่ี งู ๆ มากลกึ สดุ ประมาณ คอื อะไรเจา้ ค่ะ ดฉิ นั ควรจะทาํ
อยา่ งไร แต่มไิ ดเ้ ป็นบ่อยนะเจา้ คะ่ นานๆ ถงึ จะเป็น ทาํ ใหด้ ฉิ นั สงสยั ว่ามนั คอื อะไร
กราบขอหลวงปชู่ ว่ ยใหค้ วามกระจา่ งแก่ผดู้ อ้ ยความรดู้ ว้ ยเจา้ คะ่
คาํ ตอบ
เร่อื งภาวนานัน้ เป็นของดแี ลว้ เพราะมคี วามปิติ และพอใจในธรรมทป่ี รากฎ
เป็นอยา่ งนนั้ ดว้ ยอาํ นาจของปิตธิ รรม นกั ภาวนากต็ อ้ งเจออยา่ งนนั้ บางทปี รากฎว่า
เหาะเหนิ เดนิ อากาศ หรอื เดนิ จงกรมในอากาศ หรอื ขดั สมาธกิ ลางอากาศ หรอื พลกิ
คว่าํ พลกิ หงายในอากาศ เป็นการแสดงปาฏหิ ารยิ ไ์ ปในตวั กม็ ี สารพดั จะเป็นไป แต่
เมอ่ื หมดกาํ ลงั กถ็ อนออกมา เมอ่ื ถอนออกมาแลว้ จงพจิ ารณาว่า ธรรมอนั ละเอยี ดถงึ
เพยี งน้ีกย็ งั อย่ใู ต้อํานาจอนิจจงั ความไม่เทย่ี ง ขอใหน้ ้อมลงอย่างนัน้ อย่าสาํ คญั ว่า
เป็นตวั ตน เรา เขา สตั ว์ บุคคลใดๆ ทงั้ ส้นิ เม่อื ไม่สําคญั ในส่วนน้ี จติ กส็ ูงขน้ึ ไป
กว่าเดมิ อกี ในตวั แลว้ จงพยายามทาํ บ่อยๆ เทอญ และอกี ประการหน่ึง ใหพ้ จิ ารณา
เหน็ อนิจจงั พรอ้ มกบั ลมออกเขา้ พรอ้ มทงั้ เหน็ ทุกขเ์ หน็ สง่ิ ทไ่ี มใ่ ชต่ วั ตนกลมกลนื กนั
ในขณะเดยี ว ไมม่ อี นั ใดกอ่ น ไมม่ อี นั ใดหลงั พรอ้ มกบั ลมเขา้ ออก แมศ้ ลี สมาธิ ปญั ญา
ทเ่ี รยี กว่าไตรสกิ ขากร็ วมพลกนั อยู่ ณ ทน่ี ัน้ เอง จะบญั ญตั หิ รอื ไม่บญั ญตั กิ เ็ ป็นจรงิ
อยอู่ ยา่ งนนั้ เอง เมอ่ื เหน็ ชดั ในสว่ นน้ี พรอ้ มทงั้ ชาํ นาญและเหน็ เนืองๆอยู่ ความระอา
ในวฏั ฏสงสารทเ่ี คยหลงมาแลว้ กจ็ ะรูต้ ามเป็นจรงิ จะไดไ้ ม่ทะเยอทะยานในโลกทงั้
ปวง เพราะโลกทงั้ ปวงมแี ต่เกดิ ขน้ึ และแปรดบั และมที กุ ข์ ไมใ่ ชต่ วั ตนดงั ทว่ี ่ามาแลว้
นัน้ จะได้ส้นิ ความสงสยั ในปญั หาของเจ้าตวั ท่เี คยสร้างข้นึ จะแก้ไม่ยาก โลกคอื
อะไร... วตั ถุภายนอกคอื อะไร... ทส่ี รา้ งขน้ึ ดว้ ย ดนิ น้ํา ไฟ ลม กด็ ี หรอื ความนึกคดิ
แห่ง สุข ทุกข์ อุเบกขา กด็ ี เกดิ ขน้ึ แลว้ กแ็ ปรปรวนและดบั ไปเสมอกนั ทงั้ นัน้ เม่อื
1
ลกู ไมข้ องโลกมเี พยี งเท่าน้ีแลว้ เรากไ็ มม่ หี นทางจะไปสงสยั อะไรอกี มแี ต่รตู้ ามเป็น
จรงิ ปฏบิ ตั ติ ามเป็นจรงิ พน้ จากความสงสยั ตามเป็นจรงิ เทา่ นนั้ ความดใี จเสยี ใจใน
โลกทงั้ ปวงก็ห้ามเบรคลง ปญั ญาก็เกดิ ขน้ึ เหนือความหลงของตนไปซะ เรยี กว่า
รเู้ ท่าทุกข์ รเู้ ท่าสงั ขารแลว้ จติ กโ็ อนไปเอนไปโน้มไปในพระนิพพาน คนื กลบั ความ
หลงของเจา้ ตวั แบบเยน็ ๆ เทา่ นนั้ เอง
ดว้ ยเดชพระพุทธศาสนา พวกเราทงั้ หลาย จงรตู้ ามเป็นจรงิ ในสงั ขารทงั้ ปวง
พร้อมกบั ลมออกเขา้ ในปจั จุบนั ยง่ิ ๆ ข้นึ ไปในปจั จุบนั หลุดพ้นจากความหลงใน
ปจั จุบนั ตามเป็นจรงิ อยทู่ ุกเมอ่ื เทอญ ปญั หาของธรรมะแทไ้ มม่ าก ทม่ี นั มากวนเวยี น
กเ็ พราะกเิ ลสของเราทรงพระอํานาจ เม่อื พระปญั ญาทรงพระอํานาจแลว้ พรอ้ มทงั้
สตสิ มั ปยุตกนั อยู่ ความสงสยั ของเรากห็ ายไปไมข่ บถคนื เลย จะว่ารแู้ จง้ โลกกไ็ ด้ จะ
วา่ รแู้ จง้ สงั ขารกไ็ ด้ จะวา่ รทู้ นั ความหลงของเจา้ ตวั กไ็ ด้ ความหลงเจา้ ตวั กห็ มดประตู
จะขช่ี า้ งสบู บุหรม่ี าจากประตไู หน จงึ ขอจบยอ่ เพยี งน้ี...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คาํ ถาม
ลูกกราบองค์หลวงปู่ เม่ือทําสมาธิแล้วจะทําจิตให้น่ิงอันเดียวน้ีช่างยาก
เหลอื เกนิ เป็นเพราะลกู มบี าปใชไ่ หมคะ่ กราบองคห์ ลวงปกู่ รณุ าแนะนําดว้ ยเจา้ คะ่
คาํ ตอบ
เร่อื งภาวนา เราจะใหม้ นั นิ่งอย่หู น้าเดยี ว ดงิ่ ในเป้าทเ่ี ราเพ่งอยู่ มนั กย็ อ่ ม
เป็นไปไม่ได้ เพราะสมาธทิ งั้ หลายอยู่ใตอ้ ํานาจอนิจจงั อนั ละเอยี ด เม่อื หมดกําลงั ก็
ถอนออกมา มนั จะถอนออกมาก็ช่างมนั เราต้องสงั เกตว่า ออกมาแล้วอย่างน้ีมี
กามวติ ก ความตริในทางกามหรือไม่ มพี ยาบาทวิตก ความตริในทางพยาบาท
หรอื ไม่ มวี หิ งิ สาวติ ก ความตรใิ นทางเบยี ดเบยี นหรอื ไม่ ถา้ ไม่มธี รรม 3 ประการน้ี
2
รบกวนจติ ใจเรา กป็ ล่อยใหจ้ ติ ใจนัน้ อยู่ตามสบายนัน่ เถดิ มกี ารมงี านกท็ ําไปไม่มี
โทษ เพราะเรามสี ตอิ ย่กู บั ตวั ไม่ใช่จะตนั ขต้ี นั เยย่ี วมนั ไม่ใหม้ นั ไปทางไหน มนั นึก
ไปทางดแี ลว้ กป็ ล่อยมนั ไม่มโี ทษ แมก้ ารงานทถ่ี ูกคอื เวน้ จากฆ่าสตั ว,์ ลกั ทรพั ย,์
ประพฤตผิ ดิ ในกาม เรยี กว่าการงานชอบ เรากต็ ้องปล่อยมนั ใหม้ นั ทําตามสะดวก
ของมนั สว่ นสมั มาวาจาเล่า มนั ไม่พดู เทจ็ , ไมพ่ ดู สอ่ เสยี ด, ไมพ่ ดู คาํ หยาบคาย, ไม่
พดู เพอ้ เจอ้ เรากต็ อ้ งปล่อยใหม้ นั พูดซิ สว่ นดา้ นจติ ใจอกี ไม่โลภอยากไดข้ องผอู้ ่นื
มาเป็นของตน, ไม่พยาบาทปองรา้ ยผอู้ ่นื , เหน็ ชอบตามทาํ นองคลองธรรม คอื เหน็
ว่าทําดไี ดด้ ที ําชวั่ ไดช้ วั่ เป็นตน้ สงิ่ ทงั้ หลายทป่ี รารภมาน้ี เรากต็ อ้ งปล่อยมนั ใหอ้ ยู่
ตามสบาย ไมต่ อ้ งไปเคย่ี วเขญ็ เยน็ ค่าํ มนั ดอก เทา่ น้ีกค็ งจะพอเขา้ ใจแลว้ นะ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คาํ ถาม
ดฉิ นั อยากจะขอเรยี นถามหลวงปู่ ถงึ เร่อื งการควบคุมจติ ใจใหม้ คี วามสงบอยู่
นานๆ และขออุบายหรอื วธิ กี าร ในการทาํ สมาธเิ พอ่ื ใหจ้ ติ ใจสงบเรว็ ขน้ึ ดว้ ยคะ่
คาํ ตอบ
การภาวนาอยากจะใหจ้ ติ จดจ่ออยนู่ านๆ กต็ อ้ งตดั ความละโมบในอารมณ์อ่นื
ท่มี าเกยมาพาด ต้องตงั้ สติไว้กบั อาจารย์เดมิ (คอื กรรมฐานเดมิ ท่ตี งั้ ไว้) ยนิ ดใี น
กรรมฐานท่ีตงั้ ไว้นัน้ อย่าไปยนิ ดีในกรรมฐานอ่ืนท่ียงั ไม่ได้ตงั้ นึกหรือบริกรรม
กรรมฐานอนั เดมิ นนั้ แหละ ตงั้ สจั จะไวใ้ นทน่ี นั้ ตงั้ อธษิ ฐานไวใ้ นทน่ี นั้ ถา้ มนั ลมื ไปก็
ดงึ มา อยา่ ไดเ้ สยี ใจ เพราะความสาํ เรจ็ อยกู่ บั ความอดทนและความเพยี ร เพราะเอา
กรรมฐานเดมิ ทต่ี งั้ เป็นตวั ประกนั ยอมเป็นยอมตายกบั กรรมฐานเดมิ นนั้ คาํ วา่ “ศลี ”
แปลทบั ศพั ทก์ ต็ ดั สนิ ลงในกรรมฐานทต่ี งั้ ไวน้ นั้ แมส้ มาธกิ ต็ งั้ มนั่ ในกรรมฐานทต่ี งั้ ไว้
นนั้ คําว่า “ปญั ญา” กร็ อบรูใ้ นกรรมฐานทต่ี งั้ ไวน้ นั้ อย่าไปวอกแวกเคล่อื นทไ่ี ปทาง
3
อ่ืน เพราะเรารวมคําสอนของพระองค์แปดหม่ืนส่พี นั พระธรรมขนั ธ์มาไว้ท่ีเป้า
กรรมฐานทเ่ี ราตงั้ ไวน้ ัน้ แลว้ ศลี สมาธิ ปญั ญา ทงั้ หมดกม็ คี วามหมายอนั เดยี วกนั
เราเอามารวมไวท้ เ่ี ป้าอนั เดยี วนัน่ แลว้ ตลอดทงั้ พระพุทธ พระธรรม ทงั้ หลาย อนั
หาประมาณไม่ได้ เรากเ็ อามารวมไวท้ เ่ี ป้าอนั เดยี วนนั่ แลว้ เราไม่สงสยั จะสง่ สา่ ยไป
หาอนั อ่นื เลย ถ้าไม่ขนาบทฏิ ฐขิ องตนอย่างนัน้ มนั กไ็ ปควา้ อนั นัน้ อนั น้ีอยู่ จติ ของ
เรากไ็ ม่รวม ความเหน็ ชอบของเรากไ็ ม่รวมอยู่ท่แี ห่งเดยี ว ท่มี นั ไม่ยอมอยู่ท่แี ห่ง
เดยี ว เพราะอุบายของเราไม่ทนั กบั กเิ ลสของเรา เพราะกเิ ลสของเรามนั หลุกหลกิ ๆ
อยู่เหมอื นลงิ กระโดดนัน้ กระโดดน้ี กระโดดถูกกงิ่ ไมผ้ ุกต็ กตูมตาย เหตุนัน้ จงึ ให้
สนั โดษยนิ ดใี นกรรมฐานเดมิ ทต่ี งั้ ไว้ เปรยี บเหมอื นทศิ เหนือ เม่อื ทศิ เหนือมอี ํานาจ
ในแม่เหลก็ เขม็ ทศิ ใดๆ ย่อมชไ้ี ปทางทศิ เหนือทงั้ นัน้ เป็นเมอื งขน้ึ ทศิ เหนือกว็ ่าได้
ฉนั ใดกด็ ี เม่อื เราตงั้ มนั่ ไวใ้ นกรรมฐานใดๆ เป็นหลกั แลว้ กรรมฐานอ่นื ๆ มตี งั้ หม่นื
ตัง้ แสน ย่อมเป็นเมืองข้ึนของกรรมฐานท่ีเราตัง้ ไว้ จะเป็นวิปสั สนากรรมฐาน
กรรมฐานทเ่ี กย่ี วกบั ปญั ญากด็ ี หรอื สมถกรรมฐาน กรรมฐานทเ่ี กย่ี วกบั จติ ใจกด็ ี ก็
มารวมพลกนั อย่กู บั เป้าเดมิ ทเ่ี ราตงั้ ไวไ้ ม่สง่ ส่ายนนั่ เอง แมม้ รรค ผล นิพพาน กอ็ ยู่
ในทน่ี ัน้ ดว้ ย แมเ้ ราจะกระจายออกจากเป้าเดมิ ทน่ี ัน้ เรากไ็ ม่สงสยั อกี ใหถ้ อื ว่ามนั
แตกออกจากเป้าเดมิ ก็คอื ศลี สมาธิ ปญั ญา อนั เก่านัน้ เอง ให้เขา้ ใจว่าสมาธิน้ี
เหมอื นเชอื กเสน้ ยาวๆ ทเ่ี ราขงึ ไปทวั่ ไตรโลกธาตุ แต่เราสาวเขา้ มาใหม้ นั รวมเป็น
กองเดยี ว จะโตเท่าฟ้าเท่าแผน่ ดนิ กต็ าม หรอื จะเลก็ ลงเท่าปลายเขม็ กต็ าม กใ็ หถ้ อื
วา่ เป็นเรอ่ื งเดยี วกนั นนั่ เอง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คาํ ถาม
ปญั ญาญาณวปิ สั สนาท่จี ะตดั กเิ ลสเพ่อื เขา้ สู่มรรคผล เกดิ จากการพจิ ารณา
หรอื เกดิ จากการรเู้ หน็ ของจติ เองลว้ นๆ
4
คาํ ตอบ
คําถามว่า ปญั ญาในวปิ สั สนาท่จี ะตดั กเิ ลสเพ่อื เขา้ สู่มรรคผล เกดิ จากการ
พจิ ารณา หรอื เกดิ จากการรเู้ หน็ ของจติ เองลว้ น ตอบว่า... เกดิ จากการรเู้ หน็ ของจติ
พรอ้ มทงั้ สตปิ ญั ญาเป็นกองทพั ลว้ นๆ ในปจั จุบนั นนั้ ๆ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คาํ ถาม
พระอานาปานสตเิ ฉพาะตวั หลวงปู่มเี คลด็ หรอื อุบายอย่างไรบา้ ง เพ่อื ความ
งอกงามของ ศลี สมาธิ ปญั ญา วมิ ตุ ิ ญาณทสั นะเป็นพเิ ศษ
คาํ ตอบ
พระอานาปานสตมิ เี คลด็ มาก พระธรรมแปดหมน่ื สพ่ี นั พระธรรมขนั ธย์ น่ ลงมา
รวมในอานาปานสตไิ ม่ลําบาก เพราะเป็นกองทพั ทม่ี กี ําลงั มาก ยกอุทาหรณ์ เช่น
เราจะพจิ ารณา “พุทโธ” กค็ ุณของพุทโธกด็ ี ธมั โม สงั โฆ กด็ ี กลมกลนื กนั กบั พุทโธ
อยแู่ ลว้ คลา้ ยเชอื ก 3 เกลยี ว และกม็ อี ยู่ (พระคุณ) ทกุ ลมหายใจเขา้ ออกอกี ดว้ ย ขอ้
อ่นื ยงั มอี ย่อู กี เชน่ สกลกาย สกลใจ กด็ ี ทเ่ี รยี กวา่ กองนามรปู กม็ อี ยทู่ ุกลมหายใจอกี ดว้ ย
ขอ้ อ่นื มอี ยอู่ กี เชน่ ไตรลกั ษณ์กม็ อี ยทู่ ุกลมหายใจเขา้ ออกอกี ดว้ ย แมพ้ ระนิพพานอนั ทรง
อยู่ มอี ยู่ จะเหนือผรู้ ขู้ น้ึ ไปกต็ าม กท็ รงมอี ยทู่ กุ ลมหายใจเขา้ ออกอกี ดว้ ย
เมอ่ื ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งทงั้ สงั ขารและวสิ งั ขาร มอี ยทู่ ุกลมหายใจเขา้ ออกแลว้ เราก็
ไมไ่ ดส้ ง่ สา่ ยหาธรรมทงั้ ปวง เพราะแมเ่ หลก็ ดยี อ่ มดงึ เขม็ ทศิ ชไ้ี ปหา สง่ิ เหล่าน้ีขน้ึ อยู่
กบั สติปญั ญาของแต่ละคนทงั้ นัน้ เพราะพระบรมศาสดาไม่ได้สอนให้พวกเราโง่
ธรรมบทเดียวก็ส่งต่อพระนิพพานได้ทัง้ นัน้ แม้ ศีล สมาธิ ปญั ญา หรือวิมุติท่ี
เรยี กวา่ ไตรสกิ ขา กม็ คี วามหมายอนั เดยี วกนั กบั แปดหมน่ื สพ่ี นั พระธรรมขนั ธน์ นั่ เอง
5
ญาณทสั นะเป็นพเิ ศษ นัน้ คอื เหน็ ตามเป็นจรงิ ในขณะนัน้ รูต้ ามเป็นจรงิ ในขณะนัน้
ไม่สําคญั ตวั ว่าเป็น เรา-เขา ในขณะนัน้ อุปาทานก็แตกกระเจงิ ไปเอง ไม่ได้ต้อง
ทาํ ทา่ ทาํ ทางใหแ้ ตก
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คาํ ถาม
มอี ย่วู นั หน่ึง ลองนงั่ สมาธริ าวตอนตหี น่ึง โดยใชเ้ ทปทาํ วตั รเชา้ เยน็ เปิด และ
เอาจติ ไปจดจ่ออย่กู บั เสยี งสวดมนต์ ทําใหเ้ กดิ อาการขนลุก เน้ือตามแขน ขา หน้า
แก้ม กระตุก และเต้นถ่ีๆ วูบวาบไปหมด จิตขณะนัน้ คงรวมวูบไป พอรู้ตัวก็
พยายามภาวนาพุทโธไปเร่อื ยๆ สกั พกั อาการกห็ ายไป ทําให้ตกใจเลก็ น้อย เลย
ไม่ไดน้ ัง่ สมาธติ ่อ จวบจนเวลาผ่านมาถงึ ปจั จุบนั อาการดงั กล่าวไม่ปรากฏขน้ึ เลย
ครบั มแี ต่สงบเฉยๆ ในความมดื
คาํ ตอบ
ท่อี าการเป็นอย่างนัน้ กเ็ พราะเป็นอุปจารสมาธิ องิ ปิติ ความอม่ิ ใจด้วย แต่
เกดิ ขน้ึ แลว้ กห็ ายไป เพราะเหตุว่าบุญชนั้ น้ี สงั ขารชนั้ น้ี เกดิ -ดบั เป็น เราตอ้ งอาศยั
หลกั อนิจจงั เป็นเคร่อื งตดั สนิ และเม่อื มนั สงบอยู่เฉยๆ อย่ารบกวนมนั เดยี๋ วมนั ก็
แปรไปทางอ่นื อกี ดอก กส็ อ่ แสดงใหเ้ หน็ ชดั ว่า แมอ้ ุเบกขาน้ีกอ็ ย่ใู ต้อนิจจงั โดยนัย
เดยี วกนั ถา้ อยใู่ ตอ้ าํ นาจอนิจจงั กอ็ ยใู่ ตอ้ าํ นาจของ ทกุ ขงั อนตั ตา ในตวั
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คาํ ถาม
จติ กบั เหตุปจั จยั กบั ท่หี มายหรอื ภพภูมิ เช่อื มโยงถงึ กนั ไดอ้ ย่างไร มอี ะไร
เป็นเครอ่ื งชบ้ี อกใหท้ ราบได้
6
คาํ ตอบ
จติ กด็ ี ธาตุกด็ ี ปจั จยั กด็ ี หรอื ภพภมู โิ ยงถงึ กนั ไดก้ ด็ ี กเ็ พราะมกี เิ ลสเขา้ ไปสงิ
ว่า ตวั กู ของกู ดงั กล่าวแลว้ นัน้ สว่ นทจ่ี ะมเี คร่อื งบอกใหท้ ราบว่าเราละกเิ ลสไดน้ ัน้
คอื สง่ิ ทเ่ี คยโลภมนั ไมโ่ ลภ สง่ิ ทเ่ี คยโกรธมนั ไม่โกรธ สงิ่ ทเ่ี คยหลงว่าเป็นตวั ตน เรา
เขา สตั ว์ บุคคล มนั ไมห่ ลงว่าเป็นตวั เรา เขา กแ็ ปลว่ามนั บอกใหเ้ ราทราบแลว้ แต่
หากวา่ มนั หลง มนั กบ็ อกใหเ้ ราทราบไดอ้ กี เหมอื นกนั
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คาํ ถาม
ขณะทด่ี ฉิ นั เดนิ ขน้ึ บนั ได จติ ไปจบั อย่ทู ก่ี ารกา้ วขา เลยรสู้ กึ เหมอื นว่ากระดกู
มนั เดนิ ได้ กอ็ ศั จรรยไ์ ปอกี เรอ่ื งหน่ึง
หลวงปคู่ ่ะ ถา้ เราพบอาการเช่นน้ี เราจะพจิ ารณาอย่างไร มนั ถงึ จะแยบคาย
ลึกซ้ึงสมกบั เป็นผู้ปฏิบตั ิ กล่าวคือ ดฉิ ันรู้สกึ ถึงรสชาติของอาหารว่าอร่อย ก็ละ
ความพอใจชิวหาประสาทรูป บังเอิญจิตมนั สลดลง คอหอยตีบตันน้ําตาก็ไหล
ความรสู้ กึ ต้อื ขน้ึ หมดความอยากกนิ อาหารโดยทนั ที ทงั้ ๆ ทเ่ี พง่ิ จะทานไปได้ 2 –
3 คาํ เท่านนั้ เอง ดฉิ นั กพ็ ยายามตงั้ สตลิ ะอารมณ์ขณะนนั้ เพ่อื จะกนิ ต่อ แต่กม็ อี าการ
ขนลุกไปทงั้ ตวั มกี ําลงั ซ่านอย่ภู ายในกาย สลบั ขน้ึ สลบั ลง ในทส่ี ุดกต็ อ้ งอม่ิ อาหาร
มอ้ื นนั้ ไปโดยปรยิ าย โชคดวี า่ อยคู่ นเดยี วไมม่ คี นเหน็
อกี เรอ่ื งหน่ึงสตจิ บั ไดท้ นั คอื ดฉิ นั รบี เกบ็ ผา้ เพราะพายฝุ นกาํ ลงั มา ขณะทเ่ี กบ็
ความรู้สึกไปอยู่ท่ีมือหมดเลย พอแขนท่ียืดออกไปหดกลบั มา มนั มีน้ําหนักไป
กระแทกกบั ลูกบดิ ประตู เจบ็ มากเลยค่ะหลวงปู่ รสู้ กึ ตกใจ จติ กแ็ วบ็ ออกไปอย่นู อก
กายเลย มามองตรงทเ่ี จบ็
7
ดิฉันก็หน้ามืด ใจหวิวสนั่ ขาสนั่ ริกๆ จะเป็นลมทันที ดิฉันรีบตัง้ สติ ละ
อารมณ์ ปรบั จติ ใหเ้ ป็นปกตกิ ลางๆ เรยี กจติ กลบั เขา้ กาย จงึ เป็นปกตไิ ด้
ท่เี ล่าถวายมาน้ีเป็นเพยี งส่วนปลกี ย่อย ซ่ึงเป็นเหตุให้เขยี นจดหมายมาชา้
เพราะไมค่ อ่ ยปกตคิ ะ่
มคี นเขามาชวนดฉิ ันไปเมอื งกาญจนบุรชี ่วงวนั วสิ าขบูชา บอกว่าไปนัง่ ทํา
สมาธกิ บั เจา้ แม.่ .. ดฉิ นั อยากจะบอกเขาเหลอื เกนิ วา่ ดฉิ นั มพี อ่ แมค่ รบู าอาจารยเ์ ป็น
พระอรยิ เจา้ ดฉิ ันคงไม่ไปหาเจา้ แม่อะไรทไ่ี หนหรอก แต่กไ็ ม่กลา้ จะพูดเลย ไดแ้ ต่
ขอบคุณทเ่ี ขามนี ้ําใจมาชวน
ในกรณีเชน่ น้ี หลวงปวู่ า่ ดฉิ นั ขข้ี ลาดหรอื เปล่า เพอ่ื ถนอมน้ําใจเขา ซ้ํายงั ไมม่ ี
โอกาสชว่ ยดงึ เขา้ มาใหถ้ กู ทางอกี ดว้ ย เพราะโอกาสไมอ่ าํ นวย
คาํ ตอบ
สรุปธรรมะทุกๆ ประการท่เี ล่าให้ฟงั มนั เป็นคําถามคําแก้กนั อยู่ในตวั แล้ว
และกแ็ กถ้ กู ดว้ ย และกส็ อ่ แสดงใหเ้ หน็ วา่ ผใู้ ครค่ รวญธรรมเป็นผเู้ จรญิ
ส่วนเขาจะชวนไปทน่ี นั่ ทน่ี ่ี เจา้ แม่หรอื เจา้ พ่อ...กต็ าม ใหเ้ ขา้ ใจว่าเจา้ แม่เจา้
พ่อของเราคอื เจา้ พ่อเจา้ แม่ พุทธ ธรรม สงฆ์ ทรงอยู่ท่หี วั ใจของเราแลว้ เราไม่ได้
ต่นื ของภายนอก พระพุทธเจา้ จะมกี ล่ี า้ นๆ พระองคก์ ท็ รงอย่ทู ด่ี วงใจของเรา ธรรม
คาํ สอนและพระอรยิ สงฆข์ องพระพทุ ธเจา้ ทงั้ หลายเหลา่ นนั้ กท็ รงอยทู่ ด่ี วงใจของเรา
แลว้ แต่ไมต่ ่นื ขา่ วไปทางอน่ื เลย
อน่ึง เรอ่ื งเกย่ี วกบั อาหาร คอตบี ตนั นนั้ จะว่าเรารเู้ ท่ามนั กถ็ ูก จะว่าปิตคิ วาม
อมิ่ ใจแรงกล้าจนน้ําตาไหลก็ถูก แต่ให้เขา้ ใจว่าธรรมทงั้ หลายส่วนน้ีเป็นธรรมอนั
ละเอยี ด เป็นอนิจจาอนั ละเอยี ด เป็นทุกขอ์ นั ละเอยี ดดว้ ย ทว่ี า่ เป็นทุกขอ์ นั ละเอยี ดก็
8
เพราะมนั เกดิ อย่างประณีต ดบั อยา่ งประณีตอกี จะเรยี กว่าอนตั ตาธรรมอนั ประณีต
กไ็ ด้ สง่ิ เหล่าน้ีเป็นของว่างจากสตั ว์จากบุคคลทงั้ นัน้ เรามหี น้าทร่ี ู้ตามเป็นจรงิ ว่า
ไม่ใช่สตั ว์ไม่ใช่บุคคลเท่านัน้ ถา้ สาํ คญั ว่าเป็นอนั อ่นื เร่อื งกม็ ากขน้ึ กลายเป็นธรรม
อนั ไม่ว่างไป กลายเป็นใจไม่ว่างอกี ดว้ ย กลายเป็นผรู้ ูอ้ นั ไม่ว่างอกี ดว้ ย เม่อื รูต้ าม
เป็นจรงิ ในธรรมสามประการน้ี อุปาทานความยดึ มนั่ กแ็ ตกกระเจงิ ออกจากขนั ธ-
สนั ดาน แมจ้ ะขบถคนื กต็ อ้ งทาํ ลายวธิ นี ้ีอกี มวี ธิ เี ดยี วน้ีเทา่ นนั้
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คาํ ถาม
วธิ กี ารฝึกสติ ควรทําอย่างไรจงึ จะได้ผลดเี รว็ กระผมขอแนวทาง พระท่าน
มกั จะสอนวา่ “ควรมสี ตกิ ่อน พดู ทาํ คดิ ” แต่มกั ไมค่ อ่ ยบอกวธิ ี กวา่ จะเกดิ สติ บางที
กเิ ลสมนั ก็ตบหน้าเจ้าของกระเดน็ ไปแล้ว และทําอย่างไร จติ ใจจงึ จะเป็นกลางๆ
หรอื เป็นบุญตลอด เพราะกระผมรูส้ กึ ว่าบางวนั จติ ใจกเ็ ป็นบุญดี บางวนั จติ กเ็ ศร้า
หมอง คอยเพง่ โทษผอู้ ่นื บางวนั จติ ใจกเ็ ฉยๆ มนั ขน้ึ ๆ ลงๆ ครบั
คาํ ตอบ
วธิ ฝี ึกสมาธิ กค็ อื เอาสตไิ วท้ เ่ี มตตานนั่ เอง จติ ใจเมอ่ื หนกั เขา้ กเ็ ป็นกลางๆ ไม่
ลาํ เอยี งไปทางรกั และทางชงั เป็นบุญไปตลอดสายในตวั เรยี กวา่ ภาวนามยั การเพง่
โทษผูอ้ ่นื ไม่ได้รอ้ งเรยี กมาหาตนเลย ท่รี อ้ งเรยี กมาหาตนเพ่อื เพ่งโทษผูอ้ ่นื นัน้ ก็
เพราะจติ ใจไมม่ เี มตตานนั่ เอง ไมใ่ ชอ่ น่ื ไกลเลย
ขอใหล้ กู ๆ หลานๆ ปฏบิ ตั อิ ยา่ งทว่ี ่ามาน้ีตดิ ต่ออยู่ อย่าทาํ แบบจบั ๆ จดๆ แลว้
ขาดๆ วนิ่ ๆ ใหเ้ ขา้ ใจว่าแปดหม่นื สพ่ี นั พระธรรมขนั ธ์มารวมอยู่ทเ่ี มตตาแห่งเดยี ว
นัน่ เอง ถ้าไม่อย่างนัน้ แล้ว กระแสของจติ ใจมนั จะส่งส่าย ว่าอนั น้ีดอี นั น้ีชวั่ จบั ๆ
9
วางๆ ใหเ้ หน็ คุณในตอนน้ีเสยี ก่อน แลว้ ยงั มตี ่อไปอกี ว่า ผเู้ จรญิ เมตตาหลบั คากนั
ไมฝ่ นั เหน็ สง่ิ ทล่ี ามกอนั รา้ ย
ธรรมอนั น้ีมนั ฆ่าความโกรธไปในตวั แลว้ มพี ระบาลอี ้างว่า “โกธํ ฆตฺวา สุขํ
เสต”ิ ฆา่ ความโกรธไดแ้ ลว้ ยอ่ มอยเู่ ป็นสขุ มจี นิ ตกวตี ่อทา้ ยวา่
ชา้ งมนั ขนั โซ่เสน้ ตรวนขงึ ปลอกมดั รดั รมุ รงึ ผกู ไว้
ใหอ้ ดหญา้ อดน้ําจงึ เมาสรา่ ง ...... ยอ่ มรพู้ ษิ ขอ
ความโกรธโหดรา้ ยเพราะ ชา้ งเมามนั ความรกั ดจุ เชอื กพนั เหน่ียวรงั้
โทสะฉุดแขง็ ขนั รกั ขาด อาจฆา่ ผอู้ ่นื ได้ ทงั้ ทา่ นผมู้ คี ณุ
หมน่ื หนสามารถทาํ ให้ รถหยดุ มา้ พยศฉุด หมน่ื ครงั้
อกี หมน่ื เกย่ี วขอหยดุ คชอยู่ กย็ งั ไมเ่ ทา่ เหน่ียวรงั้ โกรธไดค้ ราวเดยี ว
ตดั ผมยอ้ มปากแกม้ นะขา วเิ ลปะนะลบู ไลท้ า ผอ่ งแผว้
ประดบั ปภสั ตราภรณ์ งามเลศิ คา่ แล โทสะมมี ากแลว้ เชน่ น้ีงามไฉน
แมข้ าดเครอ่ื งลปู ไล้ ชโลมทา นุ่งหม่ ผา้ ราคา ต่าํ ตอ้ ย
มขี นั ตตี ะปะ ขม่ โกรธ เสงย่ี มงามแชม่ ชอ้ ย เชน่ น้ีเธยี รชม
ฆา่ สตั วม์ งุ่ เสพเน้ือ อกี หวงั กระดกู งาเขาหนงั ไดใ้ ช้
แต่กย็ งั เป็นบาป กรรมเฮย ใครฆา่ ความโกรธได้ ประโยชน์แทบ้ ุญเหลอื
(ฟอ โกวโิ ท)
จาํ มาจากดวงประทปี สมยั ป่ิน มทุ ุกนั ต์
ขอ้ อ่นื ยงั มอี ยู่อกี พระบรมศาสดายนื ยนั ว่าท่านผใู้ ด พลกิ จติ แผ่เมตตาขณะลดั น้ิว
มอื เดยี ว ทา่ นผนู้ นั้ ไมอ่ ยหู่ า่ งจากฌานเลย และกป็ ระพฤตใิ กลพ้ ระนิพพานโดยแทท้ เี ดยี ว
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
10
คาํ ถาม
ปญั หาจะถามหลวงปจู่ ะว่ามกี ม็ ี จะว่าไม่มกี ไ็ มเ่ ชงิ ผมดงั คนเล่อื ยไมก้ ระดาน
ขอนไมก้ ม็ แี ลว้ เสน้ กต็ ไี วแ้ ลว้ และกก็ ําลงั เล่อื ยอยอู่ กี จะเสรจ็ เม่อื ใดกเ็ ป็นหน้าทอ่ี นั
ผมต้องออกแรงเอง ส่วนวธิ อี นั แยบยลและปญั หาอนั จะต้องตดิ ขดั ภายหน้า แต่ละ
ขนั้ แต่ละภมู ิ อาจมอี ยู่ ดงั นนั้ ทงั้ ปญั หาและคาํ ตอบ กต็ อ้ งอาศยั หลวงปผู่ ผู้ า่ นมาแลว้
จงึ จะทราบไดถ้ ูกตอ้ ง ไม่อาศยั การคาดเดา คอื อยากใหห้ ลวงปปู่ รารภตามมรรคผล
ของการปฏบิ ตั ขิ องหลวงปู่ เพ่อื ผมจะไดใ้ ชเ้ ป็นอนุสตติ ่อไป ทงั้ อุปสรรคและอุบาย
แกไ้ ข ปญั หาอกี สว่ นหน่ึงคอื ... จะทาํ อย่างไรใหจ้ ติ รวมถงึ ฐานเดมิ คอื ฐตี จิ ติ ไดต้ าม
ตอ้ งการ
คาํ ตอบ
จดหมายไดร้ บั แลว้ วนั น้ีกต็ อบวนั น้ี รจู้ กั ความหมายในธรรมะทุกประการ และ
กร็ สู้ กึ ภมู ใิ จดว้ ยเพราะสนใจในธรรมะชนั้ สงู เป็นธรรมะของอุดมคตโิ ดยแท้ ไมเ่ กย่ี ว
วตั ถุนิยมใดๆ เลย มขี อ้ ถามว่า “จะทาํ อยา่ งไรใหจ้ ติ รวมถงึ ฐานเดมิ คอื ฐตี จิ ติ ไดต้ าม
ตอ้ งการ” ตอบว่า... กรรมฐานอนั ใดท่เี คยชดั เคยสําเหนียก กม็ สี ตสิ มั ปชญั ญะจบั
กรรมฐานอนั นนั้ ใหแ้ น่น และอยา่ สงสยั วา่ รสกรรมฐานอนั อ่นื จะมรี สดกี ว่ากรรมฐาน
เราทต่ี งั้ ไว้ ไอท้ แ่ี ทค้ วามจรงิ แลว้ กม็ รี สชาตเิ ป็นอนั เดยี วกนั ตามฐานะทท่ี ําน้อยทํา
มากและแยบคาย และให้เขา้ ใจว่า คําว่า “ฐตี จิ ติ ” แปลว่า จติ ท่ตี งั้ อยู่ในกรรมฐาน
นนั้ ๆ แต่อย่าลมื กรรมฐานนนั้ ๆ น้ีๆ กด็ ี จติ นนั้ ๆ น้ีๆ กด็ ี เป็นอนตั ตาจติ นนั่ เอง คอื
จติ ทไ่ี ม่ใช่ตวั ตนนัน่ เอง เม่อื ตวั ตนไม่มี จติ กไ็ ม่มใี นตวั ตน ตวั ตนกไ็ ม่ใช่จติ ไม่ต้อง
เอาจติ กบั ตนไปเป็นสงครามกนั ถอื ว่าเป็นสมมตแิ ละปรมตั ถ์ ไปแลว้ กแ็ ล้วไป จติ
เดมิ กค็ อื รสชาตขิ องจติ ของใจ ทไ่ี ม่เดอื ดรอ้ นไปทาง โลภ โกรธ หลง นัน่ เอง จะว่า
จติ กลายเป็นธรรมกไ็ ด้ เพราะเป็นเมอื งขน้ึ ของธรรมอนั ไมต่ าย เหตุฉะนนั้ ท่านจงึ ไม่
บญั ญตั วิ ่า “จติ เป็นพระนิพพาน พระนิพพานเป็นจติ ” แต่ทจ่ี รงิ แลว้ จติ ย่อมเป็นบ่าว
11
ของพระนิพพาน เพราะเป็นเมอื งขน้ึ ของพระนิพพาน ทรงเร่อื ง ศลี สมาธิ ปญั ญา
เตม็ ยศดว้ ย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คาํ ถาม
หลวงปคู่ รบั ทุกครงั้ ทจ่ี ติ ใจของผมวุ่นวายและฟุ้งซ่าน ทาํ ไมมแี ต่เรอ่ื งไม่ดไี ม่
งามประดงั เขา้ มาหา และกพ็ ลอยใหเ้ สยี เงนิ เสยี ทองทุกครงั้ ไป แมน้ จะภาวนากห็ า
ความสงบยากเหลอื เกนิ เพราะบรกิ รรมพุทโธไปซกั พกั กค็ ดิ เร่อื งนัน้ เร่อื งน้ี ผมจะ
แกไ้ ขแบบไหน ถงึ จะไม่ใหค้ ดิ ฟุ้งซ่านเวลาเขา้ สมาธภิ าวนา เร่อื งเจา้ กรรมนายเวร
ผมจะปฏบิ ตั แิ บบไหนถงึ จะขาดเวรขาดกรรมจากกนั แลว้ ถา้ หากวา่ ผมไปทาํ งานอยู่
สหรฐั อเมรกิ า ผมจะประพฤตปิ ฏบิ ตั ธิ รรมและภาวนาไป แต่ทผ่ี มเคยทํามาจะมผี ล
อะไรไหมครบั ปู่ และเขาไม่ถือศาสนาพุทธเท่าท่ผี มปฏิบตั ิอยู่ทุกวนั น้ีผดิ หรอื ถูก
ประการใด ขอใหป้ จู่ งแนะนําใหแ้ ก่ผมดว้ ย ทาํ ไมกรรมเวรถงึ ตอ้ งตามลา้ งตามผลาญ
หลานอยเู่ รอ่ื ยมา (ขอรบกวนปเู่ พยี งเทา่ น้ี)
คาํ ตอบ
เร่อื งมแี ต่อุปสรรคนัน้ อุปสรรคมนั เป็นยาวเิ ศษ เป็นเหตุให้น้อมถึงธรรมะ
เพ่อื หลุดเพ่อื พน้ ใครๆ กต็ ้องเจออย่างนัน้ ในโลกน้ี จะใส่ช่อื ลอื นามว่าโลกน้ีไม่สม
ประสงคเ์ ลยกว็ า่ ได้ น่ีหมายถงึ ธรรมชนั้ สงู หมายถงึ ธรรมของพระอรหนั ต์ ถา้ หากวา่
โลกสมประสงค์แล้ว พระอรหนั ต์เขา้ สู่อนุปาทเิ สสนิพพานไม่ได้ เพราะโลกน้ีมนั
สมควรพอใชพ้ อสอย หนทางเบ่อื กเ็ ลยไม่มี เม่อื มนั ตรงกนั ขา้ มจงึ เป็นเหตุใหพ้ ระ
อรหนั ตห์ น่ายโลก
ถา้ หากวา่ หลานจะไปอเมรกิ า ดว้ ยเดชพระพทุ ธศาสนา จงสมประสงคใ์ นเร่อื ง
น้ี และด้านธรรมจะสงบหรอื ไม่สงบก็อย่าไปท้งิ บริกรรมภาวนาอยู่อย่างนัน้ เอง
12
มฉิ ะนนั้ แลว้ มนั จะไมม่ ธี รรมเป็นเคร่อื งอยู่ เราบรกิ รรมภาวนาอยทู่ ุกวนั ไม่ใช่ว่าบุญ
จะอยอู่ ยา่ งเดมิ มนั กบ็ วกบุญอยทู่ ด่ี วงใจสงู ขน้ึ ๆ สว่ นของภายนอกไมส่ มประสงคไ์ ม่
เป็นปญั หา แมจ้ ะสมประสงคเ์ รากไ็ มต่ ดิ อยู่ เพราะมนั เป็นของไมเ่ ทย่ี งผกู ขาดแลว้
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คาํ ถาม
ไดอ้ ่านและพบเหน็ ในหนงั สอื บางเล่มว่า นิพพานอยเู่ หนือ รปู -นาม ไกลแสน
ไกล หากเป็นเช่นนัน้ ทําไม รูป-นาม จงึ จะไปถึงและเขา้ ถึง ตามความเขา้ ใจของ
กระผม นิพพานและ รปู -นาม เป็นอนั เดยี วกนั เปรยี บดงั ชา้ งตวั เดยี วกม็ ขี นั ธ์ 5 และ
อายตนะ 12 อยใู่ นตวั ครบทกุ ประการแลว้
คาํ ตอบ
การทห่ี นงั สอื บางเล่มว่า นิพพานอย่เู หนือรปู เหนือนามไกลแสนไกล อนั นนั้ ก็
เป็นการถูก เพราะรปู นามไม่ใช่พระนิพพาน ถงึ แมจ้ ติ กไ็ ม่ใช่พระนิพพานดว้ ย เหตุ
นัน้ ท่านจงึ บญั ญตั ิว่า รูป จติ เจตสกิ นิพพาน ดงั น้ี นิพพานจงึ ไม่ใช่จติ จติ ไม่ใช่
นิพพาน แต่อาศยั จติ เป็นทางเดนิ ถงึ พระนิพพาน เพราะสามารถรวมไตรสกิ ขาในจติ
นนั้ ได้
แต่ขอให้เขา้ ใจอีกว่า อย่าไปเขา้ ใจว่าพระนิพพานเป็นของตงั้ อยู่และไปๆ
มาๆ พระนิพพานไม่ได้ตงั้ อยู่ เป็นเพยี งแต่ว่า “ทรงมอี ยู่” และใครเป็นผูท้ รงพระ
นิพพาน กพ็ ระนิพพานเท่านัน้ ทรงพระนิพพานได้ รูปขนั ธ์นามขนั ธ์ย่อมทรงพระ
นิพพานไมไ่ ด้ ผจู้ ะถงึ พระนิพพานกต็ อ้ งเบ่อื หน่ายความหลงของเจา้ ตวั ทไ่ี ปยดึ เอา
รปู ขนั ธน์ ามขนั ธม์ าเป็น ตวั ตน เรา เขา สตั ว์ บุคคล กค็ ลา้ ยๆ กบั ว่าไปกาํ เอาแดด
เอาลมมาเป็น ตวั ตน เรา เขา แลว้ กช็ กมวยกบั เงาของตน เป็นความเหน็ ไม่มแี ก่น
สาร ไรเ้ หตุไรผ้ ล แต่พระนิพพานทรงนอกเหตุนอกผลเสยี แลว้ เพราะเหตุวา่ เหนือดี
13
เหนือชวั่ ไปแลว้ เหตุจะทาํ ใหด้ ใี หช้ วั่ ผลจะรบั กไ็ มม่ อี กี ดว้ ย เพราะเหตุไมม่ ี ผลจะมา
จากประตใู ดเลา่
เอา้ ... มรรค 7 เบ้อื งต้น เวน้ อรหตั ตผลเสยี เหลอื นอกนัน้ เป็นมรรค และผล
โยงกันอยู่ในตัว ไม่ข้ึนอยู่กับผู้รู้และไม่รู้ ไม่ข้ึนอยู่กับผู้เช่ือและไม่เช่ือ ส่วน
อรหตั ตผลนนั้ เป็นผลขาดตอน ไมเ่ ชอ่ื มมาจากมรรค คอื เหตุ ขอใหเ้ ขา้ ใจว่า มรรคก็
ดี เหตุกด็ ี พชื กด็ ี กรรมกด็ ี จดั เขา้ ในฝา่ ยเหตุฝา่ ยมรรค สว่ นผลของเหตุ ผลของพชื
ผลของกรรม ผลของมรรค และผลของกิริยาอีก ผลในส่วนน้ีมีความหมายอัน
เดยี วกนั สว่ นไปทางดที างชวั่ แลว้ แต่เหตุ แต่กรรม แต่พชื กริ ยิ า เป็นประมาณ สว่ น
ผลของสง่ิ เหล่าน้ี แมจ้ ะปรารถนาหรอื ไม่ปรารถนา กไ็ ดร้ บั ตามสว่ นควรค่าของเหตุ
พชื กรรมดงั กล่าวแลว้ นนั้ จะรตู้ วั หรอื ไม่รตู้ วั ไมเ่ ป็นปญั หา และใครจะเป็นผรู้ ตู้ วั และ
ไมร่ ตู้ วั เลา่ กพ็ ระสตพิ ระปญั ญาเท่านนั้ จะรตู้ วั ซง่ึ สมั ปยตุ กนั อยกู่ บั จติ จะว่าสมั ปยุต
กนั อยกู่ บั วญิ ญาณกถ็ กู เพราะจติ กบั วญิ ญาณนนั้ แปลเป็นไทยกไ็ ดค้ วามวา่ “ใจ” อนั
เดยี วเทา่ นนั้ แมม้ นสั กแ็ ปลวา่ ใจ มโนกแ็ ปลวา่ ใจ เป็นตน้
และขอให้เขา้ ใจว่ารูปและนาม ไม่สามารถจะเขา้ ถึงพระนิพพานได้ ผูท้ ่ไี ม่
ยดึ ถอื รปู นาม ว่าเป็น ตวั ตน เรา เขา สตั ว์ บุคคล นนั่ เอง จงึ จะรรู้ สพระนิพพานได้
และขอใหเ้ ขา้ ใจว่าผูต้ าดยี ่อมสนเขม็ ได้ง่าย ผูต้ าฟางกต็ รงกนั ขา้ ม ของท่หี นักผูม้ ี
กาํ ลงั แบกได้ ผไู้ มม่ กี าํ ลงั กต็ รงกนั ขา้ ม เหลา่ น้ีเป็นตน้ น้ํามหาสมุทรปลาขาวปลาซวิ
เขาบอกว่าลกึ มาก สว่ นปลาปิมงิ คละ เขากบ็ อกว่าไม่พอแหวกว่ายเสยี แลว้ เหล่าน้ี
เป็นตน้
สงิ่ เหล่าน้ีมนั ตอ้ งขน้ึ อย่กู บั บารมที ส่ี รา้ งมาแก่กลา้ หรอื หย่อนกว่ากนั เหตุนนั้
จงึ มธี รรมรบั รองว่า “กมั มุนา วตั ตติ โลโก” สตั วโ์ ลกเป็นไปตามกรรม กรรมและผล
ของกรรม เป็นเบ้ยี บําเหน็จบํานาญของสตั วอ์ ยทู่ ุกอริ ยิ าบถของใจ ใจจะรตู้ วั หรอื ไม่
รตู้ วั กไ็ มเ่ ป็นปญั หา ใจทอ่ี ่อนบารมยี อ่ มไมค่ ่อยจะรตู้ วั ไดง้ ่าย เงากายเป็นของหยาบ
14
เงาใจนนั้ จะมแี สงสวา่ งหรอื ไมม่ กี ต็ ดิ ตามไปทงั้ นนั้ เงาของใจนนั่ เองทเ่ี รยี กวา่ ผลของ
กรรม พระอรหนั ต์ทรงเหนือกรรมและผลของกรรมนัน้ ไม่สงสยั เลย เพราะเป็น
อโหสกิ รรมไปแลว้ เป็นอโหสเิ หตุกว็ า่ อโหสพิ ชื กว็ า่ เอาละ่ คงพอเขา้ ใจแลว้ ในเรอ่ื งน้ี
ทาํ ไมจงึ ตอบมาก ถา้ ไมต่ อบมากกเ็ กรงจะสงสยั ไป
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คาํ ถาม
ผมเคยอ่านหนังสอื พบว่า เวลาขณะท่จี ติ ฟุ้งซ่านมากๆ ไม่ควรจะทําสมาธิ
ภาวนา เพราะเหตุใด จรงิ ไหมครบั
คาํ ตอบ
ทว่ี า่ จติ ฟุ้งซ่านนนั้ ไมค่ วรทาํ สมาธิ ตอบว่า... จติ ฟุ้งซ่านนนั้ เอง จะไดถ้ กู ขม่ เหง
เขา้ ในสมาธดิ ้วยบรกิ รรม ให้พอจดจ่ออยู่กบั กรรมฐานท่ีตงั้ ไว้ ถ้าบรกิ รรมไม่พอ
หรอื เพ่งใหเ้ ป็นอารมณ์เดยี วไม่พออยู่ในเป้าอนั เดยี ว มนั กไ็ ม่ยอมลงเหมอื นกนั ถ้า
จติ ฟุ้งซ่าน เราไมเ่ ขา้ สมาธแิ ลว้ มนั ยงิ่ ไปกนั ใหญ่ เทยี บกนั กบั เราเลย้ี งโค มหี ญา้ กนิ
อยู่ มนั ไม่สนั โดษกนิ ก็ต้องผูกมดั ผูกล่ามไว้ โบราณท่านกล่าวว่า เรอื ขา้ มทะเล
เม่ือคล่ืนจดั ก็ต้องทอดสมอ มิฉะนัน้ เรือจะคว่ําและเดินผดิ ท่า ฉันใดก็ดี เม่อื มนั
ฟุ้งซ่าน เราไม่ดดั สนั ดานมนั ให้ตงั้ อยู่ในกรรมฐานอนั ใดอนั หน่ึงอยู่ มนั ก็เคยตวั
เพราะมนั ไม่ถูกทรมานดว้ ยพระสตพิ ระปญั ญา คําว่าฟุ้งซ่านกค็ อื รําคาญใจนัน่ เอง
มนั องิ กบั โมหะโดยไมร่ ตู้ วั
15
“...สง่ิ ทค่ี วรรไู้ วใ้ คร่ครวญธรรมวนิ ยั ของพระพุทธศาสนากม็ อี ย่วู ่า ถา้ ชาวโลก
ใช้อุบายตัดป่าออกจากพระพุทธศาสนาแล้ว (พระไตรปิฎกก็ไม่ครบ) เป็น
พระไตรปิฎกปลอม (ถอื วตั ถุนิยมทบั ถมอุดมคต)ิ การบวชพระกบ็ อกอนุศาสไมไ่ ดฯ้
ถา้ ไมม่ พี ระพทุ ธศาสนาแทรกแซงอยใู่ นโลกแลว้ ชาวโลกกเ็ กดิ จลาจลอลหมา่ น ไมม่ ี
ประตูบรรเทา เป็นชาวโลกทไ่ี ม่มขี อ่ื มแี ป เป็นช่างไมท้ ่ไี ม่มดี งิ่ มาตราวดั ระยะและ
มาตราตวงกไ็ ม่มี (ช่างก่อสรา้ งจะทง้ิ ดงิ่ ไม่มดี งิ่ กเ็ ป็นชา่ งก่อสรา้ งปลอม) ไมม่ รี ะดบั
น้ํากไ็ ม่ไดอ้ กี ฯ นักกฎหมายของชาวโลก ไม่เอาธรรมวนิ ัยของพระพุทธศาสนาเป็น
แว่นดวงใจดวงธรรม กไ็ ปไมร่ อดอกี กฎหมายของประเทศกเ็ ชน่ กนั และชาวโลกไม่
ลดตําแหน่งกเิ ลส ทเ่ี ป็นนายหน้าของความประพฤตแิ ต่ละท่านแต่ละท่านอกี กจ็ ะ
เอาสนั ตภิ าพมาจากประตูใด ขอเรยี นศกึ ษาไวก้ บั ปวงปราชญ์ทวั่ ไตรโลกธาตุดว้ ยฯ
ส.ค.ส. ทกุ ๆ ปี...”
หลวงปหู่ ลา้ เขมปตฺโต