เทศนว์ ันพระแรก ชว่ งเขา้ พรรษา
หลวงพอ่ ประสิทธิ์ ปญุ ญมากโร
เทศนว์ นั ท่ี ๒๑ ก.ค.๒๕๔๖
วนั พระเป็นวนั พระวนั แรกซง่ึ เราเขา้ อยจู่ าํ พรรษา เราก็นบั มา
๓ วนั ท่ีลว่ งไปไดอ้ าทติ ยห์ นง่ึ ถา้ วา่ ตามภาษาของเจา้ อาวาส
หรอื ภาษาสากล แตภ่ าษาทางพระพทุ ธศาสนาเรยี กวา่ วนั พระ ๘
ค่าํ การอยจู่ าํ พรรษาท่เี ราเคยปฏบิ ตั กิ นั มา อย่างพระท่ีเคยจาํ
พรรษาท่ีน่ี เราเคยจาํ มาพรรษาก่อนก็มีหลายองค์ คอยสลบั
สบั เปล่ียนกนั จาํ พรรษาในท่ตี า่ งๆดว้ ย ก็จะไดน้ าํ ตวั อยา่ งจาก
ท่ีน่ีท่ีเราถือวา่ เป็นท่ีอย่ศู กึ ษาดตู วั อยา่ งในทางปฏบิ ตั ิ ก็สว่ นท่ีเรา
ออกพรรษา หรอื นอกพรรษาน่ีเราเท่ียวไปตามสถานท่ีตา่ งๆเรา
มกั จะไดต้ วั อยา่ งนาํ ไปปฏิบตั ิฝึกจิตฝึกขอ้ วตั รไปในตวั
อยา่ งท่ีเขา้ พรรษาทกุ ปีก็เขา้ ตรงตามเวลาตามฤดู แลว้ กม็ ี
กาํ หนดอย่สู ามเดือนเทา่ กนั สามเดอื นนีเ้ ม่ือสมยั ก่อนทา่ นผเู้ ป็น
บรู พาจารยเ์ ป็นครูสายพระกรรมฐานเราอย่างสมยั หลวงป่มู ่นั
หลวงป่อู บุ าลี ทา่ นมาโปรดมาเผยแพรศ่ าสนาทางภาคเหนือ
1
จงั หวดั เชียงใหม่เป็นครงั้ แรก ใหเ้ กิดมีวดั ธรรมยตุ ิฝ่ายปฏิบตั ิ
ขนึ้ มากเ็ ป็นวดั มาจนถงึ ทกุ วนั นี้ อย่างวดั เจดยี ห์ ลวง มีอายุ
เก่าแกม่ านาน ก็เป็นวดั สายพระกรรมฐานน่นั แหละ มนั มาสรา้ ง
มาอยจู่ าํ พรรษา มาอบรมจติ ภาวนา แลว้ ก็มาฝึกสอนพวก
ศรทั ธาชาวเชียงใหม่ชาวภาคเหนือ แลว้ ก็โปรดสอนพทุ ธบรษิ ัท
ทงั้ ๔ใหเ้ กิดมีขนึ้ สิ่งธรรมท่ที ่านสอนก็คอื สอนไปตามหลกั
พระพทุ ธศาสนา สอนไปตามพระรตั นตรยั เช่นยกเอาพระ
พทุ ธคณุ พระธรรมคณุ พระสงั ฆคณุ คอื พระคณุ ทงั้ ๓น่ี เป็น
พระคณุ หลกั ในพระพทุ ธศาสนา แลว้ ก็เทยี บกบั เวลากบั เดือนท่ี
จาํ พรรษาอย่กู ม็ ี ๓ เดือนเทา่ กนั
เหตนุ นั้ พอคณุ ท่ีเรม่ิ ตน้ อยา่ งท่ีเราเรม่ิ ตน้ เขา้ น่ี เรยี กวา่
เขา้ พรรษา เดอื นตน้ เดอื นแรกอย่างนีก้ ็เป็นการท่ีเราจะตอ้ งเจรญิ
พระพทุ ธคณุ หรอื ปฏิบตั ใิ หเ้ ป็นไปตามหลกั พระพทุ ธคณุ คอื คณุ
ของพระพทุ ธเจา้ คณุ ของพระพทุ ธเจา้ ท่ีเราสวดน่นั น่ะ แตท่ า่ น
มาอธิบายมาขยายขอ้ ความใหเ้ ป็นภาษาของพวกเรา ภาษาไทย
อยา่ งนี้ ภาษาท่ีเราเรยี นรูใ้ หเ้ ขา้ ใจอย่างท่ีวา่ ทา่ นใหเ้ จรญิ
2
ภาวนาใหค้ าํ บรกิ รรมวา่ พทุ โธอยา่ งนี้ ก็เป็นช่ือพระพทุ ธคณุ เป็น
คณุ ของพระพทุ ธเจา้ น่นั นะ่ เป็นอารมณ์ เป็นคาํ แรกเพ่ือใหเ้ รา
เรม่ิ ตน้ เขา้ ตน้ คณุ ตน้ ศาสนา รูจ้ กั ท่ีมาของพระพทุ ธศาสนา
เหมือนเราเขา้ พรรษา เรม่ิ ตน้ แรกๆน่ี ก็จะตอ้ งเรม่ิ เจรญิ พระ
พทุ ธคณุ
พทุ ธคณุ คือคณุ ความรูท้ ่ีเกิดจากจิตของพระพทุ ธเจา้ ท่ที า่ น
ไดป้ ฏิบตั ิ ทา่ นไดข้ ดั เกลากิเลส ฟอกกิเลสออกจากจิต จติ ได้
บรรลไุ ดพ้ ทุ ธคณุ บงั เกิดขนึ้ มาในดวงจติ ของพระองค์ แตห่ ากวา่
พระองคไ์ ดท้ าํ พระพทุ ธศาสนาใหเ้ กิดขนึ้ ทางใจของพระองคท์ ่ีจะ
เกิดขนึ้ ได้ พระองคก์ ็ปฏบิ ตั ิหละทีนี้ มาปฏิบตั ิ มาขดั เกลา มา
สาํ รอกซกั ฟอกกิเลสออกจากใจ ใชพ้ ระพทุ ธคณุ เป็นหลกั คอื
เป็นคาํ บรกิ รรมและเป็นอารมณเ์ ป็นท่ีกาํ หนดจติ กาํ หนดความรู้
ไวภ้ ายใน แตข่ องจิตของสตั วท์ ่วั ๆไปของคนท่วั ๆไปน่ีมนั ไมไ่ ดม้ ี
พระพทุ ธคณุ ไปเกิดไปมีมนั มีพวกอารมณท์ ่ีมาจากบาปจาก
กิเลสตา่ งๆอยา่ งเน่ีย ท่หี ่อหมุ้ ปกคลมุ จิตใจมนั ฉะนนั้ ทา่ นจงึ เอา
พระพทุ ธคณุ เขา้ ไป เกิดไปมีในใจหละทีนี้ ก็ไปขบั ไปไลพ่ วก
3
อารมณ์ พวกความรูซ้ ง่ึ ไมใ่ ชเ่ ป็นคณุ เป็นฝ่ายบาปฝ่ายโทษให้
ออกไป
เหตนุ นั้ พระพทุ ธคณุ ท่ีเกิดมาจากใจของพระพทุ ธเจา้ มีมาก
คือมีมากท่ีเรยี กวา่ ไมม่ ีประมาณในการท่ีจะวดั จะนบั เรยี กวา่ มนั
มีมาก ไมม่ ีประมาณหละทนี ี้ เพราะแผ่กระจายกวา้ งไปท่วั โลก
อยา่ งท่ีเราวา่ บทสดุ ทา้ ยน่นั หละ คือพระองคเ์ ป็นผรู้ ูแ้ จง้ โลก
โลกวิทู คอื ทา่ นรูแ้ จง้ โลกคือ ความรูใ้ นโลกตา่ งๆน่ีมาบอกมาทลู
จิตของพระองคใ์ หร้ ูท้ ่วั รูถ้ งึ เรยี กวา่ โลกวทิ ู เป็นผรู้ ูแ้ จง้ โลก โลกก็
คอื รูป คอื กิเลส คอื รา่ งกายของคนเราอยา่ งน่ี ไมใ่ ช่ดินฟา้ อากาศ
หรอื พืน้ แผน่ ดนิ ท่กี วา้ งใหญ่ โลกคอื รา่ งกายของผชู้ ายผหู้ ญิงตวั
ของเราของเขา เป็นโลก แตพ่ ระพทุ ธเจา้ ทา่ นรู้ ท่านรูแ้ จง้ ไมใ่ ช่รู้
มืดดาํ รูล้ บู คลาํ แตส่ ตั วโ์ ลกมนษุ ยส์ ตั วท์ ่วั ไป เคา้ ไม่ไดร้ ูแ้ จง้ เคา้
รูม้ ืดดาํ ลบู คลาํ อยา่ งนี้ คอื ความท่ีเคา้ มีจิต รกั จติ ผกู พนั จิต
กาํ หนดั ยนิ ดอี ะไรตา่ งๆอย่างนี้ กเ็ ลยตอ้ งมีความคิดผกู พนั หละที
นี้ แตพ่ ระพทุ ธเจา้ ทา่ นไมม่ ี ทา่ นรูแ้ จง้ ทา่ นแยกสง่ิ ท่ีผกู พนั
ห่อหมุ้ ออกจากใจ พระคณุ ท่ีพระพทุ ธเจา้ ไดป้ ฏิบตั ไิ ดท้ าํ ใหต้ รสั รู้
4
นนั้ รวมยอ่ ก็จะมี ๓ อยา่ ง อย่างท่ีวา่ พระปัญญาคุณนนั้ หนง่ึ
แลว้ ก็พระบรสิ ุทธคิ ณุ พระมหากรุณาธคิ ุณอย่างนี้ น่ีท่านยอ่
เขา้ มาก็อาศยั เกิดจากจติ ของพระพทุ ธเจา้ น่นั แหละไดต้ รสั รูไ้ ด้
ความสวา่ งในทางจติ ของพระองค์ ไดแ้ ผ่กระจายออกไปในรูปใน
โลกไดเ้ หน็ ท่วั ถงึ
เม่ือพระพทุ ธเจา้ เหน็ ท่วั ถงึ พระเมตตา พระมหากรุณาธิคณุ
ก็เกิดขนึ้ ในจิตของพระองค์ เกิดความสงสารสงั เวชสลดจติ ใน
ชีวิตของสตั วโ์ ลกของคนเราอย่างนีท้ ่ีมนั มวั เมา มนั มืดมดิ ปิดบงั
ท่านก็สงสารฉะนนั้ จงึ เกิดพระมหากรุณาธิคณุ ขนึ้ คอื คณุ
พระพทุ ธเจา้ ไดเ้ กิดขนึ้ ในจิตในบารมีท่ีพระพทุ ธองคไ์ ดบ้ าํ เพญ็
มามาก ไดร้ วมความสวา่ งความดที งั้ หมดท่ีพระพทุ ธเจา้ ไดส้ รา้ ง
ไดบ้ าํ เพ็ญมา ท่านก็มองเหน็ ไปกวา้ งไกลทนี ี้ เหน็ ไปท่วั ถงึ ไมม่ ี
ประมาณมนษุ ยส์ ตั วห์ ญิงชาย สตั วท์ กุ ประเภทอะไรอย่างนี้
เรยี กวา่ ถา้ พดู ถึงปัญญาคณุ ของพระพทุ ธเจา้ ก็ไม่จบไมส่ นิ้
เพราะมีมาก ทา่ นจงึ บอกรวมวา่ ไม่มีประมาณ อยา่ งท่ีเราสวดใน
ขนั ธปรติ รท่ีวา่ โดยฤทธิ์ โดยอาํ นาจอะไรท่ีวา่ อปั มาโณพุทโธ
5
คือคณุ ของพระพทุ ธเจา้ ไมม่ ปี ระมาณ ท่ีประมาณท่ีเอามาเป็น
ตวั อยา่ งฝึกสอนพทุ ธบรษิ ัทน่ีทา่ นก็เลอื กคดั มาเทา่ นนั้ แหละ
ท่ีวา่ พระมหากรุณาธิคณุ อยา่ งนี้ แลว้ ก็พระบรสิ ทุ ธิคณุ แลว้ พระ
ปัญญาคณุ อย่างนี้
ท่ีวา่ สอนพทุ ธบรษิ ัท สอนเพราะวา่ ทา่ นเหน็ ดว้ ยญาณดว้ ย
ปัญญาดว้ ยวชิ ชาความรู้ เหน็ ถกู แลว้ พระองคก์ ็สงสารทีนี้ สงสาร
ท่ีสตั วต์ อ้ งทกุ ขท์ รมานตอ้ งเวยี นวา่ ยตายเกิด ไมร่ ูจ้ กั ทางแก้ รูแ้ ต่
ส่งิ ท่ีจะผกู พนั หรอื วา่ ยวน คอื สตั วท์ ่วั ไปรูแ้ ตส่ ่ิงท่ที าํ ผกู มดั วา่ ยวน
ไม่รูจ้ กั ท่ีจะวา่ ยไป คือไมเ่ ป็นถา้ พดู งา่ ยๆ คอื มาปฏิบตั ิแลว้ ก็ไม่
เป็น เหมือนเราเอามาฝึกสตั วฝ์ ึกควายไถนาอะไร มนั ก็ไมเ่ ป็น ผู้
ท่ีทา่ นมองเหน็ ท่านก็สงสาร เพราะวา่ สงิ่ ท่ีเหน็ อย่สู งิ่ ท่ีมีอยกู่ ็มที กุ
อย่างใหเ้ ราดเู ราเหน็ แตก่ ็ทาํ ไมเ่ ป็น เม่ือทา่ นเป็น ทา่ นเหน็ ทา่ นก็
เห็นแตค่ วามสงสารวา่ ทาํ ไมทาํ ไมเ่ ป็น เพราะวา่ ส่งิ ทงั้ หมดน่ีท่ี
เป็นพระพทุ ธศาสนาหรอื วา่ พระพทุ ธคณุ ท่ีพระพทุ ธเจา้ ไดท้ าํ ให้
เกิดใหม้ ีใหส้ มบรู ณ์ พระพทุ ธเจา้ ก็เอาสิ่งในรูปในรา่ งกายของ
พระองคม์ าสรา้ งขนึ้ อย่างนี้ ไมไ่ ดเ้ อาจากอ่นื นอกตวั คือสรา้ ง
6
จากรูปจากรา่ งกายของพระองคท์ งั้ หมดใหเ้ กิดเป็นคณุ ขนึ้ ในจติ
แตเ่ ม่ือเกิดเป็นคณุ เป็นความรูท้ ีนีไ้ ม่ใชว่ า่ ความไมร่ ู้ เป็นความรู้
จงึ วา่ พระพทุ ธคณุ คือพุทธะ ก็รูอ้ ย่แู ลว้ พทุ ธะแปลวา่ ผรู้ ู้ เป็นจติ
รู้ พทุ ธะ รูค้ ณุ รูส้ ง่ิ ท่ีเป็นคณุ เป็นประโยชนแ์ ก่ตนแก่สตั วอ์ ่นื ดว้ ย
รูข้ องพระองคก์ อ่ น สอนพระองคไ์ ดเ้ ท่ากบั มาสอนสตั วอ์ ่นื ใหร้ ู้
ตาม เรยี กวา่ พระพทุ ธคณุ ทีนี้
น่ีแหละทา่ นเอามาสอน ท่านแตง่ เป็นหนงั สอื เป็นเลม่ อยา่ งนี้
แตง่ เป็นตาํ ราออกมา เราจะไดเ้ หน็ สมยั ก่อน พอหลงั ๆก็ไม่คอ่ ยมี
ใหเ้ ราไดเ้ หน็ ไดอ้ า่ น ซง่ึ ลว่ งกาลผ่านสมยั มานาน มนั จะมีแต่
หนงั สือรุน่ ใหม่หนงั สือท่ีคนรุน่ หลงั แตง่ ใชป้ ฏภิ าณโวหาร
การศกึ ษารุน่ หลงั ๆมา แตก่ อ่ นนนั้ ทา่ นมี มีท่ีวา่ หนงั สือพระ
พทุ ธคณุ ท่ีคณุ ทงั้ ๓ น่นั แหละ พระธรรมคณุ พระสงั ฆคณุ อย่าง
นี้ แตท่ า่ นจะเอามาสอนในพรรษา เพราะมนั ตรงกบั เวลา ตรงกบั
ผอู้ ยปู่ ฏบิ ตั ดิ ว้ ย ผทู้ ่ีปฏบิ ตั ิอย่ทู ่วั ไปกจ็ ะจาํ พรรษาอย่ตู ามท่ีตา่ งๆ
ถา้ ในเขตท่ีทา่ นเอาตวั อยา่ งไปฝึกไปสอนไดก้ ็จะไดป้ ฏบิ ตั ิ
เหมือนกนั เน่ยี อย่างท่วี า่ ตน้ พรรษาทา่ นก็จะสอนอธิบายเร่อื ง
7
พระพทุ ธคณุ แตท่ ่านก็อธิบายในหลกั บาลี หลกั ท่ีแตง่ มาเป็นคาํ
สรรเสรญิ คาํ สวดอยา่ งท่ีเราทาํ วตั รน่นั แหละ อย่างในวรรคท่ีเป็น
พทุ ธคณุ ท่ีเราสวด อติ ปิ ิโสภควา อะไรเน่ีย เราวา่ เป็นบทพระ
พทุ ธคณุ บทตน้ ใหท้ า่ นอธิบายเป็นคาํ เป็นความหมายขยาย
ขอ้ ความใหเ้ ขา้ ใจอย่างนนี้ ะ คอื ใหเ้ ขา้ ใจท่ีคนท่ียงั ไม่รูไ้ มเ่ ขา้ ใจ
ไดเ้ ขา้ ใจเป็นความรูท้ ่ีจะนาํ ไปปฏบิ ตั ิเพ่ือจะไปขดั จิตใจของ
ตวั เองอยา่ งนแี้ ลว้ ก็เป็นแบบเป็นตวั อยา่ งแลว้ ก็เป็นสงิ่ ท่ใี หเ้ ราได้
เอามาเทียบเทา่ ในความรูก้ ารปฏิบตั ขิ องเราดว้ ย เราจะไดเ้ ป็น
การบาํ รุงความรูค้ วามเพียร ความท่ีจะทาํ พทุ ธคณุ ใหเ้ กดิ ขนึ้ ใน
ตวั เรา คอื จะเป็นการสง่ เสรมิ การปฏิบตั ขิ องเราใหม้ ีศรทั ธา ใหม้ ี
ศรทั ธาคือความเช่ือในธรรมท่ีพระพทุ ธเจา้ ทา่ นสอนไว้ แลว้ ก็ยงั
มีความเล่อื มใสดว้ ย ไม่ใชแ่ ตเ่ ช่ืออย่างเดยี ว เพราะความ
เล่อื มใสเพราะจิตใจขดั เกลาไปเห็นความรูท้ ่ีเกิดมาจากการ
ปฏิบตั ิอยา่ งนี้ เป็นความดที ่ีเกิดขนึ้ มาในความสงบท่เี ราทาํ ให้
เกิดใหม้ ีอยา่ งนี้ มนั ก็เหน็ ขนึ้ เม่ือความเหน็ ความเช่ือมนั กม็ ีขนึ้
แตถ่ า้ เราไมม่ ีความรูค้ วามเหน็ ความเช่ือมนั ก็ไม่เกิดขนึ้ เหมือน
8
เราทาํ อะไรไมเ่ กิดไมเ่ ป็นมนั ไมเ่ หน็ อะไรงอกงามอยา่ งนี้ มนั ก็
หมดกาํ ลงั มนั ก็เส่อื มถอย
พทุ ธคุณก็เหมือนกนั ไม่เกดิ ไม่เกิดในจติ ผทู้ ่ีไม่เคารพ
หรอื ไม่ปฏบิ ตั ติ ามอย่างนี้ อย่างท่ีวา่ เรานกึ พทุ โธอยา่ งนี้
เพราะวา่ ถา้ ใจเราไม่เคารพ ไมร่ กั พทุ ธคณุ จรงิ มนั ก็ไม่เกิดหละที
นี้ คือวา่ เรานกึ ไปมนั ก็จะเผลอไป นกึ เอากิเลสเขา้ มา เราก็จะลมื
ไปเป็นชว่ งเป็นระยะอย่างนีเ้ พราะกิเลสมนั ก็ตามกนั ไปเรยี กวา่
มนั เป็นเคร่อื งท่ีจะคอยแขง่ คอยแย่งกบั คณุ กบั พระพทุ ธคณุ
อย่างนี้ อยา่ งนนั้ กิเลสมนั มอี าํ นาจ มนั เคยครองจติ ครองพนื้ ฐาน
มานาน มนั ไมย่ อมใหค้ ณุ พระพทุ ธเจา้ เขา้ ไปเกิดไปอยหู่ ละทีนี้
มนั ก็เลยเป็นมารเป็นขา้ ศกึ อย่างน่ี มนั แขง่ กนั คอื เราจะทาํ แต่
มนั ก็สกู้ ิเลสไมไ่ หว กิเลสมนั เป็นเจา้ ของอยกู่ อ่ น เหตนุ นั้ เรา
จะตอ้ งมาศกึ ษามาใชค้ วามเพียรมาปฏิบตั นิ ่ะทีนี้ เพ่ือใหเ้ กิด
พระพทุ ธคณุ ขนึ้
พระพทุ ธคณุ เกิดขนึ้ เราถงึ จะมองเหน็ มองเหน็ โทษเหน็ บาป
เหน็ ความมืดความดาํ ตา่ งๆนะทนี ี้ มนั ถงึ จะไดเ้ หน็ จงึ จะไดเ้ ห็น
9
เหมือนกบั วา่ แสงสวา่ งกบั ความมืดมนั เป็นคกู่ นั พระพทุ ธคณุ ก็
เหมือนแสงสวา่ ง เหมือนประทีปเม่ือลกุ อยใู่ นท่ีไหนน่ีมนั ก็ขบั
ความมืดออกไป แตถ่ า้ พทุ ธคณุ ดบั ไป ความมืดก็เขา้ มา มนั ก็ปิด
มดิ มองไมเ่ หน็ อย่างนี้ เหตนุ นั้ พระพทุ ธเจา้ ท่านมีพระมหา
กรุณาธิคณุ แกส่ ตั วโ์ ลก คอื สงสารทา่ นก็สรา้ งบารมีชว่ ยจติ ของ
พระองคม์ ากอ่ นได้ ทา่ นก็สงสารสตั วโ์ ลกท่ียงั ไมร่ ูไ้ มเ่ ป็นไม่เหน็ ท่ี
จะหลกี ออกไปจากความมดื น่นั แหละ ทา่ นก็สอนหละทีนี้
เรยี กวา่ มีพระมหากรุณาธิคณุ แลว้ ก็มพี ระบรสิ ทุ ธิคณุ แกส่ ตั ว์
โลกคอื ท่านมีความบรสิ ทุ ธิ์คือท่านปฏิบตั ขิ ดั เกลาชาํ ระกิเลสท่ี
มนั หอ่ หมุ้ มานานออก ฟอกสิง่ ท่ีหอ่ หมุ้ จติ ออก เกิดความผ่องใส
ขนึ้ เรยี กวา่ เกดิ มาจากพระพทุ ธคณุ ท่ีมาจากความเมตตาความ
กรุณาหละทนี ี้ เกิดความบรสิ ทุ ธิ์ขนึ้ มา ใจบรสิ ทุ ธิ์ เพราะทา่ นก็
ปฏบิ ตั ขิ ดั เกลาชาํ ระจติ ไมใ่ ช่วา่ จะมาทาํ ความดดี ว้ ยสิง่ ภายนอก
หละทีนี้ คือทาํ จากการปฏบิ ตั ิ ไม่ไดเ้ ก่ียวกบั วตั ถทุ ่ีนีส้ ว่ นนงึ คอื
เก่ียวกบั ปฏิบตั คิ ือทาํ จิตของเรา คือตอ้ งมาปฏิบตั กิ ายของเราให้
มนั เกิดพระพทุ ธคณุ ขนึ้
10
คือเราไมร่ ู้ เราไมเ่ ขา้ ใจ เราไม่เล่อื มใส เราไมศ่ รทั ธา ก็เพราะ
มนั มีพวกกิเลสตณั หา พวกมารมนั แฝงฝังอย่ใู น ฉะนนั้ เวลาเรา
ทาํ อะไรมนั จะมีอาการ มีอารมณท์ ่ีจะกระซบิ มนั จะพดู ขนึ้ มา
ทางใจหละทนี ี้ สิ่งท่ีเราแกไ้ มไ่ ดห้ ละทนี ีก้ ็เหน็ อยู่ ทงั้ ท่ีเรารูๆ้ เห็นๆ
เราก็ไม่ยอมแก้ เรากป็ ลอ่ ยใหม้ นั เป็นไป แตถ่ า้ เรามารูม้ าปฏิบตั ิ
มาเจรญิ พระพทุ ธคณุ ใหเ้ กิดมีขนึ้ พทุ ธคณุ มีอาํ นาจทนี ี้ มีพลงั ท่ี
จะกาํ จดั พวกกิเลสหละทนี ี้ ถา้ ไมม่ พี ระพทุ ธคณุ น่ี เราจะไปแก้
ดว้ ยทางอ่นื วธิ ีอ่นื ก็ไม่ไดท้ ีนี้ คืออาศยั พระพทุ ธคณุ อยา่ งเดียว
จะเกิดขนึ้ จะเกิดความบรสิ ทุ ธิ์ขนึ้ ในจติ ของเรา เกิดความสงบ
ขนึ้ ในจิตเทา่ นนั้ จะเกิดปัญญาคณุ ปัญญาคณุ คอื ความรอบรู้
ความรูร้ อบในตวั รูร้ อบในสงั ขารน่ีจะเกิดขนึ้
คอื สง่ิ ทงั้ หมดเน่ียเป็นพระพทุ ธคณุ น่ะทนี ี้ คือคณุ ท่ีเกิดมา
จากพระพทุ ธเจา้ พระพทุ ธเจา้ ปฏบิ ตั ิทาํ ใหเ้ กิดใหม้ ีขนึ้ แต่
พระพทุ ธเจา้ ก็ปฏบิ ตั ิบาํ เพ็ญบารมีมาทกุ อย่างท่ีมีในพระบารมี
นะน่ี คือสรา้ งใหเ้ กิดเป็นพระพทุ ธคณุ ขนึ้ นบั ตงั้ แตท่ าน ศีล
ภาวนา เนกขมั มะ ปัญญา วริ ิยะ สัจจะ ขนั ติ อธษิ ฐาน
11
เมตตา อุเบกขา อยา่ งนี้ ก็เป็นการเจรญิ พทุ ธคณุ ทงั้ หมด ทาํ
พระพทุ ธคณุ ใหส้ มบรู ณ์ ใหเ้ กิดขนึ้ ไมใ่ ช่วา่ หามาจากท่ีอ่ืนหละที
นี้ หามาจากรูป จากรา่ งกาย จากสิง่ ท่ีคนเรามี เรยี กวา่ เป็นส่งิ ท่ี
เรามีไวส้ าํ หรบั ท่ีจะเอามาปฏบิ ตั เิ ขา้ มาทาํ ใหเ้ กิดมี จงึ วา่ บารมี
ทาํ ใหเ้ กิดมีขนึ้ มนั มีอย่กู ่อนแลว้ แตเ่ รามาทาํ ใหด้ ีขนึ้ อยา่ งนี้ กม็ นั
ใสอย่กู อ่ นแตเ่ รามาขดั ใหม้ นั ใสขนึ้ มนั ก็เป็นแตเ่ พียงเพม่ิ แค่
นนั้ น่ะ ไมใ่ ชว่ า่ มนั ไมม่ ี
ฉะนนั้ คนท่ีไมไ่ ดศ้ กึ ษา ไม่เขา้ ใจ เราก็จะมแี ตพ่ วกกิเลส
พวกสง่ิ ท่ีมนั หลอกมนั หลอน มนั กอ่ กวนหละทีนี้ มนั ไมม่ ี
พทุ ธคณุ ไมเ่ กดิ ไม่มีหละทีนี้ มนั จะเกิดเป็นแตค่ วามทกุ ขโ์ ทษ
บาป มนั จะทาํ อะไร มารทางจติ มนั จะถกจะเถียงเอา มนั จะมี
ความประมาท มนั จะขาดสติ นกึ พทุ โธมนั ก็หายไป น่นั หละเป็น
ความประมาท ถา้ เรานกึ พทุ โธไม่ตดิ กถ็ ือวา่ มีความประมาทตดั
ตอนไป มีความลืมน่นั แหละ ความลมื ทา่ นถือวา่ เป็นความ
ประมาท เหตนุ นั้ คนลืม คนขาดสติ ท่านกบ็ อกวา่ เหมือนคนตาย
เป็นคนตายอย่างนีน้ ะ คนตายไมร่ ูอ้ ะไร เพราะวา่ จิตมนั ไมม่ ีอยู่
12
ในรา่ งกายอยา่ งนี้ อยา่ งนนั้ ขาดสติก็เป็นคนตายและเป็นคน
ประมาท เป็นคนขาด ไมส่ มบรู ณ์ พทุ ธคณุ ก็ไม่เกิดหละทนี ี้ มีแต่
มารแตบ่ าปแตก่ ิเลส ใจก็ไมส่ งบไมใ่ สไม่รม่ เย็น เพราะวา่ มนั มี
กิเลส มีพวกสงิ่ ไม่ดเี ป็นพิษเป็นของรอ้ นเป็นของสกปรกมวั หมอง
น่ี! เหตนุ นั้ การเจรญิ พทุ ธคณุ ก็เป็นการขบั พวกสง่ิ ไม่ดี สง่ิ ท่ีมี
ความประมาทอกี ท่มี วั หมองตา่ งๆอยา่ งนี้ เราก็ตอ้ งมาปฏบิ ตั ิมา
เจรญิ อยา่ งนี้
อยา่ งท่ีเจรญิ ภาวนาพทุ โธอยา่ งนี้ ก็เจรญิ พทุ ธคณุ ใหเ้ กิดขนึ้
ในชนั้ ตน้ กอ่ น เม่ือพระพทุ ธคณุ เกิดขนึ้ แลว้ พระธรรมคณุ
พระสงั ฆคณุ กเ็ ป็นผลตามลาํ ดบั เพราะวา่ พระพทุ ธคณุ นนั้ เป็น
ตน้ เป็นผอู้ บุ ตั ิตรสั รูข้ นึ้ มาในโลกอย่างพระพทุ ธเจา้ สว่ นพระ
ธรรมคณุ ทา่ นก็สอนใหเ้ ป็นธรรมะเป็นขอ้ ปฏบิ ตั ิกระจายแผ่
ออกไปในโลกน่นั ก็ไปจากพระพทุ ธเจา้ ท่ีเดยี วหละทีนี้ เหมือน
อยา่ งเราจาํ พรรษาอยา่ งน่ี เราขนึ้ ตน้ ดว้ ยพทุ ธคณุ หรอื เดอื นแรก
เดือนตอ่ ไป เดือนท่ีสองท่ีสามก็ตอ่ ไปจากเดอื นแรกหละทีนี้ ตอ้ ง
ขนึ้ จากตน้ เสยี ก่อน พระพทุ ธคณุ พระธรรมคณุ ก็จะลาํ ดบั ไป จะ
13
ขยายไปทนี ี้ แลว้ ทา่ นจะมาแตง่ มาสอนใหต้ รงใหถ้ กู กบั เวลากบั
ผทู้ ่ีอยจู่ าํ พรรษา ผทู้ ่ีปฏิบตั ิเพ่ือจะไดเ้ ป็นเครอ่ื งประดบั
สตปิ ัญญาความรู้ คือเจรญิ พระพทุ ธคณุ ใหเ้ กิดขนึ้ ตามวนั เวลา
หรอื สถานท่ี เราอย่หู รอื เราจาํ พรรษาอยา่ งนี้ ใหเ้ กิดขนึ้ เม่ือ
เกิดขนึ้ แลว้ เราทาํ ถกู เราทาํ ถกู คณุ พระพทุ ธเจา้ เราทาํ ถกู ท่ี ทาํ
ถกู ฤดกู าล ทกุ อย่างเน่ียมนั ไมผ่ ดิ ท่ีน่ี มนั ตรงตามท่ีมาของ
พระพทุ ธศาสนา มนั เป็นไปตามหลกั คณุ ของพระพทุ ธเจา้ ท่าน
เป็นไป ท่ีวา่ พทุ ธคณุ ไดเ้ กิดไดม้ ี ไดเ้ จรญิ เติบโตเตม็ ท่ีแลว้ น่ี มนั ก็
จะตอ่ ไป พระธรรมคณุ ก็เกิดขนึ้ ท่ีน่ี
คอื ความรูต้ า่ งๆน่ีมนั ไมเ่ ป็นโลกเป็นกิเลส มนั เป็นธรรม เป็น
ส่ิงท่ีมีคณุ เป็นสงิ่ ท่ีทาํ ใหเ้ รามีสติ มีความเคารพ ไมห่ ลงลืม
ความดี ไมห่ ลงลืมพทุ โธ คอื พทุ โธน่ีวา่ โดยคณุ วา่ โดยการปฏิบตั ิ
วา่ การฝึกการบรกิ รรมอย่างนี้ ถา้ วา่ โดยผล โดยเหตโุ ดยผลก็จะ
ไดแ้ ก่ความรูท้ ่ีเกิดมาในทางจิตเรา อยา่ งท่ีเราฝึกเราบรกิ รรมเรา
ปฏิบตั ิควบคมุ จิตใจอยา่ งนี้ เรานกึ พทุ โธ เรากาํ หนดลมหายใจ
อย่างนี้ อนั นนั้ เป็นเหตทุ ่ีจะทาํ คณุ แตเ่ ม่ือจติ มนั ไดเ้ ขา้ ถึงเกิด
14
พทุ ธคณุ ขนึ้ มาแลว้ ทนี ี้ มนั เป็นผล รูท้ ีนี้ ถงึ เราไม่นกึ ไมบ่ รกิ รรม
เราไมไ่ ปควบคมุ มนั ก็เป็นอยู่ เรยี กวา่ เป็นผลท่ีเกิดมีขนึ้ เรยี กวา่
เป็นผลท่เี บกิ บาน (จบวีดีโอ)
ท่ีมา: https://youtu.be/eV8zF3LwEWQ
15