The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รูปอนิจจัง หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-01-20 18:43:32

รูปอนิจจัง หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท

รูปอนิจจัง หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท

Keywords: รูปอนิจจัง หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท

รูป อนิจจงั

การปฏิบตั เิ ราม่งุ เขา้ มาประพฤตปิ ฏบิ ตั ธิ รรมะหรอื มงุ่ มาเพ่ือ
ปฏบิ ตั อิ นั ใด คดิ อย่างนีใ้ นชวี ติ นกั บวชทกุ ๆคนไมว่ า่ นางชี แม่
ขาว หรอื บวชพราหมณ์ หรอื บวชพระก็ดี บวชมาเพ่ืออะไร น่ีตอ้ ง
ถามตวั เรา อยา่ งนีอ้ ยา่ วา่ ขู่ อยา่ งนีอ้ ยา่ วา่ ดุ เทศนอ์ ย่างนีเ้ พ่ือให้
ลกุ ฉกุ ดู เขา้ ใจมยั้ เราตอ้ งคิดอย่างนีว้ า่ เราบวชมาเพ่ืออะไรชีวิต
บวชมากินขา้ วชาวบา้ นเรอะ หรอื บวชมาขอเคา้ กิน หรอื บวชมา
เพ่ือหวงั รา่ํ รวย น่ี ตอ้ งคดิ อยา่ งนี้ ถา้ เราบวชอย่างนนั้ ชีวติ ในโลก
มนั ครองดว้ ยความสบาย ตอ้ งเขา้ ใจอยา่ งนนั้ ไม่ใช่มาลอ่ ลวง
ชาวบา้ นกิน เพราะฉะนนั้ นกั บวชจาํ เป็นอย่างย่ิง ถา้ บวชกนั ทกุ
วนั นีเ้ ราก็ตอ้ งการท่ีจะแสวงธรรมะ เป็นเครอ่ื งประดบั ใจของเราน่ี
เป็นจดุ สาํ คญั อนั นี้

พระพทุ ธเจา้ สอนถงึ สมาธิ ปัญญา สอนไวเ้ พ่ืออะไร เพ่ือขดั
เกลากิเลสตวั ทิฐิมานะของหวั ใจเราท่ีมนั แสนท่ีจะหมกม่นุ อย่ใู น
ดวงใจของเราน่นั เอง เพ่ือจะชาํ ระใหม้ นั หมดไปสิน้ ไป เราเขา้ มา
ปฏิบตั มิ นั ก็ตอ้ งความประสงคอ์ นั นนั้ อยา่ งเป็นพระเป็นเณรเป็น

ชีเป็นแมข่ าวอยา่ งนี้ หรอื พวกโยมบวชมาเพ่ืออะไร น่ี ปัญหาอนั
นีเ้ ราตอ้ งคน้ ฝึกดใู นตวั เราหรอื เรยี กวา่ เราเขา้ มาเพ่ืออะไร หรอื
มาอย่เู พ่ือสบาย อยใู่ นโลกกส็ บายเหมือนกนั มีลกู มีเมียมีผวั อยู่
อย่างอสิ ระเสรไี มอ่ ยใู่ นอาํ นาจใคร น่ีเป็นอย่างนนั้ นกั บวชตอ้ งมี
ขอบเขต แลว้ บวชแลว้ แตว่ า่ ไม่มีใครบงั คบั พระพทุ ธเจา้ ไมไ่ ด้
บงั คบั ใคร เธอจะปฏบิ ตั ิก็ได้ ไมป่ ฏิบตั ิก็ได้ อยอู่ ย่างสบายก็ได้
แตท่ ีนีถ้ า้ เราคดิ ถึงความซงึ้ อย่างนนั้ ชีวิตเราไมต่ ายรึ น่ี เราก็ตอ้ ง
หาเหตผุ ล แลว้ ทาํ ไมมรรคผลมนั อยทู่ ่ีไหน พระพทุ ธเจา้ ทรง
แสดง อย่างแสดงในอนัตตลักขณสูตร แสดงถงึ รูป รูปไมเ่ ท่ียง
รูปเป็นทกุ ข์ รูปในท่ีใกล้ ท่ีไกล รูปในอดีต อนาคต ลว้ นแต่
แปรปรวนยกั ยา้ ยตา่ งๆนานาประการตา่ งๆเหลา่ นีเ้ ป็นตน้ น่ี
แสดงเพ่ือใคร อย่างพระสวดมนตท์ กุ วนั ๆเนีย้ ก็สวดเพ่ือศพรึ เพ่ือ
หวงั เงนิ รึ น่นั การแสดงธรรมอย่างนนั้ ก็ตอ้ งการใหค้ นเป็นเน่ียฟัง
ตอ้ งเขา้ ใจอยา่ งนนั้ ตอ้ งมีโอปนยโิ กนอ้ มเขา้ มาสเู่ รา

น่ีธรรมะสาํ หรบั ผทู้ ่ีมีใจอนั เป็นปกตแิ ลว้ ไดย้ ินส่ิงใดหรอื สง่ิ
ใดมากระทบอย่างนี้ มนั ก็มีโอปนยิโกนอ้ มเขา้ มา สอนตวั เรา

ตาํ หนิตวั เรา ใจเจา้ อยา่ เพลดิ อย่าเพลนิ อยา่ รา่ เรงิ สนกุ สนานรา่
เรงิ จงมาพิจารณาเหตอุ นั ท่ีเกิดขนึ้ อยา่ งนี้ ท่ีในขณะท่ีรูข้ ณะนนั้
น่ี สง่ิ อนั นีเ้ ม่ือเราทาํ อยา่ งนนั้ แลว้ น่ีแหละเป็นทางท่ีจะกาํ จดั ภยั
ของใจท่ีมนั เดอื ดรอ้ นวนุ่ วายใหเ้ บาบางลงไป น่ี ถา้ มองกนั ใหซ้ งึ้
และความนกึ ระลกึ ไปในส่งิ รา่ เรงิ สนกุ สนานอยา่ งนนั้ โลก
ทงั้ หลายเขา้ ใจวา่ เป็นสขุ เป็นสง่ิ ท่ีสนกุ สนานรา่ เรงิ ถา้ พดู กนั ถงึ
ความซงึ้ ขององคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ยกเป็นตวั อยา่ ง
อย่างนนั้ ท่านแสดงวา่ สงิ่ เหลา่ นนั้ เตม็ ไปดว้ ยไฟ คอื ความ
เพลดิ เพลนิ นนั ทอิ นั นี้ น่นั เป็นไฟเผาใจเราใหว้ นุ่ วาย ใจไม่เกิด
ความสงบอยา่ งนนั้ เป็นไปเพ่ือความรุม่ รอ้ นของหวั ใจ ใจนนั้ ไม่
เกิดความสงบอยา่ งนนั้ เพราะฉะนนั้ เม่ืออยา่ งเราฟังเทศนฟ์ ัง
ธรรมสวดมนตท์ าํ วตั รอยา่ งนี้ กน็ ่นั เองก็ตอ้ งการเอาธรรมะอนั นนั้
มาใครค่ รวญมาพนิ ิจพจิ ารณาใหใ้ จท่ีมนั ดิน้ รนกระวนกระวาย
ใหม้ นั สา่ งมนั ซาไป

อย่างท่ีศกึ ษานกั ธรรมก็ดี นกั ธรรมโท นกั ธรรมเอก ศกึ ษา
มหาเปรยี ญ ป.๙ ป.๑๐ ป.ตงั้ อะไรนะ ๑๐๘ พนั ประการ น่ีก็

เหมือนกนั ตอ้ งการจะรูจ้ ดุ ท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงวา่ ชาํ ระใจ
ของตนใหบ้ รสิ ทุ ธิ์หมดจด น่นั เป็นยอดศาสนาเป็นยอดของธรรม
ส่งั สอนของพระพทุ ธเจา้ ชาํ ระใจใหบ้ รสิ ทุ ธิเ์ ท่านนั้ เอง น่ี แตพ่ ิธีท่ี
ชาํ ระใจอยา่ งท่ีเรากระทาํ กนั นี้ น่ี ทนี ีเ้ ราทาํ ไมไมบ่ รสิ ทุ ธิซ์ กั ที
เน่ีย เราตอ้ งคดิ อย่างนนั้ เพราะวา่ อยา่ งนจี้ ะหาวา่ ข่เู ขญ็ อย่างไร
ฟังไม่ไดก้ ็ออกไปเลย! ใครฟังไมไ่ ดอ้ อกไป ฮ!ึ หลวงตาหยาบเอา
อยา่ งนีน้ อ้ ยๆ การเทศนก์ ็ตอ้ งการเพ่ือจะใหเ้ ป็นคติ บคุ คลผฟู้ ังผู้
นนั้ จะไดน้ าํ ไปคดิ พิจารณา เม่ือเหน็ วา่ สง่ิ นีเ้ ป็นประโยชนก์ บั ตน
แลว้ ก็จะไดเ้ อาไปประพฤตปิ ฏิบตั ิ จะเทศนโ์ กๆ้ เพ่ือหวงั ลาภเพ่ือ
หวงั สรรเสรญิ อยา่ งนนั้ จะเทศนไ์ ปทาํ ไม น่ีตอ้ งคดิ อย่างนี้
เพราะฉะนนั้ ใจมนั จงึ ไม่ดุ ใจมนั ไมอ่ ยากเทศน์ ใจมนั ไมม่ ีธรรมะ
เป็นเชน่ นนั้ การปฏิบตั หิ วั ใจน่ีเป็นสงิ่ สาํ คญั เราไม่หกั ไมฟ่ าดฟัน
ลงไปแลว้ มีแตท่ ่ีมนั จะหมกหมมอย่ตู ลอดกาลจนกระท่งั ตาย
เปลา่

บรรดาเราทงั้ หลายไดร้ บั การศกึ ษาดี อยา่ งชาวโลกเคา้ ไมไ่ ด้
รบั การศกึ ษา ไมต่ อ้ งดใู ครอยา่ งหลวงตาเขา้ มาบวชครงั้ แรก น่ี

ไม่รูแ้ มก้ ระท่งั ตากบั หู หคู กู่ บั เสียงกย็ งั ไมร่ ูจ้ กั ตาคกู่ บั รูปก็ไมร่ ูจ้ กั
บวชเขา้ มาอยา่ งดิบๆ ไมม่ ีการศกึ ษาเลยเป็นอยา่ งนนั้
เพราะฉะนนั้ แตว่ า่ มาบวชเขา้ มาแลว้ มนั ก็เป็นยงั ไงก็ไมร่ ู้ จงึ ได้
อยจู่ นป่านนี้ ก็ไมน่ กึ วา่ ชวี ติ จะเป็นมาอยา่ งนีเ้ หมือนกนั วา่
ศาสนาทาํ ไมจะมาใหเ้ ราอยไู่ ดถ้ งึ ขนาดนี้ บนั้ ตน้ ไมไ่ ดค้ ิดอย่างนี้
เหมือนกนั ทีนี้ แตเ่ ขา้ มาจนกระท่งั บนั้ ปลายของชวี ิต มนั ก็จะ
เขา้ โลงอยแู่ ลว้ ใกลๆ้ เขา้ โลงเต็มที ตวั ฮอเหาะขนึ้ ไปแลว้ มนั เป็น
ยงั งนั้ ย่ิงมาทกุ วนั นีย้ ่งิ มาคดิ พิจารณาแลว้ ย่ิงมีความสงั เวชสลด
ใจวา่ แตว่ า่ มนั ก็เป็นส่ิงท่ียาก พดู ยาก ฟังยาก เพราะฉะนนั้ การ
เขา้ วดั เขา้ วาเราก็ตอ้ งหาโอกาส เราก็ตอ้ งหาโอกาสท่ีจะปลกี ตวั
เราน่ีเพ่ือจะหลบหลกี ซอ่ นเรน้ ใจของเราน่นั เอง ใหก้ าํ จดั นิวรณ์
อยา่ ใหม้ าอบอวลในใจเรา

แตท่ ีนีพ้ ธิ ีท่ีจะทาํ อยา่ งนนั้ พวกทา่ นก็ไดร้ บั การศกึ ษาไดย้ นิ
ไดฟ้ ังกนั มากมาย เรยี นมาตา่ งๆ แตท่ นี ีแ้ ตพ่ ดู ถึงความจรงิ อย่าง
นนั้ แลว้ เปรยี บเหมือนอย่างหนามท่ีตาํ อยใู่ นตนี เรา เข็มมีเต็ม
หมดแตไ่ ม่รูจ้ กั หยบิ เอาเข็มนนั้ มาใช้ เข็มนนั้ ก็ไมเ่ กิดประโยชน์

ตนี นนั้ ก็ไม่สามารถจะเอาหนามออกได้ น่ี เป็นอยา่ งนนั้ ธรรมะมี
อย่ทู ่วั ไปแตว่ า่ เม่ือบคุ คลใดมีปัญญา มีสติมาระลกึ บทใดบท
หนง่ึ มากาํ กบั อย่ใู นหวั ใจของเราอยา่ งนนั้ แลว้ ตงั้ อกตงั้ ใจ
บาํ เพ็ญอยอู่ ยา่ งนนั้ จนกระท่งั ใจนนั้ เกิดความสงบ แน่ะ แลว้
อย่างนนั้ ก็เหมอื นกบั หนามท่มี นั ออกไปจากขา รูจ้ กั หยบิ เขม็ จะ
ตนื้ ลกึ ขนาดไหน ก็เอามาแทงเขา้ มนั ก็เขม็ …ไอห้ นามอนั นนั้ มนั
ก็ออกไปจากขาของเรา เรากไ็ ดร้ บั ความสบาย ไมเ่ สยี วไมเ่ จ็บไม่
ปวดอีกเหมือนกนั ใจท่ีเคยเดือดรอ้ นวนุ่ วายกระสบั กระสา่ ย เม่ือ
ไดถ้ กู ธรรมะของพระพทุ ธเจา้ เขา้ ไปข่มเขา้ อย่างนนั้ แลว้ ใจนนั้ ก็
เกิดความสงบเยือกเยน็ ลงไปในขณะนนั้ เม่ือเป็นอยา่ งนนั้ เรา
ไดร้ บั ความสงบอย่างนนั้ แลว้ วนั หลงั เม่ือมีเหตอุ นั ใดเกดิ ขนึ้
อยา่ งนนั้ เราก็ตอ้ งหาอบุ ายอนั นนั้ เอง เอามากาํ กบั กาํ กบั ใจ
หรอื กาํ หราบหวั ใจของเราดว้ ยอบุ ายอยา่ งนนั้ เอง น่ีมพี ิธีแกอ้ ยา่ ง
นีเ้ ทา่ นนั้

เม่ือจนกระท่งั เราสามารถตงั้ ตวั ของเราได้ รูจ้ กั พธิ ีประคอง
ใจอย่างนนั้ แลว้ รูจ้ กั รกั ษา เม่ือมีสิ่งใดมากระทบใจเรา เราก็เอา

อนั ใดก็แลว้ แตท่ ่ีจะเป็นคติ ก็เอามานอ้ มมากาํ หนดพจิ ารณา
เพง่ พจิ ารณาอยอู่ ยา่ งนนั้ หรอื วา่ อยอู่ ยา่ งนนั้ จนกระท่งั ใจนนั้
อารมณอ์ นั นนั้ ดบั ไป ใจเราอยกู่ บั สง่ิ เหลา่ นนั้ เม่ืออย่นู านเขา้ ๆ
ใจนนั้ ก็อารมณน์ นั้ ก็ขาดสนิทไปเลย ใจอย่กู บั ส่งิ อนั นนั้ อนั เดยี ว
อยา่ งนี้ เม่ือฝึกจนมีความชาํ นิชาํ นาญอยา่ งนนั้ แลว้ น่นั ทา่ น
เรยี กวา่ เป็นสมาธิ เม่ือสมาธิอยา่ งนนั้ ทา่ นก็กลา่ วโทษอย่ขู อง
สมาธิ ไมใ่ ชย่ ก แนะ่ สมาธิถา้ เม่ือเสวยความสขุ มากเขา้ แลว้ มนั
ก็ตามมาถนี มทิ ธะ ความง่วงเหงาหาวนอนเกิดขนึ้ น่ี อนั นีเ้ อง
ทา่ นถงึ จดั วา่ เป็นนิวรณธรรมท่ีจะทาํ ลายซง่ึ สมาธิ เพราะฉะนนั้
เราก็เม่ือรูอ้ ย่างนี้ เราก็อยา่ ไปเสวยสมาธิมากนกั ก็ตอ้ งเขา้ ถอน
เขา้ มาพินิจพจิ ารณา น่ีหลกั สาํ คญั

ถา้ บคุ คลใดยงั ไม่มีความเขา้ ใจ ยงั ไมม่ ีความละเอียดรูจ้ กั
อบุ ายแกไ้ ขอยา่ งนีแ้ ลว้ การปฏิบตั มิ นั ก็เป็นเหตใุ หเ้ น่ินชา้ เพราะ
กศุ โลบายอนั นีเ้ ป็นเคร่อื งแกเ้ ป็นเคร่อื งจะถอดถอนความสบาย
ของใจใหร้ วดเรว็ ขนึ้ เพราะการคน้ ควา้ พนิ จิ พิจารณาอนั นีเ้ ป็น
หลกั ท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงตรสั วา่ เม่ือมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา

ปัญญาเป็นแดนแหง่ วมิ ตุ ตหิ ลดุ พน้ จากความเศรา้ หมองหรอื
เรยี กวา่ อาสวกิเลสของใจ ตดั ภพตดั ชาตไิ ด้ น่ี ตอ้ งอาศยั
ปัญญา เพราะฉะนนั้ ทา่ นแสดงถึงในอนตั ตลกั ขณสตู รวา่ ถงึ รูป
เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ ในอดตี ในอนาคต ในปัจจบุ นั
ตา่ งๆนานา เป็นทกุ ขไ์ มใ่ ช่ตวั ไม่ใช่ตน ผลท่ีสดุ ก็ไปลงบาทหทยั
คาถา แสดงวา่ เอวัง เมตงั ยะถาภตู ัง สมั มปั ปัญญา
ยะทฏั ฐัพพงั พงึ รูด้ ว้ ยปัญญาอนั ตามความเป็นจรงิ ของรูป
เหลา่ นนั้ น่ี ใหร้ ูต้ ามความเป็นจรงิ ไม่ใหไ้ ปทาํ ลายรูปเหลา่ นนั้
ใหร้ ูต้ ามความเป็นจรงิ ตอ้ งเขา้ ใจอยา่ งนนั้

รูอ้ ยา่ งไร น่ี เม่ือเราพนิ จิ พิจารณาอยา่ งตวั เราอย่างนีร้ ูปมนั ก็
คือตวั เรา หรอื ตวั คนอ่ืนอยา่ งนี้ เม่ือใจนนั้ กาํ หนดเขา้ ไป
พิจารณาถึงความเปลย่ี นแปลงของสงั ขาร ฟันเราเคยดีมนั ก็โยก
ก็คลอนก็เจ็บก็ปวดมีหนองมีเลอื ดอะไรไหลอยมู่ าตา่ งๆนานา น่ี
พิจารณาไปอย่างนี้ พจิ ารณาเนือ้ หนงั มงั สงั มีอวยั วะ
เปล่ียนแปลงไปประการตา่ งๆอยา่ งนี้ จนเกิดความสงั เวชสลดใจ
เกิดความเบ่ือหนา่ ย น่ี แลว้ ธรรมะอนั นนั้ เกิดความเบ่อื หน่าย

เกิดท่ีไหน ก็เกดิ ท่ีตวั ของเรา จิตใจท่ีเขา้ ไปพจิ ารณาน่นั เองมนั ก็
เกิดขนึ้ มนั ไมเ่ กิดท่ีอ่นื ไม่ไดพ้ จิ ารณามากเขา้ ๆ พระพทุ ธเจา้
บอกวา่ เม่ือเป็นอย่างนนั้ ใหร้ บี ทาํ ใหม้ ากๆ ทาํ ใหม้ ากๆลงไป
อย่างหลวงตาก็เคยวา่ ภาวโิ ต พาหลุ ีกโต ทาํ มากๆพจิ ารณา
อย่างนนั้ ย่าํ เขา้ ไปอยา่ ไดถ้ อยเม่ือจิตเป็นอยา่ งนนั้ แลว้ น่นั แหละ
จะเป็นไปเพ่ือทางแหง่ ความหลดุ พน้ ของใจท่ีเคยขอ้ ง เคยติด
เคยยนิ ดี เคยสนกุ สนานรา่ เรงิ อนั นนั้ เอง ไมไ่ ดพ้ ิจารณาท่ีอ่ืน คน้
เนน้ ลงไปอย่างนนั้ เพง่ พนิ ิจพจิ ารณาลงไปใหอ้ ย่อู ยา่ งนนั้

เม่ือใจอย่อู ย่างนนั้ พิจารณามากเขา้ ๆแลว้ มนั ก็เกิดความ
เบ่ือความหนา่ ย คลาย เม่ือเกิดความเบ่อื ความหนา่ ยมนั ก็คลาย
ความกาํ หนดยินดีในรูปของเราเอง ไม่ตอ้ งคนอ่ืน เม่ือคลายของ
เราแลว้ คนอ่นื มนั ก็อกี เรอ่ื งหนง่ึ เหมือนกนั อยา่ งนนั้ เม่ือเราเพง่
พนิ ิจพิจารณาลงไปอย่างนนั้ เหน็ แจง้ ชดั ลงไปอย่างนนั้ แลว้ มนั
จะอะไร ธรรมะอย่ทู ่ีไหน มรรคผลธรรมวเิ ศษอย่ทู ่ีไหนหละ ครงั้
พทุ ธกาลทา่ นก็ปฏิบตั กิ นั อยา่ งนีเ้ หมือนกนั เวลาฟังเทศน์ บาง
องคไ์ ดส้ าํ เรจ็ น่นั เรยี กวา่ สุขาปฏปิ ทา ขปิ ปภญิ ญา พวกนนั้

ท่านมีภมู ปิ รารถนามากบั พระพทุ ธเจา้ เรามาสดุ ทา้ ยภายหลงั น่ี
บญุ วาสนาไมไ่ ดส้ ่งั สมมากบั องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ก็
เทา่ กบั เป็นพทุ ธบรษิ ัทท่ีสบื เน่ืองกนั มาอยา่ งนี้ ก็นบั วา่ ยงั เป็น
โชคอนั ดี ประเสรฐิ ท่ีมีครูบาอาจารยข์ องเราไดม้ าพรา่ํ สอน
จนกระท่งั เรามาไดเ้ ขา้ มาวดั มาวามาประพฤตปิ ฏิบตั อิ ยา่ งนี้
แลว้ ท่านก็ตายไป อยหู่ ลวงตาน่ีมนั มี ไมค่ อ่ ยมีปัญญา ขเี้ กียจ
เอาแตข่ ีเ้ กียจอยเู่ ร่อื ย เพราะฉะนนั้ การเทศน์ มนั จะไปเทศนไ์ ดด้ ี
อย่างท่านพอ่ (ทา่ นพอ่ ลี)ไมไ่ ด้ ผิดกนั คนละฟา้ กบั ดนิ หลวงตาน่ี
มนั ขีไ้ ก่ ท่านพอ่ ท่านเป็นทองคาํ เป็นอยา่ งนนั้

เพราะฉะนนั้ เราน่ีตอ้ งเนน้ ลงไป ธรรมะถา้ เม่ือไดม้ ีความจรงิ
ท่ีใดแลว้ มนั ตอ้ งปรากฏ เราตอ้ งสละชีวิต ถา้ วา่ คดิ อยา่ งนนั้
ทาํ ไมขา้ ไม่รู้ ทาํ ไมขา้ ขีเ้ กียจ ทาํ ไมขา้ กินและขา้ นอนมาก คยุ
มาก สนกุ มาก รา่ เรงิ มาก คยุ ท่ีไหนไปท่ีน่นั แลว้ เกิดประโยชนอ์ นั
ใด เราตอ้ งคดิ ติตวั เราเอง เม่ือกลบั มาถงึ กฏุ ิ ไดป้ ระโยชนอ์ ะไร น่ี
แลว้ ทาํ ไมเราไมภ่ าวนา ตอ้ งติอยา่ งนี้ เม่ือตอิ ยา่ งนีแ้ ลว้ ใจมนั ก็
ไม่ฮกึ เหิม ใจมนั ก็ไมเ่ พลดิ เพลินกบั สิง่ เหลา่ นนั้ เม่ือใจไมฮ่ กึ เหิม

แลว้ ทีนจี้ ะทาํ อะไร ออ๋ หนา้ ท่ีเราภาวนา ก็ตอ้ งการจะพิจารณา
ใหม้ นั เบ่อื หนา่ ยจากโลก เบ่อื หนา่ ยท่ีไหน เบ่อื หนา่ ยท่ีตวั ของเรา
อย่างท่ีบรรยายเม่ือกีน๊ ่ีเอง เพง่ ลงไป พจิ ารณาลงไป มนั ยนิ ดีอนั
ใด รูป เสยี ง กลิ่น รส สมั ผสั มนั อยทู่ ่ีไหน เราน่ีจะเขา้ ใจวา่ รูป
เสียง กล่ิน รส สมั ผสั เป็นสงิ่ ท่ีย่วั ยวนเคลา้ คลงึ ใจ ใจของเรา
น่นั เองเป็นมายาสาไถ ไปยนิ ดีกบั สงิ่ ทงั้ ปวงสงิ่ เหลา่ นนั้ เกิดขนึ้

เม่ือใชป้ ัญญาฟาดฟันพนิ ิจพิจารณาลงไปแลว้ ก็ไม่เหน็ ส่งิ
แปรปรวน สง่ิ ท่ีแปรปรวนถา้ พดู กนั ถึงแบบ ทา่ นเรยี กวา่
พจิ ารณานามธรรม แตห่ ลวงตามนั ไม่คอ่ ยชาํ นาญ เพราะวา่
ภาษาเรานีค้ ลอ่ งกวา่ ก็พจิ ารณาอะไร สตไิ ปเหน็ โทษเหน็ ภยั ก็
ไปเหน็ โทษผทู้ ่พี ิจารณาน่ีเอง ไม่ไดเ้ ห็นตวั อ่นื เหน็ ตวั เดยี วก็ไป
คน้ วา่ รูปสวย วา่ รูปงาม วา่ รูปเท่ียง รูปไม่เท่ียง รูปแปรปรวน
ตา่ งๆนานาตวั นี้ เห็นตวั นีช้ ดั แจง้ ชดั ลงไปในขณะนนั้ ขณะท่ี
พิจารณาอยา่ งนนั้ ตวั ท่พี จิ ารณาอย่างนนั้ ดบั ทนั ที สภาวะอนั
เป็นธรรมชาตนิ นั้ ขนึ้ ยืนตวั อยปู่ ัจจบุ นั ไม่มีกิรยิ าไปกิรยิ ามา มีแต่
สภาวะความรูอ้ นั เดน่ เด่ียวอยอู่ ย่างนนั้ ไมม่ ีสิ่งใดท่ีจะเขา้ มาเจือ

ปนหวั ใจอย่างนนั้ น่ีแหละ แลว้ จะเรยี กวา่ อะไรก็แลว้ แต่ จะ
เรยี กวา่ ธรรมะหรอื ไม่ธรรมะของผปู้ ฏิบตั ิ เม่ือจะเป็นอยา่ งนนั้
แลว้ เป็นปัจจตงั ผปู้ ฏิบตั เิ หน็ เฉพาะตนเองเลย ไมม่ ีใครตอ้ งมา
เป็นสกั ขีพยานให้ น่ี เป็นอยา่ งนนั้

พวกเราทกุ คนท่ีม่งุ เขา้ มาวดั เขา้ มาวา มาบวชเป็นนางชี นาง
ขาว บวชเป็นพระเป็นเณรก็จดุ ประสงคก์ ต็ อ้ งการอนั นี้ แตท่ ีนีม้ นั
มีสิง่ ท่ีดงึ คือความเพลดิ เพลนิ ของหวั ใจ ไมค่ อ่ ย…เราไม่คอ่ ย
รูส้ กึ ตวั ไมม่ ีสติ ท่ีตงั้ อกตงั้ ใจประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ การประพฤติ
ปฏบิ ตั ิก็ตอ้ งมีความเขม้ แขง็ ไมย่ อ่ หยอ่ น มสี ติตราบใดตอ้ งฟาด
ฟันลงไปอยเู่ สมออย่างนนั้ แลว้ เรยี กวา่ มีความเพียรอยู่
ตลอดเวลา ยืนเดนิ น่งั นอน มีทกุ อิรยิ าบถของใจอย่างนนั้ แลว้
น่นั แหละผนู้ นั้ จะเป็นไปเพ่ือความเจรญิ น่แี หละเพราะฉะนนั้ การ
แสดงธรรมพอเป็นคตินอ้ มไปพนิ ิจพจิ ารณา สงิ่ อนั ใดท่ีจะเกิด
ประโยชนแ์ ก่ตนของตน เพราะฉะนนั้ พระพทุ ธเจา้ จงึ แสดงวา่ สุสฺ
สูสํ ละภะเต ปัญญัง ฟังดว้ ยดีแลว้ ย่อมไดป้ ัญญา ปัญญาคือ
เอาไปกาํ หนด เอาไปคิด เอาไปตรกึ ตรอง เอาไปพนิ ิจพจิ ารณา

เออ๊ ะ เราน่ีเวลานีเ้ ป็นอยอู่ ยา่ งไร อยา่ งท่ที า่ นแสดงอยา่ งนี้ น่นั
เรยี กวา่ ฟังดว้ ยปัญญา เราอย่ใู นสภาวะท่ที ่านตเิ ตียนหรอื เม่ือ
เป็นอยา่ งนนั้ เราก็ควรแกไ้ ขตวั เราใหม้ นั ดขี นึ้ สิ่งท่ีคลกุ คลี สิ่งท่ี
เป็นหายนะ ทาํ ใหเ้ ราเส่ือมโทรมลงไปอยา่ งนนั้ เราก็ตอ้ ง
พยายามแกไ้ ข น่นั เรยี กวา่ ผฟู้ ังดว้ ยปัญญา เกิดปัญญาเขา้ แลว้ ก็
พยายามแกไ้ ขใจเราไม่ใหร้ า่ เรงิ ขนุ่ มวั สงิ่ เหลา่ นนั้ ตา่ งๆนานา น่นั
แหละจงึ เรยี กวา่ ผมู้ ีปัญญา เพราะฉะนนั้ ฟังอยา่ งนจี้ งึ เป็นมงคล
เพราะฉะนนั้ ดงั ท่ีไดแ้ สดงมาก็สมควรแกก่ าลเวลา ขอเอวงั ก็มี
ดว้ ยประการะฉะนี้

ท่ีมา: https://youtu.be/ws35VJFS2R0


Click to View FlipBook Version