The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เดินจิตในกาย โดย หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-01-26 21:21:42

เดินจิตในกาย โดย หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร

เดินจิตในกาย โดย หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร

Keywords: เดินจิตในกาย โดย หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร

เดนิ จติ ในกาย
หลวงพอ่ ประสทิ ธิ์ ปญุ ญมากโร
น่งั ฟังธรรมะ ทาํ ความสงบจิตใหไ้ ดเ้ นือ้ คอื หนงั เน่ยี มนั เป็น
ของนอก หนงั มนั เป็นของคนตดิ ทา่ นวา่ ตดิ หนงั ตดิ ผวิ หนงั คาํ
สอนของพระพทุ ธเจา้ ของเรา สอนใหด้ หู นงั คอื หนงั ธรรมะ คอื
หนงั รา่ งกายของเรา อยา่ งท่ีเราสวดอาการ ๓๒ เราก็ไลไ่ ปครบ
เนือ้ หนงั เอ็นกระดกู ตลอดอวยั วะทกุ สว่ นท่ีมีอย่ใู นรา่ งกายสว่ น
ภายใน แตห่ นงั เน่ยี มนั เป็นภายนอก มนั เป็นผวิ ทวา่ เป็นตน้ ไมก้ ็
เรยี กวา่ เปลือก มนั ผวิ มนั เป็นหนงั เราเคยเห็นหนงั สตั วแ์ ละหนงั
ของเราเองก็ไม่ตา่ งกนั เพราะฉะนนั้ การท่ีเราปฏบิ ตั เิ ขา้ ในใหไ้ ด้
เนือ้ ใหไ้ ดเ้ นือ้ ๆ เนือ้ แนน่ ๆ เนือ้ ท่ีไม่มีไขมนั ท่ีบอกวา่ สง่ิ ท่ีทาํ ให้
รา่ งกายมีความเขม้ แข็งมีความอดุ มสมบรู ณ์ ก็มีเนือ้ แนน่ เนือ้
สมบรู ณ์ ไมม่ ีไขมนั ไมม่ ีเชือ้ โรค ไม่มีพงั ผืด คาํ วา่ เนือ้ แนน่ ๆ
อยา่ งท่ีคนไหนท่ีมีรา่ งกายสรา้ งมาดี ก็จะเป็นเนือ้ แน่น เนือ้ แขง็
เพราะวา่ ถกู การปฏบิ ตั ิรา่ งกายการใหใ้ ชใ้ หก้ นิ เน่ีย การท่ีเรา
บาํ รุงรกั ษากนิ อาหารเขา้ ไปอยา่ งนี้ มนั ก็ไปสรา้ งเนือ้ สว่ นหนงั

1

นนั้ มนั เป็นส่ิงห่อหมุ้ ปอ้ งกนั ภายนอก อยา่ งตน้ ไมก้ ็เหมือนกนั
มนั ก็ปอ้ งกนั สง่ิ ท่ีมาถกู ตอ้ งสมั ผสั หนาวรอ้ นหรอื ส่ิงกระทบ
อย่างท่ีโดนเป็นแผลหรอื โดนมีดโดนขวานฟัน เปลือกมนั ก็มีแผล
แลว้ ก็มีนา้ํ มียางออกมา รา่ งกายของเราก็เหมือนกนั ถา้ มนั มี
รอยมีแผลมีถลอกมนั ก็ออกยางออกเลือด ออกอะไร นา้ํ เหลือง
เราก็เหน็ อยู่

ฉะนนั้ สง่ิ ท่ีมนั ปิดบงั ปัญญาของคนมนั นอ้ ยเดยี วแตเ่ รามอง
ไม่เหน็ เพราะวา่ มนั ปิดภายใน แตว่ า่ ตาเราเห็นอยู่ เหตนุ นั้ เราดู
ธรรมะ ดเู นือ้ ๆ ดลู กึ ๆ ดสู ว่ นท่ีมนั เขม้ แข็งเรยี กวา่ เป็นแกน่ สาร
ของรา่ งกายสว่ นท่ีห่อหมุ้ ปกคลมุ ไว้ แตส่ ว่ นในสว่ นใจมนั ก็เป็น
ลกึ อกี มนั ก็ไมม่ ีแกน่ สาร มนั เป็นโพรง มนั เป็นท่ีอยขู่ องพวก
เครอ่ื งในตบั ไตไสพ้ งุ ปอดอะไรตา่ งๆ ท่ีมนั เป็นโพรงเป็นของออ่ น
เราจะไดเ้ ขา้ ใจอยู่ เราไม่เหน็ ดว้ ยตา แตเ่ ราไดร้ ูห้ รอื ไดเ้ ห็นสตั ว์
เห็นสงิ่ ท่มี ีซากมีศพเหมือนคนเน่ีย อยา่ งท่ีเราเป็นคนทาํ กนิ
อยา่ งเป็นคนทาํ อาหาร เนือ้ ปลาก็เหมือนกนั เราก็จะผา่ จะสบั ดู
อยู่ มนั ก็จะเหน็ สว่ นหนงั สว่ นเนือ้ แน่น สว่ นภายในลาํ ไสต้ บั ไต

2

ปอดพงุ อะไร เหน็ หมด แตเ่ ราเหน็ แตเ่ ราไมไ่ ดเ้ อาปัญญา เราไม่
เอามาสอนใจ เราคดิ ไปในเร่อื งทางโลก เราคิดไปในความดีใจ
ความอยาก ความไดก้ ินอยา่ งนี้ อนั นนั้ คือความคดิ ผิดธรรม

ถา้ เราคดิ ไปใหถ้ กู ธรรมก็เป็นสิ่งท่ีจะไดน้ าํ มาพจิ ารณา มา
ปลงสลดสงั เวชมาเห็นซากเหน็ ศพ เหน็ สง่ิ ท่ีเรามาอาศยั อยู่ เรา
มาอาศยั เกาะ อาศยั เกิดอยา่ งนี้ แลว้ เราก็ตอ้ งเป็นผจู้ ะตอ้ งรบั
ความทกุ ข์ รบั ความทรมานในรูปในรา่ ง ในสว่ นท่ีมนั ไมป่ ลอด
จากโรคภยั ไขเ้ จบ็ ปลอดจากความสกปรกเป่ือยเนา่ นา้ํ เลอื ด
นา้ํ เหลืองไขมนั พงั ผืดอะไรอยา่ งนี้ มนั ก็เป็นเหมือนการท่เี รา
ปฏบิ ตั ธิ รรมก็เพ่ือใหน้ าํ จิตของเราเขา้ ไปสงบในสมาธิสว่ นลกึ
สว่ นท่ีเรามองไมเ่ ห็น เรากาํ หนดรู้ กาํ หนดสตขิ นึ้ มา กาํ หนด
ปัญญาเขา้ ไปตงั้ กาํ หนดภาวนา มนั ไมเ่ หน็ เหมือนเราเห็นดว้ ย
แสงไฟ แตเ่ ราเหน็ ดว้ ยแสงใจคือแสงธรรมแสงปัญญา เห็นแต่
มนั ก็เหน็ ตามกระแส ตามความสวา่ งหละทีนี้ ถงึ ปัญญาเรามี
นอ้ ยรบิ หล่ี เราก็พยายามท่ีจะเรง่ จะเพ่ิมแสงธรรมความผ่องใส
ของจิตท่ีเราขดั เกลาเขา้ ไปใน ใหม้ นั ไปถงึ ชนั้ ในชนั้ เนือ้ ชนั้ ลกึ

3

อนั นที้ า่ นสอนมาตงั้ แตเ่ บือ้ งตน้ ในทางพระพทุ ธศาสนาคอื
เป็นท่ีกา้ วมาสพู่ ระธรรมคาํ ส่งั สอนของพระพทุ ธเจา้ ของเรา
ยกตวั อยา่ ง อย่างคนท่เี ขา้ มาบวชเป็นพระเป็นเณรใน
พระพทุ ธศาสนาก็ตอ้ งเรม่ิ ตน้ ทางตรงท่ีเก่ียวกบั กรรมฐานของ
รา่ งกายเน่ียนะ ก็สอนเขา้ นอกเขา้ ไปใน สอนแตห่ นงั ไลเ่ ขา้ ไป ไล่
ไป ไลภ่ ายนอกเขา้ ไป เรยี กวา่ เกศา โลมา นขา ทนั ตา ตโจ น่ี
ก็ไลข่ า้ งนอกเขา้ ไป แตท่ ีนีท้ า่ นก็ไลข่ า้ งในคืนมาอกี ก็ไลก่ ลบั
ทวนขนึ้ มาใหม้ นั มารูก้ นั สว่ นในสว่ นนอก ยอ้ นกลบั ขนึ้ มาอยา่ งนี้
คือใหท้ าํ สตทิ าํ ปัญญาใหม้ นั เกิด ใหม้ นั เดนิ ใหม้ นั หมนุ คอื การ
ปฏิบตั ิ คอื วา่ เป็นการเดนิ ทางพระพทุ ธศาสนา ใหเ้ ดนิ เขา้ ไปแลว้
ก็กลบั ทวนคนื มาเพ่ือใหไ้ มห่ ลงทาง ใหร้ ู้ คอื อย่างเรามีรา่ งกายนี้
ท่านก็เปรยี บเหมือนทางเดนิ แตม่ นั ไม่ใชท่ างเดนิ อย่างเรา
เดินทางดนิ ทางพืน้ อยา่ งนี้ มนั เป็นทางเดนิ ของจติ ท่ีจะตอ้ งเดิน
ตามทางคือรูปรา่ งกาย มนั ไม่ไดเ้ ดินไปแยง่ ใคร มนั เดนิ อยู่
ในทางของตวั เราเฉพาะเสน้ สว่ นตวั

4

ทกุ คนท่ีเกิดมีรา่ งกายมาน่ี ท่านบอกวา่ มีเสน้ ทางท่ีตดั มา
จากความเกิดน่ะ เป็นทางท่ีไดม้ าเรม่ิ เดนิ มา ทา่ นจงึ มีคาถาวา่
เอกายโน อยงั มคั โค ทางสายเอกในโลก ทางท่พี ระพทุ ธเจา้
เดินมากอ่ นใครในโลก คอื ทางท่ีไหน ก็คอื ทางรูปรา่ งกายทาง
เดยี ว อยา่ งวา่ เอกะ แปลวา่ หนง่ึ เอกายโน อยงั มัคโค สัต
ตานัง วสิ ุทธยิ า สตั วค์ นเรารา่ งกายท่ีมีชีวติ เคล่ือนได้ เกิดมา
ตายไป ก็ตอ้ งมาเดินทางเสน้ นี้ เสน้ รากฐาน เดินกลบั ไปกลบั มา
เราเดินจงกรม อนั นนั้ เป็นทางนอก เป็นทางพนื้ โลก แตม่ นั ผทู้ ่ี
เดนิ ตวั ทางเดนิ จรงิ ๆก็คอื รา่ งกายของเราน่นั แหละ เพราะวา่
แผน่ ดนิ มนั เดนิ ไม่เป็น เรากจ็ ะเหน็ อยู่ อยา่ งเราเดนิ จงกรมอย่าง
เนีย้ ดินมนั ไมเ่ ดนิ ไม่เคล่อื นไหว ไม่กา้ วใหเ้ รา ก็ตวั รา่ งกายของ
เราน่ีเดนิ เหตนุ นั้ การเดนิ ปฏบิ ตั เิ ดนิ จงกรมก็คือเป็นเครอ่ื งหมาย
ของการเดินทางกาย คือเดนิ รู้ มีสตกิ าํ หนดภาวนาดกู ารกา้ วการ
เดนิ การหมนุ น่นั หละเป็นทางเสน้ เดียว คอื รา่ งกายของเราคน
เดียว แลว้ คนอ่ืนเคา้ กม็ ีของใครแตล่ ะคน มีเป็นทางเฉพาะท่เี รา
ไดเ้ สน้ ทางมาจากการเกิดเป็นรูปเป็นรา่ งมา

5

ดงั นนั้ สตั วอ์ ่ืนประเภทอ่ืนท่ีมีชีวิตอย่ใู นโลกก็เหมือนกนั มนั ก็
มีทางเดนิ ของมนั เฉพาะ อยา่ งปู ปลา สตั ว์ นก สตั วอ์ ะไรตา่ งๆ
เน่ีย มนั ก็เดินรา่ งกายของมนั ใหเ้ ราเห็นอยทู่ ่วั โลก หมู หมา เป็ด
ไก่ น่ีมนั ก็มีทางเดิน คอื มนั เดนิ ชีวติ เดนิ ความเคล่ือนไหว เดิน
ธรุ ะ การไปสจู่ ดุ นนั้ จดุ นหี้ าอยหู่ ากินวกเวยี นมาอยา่ งนี้ แตว่ า่ มนั
ก็ไม่เดนิ ตรงออกไปทีเดยี วน่ี มนั เดนิ ยอ้ นเดนิ กลบั เดนิ วน คือวา่
โลกมนั หมนุ มนั เวยี นอยนู่ ่ี ท่เี ราทาํ อะไร เราเดนิ จงกรมก็
เหมือนกนั เราไปธุรกิจก็เหมอื นกนั อยา่ งนี้ อยา่ งเราเดนิ มา
เขา้ พรรษาท่ีน่ี ไมว่ า่ พระเณรหรอื วา่ ญาตโิ ยม ไม่ใช่เราอยทู่ ่ีน่ีมา
ก่อน เราเดินมา เรามาอยู่ มาพกั มาเดินอยใู่ นบรเิ วณ แตว่ า่ ถงึ
เวลาครบกาํ หนด ถงึ วนั ออกพรรษาเน่ียก็เปิดทางใหเ้ ดนิ ไกลเดนิ
ไปรอบดา้ นไดห้ ละทีนี้ พอเดนิ รา่ งกายเดินหนทางท่ีเรามตี วั เรา
หนง่ึ หละ เรากเ็ ดินอยอู่ ยา่ งนนั้ ถงึ วา่ รา่ งกายไมเ่ ดิน รา่ งกายเรา
หยดุ เรานอนเราพกั อยกู่ บั ท่ี แตจ่ ิตมนั ก็เดนิ หละทนี ี้ มนั จะเดนิ
วน เดินขนึ้ เดินลง ขนึ้ หวั ลงตนี เดนิ รอบอย่ใู นรา่ งกายสว่ น
ทงั้ หมด

6

ฉะนนั้ ทา่ นบอกวา่ เป็นทางสายเอกในโลก ถา้ ใครไมร่ ูจ้ กั วา่
เรามีเสน้ ทางสาํ หรบั เดินไปเพ่ือกิจเพ่ือธรุ ะเพ่ือทาํ ประโยชน์ เราก็
ไม่รูจ้ กั ท่ีจะนาํ รา่ งกายนาํ จิตของเราปฏบิ ตั ิ คือเดินไปเพ่ือประ
โยชน์ เพ่ือไปได้ กลบั คืนมาสเู่ จา้ ของคอื จติ ใหไ้ ดม้ ีเครอ่ื งไดม้ ี
ปัจจยั มีผลท่ีไดร้ บั น่ี เหมือนเรารบั พระพทุ ธศาสนาเขา้ มาเป็นท่ี
ปฏบิ ตั ิ เราก็ทาํ เพ่ือมรรคผลนิพพาน เพ่ือความสงบสขุ เพ่ือ
ความอยากพน้ ทกุ ข์ พอมาเหน็ ถา้ คนมาเหน็ เน่ียก็จะรูจ้ กั วา่ เรา
เดินตดิ ขดั เราเดนิ ไม่รูจ้ กั ทางหนีทางพน้ เราก็รูจ้ กั หละทนี ี้ เราก็
เห็นความทกุ ข์ การวนเวียนอย่ใู นทางอยใู่ นรา่ งกายของเรา เราก็
จะตอ้ งหาทางแกท้ างออกจากตน้ ทางปลายทางของเราทีนี้ คือ
ความเกิดความตายอยา่ งนี้ แตม่ นั ก็ถา้ เราไมไ่ ปใหพ้ น้ เราก็หลง
ทางไปตลอดหละทีนี้ พอหลงทางนี้ เราไปตอ่ ทางหนา้ อยา่ งนี้
อยา่ งท่ีเราเกิดตาย เวลาตาย ทางเราไมม่ ีท่ไี ป แตเ่ รายงั ไม่รูจ้ กั
ทางหลดุ พน้ เราก็ไปหาเสน้ ทางใหม่ ไปหาเรม่ิ ตน้ ใหม่ ไปหาเกิด
เอาเสน้ ใหม่ รูปรา่ งใหมอ่ ย่างนี้ เราไปเดนิ อย่างท่ีเราเป็นอยู่ มนั ก็

7

ไมไ่ ดม้ ีการท่ีจะหนจี ะพน้ ได้ เพราะวา่ มนั เป็นทางท่ีหลงท่ี
หมนุ เวยี นอยอู่ ยา่ งนี้

ถา้ เรามารูจ้ กั อยา่ งนี้ มนั จะเกิดปัญญา เกดิ ความรู้ เกิด
ความเบ่อื หนา่ ย เห็นโทษความหลง เหน็ ความท่ีเราเดนิ ทางผิด
เราจะตอ้ งหาทาง ดงั นนั้ ทา่ นจะมีหนทางซง่ึ พระพทุ ธเจา้ ทา่ น
เดินไปถกู ทางเดยี ว คือหนทางอริยมรรค ท่ีมีทาง มีองค์ ๘ นนั้
คอื เป็นทางธรรม ทางหนีจากทางโลก ก็มีความรูเ้ ป็นผมู้ องเหน็
เป็นผทู้ ่ีจะปฏบิ ตั นิ าํ ไป อยา่ งท่ีในตน้ ทางท่ีจะไดเ้ ห็นทางก็คอื มี
ปัญญา มีแสงสวา่ ง มองเหน็ มองเหน็ ทางจิตขนึ้ เราคิดหาวา่
ทางไหนมนั จะพน้ ทกุ ข์ มนั จะไปถกู ไปตรง เราก็เอาจิตของเรา
คน้ ควา้ แสวงหา

เม่ือไปถกู ทาง ไปเห็นทางเม่อื ปัญญาท่ีสอ่ งใหก้ ็เกิด
สัมมาทฐิ ิ คือความเหน็ ทางเห็นชอบแลว้ วา่ เธอตอ้ งไปทางผดิ
ทางถกู อยา่ งนี้ คอื ทางโลกทางผิดมนั ไปแลว้ มนั ไปไมไ่ ด้ และ
สมั มาสงั กปั โปเกิดขนึ้ ความดาํ รทิ ่ีจะไป เราจะตอ้ งไปทางนีท้ าง
เดยี ว ไปทางอ่ืนไมไ่ ด้ มีทางหลงทงั้ หมดในโลกยงั มีก่ีลา้ นทาง

8

อยา่ งจาํ นวนคนในโลกมีก่ีลา้ นคน มนั ก็เป็นทางหลงหมด มนั ไม่
มีทางถกู ทางท่ีถกู ก็คอื พระพทุ ธเจา้ พระอรยิ เจา้ อบุ าสก
อบุ าสิกาสมยั ก่อน น่นั ไปทางถกู หมดเพราะมีสงิ่ ท่ีสง่ ทางคอื แสง
สวา่ งปัญญามีสมั มาทฐิ ิ ความเหน็ ชอบเหน็ ถกู วา่ ทางนีเ้ ป็นทาง
เดียว ไม่มที างอ่นื ฉะนนั้ คนท่ีเขา้ ทางไดถ้ ึงเราจะเป็นฆราวาส
ญาตโิ ยม เราไม่ไดบ้ วชแตท่ างจติ เราปฏบิ ตั ิ เราเขา้ ถงึ ทางมนั ก็
ไดท้ างถกู ตอ้ ง มีทางท่ีสวา่ งท่ีจะเดนิ ทางไมห่ ลง อยา่ งวา่
สมั มาทิฐิคอื ปัญญา ไม่ใช่วา่ ความเหน็ ชอบดว้ ยไม่มีแสงสวา่ ง
นาํ คือเหน็ ชอบเหน็ แลว้ ก็มปี ัญญา เหมือนกบั ถนนเรามี แลว้ ก็มี
ไฟ มีสง่ิ ท่ีเปิดสอ่ งทางทะลมุ องเหน็ นะ่ อยา่ งเคา้ ตดิ ทาง เคา้ ติด
ไฟขา้ งถนนมนั ก็จะเหน็ ชดั เหน็ ไกลไปไดถ้ กู ทาง อยา่ งนนั้ ทา่ นจงึ
วา่ สมั มาทฐิ ิ คอื ความเห็นดว้ ยปัญญาท่ีถกู ตอ้ ง แลว้ ก็เหน็ ชอบ
ดว้ ย ไมเ่ หน็ แลว้ จิตก็ชอบดว้ ย จิตก็ยอมรบั วา่ น่ีคอื ทางชอบ
ทางท่พี ระพทุ ธเจา้ เดนิ ไป น่สี มั มาทฐิ ิ ความเหน็ ในจติ ในทาง
ปฏบิ ตั ถิ กู ตอ้ ง

9

สัมมาสังกปั โปก็กา้ วไป สมั มาวาจากเ็ ป็นการท่ีจะตอ้ งนกึ
ในใจกลา่ วสอนใจเราไปวา่ จะตอ้ งทาํ อย่างนีจ้ ะตอ้ งปฏบิ ตั ิอย่าง
นี้ แลว้ คาํ พดู ตา่ งๆกพ็ ดู ถกู ตอ้ งตามหลกั ศลี หลกั ธรรมทนี ี้ เป็น
คาํ พดู ท่ีไมผ่ ิด เป็นคาํ พดู ท่ีไมเ่ ป็นโทษเป็นทกุ ข์ จงึ วา่ สมั มาวาจา
สัมมากัมมันโต การงาน เสน้ ทางคอื รา่ งกายก็ชอบก็ถกู
เรยี กวา่ การงานกท็ าํ งานท่ีถกู งานท่ีไม่มีโทษ งานท่ีไมม่ ีบาป
งานท่ีไมผ่ ิดกฏหมาย ผดิ ศีลธรรมคาํ สอนทงั้ หมด เรยี กวา่ สมั มา
กมั มนั โต สมั มาอาชโี ว การท่ีเลีย้ งชีวิต การท่ีเป็นอยกู่ ็ไม่ทาํ ผิด
ไม่ทาํ บาป ไมท่ าํ ใหเ้ รามีความทกุ ขค์ วามเดอื ดรอ้ นในการเดิน
การปฏบิ ตั ิ รูจ้ กั สาํ รวมระวงั วา่ สงิ่ ใดท่ีจะทาํ ใหเ้ ป็นบาปอย่างนี้
คอื จะเป็นการเบียดเบียนตวั เราเอง เบยี ดเบยี นสตั วอ์ ่นื คนอ่นื
อย่างนี้ จิตเคา้ ก็รู้ ก็เลอื กเฟน้ ได้ เรยี กวา่ สมั มากมั มนั โต สมั มา
อาชีโว

สัมมาวายาโม ความเพียรมนั ก็ชอบ คือชอบเดนิ ทาง ชอบ
กาํ หนด ชอบปฏบิ ตั ิ อย่างท่เี ราชอบทางกายเราอยา่ งนี้ ถา้ เราไม่
ชอบ ทางของเรามนั ก็ตนั หละสิ เหมือนหนทางน่ีอยา่ งเราไม่ชอบ

10

เดิน เราไมห่ ม่นั เดนิ หญา้ มนั ก็ขนึ้ มนั ก็รก ถงึ เราเคยตดั ไวแ้ ลว้ แต่
เราไม่เดนิ อยา่ งเนยี้ มนั ก็มีพวกกิเลส พวกกิเลสก็เป็นพวกหญา้
พวกเครอื เขาเถาวลั ยท์ ่ีเราเหน็ พืน้ ดินนะ่ คนไมเ่ ดนิ คนไมใ่ ชม้ นั ก็
รกขนึ้ รา่ งกายจติ เราไม่เดินมนั ก็รกขนึ้ มืดบงั มองไม่เห็น อย่าง
นนั้ ท่านใหส้ อนใหเ้ ดนิ คือจติ เราเดนิ เดนิ ขนึ้ เดินลง เดนิ บนลา่ ง
สดุ ปลายทาง ทา่ นสอนท่ีใหเ้ ราสวดเป็นอาการนนั้ ก็สอนใหเ้ ดิน
อย่างนนั้ ไมใ่ ชว่ า่ สอนใหด้ เู ฉยๆอยา่ งนนั้ สอนใหเ้ ดนิ อย่างเรา
เดนิ ทางเรม่ิ ตงั้ แตต่ น้ เรม่ิ ตงั้ แตพ่ ืน้ เทา้ เราเดนิ ขนึ้ มาถงึ รากขวญั
ถงึ ปลายผม เราก็เดนิ กลบั คนื จากปลายผมลงไปสพู่ นื้ เทา้ แลว้ ก็
เดนิ ทางขา้ มทางนอก ก็วา่ เดนิ ตอ้ งเดนิ ทางกาย ทางธรรม ทาง
ศาสนาท่ีพระพทุ ธเจา้ ทา่ นสอน แลว้ ก็เป็นทางท่ีแนน่ หนา อยา่ ง
ท่ีวา่ เนือ้ ๆเน่ีย มนั เป็นท่ีแน่นเหมือนดนิ แนน่ มนั เดนิ มนั ก็ไมม่ ีการ
ถลม่ การเสยี หายนะ่ เพราะวา่ มนั เป็นทางเป็นส่งิ ท่ีรองรบั อยู่
ฉะนนั้ จงึ วา่ การท่ีปฏิบตั ิเขา้ ถงึ ทางถงึ เนือ้ อย่างนนั้ ตอ้ งมีปัญญา
ตอ้ งมีความรู้ ตอ้ งมีบารมี ตอ้ งมีสตปิ ัญญาท่ีฝึก ท่ีกาํ หนดขนึ้ มา

11

ถา้ ไมม่ ีเราตอ้ งกาํ หนดใหม้ ี มนั ไม่ใชว่ า่ มนั จะบนั ดาลเกิดเนรมติ
ขนึ้ มาเอง ไม่ได้ ไม่มี คือเราตอ้ งทาํ เอง เราตอ้ งทาํ ใหเ้ กดิ ใหม้ ี

เหมือนอย่างแสงเทยี นอยา่ งนี้ เราตอ้ งทาํ เอง เราตอ้ งหลอ่
เป็นเลม่ เทียน เราตอ้ งมีไฟเชือ้ มาจดุ มนั ถงึ จะมีดวงมีแสงขนึ้ ถงึ
การเดินทางมรรคทางจติ ก็เหมือนกนั นะ จะตอ้ งทาํ ขนึ้ ถา้ ไมท่ าํ
มนั ไม่มีแสงมเี ชือ้ มนั ไมเ่ กิดอะ้ อยา่ งนนั้ เราจะไปรอใหม้ นั เกิด
มนั ไมม่ ี เหมือนอย่างเราไมม่ ีไฟจดุ มนั ก็มดื อย่างนนั้ ทางก็มอง
ไมเ่ หน็ หรอื บางทีเราเดนิ ไปแตเ่ ราก็ไม่ทาํ ใหม้ นั โลง่ มนั สะอาด
เราก็ไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิใหม้ นั กาํ จดั พวกสง่ิ ท่มี นั รกรุงรงั พวกกเิ ลส พวก
สิ่งท่ีมนั ขวางอยา่ งน่ี ถา้ เราทาํ ไปปฏิบตั ิไป เราแกไ้ ขไปเหมือน
เราเดินทางตามพืน้ โลกน่ี ทงั้ เราก็เดินดว้ ย บางทีอะไรมนั เกิด ผดุ
ตอขนึ้ มา เราก็ถอนออก เราก็ขดุ ออก ก็เดนิ มนั จะเป็นทางท่ี
โปรง่ ท่ีสะอาดท่ีแนน่ หนา และเป็นทางรอยเครอ่ื งหมายท่วี า่ เรา
เป็นผเู้ จา้ ของทาง เป็นผเู้ ดนิ โดยตลอด

อย่างรา่ งกายของเรา ทางของเรานนั้ มนั ไม่ใช่คนอ่นื จะมา
แย่งเดิน มีเสน้ ทางเฉพาะจาํ กดั เสน้ ยาวเสน้ สนั้ เราเกิดมาใหม่ๆ

12

มนั ก็สนั้ เพราะมนั ยงั ไมข่ ยายไม่ยืด พอมนั โตขนึ้ มนั ก็ยาวไปสดุ
ชว่ งสดุ สว่ นมนั มนั กพ็ อกบั ท่ีน่นั เพราะฉะนนั้ เราตอ้ งเดนิ ตอ้ ง
ทาํ อยา่ งนี้ ตอ้ งเกิดอยา่ งท่ีวา่ ญาตโิ ยมพวกท่ีเรามีภาระกิจ เรา
มวั แตท่ าํ มาหากินเพ่ือปากเพ่ือทอ้ ง เราม่งุ เพ่ือความเป็นอย่ใู น
ชีวติ ภายนอกของเรา เราไมค่ ดิ เพ่ือจะหาทางหนีจากทกุ ขจ์ าก
โลกจากความเกิดแก่เจบ็ ตาย เราจะไม่รูจ้ กั ทางหละทีนี้ รูจ้ กั ทาง
อย่แู ตเ่ ราก็ไม่เอาจติ ของเราเดินทาง เอาจติ ของเราหนีไปนอก
ทาง ไปทางโลกอย่างนี้ เราก็อย่ใู นทางของเรา

ในบางทีเราเคยหลงทางคนอ่นื อย่างเนีย้ ผชู้ ายก็ไปหลงทาง
ผหู้ ญิง ผหู้ ญิงก็ไปหลงทางผชู้ าย อนั นีม้ นั เป็นทางท่ีใหเ้ ราหลง
มา ไม่มกี าํ หนด หลงมาเบอื้ งหลงั ท่ีเรานบั ไมถ่ ว้ นและขา้ งหนา้ จะ
หลงไปอกี ก็ไมม่ ีกาํ หนด เพราะมนั หลงทางเสน้ เดยี วน่ีแหละ
เด๋ยี วมนั ก็เลยี้ ว มนั ก็เปล่ยี นเสน้ ไปหลงเสน้ นี้ มนั สบั สนกนั อยู่
อย่างนี้ มนั ไมไ่ ดอ้ ย่ใู นทางอยา่ งพระพทุ ธเจา้ ไมอ่ ย่ใู นสมั มาทิฐิ
ความเหน็ ชอบ เหน็ ถกู ดว้ ยปัญญา เหน็ ตน้ ทางท่ีจะนาํ ตน
ออกไปจากโลก จากความเกิดจากกเิ ลสตณั หา ไมค่ ิด เพราะมนั

13

หลง เราไมร่ ูจ้ กั นาํ จติ ของเราไป พอไปเขา้ มนั ก็ไม่เขา้ เพราะวา่
ไมใ่ ช่ทางมนั มนั เป็นรูปรา่ งกายเป็นอวยั วะตา่ งหาก แตม่ นั เป็น
ทางของจิตท่ีทอ่ งเท่ยี วท่ีเรามาทอ่ งในโลกน่ี ช่วั ชาติหนง่ึ หลาย
สิบปี คนเกิดมาทหี นง่ึ ถา้ ไมม่ ีภยั มีโรคไมม่ ีอบุ ตั ิเหตกุ ็ไม่ตาย แต่
เราก็หลงตลอดหละทนี ี้ เราไมไ่ ดเ้ ดนิ ทางถกู เราหลงไป หลงไป
ตลอด ชีวิตท่ียาวนานหลายสิบปี ไมร่ ูจ้ กั เราไม่รูจ้ กั เขา้ ทาง
เสน้ ทาง ตน้ ทาง ปลายทางของเราดว้ ย อยา่ งท่ีเราเหน็ นะ่ อย่าง
ท่ีเราดู มนั ก็รูท้ ีนี้ เราเป็นเดก็ หนทางมนั ยงั เลก็ ยงั มีกาํ ลงั มนั ก็
เดนิ ไปคลอ่ งแคลว่ เดินไดร้ วดเรว็ พอเราเดนิ มาถึงกลางทาง ถงึ
กลางอยกู่ ลางๆ มนั ก็กาํ ลงั แรงเต็มทพี อเดินไปถึงปลายทางน่ี
มนั ก็เหมือนเดนิ ทางมนั ไกลมนั ยาวมนั ก็แรงก็หมดลง มนั เฒา่
ชราลง อายเุ บอื้ งหลงั มนั ยาวไป อายขุ า้ งหนา้ มนั หดสนั้ เขา้ มา
มนั ใกลจ้ ะหยดุ แลว้ มนั ใกลจ้ ะหยดุ หายใจแลว้ เวลาเดินทางก็
หมด มนั ไม่ไดเ้ ดนิ หละทนี ี้ เราก็ตอ้ งตดิ ก็ตอ้ งตนั ทาง หลงทาง

ดงั นนั้ เร่อื งการท่ีเราเขา้ มาสศู่ าสนาในเสน้ ทางมรรค ทาง
ปฏิบตั ิทางกรรมฐาน ทา่ นกจ็ ะสอนใหเ้ สน้ ทางท่ีถกู ตอ้ ง เสน้ ทาง

14

เดียวทางเอกในโลก อย่างท่วี า่ เอกายโน อยงั มคั โค สตั ตานงั วิ
สทุ ธิยา สตั วผ์ บู้ รสิ ทุ ธิ์ พระพทุ ธเจา้ ผเู้ ป็นสตั วม์ ากอ่ น ผเู้ ป็นพระ
โพธิสตั ว์ ไม่ใชเ่ ป็นคน ถงึ เป็นคน แตใ่ นนามเป็นพระโพธิสตั ว์ ก็
ยงั อยใู่ นภมู ขิ องสตั ว์ กเ็ ป็นเพ่ือนสตั วท์ กุ ประเภทเกิดแก่เจ็บตาย
เหมือนกนั เพราะยงั หลงทางเหมือนกนั แตพ่ อดที า่ นรูท้ างทา่ น
เดนิ ทางถกู ทางสายเอกได้ ก็พน้ จากความเป็นพระโพธิสตั วม์ า
เป็นพระพทุ ธเจา้ คือเดนิ ทางไกลทางถกู แลว้ ไมห่ ลงทางแลว้ ไป
พน้ ทางแลว้ ไม่กลบั มายอ้ นคนื มา ไม่ไปเขา้ ตน้ ทางหลงท่ีไหน
ไมไ่ ดไ้ ปเขา้ ทอ้ งใคร น่นั น่ะ ทา่ นก็สอนไวใ้ หเ้ รารูจ้ กั ใชเ้ สน้ ทาง
เขา้ ตน้ ทาง เราอยา่ หลงทาง เราอยา่ ไปแยง่ ทางคนอ่นื เราก็ไมม่ ี
ความผดิ หละทีนี้ ถา้ เราไปแย่งทางคนอ่นื มนั ก็มีความผดิ
เพราะวา่ มนั ไมใ่ ชท่ างเรา มนั เป็นทางของเขา

ถา้ เรารูจ้ กั เสน้ ทางอยา่ งนี้ เราเป็นชาวพทุ ธท่ีไม่หลงทาง เป็น
ชาวพทุ ธท่ีเดนิ ทางถกู แลว้ เป็นผทู้ ่ีปฏบิ ตั ทิ างของตนเองใหท้ าง
นนั้ เดนิ สะดวกและก็ไมร่ กรุงรงั ไมม่ ีพวกอนั ตราย ไมม่ ีพวกฝ่นุ
ตอหญา้ อะไรรกขวาง เพราะจติ ของเราเป็นผถู้ ากถาง ผรู้ กั ษา

15

เสน้ ทาง เราเดนิ เราดู นอกจากวา่ เราลืม เราหลบั ไปน่นั เราต่นื
เราก็ตอ้ งเดนิ ตอ่ ใหด้ ใู หร้ ูอ้ ยอู่ ย่างนนั้ แลว้ มนั มีอะไรในทางก็
จะตอ้ งแกไ้ ข จะตอ้ งรูจ้ กั ปอ้ งกนั ท่ีมนั มีความไม่สะดวก มี
โรคภยั มีการไขก้ ารเจ็บ เราจะตอ้ งรกั ษา จะตอ้ งแกไ้ ขในระหวา่ ง
ท่ีเรามีชีวติ เราเดินทางมานี้ ดงั นนั้ เรอ่ื งการท่ีเขา้ มาสศู่ าสนากม็ า
ทางธรรม ทางกมั มฏั ฐานอยา่ งนี้ มาทางคาํ สอน มาทางปัญญา
มาทางสมั มาทิฐิใหเ้ ราเขา้ ทางถกู ทา่ นสอนใหอ้ ยา่ งนี้ ทา่ นจงึ มี
การอบรมการสอนหลกั หรอื สอนตน้ ทางให้ คนท่ีเขา้ มาใหม่ เขา้
มาบวช ทา่ นไดส้ อนตน้ ทางท่ีถกู ใหเ้ ราคือทางกาย ทาง
กรรมฐาน ๕ ก็คอื ทางกายทงั้ หมดน่นั เอง

อย่าไปเดนิ ทางอ่นื ไปหลงทางอ่นื ใหเ้ ดนิ อย่ทู ่ีเดียวน่ี เดนิ
กลบั ไปกลบั มา เดินใหม้ นั ไม่หลงไมล่ มื พอเรารูส้ กึ เม่ือไรก็เดิน
หรอื วา่ เราเดินจงกรมอยา่ งนี้ ถงึ เวลาท่ีเราหมดภาระกิจอยา่ งอ่นื
เราไมม่ ีธุระท่ีจะตอ้ งไป เรากเ็ ดิน แตเ่ ดินทางกายแลว้ ก็เดนิ ทาง
จติ สิ กายเรากเ็ ดนิ ไปทางดิน จติ เราก็เดนิ ทางกาย มนั ก็เป็นทาง
ท่ีพระพทุ ธเจา้ ทา่ นสอนใหเ้ ราเดิน เราปฏบิ ตั ใิ หท้ าํ อยู่ ถงึ เราจะ

16

ไปเท่ียวไปท่ีไหนเราก็ตอ้ งเดินทางกายทางใจทางมรรคอยา่ งนี้
ตลอด ถงึ เราอยากไปเท่ียวไปเดนิ ทางเทา้ เราก็เดินดว้ ยแรงกาย
ทางจิตเราก็เดนิ แรงสติปัญญาท่ีเรามีอยแู่ ลว้ ก็กาํ หนดรู้ วา่ มนั
เดนิ มากเดนิ นอ้ ย เดนิ ถึงใกลถ้ งึ ไกล มนั เหน่ือยมนั หนกั อะไร เรา
ก็กาํ หนดดไู ป เราก็จะเกิดความรูท้ ีนี้ บนเสน้ ทางท่ีเราตอ้ งเดิน
คือเดินตามทางพระพทุ ธเจา้ ตามทางอรยิ มรรคใหม้ นั ถกู ตอ้ ง
คือเป็นทางท่ีไม่มีบาป ไมม่ ที างหลง เป็นทางท่ีปลอดโปรง่ ถงึ เรา
ไม่มีสิ่งท่ีจะ(เสยี งไมช่ ดั ) แตว่ า่ จติ ก็เดนิ ได้ มนั ไมไ่ ดไ้ ปตดิ ขดั ท่ี
ไหน เพราะจติ มนั เป็นของละเอียด ของมีพลงั อย่างนี้ เราก็เดนิ ใช้
กาํ ลงั เดนิ ดซู ิวา่ มนั ไม่ไดพ้ กไดพ้ ายไม่ไดล้ ากเขน็ อะไรน่ี มนั เดนิ
ดว้ ยจิต ดว้ ยความรู้ เราเดนิ ไปดว้ ยความเรว็ อยา่ งนี้ เพราะวา่ ถา้
เราเดินตามหลกั สมั มาทิฐิ คอื ดว้ ยปัญญาแลว้ น่ี มนั จะไมม่ ีการ
เหน่ือย การชา มนั จะรวดเรว็ หละทนี ี้

ฉะนนั้ ในตน้ ทางนนั้ จงึ ยกสมั มาทิฐิขนึ้ กอ่ น แลว้ ในท่ีสดุ ก็ไป
ถึงสมั มาสมาธิ คอื ถงึ ทางท่ีตรง ท่ีสงบ ท่ีม่นั คง เป็นทางท่ีถาวร
แลว้ ทีนี้ ไมม่ ที างหลงทางเส่อื มเสยี แลว้ เพราะวา่ พระพทุ ธเจา้

17

ทา่ นรู้ ทา่ นเดนิ ไปกอ่ นทา่ นสอนไวเ้ ป็นพระพทุ ธศาสนา คอื ไว้
สอนคนท่เี กิดหลงทางมาทีหลงั มากมายอยา่ งพวกเราอย่างเนีย้
มนั หลง มนั เกดิ มาทหี ลงั ก็ไมร่ ูจ้ กั ทาง ถึงมนั รูม้ นั ก็ฝืนทาง เพราะ
จิตมนั มีความหลง มีกิเลสมาควบคมุ ไว้ มนั บงั ไว้ เราจะใหม้ นั
เดินไมใ่ หม้ ีอะไรขดั แตม่ นั ก็มีอารมณ์ มีความคดิ ในทางฝ่ายมืด
ฝ่ายกิเลสตา่ งๆมนั ปิดบงั ไว้ มนั ทาํ ใหเ้ รา…เรามองทางจะไปมนั
มืด มนั ไม่รูจ้ ะเดนิ ไปอย่างไร มนั ไมเ่ หน็ แตถ่ า้ มนั เหน็ อยา่ งนีม้ นั
ก็เดินดว้ ยความปลอดโปรง่ เดนิ ดว้ ยความเห็นวา่ เออ้ ทางมนั
ตรง ทางมนั เดนิ ไมล่ าํ บากเพราะวา่ มนั ไมไ่ ดเ้ อาวตั ถอุ ะไรไป
เก่ียวขอ้ ง มนั มีแตจ่ ติ ท่ีจะกาํ หนดท่ีจะเดินไดโ้ ดยไม่ตอ้ งใชว้ ตั ถุ
สิ่งของหละทีนี้ เดนิ เฉพาะจติ เฉพาะกายของเรา มนั กเ็ จรญิ ได้
แตง่ ได้ รูจ้ กั แตง่ รูจ้ กั กาํ หนดตน้ ทาง กลางทาง ปลายทางท่ีเรา
ทาํ อยู่

ทีนีค้ วามท่ีเราเดินบอ่ ยเดินประจาํ มนั ก็แกค้ วามหลงได้
เหมือนเราอยทู่ ่ีไหน ไปทางเชน่ ใด ถา้ เราไปบอ่ ยๆไปประจาํ ไป
ทกุ วนั อยา่ งนีม้ นั หลงไม่ได้ แตถ่ า้ เรานานๆซกั ปีหลายปีไปทีหนง่ึ

18

เราเคยจาํ ได้ แตเ่ ราไป หลง เพราะอะไร เพราะวา่ มนั ไม่ไดเ้ ดนิ
บอ่ ยเดนิ ประจาํ ปลอ่ ยไวน้ าน มนั ก็รกรา้ ง มนั ก็หมอง มอง
เครอ่ื งหมายไมเ่ หน็ อนั นีก้ เ็ หมือนกนั หละทีนี้ อยา่ งเราเดินใน
ชีวิตในการเกดิ การตาย การท่ีเขา้ มาสศู่ าสนา เราก็ไม่รูว้ า่ เราเขา้
มาถกู อย่างน่ี ถงึ เราเขา้ มาถกู แลว้ เราก็ไมเ่ ดินไปใหม้ นั ถงึ ใหม้ นั
สดุ เราก็ยงั หวนกลบั วกวนมา หวนคืนมาใหม่ แลว้ ก็มาหาตน้
ทาง ก็คน้ คิดอย่นู ่นั มนั ก็เป็นการวนเวยี น ทาํ ใหเ้ ราเสยี เวลา
อย่างท่ีเราเขา้ ๆออกๆ น่ีบางคนบวชสกึ ๆ บวชแลว้ สกึ ๆแลว้ ไป
อยากไปเดินตอ่ อกี วกวนอยา่ งเนีย้ วา่ มนั เป็นโลกหมนุ เวยี น มนั
ไมใ่ ชเ่ ป็นโลกตรง

โลกตรงคอื พระพทุ ธเจา้ คือธรรมะ คือวิรยิ ะ ท่ีไปสมู่ รรคผล
ทา่ นออกไปจากโลกจากทกุ ขไ์ ด้ เพราะอาศยั สมั มาทฐิ ิ ความ
เหน็ ชอบในจิตท่ีจะหาทางออกไปจากโลก จากการควบคมุ ของ
กิเลส ของความเกิด ความแก่ ความเจบ็ ความตายเน่ียแหละ
เหมือนกบั วา่ นกท่ีมนั ถกู ขงั อย่ใู นสมุ่ อยใู่ นกรง ลกั ษณะอยา่ ง
นกเขา ช่ือมนั นกเขาไม่ใชน่ กเรา แตม่ นั เป็นสตั ว์ แตม่ นั มีนิสยั

19

เป็นนกป่า คนจบั มาเลีย้ ง เอามาขงั ใสก่ รง นกกระทา เคา้ มา
เลีย้ งใสก่ รง แตม่ นั รูจ้ กั วา่ มนั ติดอย่ใู นกรง มนั ก็อยากออก มนั ก็
จะพยายามท่ีจะหาชอ่ งออก ถึงเขาเลยี้ งดี ใหก้ ินอาหาร ใหก้ นิ
นา้ํ ใหท้ ่ีซมุ่ อยไู่ วป้ อ้ งกนั ภยั มนั ก็ไมน่ ่ิงหละน่ี มนั ก็ยงั มีนสิ ยั ท่ีจะ
หาช่องหาทางออก มนั ก็กนิ แลว้ ก็จบั วนตาตมุ้ ของมนั อยา่ งนนั้
เป็นงานประจาํ ในท่ีสดุ มนั ทาํ ไมห่ ยดุ มนั มชี ่องทาง พวกตมุ้ พวก
กรงมนั ขาดมนั หลดุ ออกหละ ทนี ีม้ นั ออกไปได้ ตอ้ งอาศยั กาํ ลงั
อาศยั ความแข็งแรง อาศยั ความขยนั อนั เปรยี บลกั ษณะ
เปรยี บเทียบกบั จติ ผอู้ ยากออกจากโลกจากกิเลสจากความเกิด
จะตอ้ งมีลกั ษณะจะตอ้ งทาํ จติ จะไม่หยดุ น่ิง จะตอ้ งหมนุ
จะตอ้ งคิด จะตอ้ งกาํ หนด นอกจากหลบั ไป ต่นื ขนึ้ รูไ้ ดก้ ห็ าทาง
เหมือนกบั นกมนั ไม่หยดุ น่ิง มนั ไม่มีอะไรจะทาํ มนั ก็ทาํ หนา้ ท่ีของ
มนั มีคนใหก้ นิ นา้ํ กินขา้ ว

เหมือนอยา่ งญาตโิ ยมเป็นผทู้ ่ีอปุ ถมั ภค์ า้ํ ชพู ระพทุ ธศาสนา
ใหพ้ ระสงฆส์ ามเณรเสมอกนั ก็ใหอ้ าหารใหน้ า้ํ ใหป้ ัจจยั ให้
พระสงฆไ์ ดไ้ มต่ อ้ งไปเดือดรอ้ น ไม่ตอ้ งหิวโหย ไมต่ อ้ งเสยี กาํ ลงั

20

จะไดเ้ ป็นปัจจยั ท่ีใหก้ าํ ลงั รา่ งกาย ใหม้ ีกาํ ลงั ทาํ ความเพยี ร ใหม้ ี
กาํ ลงั ท่ีจะเจรญิ สตปิ ัญญา เพ่ือหาทางออกจากโลกจากกิเลส
จากตมุ้ นะ่ มนั ก็เป็นเครอ่ื งท่ีใหเ้ ราเห็นอยู่ ไมใ่ ช่วา่ ใหเ้ ลยี้ งอยู่ ให้
ตดิ อยู่ ใหท้ รมานอยู่ เราไดอ้ าหาร ไดเ้ ครอ่ื งอย่อู าศยั เราก็ตอ้ งใช้
กาํ ลงั จะตอ้ งเตรยี ม จะตอ้ งทาํ คณุ คา่ คณุ ประโยชนใ์ หเ้ กิดแกผ่ ทู้ ่ี
นาํ มาให้ ผทู้ ่ที าํ เพ่ือแบง่ สรรปันสว่ นอย่างนี้ เป็นท่มี าเป็นทาง
ของพระพทุ ธศาสนามาตงั้ แตด่ งั้ เดมิ อย่างนนั้ ทา่ นก็จะไดร้ ูส้ กึ ตวั
ของตวั เองหละทีนี้ วา่ ชีวิตของเราท่ีเป็นพระอยา่ งนี้ ท่ีเราสวดกนั
ในพระสทั ธรรม ๑๐ ขอ้ ก็เหมือนกนั ก็เน่ืองดว้ ยคนอ่ืน เราไมไ่ ด้
ขวนขวายหาเอง กินเอง ปลกู เอง แตค่ นอ่นื เคา้ แบง่ ให้ เคา้
ศรทั ธา เคา้ ถวาย เคา้ บาํ รุง ก็เพ่ือใหเ้ ราไดธ้ รรม ไดป้ ฏบิ ตั ิ ใหม้ ี
กาํ ลงั ใหม้ ีสตปิ ัญญาน่ีแหละ เรยี กวา่ ปัญญานีเ้ กิด

ถา้ เราเกิดปัญญาได้ ผลท่ีไดร้ บั มนั สงู ของเราและของเขา ก็
จะมีสว่ นได้ สว่ นไดจ้ ากการใหก้ ารเสียสละตา่ งๆอยา่ งนี้ มนั ก็มี
ผลหละทนี ี้ ผลท่ีไดม้ นั จะไดก้ ศุ ลในความฉลาดท่ีนาํ ไปปฏบิ ตั ิไม่
หยดุ น่งิ ท่ที าํ ใหเ้ กิดผล มีผลมีคณุ คา่ มากขนึ้ สว่ นนอ้ ย แตว่ า่ เรา

21

ใชป้ ฏบิ ตั ิ เราเรง่ เราทาํ ใหม้ าก มนั ก็ไดผ้ ลมากขนึ้ เพราะกาํ ลงั ท่ี
เราไดอ้ าศยั กจ็ ะเป็นประโยชนแ์ กจ่ ติ ใจของเรา และผลสะทอ้ นก็
จะถงึ คนอ่ืนทนี ี้ เพราะวา่ มนั เป็นสงิ่ ท่ีชว่ ยใหเ้ กิดกาํ ลงั แตถ่ า้ ไม่มี
ปัจจยั มีสง่ิ ท่ีไดม้ า ไม่ไดม้ ีเคร่อื งใชข้ องฉนั เราก็ไม่มีแรงท่ีจะ
ปฏิบตั ิท่ีจะทาํ การเดนิ ทาง ไมม่ ีเสบียง สว่ นท่ีศรทั ธาญาตโิ ยมท่ี
เคา้ ใหเ้ สบียงเป็นผทู้ ่ีมีสว่ น เคา้ ก็เลยศรทั ธาหวงั กศุ ลผลบญุ แต่
เคา้ หวงั ไมต่ รงตอ่ ทางพน้ ทกุ ขก์ ็มี บางทีเคา้ หวงั ความสขุ แคช่ ีวิต
แคม่ นษุ ยส์ มบตั ิอย่างนี้ เคา้ หวงั เพ่ือร่าํ รวย เพ่ือไดก้ ินไดใ้ ชไ้ ด้
เป็นของสมบตั ิ จะเกิดแก่เจบ็ ตายอย่ใู นโลก เพ่ือรกั ษาภมู ชิ าติ
มนษุ ย์ หรอื ภมู ิชาตสิ วรรค์ เทวบตุ ร เทวดาน่ีมี อนั นนั้ เป็นชนั้ ท่ียงั
อยใู่ นโลกอยู่ อย่ใู นสมุ่ อยใู่ นกรงอยู่ ขงั อยู่ เราไม่ไดจ้ ติ เพ่ือ
หาทางออก เรายงั ทาํ เพ่ือเลยี้ งเพ่ือบาํ รุงกิเลส

แตค่ นท่ีเขามีปัญญาแลว้ เคา้ มาปฏิบตั ิเกิดความรู้ เกิดรูจ้ กั
ทางมรรคทางผล เคา้ จะไมค่ ดิ อยา่ งนนั้ เคา้ ทาํ เพ่ือความหมดสิน้
ไป เคา้ ไมห่ วงั เพ่ือการตอบแทน น่นั พวกนนั้ เป็นพวกท่ีจะชว่ ยให้
พระสงฆไ์ ดส้ าํ เรจ็ มรรคผลดว้ ยอานิสงสข์ องใจอยา่ งถกู ตอ้ ง

22

ไมไ่ ดป้ รารถนา คอื ปรารถนาเพ่ือใหก้ ิเลส เพ่ือใหบ้ ญุ ท่ีทาํ ไปไม่
เรยี กกลบั คนื ไม่เรยี กคา่ ตอบแทน ทาํ ใหห้ มดไปสิน้ ไป คนท่ีมี
ศรทั ธาแบบนี้ คนสมยั ปัจจบุ นั มนั ไมค่ อ่ ยมีหรอก เคา้ ก็มแี ตว่ า่
เออ จะทาํ บญุ ก็นกึ อธิษฐานอนั นนั้ อนั นี้ ใหม้ ีโชคมีลาภ ใหร้ ่าํ ให้
รวย ใหไ้ ดม้ ากๆ เน่ียอย่างเนีย้ บางทีก็ใหเ้ กิดเป็นมงคลอยา่ งอ่นื
ใหข้ ลงั ใหค้ มุ้ ครอง ใหค้ วามคิดทงั้ หมดนะ่ มนั ผดิ หมด คนท่ีตงั้
จิตอธิษฐานไปผดิ มรรคผดิ ทางหมด แตม่ นั ก็ไดผ้ ลทางโลกหละที
นี้ แตม่ นั ผิดทางมรรคผล คนท่ีเขาตอ้ งการมรรคผล เคา้ ไม่คิด
หละทนี ี้ เคา้ คดิ วา่ ทาํ เพ่ือใหม้ นั หมดกิเลส หมดไปสิน้ ไป ไมค่ ิด
เอาผลกาํ ไรคา่ ตอบแทน ทาํ แลว้ ก็แลว้ ไป ไม่เรยี กคา่ ยอ้ นคนื มา
อนั นนั้ เรยี กวา่ เป็นทานท่ีอยา่ งละเอยี ด อยา่ งสงู อยา่ งอกุ ฤษฏ์
ทานชีวติ ทานท่ีเสียสละจรงิ ๆ ไม่เรยี กคา่ ตอบแทน ดงั นนั้ พระผู้
ท่ีไดร้ บั ไปก็เป็นผทู้ ่ีเรยี กวา่ ไดก้ าํ ลงั ไดค้ วามบรสิ ทุ ธิ์ ไดค้ วามท่ี
ถกู ตอ้ งเพราะผทู้ ่ีใหป้ ัจจยั ใหส้ ่งิ ของเคา้ กม็ งุ่ ถกู ตอ้ งเหมอื นกนั
เคา้ ก็อยากพน้ ทกุ ข์ เคา้ ก็อยากออกจากโลกจากความเกิดแก่
เจ็บตาย ซง่ึ มนั มาทรมานอย่นู บั ไมถ่ ว้ น

23

อย่างท่ีเราเบือ้ งหลงั อย่างนี้ เราก็ยอ้ นนบั ไปเรยี งลาํ ดบั ไปไม่
ถว้ น และอีกขา้ งหนา้ อย่างนีท้ ่ีเรายงั มองไม่เห็นท่ีสดุ ท่ีพน้ ทกุ ข์
อย่างนี้ เราก็ฝึกปัญญา มนั มองไม่เหน็ ดงั นนั้ เราเหน็ ปัจจบุ นั เรา
ดปู ัจจบุ นั เราดคู วามคิดจติ ท่ีเราอยปู่ ัจจบุ นั มนั คิดอะไร มนั เกิด
อะไร มนั เดินไปคลอ่ มตรงไหน เหมือนเราเดนิ ทางอยา่ งนี้ เราไป
เกาะเครอื เขาเถาวลั ยอ์ ยเู่ สน้ ไหนอะไร โดนตอโดนหลมุ บอ่ ท่ีไหน
เราตอ้ งดใู นท่เี ราเจอน่นั น่ะ เราตอ้ งซอ่ มแกไ้ ขตรงนนั้ เราตอ้ ง
แตง่ ตรงนนั้ เรยี กวา่ เป็นปัจจบุ นั ทา่ นสอนใหล้ งปัจจบุ นั ใหเ้ รา
สว่ นท่ีวา่ ตน้ ทางปลายทางหนา้ หลงั มนั เป็นสง่ิ ท่ีไกลไป ใหด้ ู
ใกลๆ้ น่ี ท่ีเราอยปู่ ฏบิ ตั ิ

เราอยใู่ นพรรษาอยา่ งนีก้ ็เหมือนกนั เราเดนิ ตงั้ แตว่ นั เขา้ วนั
ตน้ มา มนั ก็เดนิ มา แตเ่ ราไมไ่ ดไ้ ปเดนิ แตว่ า่ ความหมนุ เวยี นของ
กาลของเวลาของโลก มนั ก็หมนุ ไป มนั ก็มาถงึ ท่ีสดุ จนถึงปลาย
ทางออกพรรษาใหเ้ ราไดอ้ ยปู่ ัจจบุ นั แตม่ นั ก็เดินทางหมนุ เวยี น
ทางโลก แตส่ ว่ นสติปัญญาท่ีเราเดนิ เขา้ มา เราก็เดินทางภายใน
เราก็เดินเสน้ ทางสายเอกซง่ึ เป็นทางท่ีเราไดม้ าจากกาํ เนิดความ

24

เกิด เป็นผทู้ ่ีสรา้ งจาํ แนกใหเ้ รามา เราก็รกั ษาทีนี้ รกั ษาเป็น
เสน้ ทางท่ีจะเดนิ ปฏบิ ตั ิ เดินเพ่ือใหร้ ูจ้ กั ทางถกู ทางตรง ถา้ มนั
เกิดมีลมุ่ หลงมีอะไร มนั ผิดทางเราก็รบี รบี กลบั คืน อยา่ งท่ีเรา
หลงทางคนอ่นื เราก็รูว้ า่ คนอ่ืนมนั ไมใ่ ชท่ างของเรา เราก็รบี เรยี ก
ทนั ที เรยี กความคดิ ไมใ่ ชท่ างเรา คอื ทางเขา เราไปเดินแยง่ เขา
ไปเบียดเขา ไปขดั เขา มนั กร็ ูจ้ กั หละทีนี้

ดงั นนั้ เรอ่ื งการเขา้ มาสศู่ าสนาหรอื ศาสนาจะมีมาถงึ พวกเรา
ก็มาจากคาํ สอนพระพทุ ธเจา้ ตรงท่ีเสน้ ทางปฏบิ ตั ทิ างมรรค ทาง
อรยิ มรรคน่ี มาเป็นเสน้ ทางเอก เป็นทางถกู ทางตรงมาแตค่ รงั้
พระพทุ ธเจา้ พระสาวกทงั้ หลาย พทุ ธบรษิ ทั ทงั้ หลาย ผทู้ ่มี ี
ปัญญา ผทู้ ่ีไมน่ อก ตรงทางเหมือนกบั พระพทุ ธเจา้ ก็เดนิ ไปเสน้
นีถ้ กู ตอ้ ง ไมห่ ลงไม่ผดิ แตเ่ ราหลงเราก็รู้ แตเ่ ราก็ตอ้ งรบี เรยี กรบี
กลบั คืนรบี แก้ อยา่ ใหห้ ลงไปตลอดทางเพราะวา่ เวลาเรามี
เฉพาะ อยา่ งชีวิตของเราแตล่ ะคนมีกาํ หนดอายเุ สน้ ทางเฉพาะ
เลย เราเดนิ ทางยงั ไมไ่ ปถงึ ไหน เราไปหมดชีวติ ตายก่อน ทาง
ของเราก็ยงั ตกคา้ ง เรยี กวา่ เสน้ ทาง เรยี กวา่ เป็นศาสนา เป็นเนือ้

25

ธรรมะท่ีอยใู่ นใจในกายของเราทกุ คน ใหม้ ีความเขม้ แข็ง น่ีคนท่ี
ปฏิบตั คิ นท่ีเกดิ คนท่ีทาํ ความเพียรก็สรา้ งความเขม้ แขง็ เพราะ
รา่ งกายมนั ทาํ งาน มนั เค่ยี วเข็ญอะไรของมนั ตลอดถึงมีอาหาร
ท่ีจะเขา้ ไปบาํ รุง ไปสรา้ ง มนั ก็เกิดความหนาแนน่ เขม้ แขง็ เป็น
เนือ้ ๆแน่นๆ เกิดความแข็งแรง ความขยนั หม่นั เพียร ก็เดนิ ทาง
จิตดว้ ยความท่ีแรงสติปัญญา มีความขยนั มพี ลงั ท่ีจะตอ้ งนาํ จติ
นาํ สตขิ องเราเดินกลบั ไปกลบั มา เดนิ อยตู่ ลอดนะสิ เพ่ือไมใ่ ห้
หลงผดิ ทาง ถา้ หลงผิดทางนอ้ ยเดยี วก็ไดโ้ ทษไดบ้ าดไดแ้ ผล ก็
เหมือนกบั วา่ เราไปเดินผดิ ลม้ แลว้ พลิกผิดนิดเดยี วน่ี เราก็ได้
โทษไดแ้ ผลแลว้ คอื เกิดความเดอื ดรอ้ น เกดิ ความไมส่ งบ เกิด
ความทกุ ขใ์ จ

น่ีเป็นธรรมะเตอื นใจในการออกพรรษา เหมือนกบั เราตอ้ ง
หาทาง ตอนท่เี ราอยใู่ นฤดฝู นน่ีเหมือนกบั วา่ เรามารูจ้ กั วา่ จติ เขา
ยงั ถกู กิเลสขงั อยู่ เราจะตอ้ งหาทางซอ่ ม ตอ้ งสบั ตอ้ งไชเหมือน
นกกระทาท่ีมนั เป็นสตั ว์ มนั ยงั มีความคิดท่ีจะอยากออกมาในท่ี
แคบท่ีขงั คนเราผมู้ ีสติปัญญาผเู้ กิดมาในโลก เหน็ รา่ งกายเหน็

26

กรงขงั ของเรา เราก็ตอ้ งสรา้ งปัญญาขนึ้ ตอ้ งรูจ้ กั หา ไม่ใชข่ อง
คนอ่ืน ไมใ่ ช่ของพวกแม่ญาตพิ ่ีนอ้ งเรา มนั เป็นของเราคนเดียว
เฉพาะ ใครไปช่วยไมไ่ ด้

เหมือนอยา่ งนกโดนขงั เฉพาะตมุ้ เฉพาะตวั มนั ตอ้ งทาํ กิจ
ทาํ กรรมของมนั จะไปใหค้ นอ่ืน ถงึ พระพทุ ธเจา้ เองก็ไมใ่ ช่ไปช่วย
ได้ แตพ่ ระพทุ ธเจา้ ท่านสอนการหาทางออก หรอื การท่ีจะใช้
ปัญญา สอนใหม้ ีความขยนั หม่นั เพียร มีความตน่ื อย่ตู ลอด ไม่
หลงไมห่ ลบั ไม่ออ่ นแอ อนั นนั้ เป็นคาํ สอนท่ีชว่ ยพวกเรา ชว่ ย
สตั วโ์ ลกตรงนี้ แตจ่ ะใหต้ วั ของเคา้ ออกมาชว่ ยไมไ่ ด้ สิ่งท่ีชว่ ยก็
เป็นคาํ สอนคอื เป็นพระพทุ ธศาสนา หมายถงึ พวกเรานชี้ ่วยสอน
ชว่ ยบอกซอ่ มทางใหเ้ รา แตถ่ า้ สอนบอกแลว้ เรายงั ไม่ต่ืน หรอื เรา
ไม่มีความขยนั มีกาํ ลงั เราเป็นคนท่ีไม่มีศรทั ธา เป็นความความขี้
เกียจมนั ก็ไม่ไดห้ ละสิ มนั ก็วา่ มนั ลาํ บาก เน่ียมนั ทาํ ไมไ่ ด้ มนั มี
กิเลสความขดั แยง้ คดั คา้ นเยอะ เร่อื งทางมรรคทางผลทาง
อรยิ มรรคมนั ไมใ่ ช่ธรรมดา ถา้ พดู ถงึ วา่ มนั มีสง่ิ ท่ีมนั ขดั แยง้ มา
ก่อกวนมนั ก็ลาํ บากหละทีนี้ ท่ีเราลาํ บากเพราะวา่ พวกกิเลสพวก

27

มารพวกความเห็นแกเ่ หน่ือยแกต่ วั แกโ่ ลกอะไรหละทีนี้ ปัญญา
มนั ก็หมดแรง เหน็ ไฟมนั ก็ดบั ก็มืดไปหมด น่ีเป็นเนือ้ ธรรมเป็นคาํ
สอนเป็นแสงประทีปท่ีจะใหเ้ ราปฏิบตั ิมองทางมรรคผลตาม
พระพทุ ธเจา้ ใหท้ างพน้ จากโลกจากกิเลสไป น่ีเป็นธรรมะ
เตอื นใจ ขอยตุ ิไวแ้ ตเ่ พียงเทา่ นี้

ท่ีมา: https://youtu.be/IXGdpQvL30c

28


Click to View FlipBook Version