The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภาวนาแยกกายเวทนาจิต โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-16 19:12:16

ภาวนาแยกกายเวทนาจิต โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

ภาวนาแยกกายเวทนาจิต โดย หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

Keywords: ภาวนาแยกกายเวทนาจิต,หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

ภาวนาแยก กาย เวทนา จติ
หลวงป่สู วุ จั น์ สวุ โจ

ก็ตงั้ ใจ ความตงั้ ใจคือความเตรยี ม เตรยี มใจของเราในการ
ปฏิบตั ิ ถา้ ความตงั้ ใจมีแลว้ ความพยายามก็มี ความพยายามมี
แลว้ ความอดทนก็มี สงิ่ เหลา่ นีเ้ ป็นคณุ ธรรมของการประกอบ
กิจการงานเพ่ือจะไดบ้ รรลถุ งึ จดุ หมายปลายทาง การงานใดๆ
ถา้ หากความตงั้ ใจแลว้ การงานเหลา่ นนั้ ไมแ่ นน่ อนใหล้ ม้ เหลว
เปล่ยี นแปลงไปไดห้ ลายอยา่ ง ถึงแมว้ า่ ตงั้ ใจแลว้ ก็ยงั ผดิ พลาด
เพราะเหตนุ นั้ พระพทุ ธเจา้ ทรงสอนไมใ่ หป้ ระมาท คือความตงั้ ใจ
ทาํ อะไรก็ไมใ่ หป้ ระมาท ทอดธรุ ะ อย่านกึ วา่ งา่ ย อย่านกึ วา่
สะดวก แตเ่ ราตอ้ งทาํ งานบางอยา่ งสาํ เรจ็ ดว้ ยการกระทาํ ทาง
กาย งานบางอยา่ งก็เพียงวาจาก็สาํ เรจ็ งานบางอยา่ งเพียงแต่
ใจคิดนกึ ก็สาํ เรจ็ เพราะเหตนุ นั้ พระพทุ ธเจา้ จงึ จดั ธรรมไวถ้ งึ ๓
ประเภท จะเป็นสว่ นกศุ ล จะเป็นสว่ นอกศุ ลก็มีในงานเหลา่ นี้
สาํ เรจ็ จากงานเหลา่ นี้ งานทางกายก็สาํ เรจ็ แสดงออกมาทาง
กาย งานทางใจก็สาํ เรจ็ ขนึ้ ทางใจ ใหผ้ ลแกท่ างใจ งานทางกาย

1

ทางวาจา ใหผ้ ลทางกายดว้ ยทางใจดว้ ย งานทางวาจาใหผ้ ล
ทางใจ ทางวาจาดว้ ยทางใจดว้ ย ทางกายดว้ ย เพราะฉะนนั้ งาน
ทกุ ประเภทเม่ือรวมยอดแลว้ อยทู่ ่ีใจเป็นส่งิ ท่ีสาํ คญั เพราะฉะนนั้
จาํ เป็นจะตอ้ งศกึ ษาเรอ่ื งใจใหไ้ ดค้ วามรูค้ วามเขา้ ใจในจติ ใจของ
เรา

พระพทุ ธเจา้ ทา่ นตงั้ หลกั วา่ ธรรมทงั้ หลายมีใจถึงก่อน
สาํ เรจ็ แลว้ ดว้ ยใจ ไมใ่ ช่สาํ เรจ็ ดว้ ยท่ีอ่นื ถา้ ใจไม่สาํ เรจ็ ทกุ อยา่ ง
ก็ไม่สาํ เรจ็ ถา้ ใจสาํ เรจ็ ทกุ อยา่ งก็สาํ เรจ็ ไปดว้ ย เพราะฉะนนั้ ใจ
จงึ เป็นสง่ิ ท่ีจาํ เป็นท่ีท่านทงั้ หลายควรทะนถุ นอมควรรกั ษา ควร
ทะนบุ าํ รุงจติ ใจของเราใหม้ ีกาํ ลงั เขม้ แขง็ ดว้ ยอาศยั สตอิ าศยั
ปัญญา จติ จงึ มีความสามารถ สติความระลกึ รู้ ใหม้ นั นกึ ไป ถา้
สติไมค่ อ่ ยมีความพลงั้ เผลอ ใจก็มีกาํ ลงั ในทางท่ีรูเ้ ขา้ ไปหา
ความจดจาํ เขา้ ไปหาความจรงิ เขา้ ไปหาเหตใุ หร้ ะลกึ ไดอ้ ยู่
เสมอ เขา้ ใจกนั ตรงถกู ตอ้ ง เป็นกาํ ลงั ทางจติ ใจในสว่ นหนง่ึ

สว่ นปัญญาการสอดสอ่ งวิจยั สิ่งท่ีเป็นอปุ สรรคขดั ขอ้ งก็ดี
เราจะไดว้ จิ ยั วจิ ารณใ์ หเ้ ขา้ ใจทงั้ เหตแุ ละทงั้ ผล เพราะผลท่ีจะ

2

เกิดขนึ้ นนั้ ไมใ่ ช่เกิดขนึ้ ลอยๆ ตอ้ งมีเหตุ หลกั ธรรมคาํ ส่งั สอนของ
พระพทุ ธเจา้ พระองคก์ ท็ รงยกเหตุ พระองคท์ รงแสดงจากครงั้
แรกท่ีเดียว พระองคท์ รงแสดงเหตกุ บั ผล เหตทุ างดีเหตทุ างไม่ดี
ผลทางดี ผลทางไมด่ ี พระองคไ์ ดบ้ รรลเุ รยี กวา่ อริยสัจธรรมทงั้
๔ ขอ้ ทกุ ข์ น่นั มาจากเหตคุ อื สมทุ ยั ทกุ ขก์ บั สมทุ ยั สาํ เรจ็ มาจาก
ไหน ตอ้ งสาํ เรจ็ มาจากใจ มอี ะไรถึงกอ่ น ตอ้ งมีใจถงึ กอ่ น ถา้ ไม่
มีใจแลว้ ทกุ ขม์ นั จะเกิดขนึ้ ไดต้ รงไหน ถา้ ไม่มีใจแลว้ เหตทุ ่ีให้
ทกุ ขเ์ กิดมนั จะมีมาไดอ้ ย่างไร เพราะฉะนนั้ เวลาทกุ ขเ์ กิดขนึ้ ก็
เราก็ดไู ปถึงใจวา่ เพราะใจของเรามนั มีเหตคุ ือสมทุ ยั เรยี กวา่
ตณั หา อวชิ ชาตัณหาอุปาทาน แลว้ กรรม เหตทุ ่ีอยากน่ีจะเป็น
ปัจจยั ใหไ้ ดผ้ ลคอื ทกุ ข์ เม่ือทกุ ขเ์ กิดขนึ้ เรามามีสติมีปัญญา
สอดสอ่ งดว้ ยเรยี กวา่ ภาวนา

เวลาจะกาํ หนดจิตลงไป ทีแรกมนั รูส้ กึ เจบ็ ปวดก็ดี รูส้ กึ
อย่างไรอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ไมค่ อ่ ยสบายก็ดี ท่านวา่ ทกุ ขค์ วร
กาํ หนดรู้ ควรมีสติ การมีสตริ ะลกึ ทกุ ข์ ทา่ นก็วา่ เวทะนาสุ เว
ทะนานุปัสสี วหิ ะระติ เรากาํ หนดรูเ้ วทนาในเวทนาอยกู่ ็คดิ วา่

3

เราเจรญิ มหาสติปัฏฐานเชน่ เดียวกนั เวทนานีร้ ูว้ า่ สกั แตว่ า่
เวทนา ใหร้ ูธ้ รรมดาของเวทนา มนั ตอ้ งมีเป็นธรรมดา ความแก่
ชาตปิ ิ ทกุ ขา ความเกิดเป็นทกุ ขก์ ็คือเวทนาน่นั เองเป็นธรรมดา
มีความแกเ่ ป็นธรรมดา มีความเจบ็ เป็นธรรมดา มีความตายเป็น
ธรรมดา มนั อย่ใู นรูปแลว้ ก็มเี วทนาอย่ซู อ่ นอย่ใู นกาย เรยี กวา่
กายในกาย ไมใ่ ช่มีแตก่ าย ยงั มีเวทนาในกาย ยงั มีผรู้ ูเ้ วทนาอยู่
ในกายอกี มนั ซอ้ นกนั อยใู่ นนี้ แตเ่ ราจะพจิ ารณาสว่ นใดสว่ น
หนง่ึ แยกกนั ใหเ้ หน็ ชดั สว่ นกายคอื อะไร สว่ นเวทนาคอื อะไร

ทีแรกก็รูจ้ กั วา่ สว่ นกายคือรูปธรรมก่อน เป็นสว่ นรูปมีผม มี
ขน มีเลบ็ มีฟัน มหี นงั มีเนือ้ สว่ นนามธรรมมีจิตเป็นประธาน
มนั สาํ เรจ็ มาจากจติ แมแ้ ตเ่ วทนาคอื ความสขุ ความทกุ ข์ มนั ก็
ตอ้ งมีจากจิตนามธรรมอนั เดยี วกนั นามธรรมอนั นีม้ นั อปุ าทาน
ยดึ กายนีเ้ ป็นตวั ตน เป็นของตน เม่ือมนั ยดึ ถือแลว้ มนั ก็มีผัสสะ
มีเวทนา มีตณั หา มีภพ มีชาตติ ามลาํ ดบั เพราะฉะนนั้ เวลา
นอนหลบั กายก็ยงั มีอยู่ จิตก็ยงั มีอยู่ แตท่ าํ ไมไมม่ ีเวทนา อนั นี้
เป็นสิ่งท่ีเราจะพนิ ิจพิจารณา เพราะการนอนหลบั น่นั คอื ผสั สะ

4

มนั ดบั เวทนา อายตนะมนั ดบั ผสั สะจงึ ไมเ่ กิดขนึ้ ผสั สะมนั ดบั
เวทนาจงึ ไม่เกดิ คือมนั ไมร่ บั สมั ผสั สงิ่ เหลา่ นนั้ ถงึ จะเสียงมีอยู่
มนั ก็ไมไ่ ดย้ นิ เหง่ือแตกๆมีอย่มู นั ก็ไม่รูถ้ า้ นอนหลบั หนาวมีอยู่
มนั ก็ไม่รู้ ยงุ กดั ก็ไม่รู้ เวน้ ไวแ้ ตต่ ่ืน อะไรก็ไมค่ อ่ ยรู้ เจ็บปวด ป่วย
อยไู่ มส่ บายอยู่ ถา้ หลบั แลว้ มนั ก็เหมือนไมม่ ี เพราะสง่ิ เหลา่ นีจ้ งึ
ไดค้ วามวา่ ไมใ่ ช่อนั เดยี วกนั รูปก็เป็นรูป ไมใ่ ชเ่ วทนา เวทนาก็
ไม่ใชร่ ูป เวทนาก็ไม่ใช่จติ จติ ก็ไม่ใช่เวทนา เวทนาก็ไมใ่ ชร่ ูป รูปก็
ไมใ่ ชเ่ วทนา ทา่ นจงึ จดั เป็นขนั ธ์ จิตเป็นวญิ ญาณขนั ธ์ เวทนา
เป็นเวทนาขนั ธ์ รูปเป็นรูปขนั ธ์ เป็นคนละกอง

เพราะฉะนนั้ สง่ิ เหลา่ นถี้ า้ เราไมไ่ ดส้ ดบั ไมไ่ ดย้ นิ ไม่ไดฟ้ ัง
เรานกึ วา่ เป็นอนั เดียวกนั อยใู่ นแห่งเดยี วกนั เพราะมนั อยใู่ นกาย
ของเราทงั้ นนั้ มีอยกู่ ายในกาย มีในตวั ของเรา ถา้ เราไมไ่ ด้
ภาวนาใหจ้ ิตใจออกพิจารณาแลว้ แยกกนั ไมอ่ อก ถา้ เรา
พิจารณาสอดสอ่ งดใู หช้ ดั เหน็ ดตู ามเป็นจรงิ รูปมนั ทกุ ขจ์ รงิ เหรอ
มาดๆู แลว้ มนั ไมม่ ีอะไรทกุ ขน์ ่ี ผมมนั ทกุ ขห์ รอื ไลๆ่ ไป มนั ปวด
หรอื มนั ไม่มีอะไรปวด เวทนาก็เพียงแตค่ วามรูส้ กึ เท่านนั้

5

เพราะฉะนนั้ ถา้ หากวา่ เรามามีสติกาํ หนดรู้ กาํ หนดรูน้ กึ ใหผ้ า่ น
ไป ถึงแมว้ า่ เจบ็ ปวดเทา่ ไหรเ่ กิดขนึ้ ก็ตาม พระพทุ ธเจา้ พระองค์
ทรงตรสั วา่ เวทนา อนิจจา มนั ไมเ่ ท่ียง ไมใ่ ชว่ า่ เกิดแลว้ มนั จะอยู่
อย่างนนั้ ตลอดไป มนั หมดเหตปุ ัจจยั มนั กเ็ ปล่ยี นไป ดบั ไป
เหมือนกนั เหมือนกบั รถจะว่งิ ท่ีเอารถใสย่ างตอ้ งเปลย่ี นดว้ ยมนั
จงึ วง่ิ ไปได้ ถา้ ใชส้ กั ปีเดียว ใชไ้ ปถึงไหน มนั ตอ้ งเปล่ยี นแปลงอยู่
เวทนาเหมือนกนั เวทนาแสนเดียวมนั อยไู่ ม่ถึงไหน รา่ งกาย
อนั เนีย้ มนั แตกพงั ไปนานแลว้ แตม่ นั เปล่ยี นสลบั กนั ทาํ งาน พอมี
แรงก็เอาน่ีมาทาํ อกี พอมนั เหน่ือยมนั ก็หยดุ มนั ก็ใหอ้ นั อ่นื
โอกาสมาทาํ งาน แตพ่ ออนั นีไ้ มไ่ ดอ้ นั นนั้ ก็ทาํ งานแทน แลว้ จงึ อยู่
ไดไ้ ม่ใช่จะมีแตท่ กุ ขอ์ ยา่ งเดยี ว

สว่ นสขุ ก็มีท่ีตอ่ อายใุ หค้ นมวั เมา ใหค้ นเพลดิ เพลินใหค้ นมี
ความพอใจ พอท่ีจะมีอยไู่ ด้ แตส่ ขุ จรงิ ๆก็มีทกุ ขม์ าพาลมา
กระทบกระเทือนใหม้ ีอกี มนั ทาํ งานขนึ้ มาอีก มนั ดบั ไปมนั
เปล่ยี นกนั ทาํ งาน เหมือนกบั ขา ๒ ขาเน่ียแหละ ถา้ มีแตข่ าเดยี ว
หละ เดนิ ไมถ่ งึ ไหนหละ มี ๒ ขาหละกเ็ หมือนเสยี ดกนั ไปเสียด

6

กนั มาก็จะไปเรอ่ื ยไม่มีท่ีสิน้ สดุ เพราะฉะนนั้ เราพิจารณา แยก
ออก ทาํ จติ ใจใหส้ งบ ปลอ่ ยวางกายไว้ กายเป็นสกั แตว่ า่ กาย
ไม่ใช่สตั วต์ วั ตนบคุ คลเราเขา เรารูจ้ กั กายมาน่งั อยนู่ ่ี กายมนั อยู่
น่ีแหละ

เรามาพทุ โธๆรกั ษาจติ ใหม้ ีพระพทุ ธเจา้ อยใู่ นจิตระลกึ ไว้
ระลกึ ไปๆ ระลกึ ไปไมใ่ หเ้ ผลอ ไมไ่ ดอ้ ะไรก็ไดแ้ ตพ่ ทุ โธอยา่ งเดียว
ก็พอใจแลว้ เพราะเราอยากพสิ จู น์ อยากรูว้ า่ พทุ โธกบั จติ อยู่
ดว้ ยกนั แลว้ อะไรจะเกิดขนึ้ ไมใ่ หเ้ ผลอ รกั ษาทาํ จิตใจใหด้ ี มนั
จะเป็นอยา่ งไร เราก็ระลกึ พทุ โธ ระลกึ ไป ระลกึ ไป กาํ ลงั ระลกึ อยู่
นนั้ สาํ หรบั ผอู้ บรมใหม่ ใหร้ ะวงั มนั จะงว่ งจะหลบั เราตอ้ งการ
จิตของเราใหเ้ ป็นสมาธิ ไม่ตอ้ งการหลบั และไม่ตอ้ งการให้
ฟ้งุ ซา่ น คืออยใู่ นระหวา่ งกลางๆ ไมฟ่ ้งุ ไปโน่นไปน่ีแลว้ ก็ไมห่ ลบั
เสยี เลยเพียงแตร่ ูว้ า่ เป็นหนง่ึ เพราะฉะนนั้ ทา่ นวา่ สมาธิมี
เอกคั คตา อารมณเ์ ป็นหน่งึ แน่วแน่ จติ ตงั้ ม่นั เรยี กวา่ สมาธิ
เพราะฉะนนั้ ลกั ษณะจติ รวมเป็นหนง่ึ ไมใ่ ชห่ ลบั แตก่ ็ไม่ใชจ่ ติ
ฟงุ้ ซา่ นแยกออกไปเล่อื นลอยตามอารมณต์ า่ งๆ รวมอย่ใู นผรู้ ูค้ อื

7

พทุ โธ พทุ โธกแ็ ปลวา่ ผรู้ ู้ เตอื นใหเ้ รารูๆ้ เท่านนั้ เราก็เพียงแต่
รูๆ้ อย่ใู นรู้ กาํ หนดรูผ้ รู้ ู้ กาํ หนดรูอ้ ย่ใู นรู้ สงิ่ ท่ีไม่รูเ้ ราก็ปลอ่ ยวางไว้
ก่อน รกั ษาผรู้ ูเ้ พ่ือใหเ้ ป็นหน่งึ มนั จะเป็นอยา่ งไร

ถา้ เราไมร่ ูว้ า่ ความสขุ ความสงบ สมาธิเป็นอย่างไร เราไม่รู้
แหละ ฝึกใหม่ แมแ้ ตอ่ าตมาเองก็เหมือนกนั แหละ ฝึกไปอย่าง
นนั้ แหละ ฝึกไปสงั เกตไป ฝึกไปสงั เกตไป มนั ก็คอ่ ยรูค้ อ่ ยเขา้ ใจ
เวลาจิตมนั ป่วนมนั ก็รูข้ นึ้ มา อะไรมนั มีอย่ใู นนนั้ มนั ก็คอ่ ยรูเ้ อง
จิตมนั ปลอ่ ย มนั วาง มนั สงบ เวลามนั พน้ จากการเจบ็ การปวด
มนั ก็รูไ้ ปตามลาํ ดบั บางครงั้ ก็ปวดจนเหลอื อดเหลือทน ถึง
กระดกู เจ็บ แสนเจบ็ กพ็ ลกิ ไป อา้ ว ภาวนาอกี ก็ปวดอกี ก็
เหลืออดเหลือทนก็พลิกไป บางครงั้ เราระลกึ ขนึ้ มาแลว้ ก็ภาวนา
มาทกุ วนั นานพอสมควร เราจะไม่มีบญุ ไ◌่ม่มีวาสนาจะพน้ จาก
ทกุ ข์ หลวงป่ฝู ั้นก็เทศนใ์ ห้ ทา่ นบอกภาวนาไปถึงแตท่ กุ ขก์ ็ไดแ้ ต่
ทกุ ข์ เอามนั ก็มีแตท่ กุ ข์ เราตอ้ งปฏบิ ตั ิใหพ้ น้ พอถงึ หยดุ แตต่ วั
ทกุ ขจ์ ะหยดุ อย่แู คน่ นั้ จะหยดุ อยเู่ พียงแคน่ นั้ ไม่ถอย ไดแ้ ตท่ กุ ขก์ ็
ถอย ไดถ้ ึงแตท่ กุ ขก์ ็ถอย ท่านวา่ คาํ วา่ พน้ ทกุ ขก์ ็มนั ตอ้ งขา้ ม มนั

8

ตอ้ งไม่หยดุ ถา้ มนั ขา้ มไป ทกุ ขอ์ ย่ขู า้ งหลงั จงึ เรยี กวา่ พน้ จาก
ทกุ ข์ ยงั อย่ขู า้ งหนา้ แลว้ ก็ยงั ไม่พน้

ไอเ้ ราก็หยิบยกคาํ สอนของทา่ นมาพจิ ารณา เอย้ จิตของเรา
น่ีมนั ออ่ นแอ มนั ไมก่ ลา้ มนั กลวั เจ็บมนั กลวั ทกุ ข์ พอมนั
พจิ ารณาหลายวนั หลายเดือน จนมนั เหน็ เหมือนไมไ่ ดอ้ ะไร อา้ ว
ตายเป็นตายสิ จะตายก็แลว้ แต่ ถา้ เราตายเพราะภาวนา เราก็
ยงั ดี ตายในการน่งั ภาวนา เรามอบกายถวายชีวิต บชู าพระธรรม
ถา้ จะไดร้ ู้ ตายก็ตาย ปวดก็ปวด ยอมใหม้ นั เป็น พอตกลงใจ
ยอมใหม้ นั เป็นภาวนาบางทีตงั้ แตค่ นื นีไ้ ม่นอน จะน่งั ไม่ลกุ เสยี
ดว้ ยนะ จะไมย่ อมลกุ จะน่งั อย่ใู นอริ ยิ าบถเดียวเน่ีย เม่ือตงั้
สจั จะแลว้ ตอ้ งเอา จะทาํ อะไรถา้ หากวา่ เรากลวั แลว้ เราไมต่ อ้ ง
ตงั้ สจั จะ พอเรายอมเทา่ นนั้ หละไม่มีคตู่ อ่ สู้ ทกุ ขม์ นั ก็ไมอ่ ยไู่ ด้
เทา่ ไหร่ มนั ก็พอเรายอมใหม้ นั เป็น ปลอ่ ยใหม้ นั เป็นอยา่ งเดียวก็
คอยคลายไปๆๆ

เวลาจิตเคา้ ไปตงั้ ม่นั เท่ียงอยตู่ อนนนั้ นะ ท่ีมนั ทกุ ขม์ ากๆ ท่ี
เราพยายามสอดสอ่ งตงั้ สตริ ะลกึ รูใ้ หม้ าก เวลามนั ผ่านพน้ ไป

9

มนั ไดค้ วามสงบความสขุ เราก็พอท่ีจะรูไ้ ดว้ า่ ทกุ ขค์ ืออยา่ งไร เรา
ขา้ มทกุ ขก์ นั ดารขนาดไหน เราก็รูน้ ่ีเพราะเราไดป้ ฏบิ ตั ิ ไดจ้ นถึง
ความสงบ ไดถ้ ึงความสขุ ความสงบมนั อย่ไู ดน้ าน เวลามนั เอา
จรงิ ๆมนั เป็นอตั โนมตั เิ หมือนกบั เครอ่ื งขบั รถเคร่อื งยนต์ เวลาเรา
สตารท์ ตดิ แลว้ มนั ก็เดินเอง เราไม่ตอ้ งสตารท์ เอง มนั ก็ทาํ งาน
ของมนั เอง เราก็ไดค้ อยแตด่ พู วงมาลยั วา่ มนั ไปทางไหนๆ เราก็
เพียงแตด่ เู ท่านนั้ จิตถา้ ตงั้ ม่นั เป็นสมาธิแลว้ ท่ีมนั ติดตอ่ กนั แลว้
ท่ีมนั น่ีกาํ ลงั มนั มีมากเทา่ ไหรม่ นั ก็อยทู่ าํ งานใหเ้ ราได้ ช่ืนชมได้
รบั รสของสทั ธรรมเหลา่ นนั้ แมแ้ ตเ่ ดนิ แมแ้ ตย่ ืนแมแ้ ตน่ ่งั ไปท่ีไหน
มนั ก็จะไปเสวยผล

จงึ ระลกึ ไดว้ า่ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ เม่ือพระองคต์ รสั รูใ้ หม่ๆ
พระองคอ์ ยใู่ นปิตสิ ขุ น่งั อยู่ ๗ วนั เดนิ อยู่ ๗ วนั ยืนอย่เู พง่ ดตู น้
พระศรมี หาโพธิ์ โดยท่ีพระองคไ์ ดต้ รสั รูถ้ ึงความปิติอยู่ ๗ วนั
หมนุ เวียนกลบั ไปอยทู่ ่ีน่นั เสวยวมิ ตุ ตสิ ขุ ท่ีพระองคไ์ ดท้ าํ ทกุ ร
กิรยิ าตอ่ สกู้ บั พญามาร จนชนะขนั ธมารและกิเลสมารท่มี นั
เกิดขนึ้ ท่ีพระองคต์ อ่ สอู้ าศยั บารมีธรรม บารมีสดุ ทา้ ยพระองค์

10

ระลกึ ถึง ทานาทธิ ัมมะวิธนิ า ชิตะวา มุนินโท พระองคท์ รง
ชนะพญามารพรอ้ มดว้ ยเสนาดว้ ยการเสยี สละ เราทงั้ หลายถา้
อยากชนะ เราเสียสละลองดซู ิ เอากระดกู เลือดเนือ้ น่ี เราจะ
เสียสละบชู าพระธรรม เวทนาน่ีก็บชู าพระธรรม ขนั ธ์ ๕ เน่ีย รูป
เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ เราเสยี สละบชู าพระธรรม
เราจะเอาพทุ โธอยา่ งเดยี ว ลองน่งั ดซู ะ ไมต่ อ้ งกระดกุ กระดิก ที
แรกก็เรม่ิ ดหู ละ ถา้ เราเคยน่งั น่ีเรม่ิ ช่วั โมงหนง่ึ ๒ ช่วั โมง ๓
ช่วั โมง ขยบั เขา้ ลองดซู กั คนื หนง่ึ ไมต่ อ้ งกระดกุ กระดกิ ไม่ตอ้ ง
ลกุ ถา้ ทาํ ไดอ้ ยา่ งนนั้ ทดลองไดซ้ กั คนื หนง่ึ เราจะเหน็ ชยั ชนะ จะ
เหน็ ท่ีวา่ จะขา้ มกนั ดารไดบ้ า้ ง

การทาํ น่ีไมใ่ ชท่ าํ ในหมมู่ ากๆอย่างนีน้ ะ ไมม่ ีใครรูห้ รอก เรา
ตอ้ งอธิษฐานคนเดียว ทาํ คนเดยี ว ตงั้ ใจคนเดยี ว ไม่ไดบ้ อกใคร
ใหร้ ู้ บอกเราคนเดียวพอ จะตงั้ ใจคนเดยี ว เพราะฉะนนั้ เรา
ทงั้ หลายทีแรกเราฝึกเป็นอปุ นิสยั ฝึกถดั ไป ฝึกถดั ไป เราก็ขยบั
ไปๆตามลาํ ดบั เหมือนกบั เราเรยี นหนงั สอื เน่ียแหละ ทีแรกก็
เรยี นแบบงา่ ยๆพืน้ ๆเสียกอ่ น พอไดไ้ ปแลว้ ก็เล่อื นชนั้ ไป

11

ตามลาํ ดบั เลอ่ื นไปตามลาํ ดบั การปฏิบตั อิ บรมจติ ใจของเรา ก็
เราตอ้ งเล่อื นชนั้ ของเรา เล่อื นวิธีการของเราท่ีเรากาํ หนดรูส้ ว่ น
ใด แตก่ อ่ นท่ีเราเคยกาํ หนดหยาบๆ อนั นนั้ เป็นอย่างนนั้ อนั นี้
เป็นอยา่ งนี้ ถา้ ตอ่ เราจะเอาจรงิ ๆเน่ีย กาํ หนดอย่างเดียว เรยี กวา่
วิจยั ธัมมวิจย เราแบบวจิ ยั ทีเดียว เหมือนกบั นายแพทยว์ ิจยั
โรคหรอื วจิ ยั ยา วจิ ยั ยาแพทยต์ า่ งๆมีสว่ นผสมมีอะไรอยทู่ ่ีน่นั
บา้ ง เรามาวจิ ยั ธรรมะท่ีมีอยู่ จะเป็นสว่ นรูปธรรมเราก็มาวจิ ยั
อย่างนนั้ หละ รูปมีอะไรบา้ ง เป็นของเราตรงไหน อยา่ วิจยั
รูปแบบหมอ เราวิจยั รูปแบบพระพทุ ธเจา้ วจิ ยั รูปแบบธรรม
เพ่ือใหร้ ูค้ วามจรงิ วา่ เราตรงไหน ตวั ตนตรงไหน สตั วบ์ คุ คล
ตรงไหน หญิงชายตรงไหน สิง่ เหลา่ นีเ้ ป็นธาตอุ ะไร สิง่ ไหนเป็น
ธาตอุ ะไร เม่ือเราเหน็ เป็นธาตเุ ป็นน่ีตามความจรงิ เราจะหลง
ตรงไหน เคา้ มาดา่ เราจะโกรธตรงไหน เราจะถือสา เคา้ ดถู กู เรา
แลว้ เคา้ เหยยี ดหยามเราแลว้ เคา้ ดา่ เราแลว้ ผกู พยาบาททาํ ให้
จติ มวั หมอง พระพทุ ธเจา้ พระองคไ์ ม่มี

12

แตถ่ งึ อยา่ งนนั้ พระองคก์ ถ็ กู ดา่ เหมือนกนั ธรรมดาคนท่วั ไป
เพราะเกิดมาในโลก ขนาดพระพทุ ธเจา้ ยงั ถกู ดา่ เลยแลว้ ภาษา
อะไรเรา จะไมม่ ีคนตาํ หนิติเตยี น จะไม่มีคแู่ ข่ง จะไมม่ ีคนดา่ จะ
ไมม่ ี พระพทุ ธศาสนาก็ยงั มพี วกเดียรถียเ์ ป็นคแู่ ข่ง คอยแข่งกบั
พระองค์ ยกวาทะของตนวา่ สงู กวา่ พระองคอ์ ยอู่ ย่างงนั้ สง่ิ
เหลา่ นีม้ นั มีอยปู่ ระจาํ โลกแตพ่ ระองคจ์ ะหว่นั ไหวอะไร
เหมือนวา่ สนุ ขั เห่าเครอ่ื งบนิ มนั จะไปกดั ตรงไหน คนท่ีเกลยี ด
พระพทุ ธเจา้ กเ็ หมือนกนั แหละ พระองคไ์ ม่ไดห้ ว่นั ไหว

เราจะพจิ ารณาใหถ้ งึ ธรรมดงั กลา่ วมานีด้ เู ป็นวจิ ยั คาํ วา่ วจิ ยั
อย่างละเอยี ด ถงึ ขนั้ ตอนวจิ ยั เรยี กวา่ วิปัสสนาก็ตอ้ งวจิ ยั หละ
เม่ือจติ ไดส้ งบไดก้ าํ ลงั พอสมควร ใหร้ ูจ้ กั มา เราก็เขา้ วจิ ยั วจิ ยั
สอดสอ่ งไป วจิ ยั ไปๆ รูส้ กึ วา่ จิตจะฟงุ้ ซา่ นไปไม่แน่นอน เราก็
สงบ คอยรวมๆสบายสงบไปไวก้ ่อน เม่ือสงบแลว้ เราก็วิจยั การ
วิจยั นีว้ ิจยั ไม่ใช่เฉพาะแตก่ ารน่งั อยา่ งเดียว แมแ้ ตเ่ รายืนเราเดิน
ทาํ การงานเม่อื มีโอกาสเม่ือไหรเ่ ราก็วิจยั ตอ่ เน่ืองใหร้ ูจ้ รงิ ขนึ้ มา
เพราะเราตอ้ งการรูเ้ นือ้ แทธ้ าตแุ ท้ คือธาตคุ วามจรงิ ถา้ จิตใจมนั

13

ชดั ในธาตคุ วามจรงิ แลว้ มนั จะลบลา้ งสมมตุ ิ ลบลา้ งโลภ ลบ
ลา้ งคาํ วา่ สตั ว์ บคุ คล ตวั ตน เรา เขา หญิง ชาย ไม่มี น่นั ของเรา
น่ีของเรา เพยี งแตส่ มมตุ มิ นั รูเ้ ท่า แตใ่ นใจน่ีมนั ปลอ่ ยวา่ งไม่ให้
เป็นภาระ แตเ่ ม่ือมีชีวติ อย่ใู นโลก โลกเคา้ เคยมาอยา่ งไรทา่ นก็
ไม่แสดงอย่างนนั้ ทา่ นก็อย◌่ ู แบบโลกธรรมดาน่ีแหละ แตไ่ ม่มี
กิรยิ า ความสาํ คญั ม่นั หมายในสง่ิ นนั้ ๆ ถงึ แมร้ า่ งกายจะมี
กระทบกระเทือนเหมือนกบั โลกธรรมดา แตจ่ ติ ใจเน่ียมนั เปล่ียน
มนั เปล่ียนจิตใจเพราะมนั สาํ เรจ็ มาจากใจไม่ใช่สาํ เรจ็ มาจาก
กาย ทา่ นแตง่ แตใ่ จของทา่ น เป็นผสู้ าํ เรจ็ เป็นผตู้ รสั รู้ เป็นผเู้ หน็
ผสู้ ิน้ กิเลส ผสู้ นิ้ อาสวะ จิตดวงเดียวเทา่ นนั้

สว่ นขนั ธ์ ๕ มนั ไมร่ ูอ้ ะไร มนั ไมส่ นิ้ อะไร เพราะฉะนนั้ เรา
ทงั้ หลาย สตขิ องเราก็มีแลว้ ปัญญาของเราก็มีแลว้ ถา้ เรามา
ปรบั ปรุงใหม้ ีกาํ ลงั ขนึ้ มา เป็นมหาสติ มหาปัญญาขนึ้ มา เราก็
สามารถท่ีจะรูเ้ ห็นตามความเป็นจรงิ ได้ ไมใ่ ช่วา่ เป็นของไมม่ ี มนั
มีอย◌่ ู แลว้ แตส่ ตปิ ัญญาของเรายงั ไมม่ ีกาํ ลงั เฉียบแหลมพอ
หรอื แหลมคมพอ เพราะฉะนนั้ จงึ พากนั อบรมสมาธิเพ่ือใหจ้ ติ ใจ

14

หนกั แน่นแหลมคม สามารถวิจยั วจิ ารณส์ ่ิงใดใหม้ นั รูค้ วามจรงิ
ใหเ้ ขา้ เกณฑก์ บั ความจรงิ ถา้ เราปฏิบตั อิ ยา่ งนี้ จิตใจของเราก็
หนกั แนน่ ม่นั คง รูเ้ หตรุ ูผ้ ล เช่ือในเหตใุ นผล ปฏิบตั ติ อ่ เหตผุ ล
ตามความเป็นจรงิ เราก็จะไดส้ งบระงบั ดบั จากทกุ ขจ์ ากเวรจาก
ภยั ทงั้ หลายทงั้ ปวง เราจะไดถ้ งึ ซง่ึ ความสขุ ท่ีแทจ้ รงิ
เพราะฉะนนั้ การบรรยายธรรมอบรมสมาธิในวนั นีจ้ งึ สมควรแก่
เวลาหยดุ เทา่ นีก้ ่อน กาํ หนดจติ ภาวนาตอ่ ไป

ท่ีมา: https://youtu.be/RNqJUWveoq0

15


Click to View FlipBook Version