The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ฝึกจิต หลวงพ่อสิงห์ทอง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-02-14 21:44:09

ฝึกจิต หลวงพ่อสิงห์ทอง

ฝึกจิต หลวงพ่อสิงห์ทอง

Keywords: ฝึกจิต,หลวงพ่อสิงห์ทอง

ฝึ กจติ
การปฏบิ ตั ิธรรมะเป็นเร่อื งจาํ เป็นของทกุ คนท่ีเป็นนกั บวช
จะตอ้ งประพฤตปิ ฏิบตั ิเอาใจใส่ รกั ษาใจของตน เพราะนกั บวช
หากขาดธรรมะก็ไมม่ ีคณุ คา่ สาระอะไร นกั บวชท่ีจะเป็นท่ีเช่ือ
เล่อื มใส ท่ีกราบท่ีไหวข้ องประชาชนก็เพราะจิตใจของตนดีวเิ ศษ
หากจติ ใจไมม่ ีธรรมะ จิตใจจะดวี ิเศษไปไม่ได้ เพราะเน่ืองดว้ ย
กิเลสตณั หา จะตอ้ งเก่ียวเกาะพวั พนั กบั จิต ฉดุ ลากจิตไปในทาง
ต่าํ สม่าํ เสมอ ฉะนนั้ การปฏบิ ตั ิธรรมะก็คือการปฏิบตั ิจิตใจของ
ตน ทกุ คนท่ีเกิดมามีกิเลสตณั หาดว้ ยกนั ทงั้ นนั้ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง
เหมือนๆกนั ไม่มีอะไรท่ีจะดวี เิ ศษกวา่ กนั แตอ่ าศยั การมา
ประพฤติปฏิบตั ิ อาศยั การกาํ จดั ความช่วั เสยี ตา่ งๆ จงึ ดจี งึ วิเศษ
ขนึ้ ได้
แมพ้ ระพทุ ธเจา้ เองถงึ จะเกิดเป็นกษัตรยิ ์ สรา้ งโพธิสมภาร
มานานนบั กปั ป์ นบั กลั ป์ ไม่ได้ ก็ไม่ดีวเิ ศษอะไร ราคะตณั หายงั
เป็นส่งิ ท่ีครอบงาํ จิตใจอย่ตู ลอดมา ไมอ่ ยา่ งนนั้ ก็ไปหลง
เพลดิ เพลนิ มีบตุ รภรรยาได้ น่ีแสดงวา่ ทา่ นยงั มีกิเลสตณั หา

1

มานะทฐิ ิเหมอื นกนั กบั พวกเราทงั้ หลาย แตเ่ ม่ือท่านทราบวา่
เรอ่ื งกิเลสตณั หาหรอื แก่ เจบ็ ตาย เป็นทางนาํ มาซง่ึ ทกุ ข์ ทา่ นจงึ
ไดเ้ สด็จออกภิเนษกรมณ์ คอื แสวงหาทางตรสั รู้ ทางออกจาก
ทกุ ข์ เพราะทกุ ขม์ ีทางออกจากทกุ ขก์ ็ตอ้ งมีมืดมีสวา่ งมี หวิ มีอ่ิม
มี น่ีเป็นธรรมคกู่ นั เกิดมี ตายมี เม่ือมีตาย ความไม่ตายกต็ อ้ งมี
น่ีความรูค้ วามเห็นของพระองค์ ว่งิ เขา้ ในจดุ นี้ ทา่ นจงึ เสดจ็ ออก

การอยฆู่ ราวาส การงานทกุ ดา้ นยงุ่ เหยงิ ยง่ิ เป็นผใู้ หญ่กต็ อ้ ง
รบั ผิดชอบมาก ลาํ บาก แตม่ าภาวนาหลบั ตาพจิ ารณาจติ ใจของ
ตนยาก เป็นผนู้ อ้ ยก็ถกู ผใู้ หญ่บงั คบั บญั ชา ไมม่ ีเวลาท่ีจะเป็นตวั
ของตวั มนั ยงุ่ ทกุ อยา่ งเร่อื งของโลก เร่อื งของใจเป็นเรอ่ื งสาํ คญั ท่ี
พวกเรามีโอกาสเวลา โชคดที ่ีไดม้ าบวชเป็นพระเป็นเณร ตงั้ หนา้
ตงั้ ตาศกึ ษาธรรมะ ตงั้ หนา้ ตงั้ ตารกั ษาจิตใจของตน
สะดวกสบาย ง่าย หากพระเณรผมู้ าประพฤติปฏิบตั ิอรรถธรรม
ไม่เหน็ ไม่เป็น ไมร่ ูใ้ นทางธรรมะ ไม่เกิดมรรค เกิดผลขนึ้ ได้
ประชาชนคนโลกท่วั ไปก็ไมม่ ที างท่ีจะประพฤติปฏบิ ตั ิได้ เพราะ

2

เคา้ ย่งุ เหยงิ ในการงานและคดิ อา่ นเร่อื งนอกมากกวา่ ในเร่อื ง
ภายใน คอื เร่อื งจะชาํ ระจติ ใจของตน

สว่ นพวกเราท่จี ะมาบวชเป็นพระเป็นเณร ไม่ไดค้ ิดอา่ นทกุ
สิ่งทกุ อย่างเคา้ สนบั สนนุ ไมว่ า่ อาหารการฉนั ไมว่ า่ ท่ีอยทู่ ่ีอาศยั
ยาแกโ้ รคภยั ไขเ้ จบ็ ตา่ งๆ ไมค่ อ่ ยไดซ้ อื้ ไดห้ า มีโอกาสเวลาเตม็ ท่ี
ท่ีจะประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ฉะนนั้ อยา่ นอนใจ ตายใจ เหน็ ความสขุ
เพียงแคไ่ ดก้ ินไดอ้ ย่กู ็ถือวา่ เป็นความสขุ ถา้ ไปคดิ เพียงแคน่ นั้
จิตใจจะป่วนป่ันภายหลงั คอื กิเลสตณั หามารบกวน มีแตก่ ินแต่
นอนแลว้ อาํ นาจของกิเลสตณั หาจะผลกั ดนั ออกมาอยา่ งแรง
กลา้ เพราะไมไ่ ดม้ ีการงานอะไรท่ีจะเหนด็ เหน่ือยเม่ือยหวิ ความ
ปรุงของจติ คิดไปตา่ งๆ มนั จะมากขนึ้ ฟงุ้ ขนึ้ บงั คบั ไมอ่ ยู่ จงึ ควร
สงวนรกั ษา ระวงั

การระวงั จิต สาํ รวมจติ เป็นทางท่ีจะพน้ ไปจากทกุ ข์ ก็ไมม่ ี
คนอ่นื ท่ีจะสาํ รวมรกั ษาให้ นอกจากตวั ของเราท่ีจะสาํ รวมใจ
ของตวั เอง เพราะตวั เองไดร้ ูว้ า่ จิตวา่ จิตของเราอยู่ หรอื จติ เราไป
ไปหาอะไร ไปหาสตปิ ัญญาวมิ ตุ ติ หรอื ไปหาเรอ่ื งกิเลสตณั หา

3

เรอ่ื งมานะทฐิ ิ เร่อื งลมุ่ เรอ่ื งหลง เร่อื งโลกเรอ่ื งสงสาร ให้
พิจารณาคดิ อา่ นทกุ ระยะทกุ เวลา หากใจสงั วรณร์ ะวงั สาํ รวมใจ
ตวั อย่สู ม่าํ เสมอโดยความไมป่ ระมาท ไม่วา่ อิรยิ าบถใด ใจท่ีแส่
สา่ ยไปในทางโลกทางผดิ มสี ติรูจ้ กั มีปัญญาแนะสอนตวั เอง คน
นนั้ จะสงบ จะสขุ จะสบาย

ถา้ หากคนใดไม่ไดเ้ อาใจใส่ เพียงแตม่ าอยอู่ าศยั เรอ่ื งของ
ศาสนา จะกินก็กินไป จะนอนกน็ อนไป จะใชส้ อยอะไรก็ใชส้ อย
ไปโดยไม่ใครค่ ิดพินิจพจิ ารณาอะไร คนนนั้ จะไมม่ ีทางเกิด
สติปัญญา เกดิ วชิ าวมิ ตุ ติได้ มีแตจ่ ะทกุ ขย์ ากลาํ บากเม่ือปลาย
มือ เพราะเหตใุ ด เพราะกิเลสตณั หามีกาํ ลงั ใหญ่จะเผาใจของ
ตน นอกจากนนั้ อายพุ รรษามากเขา้ ผคู้ นประชาชนเคา้ ก็ตอ้ งมา
หา โอกาสเวลาท่ีจะเดนิ จงกรมภาวนาท่ีจะเป็นของๆตวั หายาก
ระยะท่ีเราเป็นผเู้ ลก็ เดก็ แดง พระหน่มุ เณรนอ้ ยเป็นโอกาาสเวลา
มากท่ีสดุ ท่ีจะตอ้ งฝึกอบรมจติ ใจของตน เพราะไมไ่ ดร้ บั
ภาระหนา้ ท่ีอะไร ขอ้ วตั รปฏิบตั กิ บั ครูกบั อาจารยก์ ็นิดๆหน่อยๆ
ขอ้ วตั รภายในวดั สว่ นรวมก็มีนอ้ ยไม่มีมาก สิ่งใดท่ีจาํ เป็นครู

4

อาจารยก์ ็บอกใหท้ าํ เทา่ นนั้ คอื หนา้ ท่ีของเราคือระยะเวลาปัด
กวาด ตกั นา้ํ สรงนา้ํ อะไรก็ทาํ กนั ไป งา่ ยๆ สบาย โอกาสมีมากท่ี
จะฝึกอบรมกายใจของตน

เม่ือยงั เดก็ ยงั หนมุ่ อย่ไู มเ่ อาใจใส่ เม่ือแกแ่ ลว้ จะวง่ิ เตน้
แสวงหาท่ีวิเวกสงบสงดั แสวงหาการปฏิบตั ิเพ่ือความพน้ ทกุ ข์
ยากลาํ บาก เพราะมนั สายเกินไปแลว้ เหมือนไมแ้ ก่ดดั ยาก ดดั
ไมถ่ กู ก็อาจจะหกั มนั อาจจะอา้ งวา่ อายแุ กม่ า กาํ ลงั วงั ชาไมม่ ี
จะเดนิ จงกรมก็เหน็ดก็เหน่ือย จะน่งั ภาวนาก็เม่ือยก็หวิ ทกุ สง่ิ
ทกุ สง่ิ กิเลสตณั หามนั แกไ่ ปดว้ ย ไม่ใช่แกแ่ คก่ ายเทา่ นนั้
ระยะเวลาโอกาสอาํ นวยให้ รบี ตงั้ ใจปฏิบตั ิสาํ รวมระวงั ตงั้ หนา้
ภาวนา

การภาวนาก็เคยแนะสอนมา ไม่ใช่วา่ แบบครูอาจารยอ์ งค์
เดียวท่เี ราเคยศกึ ษา เคยศกึ ษามาหลายทา่ นหลายองค์ บาง
ท่านบางองคก์ ส็ อนอยา่ งนนั้ บางทา่ นบางองคก์ ็สอนอยา่ งนี้
ตามหนา้ ท่ีของทา่ นท่ีจะสอน เราจะประพฤตปิ ฏบิ ตั ถิ นดั กบั
โอวาทของใคร แบบไหนท่ีเราเคยประพฤตปิ ฏิบตั ิไดผ้ ล คือความ

5

สงบวิเวกในจติ ในใจของตน ใหเ้ อาแบบนนั้ ใหท้ าํ แบบนนั้ อยา่
ไปตะครุบ คนนนั้ พดู อยา่ งนนั้ คนนพี้ ดู อยา่ งนี้ ตะครุบเรอ่ื ยไป
อนั นนั้ จะดี อนั นีจ้ ะวเิ ศษ เหลาะแหละเหลวไหล จบั จด ไมเ่ อา
จรงิ เอาจงั ให้ ก็เลยไมเ่ ป็นอะไรให้

กิเลสของใจมนั สาํ คญั ไม่ใชข่ องเลน่ ถา้ มนั โง่ มนั ไมไ่ ดเ้ ป็น
เจา้ ของโลก ไม่ไดน้ าํ สตั วน์ าํ บคุ คลใหต้ ดิ ขอ้ งในโลก น่ีมนั ฉลาด
ย่ิงกวา่ สตั วก์ วา่ บคุ คลท่วั ไป มนั จงึ จบั สตั วจ์ บั บคุ คลขงั ไวใ้ นทกุ ข์
ในสมทุ ยั เร่อื ยมา เป็นคกุ ใหญ่ตารางใหญ่ ขงั สตั วไ์ ว้ โทษตลอด
วนั ตายดว้ ยอาํ นาจของกิเลสตณั หากกั ขงั เอาไว้ แตเ่ ราไม่ทราบ
วา่ เราถกู กิเลสกกั ขงั ตวั ของเรา เลยไม่กลวั กลา้ ตอ่ ความเกิด
ความตายเร่อื ยไป เพราะใจไมเ่ ห็นภยั น่ีคอื เรอ่ื งของกิเลสมนั
ฉลาดแหลมคม แตก่ ็ทนตอ่ สตติ อ่ ปัญญาไมไ่ ด้ ถา้ หากผมู้ ีสตมิ ี
ปัญญากาํ หนดรกั ษาจิตใจสาํ รวมใจของตวั อย่สู ม่าํ เสมอ เหน็
จติ ใจท่ีเพน่ พา่ นออกไป เก่ียวขอ้ งกบั สญั ญาอารมณข์ องโลกท่ี
ตกั เตือนและแนะสอนตวั เอง ระวงั รกั ษาใหอ้ ย่ใู นขอบของอรรถ
ของธรรม ไมใ่ หอ้ อกไปสอู่ ารมณภ์ ายนอก คนนนั้ จติ ใจจะไดร้ บั

6

ความสงบ จะไดร้ บั ความวเิ วก จะไดเ้ หน็ ผลจากการประพฤติ
ปฏบิ ตั ขิ องตน กิเลสทนตอ่ เรอ่ื งสตปิ ัญญาไมไ่ ด้ ใจท่ีจะดี จะผ่อง
ใส ใจท่ีบรสิ ทุ ธิ์ ตอ้ งอาศยั สตปิ ัญญาเป็นเรอ่ื งสาํ คญั

เรอ่ื งศลี คือการรกั ษากายวาจานนั้ เป็นพืน้ ของภกิ ษุสามเณร
ทกุ ทา่ นท่ีจะตอ้ งรกั ษา ไม่ปลอ่ ยปละละเลยเพราะศีลเป็น
เครอ่ื งประดบั ของสมณะ พระเณรถา้ ไม่มีศลี ถงึ เพศจะเป็นเพศ
ของสมณะ เพศจะเป็นเพศภกิ ษุสามเณร แตก่ ็เป็นไปไม่ได้ ขาด
ศลี อยา่ งเดยี วเท่านนั้ เสยี หายไปหมด ผมู้ ีศลี บรสิ ทุ ธิ์ ผมู้ ีศลี ท่ีดี
วเิ ศษจงึ เป็นท่ีนบั ถือกราบไหว้ ไปสถานท่ีใดสงา่ ผา่ เผย ไม่กลวั
วา่ คนนนั้ จะตฉิ ินนนิ ทา วา่ กลา่ วอยา่ งนนั้ อยา่ งนี้ ตาํ หนิศลี ของ
ตน ศีลจงึ เป็นหนา้ ท่ีของทกุ คนท่ีเป็นนกั บวช จะตอ้ งรกั ษาอยา่ ง
เขม้ งวดกวดขนั ไมอ่ ยา่ งนนั้ เสยี ศลี แลว้ สมาธิปัญญาอยา่ ไป
หวงั เพราะศีลเป็นบนั ไดขนั้ ตน้ จะตอ้ งไตข่ นึ้ ไปสขู่ นั้ สองขนั้ สาม
ตอ่ ไป ถา้ ไม่มขี นั้ ตน้ ขนั้ สองขนั้ สามอยา่ ไปถามหา จงึ ควรรกั ษา
ใหด้ ี

7

สมาธิเป็นขนั้ สองจากขนั้ ของศลี ก็ตอ้ งอาศยั สติ อาศยั
ปัญญา อาศยั ศรทั ธา อาศยั ความเพียรทาํ ไมใ่ ช่อย่ดู ีๆ สมาธิจะ
เกิดขนึ้ สมาธิคอื ความตงั้ ม่นั ของใจ สมาธิคือความลงรวมของใจ
จะเป็นขณิกะ อปุ จาระ อปั ปนา ตอ้ งอาศยั การศกึ ษา อาศยั การ
ประพฤติปฏบิ ตั ิ อาศยั การกระทาํ บาํ เพญ็ จงึ จะเห็นจะรู้ ไมท่ าํ
ไมบ่ าํ เพ็ญ ไมส่ าํ รวมระวงั ใจของตน สมาธิจะเกิดขนึ้ ไม่ได้ ถา้
หากสมาธิเกิดขนึ้ ได้ ง่ายดายอย่างนนั้ ก็ไม่มีใครท่ีจะหลงใหล
ไมม่ ีใครท่ีจะเสียหาย เพราะตา่ งคนเกิดมา ก็จะตอ้ งมีสมาธิ
ความตงั้ ม่นั ของใจ น่ีมนั ไม่เป็นอยา่ งนนั้ ตอ้ งศกึ ษาภาวนา ตอ้ ง
อบรมปัญญาการพจิ ารณารอบรูใ้ นกองสงั ขาร ก็เกิดขนึ้ จากจติ
ท่ีตงั้ ม่นั ถา้ จติ ไมต่ งั้ ม่นั จิตหว่นั ไหว จติ เอนเอยี งไปตามสญั ญา
อารมณอ์ ย่บู อ่ ย จะพิจารณาเร่อื งของสงั ขารใหท้ ่วั ถงึ รอบคอบ
เป็นไปไมไ่ ด้ ถงึ เป็นไปได้ การละถอนทางจติ ทางใจมนั ละถอน
ไม่ได้ เพราะไมม่ ีกาํ ลงั ทางสมาธิ

สมาธิจงึ เป็นเร่อื งจาํ เป็นท่ีทกุ คนจะตอ้ งบาํ เพญ็ ถงึ จะไม่ลง
ถึงท่จี นขาดจากสญั ญาอารมณก์ ็ตาม สมาธิคอื ความตงั้ ม่นั ของ

8

ใจ สมาธิคอื ความสงบของใจ ตอ้ งมี ไม่อยา่ งนนั้ จะไมเ่ หน็ การ
ละ การบาํ เพญ็ การปลดการปลอ่ ยของจติ ของใจวา่ หลดุ รว่ งไป
จากหว่ งของความตดิ ขอ้ งตา่ งๆ จะหลงจะใหลมืดมิดเรอ่ื ยไป

หนา้ ท่ีของภิกษุสามเณรไมม่ ีหนา้ ท่ีอ่นื ไมไ่ ดท้ าํ ไรไ่ ถนา
ไม่ไดค้ า้ ขาย ไมไ่ ดท้ าํ ราชกจิ การอะไร มีแตต่ งั้ ใจจะประพฤติ
ปฏิบตั สิ อนตวั เพราะทกุ สง่ิ ทกุ อย่าง ถา้ หากเราไม่สอนเรา ไม่
เอาใจใส่ ไม่วา่ งานทางโลก หรอื งานของธรรม มนั ก็เป็นไปไม่ได้
คนอดอยากยากจน ทงั้ ๆท่ีเขามีแขง้ ขาอวยั วะสมบรู ณ์ ก็เพราะ
ความเกียจครา้ นไมเ่ อาถ่านในการงานตา่ งๆ คนขยนั หม่นั เพยี ร
จะไปอยสู่ ถานท่ีใด ไมอ่ ดอยากยากจน พอเป็นพอไป พอพ่งึ พอ
อาศยั เพราะแสวงหาอยทู่ กุ วนั ทกุ เวลาเม่ือมีงาน เอาใจใสใ่ น
งาน ตงั้ หนา้ ตงั้ ตาทาํ งาน เงนิ มนั ก็เกิดขนึ้ มา สมบตั ทิ กุ อยา่ ง
เม่ือมีเงนิ เราตอ้ งการก็เราหาซอื้ ไดส้ ะดวกสบายเพราะเป็นคน
เกิดมาตวั เปลา่ เหมือนกนั ไม่มีใครหาบหามหอบหวิ้ วตั ถอุ ะไรมา
แตท่ ่ีมนั อดอยากยากจนก็เพราะคนนนั้ ไม่ไดม้ ีความ
ขยนั หม่นั เพียร ไม่ไดม้ ีสติ ไมไ่ ดม้ ีปัญญา

9

สติปัญญาไม่วา่ ทางโลกหรอื ทางธรรมจงึ จาํ เป็นท่ีจะตอ้ ง
นาํ มาพนิ ิจพิจารณา ขาดไมไ่ ด้ คนขาดสตปิ ัญญา เป็นคนทกุ ข์
ยากลาํ บากอนาถา ทา่ นจงึ วา่ ไรท้ รพั ยอ์ บั ปัญญา ทรพั ยไ์ ม่
เกิดขนึ้ เพราะปัญญาไม่มี ถา้ มีปัญญาพินจิ พจิ ารณา
ขยนั หม่นั เพียร ตงั้ หนา้ ตงั้ ตาขยนั หม่นั เพยี ร ทรพั ยก์ ็เกิดขนึ้ ได้
เร่อื งภายในเรอ่ื งจิตใจก็ทาํ นองเดียวกนั ตงั้ หนา้ ตงั้ ตาสงั วรณ์
ระวงั รกั ษา ทาํ งานภายในคอื มีสติรกั ษากายใจของตน จะทาํ จะ
พดู จะคดิ ผิดถกู ช่วั ดีอยา่ งไร ตอ้ งตรวจตราพนิ ิจพิจารณา อยา่
ใหใ้ จอยากทาํ อะไรก็ทาํ ไป ดว้ ยความผลกั ดนั ของกิเลสตณั หา
ถา้ หากเราพนิ จิ พิจารณารอบคอบเสยี กอ่ น ทาํ อะไรไปไมค่ อ่ ย
ผดิ พลาด มกั ถกู ตอ้ ง ปัญญาจงึ เป็นเรอ่ื งสาํ คญั ท่ีเราทกุ ทา่ น
จะตอ้ งหม่นั พนิ ิจพิจารณา น่ีเป็นปัญญาทางนอก ทางโลก

ปัญญาภายในท่ีรูเ้ ท่าสงั ขาร ทนั สงั ขาร กห็ มายถงึ ปัญญา
พิจารณาธาตขุ นั ธภ์ ายใน ปัญญานีเ้ ป็นปัญญาละเอยี ด ปัญญา
นีเ้ ป็นปัญญาท่ีจะสงั หารกิเลส ความเศรา้ หมองตดิ ขอ้ งของใจ
เพราะทกุ คนเกิดมามีกเิ ลสตณั หานาํ หนา้ มกั ชอบตดิ คิดปรุงไป

10

ตามรูป เสียง กลน่ิ รส สมั ผสั ตา่ งๆ ไม่วา่ ผหู้ ญิง ไมว่ า่ ผชู้ าย
เหมือนกนั หมดท่วั โลก ทงั้ สตั ว์ ทงั้ มนษุ ยเ์ ป็นอย่างนนั้ ทา่ นจงึ
เรยี กวา่ กามโลก โลกท่ีตดิ ขอ้ งอย่ใู นกาม กามกห็ มายถงึ รูป
เสียง กล่นิ รส สมั ผสั เรยี กวา่ กามโลก คนตดิ ขอ้ งเพลดิ เพลินอยู่
ในสงิ่ เหลา่ นีค้ อื คนท่ีไมใ่ ชส้ ติปัญญาพินิจพจิ ารณา ติดขอ้ ง
เรอ่ื ยมา นบั ภพนบั ชาติไม่ได้ จะแกข่ นาดไหนก็ยงั หลงใหล
เพลดิ เพลนิ ไปตามเรอ่ื งเหลา่ นี้ เพราะขาดสติ เพราะขาดปัญญา
พิจารณาภายใน

ถา้ พิจารณาภายใน ปัญญาภายในท่ีพระพทุ ธเจา้ แนะสอน
ใหพ้ ิจารณาเรอ่ื งธาตขุ นั ธ์ ธาตขุ นั ธน์ นั้ จะพจิ ารณาตวั ของเราเอง
ก็ได้ ถา้ ยงั ไมเ่ ห็นเดน่ ชดั จะไปดคู นอ่ืนสตั วอ์ ่ืนกพ็ อดไู ด้ แตใ่ หด้ ู
ดว้ ยปัญญา อยา่ ไปดดู ว้ ยกิเลสตณั หา ถา้ ดดู ว้ ยกิเลสตณั หา
จติ ใจจะลมุ่ หลง จะเพลดิ เพลินตดิ ขอ้ ง รกั ชอบ เกลียดชงั ตา่ งๆ
ถา้ หากดดู ว้ ยปัญญา ไม่เป็นอยา่ งนนั้ จะดคู นหนมุ่ คนสาวก็
เหมือนกนั จะดคู นแก่คนตายก็เหมือนกนั ดใู หเ้ หน็ ประจกั ษ์
ชดั เจน ดใู หท้ ่วั ในอตั ภาพรา่ งกายของหญิงชายนนั้ ๆ ใหเ้ ขา้ ใจ

11

วา่ เหมือนกนั เหมือนกนั อะไร คือไตรลกั ษณ์ อนิจจงั ไม่เท่ียง
แปรปรวนเปลย่ี นแปลง ทกุ ขงั จติ ยดึ ม่นั ถือม่นั เกิดทกุ ข์ อนตั ตา
บงั คบั บญั ชาไม่ได้ มนั เหมือนกนั ทงั้ หญิงทงั้ ชาย ทงั้ เขาทงั้ เรา

นอกจากนนั้ จะพิจารณาใหเ้ ป็นธาตุ ก็เป็นธาตอุ นั เดยี วกนั
หญิงไมม่ ี ชายไมม่ ี เป็นธาตุ ๔ คือดนิ นา้ํ ลม ไฟ เหมือนกนั
และท่ีใจไปยดึ ไปถือ ไปม่นั ไปหมายตามสมมตุ ขิ องโลก วา่ หญิง
วา่ ชาย วา่ สวยวา่ งาม วา่ หน่มุ วา่ สาวตา่ งๆ อนั นนั้ เป็นเรอ่ื งของ
สมมตุ ิ ไม่ใชเ่ ร่อื งของจรงิ ของจรงิ ธาตอุ นั นนั้ ขนั ธอ์ นั นนั้ คนๆนนั้
หรอื สตั วค์ นนนั้ มนั จะตอ้ งเป็นของจรงิ อยา่ งนนั้ คือจะเป็นธาตทุ งั้
๔ ส่ิงท่ีขน้ แข็งมนั ก็จะตอ้ งละลายตายลงไปเป็นดนิ เชน่ ผม ขน
เลบ็ ฟัน หนงั เนือ้ เอน็ กระดกู เป็นตน้ เม่อื มนั แตกสลายแลว้ มนั
จะกลายลงไปเป็นดิน เม่ือมนั ดนิ จรงิ จงั แลว้ หญิงอยทู่ ่ีไหน ชาย
อยทู่ ่ีไหน หาไมไ่ ด้ ไม่มีหญิงมีชาย เป็นดนิ เหมือนกนั

นา้ํ กเ็ หมือนกนั ท่ีอยใู่ นเนือ้ ในตวั ของเราทา่ นหรอื คนอ่ืน มนั
ก็จะตอ้ งเป็นนา้ํ ของมนั ละลายไปเป็นนา้ํ หรอื ออกเป็นไอ ไป
เป็นนา้ํ ตามธรรมชาติธาตขุ นั ธข์ องมนั เราขบเราฉนั เราอาบอยู่

12

ทกุ วนั นี้ ก็อาจไปเป็นนา้ํ ออกจากกายของหญิงของชายของสตั ว์
ของบคุ คลก็เป็นได้ แตม่ นั ซมึ ซาบลงไปในดนิ หรอื มนั เป็นไอ
ออกไปตามอากาศหรอื จบั กอ้ นกนั เขา้ ตกลงมาวา่ นา้ํ ฝน แต่
ความจรงิ ออกมาจากสตั วจ์ ากบคุ คลเน่ียแหละ เพราะสตั วข์ อง
แตล่ ะตวั คนแตล่ ะบคุ คล มนั มีนา้ํ เหมือนกนั แตเ่ ราไมไ่ ด้
พิจารณาวา่ นา้ํ อนั นี้ มนั เป็นนา้ํ ออกจากสตั ว์ ออกจากบคุ คล
เลยถือเป็นนา้ํ เฉยๆ เลยไม่ไดค้ ิดปรุงน่ากลวั นา่ เกลยี ดตา่ งๆ แต่
ความจรงิ มนั ออกไปจากนี้

ถา้ พิจารณาใหเ้ หน็ ตามเป็นจรงิ ของธาตุ จะเป็นธาตดุ ินก็
ตาม ธาตนุ า้ํ ธาตลุ ม ธาตไุ ฟก็ตาม มนั เหมอื น กบั หมดหย่างนนั้
เราจะหลงใหลใฝ่ฝันทาํ ไม เราอยา่ งไร เขาก็อยา่ งนนั้ เป็นแต่
ธาตแุ ตข่ นั ธ์ จะไปหลงใหลกนั ทาํ ไม ใหใ้ จรู้ ใหใ้ จเห็น ใหใ้ จ
เขา้ ถึง ใหป้ ัญญารอบ จิตจะไม่ยดึ จะไมถ่ ือ ในเรอ่ื งของสมมตุ ิ
วิมตุ ติเป็นอยา่ งไร เขา้ ใจอยา่ งนนั้ ไปสถานท่ีใด ก็เลยไม่
หลงใหล ไปสถานท่ีใดก็ไม่ตดิ ขอ้ ง เพราะเขา้ ใจตวั ของตวั
อย่างไร สตั วบ์ คุ คลอ่ืนเป็นไปอยา่ งนนั้

13

ขอ้ สาํ คญั ดใู จของตวั เม่ือรูเ้ ม่ือเหน็ อย่างนนั้ จติ ใจของเรา
ปลอ่ ยวางละถอนหรอื ไม่ หรอื ยงั ติดใจขอ้ งใจอยู่ วา่ น่ีเป็นดิน
เป็นนา้ํ เป็นลม เป็นไฟ วา่ ตงั้ แตส่ ญั ญาระลกึ ได้ จาํ ได้ แตจ่ ติ ใจ
ยงั ขอ้ งติด คิดปรุงชอบ วา่ สวยอยา่ งนนั้ งามอยา่ งนี้ อยากจบู
อยากชม อยากไดม้ าเป็นของๆตน นนั้ ไม่ใชว่ า่ จติ มนั ถอดมนั
ถอนเรอ่ื งกิเลสตณั หา มนั ยงั ยดึ ยงั ขอ้ ง จะตอ้ งพนิ ิจพจิ ารณาให้
ถึงจดุ ของมนั จดุ ของมนั คอื มนั หลดุ มนั ไมต่ ดิ เหน็ มนั กไ็ มต่ ดิ ได้
ยินมนั ก็ไมต่ ดิ ในสิ่งนนั้ ๆ น่ีคอื เร่อื งมนั รอบในตวั ของมนั ถา้ มนั
รอบจรงิ ๆจงั ๆ มนั ปลอ่ ยมนั วางมนั ละมนั ถอน ขาดจากความยดึ
ความถือท่ีมีมาก่อน เราเองทราบในตวั ของเรา วา่ แตก่ อ่ นพอ
เหน็ เขา้ ไดย้ นิ เขา้ มนั ติดมนั คิดมนั ปรุงในรูปในเสยี งตา่ งๆ ระยะ
นีห้ รอื เวลานีเ้ ราประพฤตปิ ฏบิ ตั ริ ูอ้ รรถธรรมภายในตวั ของเรา
แลว้ มนั เป็นอย่างนนั้ เห็นก็สกั แตว่ า่ เหน็ ไดย้ นิ ก็สกั แตว่ า่ ไดย้ ิน
เทา่ นนั้ ไมม่ ีอะไรท่ีจะมาทาํ จิตใจใหว้ า้ วนุ่ ข่นุ มวั ไมม่ ีอะไรท่ีจะ
มาทาํ ตวั ของเราใหเ้ พลดิ เพลนิ ติดขอ้ ง เราทราบภายในตวั ของ
เรา

14

น่ีเป็นการละการถอน การเหน็ ภายใน เป็นปัญญาท่ีชาํ ระใจ
ถา้ หากเพียงแตจ่ าํ มาหรอื คิดปรุงเอา เดาเอาเทา่ นนั้ ยงั ละไม่ได้
รบี พจิ ารณาใหจ้ ติ เหน็ ตามเป็นจรงิ จิตย่อมจาํ นนในอรยิ สจั คือ
ของจรงิ ท่ีพระพทุ ธเจา้ รูเ้ ห็น ถา้ ยงั ไม่เป็นอรยิ สจั มนั ยงั แกไ้ มไ่ ด้
เพราะนิโรธมนั จะไม่เกิดขนึ้ มนั จะเกิดเป็นสมทุ ยั คอื ความปรุงใจ
ใหอ้ ยากในสง่ิ นนั้ ๆ พยายามพนิ ิจพจิ ารณา พยายามศกึ ษา
พยายามภาวนา เพราะหนา้ ท่ีของภิกษุสามเณร โอกาสเวลามี
มาก จะประพฤติปฏบิ ตั กิ าลใดเวลาใด ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิได้ เวลา
น่งั คยุ กนั เวลาน่นั ทาํ งานอนั อ่นื น่งั ไดร้ ะยะยาวนาน แตจ่ ะ
พจิ ารณาคดิ อา่ นแกไ้ ขจิตใจของตน พอน่งั เขา้ ก็ไปจอ้ งไปมองแต่
นาฬิกา จอ้ งไปมองแตว่ นั เวลาวา่ มนั หมดไป มนั หมดนมนาม
ขนาดไหน ใจมนั ปรุงอยขู่ า้ งนอก มนั ไมเ่ พลิดเพลินในการกระทาํ
บาํ เพ็ญของตน จติ ใจมนั ไม่เขา้ หาอรรถหาธรรม มนั ออกไปนอก
มนั ก็เลยไมเ่ ป็นผลเป็นประโยชนอ์ ะไร ไม่มีคณุ คา่ ไมม่ ีความ
สงบ ใหม้ นั มีความสงบ

15

ถา้ มนั สงบ มนั สขุ มนั สบาย การฝึกจิตใหส้ งบก็มีหลายวธิ ี ท่ี
เคยอธิบายใหฟ้ ังมานบั ไมไ่ ด้ หรอื ครูอาจารยอ์ งคอ์ ่ืนท่านก็เคย
อธิบายมา แลว้ แตใ่ ครท่ีถนดั ในทา่ ไหนแบบไหน จะทาํ ใจของตน
ใหส้ งบได้ ไม่ผดิ ถา้ ไมส่ งบ คาํ สอนท่ีทา่ นสอนจะดวี ิเศษขนาด
ไหน มนั ก็ผิดอย่ตู ลอดไป ถา้ มนั สงบได้ มนั ถกู อยา่ ไปถือวา่ ครู
องคน์ นั้ อาจารยอ์ งคน์ นั้ ช่ือเสียงท่านโดง่ ดงั ทา่ นเคยสอนธรรม
ใหค้ นบรรุลมรรคผลมาจาํ นวนมาก ควรมีศรทั ธาเล่อื มใสในทา่ น
ทา่ นพดู แลว้ จะถกู ของทา่ นทกุ ส่งิ ทกุ อย่างไป องคน์ นั้ คนไม่
เล่ือมใสคนไม่นบั ถือจะผิด อย่าไปคิดอยา่ งนนั้ คดิ ดจู ิตดใู จของ
ตนเลยถา่ ยเดยี ว

อบุ ายปัญญาท่ีจะนาํ มาสอนจติ ใหไ้ ดร้ บั ความสงบสงดั ดว้ ย
อบุ ายใด วธิ ีใด เราทาํ ได้ เราเหน็ ผล เราเอาอนั นนั้ มาทาํ เพราะ
โรคของเรามนั ชอบแบบนนั้ ถกู ยาอนั นนั้ ยาของเขาเป็นยาของ
เขา ถกู โรคของเขา ยาของเราถกู โรคของเรา เราตอ้ งด่มื ตอ้ งทาน
ตอ้ งฉนั สง่ิ ท่เี ป็นหยกู เป็นยาท่ีจะทาํ ใหโ้ รคภยั ภายในเหือดหาย
สบายไป ธรรมะของพระพทุ ธเจา้ กท็ าํ นองเดยี วกนั ครูอาจารย์

16

ตา่ งทา่ นตา่ งองคต์ า่ งคนตา่ งเคยศกึ ษา ตา่ งเคยภาวนามา ท่าน
เคยทาํ แบบไหน ใจของท่านไดร้ บั ความผ่องใส ใจของท่านไดล้ ะ
กิเลส ท่านก็ทาํ ไปตามหนา้ ท่ีของทา่ น นาํ มาสอนตามความถนดั
ใจท่ีทา่ นเคยทาํ มา แตต่ วั ของเราฟังแลว้ ไปประพฤติปฏิบตั เิ ขา้
ไมเ่ ป็นไปตามเรอ่ื งของทา่ น เราจะเอาแบบไหนมาสอนใจของ
เรา กท็ กุ สง่ิ ทกุ อยา่ งธรรมของพระพทุ ธเจา้ มนั มีมาก ก็เลอื กหา
ไดท้ ่ีจะมาแกไ้ ขใจของเราท่ีมนั ดือ้ ดงึ ใหส้ งบสงดั หาอบุ าย
ปัญญาแนะสอนตวั

จะพจิ ารณาเกิดตายๆก็ได้ บรกิ รรมเกิดตายๆ เดินจงกรม
เหมือนกนั เพียงแตท่ าํ ทา่ กิรยิ าเดินไปเดนิ มาเทา่ นนั้ เคา้ เดินกนั
ท่วั โลก ไมว่ า่ ตงั้ แตเ่ ดินธรรมดา หมามนั ย่งิ เก่งกวา่ มนษุ ย์ ว่งิ เรว็
เราสไู้ ม่ได้ แตม่ นั ไม่มีสติ ไมม่ ีปัญญาท่ีจะสอนใจ มนั จงึ ไม่เป็น
อะไรให้ ตอ้ งมสี ติ มีปัญญารกั ษาใจ เดนิ ไปพนิ ิจพจิ ารณาไป
บรกิ รรมไป อย่าเผลอใหจ้ ติ ใจออกไปขา้ งนอก จะกาํ หนดการ
เหยียบลงคอื เกิด ยกลงคอื ตายก็ได้ กาํ หนดใหไ้ ดท้ กุ ระยะทกุ
เวลา จิตใจจะมีทางสงบระงบั มนั มีมากอบุ ายท่ีจะสอนใจ หาก

17

เรานาํ มาสอน จะเร่อื งคิดปรุงภายนอก ทาํ ไมมนั มีปัญญา ทาํ ไม
มนั แสส่ า่ ย มนั เพลิดเพลินมวั เมาไปได้ กเ็ พศของสมณะผสู้ งบ
ทาํ ไมหาความสงบไม่ได้ เม่ือมนั สงบไม่ได้ ความสะดวกสบาย
มนั จะเกิดมาจากท่ีไหน อยกู่ ็อย่คู นเดยี ว ไม่มีอะไรมาเกาะเก่ียว
ยงุ่ เหยงิ น่งั นอนคนเดยี ว ไมม่ ีใครท่ีจะมาพดู จาปราศรยั ไม่มีใคร
ท่ีจะมารบกวน โอกาสเวลาทงั้ กลางวนั กลางคนื มนั มีมาก หาก
จะสอนตวั พยายามทาํ ถา้ ทาํ ไมไ่ ด้ ก็ไมใ่ ช่คนอ่นื จะมาทาํ ให้
เป็นหนา้ ท่ีของเราโดยเฉพาะ

ตอ้ งตงั้ หนา้ ตงั้ ตาภาวนารกั ษา กาย วาจา ใจ ของตน ใจไม่
สงบ ไม่มีความสขุ ถงึ ท่ีอยทู่ ่อี าศยั จะสมบรู ณท์ กุ อย่างแลว้ ใจ
มนั ยงั มีความอยาก ใจยงั ดนิ้ รนกระวนกระวายไปในส่งิ ท่ีมนั ชอบ
มนั ติด มีอนั นี้ ไม่ยนิ ดีในอนั นี้ ยนิ ดีในอนั ใหม่ เพลดิ เพลนิ
เรอ่ื ยไป น่ีเรอ่ื งใจเป็นอย่างนนั้ ไมม่ ีวนั อ่ิมวนั พอ ไมว่ า่ รูป เสียง
กลน่ิ รส หรอื สมั ผสั จติ ใจจะตอ้ งว่งิ วนุ่ เรอ่ื ยไป ถา้ หากพจิ ารณา
จบั ความช่วั ของมนั ความเสยี ของมนั จบั ผิดของมนั ก็คราวนนั้
เป็นอยา่ งนนั้ คราวนีเ้ ป็นอยา่ งนี้ ไปเจอรูปนนั้ ชอบติดวา่ มนั สวย

18

มนั งาม ไปเจอรูปใหม่ ปลอ่ ยรูปนนั้ ทิง้ ไปชอบรูปใหม่ น่กี ็คอื ใจ
ไมป่ กติ ใจไมม่ ีวนั พอในเร่อื งของรูป มีเทา่ ไหรม่ นั จะชอบ มนั ตดิ
จะคิดจะปรุงเรอ่ื ยไป จะเอาความสขุ จากรูปจากเสยี งนนั้ ๆ
เป็นไปไม่ได้ เพราะรูปเสียงเป็นอนิจจงั รูปเสียงไม่เท่ียง เม่ือมนั
ไมเ่ ท่ียง จติ ใจท่ีไปอาศยั ของไมเ่ ท่ียง มนั ก็เกิดทกุ ข์ เพราะไม่ได้
ตามปรารถนาของตน แลว้ จะไปคิดไปตดิ ไปขอ้ งทาํ ไม

สอนใจของตวั อบุ ายปัญญาท่ีจะพจิ ารณามนั มาก อย่าไป
วนั คืนเดอื นไปใหผ้ า่ นไปเสยี เปลา่ ไปเช่ือจติ ของตวั ย่งิ กวา่ เช่ือ
ธรรมของพระพทุ ธเจา้ ไม่มวี นั เวลาท่ีจะสงบสบาย จะเป็นพระ
เป็นเณรเป็นสมณะได้ มีแตว่ า้ วนุ่ ข่นุ มวั ว่งิ วอ่ นอยเู่ ร่อื ยไป อยู่
สถานท่ีนนั้ ไปสถานท่นี นั้ เสยี กอ่ นจงึ จะตงั้ หนาตงั้ ตาบาํ เพญ็
ภาวนา พอไปถงึ เขา้ อนั นนั้ ไม่สะดวก อนั นีไ้ มส่ บาย คดิ ปรุงไป
หาท่ีใหมเ่ รอ่ื ยไป ท่วั โลกมนั ก็มีท่ีไหนท่ีจะละถอนกิเลสของใจได้
อย่สู ถานท่ีใดความสงบสงดั หรอื ปัจจยั เครอ่ื งอาศยั พอเป็นไป ตงั้
หนา้ ตงั้ ตาภาวนา ตงั้ หนา้ ตงั้ ตารกั ษาจติ ใจของตน เอาจรงิ เอา
จงั คนนนั้ แหละไปอย่สู ถานท่ีใดจะมีความสขุ ความสบาย

19

ภายใน ไมอ่ ยา่ งนนั้ ไมม่ ีวนั เวลา ย่งิ อายแุ กเ่ ขา้ มาเทา่ ไรก็ย่ิงจะ
ปรุงไปใหญ่ คดิ ไปใหญ่

เม่ือวดั วาศาสนาไมม่ กี ารมีงานมีเรอ่ื งมีราวอะไรมารบกวน
ก็ตวั เองก่อใหย้ ่งุ ใหเ้ หยงิ ใหเ้ สีย จาํ เป็นหรอื ไม่จาํ เป็นไมไ่ ดค้ ดิ
พออยไู่ มอ่ ยู่ พออาศยั ไม่อาศยั คิดแตจ่ ะทาํ อนั นนั้ คิดแตจ่ ะทาํ
อนั นีเ้ ร่อื งนอกๆ ซง่ึ ไมใ่ ช่เร่อื งท่ีจะละจะถอนกิเลสตณั หา มนั คิด
เกง่ การงานอนั นนั้ ยงั มีอยู่ การงานอนั นีย้ งั มีอยู่ ไมม่ ีโอกาส ไมม่ ี
เวลาเดนิ จงกรมภาวนาให้ กใ็ ครหละบงั คบั ใหไ้ ปทาํ แบบนนั้
หนา้ ท่ีของเราบวชมา ครูบาอาจารยส์ อนอย่างนนั้ หรอื ใหม้ าทาํ
อนั นนั้ ใหม้ าทาํ อนั นี้ แตถ่ า้ มนั จาํ เป็นจรงิ จงั มนั ตอ้ งทาํ ในทาง
ธรรมะผภู้ าวนาทา่ นจงึ พดู ถงึ ปรโิ ภช คือความกงั วล เพียงแตซ่ กั
ยอ้ มผา้ ตดั เลบ็ ผมยาวเทา่ นนั้ ทา่ นก็วา่ เป็นเรอ่ื งกงั วล

น่ีเราหาการงานยงุ่ เหยิงยง่ิ กวา่ นนั้ มาทาํ มนั จะไม่เป็นเรอ่ื ง
กงั วลของใจอยา่ งไร คนท่ีมีเร่อื งกงั วลของใจ มีการปรุงออกไป
ภายนอก มนั จะสงบระงบั ดบั กิเลสไดอ้ ย่างไร มีแตจ่ ะติดมีแต่
ขอ้ งจะเพลิดจะเพลนิ จะลมุ่ จะหลงเรอ่ื ยไป อยา่ ไปเอาเรอ่ื ง

20

เหลา่ นนั้ มาดบั กิเลสตณั หา มนั ไม่มวี นั เวลาหรอื ไมม่ ีทางท่ีจะ
ระงบั ได้ สอนใจของตน ระวงั เอาใจใส่ มนั ยงั มีเวลาเลด็ ลอด
ออกไป เม่ือไปทาํ งานภายนอก มนั ก็เปิดประตใู หต้ ลอดเวลา
แลว้ ใจมนั เขา้ มนั ออก มนั ผดิ มนั ถกู อะไร มนั ก็ไมค่ อ่ ยไดด้ ู ดแู ต่
เร่อื งขา้ งนอก ตงั้ ใจกาํ หนดสติมีอย่ใู นตวั ปัญญามีอยใู่ นตวั

ถา้ หากกาํ หนดพินิจพิจารณา ระวงั รกั ษาจะทราบดี จิตใจ
วนั นีม้ นั เบา มนั สบาย จติ ใจวนั นีม้ นั ละมนั ถอนกิเลสตณั หา
จติ ใจวนั นีม้ นั ฟ้งุ มนั ปรุง รกั ษายาก มนั จะทราบ เพราะเหตใุ ด
เพราะเรามีสตกิ าํ หนดอยรู่ ูอ้ ยู่ เรอ่ื งออกเขา้ ของมนั ถา้ ไม่มีสติ
ปลอ่ ยมนั ไปตลอดวนั ตลอดเวลา ก็ภาวนาก็เป็นกิรยิ า เดิน
จงกรมก็เป็นกริ ยิ า ไม่ทราบจติ ใจมนั ไหลไป รูเ้ ร่อื งของโลกหรอื
เรอ่ื งของธรรม พอไดเ้ วลาสมควร เหนด็ เหน่ือยเม่ือยหวิ ก็ขนึ้ ก็
หลบั กน็ อน มนั เพียงแคน่ นั้ ไมไ่ ดส้ อบดวู า่ งานท่ีเราทาํ เป็นผล
หรอื ไม่ ไดอ้ ะไรมาไมไ่ ดค้ ดิ บวกลบดู ถา้ เป็นอย่างนนั้ ทาํ อยู่
เรอ่ื ยไปก็ไม่เหน็ ผลเร่อื ยไป ถา้ หากสอบดพู จิ ารณาภายใน
จะตอ้ งเหน็ ผลเพราะการกาํ หนดจติ กาํ หนดใจ การมีสตปิ ัญญา

21

มนั ไมเ่ สยี ผล มนั ฟงุ้ มนั ปรุง มนั นกึ มนั คดิ มนั ตดิ มนั ขอ้ งอะไรก็
ทราบ ดงึ มนั เขา้ มา พจิ ารณาใหม้ นั ได้ กาํ หนดลงไปในจติ ในใจ
ของตน อยา่ ฟงุ้ ปรุงออกไปขา้ งนอก

ส่ิงท่วั ไปถา้ ใจไม่หลง ไมม่ ีอะไรมนั จะเป็นพิษเป็นภยั จะลมุ่
หลง ถา้ ใจรู้ ทกุ ส่ิงทกุ อยา่ งมนั ปกตดิ งี ามทงั้ นนั้ เพราะใจวปิ รติ
ทกุ สิง่ มนั ผดิ ไปหมด ของเนา่ ของเหม็นก็ถือวา่ เป็นของหอมของ
สวยของงามไป เพราะใจมนั หลง ของไมเ่ ท่ยี งถือวา่ เป็นของเท่ยี ง
ของเป็นทกุ ขก์ ถ็ ือวา่ เป็นสขุ มนั เป็นอย่างนนั้ จติ ใจของพวกเรา
ทา่ นเพราะมนั ไม่ปกติ มนั ยงั ไม่ดีไม่สงบ พยายามสอน พยายาม
ฝึก ไมม่ ีโอกาสเวลาใดท่ีเหมาะไดถ้ า้ หากวา่ ไมฝ่ ึก ถา้ ลองฝึก
หละมีโอกาสเหมาะ มีเวลาพอท่ีจะฝึก เพราะการงานเรอ่ื งอ่นื ไม่
คอ่ ยมีมาเก่ียวขอ้ ง เม่ือมีการมีงาน มีผมู้ ีคนมาเก่ียวขอ้ ง กถ็ ือวา่
มีการมงี านภายนอก ทาํ ไมไ่ ด้ เม่ือไมม่ ีเรอ่ื งภายนอกก็เรอ่ื งของ
ใจผปู้ รุงไมร่ กั ษา มนั กเ็ ลยไมม่ ีโอกาสเวลาตลอดตงั้ แตว่ นั บวช
มาจนกระท่งั วนั สกึ หรอื วนั ตาย

22

จะใหเ้ ช่ือในเร่อื งของศาสนา เช่ือในมรรคในผลอยา่ งไร
เพราะตวั ของตวั เอง ใจของตวั เองไมเ่ ป็นไม่เหน็ มนั ก็ไม่เช่ือ
เหมือนตาบอด มนั ไมเ่ ช่ือวา่ มีสี มีแสงอะไรเพราะตามนั บอด สี
แสงมนั ไม่เคยเห็น น่ีจิตใจของพวกเราทา่ นก็ทาํ นองเดยี วกนั ถา้
มนั ไมเ่ หน็ ไม่เป็นในตวั มนั ไม่เช่ือ ตอ้ งเห็นตอ้ งเป็นในตวั ไมต่ อ้ ง
บอกมนั ก็รู้ ความสงบมนั เป็นอยา่ งไร ความละถอนกิเลสตณั หา
มนั เป็นอยา่ งไร มนั จะเขา้ ใจและอยากจะประพฤติ อยากจะ
ปฏบิ ตั ิ เพราะส่ิงท่ีดีเรารูเ้ ราเคยเหน็ เคยเป็น สง่ิ ท่ีช่วั ท่ีเสยี ท่ีเราไม่
ตอ้ งการ เราก็เคยเหน็ เคยเป็น คนท่วั ไปชอบสิ่งท่ีดี ไม่ตอ้ งการสงิ่
ท่ีช่วั มนั จงึ มโี อกาสอยากได้ มีความเพียรในใจ อยากกระทาํ
เร่อื งช่วั เสยี ตา่ งๆ จงึ ระวงั รกั ษาปัดเป่าออกไป ไม่ใหม้ ายงุ่ เหยงิ
เก่ียวขอ้ งกบั ใจ สงิ่ ใดท่มี นั สขุ มนั สบาย มนั ดีมนั วเิ ศษ ใจมนั ก็
สมั ผสั อยากประพฤติปฏบิ ตั อิ ย่างนนั้ ไม่ตอ้ งบงั คบั บญั ชา ถา้
หากมนั เหน็ มนั เป็นภายใน ความเพียรมนั ไหลไปเอง

น่ีมนั ไม่เหน็ ไมเ่ ป็นไม่รู้ อาศยั ตงั้ แตค่ วามเช่ือครูเช่ืออาจารย์
แตต่ วั เองยงั ไม่เป็นไม่เห็นไม่รู้ เช่ือแบบนนั้ มนั ไม่นานวนั มนั ก็ลบ

23

เลอื นไปเหมือนกนั กบั ของท่มี ายอ้ มใสส่ ีธรรมชาติของมนั เด๋ียว
มนั ก็ลอกไป จางไป สที ่ียอ้ ม พยายาทาํ ใหม้ นั เกิดมนั เหน็ มนั รู้
เป็นภายในตวั ธรรมะของพระพทุ ธเจา้ พระพทุ ธเจา้ รูเ้ หน็
อย่างไร เราไมม่ ีทางอ่ืน จะตอ้ งเป็นอย่างนนั้ เหมือนกนั หมด ไม่
ผดิ แปลกแตกตา่ งกนั การละถอนกิเลสตณั หา การหมดสนิ้ เร่อื ง
อาสวะของใจมนั เหมือนกนั หมด พยายามทาํ พยายามบาํ เพญ็
ใหม้ ีสมณะสญั ญา วา่ ตวั เป็นสมณะ ไมใ่ ชฆ่ ราวาสธรรมดา เพศ
ก็ผดิ แปลกแตกตา่ งเคา้ ท่ีอยทู่ ่ีอาศยั ก็ผดิ แปลกแตกตา่ งกบั เคา้
จิตใจภายในจะใหเ้ ป็นไปอยา่ งเคา้ เพลิดเพลินอยา่ งเคา้ ช่วั เสยี
อย่างเคา้ ไม่สมควรแกเ่ พศของเรา ควรสอนใจของตวั อยอู่ ยา่ ง
นนั้

รกั ษาใจของตวั ดว้ ยสตดิ ว้ ยปัญญา ตงั้ หนา้ รกั ษา ตงั้ หนา้
บาํ เพ็ญ ความดีท่ีเราตอ้ งการจะตอ้ งเกิดขนึ้ เห็นขนึ้ จติ ท่ีเคยดอื้
ดงึ ฟ้งุ ปรุงจะสงบ จิตท่ีเคยตดิ ขอ้ งจะละถอนเพราะอาํ นาจ
ปัญญาพิจารณาภายในกายใจอยเู่ ร่อื ยๆ เหน็ เร่อื งของตวั
อยา่ งไร เร่อื งของสตั วอ์ ่นื คนอ่นื มนั เป็นเหมอื นกนั ท่วั โลกมนั เป็น

24

เหมือนกนั อดตี ผา่ นมาไม่ทราบวา่ ก่ีพนั ก่ีหม่ืนก่ีแสนก่ีลา้ นปี มนั
ก็เป็นอยา่ งนี้ อนาคตยงั ไมม่ าถงึ ก็ทาํ นองเดียวกนั เพราะไม่มี
อะไรจะผิดแผกแตกตา่ งกนั เรอ่ื งกิเลสตณั หา เกิด แก่ เจบ็ ตาย
ทาํ นองเดยี วกนั หมด มนั จงึ ไมม่ ีขา้ งหนา้ ไมม่ ีขา้ งหลงั ปัจจบุ นั
เป็นอยา่ งไร อดีตท่ีผ่านมา หรอื อนาคตจะเป็นไปขา้ งหนา้ มนั
เหมือนอย่างปัจจบุ นั ใจมนั เห็นขนาดชดั เจนอย่างนนั้

มนั ไมม่ ีอะไรหลงใหล วา่ รูป วา่ เสียง วา่ กลนิ่ วา่ รส วา่ สมั ผสั
มนั ไม่มีอะไรท่ีจะหลงใหลในจิตใจของตน จิตจงึ สงบสบาย ไมม่ ี
อนั ตราย คอื การประพฤติปฏบิ ตั จิ ะตอ้ งเหน็ ชดั ดว้ ยตวั เอง
ความสขุ ความสบาย ความละความถอนกิเลสตณั หา มนั จะตอ้ ง
รูจ้ ะตอ้ งเขา้ ใจ เพราะธรรมะเป็นปัจจตงั รูเ้ ฉพาะตวั เป็นสนั ทิฏฐิ
โก เหน็ เอง ไมใ่ ช่คนอ่ืนจะมาบอกใหเ้ หน็ ให้ ถา้ หากประพฤติถกู
ธรรมมนั เป็นอยา่ งนนั้ ไม่มีทางสงสยั ถา้ ไมป่ ระพฤตถิ กู ธรรม จะ
เป็นจะเหน็ จะรูอ้ ย่างนนั้ ไมไ่ ด้ พยายามประพฤติปฏบิ ตั ิ
พยายามรกั ษาจติ ใจของตน

25

การสงั วรณอ์ นิ ทรยี เ์ ป็นทางท่ีปฏิบตั ไิ มผ่ ดิ สงั วรณต์ าหจู มกู
ลนิ้ กายใจของตน ไมใ่ หย้ ินดยี นิ รา้ ยในรูปเสยี งกลนิ่ รสสมั ผสั หรอื
อารมณท์ ่ีมาเก่ียวขอ้ ง ถา้ มีสตปิ ระคบั ประคองสอนใจของตวั อนั
นีร้ ูป อนั นีเ้ สยี ง อนั นีก้ ลนิ่ รส สมั ผสั อารมณ์ จะไปยนิ ดียินรา้ ย
กบั มนั อะไรมนั เคยมีมาตงั้ แตไ่ หนแตไ่ ร สอนใจของตวั ใหร้ ูใ้ ห้
เขา้ ใจในอารมณอ์ นั นนั้ มนั ก็มีวนั เป็นพระเป็นเณรได้ เป็นสมณะ
ผสู้ งบได้ เป็นผปู้ ระเสรฐิ ได้ น่ีไม่เคยรกั ษา ไมเ่ คยภาวนา
อยากจะพน้ ทกุ ข์ มนั ไมม่ ที างท่ีจะพน้ จะหลดุ จากกิเลสไปได้
การสงั วรณอ์ ินทรยี จ์ งึ เป็นธรรมะท่ีพระพทุ ธเจา้ หรอื ผรู้ ูท้ ่วั ไป
รบั รองวา่ เป็นทางไมผ่ ิด

โอกาสเวลาท่ีไดม้ าบวชเป็นโชคดี ประชาชนท่วั ไปในโลกนบั
ไมไ่ ด้ เพราะไม่มีโอกาสเวลาท่ีจะมาเดนิ จงกรมภาวนา ท่ีจะมา
เป็นพระเป็นเณร ทงั้ เคา้ มีโอกาสมีเวลาเหมือนกนั แตศ่ รทั ธา
ภายในใจ ความเช่ือความเล่ือมใสของเขาไม่มี หรอื บางคนก็ไม่มี
โอกาสเวลา บางคนก็มีโอกาสเวลาแตไ่ ม่มีศรทั ธา ความพอใจ
จะทาํ น่ีทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งเราพรอ้ ม เพศของเราก็เป็นเพศของ

26

สมณะ ท่ีอย่ทู ่ีอาศยั ของเราก็ไม่ใชบ่ า้ น เป็นวดั เป็นท่ีปฏิบตั ลิ ะ
กิเลส เราจะมาหลอกลวงตวั ของเราเอาเพศประเสรฐิ มาหอ่ หมุ้
เอาไว้ แตใ่ จของเรายงั สกปรกโสมมอยู่ สมควรแลว้ หรอื
พยายามแนะสอนตวั ฝึกตวั ปฏิบตั ิตวั ผใู้ ดใครค่ ิดพิจารณา
ศกึ ษา มีสตปิ ัญญาแนะสอนตวั คนนนั้ แหละ ไมว่ นั ใดก็วนั หนง่ึ
จะถึงท่ีสดุ วมิ ตุ ตไิ ด้

ถา้ ไปตายใจนอนใจ จะเอาเดือนนนั้ ก่อน วนั นนั้ ก่อน พรรษา
นนั้ ก่อนจงึ จะทาํ ถา้ ไปโยนความดไี ปขา้ งหนา้ อย่างนนั้ มนั มวี นั
มีเวลา มนั เคยตวั มนั ก็จะโยนขา้ งหนา้ เร่อื ยไป ไปสถานท่ีใดไม่
เอาจรงิ ให้ จะเช่ือเรอ่ื งของกิเลสตณั หา ไมม่ ีโอกาสเวลาจะทาํ
ความเพียร ไมม่ ีโอกาสเวลาท่ีจะละกิเลส พยายามขม่ ข่ี แนะ
สอนตวั เอง การงานสว่ นรวมภายในวดั ก็ไม่มีอะไรท่ีจะหนกั หนา
พอเป็นอปุ สรรคขดั ขอ้ งในการประพฤติปฏบิ ตั ิ รบี เรง่ กระทาํ
ความพากความเพยี ร ไม่วา่ กลางวนั กลางคนื

อยา่ ไปเอาความสขุ ในการหลบั การนอน การเลน่ การเพลนิ
ใหเ้ อาความสขุ จากความเพียรของตน วนั นนั้ เราไดท้ าํ อย่างนนั้

27

วนั นีเ้ ราไดท้ าํ อยา่ งนี้ รกั ษจติ ใจของเราอยา่ งนีๆ้ ถงึ จติ ใจยงั ไม่
เป็น ไมเ่ ห็น ไม่รูภ้ ายในคือการละถอนกิเลสของใจจรงิ จงั ก็ตาม
แตม่ าระลกึ นกึ คดิ ถงึ การรกั ษาจิตของตน ไมป่ ลอ่ ยใหไ้ ป ไหล
ออกไปสโู่ ลก สคู่ วามช่วั เราก็ยงั ดีใจ เร่อื งของกายไม่ตอ้ งพดู มนั
หยาบ เรอ่ื งของใจเป็นเร่อื งละเอียด จะตอ้ งอาศยั สติ อาศยั
ปัญญาผรู้ กั ษาใจ ถา้ มีสติปัญญาก็รกั ษาไม่ยาก หากไมม่ ี
สตปิ ัญญาก็รกั ษายาก เพราะใจเป็นนามธรรม มนั ลากจิตปรุง
ฟงุ้ ไปตลอดเวลา ไมว่ า่ เดิน ยืน หรอื น่งั นอน มนั คิดมนั ปรุงอยู่
เร่อื ยไป น่ีคือใจไมม่ ีสติรกั ษา ถา้ ใจมีสติ จะอยอู่ ิรยิ าบถใดก็
กาํ หนดอยเู่ ร่อื ยไป ใจก็มที างสงบระงบั ใจมีธรรมเป็นท่ีอย่ทู ่ี
อาศยั ใจจงึ สขุ ใจจงึ สบาย ท่ีพยายามฝึกอบรม

การอธิบายธรรมะเหน็ วา่ พอสมควรแก่เวลา ขอยตุ ิเพยี งแคน่ ี้

ท่ีมา: https://youtu.be/zPDr62Roky4

28


Click to View FlipBook Version