The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่อง อวิชชา โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-01-30 21:47:00

เรื่อง อวิชชา โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

เรื่อง อวิชชา โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

Keywords: อวิชชา,หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

อวิชชา
หลวงป่เู ทสก์ เทสรงั สี
การปฏบิ ตั ิก็เหมือนๆกบั ท่ีเคา้ ทาํ สวนทาํ ของภายนอก คอื
ธรรมดาเคา้ ปลกู พืชผลตา่ งๆ สมมตุ วิ า่ ปลกู นา้ํ เตา้ ก็ดฟี ักแฟงก็ดี
สมมตุ วิ า่ ฟักทอง เคา้ เอาเมด็ เอามาปลกู ลงขีด้ ิน มนั ก็ขนึ้ ทีแรก
มนั ก็แตกออกไปนิดเดยี ว แตกแยกออกไปแลว้ มนั กเ็ ป็นใบ เป็น
ตน้ เป็นลาํ ตอ่ ไป ตอ่ ไปก็เป็นเครอื ๆ ยืดยาวไปท่วั หมด คลมุ หมด
เลย นานนกั เขา้ มนั ก็เป็นลกู เป็นผล ไอเ้ มลด็ มนั ก็เกิดขนึ้ มาในผล
อนั นนั้ มนั แกม่ าแลว้ เคา้ ก็เอาเม็ดนนั้ เก็บไว้ เคา้ ไปปลกู อกี เอา
เมลด็ น่ีไปปลกู อีก มนั ก็แยกออกมาแตกออกมา มีใบแลว้ ก็มี
เครอื เป็นตน้ เป็นเครอื ไป จนกระท่งั เป็นลกู เป็นผล แก่มาก็ เมด็
มนั แก่มาแลว้ ถือวา่ คนไม่กินมนั ก็เป่ือยเนา่ ไปเอง อนั ใดเนือ้ หนงั
ของลกู ของผลก็เลยเน่าผพุ งั ไปเอง แตเ่ ม็ดมนั ยงั เหลืออยู่ อนั นี้
อปุ มาเปรยี บ
เราผปู้ ฏบิ ตั ิกรรมฐานก็ทาํ นองเดียวกนั อนั นนั้ อยา่ งนีเ้ ราแก่
แลว้ แตม่ นั ไมท่ นั เป็นเม็ดเป็นผล เม็ดมนั ยงั ไมท่ นั มี ผลยงั ไมท่ นั

1

เกิดก่อน คือวา่ เกิดขนึ้ มาแลว้ มนั เกิดจากเมด็ จากเม็ด
เลก็ ๆนอ้ ยๆเกิดมาก็เป็นแตกแยกออกเบอื้ งตน้ ความโกรธ ความ
โลภ ความหลง ความรกั ความชงั ทฐิ ิมานะมนั ก็ไมม่ ี ก็
เหมือนกบั ฟักทองน่นั นะ่ เกดิ มาทีแรกไมเ่ หน็ หรอก ลกู ก็ไมม่ ี ผล
ก็ไมม่ ี เม็ดมนั ก็ไม่เกิด จนกระท่งั มนั เตบิ โตขนึ้ มา มนั แกม่ าเน่ยี
เมด็ ไม่ทราบมาจากไหน ผลมนั เกิดมาจากไหนก็ไมท่ ราบ มนั
เป็นผลขนึ้ มาก็เป็นเมลด็ เอาเมลด็ นนั้ ก็จะเอาไปเพาะอกี ตอ่ ไป
เหมือนกบั กิเลสของคน

แตก่ ่อนมาก็ไมท่ ราบวา่ มนั เกิดมาจากไหน กเิ ลสนนั้ มนั ฝัง
อย่ไู หนก็ไมร่ ูต้ วั จนกระท่งั เตบิ โตขนึ้ มา ความรกั ความชงั ความ
เกลียด ความโกรธ และความอาลยั อาวรณม์ ากขนึ้ ทกุ ทีๆ
จนกระท่งั คลมุ หมดไปทงั้ ไร่ เครอื มนั ยืดยาวครอบหมดเลย คนผู้
ท่ีหลงมวั เมา ไม่เขา้ ใจถงึ หลกั ของธรรมะ เป็นคน้ ควา้ หาธรรมะ
เลยหลงตามเครอื ท่ีมนั คลมุ ปกหมดทงั้ วดั และทงั้ กฏุ ิ ในทงั้ ไร่
น่นั เอง หาไปท่ีใดก็ไมถ่ งึ ท่ีสดุ ยืดยาวไปตลอดเวลา

2

ผมู้ ีปัญญาสาวหาตน้ มนั ตน้ มนั อยตู่ รงไหน สาวเขา้ ไปๆ เลย
ไปพบตน้ มนั นดิ เดียว อนั นิดเดยี วเทา่ นนั้ ไมก่ วา้ งขวางอะไร
หรอก เม่ือจะถอนกถ็ อนราก ถอนเหงา้ มนั ขนึ้ มา เม่ือถอนออกไป
นนั้ เอากินผลมนั ซะกอ่ น กินลกู มนั ซะกอ่ น จนกระท่งั อ่มิ หนาํ
สาํ ราญเพียงพอแก่ความตอ้ งการ เวลาจะถอนทงิ้ ถอนรากหละ
หมดเลย ไมต่ อ้ งไปตดั ใหม้ นั งอกขนึ้ มาอกี เลยไมต่ าย ตายไม่
เป็น

กิเลสของคนเราก็เหมือนกนั เหตนุ นั้ จงึ อธิบายใหฟ้ ังวา่ ตน้
ตอของมนั ของกิเลสคือใจอยา่ งท่ีอธิบายใหฟ้ ัง ใจคอื ความ
กลางๆ วางเฉยๆ ตงั้ เป็นกลางวางเฉยๆวา่ อยา่ งนนั้ ใหเ้ หน็
ตวั กลางเสยี กอ่ น ตวั กลางน่นั แหละเป็นบอ่ เกิดของส่ิงทงั้ ปวง
หมด ถา้ เราวางเป็นกลางลงไปแลว้ มนั คดิ มนั นกึ มนั สง่ มนั สา่ ย
อนั นนั้ ไมใ่ ชใ่ จ มนั เป็นกิเลส พดู งา่ ยๆวา่ กิเลส ถา้ พดู ตามนนั้
เรยี กวา่ จติ มนั คดิ มนั นกึ มนั สง่ มนั สา่ ยอะไรตา่ งๆ มนั ปรุง มนั
แตง่ สญั ญาอารมณ์ มนั เกิดขนึ้ มาเป็นเร่อื งของกิเลส ถา้ หากจบั
ตน้ ตอมนั ได้ คอื ความเป็นกลางเสรจ็ แลว้ สง่ิ ทงั้ หลายนนั้ เกิดมา

3

เกิดจากตวั กลางน่นั นะ่ ท่ีมนั ยืดยาวกวา้ งขวางออกไปก็เกิดจาก
ตวั กลางตวั เดยี วน่นั ท่ีมนั เกดิ มา ไม่เกิดมาจากไหนหรอก ถา้
หากเขา้ ถงึ กลางแลว้ หมดเรอ่ื ง

ท่ีมนั ไมถ่ ึงตวั กลางซกั ทีอะ้ สิ หาเดด็ แตย่ อดกนั อยู่ มนั งอก
ขนึ้ มาเรอ่ื ย ไมเ่ ขา้ ถึงตวั กลางซกั ที มนั เขา้ ถงึ ตวั กลางแลว้ น่ะ
กิเลสทงั้ หลายเห็นหมด มนั ออกมาจากนีท้ งั้ นนั้ นะ่ ไม่ออกมา
จากท่ีอ่นื หรอก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ดงั กลา่ ว
สารพดั ทกุ อยา่ ง ทฐิ ิมานะ อาสวะทงั้ หลาย ความรกั ความชงั ก็
เหมือนกนั มนั เกิดจากตวั กลางเทา่ นนั้ มนั ไมม่ ีบดิ ามารดา ไม่มี
ญาตพิ ่ีนอ้ งหรอก กิเลสอนั นนั้ ไมม่ ี อยา่ งมนั โกรธใหเ้ ขา ตีศีรษะ
เขาน่ี ไมม่ ีใครมาชว่ ยมนั หรอก มนั โกรธขนึ้ มาก็โกรธไปฆา่ ไป
แกงเขาเทา่ นนั้ เอง ความโกรธนนั้ เราไปรกั ไปชงั เคา้ ก็ดี รกั ก็
ความโกรธน่นั แหละ ชงั ก็ความโกรธน่นั แหละ รกั ก็ความพอใจ
ความยนิ ดนี ่นั แหละ ชงั ก็ความไม่พอใจ ความไม่ยนิ ดี แตว่ า่ ใคร
เป็นญาตเิ ป็นพ่ีนอ้ ง เคา้ ไมม่ ี

4

ถา้ จะวา่ มกี ็มหี รอก ความโกรธเกิดจากความดาํ รผิ ิด น่นั
เรยี กวา่ ตน้ ตอของมนั จะเรยี กบิดามารดาก็ได้ ความโกรธเกิด
จากความไมพ่ อใจ ฉะนนั้ จะเรยี กบิดามารดาก็ถกู ความโกรธ
เกิดขนึ้ มา ความไมพ่ อใจเกิดขนึ้ มา ประหตั ถป์ ระหารฆา่ ฟันคน
อ่ืนก็ได้ ความโกรธ ไมม่ พี ่ีมนี อ้ งอยา่ งท่ีอธิบายใหฟ้ ัง ใครเป็นพ่ี
ใครเป็นนอ้ งกไ็ ม่ทราบ มนั เกิดมาจากไหนก็ไมท่ ราบ ท่ีท่าน
เรยี กวา่ อวชิ ชาหนะ อะไรเป็นตน้ เหตุ อวิชชา ไมม่ ีตน้ มีปลาย คอื
ความไม่รูจ้ กั ตน้ จกั ปลายของอวชิ ชาน่นั เอง มนั โกรธขนึ้ มาแลว้
เวลามนั หายมนั ไปไหน มนั กไ็ ม่มีท่ีอยอู่ กี อะ้ ถา้ หากไมม่ ีท่ีอยู่
ความโกรธมนั หายไปแลว้ มนั ไปอยตู่ รงไหน เป็นบา้ นเป็นเรอื น
อยู่ มีพ่มี ีนอ้ งอยู่ โอย้ ไม่มีท่ีอย่หู รอก เตม็ หมด

ความรกั กเ็ หมือนกนั เวลามนั เกิด มนั เกิดมาจากไหน เกดิ
มาจากความพอใจ ความยนิ ดี ความพอใจ ก็เกิดความรกั ขนึ้ มา
แตเ่ วลามนั หายไปไหน ไมท่ ราบ ไปอยไู่ หน ถา้ หากมีท่ีอยแู่ ลว้ มี
บา้ นมีเรอื นอยู่ คนเราอย่ไู มไ่ ดห้ รอก ความรกั กบั ความชงั น่ีเต็ม

5

หมดในโลกอนั นี้ แตค่ วามรกั และความชงั ความเกลียด ความ
โกรธ หายไป เงียบไป เวลามนั เกิด มนั เกิดขนึ้ มาเอง

ทา่ นจงึ ใหร้ ูเ้ ทา่ รูเ้ รอ่ื งส่ิงทงั้ หลายเหลา่ นี้ ผทู้ ่ีมีปัญญา
พิจารณาถงึ ตน้ ตอก็คอื ความเป็นกลาง มนั ออกมาจากกลางอนั
นนั้ น่นั นะ่ ตน้ ตอ มลู เหตขุ องความเกิด ออกมาจากกลางนนั้
ความเป็นกลางแตก่ อ่ นเวลาโกรธป๊ บุ ขนึ้ มา มนั เอนเอียงไปแลว้
เวลามนั รกั มนั เอนเอยี งไปแลว้ ความรกั กบั ความโกรธมนั อยคู่ ู่
กนั ดว้ ยใจเป็นกลาง ถา้ หากมนั โกรธ มนั เกิดความชงั ขนึ้ มา มนั
รกั มนั เกิดความรกั เกิดมาจากความชอบใจ เกิดมาจากตรง
นนั้ นะ่ ความเป็นกลางนะ่

น่ีท่ีเกิดของมนั อย่ตู รงนนั้ แตไ่ ม่มีบิดามารดา ไม่มีญาติมีพ่ี
นอ้ งของมนั หรอก มนั เกิดมาจากไหนก็ไมท่ ราบ จงึ วา่ ไม่มตี น้ มี
ตอ ไม่มีตน้ มีปลาย ผทู้ ่ีมีปัญญาทงั้ หลาย รูเ้ ทา่ เรอ่ื งของความ
โกรธ ของความไม่พอใจ ความรกั กบั ความพอใจ ความท่ีไปยดึ
เลยเป็นเรอ่ื งใหญ่โตรโหฐาน ขยายกวา้ งขวางออกไป ถา้ ไม่ไป
ยดึ ไปถือมนั อนั นนั้ ก็หายไป นนั้ เรยี กวา่ ท่ีสดุ ของความยดึ ความ

6

ถือ ถา้ ไมย่ ดึ ไมถ่ ือก็หมดเพียงแคน่ นั้ เลยเป็นลมไปแลว้ ไป เลย
ไม่อยใู่ นตวั ของเรา หายไปไหนก็ไม่ทราบ

มาคิดดวู า่ เราโกรธจดั ๆ เคยมีมยั้ ตอ้ งมีทกุ คน เวลานีไ้ ปอยู่
ไหนนะ่ ความรกั ความชอบใจตา่ งๆ แตก่ อ่ นเกา่ นะ่ มีมยั้ แตก่ ่อน
บอกวา่ มี แตเ่ วลานีไ้ ปอยไู่ หน มนั เกิดขนึ้ มาก็หายไปเอง มนั เกิด
ขนึ้ มาก็ดบั ไปเอง ฉะนนั้ ทา่ นจงึ เรยี กวา่ เกิดขนึ้ ดบั ไป เกิดขนึ้ ดบั
ไป ใหร้ ูเ้ ทา่ เร่อื งทงั้ หลายเหลา่ นี้ วา่ สงิ่ ทงั้ หลายเกิดขนึ้ มาตอ้ งดบั
ไป จงึ ไม่เป็นเหตใุ หย้ ดึ ใหถ้ ือ

น่นั แหละผมู้ ีปัญญาทงั้ หลาย พจิ ารณาถงึ เหตถุ งึ ผล ถงึ
ความยดึ ความถือ เหตทุ ่ีมนั เกิดขนึ้ เหตทุ ่มี นั จะดบั ไป ให้
พจิ ารณาอยา่ งนี้ เรยี กวา่ พิจารณาธรรมะเป็น ท่ีเป็นบณั ฑติ
ทงั้ หลาย ท่านสอนอยา่ งนนั้ ผทู้ ่ีเป็นบณั ฑติ ทงั้ หลายตอ้ งรูเ้ หตรุ ู้
ผลอย่างนนั้ มที างท่ีจะดบั เป็น ใครไม่รูเ้ หตรุ ูผ้ ล ดบั ไมเ่ ป็น อะไร
เกิดขนึ้ มาก็ยดึ ถือ อนั นนั้ เรยี กวา่ ไมร่ ูจ้ กั พจิ ารณาทงั้ เหตทุ งั้ ผล
เวลามนั ดบั ดบั ไปจากไหนหละ ก็ดบั ไปจากใจน่นั แหละ
ตวั กลางๆ มนั ดบั ก็ดบั จากใจ ดบั ท่ีใจ ท่ีกลางนนั้ น่ะ มนั เกิดก็

7

เกิดท่ีใจตรงกลางๆ มนั ปรากฏขนึ้ มาก็ดบั ไป ปรากฏขนึ้ มาก็ดบั
ไป ไม่มีอะไรเป็นสาระ

ท่านจงึ ใหม้ ีสตทิ กุ เม่ือ คอื เหน็ ความเกิดขนึ้ แลว้ ก็ดบั ไป ถา้ มี
สติควบคมุ มนั ก็ดบั อกี ถา้ ไมม่ ีสติรูเ้ ทา่ รูเ้ ร่อื ง มนั ก็ปรุงแตง่ ไป สติ
ความรู้ สตริ ูส้ กึ ตวั อย่ตู ลอดเวลา ในขณะท่รี ูส้ กึ ก็สมั ปะชญั ญะ
รูต้ วั สตคิ วามระลกึ ได้ สมั ปะชญั ญะรูต้ วั รูต้ วั คอื มีปัญญา สติ
ระลกึ ได้ สมั ปะชญั ญะรูต้ วั รูต้ วั ปัญญาน่นั น่ะ อยากจะหาแต่
ปัญญา มีปัญญาแลว้ ก็มารูต้ วั ระลกึ ไดใ้ นท่ีใด รูต้ วั ในขณะนนั้
ในขณะท่ีระลกึ ไดน้ นั้ วา่ เวลานีเ้ ราโกรธ เวลานีเ้ ราโกรธกร็ ูต้ วั วา่
โกรธ มนั หายไปแลว้ โกรธนะ่ เรยี กวา่ มีปัญญา มนั จงึ หายไป ถา้
มนั ไม่มีปัญญา เพียงแตโ่ กรธก็ยดึ แตค่ วามโกรธ เลยไมร่ ูต้ วั เลย
ไม่มีปัญญา ยง่ิ โกรธใหญ่ ถา้ รูต้ วั แลว้ หายทนั ที จงึ ใหม้ ีสตินะ่
เป็นเครอ่ื งอยู่ ใครจะปฏบิ ตั ิฝึกหดั ท่ีไหนก็เอาเถอะ นอกจากสติ
สมั ปะชญั ญะแลว้ ไม่มีอะไรหรอก นอกเหนือจากนีไ้ มม่ ีอะไรเลย้
การปฏบิ ตั ิธรรมตอ้ งเป็นอยา่ งนี้

8

ท่านใหม้ ีสตทิ กุ เม่ือ ใหม้ ีสตอิ ยเู่ สมอ ขาดสติเท่านนั้ เผลอ
เวลาใด ความหลงมวั เมาเกิดขนึ้ มา หลงคอื ไปรูต้ วั น่นั เอง คือมี
ปัญญาน่นั เอง สมั ปะชญั ญะรูต้ วั นะ่ หายหมด ของอะไร ไม่มี
หรอก ใหพ้ ิจารณาอยา่ งท่ีอธิบายใหฟ้ ัง ทกุ ๆคนนะ่ พากนั เคย
เป็นชาวสวนชาวนามาแลว้ เคยปลกู ฟักปลกู แฟงมาแลว้ หละ่
เปรยี บเหมือนกบั ปลกู ตน้ ฟักทองน่นั นะ่ ทีแรกมนั ออกนิดเดียว
ตอนมนั แพรห่ ลายไป เราจะไปยดึ ถือใหม้ นั แพรห่ ลายไปนนั้ เรา
ตอ้ งเขา้ ถึงตวั ใจกลางนนั้ ตวั ตน้ นะ่ ไอท้ ่ีมนั เกิดเมด็ นอ้ ยๆ มนั
แพรห่ ลายไปแลว้ มนั ก็รวมไปอีกเขา้ ไปสเู่ มด็ ทงั้ หมด ครนั้ เอา
เม็ดไปปลกู มนั ก็แพรอ่ อกไปอีก สาขากวา้ งขวางออกไป เม่ือ
เติบโตขนึ้ มาแกข่ นึ้ มา มนั ก็รวมไปอยใู่ นเมด็ นนั้ อกี เม็ดนนั้ นะ่
เป็นท่ีรวมของพืชพนั ธุ์ มนษุ ยเ์ ราชาวโลกทงั้ ปวงหมด มนั เกิด
จากเม็ดอนั เดยี วเหมือนกนั น่นั น่ะ คอื เกิดจากใจ ท่ีมนั จะ
แพรห่ ลายออกไปก็เกิดจากใจ ท่ีมนั จะดบั ก็ดบั ตรงใจ ใหอ้ ปุ มา
เปรยี บเทียบอย่างนนั้ เอาละอธิบายแลว้

ท่ีมา: https://youtu.be/__w1SJc-BWY

9


Click to View FlipBook Version