The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รูป อนัตตา หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-01-17 18:03:48

รูป อนัตตา หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท

รูป อนัตตา หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท

Keywords: รูป อนัตตา หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท

รูป อนัตตา

บดั นีจ้ ะไดบ้ รรยายธรรมะพอเป็นเคร่อื งประดบั สติปัญญา
พทุ ธบรษิ ัททงั้ หลาย ตา่ งคนตา่ งไดฟ้ ังจนชนิ หู การเขา้ มาปฏิบตั ิ
ธรรมะเพ่ือชาํ ระใจของตน ชาํ ระใจของตนใหเ้ กิดความสงบ ใจ
หรอื วา่ จติ อนั นนั้ มนั กเ็ หมือนอย่างเกิดความทกุ ขข์ นึ้ เราก็รู้ เป็น
สขุ ก็รู้ เจ็บในรา่ งกายอนั ใดอนั หน่งึ อย่างนีเ้ ราก็รู้ แตเ่ ราไม่เหน็ ตวั
รูอ้ นั นนั้ ชดั อยา่ งท่ีเราเขา้ มาปฏบิ ตั อิ ย่างนี้ ก็ตอ้ งการจะตอ้ งให้
รูต้ วั รูต้ วั นนั้ เอง ทีนีท้ า่ นจงึ สอนใหภ้ าวนาเพราะวา่ ธรรมดาของ
ใจมนั ตอ้ งใหส้ งบ อยา่ งเราลองกาํ หนดหยดุ ลมหายใจแลว้ ก็อยา่
นกึ ไปไหนอยา่ งนี้ ใจคือผรู้ ูห้ รอื เรยี กวา่ จติ อนั นนั้ จะตงั้ อยตู่ าม
ธรรมชาตอิ ยา่ งนนั้ จิตจะตงั้ อยตู่ ามธรรมชาตโิ ดยไม่มีกิรยิ าไป
กิรยิ ามา มีหนา้ ท่ีเรยี กวา่ ฐีติ ตงั้ อยเู่ ฉยๆอยา่ งนนั้ ของจิต มีอนั
ใดเกิดขนึ้ ก็รูอ้ ยา่ งนนั้ ทีนีพ้ ิธีท่ีจะฝึกหดั ตอ้ งการใหเ้ ป็นอย่างนนั้
ก็จงึ วา่ ใหบ้ รกิ รรมพทุ โธหรอื บรกิ รรมความตายอนั ใดอนั หนง่ึ
ในขณะท่ีเราบรกิ รรมอย่างนนั้ ใจเรามนั ก็รูว้ า่ เราวา่ พทุ โธ น่ี น่นั
แหละ ตวั นนั้ ตวั ท่ีอย่ขู า้ งหลงั คือตวั อยทู่ ่ีรูอ้ ย่อู ย่างนนั้ รูท้ ่ีเรานกึ

อย่กู บั พทุ โธ อย่างนนั้ เรยี กวา่ จิตแท้ แตเ่ รายงั จบั ไมไ่ ด้ เรายงั ไม่
เห็น คือเหน็ อนั นนั้ ทา่ นเรยี กวา่ ทศั นะ ญาณะแปลวา่ รู้ รูว้ า่ จิต
ของเราอยกู่ บั พทุ โธแตท่ ศั นะอีกอนั หนง่ึ ยงั ไมเ่ กิดขนึ้ น่ี มนั ยงั ไม่
พรอ้ ม คือ ญาณะ ญาณะทศั นะในแบบทา่ นวา่ อยา่ งนนั้ ทศั นะ
ตวั นนั้ เหน็ เหน็ วา่ จิตอยู่ จิตอย่เู ป็นปกติ จติ อยกู่ บั พทุ โธ เรารู้
อย่างนนั้ แตย่ งั ไม่เหน็ เพราะฉะนนั้ มนั ยงั ไม่ชดั การเขา้ มาฝึกหดั
ปฏบิ ตั ิอยา่ งนีก้ ็ตอ้ งการจะตอ้ งใหเ้ หน็ คือผรู้ ูต้ วั นนั้ เอง

อย่างพระทา่ นสวด รูปัง อนัตตา แลว้ ทา่ นก็ถามวา่ รูปนี้
เป็นสขุ หรอื เป็นทกุ ข์ เป็นทกุ ขพ์ ะเจา้ คา่ กโ็ อปนยิโกนอ้ มมาสเู่ รา
รูปของเราก็เหมือนกนั อยา่ งนนั้ น่งั นานก็เจ็บหลงั เม่ือยกน้ นอน
มากก็หลงั แขง็ น่ี มนั เปล่ยี นไปตา่ งๆนานา แลว้ ท่านถามวา่ เม่ือ
รูปนนั้ น่ะ เม่ือไมเ่ ท่ียงแลว้ มนั เป็นสขุ หรอื เป็นทกุ ขอ์ ะ้ พระปัญจ
วคั คียอ์ ยา่ งท่ีสวดเม่ือกีเ๊ คา้ บอกวา่ เป็นทกุ ขพ์ ระเจา้ คะ่
พระพทุ ธเจา้ ก็เทศนส์ อนปัญจวคั คยี ์ แตท่ ีนเี้ รานอ้ มโอปนยโิ ก
บทท่ีสวดนีเ้ ป็นส่งิ ท่ีสวยงาม เป็นธรรมะอนั สงู สงู ท่ีสดุ พอเทศน์
จบลงไปอยา่ งนนั้ ปัญจวคั คยี ก์ ็ไดส้ าํ เรจ็ สนิ้ อาสวกิเลส ถามลง

ไปวา่ รูปเป็นสขุ หรอื เป็นทกุ ข์ เป็นทกุ ข์ แลว้ เท่ียงมยั้ ก็บอกวา่ ไม่
เท่ียง แลว้ มนั ใชต่ วั เรามยั้ กบ็ อกวา่ ไม่ใชต่ วั เรา ไมใ่ ช่ตวั เราควร
ยดึ ถือมยั้ ไม่ควรยดึ ถือ ดซู ิ เน่ียในแบบทา่ นแปลไว้
ละเอียดละออ หลวงตาไม่คอ่ ยไดด้ ู ฮือ้ คิดประมาณไปอยา่ งนนั้

เพราะฉะนนั้ จงึ วา่ นา่ สรรเสรญิ ท่ีพระองคเ์ อามาคิดเอามา
เทศนส์ อนอยา่ งนี้ ไมใ่ ชน่ อกจากตวั ของเรา อย่ใู นตวั เราน่ี
ทงั้ หมด เพราะพระองคก์ ็มีปัญจขนั ธอ์ ยา่ งพวกเราน่ี ท่านได้
พจิ ารณาจนละเอียดละออเรยี บรอ้ ยลงไปทกุ ชนิดเป็นอยา่ งนนั้
พิจารณาจนกระท่งั ไม่เท่ียงเป็นทกุ ข์ แลว้ อะไรมนั เท่ยี ง อะไรมนั
เป็นทกุ ข์ ทา่ นพิจารณาคน้ ควา้ ละเอยี ดละออหมด รูปในอดีต
รูปในท่ีใกล้ รูปในท่ีไกล รูปหยาบ รูปละเอียด วา่ น่พี ิจารณา
แหลกหมดวา่ อยา่ งนนั้ เถอะ พจิ ารณาจนไดร้ ูค้ วามจรงิ อยา่ งนนั้
วา่ เป็นของไม่เท่ียงจรงิ ๆของเราอนั นี้ ประเด๋ยี วก็จะตอ้ งแตกดบั
ทาํ ลายลงไป เน่ีย ทา่ นตรวจคน้ จนละเอยี ดละออจนเรยี กวา่ เป็น
สพั พญั �ู เป็นผรู้ ู้ รูแ้ จง้ โลก โลกก็คอื ในมนษุ ยเ์ ราเน่ียตวั เราเน่ีย
เป็นโลกอนั หนง่ึ

เพราะฉะนนั้ อย่างการภาวนาก็เหมือนกนั ใหค้ น้ ลงไปใน
กายของเราเน่ยี ไม่ตอ้ งไปดทู ่ีอ่นื ความสขุ ความทกุ ขค์ วาม
เดือดรอ้ นความวนุ่ วายมนั อยทู่ ่ีไหน ไมไ่ ดอ้ ย่ทู ่ีอ่ืน อยทู่ ่ตี วั เรา อยู่
ท่ีหวั ใจของเราท่ีมนั ไม่เป็นปกติ มนั ไม่รูต้ วั อนั นนั้ ตอ้ งคน้ เม่ือใจ
มนั สงบแลว้ มนั ตอ้ งคน้ ลงไป คน้ ลงไปอยา่ งนนั้ ทาํ ไมเจา้ ไมส่ งบ
มนั เป็นเพราะเหตอุ นั ใด จงึ เดือดรอ้ น จงึ วนุ่ วาย เราก็ตอ้ งเอามา
คน้ เอามาคดิ ก็ตอ้ งนกึ ไมใ่ ชไ่ ม่นกึ แตพ่ วกใหมท่ ่ีมาฝึกใหมก่ ็ไม่
คอ่ ยเขา้ ใจ ทนี พี้ วกแก่ๆสิ มนั ไมใ่ ช่แกม่ ะพรา้ ว คนแก่ฟักแก่แฟง
มนั ก็ไมอ่ รอ่ ย เด๋ียวก็เนา่ เพราะฉะนนั้ ตอ้ งสติ แกฟ่ ักแก่แฟงมนั
ไมม่ นั ไม่เหมอื นมะพรา้ วนะ โยม ทีนีต้ อ้ งมนั ๆหน่อย เผด็ ๆ
หนอ่ ยมนั จงึ แซบ เคา้ วา่ งนั้

เม่ือใจมนั สงบแลว้ เราก็ตอ้ งคน้ ควา้ พิจารณาให้
ละเอยี ดละออ ไหนเราวา่ ตวั เรา ตารึ คน้ ลงไป หรู ึ จมกู ตรง
ไหนอะ้ แขง้ ขามือตนี อวยั วะสว่ นไหนเป็นของๆเรา น่ีอยา่ งนีต้ อ้ ง
คิดลงไป หวั รวึ า่ เรา หรู ึ อะไร พิจารณาลงอยา่ งนีเ้ อง ไมต่ อ้ งไป
คน้ อยา่ งอ่นื เม่ือคน้ อยา่ งนีแ้ ลว้ ก็ถามไปๆๆ คน้ ไปอย่างนนั้ เม่ือ

ใจมนั ประกอบดว้ ยสตปิ ัญญาแลว้ มนั จะเป็นหนง่ึ อย่เู ฉพาะใน
เร่อื งอนั นนั้ อนั เดียว มนั ไม่ไปท่ีอ่นื คาํ วา่ หนง่ึ ในท่ีนนั้ ท่เี ดียวนนั้
หมายความวา่ นกึ ในสงิ่ นนั้ อย่ไู ดอ้ ย่างนนั้ แลว้ กน็ กึ สว่ นใดไปอกี
ก็นกึ ไดอ้ ยา่ งนนั้ อยตู่ ลอดเวลา คือจดุ นนั้ หรอื เรยี กวา่ อารมณน์ นั้
ไม่มีเขา้ มาแทรกในขณะท่ีเรานกึ อยา่ งนนั้ น่ีลกั ษณะนีเ้ รยี กวา่
ลกั ษณะการภาวนาท่ีเขา้ เอง

เม่ือเป็นอยา่ งนนั้ แลว้ น่นั แหละเป็นแนวทางอนั ท่ีจะนาํ มาซง่ึ
ความรูแ้ จง้ รูช้ ดั รูเ้ พ่ือความดบั ทกุ ข์ อยา่ งท่านแสดงกบั ปัญจ
วคั คยี อ์ ยา่ งเม่อื กี๊ท่ีสวดนนั้ นะ่ ก็ลงบาทคาถา เม่ือถามหมดแลว้
พวกปัญจวคั คยี ก์ ็บอกวา่ ไม่ใชต่ วั เรา ไมใ่ ชข่ องๆเรา แมใ้ นท่ีอดตี
ท่ีใกลท้ ่ีไกล ท่ลี ะเอียดหยาบ และสงิ่ ท่ีไมเ่ ท่ยี งนนั้ เกิดขนึ้ และดบั
ไปทกุ ชนิด แลว้ เม่ือถามไปอยา่ งนนั้ ไมใ่ ชต่ วั เรางนั้ ควรยดึ ถือมยั้
แน่ะ เอาหละ ไม่ควรพะเจา้ คะ่ อยา่ งนนั้ ไมค่ วรยดึ ถือแลว้ มนั ใช่
ตวั ตนมยั้ ไม่ใชต่ วั เรา แนะ่ ไมใ่ ช่ตวั เรามนั ก็ตอ้ งแตกดบั ทาํ ลาย
น่นั เอาเขา้ ไปน่นั จนหมดท่จี ะตอบ

เม่ือเหมือนอยา่ งเราก็เหมือนกนั คน้ ลงไปจนหมดท่ีไป คน้
หมด ตา หู จมกู ลิน้ เคยเห็นรูปวา่ สวยวา่ งาม วา่ อยา่ งนนั้ อย่าง
นี้ ไดย้ ินเสยี งอนั นนั้ ไม่ดอี นั นดี้ ี อนั นนั้ ไพเราะ เราก็คน้ ลงไปใคร
เป็นคนวา่ ดไี มด่ ี มนั เกิดท่ีไหน แลว้ คนท่ีมนั วา่ ดีไมด่ ีนนั้ มนั จรงิ
มยั้ น่ี คน้ ลงไปอย่างนนั้ พจิ ารณาอย่างนนั้ ใจมนั ตงั้ แนว่ อย่าง
นนั้ แลว้ คน้ ลงไปใหล้ ะเอยี ดละออจนใหม้ นั สดุ ไม่มีความหมาย
คน้ จนหาตวั ไมเ่ จอะ อยา่ งนนั้ หละก็เอาละ อย่างนนั้ น่ะดี คน้ ให้
มากๆ ใหไ้ มต่ อ้ งถอย เพราะอย่างนนั้ มนั เป็นลกั ษณะของสมาธิ
ประกอบไปดว้ ยปัญญา เป็นแนวทางทา่ นเรยี กวา่ มรรค มรรค
สมงั คี จิตเดิมอย่างนนั้ เป็นอย่างนนั้ จะเป็นองคง์ านท่ีจะใหเ้ ขา้
ไปสกู่ ารตรสั รู้ หรอื ใหร้ ูแ้ จง้ ชดั เพราะวา่ เม่อื พจิ ารณาอยอู่ ย่าง
นนั้ จติ มนั ก็ว่งิ โดยรอบ อย่ตู ามลาํ ดบั ท่ีเรานกึ ทกุ สว่ น ไม่
แยกแยะไปในท่ีใด อย่ใู นกายนี้ คิดพจิ ารณาตงั้ แตเ่ บือ้ งบน ลง
ไปเบอื้ งลา่ ง มนั ก็อยอู่ ยา่ งนนั้ พิจารณาเบอื้ งลา่ งขนึ้ มาเบอื้ งบน
ก็อย่อู ยา่ งนนั้ ขยายไปหนา้ ไปหลงั มนั ก็อยอู่ ยา่ งนนั้ น่ีลกั ษณะท่ี
ภาวนาเป็นตอ้ งเป็นอย่างนี้ อยา่ งเนีย้ จงึ เรยี กวา่ ภาวนาเขา้ ใจ

แลว้ เม่ือตอ่ ไปวนั หลงั เราจะเขา้ จติ เราจะทาํ สมาธิก็ตอ้ งเขา้ คน้
อย่างนนั้ คน้ จนใหช้ าํ นาญอย่างนนั้ มีความคลอ่ งแคลว่ มีความ
ชาํ นิชาํ นาญ ในแบบทา่ นจงึ เรยี กวา่ ชาํ นาญในวสที งั้ ๕ การตงั้
จิตหนง่ึ การพจิ ารณา การออก การเขา้ การพจิ ารณาทา่ น
เรยี กวา่ ปัจจเวกขณะ น่ี อย่างนี้ การเขา้ การออก การพจิ ารณา
ส่ีหา้ อยา่ ง หา้ อยา่ ง หลวงตาก็จาํ ไมค่ อ่ ยจะได้ ก็เรยี กวา่ ทาํ งาน
ตลอดเวลา เหมือนอยา่ งเราเดินไปอย่างนี้ คนเดยี วไมไ่ ดค้ ยุ กนั
หรอื เดินไปหลายๆคนไม่ไดค้ ยุ กนั อย่างนี้ เราก็พจิ ารณาได้ นกึ ใน
ใจไปซ่ี อย่างนนั้

แตว่ า่ ถา้ พจิ ารณาเร่อื ยๆอย่างนนั้ ในขณะจติ มนั จะมีสภาวะ
อนั ท่ีเกิดขนึ้ เองโดยท่ีเราไม่ตอ้ งปรุงแตง่ อนั นนั้ มนั เกิดความเบ่ือ
เบ่ือในสงั ขารรา่ งกายของเรานีข้ นึ้ มาเอง โดยท่ีเราไม่ตอ้ งไปคดิ
นกึ ปรุงแตง่ อะไรทงั้ หมด ลกั ษณะท่ีเป็นอยา่ งนนั้ ในภาวะท่ีกาํ ลงั
พจิ ารณาอยา่ งนนั้ มนั จะเปล่ยี น เปล่ียนหยดุ จากการพิจารณา
มาเกิดความเบ่ือหนา่ ยและเกิดความสงั เวชสลดใจในขณะนนั้ น่ี
จิตอนั นนั้ เปลย่ี น เม่ือเรารูต้ วั วา่ จติ เปล่ียนเกิดความสงั เวชสลด

ใจอย่างนนั้ แลว้ ก็ตอ้ งถอยกลบั ไปพิจารณาอีก อยา่ ไปหยดุ ถา้
หยดุ แคน่ นั้ มนั ก็ไปพกั สมาธิ คน้ ลงไปอีก คน้ ลงไปใหม้ าก
จนกระท่งั จิตมนั เดนิ อย่อู ยา่ งนนั้ น่ีแหละไอล้ กั ษณะท่านจงึ
เรยี กวา่ นิพพนิ ทงั วริ ัชชะติ ท่ีมนั เบ่ือหนา่ ยอยา่ งนนั้ น่นั มนั เกิด
นิพพทิ ทาแลว้ จติ โดยธรรมชาตมิ นั เกิดเองเพราะอาศยั เหตทุ ่ีเรา
เขา้ ไปคน้ พนิ ิจพิจารณาอยา่ งนนั้ มนั จงึ เกิดนิพพิททา เรยี กวา่ เกิด
ความเบ่อื หนา่ ยในรา่ งกายของเรา ในแบบทา่ นมีอนั หน่งึ ภกิ ษุ
ทงั้ หลายเจรญิ กรรมฐานมากเขา้ ๆแลว้ ก็เกิดธรรมะขอ้ หนง่ึ
เรยี กวา่ อะไรหลวงตาก็จาํ ไมไ่ ด้ มาพจิ ารณาถงึ ความตาย แลว้
เกิดอยากตายจนไมม่ ีอนั ใดท่ีจะประมาณ ไม่มีสิ่งอะไรท่จี ะ
ประมาณ อยากตายเหลอื เกนิ มนั เกิดความสงั เวชสลดใจอยา่ ง
นนั้ ในสภาวะของจติ มนั ตกไปสภาวะอยา่ งนนั้ แตส่ ภาวะอยา่ ง
นีย้ งั ไมใ่ ชว่ า่ แนน่ อน ตอ้ งคน้ ลงไปอกี จนกระท่งั มนั หายลงไป
หายจากสภาวะท่เี กิดความเบ่อื หนา่ ยอยา่ งนนั้ มนั เป็นสภาวะ
อนั หนง่ึ ทา่ นจดั เป็น…จดั เป็นอะไรไมร่ ู้ หลวงตาก็ไม่คอ่ ยเขา้ ใจ
เหมือนกนั ตาํ ราไม่คอ่ ยไดด้ ู เม่ือมนั พจิ ารณาแลว้ มนั เกิดความ

เบ่ือความหนา่ ยอย่างนนั้ มนั ตกสภาวะอยา่ งนนั้ ของมนั สิ เพราะ
มนั ก็เกิดจากความสงบน่นั เอง ดว้ ยกาํ ลงั ของสติปัญญามนั เขา้
ไปคน้ ควา้ อยา่ งนนั้

เม่ือคน้ ควา้ อยา่ งนนั้ จนพอสมบรู ณเ์ ตม็ ท่ี ทา่ นก็เรยี กวา่
มรรคสมงั คี ธรรมชาตขิ องจติ ก็ตอ้ งถอนตวั กลบั เขา้ มาโดย
ธรรมชาตเิ องอยา่ งนนั้ โดยท่ีเรากาํ ลงั คน้ ควา้ พนิ ิจพิจารณา
อย่างนนั้ ลงไป ก็ขาดก็แยกจากกนั การคน้ ควา้ อยา่ งนนั้ ก็หยดุ ลง
ในปัจจบุ นั ทนั ดว่ นอยา่ งนนั้ พรบึ ทนั ทีลงไป แยกจากจติ เขา้ มา
ตงั้ ตวั อยเู่ ฉยโดยมีความรูเ้ หน็ ชดั อยอู่ ยา่ งนนั้ ใจนนั้ ไม่เจือปนไป
ดว้ ยอารมณ์ อย่เู ป็นเอกเทศอนั เดยี วอย่างนนั้ เฉย รูอ้ ยอู่ ยา่ งนนั้
แตร่ ูอ้ นั นนั้ ไมม่ ีกิรยิ าไปไม่มีกิรยิ ามา อย่ตู ามสภาพอย่างนนั้ น่ี
เรยี กวา่ มรรคสมงั คี อยา่ งนีถ้ ึงผล ผลคือความท่ีเขา้ ไปรูต้ าม
ธรรมชาติอนั ฐีตธิ รรมอนั นนั้ เอง ทา่ นจงึ ตรสั วา่ ญาณทศั นะ ใน
อาทติ ตปริยายสูตรก็แสดงวา่ นิพพนิ ทงั วริ ัชชะติ วิราคา วิ
มุจจะติ ก็คลายความกาํ หนดั ยินดีในรูป วมิ ตุ ตสั มิง มนั ก็เกิด
ญาณความรูเ้ กิดขนึ้ เกิดญาณความรูเ้ กิดขนึ้ พรอ้ มในขณะนนั้

เหมือนอยา่ งเราก็เหมือนกนั ถา้ เม่ือไดพ้ ิจารณาลงไปอย่างนนั้
แลว้ มนั ไปเหน็ ชดั อย่างนนั้ จรงิ ๆ เราก็ตอ้ งเช่ือวา่ ธรรมะคาํ สอน
ของพระพทุ ธเจา้ ท่ีพระองคท์ รงสอนมาโดยอย่างท่ีเราพิจารณา
อยา่ งนีม้ นั จะเห็นชดั อยา่ งนีแ้ ลว้ มนั จะสงสยั ท่ีไหน ก็ไมส่ งสยั

ความกงั ขา ความสงสยั ในการปฏบิ ตั เิ รยี กวา่ ศีลวตั ร น่ีใน
การปฏิบตั ิของเราอยา่ งนีห้ มดความสงสยั ในเร่อื งการทาํ สมาธิ
วิจกิ จิ ฉาก็ไมส่ งสยั เลย สลี ัพตปรามาสไม่ลบู คลาํ เลย ในขอ้
วตั รปฏิบตั ทิ ่ีเรากระทาํ อยา่ งนี้ แลว้ น่นั มนั จะอะไรหละ มนั
ถกู ตอ้ งตามธรรมะคาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ บคุ คลผนู้ นั้ ท่านก็
แสดงแลว้ วา่ สคุ ตเิ ป็นท่หี วงั ถา้ เม่ือบาํ เพญ็ ไปยงั ไม่ถึงท่ีสดุ แห่ง
อาสวะคือยงั ไม่หมดกิเลส กต็ อ้ งไปเกิดอีก ๗ ชาติ คอื ไดส้ าํ เรจ็
บนั้ ตน้ ตงั้ แตพ่ ระโสดาขนึ้ ไปอย่างนีเ้ ป็นตน้

น่ีแหละเพราะฉะนนั้ จงึ วา่ ธรรมะท่ีพระองคท์ รงแสดงอาทติ ต
ปรยิ ายสตู ร อนตั ตลกั ขณะสตู รอย่างนี้ ก็แสดงอยใู่ นตวั เรา แตท่ ี
นีเ้ ราไมค่ น้ ควา้ ไม่พนิ ิจพจิ ารณา มนั ก็ไมเ่ กิดขนึ้ เพียงแตท่ าํ
สมาธิใหใ้ จสงบอยเู่ ฉยๆอยา่ งนนั้ ก็ยงั ดีอยู่ แตว่ า่ ตอ้ งอาศยั การ

คน้ ควา้ พนิ ิจพจิ ารณาเพราะการคน้ ควา้ พนิ ิจพจิ ารณามนั ถกู
ตามหลกั ท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงตรสั เม่ือคืนท่แี ลว้ คืนก่อนหลวงตาก็
แสดงอยวู่ า่ ปัญญาเป็นหนา้ ท่ีรอบรูใ้ นกองสงั ขาร เม่ือรอบรูใ้ น
กองสงั ขารก็ตอ้ งวางสงั ขารอนั นนั้ น่นั จงึ เรยี กวา่ ปัญญาแท้
ปัญญาอย่างคดิ ตามโลกตามสงสาร คิดอยา่ งสรา้ งโลกสรา้ ง
สงสาร อยา่ งนนั้ ไม่ใช่ปัญญา เป็นโลกียะปัญญา เป็นปัญญา
อย่างเจือปนไปดว้ ยทกุ ข์ ไมใ่ ชป่ ัญญาอยา่ งคาํ สอนพระพทุ ธเจา้

คาํ สอนพระพทุ ธเจา้ ปัญญาเม่ือรูส้ งิ่ นนั้ แลว้ ก็ตอ้ งทิง้ สง่ิ นนั้
ไมจ่ บั สงิ่ นนั้ เหมือนบคุ คลผทู้ ่ีรูจ้ กั วา่ ไฟก็ไมจ่ บั ไฟ เปรยี บเป็น
อย่างเดยี วกนั อย่างนนั้ ไม่กลา้ เอามือไปแอบเพราะมนั รอ้ น
เพราะลกั ษณะของอารมณท์ ่ีปรุงขนึ้ อยา่ งนนั้ ถา้ เม่ือมีสตริ ูแ้ ลว้
มนั ก็ตอ้ งมี…มนั ไม่เขา้ ไปจบั เพราะมนั เหน็ ทงั้ เหน็ ทงั้ รูว้ า่ สิง่ นนั้
เป็นโทษ มนั ก็ไมเ่ ขา้ ไปจบั เลย จติ ของผทู้ ่ีปฏิบตั ิของท่านดๆี
อย่างนนั้ แลว้ มนั ไม่เขา้ ไปจบั ไปเกือ้ แตท่ า่ นจะเลน่ ก็ไดเ้ พราะ
ทา่ นมีปัญญา ไฟทา่ นเอามาใชไ้ ด้ ใชด้ ว้ ยปัญญา เอามาหงุ ตม้
หงุ แกง ทาํ อะไรก็ไดท้ งั้ หมด เหมือนอยา่ งพวกเราท่ีมีความฉลาด

ไม่เหมือนอยา่ งเด็ก เดก็ ท่ีไมร่ ูจ้ กั เดยี งสาก็จดุ ไฟมาเผาตวั เอง
รอ้ งไหจ้ ีด๊ ๆจ๊าดๆขนึ้ แน่ะ เหมือนกนั อยา่ งนนั้ เหมือนเราท่ียงั ไม่
เคยประพฤตปิ ฏิบตั ิ ยงั ไมเ่ ขา้ ใจ ก็เขา้ ใจวา่ อารมณเ์ ป็นส่งิ ท่ี
สนกุ สนานรา่ เรงิ เพลิดเพลนิ ก็ไปย่งิ คดิ ย่งิ นกึ ย่ิงปรุงย่งิ แตง่ ย่งิ
เกิดความเสยี อกเสียใจอะไรแลว้ กน็ กึ ถงึ สง่ิ นนั้ สิง่ นีเ้ อามาเศรา้
โศก กนิ ไมไ่ ดน้ อนไมห่ ลบั น่ี ไม่เป็นอนั กนิ อนั นอน นอนก็ไม่หลบั
น่ี มนั เป็นอยา่ งนนั้ ใจมนั ไมม่ ีธรรมะ ไม่มสี ิง่ ท่ีระงบั ดบั ความคิด
อนั นนั้ เอง น่ี

เพราะฉะนนั้ การปฏิบตั …ิ ท่ีเรามาปฏิบตั ิธรรมะก็ตอ้ งการจะ
หาตวั จดุ สาํ คญั อนั ใหญ่อนั นีท้ ่ีตดั หรอื ปลดเปลือ้ งใจของเราท่มี นั
คดิ วนุ่ วายเดอื ดรอ้ นอยนู่ ่นั ตรงนีเ้ องเป็นจดุ สาํ คญั เพราะฉะนนั้
ธรรมะแสดงพอย่อๆพอเป็นแนวทางท่ีทา่ นทงั้ หลายจะไดน้ าํ ไป
พจิ ารณาใครค่ รวญ หลวงตาขีเ้ กียจเทศนน์ าน เอาเทา่ นีพ้ อยอ่ ๆ
แลว้ ตอ่ นนั้ ไปจะไดท้ าํ สมาธิกนั เพราะฉะนนั้ เม่ือทา่ นทงั้ หลายได้
สดบั ตรบั ฟังธรรมะดงั ไดแ้ สดงบรรยายมาน่ีแลว้ สง่ิ อนั ใดท่ีจะ
เกิดประโยชนห์ รอื ส่งิ อนั ใดท่ีมาใครค่ รวญดแู ลว้ วา่ ชวี ิตของเรา

เป็นสิง่ ท่ีไม่แนน่ อน เพราะฉะนนั้ อย่างทา่ นเทศนอ์ ยา่ งนีค้ วรเอา
ไปพิจารณาและก็ไปปฏิบตั ิ อยา่ ไดน้ ่ิงนอนอกนอนใจ วนั เดือน
คนื ปีลว่ งไปๆ ทา่ นเปรยี บเหมือนอยา่ งหกู ท่ีทออยา่ งนนั้ มีแตว่ นั
หนา้ สนั้ เขา้ ไปทกุ ที ชวี ิตเราก็เหมือนกนั อยา่ งนนั้ มีแตว่ นั ท่ี
แตกดบั ลงไปเร่อื ยๆๆ วนั คืนลว่ งไปๆ น่นั แหละมนั คอยเวลาตาย
อย่เู สมอ เพราะฉะนนั้ ยงั มีชีวิตท่ีดีอย่อู ยา่ งนีค้ วรเรง่ ประพฤติ
ปฏิบตั ธิ รรมะใหม้ นั เกิดขนึ้ กบั ใจของเรา แลว้ ตอ่ นนั้ ก็จะบงั เกิด
ความสขุ ความเจรญิ งอกงามในศาสนธรรมคาํ ส่งั สอนขององค์
สมเด็จพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ดงั แสดงมากส็ มควรแก่กาลเวลา
ตอ่ นนั้ ก็จะไดท้ าํ ความสงบ เอาหละ

ท่ีมา: https://youtu.be/EQ3vy14bmls


Click to View FlipBook Version