The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่อง ใจ โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-01-28 20:14:00

เรื่อง ใจ โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

เรื่อง ใจ โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

Keywords: ใจ,หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ใจ
หลวงป่เู ทสก์ เทสรงั สี
ฟังเทศนาตอ่ ไป วนั นีจ้ ะเทศนเ์ ร่อื งเครอ่ื งขยายเสยี ง คือตวั
ของเราน่ีแหละ เป็นลาํ โพงอนั หนง่ึ สาํ หรบั รบั เครอ่ื ง เครอ่ื งของ
เรามนั ย่งิ รา้ ยกวา่ ลาํ โพงไปเสยี อกี มนั ยง่ิ รา้ ยไปกวา่ เครอ่ื งขยาย
เสียงเสยี อีก เพราะตวั ของเรามีความรูส้ กึ แลว้ ไดย้ ินและรูส้ กึ
แลว้ ลาํ โพงมนั ไมม่ ีความดใี จเสยี ใจใดเลย้ ตงั้ ตวั เฉยๆเป็น
กลางๆอยู่
แตใ่ จของเรานนั้ ตวั ของเรานนั้ ไดย้ ินเสยี งและเหน็ รูป ไดย้ นิ
เสียง ถกู กลนิ่ ลนิ้ ถกู รสกายถกู สมั ผสั แลว้ มนั จะตอ้ งดีใจเสยี ใจ
เกิดกิเลสขนึ้ อนั นีม้ นั ย่งิ รา้ ยกวา่ ลาํ โพงเสยี อีก ประสาทหรอื เซล
ท่ีมนั อย่ใู นกายของเรา ท่วั สรรพางคห์ มด อยกู่ ายในกาย ก็
เรยี กวา่ กายประสาท อย่ทู างตาก็เรยี กวา่ จกั ษุปสาท ท่ีเกิดทาง
หกู ็เรยี กวา่ โสตปสาท ท่ีเกดิ ทางจมกู ก็เรยี กวา่ (ฆานปสาท)
ประสาททางจมกู อนั นนั้ เกิดทางลนิ้ เรยี กวา่ ชวิ หาปสาท กาย
ปสาท มโนประสาท อนั นีเ้ ฉพาะตวั ใหญ่ๆมนั ท่ีมนั รูท้ าง

1

ประสาททงั้ ๖ แตต่ วั ปลีกย่อยเลก็ ๆนอ้ ยๆท่วั สรรพางคก์ าย
เรยี กวา่ ประสาท มนั รบั ไดท้ ่วั ทกุ แหง่ รอบดา้ นเลย สว่ นลาํ โพงนนั้
มนั ถา้ หากคล่นื ไปเสมอ มนั ก็ไม่รบั แตน่ ่ีมนั รบั ไดห้ มด จงึ วา่ มนั
รา้ ยกวา่

จกั ษุปสาท ตาเห็นรูป เม่ือสมั ผสั ถกู ตอ้ งประสาทเคา้ แลว้
มนั นาํ ไปรายงานตวั ใจ ใจน่นั รบั รูแ้ ลว้ ออกมา มาคดิ มาพจิ ารณา
วเิ คราะห์ มนั ว่งิ ออกวง่ิ เขา้ ทงั้ สองหนสามหน มนั จงึ คอ่ ยไปรูส้ กึ
มใิ ชว่ า่ ความรูอ้ นั นนั้ จกั ษุปสาทมนั ไปเหน็ รูปแลว้ ไมใ่ ชม่ นั จะรู้
วา่ รูปดรี ูปช่วั รูปหยาบรูปละเอยี ด มนั ว่ิงเขา้ ไปรายงานใจ ใจตวั
นนั้ จะออกมาคดิ คน้ มาคาํ นงึ แลว้ ก็ยงั ว่งิ เขา้ ไปอกี วง่ิ เขา้ ใหเ้ กิด
ความรูส้ กึ เกดิ สญั ญา เกิดสงั ขาร เกิดวญิ ญาณ มนั ปรุงมนั แตง่
ไปตามลาํ ดบั

ถา้ หากเราไปตามรูเ้ ท่ารูท้ นั ของพวกนีเ้ สยี พอกระทบป๊ับ
เทา่ นนั้ นะ่ มนั ว่ิงเขา้ ไปรายงาน แลว้ ไปรบั รูแ้ ลว้ ก็แลว้ กนั ไม่ตอ้ ง
ออกมาวพิ ากษว์ จิ ารณ์ ไม่ตอ้ งออกมาคาํ นงึ ไมต่ อ้ งมาปรุงมา
แตง่ มนั ก็หมดเร่อื ง ใจของเรามนั เรว็ แสนเรว็ ไมท่ นั มนั มนั จงึ

2

สามารถจะเกดิ กิเลสได้ หไู ดย้ ินเสยี ง จมกู ถกู กลน่ิ ลนิ้ ถกู รสก็
ทาํ นองเดยี วกนั นี้ มนั สะสมไปดว้ ยประการตา่ งๆ มนั จงึ สามารถ
ใหเ้ กิดกิเลส ท่ีเรยี กวา่ ปสาท

สมยั ใหมว่ ิทยาศาสตรเ์ คา้ เรยี กวา่ เซล เคา้ เอาแตเ่ ซลอนั
เดียว เคา้ ไม่ไดพ้ ดู ถึงเร่อื งใจ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นพดู ถึงเรอ่ื งใจ ทงั้
ประสาททงั้ ใจ ถา้ ไม่มีใจซะแลว้ มีแตป่ ระสาท มีแตเ่ ซลอนั เดียว
ก็ไมส่ ามารถจะรูไ้ ด้ อยา่ งคนตาย จิตใจมนั หนีจากรา่ งแลว้ มนั
เซลหรอื ประสาทมนั จะใชอ้ ะไรได้ มนั ก็หมดเร่อื งกนั อนั นีห้ ากวา่
มนั มีประสาทหรอื เซลนนั้ อยู่ ทาํ การทาํ งานรว่ มกนั พดู กนั งา่ ยๆ
เรยี กวา่ ใจเป็นตวั กลาง เร่อื งมนั น่ีว่ิงวอ่ นอยนู่ ่นั ใจเป็นตวั กลาง
ประสาทรายงานไปถงึ ใจ มนั จงึ คอ่ ยออกมาคิดคน้ พจิ ารณาให้
เกิดสญั ญา สงั ขาร ขนึ้ โดยลาํ ดบั

ใจน่ีหละเพราะตายแลว้ ไปเกิดใหมไ่ ด้ ผลของการกระทาํ
รว่ มกนั ทงั้ กายทงั้ ประสาท เม่ือประสาทดบั แลว้ ยงั เหลอื แตจ่ ติ
จิตมนั เป็นคนคิด คนปรุง คนแตง่ จติ นีเ้ ป็นคนรบั กรรมดีกรรมช่วั
จติ นนั้ เป็นคนรบั ไปตา่ งหาก เม่ือไปเกิดใหม่ ไมไ่ ดเ้ อาเซลเก่าไป

3

หรอื ประสาทเกา่ ไป มนั ไปเอาประสาทใหมต่ า่ งหาก ออกเกิดมา
ตา่ งหาก ออกเกิดแลว้ ก็ใชไ้ ดต้ ามเดมิ ใจมนั ไมจ่ น ใจไมท่ กุ ข์
เซลหรอื ประสาทมนั คอยรอรบั ใหเ้ กิดใหมอ่ ยเู่ รอ่ื ยไป ถา้ ไปเกิดท่ี
ไหนก็มีท่นี ่นั

ความพสิ ดารของพทุ ธศาสนามนั ตอ้ งมีอยา่ งนี้ ทาง
วิทยาศาสตรเ์ คา้ จะพสิ ดารซกั เทา่ ไร พสิ จู นซ์ กั เทา่ ไรก็เอาเถอะ
พสิ จู นไ์ ดแ้ ตต่ วั เซลและตวั ธาตุ ไม่สามารถจะพสิ จู นใ์ จได้ ทาง
วิทยาศาสตรเ์ คา้ พดู วา่ ธาตนุ ีไ้ ม่มี เคา้ ก็เรยี กวา่ ธาตอุ นั หนง่ึ ซง่ึ
เป็นของใหญ่โตรโหฐานท่ีสดุ ธาตอุ นั นนั้ แตกออกไปเป็นโลกเลก็
โลกนอ้ ย เป็นดวงเดอื นดาวตา่ งๆ มนั ก็ธาตทุ งั้ นนั้ แหละ มนั จะ
เอาอะไรมาพดู นอกจากธาตแุ หละ ส่ิงท่ีเห็นท่ีรูน้ อกจากธาตแุ ลว้
ไม่มีอะไรทงั้ หมด สิง่ ท่ีไม่เป็นตนเป็นตวั คือวิญญาณความรูส้ กึ
อนั นนั้ เอาอะไรมาพสิ จู นไ์ ด้

พระองคย์ งั พิสจู นไ์ ดว้ า่ มโน วิญญาณธาตุ ตอ้ งรูส้ กึ อนั นี้
เป็นธาตอุ ยู่ ธาตนุ ีแ้ หละเกิดดบั ๆอยอู่ ยา่ งนนั้ เกิดขนึ้ มาแลว้ ก็ดบั
ลงไป สลายเป็นของเดิม ทา่ นอปุ มาเปรยี บเหมือนกบั คล่ืน

4

กระทบฝ่ัง มาเป็นตวั เป็นกอ้ นเป็นลกู คล่ืนมา พอมากระทบฝ่ัง
แลว้ ก็สลายเป็นนา้ํ ไปตามเดมิ ธาตนุ นั้ ก็มาเป็นตนเป็นตวั ผล
ท่ีสดุ ก็สลายออกเป็นดนิ นา้ํ ไฟ ลม ตามเดมิ โลกนีห้ าก (เทป
ขาดตอน) ทา่ นสอนใหพ้ ิจารณาอย่างท่าน ท่านพิจารณามาแลว้
เหน็ แลว้ ชดั แลว้ จงึ สอนใหพ้ วกเราพจิ ารณาตาม เพ่ือจะใหเ้ ป็น
อย่างนนั้ ตามท่าน

อย่างพิจารณาเหน็ ธาตเุ ป็นธาตหุ ละคราวนี้ มนั จะเป็น
ประโยชนอ์ ะไร ทาํ อะไรไดร้ ึ มนั หากมีสว่ นนงึ ซง่ึ จะยดึ สมมตุ ิ
บญั ญตั ิ ตามสมมตุ บิ ญั ญตั อิ นั นนั้ มีสว่ นอย่ตู า่ งหาก ถงึ แมจ้ ะ
เห็นเป็นธาตกุ ็ตาม มนั จะตอ้ งออกมาใชก้ ายน่ีแหละคอื สมมตุ ิ
บญั ญตั อิ นั นีแ้ หละ อยธู่ รรมดาน่ีแหละ ไมเ่ หน็ แปลกอะไรเลย้ ก็
ธรรมดาๆ แตใ่ จน่ีมนั ไปเขา้ ไปยดึ ใจนีม้ นั เขา้ ไปถือ ปัญญานนั้
รูเ้ ท่ารูต้ วั ท่ีมนั เขา้ ไปยดึ ไปถือ คนนะกลวั นกั กลวั หนา กลวั เหน็ จะ
เป็นธาตแุ ลว้ กลวั จะทาํ อะไรไมไ่ ด้ เหน็ แลว้ ไม่สกั แตว่ า่ ลองคดิ ดู
สิ สกั แตว่ า่ ไมใ่ ชเ่ ราไมใ่ ช่เขา มนั จะพดู กนั ไดห้ รอื คนเรา พดู ก็ไม่

5

รูภ้ าษากนั นะสิ ถา้ ถามถึงตวั คน เชน่ นางนนั้ นายนีอ้ ะไรตา่ งๆ ก็
เลยไม่รูจ้ ะพดู อะไรกนั

อาตมาเคยเป็นเด็กเป็นเลก็ อยู่ เลน่ กบั หมกู่ บั เพ่ือน บางคน
นะใจดีใ๊ จดี ใครๆก็เรยี กแตช่ ่ือๆ ช่ือมนั ช่ือ แพ แตห่ ากวา่ คนใจดี
หม่เู พ่ือนเรยี กมนั มนั ก็เลยไม่ขาน ถา้ จะพดู กบั ใคร คนอ่นื เคา้ จะ
เสยี ใจเดอื ดรอ้ น แลว้ มนั ก็ไมพ่ ดู ไมพ่ ดู แลว้ ก็หมดเรอ่ื งกนั ไม่พดู
ทาํ ไมจงึ วา่ ไมพ่ ดู มนั ชอบกลอยู่ เคา้ เรยี กวา่ แพๆ กนั ไม่พดู ท่ง
นนั้ ก็ไมพ่ ดู ทาํ ไมจงึ ไม่พดู ความขอ้ นนั้ ฉนั ใด สมมตุ บิ ญั ญตั ิ เรา
นีย้ งั ตอ้ งใชอ้ ยู่ ถา้ ไม่ใชก้ ็อยา่ งวา่ น่ะแหละ จะเรยี กอะไร อย่าไป
กลวั กลวั จะพดู ไม่ถกู สมมตุ บิ ญั ญตั มิ นั มีอย่นู ่นั นะ่ แตต่ วั จติ ไม่
ไปยดึ ไปถือ มนั ก็เลยไมม่ ีตนมีตวั ก็เลยไมม่ ีเรามีเขา ก็เป็นสกั แต่
วา่ ธาตุ ตรงนนั้ จงึ ตอ้ งใชส้ ตปิ ัญญาพจิ ารณาใหร้ อบคอบ อย่าไป
กลวั เพียงแตก่ ลวั แตเ่ ราไมท่ าํ กลวั จะเป็นอย่างนนั้ แตเ่ ราไมท่ าํ
ทาํ ใหเ้ ป็นอยา่ งวา่ นนั้ กเ็ ลยไมก่ ลวั มนั เป็นจรงิ แลว้ หรอื เลยไม่
กลวั สมมตุ บิ ญั ญตั ิก็เลยเป็นตามความจรงิ ของมนั กห็ มดเรอ่ื ง

6

กนั น่หี ละพทุ ธศาสนา สอนสลบั ซบั ซอ้ นลกึ ซงึ้ มาก ฉ ปั�ญฺ ตตฺ ิ
โย บญั ญตั ิ ๖ ทา่ นวา่ งนั้

ขันธบัญญัติ บญั ญตั ิเป็นขนั ธ์ ไมใ่ ชส่ มมตุ ิ สมมตุ กิ บั
บญั ญตั ิตา่ งกนั สมมตุ ิคือเรอ่ื งโลกเคา้ สมมตุ ิไวแ้ ลว้ เรยี กไวแ้ ลว้
เรยี กช่ือไวแ้ ลว้ สว่ นบญั ญตั นิ นั้ พระพทุ ธเจา้ บญั ญตั ทิ บั สมมตุ ิ
นนั้ ไปอกี เรยี กวา่ บญั ญตั ิ เรยี กวา่ ขนั ธบญั ญตั ิ ขันธ์ ๕ รูป
เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ เรยี กวา่ ขนั ธ์ ๕ ขนั ธบญั ญตั ิ
อายตนะบญั ญัติ อายตนะ ๖ บญั ญตั ทิ บั สมมตุ ิลงไป ท่เี รยี กวา่
ตา หู จมกู ลนิ้ กาย ใจ ท่ีเรยี กวา่ คน ตาของคน หขู องคน จมกู
ลนิ้ กาย ของคน ไม่ตอ้ งวา่ คนแลว้ บญั ญตั ิเป็นอายตนะ ไม่ใช่
ของใคร เป็นอายตนะ สัจจะบัญญัติ ของจรงิ ของแทไ้ ม่
แปรปรวนไปไหน ใครจะวา่ ไงก็อย่อู ยา่ งนนั้ ไมว่ า่ ก็อยอู่ ยา่ งนนั้
เป็นจรงิ อย่อู ยา่ งนนั้ สจั จบญั ญตั ิ ขนั ธบญั ญตั ิ อายตนะบญั ญตั ิ
อินทรียบัญญัติ อนิ ทรยี ก์ ็เรยี กวา่ บญั ญตั เิ หมือนกนั อนิ ทรยี ก์ ็
อายตนะทงั้ ๖ น่นั เอง อายตนะอนิ ทรยี ์ สมมุตบิ ัญญัติ สมมตุ ิ
ของคนท่ีเคา้ สมมตุ ิไวแ้ ลว้ มนั ก็เป็นอยา่ งเคา้ วา่ จรงิ ๆ แตห่ ากไม่

7

เป็นจรงิ เป็นจรงิ อยา่ งเคา้ วา่ จรงิ แตไ่ ม่เป็นจรงิ คอื มนั ไม่เป็นจรงิ
ตามของจรงิ แตเ่ ป็นจรงิ ตามสมมตุ ิ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นบญั ญตั ิไว้
อยา่ งนี้

จงึ วา่ ธรรมะคาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ สอนหลายอยา่ งหลาย
นยั มนั เป็นเหตใุ หค้ นไมป่ ระพฤติปฏิบตั ิ สงสยั ลงั เลมาก คน
ประพฤติปฏบิ ตั ิแลว้ ธรรมคาํ สอนของพระองคส์ อนของจรงิ
ทงั้ หมด หมดสงสยั หมดลงั เล ใหเ้ ขา้ ใจโดยนยั นีท้ ่ีอธิบายมาก็
สมควรดว้ ยกาลเวลา ดว้ ยประการฉะนี้

ท่ีมา: https://youtu.be/rW3kSZIwjgc

8


Click to View FlipBook Version