ศีล สมาธิ ปัญญา
หลวงพอ่ พธุ ฐานิโย
ณ โอกาสตอ่ ไปนี้ จะไดน้ าํ ธรรมะ อนั เป็นคาํ สอนของสมเดจ็
พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ มากลา่ วบรรยายเพ่อื เป็นเครอ่ื งประดบั
สตปิ ัญญาของทา่ นผฟู้ ัง แตค่ วามจรงิ การศกึ ษาธรรมะและการ
ฟังธรรมะนนั้ เราฟังกนั มาซะจนมากมายแลว้ เขา้ ใจวา่ สมาคมนี้
มีนกั ศกึ ษาธรรมะและนกั รูธ้ รรมะท่ีมีความละเอยี ดลกึ ซงึ้ มาก
แตก่ ารรูธ้ รรมะหรอื ธรรมะท่ีเราศกึ ษารูต้ ามตาํ รบั ตาํ รานนั้ เป็น
แตเ่ พียงเคร่อื งอปุ กรณห์ รอื เป็นแผนท่ีท่ีเราจะถือเป็นหลกั
ดาํ เนินการปฏบิ ตั ิ
ณ บดั นีเ้ ราทงั้ หลายก็ไดส้ มาทานเบญจศลี คือศลี ๕ อนั เป็น
หลกั การท่ีเราจะละกิเลสคอื เจตนาดว้ ยความตงั้ ใจ กิเลส
บางอยา่ งเราละไดด้ ว้ ยความตงั้ ใจท่ีจะละ เชน่ กิเลสสว่ นหยาบๆ
ท่ีเป็นไปในทางกาย ทางวาจา อนั นีเ้ ราตงั้ ใจละได้ เช่นอยา่ งศีล
๕ ท่ีทา่ นสมาทานมาแลว้ เม่อื ซกั ครูน่ ี้ อนั นเี้ ป็นหลกั การละกิเลส
ท่ีจะพงึ กา้ วลว่ งดว้ ยทางกายและทางวาจา กิเลสสว่ นนีเ้ ราตงั้ ใจ
1
ตงั้ เจตนางดเวน้ โดยไม่ลว่ งละเมดิ สิกขาบทนนั้ ๆท่ีเราสมาทาน
มา และการละกิเลสดว้ ยความตงั้ ใจนี้ บางทีอาจจะมีการขาดตก
บกพรอ่ ง แตเ่ ราก็ตงั้ ใจพากเพียรพยายามท่ีจะละ คืออาศยั
ความพากเพียรพยายามท่ีจะละบอ่ ยๆ ละใหม้ ากๆ เป็นการ
ฝึกหดั นิสยั ของเราใหเ้ คยชนิ ตอ่ การละกิเลสสว่ นนี้
เม่ือหนกั ๆเขา้ นิสยั ท่ีเราฝึกหดั จนเคยชนิ นนั้ มนั จะกลายเป็น
นิสยั แลว้ ก็กลายเป็นอุปนิสัยเป็นความเคยชิน เม่ือเป็นอปุ นิสยั
แลว้ เจตนาท่ีจะละเวน้ กิเลสสว่ นนีม้ นั จะกลายเป็นสภาพความ
เป็นเอง ซง่ึ จะเป็นคณุ ธรรมเกิดขนึ้ ประจาํ จิตของเรา เม่ือเป็น
เชน่ นนั้ เราก็จะกลายเป็นผมู้ ีสตสิ ัมปะชัญญะ รูส้ กึ สาํ นกึ ผดิ
ชอบช่วั ดี จนกลายเป็นอปุ นสิ ยั ท่ีแทจ้ รงิ ฝังแน่นอย่ใู นจติ ของเรา
ดงั นนั้ หลกั การละความช่วั ประพฤติความดใี นขนั้ ศลี ธรรมซง่ึ
เป็นไปดว้ ยความตงั้ ใจนนั้ กห็ มายถงึ ละความช่วั ตามกฏของศลี
๕ ประการดงั ท่ีทา่ นทงั้ หลายสมาทานมาแลว้ นนั้
แตส่ าํ หรบั กิเลสซง่ึ เป็นสงิ่ ท่ีฝังแนน่ อยใู่ นจติ ใจของเรามาแต่
นมนามนนั้ เราจะตอ้ งอาศยั การฝึกหดั อบรมในทางจติ ในเม่ือ
2
กลา่ วถึงการฝึกหดั อบรมในทางจติ จะหนีไปจากหลกั ของการ
บาํ เพญ็ สมาธิ หรอื เจรญิ ภาวนาดว้ ยอบุ ายอย่างใดอยา่ งหนง่ึ
ไม่ได้ เพราะการบาํ เพญ็ สมาธิเทา่ นนั้ จะเป็นพืน้ ฐานใหจ้ ติ ของ
เรามีความม่นั คงในการท่ีจะตงั้ ใจม่นั ตอ่ การละความช่วั และ
ประพฤติความดี
วิธีการบาํ เพ็ญสมาธิก็มีหลายแบบหลายอยา่ ง แตจ่ ะดว้ ย
ประการใดก็ตาม สาํ คญั อยทู่ ่ีผปู้ ฏบิ ตั จิ ะตอ้ งตงั้ ใจกาํ หนดรูล้ งท่ี
จติ ของตน โดยอบุ ายวธิ ีท่ีจะเหน่ียวเอาอารมณอ์ ย่างใดอยา่ ง
หนง่ึ มาเป็นเคร่อื งบรกิ รรมภาวนาหรอื เป็นอารมณพ์ จิ ารณาเพ่ือ
เป็นอบุ ายใหเ้ ราไดพ้ ละ คืออนิ ทรีย์ ศรัทธาพละทาํ ใหเ้ ราเกิด
ศรทั ธาในการท่ีจะประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ วิริยะพละทาํ ใหเ้ ราเกิด
ความพากเพียรในการปฏิบตั ิ สตพิ ละความตงั้ ใจท่ีจะปฏิบตั ิ
สมาธิพละความม่นั คงในการท่ีจะปฏบิ ตั ิ และปัญญาพละ
ความรอบรูภ้ ายในดวงจติ ซง่ึ เป็นสง่ิ จาํ เป็นท่ีนกั ปฏิบตั จิ ะพงึ
อบรมใหเ้ กิดใหม้ ีขนึ้
3
ดงั นนั้ การบาํ เพ็ญสมาธิโดยหลกั ความเป็นจรงิ แลว้ เรามงุ่ ท่ี
จะใหจ้ ติ สงบตงั้ ม่นั เป็นสมาธิ มีอุปจาระสมาธแิ ละอปั ปนา
สมาธเิ ป็นลาํ ดบั จนกระท่งั ไดบ้ รรลฌุ าณ คอื ปฐมฌาณ ทตุ ยิ
ฌาณ ตตยิ ฌาณ และจตุตฌาณ ซง่ึ เป็นพืน้ ฐานเบอื้ งตน้ ทาํ
ใหจ้ ติ ไดก้ รรมฐาน เพราะสมถกรรมฐานหรอื สมถะจิตนนั้ เป็น
พืน้ ฐานใหเ้ กิดสติปัญญา เพราะฉะนนั้ การบาํ เพญ็ สมาธินีจ้ งึ
เป็นส่งิ จาํ เป็นท่ีเราทกุ คนจะตอ้ งตงั้ ใจบาํ เพ็ญกนั อยา่ งจรงิ จงั
ถา้ หากวา่ นกั ปฏิบตั ทิ งั้ หลายมาตงั้ ใจท่ีจะบาํ เพญ็ สมาธิ
ภาวนากนั อยา่ งแทจ้ รงิ โดยตดั ความลงั เลสงสยั ใดๆออกจาก
จติ ใจใหห้ มดสนิ้ ไป แมเ้ ราจะยดึ เอาอารมณก์ รรมฐานอยา่ งใด
อย่างหนง่ึ มาเป็นคขู่ องใจ แมแ้ ตบ่ รกิ รรมภาวนา พทุ โธๆ หรอื ยบุ
หนอพองหนอก็ตามแต่ หรอื จะเอาอะไรอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ มา
เป็นเคร่อื งพจิ ารณาของจติ ก็ไดท้ งั้ นนั้ บรกิ รรมภาวนาก็ดี หรอื
การพิจารณาอะไรก็ดี จดุ ม่งุ หมายก็เพ่ือมงุ่ ใหจ้ ิตมีสมาธิและเป็น
การอบรมสติ ใหส้ ตนิ นั้ กลายเป็นมหาสตปิ ัฏฐาน
4
เม่ือจิตไดก้ ลายเป็นมหาสตปิ ัฏฐานแลว้ สตปิ ระกอบกบั จิต
จะกลายเป็นตวั ผรู้ ู้ ผรู้ ูซ้ ง่ึ ไดน้ ามวา่ พทุ ธะเกดิ ขนึ้ กบั จิตของผู้
ปฏบิ ตั ิ นบั จาํ เดมิ จากนนั้ จติ ก็จะสามารถปฏวิ ตั ติ วั ไปสภู่ มู ิจติ ภมู ิ
ธรรมไดต้ ามลาํ ดบั ขนั้ ซง่ึ ทงั้ นีส้ ดุ แทแ้ ตค่ วามพากเพียรพยายาม
ของทา่ นผใู้ ด ดงั นนั้ การศกึ ษาธรรมะก็ดี การเรยี นธรรมะก็ดี
หากปราศจากการปฏิบตั อิ ยา่ งจรงิ จงั แลว้ ผลท่ีจะพงึ เกิดจาก
การปฏิบตั นิ นั้ ย่อมไมม่ ี ดงั นนั้ ส่ิงท่ีจาํ เป็นจรงิ ๆก็คอื ปฏบิ ตั จิ รงิ
ทาํ จรงิ อาศยั หลกั ท่ีวา่ ภาวติ า อบรมใหม้ ากๆ พาหลุ กี ตา
กระทาํ ใหม้ ากๆ
เช่นอยา่ งเราจะภาวนา พทุ โธๆ เป็นตน้ ก็ดี ถา้ ทา่ นผใู้ ดจะคดิ
หรอื ตดั สนิ ใจใหแ้ นว่ แนล่ งไปวา่ ลองดซู ิ ฉนั จะภาวนาพทุ โธอ
ยา่ งเดียว แลว้ มนั จะมีผลอะไรเกิดขนึ้ หรอื ไม่ แลว้ ก็ตงั้ ใจน่งั
บรกิ รรมภาวนาพทุ โธ หรอื เราจะไม่น่งั ก็ตาม เดินภาวนาพทุ โธก็
ได้ ยืนภาวนาพทุ โธก็ได้ นอนภาวนาพทุ โธก็ได้ ยืน เดิน น่งั นอน
กิน ด่ืม ทาํ พดู คิด ทาํ สตกิ าํ หนดจติ นกึ พทุ โธไวใ้ นใจ เอาพทุ โธ
เป็นเคร่อื งรูข้ องจิต เป็นเครอ่ื งระลกึ ของสติ จนสามารถทาํ จติ ให้
5
จดจอ้ งอย่กู บั คาํ วา่ พทุ โธ แมว้ า่ ในขนั้ ตน้ นี้ จติ ของเรายงั จะไม่
สงบตงั้ ม่นั เป็นสมาธิตามแบบฉบบั ท่ีทา่ นกลา่ วไวก้ ็ตาม แต่
ปัญหาสาํ คญั เม่ือจิตของเรามาอย่กู บั พทุ โธเป็นสว่ นมากแลว้
แลว้ เราจะมีความรูส้ กึ กบั อารมณอ์ ่นื ๆนนั้ อยา่ งไร เขา้ ใจวา่ ถา้ จติ
มีเคร่อื งยดึ จติ มีเครอ่ื งอยู่ จติ ของเราคงจะพรากจากอารมณท์ ่ี
วนุ่ วายตา่ งๆ ใหเ้ ขา้ มาจดจอ้ งอยกู่ บั คาํ วา่ พทุ โธ เม่ือเวลากระทบ
อารมณส์ ิ่งใดเขา้ แลว้ โดยท่ีไมไ่ ดต้ งั้ ใจ จิตของเราอาจจะว่งิ เขา้ ไป
หาพทุ โธ แลว้ ก็อาจจะบรรเทาความวนุ่ วายท่ีจะพงึ เกิดขนึ้ กบั จิต
ไดบ้ า้ ง อนั นีเ้ ป็นผลท่ีเราจะพงึ ไดร้ บั จากคาํ วา่ การภาวนาพทุ โธ
เพราะฉะนนั้ การท่ีเราจะทาํ สมาธิภาวนาใหไ้ ดร้ บั ผลจรงิ จงั
นนั้ อยทู่ ่ีการกระทาํ จรงิ และทาํ ใหม้ ากๆเป็นสาํ คญั การภาวนา
พทุ โธๆๆนี้ แมว้ า่ บางท่านอาจจะกลา่ ววา่ การภาวนาพทุ โธ จิต
เป็นไดแ้ ตเ่ พียงแคข่ นั้ สมถกรรมฐาน ไมถ่ งึ ขนั้ วปิ ัสสนากรรมฐาน
ก็ตาม แตข่ อใหท้ า่ นลองทาํ ดซู ิวา่ เม่ือสามารถท่ีจะภาวนาพทุ โธ
ทาํ จิตใหส้ งบตงั้ ม่นั ลงเป็นสมาธิ เม่ือจติ ภาวนาพทุ โธแลว้ จติ
สงบลงไปพอสวา่ งขนึ้ มา คาํ วา่ พทุ โธนนั้ จะหายไป ในเม่อื พทุ โธ
6
หายไปแลว้ จติ ของผภู้ าวนานนั้ นอ้ มเขา้ ไปสลู่ มหายใจ ยดึ เอา
ลมหายใจเป็นเครอ่ื งรู้ เอาลมหายใจเป็นเครอ่ื งรูข้ องจิต เป็น
เคร่อื งระลกึ ของสติ ตามรูล้ มหายใจเขา้ ไปเร่อื ยๆ เพียงแตร่ ูอ้ ยทู่ ่ี
ลมหายใจอยา่ งเดียวเทา่ นนั้ แลว้ จิตก็จะคอ่ ยสงบละเอยี ดลงไป
ทีละนอ้ ยๆ จนกระท่งั ผา่ นอปุ จาระสมาธิ แลว้ ก็เขา้ ไปถงึ อปั ปนา
สมาธิ
เม่ือจิตเขา้ ไปถงึ จดุ ท่ีเรยี กวา่ อัปปนาสมาธนิ นั้ ขอทาํ ความ
เขา้ ใจกบั ทา่ นผปู้ ฏบิ ตั อิ ีกครงั้ หนง่ึ วา่ จิตอย่ใู นอปั ปนาสมาธิจะมี
ลกั ษณะน่งิ น่งิ แลว้ ก็มีความสวา่ งเป็นเครอ่ื งหมาย สมาธิท่ี
ถกู ตอ้ งและสมาธิท่ีแทจ้ รงิ นนั้ ย่อมมีความสวา่ งภายในจติ เป็น
เคร่อื งหมาย ถา้ สมาธิอนั ใดมืด ไมม่ ีความสวา่ ง สมาธิอนั นนั้
ท่านเรยี กวา่ โมหะสมาธิ ทนี ีค้ วามสวา่ งของจติ นนั้ เป็น
สญั ลกั ษณท์ ่ีจะทาํ ใหจ้ ติ มีสมั ปะชญั ญะดขี นึ้ และความรูส้ กึ ของ
ผทู้ าํ จติ ไดถ้ งึ ขนั้ อปั ปนาสมาธิไดน้ นั้ จะมีความรูส้ กึ อย่ภู ายในจิต
อย่างเดยี ว ความรูส้ กึ ของจิตท่ีจะติดตอ่ กบั โลกภายนอกไม่มี
เพราะในขนาดนนั้ ลมหายใจก็ไดห้ ายขาดไปแลว้ เม่ือลมหายใจ
7
หายขาดไปแลว้ ลมหายใจก็เป็นกายสว่ นหน่งึ รา่ งกายท่ีเป็นตวั
เป็นตน้ น่ีกห็ ายไป
ในเม่ือตวั ตนโดยสมมตุ บิ ญั ญตั ิคอื กายหายไปแลว้ ลม
หายใจก็หายไปแลว้ ตวั ตนท่เี รยี กวา่ อตตฺ ทปี า (อตั ตะทีปา) มี
ตนเป็นเกาะ อตตฺ สรณา (อตั ตะสะระณา) มีตนเป็นท่พี ง่ึ คอื จิต
จะปรากฏเดน่ ชดั ในเม่ือจติ ปรากฏเดน่ ชดั และความรูส้ กึ อยู่
ภายในจติ อยา่ งเดน่ ชดั น่นั แหละคือคาํ ท่ีพระพทุ ธเจา้ ตรสั ไวว้ า่
อตตฺ า หิ อตตฺ โน นาโถ (อตั ตา หิ อตั ตโน นาโถ) ตนเป็นท่ีพง่ึ
ของตน
เม่ือใครทาํ จิตใหบ้ รรลถุ ึงขนั้ นี้ ก็จะไดร้ ูส้ กึ ในทนั ทวี า่ อตั ตา
ตวั ตนท่ีเป็นท่ีพ่งึ เป็นเกาะ หรอื มีตนเป็นท่ีเป็นสรณะนนั้ จะ
ปรากฏอย่างเดน่ ชดั และในบางครงั้ ถา้ ผมู้ ีสตปิ ัญญาเฉลยี ว
ฉลาดรอบรูห้ น่อย ก็จะเกิดความรูข้ นึ้ มาวา่ แทท้ ่ีจรงิ อตั ตา
ตวั ตนท่ีเป็นรูปรา่ งกายนนั้ มนั ไมใ่ ชต่ วั ตนอยา่ งแทจ้ รงิ ไมใ่ ชท่ ่ี
พง่ึ พาอาศยั กนั อย่างแทจ้ รงิ แตแ่ ทท้ ่ีจรงิ ตวั ตนท่เี ป็นท่ีพง่ึ ท่ีอาศยั
ก็คือจติ ดวงจติ ท่ีปรากฏเดน่ ชดั อย่นู ่นั แหละจะเป็นตวั ตนท่ีพง่ึ ท่ี
8
อาศยั และอีกอยา่ งหนง่ึ จะทาํ ใหผ้ ภู้ าวนานนั้ รูจ้ กั วา่ อะไรคอื
ตวั ตน ตวั ตนท่ีจะเป็นท่ีพง่ึ แกต่ นจรงิ จงั นนั้ คืออะไร นอกจากจะรู้
วา่ ตวั ตนอนั เป็นท่ีพ่งึ ของตวั เองอยา่ งแทจ้ รงิ คอื อะไรแลว้ ยอ่ มจะ
สามารถรูว้ า่ สภาพจิตเดิมแทน้ นั้ คอื อะไร
ในขณะท่ีเรามคี วามรูส้ กึ อยอู่ ย่างนนั้ จิตของเราจะรูส้ กึ วา่ มี
ความบรสิ ทุ ธิ์สะอาด และเรยี กวา่ เป็นจติ ท่ีอย่เู หนือความสขุ
ความทกุ ขเ์ พราะในขณะท่ีสภาพจิตเป็นเชน่ นนั้ สขุ ก็ไม่ปรากฏ
ทกุ ขก์ ็ไม่ปรากฏเป็นสภาพจติ ท่ีน่ิงอยเู่ ฉยๆ ในขนั้ นีถ้ งึ แมว้ า่
สติปัญญาอย่างอ่นื จะไม่เกดิ ขนึ้ ในขณะนนั้ ก็ตาม แตห่ ากใคร
สามารถทาํ จิตใหบ้ รรลถุ ึงความเป็นเชน่ นีบ้ อ่ ยเขา้ จะเป็นฐานท่ี
ใหเ้ กิดสติ เกิดสตสิ มั ปะชญั ญะ ซง่ึ มนั จะเกิดขนึ้ อยา่ งท่ีเราไม่
รูส้ กึ ตวั
ทีนีต้ ามตาํ ราท่ีทา่ นกลา่ ววา่ จติ อย่ใู นสภาพของสมถกรรม
ฐานย่อมไมม่ ีความรูท้ ่ีจะปรากฏขนึ้ ในขณะนนั้ อนั นีเ้ ป็นความ
จรงิ ใครๆอยา่ ไปปฏิเสธมตอิ นั นี้ แตท่ ีนเี้ ราอาจจะเกิดสตปิ ัญญา
ขนึ้ ตอ่ เม่ือ จิตของเราถอนจากสมาธิในขนั้ นีอ้ อกมาแลว้ เราจะมี
9
สตสิ มั ปะชญั ญะตามรูเ้ ม่ือจติ เกิดความคดิ ขนึ้ มา โดยธรรมชาติ
ของจิตแลว้ จะไปสงบน่ิงอยอู่ ยา่ งนนั้ ตลอดกาลไมไ่ ด้ ถงึ คราว ถงึ
กาล ถงึ เวลาแลว้ จติ ก็ย่อมถอนออกมาจากสมาธิ ในเม่อื จิต
ถอนออกจากสมาธิก็เกิดความรูส้ กึ ขนึ้ มา จติ ก็จะมีความคดิ
เกิดขนึ้ จิตไปคดิ เรอ่ื งอะไรก็ตามไมส่ าํ คญั สาํ คญั อย่ตู รงท่ีวา่ สติ
ตวั ท่ีจะตามรูท้ นั ความคดิ น่นั น่นั เป็นตวั การท่ีสาํ คญั
ถา้ หากผภู้ าวนาไมด่ ว่ นพรวดพราดออกจากการปฏบิ ตั ิ
สมาธิ ใชเ้ วลาตามกาํ หนดรูค้ วามคิดของตนเองไป ความคิดอนั
นนั้ จะกลายเป็นเครอ่ื งรูข้ องจติ เป็นเคร่อื งระลกึ ของสติ ในเม่ือ
จิตมีความคดิ จติ ก็มีเครอ่ื งรู้ ในเม่ือจติ มีเครอ่ื งรู้ สติก็มีเครอ่ื ง
ระลกึ ถา้ หากวา่ จิตตามรูท้ นั หรอื สติตามรูท้ นั ความคิดเม่ือไหร่
ความคดิ อนั นนั้ จะกลายเป็นภมู คิ วามรู้ กลายเป็นภมู ิปัญญา
ของผปู้ ฏิบตั ิ แตถ่ า้ ผนู้ นั้ ไมห่ ลงความคิดของตวั เอง ถา้ หากสติ
สมั ปะชญั ญะมีพลงั แกก่ ลา้ แมจ้ ติ จะเกิดความรูค้ วามคดิ อะไร
ขนึ้ มาก็ตาม ความรูแ้ ละความคิดอนั นนั้ จะกลายเป็นภมู ปิ ัญญา
10
ของจิต จติ อาจจะคดิ เรอ่ื งดีก็ได้ อาจจะคดิ เรอ่ื งช่วั ก็ได้ แต่
สาํ คญั อย่ทู ่ีตวั สติท่ีรูเ้ ท่าทนั ความคดิ อนั นนั้
เม่ือคิดขนึ้ มาแลว้ จติ ไม่มีความยดึ เม่ือจิตไม่มีความยดึ กบั
ความคดิ ของตวั เอง ปฏกิ ิรยิ าท่ีจะพงึ ใหเ้ กิดความยนิ ดยี นิ รา้ ย
ย่อมไม่มี เป็นแตเ่ พียงกิรยิ าสกั วา่ คดิ คดิ แลว้ ก็ปลอ่ ยวางไป เม่ือ
เป็นเชน่ นนั้ สตติ วั ผรู้ ูม้ นั ก็จะตามทนั ความคดิ ของตวั เองตลอดไป
ถา้ ยง่ิ ตามกาํ หนดรูค้ วามคิดนี้ ถา้ สติตามทนั ความคดิ ความคิด
อนั นีม้ นั ย่งิ จะเกิดมากขนึ้ เพราะย่งิ จอ้ งดู ย่งิ ตามรูต้ ามเหน็ ย่งิ
ตามทนั เทา่ ไหร่ ความคดิ มนั ก็จะเกิดขนึ้ มากขนึ้ เทา่ นนั้ บางทีมนั
อาจจะคดิ ขนึ้ มาอย่างท่ีเราไม่สามารถจะกาํ หนดทนั ถา้ สติออ่ น
เม่ือไหรก่ าํ หนดตามรูค้ วามคิดไมท่ นั จติ ไปหลงยดึ ถือสง่ิ นนั้ ๆเขา้
มนั ก็เกิดเป็นตวั กิเลส ถา้ ยนิ ดกี ็เป็นกามตณั หา ถา้ ติดก็เป็น
ภวตณั หา ถา้ หากวา่ ยินรา้ ยก็เป็น วภิ วตณั หา
ถา้ จติ คดิ แลว้ มีสภาพปกติ มีแตค่ วามเป็นปกติเป็นหนง่ึ ไม่
ยดึ ไม่หลง ไมเ่ กิดความยนิ ดี ไมเ่ กิดความยินรา้ ย น่นั แหละคอื
อาการดบั กเิ ลส จรงิ อย่คู วามคิดท่ีเรายงั ไม่มีสมาธิ ท่ีเรายงั ไมม่ ี
11
สติสมั ปะชญั ญะรูเ้ ทา่ ทนั ความคิด ความคิดอนั นนั้ มนั สามารถท่ี
จะเอาจิตของเราไปบดขยี้ ใหเ้ กิดความสขุ ใหเ้ กิดความทกุ ขซ์ ง่ึ
สดุ แทแ้ ตก่ ิเลสจะปรุงไป อนั นีเ้ ป็นความคดิ ในสมยั ท่ีเรายงั ไมม่ ี
สมาธิ ไมม่ ีสตสิ มั ปะชญั ญะ สมบรู ณอ์ นั เป็นพละหรอื เป็น
อินทรีย์ แตถ่ า้ หากจติ ผ่านความเป็นสมาธิบอ่ ยๆ สตกิ ็จะ
กลายเป็นพละ เป็นอนิ ทรยี ์ สามารถท่ีจะรูท้ นั ความรูส้ กึ นกึ คิดท่ี
เกิดขนึ้ ภายในจิตได้ และจะสามารถประคบั ประคองจิต ให้
ดาํ เนินไปสภู่ มู จิ ิตภมู ธิ รรมได้
เม่ือจติ รูเ้ ท่าทนั อารมณค์ อื ความคิดท่ีเกิดขนึ้ ในจิต มนั ก็
กลายเป็นตวั สตปิ ัญญา ปัญญานีถ้ า้ จะวา่ กนั ตามความเขา้ ใจ
โดยท่วั ๆไป ปัญญาท่ีเราใชส้ ญั ญา แลว้ มานอ้ มนกึ คิดพจิ ารณา
ธรรมะตามท่ีเราเขา้ ใจ โดยความตงั้ ใจ อนั นีม้ นั เป็นสตปิ ัญญา
ธรรมดาๆ แตถ่ า้ ปัญญาท่ีเกดิ จากสมาธิ อนั นนั้ มนั เป็นสมาธิ
ปัญญา แตเ่ ราจาํ เป็นจะตอ้ งอาศยั ปัญญาในขนั้ จนิ ตามย
ปัญญา หรอื สุตมยปัญญาท่ีเกิดจากการคิดและการฟัง และก็
นาํ นอ้ มนาํ ไปพนิ ิจพจิ ารณาตามหลกั การ เช่นเราจะพิจารณา
12
พระไตรลกั ษณว์ า่ ส่ิงนีไ้ ม่เท่ยี ง เป็นทกุ ข์ เป็นอนตั ตา เราใช้
สติปัญญาอย่างธรรมดาๆ คน้ คดิ พิจารณาไปตามตาํ รบั ท่ีเรา
เรยี นรูม้ า และพรอ้ มๆกนั นนั้ ก็พยายามทาํ จติ ใหเ้ ป็นสมาธิไป
ดว้ ย เม่ือจิตสงบลงไปเป็นสมาธิเม่ือไหร่ เม่ือนนั้ ปัญญาท่ีเกิด
จากความคิด ปัญญาท่ีเกิดจากการฟัง มนั ก็จะเป็นคณุ ธรรม
อดุ หนนุ ใหเ้ กิดปัญญาในขนั้ สมาธิปัญญา หรอื ภาวนามย
ปัญญา
ปัญญาตามสญั ญาหรอื ความทรงจาํ เป็นอปุ กรณใ์ หเ้ กิด
สติปัญญาในขนั้ สมาธิภาวนา เป็นสงิ่ ท่ีอาศยั ซง่ึ กนั และกนั
เพราะการบรกิ รรมภาวนากด็ ี การคน้ คิดพจิ ารณาตามสญั ญาท่ี
เราเรยี นมาก็ดี ทงั้ สองอยา่ งนีเ้ ป็นอปุ กรณใ์ หจ้ ติ เกิดมีสมาธิ แต่
สมาธิท่ีเกิดจากบรกิ รรมภาวนานนั้ สว่ นมากเม่ือจติ สงบลงไป
แลว้ จะไมค่ อ่ ยเกิดความรูอ้ ะไรขนึ้ มา แตถ่ า้ สมาธิท่เี ราไดผ้ า่ น
การพจิ ารณาอะไรมาแลว้ เม่ือจิตสงบตงั้ ม่นั ลงเป็นสมาธิ จะทาํ
ใหเ้ กิดมีปัญญาในสมาธิขนึ้ มา เพราะอาศยั ปัญญาความรู้
13
ในทางท่ีเราทรงจาํ มาดว้ ยสญั ญานนั้ เป็นคณุ ธรรมเกือ้ กลู
อดุ หนนุ กนั ไป
น่ีขอ้ สงั เกตในการท่ีเราจะพงึ ทาํ ความเขา้ ใจในขณะท่ี
บาํ เพ็ญภาวนาและถา้ หากวา่ จิตของเราไดผ้ า่ นการพจิ ารณา
อะไรมาแลว้ เม่ือจติ สงบลงไปในขนั้ อปุ จาระสมาธิ ถา้ เกดิ
สตปิ ัญญาความรูข้ นึ้ มาเอง ปัญญาความรูอ้ นั นนั้ ยงั จะมีสมมุติ
บัญญัตอิ ยู่ เม่อื จติ รูอ้ ะไรขนึ้ มายงั จะเรยี กช่ือสง่ิ ท่ีรูน้ นั้ วา่ ส่งิ นนั้
เป็นส่งิ นี้ สง่ิ นีเ้ ป็นอยา่ งนนั้
แตถ่ า้ จิตสงบละเอยี ดลงไปกนั จรงิ ๆแลว้ จะใชค้ าํ วา่ จติ อยู่
ในระดบั ของอัปปนาสมาธกิ ็สดุ แทแ้ ตผ่ ฟู้ ังจะเขา้ ใจ แต่
ประสบการณบ์ างครงั้ ท่ีมนั เกิดขนึ้ นนั้ จติ อย่ใู นลกั ษณะท่ีสงบน่ิง
สวา่ ง มีความสวา่ งไสว แตก่ ็หากมีส่ิงซง่ึ ผ่านเขา้ มาเป็นเคร่อื งรู้
ของจิต เป็นเคร่อื งระลกึ ของสติอย่ตู ลอดเวลา แตส่ งิ่ ท่ีรู้ ท่ปี รากฏ
ขนึ้ มานนั้ จติ ไมม่ ีความสาํ คญั ม่นั หมายวา่ จะเรยี กสง่ิ นนั้ วา่ เป็น
อะไร มีแตส่ ิ่งท่ีมีอยเู่ ป็นอยตู่ ลอดเวลา อนั นีค้ ือลกั ษณะของภมู ิ
จิตท่ีสงบอยา่ งละเอยี ดแลว้ เกิดภมู คิ วามรูข้ นึ้ มา เขา้ ใจวา่ สจั
14
ธรรมท่ีเกิดขนึ้ กบั จติ นนั้ ย่อมอยเู่ หนือสมมุตบิ ญั ญัติ แมใ้ น
ขณะนนั้ จติ ตวั ผรู้ ู้ เคา้ ก็จะไมส่ มมตุ ิเรยี กตวั เคา้ เองวา่ จิตตวั ผรู้ ู้
แมแ้ ตส่ ิ่งท่ีรูท้ ่ปี รากฏอย่นู นั้ จติ ก็ไม่เรยี กวา่ อะไร เขา้ ใจวา่ ภมู ิ
ความรูใ้ นขนั้ นีอ้ ยใู่ นขนั้ ท่ีอยเู่ หนือสมมตุ บิ ญั ญตั ิ ของจรงิ ท่ี
ปรากฏขนึ้ กบั จิตของผภู้ าวนานนั้ จะตอ้ งอยเู่ หนือสมมตุ บิ ญั ญตั ิ
เสมอ ถา้ สิง่ ใดท่ียงั มีสมมตุ บิ ญั ญตั อิ ยู่ สิ่งนนั้ ก็ยงั ไมใ่ ชค่ วามจรงิ
หรอื ยงั ไม่ใชส่ จั ธรรม
อนั นีข้ อฝากใหส้ มาคมนนี้ าํ ไปพนิ ิจพจิ ารณาวา่ จะมีความ
เขา้ ใจจะมีความเหน็ อยา่ งไร สาํ หรบั การกลา่ วธรรมะอนั เป็นคติ
เตือนใจของทา่ นนกั ศกึ ษาและนกั ปฏบิ ตั ทิ งั้ หลายก็เหน็ วา่
พอสมควรแกก่ าละเวลา จงึ ขอยตุ ดิ ว้ ยประการะฉะนี้
ท่ีมา: https://youtu.be/1QvKeLfPM_w
15