The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แบบรายงานPLCเขตโรงเรียนบรรพตพิสัยพิทยาคม
แนวทางการแก้ไขปัญหาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ โดยใช้การสอนทักษะการเขียนแบบอรรถฐาน (Genre Based Approach)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by metta.tha, 2022-03-06 08:47:37

แนวทางการแก้ไขปัญหาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ โดยใช้การสอนทักษะการเขียนแบบอรรถฐาน (Genre Based Approach)

แบบรายงานPLCเขตโรงเรียนบรรพตพิสัยพิทยาคม
แนวทางการแก้ไขปัญหาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ โดยใช้การสอนทักษะการเขียนแบบอรรถฐาน (Genre Based Approach)

Keywords: แนวทางการแก้ไขปัญหาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ โดยใช้การสอนทักษะการเขียนแบบอรรถฐาน (Genre Based Approach),PLC

แบบรายงานผลการดาเนินงานชุมชนการเรยี นรู้ทางวชิ าชพี PLC ปกี ารศกึ ษา 2563 ง

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ โรงเรียน บรรพตพิสัยพทิ ยาคม ฝ
สานักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษานครสวรรค์

ชื่อผลงาน แนวทางการแกไ้ ขปัญหาทกั ษะการเขียนภาษาองั กฤษ ง

ชอ่ื -นามสกลุ ผู้นาเสนอผลงาน นางสาวศศชิ า นาแพง ตาแหน่ง ครู ง

Email Address [email protected] เบอร์โทรศพั ท์ 092-5191188 ง

ระยะเวลาท่ีดาเนนิ การ 3 – 24 พฤศจิกายน 2563 จานวน 5 ช่ัวโมง

จานวนสมาชกิ ในกลมุ่ 8 คน

รายชื่อสมาชกิ ในกลุ่ม PLC และบทบาท/หน้าที่

ที่ ช่อื -นามสกุล บทบาท/หนา้ ท่ี ตาแหน่ง

1 นางชรนิ รัตน์ แผงดี ADMINISTRATOR ผู้อานวยการ

2 นางปญั จพร ศริ ิชู MENTOR หัวหนา้ กลุ่มสาระฯ

3 นายกวีพัฒน์ ขุมโมกข์ EXPERT ครู

4 นางสาวศศิชา นาแพง MODEL TEACHER ครู

5 นายพีรินทร์ รตั นพงษ์ BUDDY TEACHER ครู

6 นางพรศิริ สรรพเพทยพิศาล BUDDY TEACHER ครู

7 นางสาวรุง่ ตะวนั สามญั BUDDY TEACHER นักศึกษาฝึก

ประสบการณว์ ชิ าชพี ครู

8 นางสาวสุภทั รา สระศรีแสง BUDDY TEACHER นกั ศกึ ษาฝกึ

ประสบการณว์ ิชาชีพครู

1. ขอ้ มลู พืน้ ฐาน
โรงเรยี นบรรพตพิสยั พทิ ยาคม เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ประจาอาเภอบรรพตพิสยั ต้งั อยู่เลขที่ 415

หมู่ 2 ตาบลทา่ ง้วิ อาเภอบรรพตพิสยั จังหวดั นครสวรรค์ เปดิ ทาการสอนตงั้ แตป่ กี ารศึกษา 2516 มีพื้นที่
ทั้งสิ้น 35 ไร่ ปจั จุบนั มนี กั เรียนรวมท้ังสิน้ 1,071 คน ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษารวมท้งั สิน้ 57 คน

ผู้บรหิ ารโรงเรียนคนปจั จบุ ัน คือ ดร.ชรินรตั น์ แผงดี โดยมีเป้าหมายการปฏบิ ัติงานของโรงเรยี น คอื ผู้เรียนมี
คุณภาพตามเกณฑม์ าตรฐานคุณภาพการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน ผูเ้ รียนมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และคุณลกั ษณะอันพงึ
ประสงค์ตามหลกั สูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน ผ้เู รียนมสี ุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี และผเู้ รียนมีทักษะดา้ น

ศลิ ปะ ดนตร/ี นาฏศิลป์ วรรณศิลป์และนนั ทนาการ วสิ ยั ทัศน์ของโรงเรยี น คอื ใฝ่เรียนรู้ คคู่ ณุ ธรรม นา
กฬี า รักษาวัฒนธรรมไทย ก้าวไกลส่สู ากล บนพ้ืนฐานของหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และ ปรชั ญา

ของโรงเรียน คือ โรงเรียนเปน็ แหลง่ สร้างเสรมิ ปัญญา ปัญญาเป็นแหล่งพฒั นาชีวติ ให้สมบรู ณ์ จากวิสัยทศั น์
เปา้ หมาย และ ปรชั ญาของโรงเรียน ดังกล่าว กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ จงึ ไดก้ าหนด เป้าหมาย
การปฏบิ ตั ิงานของกล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ โรงเรียนบรรพตพิสยั พทิ ยาคม ดงั น้ี มุง่ แกไ้ ขปญั หา

ทางการสื่อสารดว้ ยภาษาตา่ งประเทศตามศกั ยภาพและความสามารถของผู้เรยี น วิสัยทศั น์ของกลุ่มสาระการ
เรียนรู้ คือ ร้คู วามไมร่ ขู้ องผู้เรยี น แกไ้ ขจุดบกพร่อง ใหส้ ามารถสอ่ื สารได้ ปรัชญาของกล่มุ สาระการเรียนรู้

ภาษาต่างประเทศ คือ ไม่มีความไมร่ ใู้ ด ชนะความรกั ในการเรยี นรู้

2. ประเด็นปัญหา
เนื่องจากการเดินทางจากอาเภอบรรพตพิสัย เข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดนครสวรรค์ เป็นไปด้วย

ความสะดวก ผู้ปกครองจึงนิยมส่งนักเรียนในการปกครองที่เรียนอยู่ในเกณฑ์ดี เข้าศกึ ษาต่อในโรงเรียนที่มี
ชื่อเสียงในจังหวัดนครสวรรค์ หรือจังหวัดใกล้เคียง ส่วนนักเรียนของโรงเรียนบรรพตพิสัยพิทยาคม คือ
นักเรียนที่ผู้ปกครองเห็นความสาคัญของการศึกษาระดับปานกลาง และระดับผลการเรียนจากระดับ
ประถมศึกษาอยู่ในระดับกลาง ถงึ ต่า ประกอบกับ พื้นฐานความรู้ทางภาษาอังกฤษของนักเรียนตั้งแต่ระดับ
ประถมศึกษา ยังไม่ดีเท่าท่ีควร ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาเน่ืองจาก ไม่มีครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษท่ีจบวิชาเอก
ภาษาอังกฤษโดยตรงทาการสอนในระดับประถมศึกษา จึงทาให้นักเรียนอันเปน็ ผลผลิตท่ีป้อนเข้าสู่ โรงเรียน
บรรพตพิสัยพทิ ยาคม เป็นผลผลิตทม่ี ีคุณภาพทางความรู้ภาษาอังกฤษ ค่อนข้างต่า โดยเฉพาะด้านการเขียน
ครผู ู้สอนภาษาองั กฤษ ในโรงเรียนบรรพตพิสยั พิทยาคม พบปัญหามากมายในการสอนการเขียนภาษาองั กฤษ
ต้ังแต่การเขียน ตัวอักษร b และd ที่นักเรียนเขียนหัวของตัวอักษรผิดทิศทาง และจาผิดๆ นักเรียนเขียน
ประโยคแล้วไม่มีเครื่องหมาย (.) ปิดประโยค เขียนอักษรตัวเล็กทุกตัว ไม่ใช้ตัวอักษรตัวใหญ่เม่ือขึ้นต้น
ประโยค หรอื เขยี นประโยคโดยไม่มชี อ่ งไฟระหว่างคาต่อคา (เขยี นเหมือนการเขยี นภาษาไทย) ไปจนถงึ ปญั หา
ด้านโครงสร้างประโยค เขียนประโยคโดยส่ือความหมายไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะในการเขียน Past Simple
Tense ซึ่งจะต้องเปล่ียนกริยาไปใช้ กริยาช่องที่ 2 นักเรียนจะเติม -ed ในกริยาทุกตัว ในประโยคคาถาม
หรือ ประโยคปฏิเสธ นักเรียนยังคงเปล่ียนกริยาท่ีใช้ในประโยคเป็นกริยาช่องที่ 2 แทนที่จะใช้กริยาช่องที่ 1
ซึ่งเมื่อใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ(PLC) ในการพูดคุยกัน คุณครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาต่างประเทศ ของโรงเรยี นบรรพตพิสัยพิทยาคม ตา่ งพบปัญหากันเหล่านี้กันทุกคน จึงพดู คุยหาทศิ ทาง
การแก้ปัญหาเหลา่ นี้ เพ่อื พัฒนาการเขียนของนกั เรียนใหด้ ีขน้ึ

3. เปา้ หมายทก่ี าหนดไว้
3.1 ด้านปรมิ าณ
3.1.1. นักเรยี นรอ้ ยละ 70 มีพัฒนาการด้านทกั ษะการเขียน สามารถเขียน ตวั อักษร คา ประโยค

ได้ถูกตอ้ งและสามารถส่ือความไดค้ ุณครูมแี นวทางแก้ไขปัญหาที่คาดวา่ จะพบในการเรยี นการสอนทักษะการ
เขยี น โดยมแี นวทางทีร่ ะบไุ ว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ 3 แผนท่ไี ด้ร่วมกนั รา่ งขนึ้

3.1.2. คณุ ครูมีนวตั กรรมทเี่ กิดขึ้นเพ่อื ใชใ้ นการแกไ้ ขปัญหาที่คาดว่าจะพบในการเรยี นการสอน
ทกั ษะการเขยี น ไดแ้ ก่ แบบฝกึ หัด ชุดกิจกรรม หรือ เกม 3 ชดุ

3.1.3. คุณครมู ีแนวทางแกไ้ ขปญั หาที่คาดวา่ จะพบในการเรียนการสอนทักษะการเขียน โดยมี
แนวทางที่ระบไุ ว้ในแผนการจัดการเรยี นรู้ 3 แผนท่ไี ด้รว่ มกนั ร่างขนึ้

3.2 ดา้ นคณุ ภาพ
3.2.1. ผเู้ รียนมที ัศนคติท่ดี ตี ่อภาษาอังกฤษ
3.2.2. ผเู้ รียนมีความมัน่ ใจในการใช้ Past Simple Tense เขียนบรรยายภาพเหตุการณ์ทีผ่ ่าน

มาแล้วได้ถกู ตอ้ ง
3.2.3. คณุ ครูมีความม่นั ใจและภาคภูมิใจที่สามารถขจัดความผดิ พลาดในการเขียนภาษาองั กฤษของ

ผเู้ รยี นได้
3.2.4. มีแนวทางสอนทกั ษะการเขยี นท่ีชัดเจน ปฏบิ ัติตามได้

4. การวางแผนการดาเนนิ งาน

สร้างทมี

เลือกและกาหนด วเิ คราะห์สาเหตุ
ปัญหาทสี่ าคัญ ศกึ ษา คิดค้นหา
วธิ ีแก้ปัญหา
เรง่ ดว่ น

รว่ มกนั สรา้ งสื่อนวตั กรรม
และแผนการจัดการเรียนรู้

เพอื่ นาไปใชแ้ กป้ ญั หา

กาหนดระยะเวลา
การทดลองใช้

นวตั กรรมและแผน
ทสี่ ร้าง

ทดลองใช้
นวตั กรรมและ
แผนทสี่ รา้ งใน

ห้องเรียน

ประเมนิ ผลการทดลองสอน นากลับมาพดู คยุ กับทีม

สอบถามขอ้ เด่น ข้อด้อย
จากครผู ู้สอนและผเู้ รียน

รว่ มวเิ คราะหแ์ ก้ไขข้อด้อย

ปรบั ปรุงเพ่ือนากลับไปใชใ้ น
ระดับชน้ั อน่ื

5. วิธกี าร/ ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน/ กระบวนการทางาน
5.1 แนวทางในการแก้ปัญหาโดยใชก้ ารสอนทักษะการเขียนแบบอรรถฐาน (Genre Based

Approach) ซ่งึ เนน้ การสอื่ เน้ือความจากบรบิ ททางภาษาในสถานการณ์ วฒั นธรรมอิทธิพลตอ่ การใช้ภาษาของ
บุคคลที่แตกต่างกนั ตามอรรถลักษณะ จะชว่ ยให้ผู้เรยี นเขา้ ใจภาษาในสถานการณต์ ่าง ๆ ซงึ่ จะช่วยใหส้ ามารถ

เข้ารว่ มกจิ กรรมในสงั คมไดเ้ ปน็ อย่างดี (Miller, 1984) จึงกล่าวได้วา่ การใชภ้ าษาเพ่อื การสอ่ื เนอ้ื ขอ้ ความ จาก
ปรบิ ทของภาษาเป็นหลกั การสาคญั ของแนวคิดการสอนเขียนแบบอรรถฐาน มี 4 ข้นั ตอนประกอบด้วย

ขัน้ ท่ี 1 การใหข้ อ้ มลู (Input Ideas) เปน็ การใหข้ ้อมลู ทจ่ี าเป็นในการเขยี น คอื คาศพั ท์ วลี

และรูปแบบประโยคในการเขยี น
ขั้นท่ี 2 การให้รปู แบบ (A Modeling Stage) ผูเ้ รียนได้ทาความรจู้ กั กบั รปู แบบการเขยี น

จากการศึกษาตัวอยา่ งงานเขียนท่ีผู้สอนแจก
ขน้ั ท่ี 3 การระดมสมอง (A Joint Negotiation Stage) ผู้เรยี นเร่มิ ฝึกเขยี นตามรูปแบบของ

อรรถลกั ษณ์การเขยี น และ

ข้ันท่ี 4 การฝกึ เขยี นอิสระ (An Independent Stage) ผูเ้ รียนลงมอื เขยี นเอง เชน่ บรรยาย
ภาพเอง เป็นตน้

5.2 ร่วมสร้างนวัตกรรม ชุดกิจกรรม หรือ ส่ือการสอนท่ีเป็นชุดสื่อประสม หรือสื่อการเรียน
สาเร็จรูป ซึ่งประกอบดว้ ย ช่ือเรื่อง คาชี้แจง จุดมุง่ หมาย เนื้อหา กิจกรรม วัสดุอุปกรณ์ การวัดประเมินผล ที่รวบรวม
ไว้เป็นหน่วยการเรียนรู้อย่างมีระบบ ที่ครูผู้สอนเป็นผูส้ ร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาและเกิดการเรียนรู้ด้วย

ตนเองจากประสบการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมจะต้องคานึงถึงส่ิง
ต่อไปนี้

1. ความต้องการ ความถนัด ความสามารถ ความสนใจของผู้เรียนที่มีลักษณะแตกต่างและเป็น
เอกลกั ษณ์เฉพาะบุคคล

2. เน้นการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนทากิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง ครู เปน็ เพียงผู้ให้ความ

ช่วยเหลือ และใหค้ าแนะนาเท่าน้ัน
3. ใช้สอ่ื อุปกรณท์ ี่เหมาะสมและสามารถถา่ ยทอดความรู้ใหก้ บั ผเู้ รยี นได้

4. ช้ีแจงจุดประสงค์การเรียนรู้ และการพิจารณาตัดสินผลการเรยี นใหน้ ักเรียนทราบล่วงหน้า ผู้เรียน
ควรมีส่วนร่วมในกิจกรรมและประเมินผลตนเองและควรมีการเสริมแรงให้กับผู้เรียนอย่างต่อเน่ือง เพื่อใช้ในการแก้ไข
ปัญหาทพ่ี บในการสอนการเขียนภาษาอังกฤษ

5.3 รว่ มร่างแผนการจดั การเรียนรู้เพ่ือเป็นแนวทางในการนาแนวการสอนและสื่อนวัตกรรมไปใช้
สอนในหอ้ งเรียน

6. ผลการดาเนินงาน/ ผลลัพธ์ท่เี กดิ ข้นึ จริง
6.1 บคุ ลากรในกลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นบรรพตพิสัยพทิ ยาคมตระหนักถึง

ปญั หาด้านการสอนทกั ษะการเขียนรว่ มกนั และได้รว่ มกันแสดงแนวทางแก้ไขตามท่ีไดป้ ฏบิ ตั มิ า

6.2 บคุ ลากรในกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นบรรพตพิสยั พทิ ยาคมไดร้ ่วมกนั
สรา้ งสรรค์ นวตั กรรม การสอนทกั ษะการเขียนแบบอรรถฐาน (Genre Based) เพอ่ื ใช้ในการสอนทักษะการ

เขยี นได้ทง้ั ระบบการสอน แบบ on line และ on site
6.3 บุคลากรในกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นบรรพตพิสัยพทิ ยาคม ร่วมรบั ฟงั

ความคิดเห็นและนาผลการปฏิบัตทิ ่ีต่างคนไดน้ านวัตกรรมไปใช้ เพ่อื หาขอ้ ดี และข้อเสยี

6.4 ผเู้ รยี นไดร้ ับการพฒั นาทักษะการเขยี นบรรยายภาพเรื่องราวทผี่ า่ นมาแลว้ ดังตารางตอ่ ไปนี้

ตารางที่ 1 ผลความก้าวหน้าในการเขยี น Past Simple เพือ่ การบรรยายภาพหลงั เรียนโดยใชร้ อ้ ยละของ
ความกา้ วหน้า

นักเรียนคนท่ี คะแนนสอบหลงั เรยี น คะแนนเต็มของการทดสอบ 10 คะแนน
1 8
2 7 ร้อยละของคะแนนเกณฑ์ท่ีต้องการทดสอบ 60 %
3 7
4 8
5 10
6 9
7 9
8 8
9 8
10 8
11 7
12 8
13 7
14 8
15 8
16 8
17 10
18 7
19 8
20 7
21 8
22 7
23 9
24 7
25 9
26 9
27 8
28 7
29 10
30 8
31 9
32 10
33 9

นักเรยี นคนที่ คะแนนสอบหลังเรียน คะแนนเตม็ ของการทดสอบ 10 คะแนน
34 8
35 10 รอ้ ยละของคะแนนเกณฑท์ ตี่ อ้ งการทดสอบ 60 %

จากตารางที่ 1 โดยภาพรวมคะแนนความสามารถในการเขียน Past Simple เพอื่ การบรรยายภาพ
หลังเรียนสูงกว่าเกณฑท์ ่ีกาหนด คือ ร้อยละ 60
ตารางท่ี ๒ คา่ เฉล่ีย สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ค่าสถิติทดสอบที และระดับนัยสาคญั ทางสถิตขิ องการ

ทดสอบเปรยี บเทียบเกณฑ์รอ้ ยละ 60 กับความสามารถในการเขยี น Past Simple เพื่อการบรรยายภาพ
หลังเรยี นของนกั เรยี น

One-Sample Statistics

ผลการหาคา่ ทางสถิติทดสอบความสามารถใน N Mean Std. Std. Error
การเขียน Past Simple เพอ่ื การบรรยายภาพ 35 8.23 Deviation Mean

1.00 .16

One-Sample Test

Test Value = 6

95% Confidence Interval of

Mean the Difference

t df Sig. (2-tailed) Difference Lower Upper

13.15 34 .00 2.22 1.88 2.57

จากตารางที่ 2 พบวา่ ความสามารถทางการเขียน Past Simple เพอื่ การบรรยายภาพเหตุการณ์ท่ี
ผ่านมาแล้วหลงั เรียนของนักเรียนขน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3/2 มคี ะแนนเฉลยี่ เท่ากับ 8.23 และมี Standard
Error ท่ี .16 จะเหน็ ไดว้ า่ คะแนนเขยี น Past Simple เพ่ือการบรรยายภาพ หลังเรียนที่นักเรียนไดม้ ากกวา่
เกณฑท์ กี่ าหนด คือ ร้อยละ 60 หรอื 6 คะแนน มนี ัยสาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .00 และมีค่าเบย่ี งเบน
มาตรฐาน คอื 1.00

7. ปจั จัยทีส่ ง่ ผลใหก้ ารดาเนนิ งานประสบความสาเรจ็
7.1 การรับฟงั ความคดิ เห็นซง่ึ กนั และกันของบคุ ลากรในกลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ

โรงเรียนบรรพตพิสยั พทิ ยาคม
7.2 ความรว่ มมือร่วมใจ พยายามแกไ้ ขปัญหาอย่างแท้จริงของบคุ ลากรในกลุ่มสาระการเรียนรู้

ภาษาต่างประเทศ โรงเรยี นบรรพตพิสัยพทิ ยาคม เพือ่ บรรลุเป้าหมายของการแก้ไขปัญหาดา้ นทกั ษะการเขยี น
ภาษาองั กฤษของนักเรยี น

7.3 ความสนใจใฝ่เรยี นรู้ของผู้เรยี นท่พี ยายามแกไ้ ขสิ่งบกพรอ่ งของตนเองในการฝกึ ทกั ษะการ
เขยี นแต่ละคร้งั

7.4 การใหข้ วัญกาลังใจเสริมแรงจากผ้บู รหิ าร และทีมงานทกุ ท่าน

8. อุปสรรค/ ข้อจากดั / ข้อขัดขอ้ ง ทีพ่ บในการดาเนนิ งาน
8.1 บุคลากรในกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นบรรพตพสิ ัยพทิ ยาคม มภี ารกจิ

งานพิเศษอ่ืน ซง่ึ ทาใหก้ ารทุ่มเทการแกไ้ ขปญั หาให้นักเรยี นนอ้ ยลง
8.2 นักเรียนบางคนไมพ่ ร้อมเขา้ สู่การแก้ไขปญั หา ยังไม่เกดิ ความเข้าใจในงานที่ครใู ห้ทา ยังยึด

การคัดลอกงานของเพื่อน ไม่คิดจะทาเอง
8.3 พ้ืนฐานนักเรยี นบางห้อง อ่อนมาก ครตู อ้ งใหค้ วามใสใ่ จในการแกไ้ ขปัญหาเป็นอย่างมากจงึ

จะประสบความสาเรจ็

9. ประเดน็ ที่ไดเ้ รยี นรู้
9.1 ครูผู้สอนแต่ละระดบั ชั้นจะต้องใช้เวลาในการสร้างส่ือ ศกึ ษาแนวการสอนที่เหมาะสมกบั การ

เรียนการสอนทักษะทางภาษาอ่ืนๆ ร่วมกันเพ่ือทาให้การเรียนการสอนง่ายข้ึน นักเรียนเกิดความเข้าใจได้
และมีความมน่ั ใจในการใชท้ กั ษะทางภาษาในหอ้ งเรยี น และนอกหอ้ งเรยี น

9.2 นักเรียนท่ีมีพ้ืนฐานความรู้ภาษาอังกฤษไม่มาก ต้องการความช่วยเหลือจากครูผู้สอนในการ
ชีแ้ นะแนวทางในการเขยี น ครูตอ้ งดแู ลนักเรยี นกลุ่มนี้ตามสมควร

9.3 กจิ กรรมชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ (PLC) ทาให้ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาไดร้ ะดมพลังสมอง
ในการคดิ แก้ปญั หาการเรียนรู้ของผเู้ รียนได้

10. ขอ้ เสนอแนะในการดาเนินงานครั้งต่อไป
10.1 ควรจะได้รว่ มกนั สร้างนวัตกรรม หรอื แนวทางแกป้ ัญหาทกั ษะอ่ืนๆ ตอ่ ไป เพอื่ นาไปใช้

ร่วมกัน และได้ร่วมกนั ปรบั ปรงุ แก้ไขจนเกดิ ประสิทธภิ าพ
10.2 เนน้ เร่อื งการสอนทน่ี าไปส่กู ารวิจัยในชน้ั เรยี น

11. นวตั กรรมทีเ่ กิดข้ึน
11.1 ชุดกจิ กรรมการสอนทกั ษะการเขียน เรอ่ื ง Past simple
11.2 แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการสอนเรื่อง Past simple

12. ภาพถ่าย/ รอ่ งรอย/ หลักฐานอนื่ ๆ เช่น แผนการสอน, ตัวอย่างผลงานนักเรียน ประกอบกิจกรรม
PLC

12.1 บนั ทึกการประชุม PLC ของกล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นบรรพตพิสัย
พิทยาคม

12.2 แผนการจดั การเรียนรปู้ ระกอบนวัตกรรม
12.3 ชุดกจิ กรรมการสอนทกั ษะการเขยี น เร่ือง Past simple ตามทฤษฎกี ารสอนทักษะการ
เขียนแบบอรรถฐาน (Genre Based Approach)
12.4 ตัวอย่างผลงานนักเรยี น แบบ on line





แบบบนั ทึกชมุ ชนแหง่ การเรียนรเู้ ชิงวชิ าชีพ (Professional Learning Community)
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ง

ชื่อกลุม่ กิจกรรม ภาษาอังกฤษ

ชอ่ื กจิ กรรม พฒั นาการเขยี นภาษาองั กฤษ
ชื่อสมาชกิ จานวนสมาชกิ 7 คน

ที่ ช่ือ-นามสกุล บทบาท

1 นางสาวศศิชา นาแพง ครผู สู้ อน (Model teacher)

2 นายกวพี ฒั น์ ขมุ โมกข์ ครรู ่วมเรยี นรู้ (Buddy teacher)

3 นายพรี นิ ทร์ รตั นพงษ์ ครรู ่วมเรียนรู้ (Buddy teacher)

4 นางพรศิริ สรรพเพทยพิศาล ครูรว่ มเรยี นรู้ (Buddy teacher)

5 นางสาวสภุ ัทรา สระศรแี สง ครูรว่ มเรยี นรู้ (Buddy teacher)

6 นางสาวรงุ่ ตะวนั สามัญ ครรู ว่ มเรยี นรู้ (Buddy teacher)

7 นางปญั จพร ศริ ิชู ผ้เู ชยี่ วชาญ (Expert)

ครงั้ ที่ 6 วัน/เดือน/ปี 3 พฤศจกิ ายน 2563 ง
สถานที่ ห้องพกั ครกู ล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ จานวนชั่วโมง 1 ช่ัวโมง

1. ขัน้ ตอน ขั้นตอนที่ 2 สรา้ งแผนการจดั การเรยี นรู้สผู่ ูเ้ รียน
 ขนั้ ตอนท่ี 1 วิเคราะหป์ ญั หาพิจารณาทางแก้ไข ขน้ั ตอนท่ี 4 สรุปผลการดาเนินงาน

ขน้ั ตอนที่ 3 ปฏิบตั กิ ารสอนสะทอ้ นความคิด

2. ประเดน็ ปัญหาการเรียนการสอนการเขียนภาษาอังกฤษ

3. สาเหตุ : การเขียนเป็นทักษะหนึ่งที่นกั เรยี นจะตอ้ งฝึกฝน จนสามารถเขยี นประโยคเพ่อื ส่อื สารให้ผ้อู ่ืน
เขา้ ใจได้ แต่การสอนในปัจจบุ ันกลับพบว่านักเรียนไม่สามารถเขียนประโยคใหส้ อื่ ความได้
4. ความรู้หลกั การที่นามาใช้ : หลักการสอนการเขียนภาษาอังกฤษ
5. กิจกรรมทที่ า :

1. สอบถามรปู แบบการเรียนการสอนการเขยี นภาษาอังกฤษของครูแต่ละคน และปัญหาท่ี
พบในการสอนการเขียนภาษาอังกฤษ

2. บันทึกปัญหาทพี่ บในแต่ละระดบั ช้ัน
3. พูดคยุ เรอื่ งวิธีการแก้ไขปัญหาในการตรวจงานเขียน

6. ผลที่ได้จากกจิ กรรม :
1. พบขอ้ ผดิ พลาดมากที่สดุ ในเร่อื งของการเขียนอกั ษรตวั ใหญเ่ ล็กในประโยคไมถ่ ูกต้อง การไมใ่ ช้

เครอื่ งหมาย fullstop (.) เมอ่ื จบประโยค การเขียนอกั ษร b และ d กลบั ดา้ น การเขยี นประโยคโดยไม่มี
ประธาน

2. พบวา่ ครแู กไ้ ขโดยเขยี นสิ่งท่ถี กู ตอ้ งลงในผลงานของนกั เรยี นดว้ ยปากกาสแี ดง

7. การนาผลที่ไดไ้ ปใช้ :
คณุ ครูรว่ มกนั คิดหาวธิ ีแกไ้ ขปญั หาที่พบมากท่ีสุด

อ่นื ๆ : ……………………………………………………………………………………………………………………………………



บันทกึ เพมิ่ เตมิ

ปญั หาที่พบจากการตรวจงานเขยี นนักเรียน ไดแ้ ก่ ง

1. นักเรียนสะกดคาไม่ถกู ตอ้ ง ง

2. นกั เรียนเขยี นตัวอกั ษรบางตัวไมช่ ัดเจน เชน่ a และ u r และ v t และ l ‘

3. นกั เรยี นใชต้ ัวอกั ษรตัวใหญ่ไมถ่ กู ต้อง เช่น ชอ่ื คน ชื่อประเทศใช้ตัวอกั ษรตัวเลก็ หรือ ง

เขยี นอักษรตัวใหญ่เล็กในประโยคแบบไม่มกี ฎเกณฑ์ใดๆ เขียนตามความพอใจของตนเอง ง

4. โครงสรา้ งประโยคไม่ถูกต้อง ไม่มปี ระธาน ไมเ่ ปน็ ประโยค หรือใช้ประธาน I เพยี งอย่าง

เดียว ง
5. นักเรียนเขยี นประโยคโดยไม่เว้นชอ่ งไฟในแตล่ ะคา ทาให้อ่านไม่เข้าใจ และตวั นกั เรียน

เองกไ็ ม่สามารถอา่ นได้ 5.

6. เมื่อนกั เรยี นตอ้ งการเขยี นประโยคแต่ไม่สามารถเขยี นเป็นภาษาอังกฤษได้ นกั เรยี นจะ

เขยี นเป็นภาษาไทย และใช้ application ออนไลนช์ ่วยเขยี น และไมต่ รวจสอบความ

ถูกต้อง จึงพบข้อผิดพลาดจากการเขียนมาก น

7. นกั เรียนมักจะคดั ลอกงานเขียนของเพ่อื นมากกว่าจะเขียนดว้ ยตนเองทาให้ขาดการฝกึ ฝน

8. นักเรียนมีความเขา้ ใจผิดในการเขยี นตวั อกั ษรบางตวั เช่น b และ d h และ n t

ซ่งึ จะพบขอ้ ผิดพลาดบอ่ ยมาก ในทุกระดบั ชนั้

9. นักเรียนไมค่ ่อยมคี วามคิดสร้างสรรค์ หากคุณครใู ห้ตวั อย่าง ประโยคที่นักเรยี นเขียนจะ n

คลา้ ยของครมู าก หรือไม่เปลย่ี นแปลงเลย ‘

10. นกั เรยี นมีความรูเ้ รือ่ งของคาศัพทแ์ ละโครงสร้างประโยคนอ้ ย ตอ้ งปรึกษาเพือ่ น ครู หรอื

application บ่อยคร้งั จึงควรสอนการเขียน ควบคู่ไปกับการสอนโครงสรา้ งประโยคตา่ งๆ

และตามเนอ้ื หาท่มี โี ครงสร้างประโยคนนั้ ๆ ใหเ้ ห็นในเนอื้ หา ะ

แบบบนั ทึกชุมชนแห่งการเรียนรเู้ ชงิ วิชาชีพ (Professional Learning Community)
ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ง

ช่ือกลมุ่ กิจกรรม ภาษาอังกฤษ
ชอ่ื กิจกรรม พฒั นาการเขียนภาษาองั กฤษโดยใช้แนวการสอนแบบอรรถฐาน (Genre Based
Approach)
ชื่อสมาชกิ จานวนสมาชิก 7 คน

ที่ ชอ่ื -นามสกลุ บทบาท

1 นางสาวศศิชา นาแพง ครผู สู้ อน

2 นายกวีพัฒน์ ขุมโมกข์ ครูรว่ มเรยี นรู้

3 นายพีรินทร์ รตั นพงษ์ ครรู ว่ มเรยี นรู้

4 นางพรศริ ิ สรรพเพทยพิศาล ครรู ่วมเรยี นรู้

5 นางสาวสุภัทรา สระศรแี สง ครูร่วมเรยี นรู้

6 นางสาวรงุ่ ตะวนั สามัญ ครรู ่วมเรียนรู้

7 นางปญั จพร ศิรชิ ู ผเู้ ช่ียวชาญ

ครงั้ ท่ี 7 วนั /เดือน/ปี 10 พฤศจิกายน 2563 ง
สถานที่ หอ้ งพกั ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ จานวนช่วั โมง 2 ชัว่ โมง

1. ข้ันตอน ข้ันตอนที่ 2 สรา้ งแผนการจดั การเรยี นรสู้ ผู่ ู้เรยี น
ข้นั ตอนท่ี 1 วเิ คราะห์ปัญหาพจิ ารณาทางแก้ไข ขนั้ ตอนที่ 4 สรปุ ผลการดาเนนิ งาน
ขนั้ ตอนที่ 3 ปฏบิ ัตกิ ารสอนสะทอ้ นความคิด

2. ประเดน็ แนวทางการปัญหาการเรยี นการสอนการเขยี นภาษาองั กฤษโดยใชแ้ นวการสอนแบบอรรถฐาน
(Genre Based Approach)

3. สาเหตุ : การเขยี นเป็นทกั ษะหนึ่งทน่ี ักเรยี นจะต้องฝกึ ฝน จนสามารถเขียนประโยคเพ่อื สือ่ สารใหผ้ ้อู ่นื
เขา้ ใจได้ แตก่ ารสอนในปจั จบุ นั กลับพบว่านกั เรียนไม่สามารถเขียนให้สอื่ ความได้

4. ความรู้หลักการทนี่ ามาใช้ : แนวการสอนการเขยี นภาษาองั กฤษแบบอรรถฐาน (Genre Based
Approach)

5. กิจกรรมที่ทา :
1. รว่ มกันหารปู แบบการแกไ้ ขปญั หาทีพ่ บในการเรียนการสอนการเขยี นภาษาองั กฤษของ

ครแู ตล่ ะท่าน โดยใชแ้ นวทางการสอนในแผนการสอนแบบอรรถฐาน (Genre Based Approach)
นามาปรับเปล่ียนให้เปน็ แนวทางแก้ปญั หาเดยี วกัน

2. รว่ มกันศึกษาและหารูปแบบแผนการสอนเพอื่ ปรับเปลย่ี นใช้แกป้ ญั หาการเขียน
3. ร่วมกนั หาวธิ กี ารในการตรวจงานเขยี นของนักเรยี น สงั เกตการแกไ้ ขงาน

6. ผลที่ได้จากกจิ กรรม :
1. คุณครูได้แนวทางเขยี นแผนการจดั การเรียนร้กู ารเรยี นการสอนภาษาองั กฤษที่เหมาะสมกบั ระดับ

ของตนเอง
2. ปรับเปลี่ยนวิธีแก้ไขงานของครู ด้วยการตรวจผลงานของนักเรียนดว้ ยดนิ สอ และชี้ใหเ้ ห็น

ข้อผดิ พลาดที่พบมากในข้นั สรปุ ของแผนการจัดการเรยี นรู้
7. การนาผลทีไ่ ดไ้ ปใช้ :

คณุ ครูนาแนวทางทไ่ี ดไ้ ปเขยี นแผนการจัดการเรยี นรเู้ พอ่ื แก้ไขปัญหาดา้ นการเขียนของนกั เรยี น

อ่นื ๆ : ……………………………………………………………………………………………………………………………………



บนั ทกึ เพม่ิ เติม

หลักการสาคญั ของแนวคิดการสอนเขยี นแบบอรรถฐาน มี 4 ขน้ั ตอนประกอบด้วย
ขนั้ ที่ 1 การให้ข้อมูล (Input Ideas) เป็นการใหข้ ้อมลู ที่จาเป็นในการเขียน คอื คาศพั ท์ วลี

และรูปแบบประโยคในการเขยี น ซง่ึ เป็นขอ้ มูลท่ีอยู่ในเนอ้ื หาการอ่าน (Reading) ของแตล่ ะระดับชน้ั อยูแ่ ลว้
หากคาศพั ท์ หรอื โครงสร้างทางไวยากรณใ์ ดที่เน้ือหานาเสนอ ครคู วรหยบิ ยกมาสอนให้นักเรยี นเนน้ ย้าให้
นักเรียนไดใ้ ชค้ าศพั ทใ์ นเนือ้ หาน้ันซ้าๆ เพ่ือจะได้เกิดความจา จากการนามาใช้บ่อยๆ

ข้นั ที่ 2 การให้รปู แบบ (A Modeling Stage) ผูเ้ รยี นได้ทาความรจู้ กั กบั รูปแบบการเขยี น
จากการศกึ ษาตวั อย่างงานเขียนท่ีผู้สอนแจก และการอา่ นจากเน้ือหาในบทเรยี น

ขน้ั ท่ี 3 การระดมสมอง (A Joint Negotiation Stage) ผเู้ รียนเรม่ิ ฝกึ เขยี นตามรูปแบบของ
การสอนเขียนแบบอรรถฐาน โดยการเติมคาในประโยค เพอ่ื ฝึกการใชโ้ ครงสรา้ งไวยากรณ์ท่ีไดศ้ กึ ษามาแลว้

ข้ันท่ี 4 การฝึกเขยี นอิสระ (An Independent Stage) ผเู้ รียนลงมือเขยี นเอง เช่น บรรยาย
ภาพเอง บรรยายเรื่องราวของตนเอง เป็นต้น

แบบบันทึกชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้เชงิ วชิ าชพี (Professional Learning Community)
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 ง

ช่ือกลุ่มกิจกรรม ภาษาอังกฤษ
ช่ือกิจกรรม พัฒนาการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้แนวการสอนแบบอรรถฐาน (Genre Based
Approach)
ชื่อสมาชิก จานวนสมาชกิ 7 คน

ท่ี ชื่อ-นามสกุล บทบาท

1 นางสาวศศชิ า นาแพง ครผู สู้ อน ครูผู้สอน (Model teacher)

2 นายกวีพัฒน์ ขุมโมกข์ ครูรว่ มเรียนรู้ (Buddy teacher)

3 นายพีรนิ ทร์ รตั นพงษ์ ครรู ว่ มเรียนรู้ (Buddy teacher)

4 นางพรศริ ิ สรรพเพทยพิศาล ครูรว่ มเรยี นรู้ (Buddy teacher)

5 นางสาวสุภัทรา สระศรีแสง ครูร่วมเรยี นรู้ (Buddy teacher)

6 นางสาวรงุ่ ตะวนั สามัญ ครูร่วมเรียนรู้ (Buddy teacher)

7 นางปัญจพร ศิริชู ผ้เู ชย่ี วชาญ (Expert)

ครง้ั ท่ี 8 วัน/เดือน/ปี 24 พฤศจกิ ายน 2563 ง
สถานที่ หอ้ งพักครกู ลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ จานวนชวั่ โมง 2 ชว่ั โมง

1. ข้ันตอน ขน้ั ตอนที่ 2 สรา้ งแผนการจดั การเรยี นรู้สผู่ เู้ รียน
ขัน้ ตอนที่ 4 สรปุ ผลการดาเนินงาน
ขนั้ ตอนที่ 1 วเิ คราะหป์ ัญหาพิจารณาทางแก้ไข
 ข้ันตอนที่ 3 ปฏิบัติการสอนสะท้อนความคิด

2. ประเด็น สะท้อนผลการแกป้ ญั หาการเรียนการสอนการเขยี นภาษาอังกฤษโดยใชแ้ นวการสอนแบบ
อรรถฐาน (Genre Based Approach)

3. สาเหตุ : การเขยี นเป็นทักษะหนง่ึ ท่ีนกั เรียนจะต้องฝึกฝน จนสามารถเขียนประโยคเพื่อสอ่ื สารให้ผ้อู น่ื
เข้าใจได้ แต่การสอนในปัจจุบนั กลับพบวา่ นกั เรยี นไม่สามารถเขียนให้ส่อื ความได้

4. ความรหู้ ลกั การทน่ี ามาใช้ : หลกั การสอนการเขียนภาษาอังกฤษโดยใชแ้ นวการสอนแบบอรรถฐาน
(Genre Based Approach)

5. กจิ กรรมท่ที า :
1. ร่วมกันนาเสนอข้อดี ขอ้ เสยี ของการนาแผนการจัดการเรยี นรู้ทไ่ี ด้ตกลงกนั ในครง้ั ก่อนไป

ใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน
2. บนั ทึกขอ้ ดเี พ่ือนาไปใชซ้ า้ กับการเรยี นการสอนตอ่ ไป และนาขอ้ เสียมาปรับปรุงหา

จุดบกพร่อง

6. ผลที่ไดจ้ ากกิจกรรม :
1. คณุ ครไู ดแ้ นวทางการพัฒนาการเรียนการสอนการเขยี นภาษาองั กฤษทีเ่ หมาะสมกับระดบั ของ

ตนเอง

7. การนาผลทีไ่ ดไ้ ปใช้ :
คณุ ครูนาแนวทางที่ได้ไปเขียนแผนการจัดการเรียนร้เู พอื่ แกไ้ ขปญั หาดา้ นการเขียนของนักเรยี นไปใช้

อยา่ งจรงิ จงั เพ่อื พฒั นาทกั ษะการเขียนของนกั เรยี น

อน่ื ๆ : ……………………………………………………………………………………………………………………………………



บนั ทกึ เพมิ่ เตมิ

ข้อดจี ากการใช้แผน ขอ้ เสยี จากการใชแ้ ผน
1. นกั เรยี นได้ฝึกใช้โครงสร้างประโยคท่ีศกึ ษาซา้ ๆ 1. ครตู อ้ งใชเ้ วลาเตรยี มแบบฝึกหัด หรอื จัดชุด
ทาใหเ้ กิดความคลอ่ ง และคดิ เปน็ กจิ กรรมใหเ้ หมาะสม เพ่ือให้ผ้เู รียนไดฝ้ กึ ฝนได้เตม็ ท่ี
และตรงประเดน็
2. นกั เรียนมคี วามม่ันใจ เกิดความคิดสร้างสรรค์ 2. ใชเ้ วลาในการเรยี นร้นู าน
มากขึน้
3. ครูมีส่อื การสอนที่สามารถใชห้ รือพัฒนาตอ่ ไปได้ 3. ผูเ้ รียนอาจเกิดความเบ่ือหน่ายต่อการทาแบบฝกึ
มากๆ



แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 11

กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 2

รหสั วิชา อ 23102 รายวชิ า ภาษาองั กฤษ

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 Past Simple จานวนชว่ั โมงรวม 6 ชวั่ โมง

เรอื่ ง Regular and Irregular จานวน 2 ช่ัวโมง

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. สาระสาคัญ
การเรยี นรูเ้ ก่ียวกบั Past Simple Tense จะเปน็ แนวทางในการส่อื สารของผูเ้ รียนผา่ นการเล่า

เรื่องราวท่ีเกิดขึ้นในอดีตและจบลงในอดีต โดยกริยาทใ่ี ช้ในการเล่าเรื่องในอดตี คอื กริยาชอ่ งที่ 2 ซึง่ แบ่งเปน็
Regular และ Irregular หากผู้เรียนเกดิ ความเข้าใจและสามารถนาไปใช้ได้ จะทาให้ผ้เู รียนมีความสามารถใน
การสือ่ สารภาษาองั กฤษได้ ชัดเจนและเกิดความเข้าใจมากข้ึน

2. มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั

มาตรฐาน
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทง้ั ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม
ตวั ช้วี ัด

ต 4.1 ม 3/1 ใชภ้ าษาสอื่ สารในสถานการณจ์ รงิ /สถานการณจ์ าลองทีเ่ กิดข้ึนในห้องเรียน สถานศกึ ษา ชุมชน
และสังคม

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. เรยี นรู้และเข้าใจ Regular and Irregular

2. เขียนแยก Regular and Irregular ได้ถกู ต้อง
3. ผเู้ รยี นใฝเ่ รยี นรแู้ ละมุ่งมัน่ ในการทางาน

4. สาระการเรยี นรู้
Regular and Irregular หมายถึง กริยาชอ่ งที่ 2 ท่ีใชใ้ นประโยค past simple tense มีความ

แตกต่างกัน ดังนี้

Regular verb Irregular verb

คอื กรยิ าท่ีเติม ed ทา้ ยกริยาช่องที่ 1 แล้วกรยิ า คอื กรยิ าทีม่ กี ารเปล่ยี นรูปจากกริยาชอ่ งที่ 1 เปน็
นัน้ จะเปลยี่ นเปน็ ช่องท่ี 2 เช่น ชอ่ งที่ 2 และ ช่องบท่ี 3 ซ่ึงเราเรียกวา่ กริยา 3
ช่อง
talk ชอ่ งที่ 2 คือ talked ช่องที่ 1 ภาษาอังกฤษเรยี กวา่ Infinitive
start ชอ่ งท่ี 2 คอื started ชอ่ งท่ี 2 ภาษาอังกฤษเรยี กว่า Past
แตม่ ีกริยาบางตัวทมี่ กี ารเติม ed ท่ีแตกตา่ งจาก ชอ่ งท่ี 3 ภาษาอังกฤษเรียกวา่ Past Participle
กริยาอนื่ ดงั นี้

Regular verb Irregular verb
วธิ กี ารเติม ed
1) กรยิ าที่ลงท้ายด้วย e เติม d เท่าน้ัน เช่น ตวั อย่าง เชน่
know knew known
change ชอ่ งที่ 2 คอื changed buy bought bought
rise rose risen
decide ชอ่ งท่ี 2 คือ decided

2) กริยาลงท้ายด้วย y ใหเ้ ปล่ียน y เป็น i ก่อน
เตมิ ed เชน่
try ช่องที่ 2 คอื tried

cry ช่องที่ 2 คือ cried

ยกเวน้ หนา้ y เปน็ สระ (a e i o u) เติม ed ได้

เลย เช่น
play ชอ่ งที่ 2 คอื played

stay ชอ่ งที่ 2 คอื stayed

3) กรยิ าพยางคเ์ ดียว ลงทา้ ยดว้ ย สระ (a e i o u)
1 ตวั พยญั ชนะตาม 1 ตัว ให้ซา้ พยัญชนะ

ตามก่อน เตมิ ed เชน่
rob ช่องที่ 2 คอื robbed

plan ช่องท่ี 2 คอื planned

4) กรยิ า 2 พยางค์ ออกเสยี งเน้นพยางคห์ ลัง และ
ลงทา้ ยด้วย สระ 1 ตัว พยัญชนะตาม 1 ตัว
ใหซ้ ้า พยัญชนะตามกอ่ น เติม ed เชน่
admit ชอ่ งท่ี 2 คือ admitted

travel ชอ่ งที่ 2 คอื travelled

ขอ้ ยกเวน้ ถา้ ออกเสยี งเนน้ พยางคห์ น้า ไม่
ตอ้ งเติม พยญั ชนะตวั สุดท้าย เช่น
open ชอ่ งท่ี 2 คือ opened

cover ชอ่ งที่ 2 คือ covered

5. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน
1. ความสามารถในการคดิ

6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้
2. มุ่งม่ันในการทางาน

7. ชิน้ งาน/ภาระงาน
1. แบบฝกึ หัด พิจารณากริยาชอ่ งท่ี 2 และหากริยาชอ่ งท่ี 1 ของกรยิ านนั้

2. แบบฝึกหัด ท่ี 7 a) แยกกรยิ าเป็น Regular and Irregular

8. กิจกรรมการเรียนรู้

ชว่ั โมงที่ 1

ขน้ั นา

1. ครพู ูดคยุ กบั นักเรียนว่า เรอ่ื งราวการปล้นธนาคารท่ีนกั เรยี นไดอ้ ่านผา่ นไปแลว้ นกั เรียนคดิ ว่ากริยาที่

ใช้บรรยายเน้อื เร่อื ง คอื กริยาประเภทใด ชอ่ งทเ่ี ทา่ ไร นกั เรียนพจิ ารณา และครูช้แี นะวา่ เป็นกริยาชอ่ งท่ี 2

ขัน้ สอน

2. นักเรียนพิจารณากริยาชอ่ งท่ี 2 ของแต่ละประโยค และเขยี นกรยิ านน้ั ลงในสมุด พร้อมท้ังหากรยิ า

ช่องท่ี 1 โดยนักเรยี นจะหาไดจ้ ากหน้า 130 ของหนงั สือแบบเรยี น Access 3 และคาแปลของประโยคนนั้

เม่อื นกั เรียนพบปญั หาว่าไม่มกี ริยานน้ั ในหนงั สือ หมายถึงกริยาช่องที่ 1 คอื ตดั ed ออกไป ครเู ฉลยกรยิ าน้นั

เมื่อนกั เรียนทาแบบฝกึ หดั เสร็จ

3. นักเรยี นเปิดหนังสอื แบบเรียน Access 3 หน้า 21 และพิจารณาแบบฝกึ หดั ท่ี 7 a) นักเรียนจะพบ

กริยาช่องที่ 1 จานวน 23 กรยิ า ให้นกั เรยี นตตี ารางแบ่งเปน็ 2 คอลมั น์ แบ่งเป็น Regular verb และ

Irregular verb

4. ครูแจง้ ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาวา่ ในแบบฝึกหดั ก่อนหนา้ น้ี นกั เรียนได้หากริยาชอ่ งที่ 1 จากหน้า 130

ของหนังสอื แบบเรยี น Access 3 แต่ในแบบฝึกน้ี นกั เรยี นจะไดโ้ จทยเ์ ปน็ กรยิ าชอ่ งที่ 1 ซง่ึ ดา้ นบนของตาราง

นกั เรียนจะพบคาวา่ Irregular verb แสดงวา่ หากนักเรยี นสามารถพบคากรยิ าทเ่ี ปลี่ยนไปตามตารางในหนา้

130 นัน่ คือ กรยิ านน้ั ตอ้ งอย่ใู นคอลมั น์ Irregular verb หากไม่พบ ให้เติม ed ตามกฎทน่ี ักเรยี นจะได้ศกึ ษา

จดจาต่อไป ครแู สดง Slide power point ให้นกั เรียนได้บนั ทกึ ลงในสมดุ

5. ครแู นะนาการทาแบบฝกึ หดั 7 a) ในหนังสือแบบเรยี น Access 3 หน้า 21 โดยในตาราง นักเรียน

จะต้องเขียนกรยิ าช่องท่ี 1 ชอ่ งท่ี 2 และคาแปล ของกริยานัน้ ลงในคอลัมน์ทถ่ี ูกต้อง ทาตวั อย่างให้นักเรยี น

เรียนดู 2 ขอ้ ดังน้ี

Regular verb Irregular verb

decide decided = ตดั สนิ ใจ be was, were = เปน็ อยู่ คือ

เมือ่ ทาเสรจ็ ส่งสมดุ เพ่อื ใหค้ รูตรวจสอบ
ช่ัวโมงท่ี 2
ขั้นสรปุ

6. ครูสมุ่ เรยี กนักเรียนทลี ะคน เขยี นเฉลยบนกระดาน ครใู ห้คาชแี้ นะ เม่อื เฉลยครบ ครูใหน้ ักเรยี นเลือก
กริยาช่อง Irregular verb เพอ่ื ทอ่ งจาและนามาเขียนเกบ็ คะแนนในชว่ งเวลาท่ตี กลงกันไว้

9. การวดั และการประเมนิ ผล

ส่ิงท่ตี อ้ งวดั วธิ กี ารวดั เคร่อื งมอื เกณฑ์
ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ
1. เรยี นรู้และเขา้ ใจ สังเกตการตอบคาถาม การสงั เกต 70
ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ
Regular and Irregular 60

2. เขยี นแยก Regular - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ
60
and Irregular ได้ถูกตอ้ ง พิจารณากริยาช่องที่ 2 และ พจิ ารณากริยาชอ่ ง
ผา่ นระดับ 2 ทุก
หากรยิ าช่องที่ 1 จากเน้ือ ท่ี 2 และหากริยา พฤติกรรม

เรื่องท่อี า่ น ชอ่ งท่ี 1 จากเนอื้

เร่ืองทอ่ี า่ น

- ตรวจแบบฝึกหดั แยก - แบบฝกึ หัด แยก

กริยาเป็น Regular and กรยิ าเป็น Regular

Irregular and Irregular

3. ผูเ้ รียนใฝ่เรยี นรแู้ ละ การตั้งใจเรยี นและมุง่ มั่นใน แบบประเมนิ

ม่งุ มัน่ ในการทางาน การทางานใหส้ าเร็จ

10. ส่อื / แหล่งการเรยี นรู้

1. แบบฝกึ หัดจากหนังสอื แบบเรยี น Access 3 หน้า 21 ขอ้ 7 a
2. ตาราง Irregular Verbs หนา้ 130 จากหนังสือแบบเรียน Access 3



แบบประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน/คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

รายการพฤติกรรม

ท่ี ชื่อ – นามสกุล ความสามารถในการ ิคด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
ใฝ่เ ีรยนรู้

ุ่มง ่ัมนในการทางาน
ผ่าน
ไ ่มผ่าน

123 123123

เกณฑ์ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

ใฝ่เรยี นรู้

ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ
3 คะแนน
2 คะแนน เข้าเรียนตรงเวลา ต้ังใจเรียน เอาใจใส่ในการเรยี น และมีสว่ นร่วมในการเรยี นรู้ และ
1 คะแนน เข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรียนเป็นประจา

เขา้ เรียนตรงเวลา ต้งั ใจเรยี น เอาใจใส่ในการเรยี น และมสี ว่ นร่วมในการเรยี นรู้ และ
เข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนร้ตู า่ งๆ บ่อยคร้งั

เขา้ เรียนตรงเวลา ตง้ั ใจเรยี น เอาใจใส่ในการเรยี น และมสี ว่ นรว่ มในการเรียนรู้ และ
เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ตา่ งๆ เป็นบางครงั้

มุ่งมนั่ ในการทางาน

ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมิน
3 คะแนน
2 คะแนน ทางานด้วยความขยนั อดทน และพยายามให้งานสาเร็จตามเป้าหมายภายในเวลาทก่ี าหนด
1 คะแนน ไมย่ ่อทอ้ ต่อปญั หาแกป้ ัญหาอปุ สรรคในการทางาน และช่ืนชมผลงานด้วยความภาคภมู ิใจ

ทางานด้วยความขยนั อดทน และพยายามใหง้ านสาเรจ็ ตามเป้าหมาย ไม่ย่อท้อตอ่ ปัญหา
ในการทางาน และชน่ื ชมผลงานด้วยความภาคภมู ิใจ

ทางานด้วยความขยัน อดทน และพยายามให้งานสาเรจ็ ตามเป้าหมาย และชื่นชมผลงาน
ด้วยความภาคภูมิใจ

เกณฑ์ประเมินสมรรถนะผู้เรียน

สมรรถนะท่ี 2 ความสามารถในการคดิ
ตัวชว้ี ัดท่ี 1 คิดพืน้ ฐาน (การคดิ วิเคราะห์)

พฤติกรรมบ่งชี้ ระดับ 3 ระดบั คะแนน ระดบั 1

2. หาความสมั พนั ธ์ของ ระบุความสมั พนั ธ์ของ ระดบั 2 ระบุความสัมพนั ธ์ของ
ส่วนประกอบต่าง ๆ ของ สว่ นประกอบต่างๆ สว่ นประกอบต่างๆ
ข้อมลู ทพ่ี บเหน็ ในบริบทของ ของข้อมลู และ ระบุความสมั พนั ธ์ของ ของขอ้ มลู ไดถ้ ูกตอ้ ง
การดาเนินชีวติ ประจาวัน สามารถเชอ่ื มโยงกบั ส่วนประกอบต่างๆ แต่ไม่สามารถเชื่อมโยง
เหตุการณท์ พ่ี บเห็นใน ของข้อมูล และ กบั เหตุการณท์ พ่ี บ
ชวี ิตประจาวันได้ สามารถเชอ่ื มโยงกับ เห็นในชีวิตประจาวัน
ถูกต้องครบถ้วน เหตกุ ารณ์ที่พบเห็นใน ได้
ชีวติ ประจาวันได้
ถกู ต้อง

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 12

กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2

รหสั วิชา อ 23102 รายวิชา ภาษาอังกฤษ

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 Past Simple จานวนช่ัวโมงรวม 6 ชั่วโมง

เรอ่ื ง How to Use Past Simple in Sentences จานวน 3 ชั่วโมง

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. สาระสาคัญ
การเรียนรู้เกี่ยวกบั การใช้ Past Simple Tense เพือ่ เลา่ เร่อื งราวทเี่ กิดขน้ึ ในอดีตและจบลงในอดีต

เปน็ ทักษะท่ีมคี วามจาเป็นอย่างยงิ่ ท่ผี ู้เรียน จะต้องเรียนรู้และฝึกฝนจนเกิดความเข้าใจและสามารถนาไปใช้ได้
อนั จะทาใหผ้ ูเ้ รียนมคี วามสามารถในการส่อื สารภาษาอังกฤษไดช้ ัดเจนและเกดิ ความเข้าใจมากขนึ้

2. มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั
มาตรฐาน

มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ งๆ ทงั้ ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม
ตัวช้วี ัด
ต 4.1 ม 3/1 ใช้ภาษาสือ่ สารในสถานการณจ์ รงิ /สถานการณ์จาลองท่เี กิดข้นึ ในหอ้ งเรยี น สถานศึกษา ชุมชน

และสังคม

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. เรยี นรูแ้ ละเขา้ ใจการใช้ Past Simple ในประโยค
2. เขียนประโยคโดยใช้ Past Simple ได้ถูกต้องตามรปู แบบโครงสรา้ งประโยค

3. พดู รายงานประสบการณ์ของตนเองได้
4. ผเู้ รียนใฝ่เรียนรู้และมุง่ ม่ันในการทางาน

4. สาระการเรียนรู้
Past Simple Tense

ใช้พดู ถึงเหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ข้ึนในอดตี และจบสิ้นลงไปแล้ว โดยมกั จะมีการระบุชว่ งเวลาไว้ด้วยว่าเกดิ ขึ้น
เมอ่ื ไหร่

โครงสรา้ งของ Past Simple Tense
ประโยคบอกเล่า

ประธาน + V.2 เช่น I went to the theme park yesterday.

ประโยคปฎเิ สธ
ประธาน + did not /didn’t + V.1 เชน่ She didn’t come to Thailand last year.

ประโยคคาถาม
Did + S + V.1+……? เช่น Did you see Jane at the bank last hour?

จาง่าย ๆ วา่ ประโยคบอกเล่าใช้กริยาชอ่ ง 2
ส่วนประโยคปฏเิ สธและประโยคคาถาม ใช้ did ร่วมกบั กรยิ าช่อง 1
คาบอกเวลาท่พี บบอ่ ย ๆ ในประโยค Past Simple Tense ได้แก่ yesterday, last, ago
โดย last และ ago ใช้ร่วมกบั คาบอกเวลาอ่ืน ๆ ดังตัวอย่างตอ่ ไปน้ี
last + เวลา/ วัน/ สปั ดาห/์ เดือน/ฤด/ู ปี เชน่

last hour (ลาสท เอาเวอะ) ชวั่ โมงทแ่ี ล้ว
last night (ลาสทไนท) คนื ทแ่ี ลว้
last Monday (ลาสท มนั เด) จนั ทรท์ ่ีแล้ว
last week (ลาสท์ วีค) สัปดาห์ทแี่ ลว้

วินาที / นาท/ี ช่ัวโมง/ วนั / สปั ดาห์/ เดือน/ ปี + ago เชน่
ten seconds ago สิบวนิ าทที ีแ่ ลว้
five minutes ago หา้ นาทีทแี่ ลว้
Three days ago สามวันท่แี ล้ว

หลักการใช้ past simple tense
1. ใช้กับเหตกุ ารณ์หรือการกระทาท่ี เกดิ ข้ึนในอดีตและสน้ิ สุดลงแลว้ ซงึ่ มกั จะมีคาหรือวลที ่ีบอก

เวลาในอดีตอยู่ในประโยคเสมอ เช่น yesterday, last…, … ago, once, this morning, when I was…
และอนื่ ๆ เชน่

I met a beautiful girl last night. ฉันเจอผ้หู ญงิ สวยคนหนึ่งเมอ่ื คืนนี้
We studied math last Friday. พวกเราเรยี นคณิตวนั ศุกร์ที่แลว้

2. ใชแ้ สดงถงึ การกระทาท่ีเปน็ นิสัยหรอื เกิดขน้ึ เป็นประจาในอดีต ซ่งึ สน้ิ สุดลงแลว้
โดยมักมี Adverbs of Frequency (กรยิ าวเิ ศษณ์แสดงความถ)ี่ อย่ใู นประโยคดว้ ย เช่น often, always,
sometimes เหมือน ทพี่ บใน Present simple แต่….. ในรปู ประโยคของ past simple มกั จะมี Adverb of
Time (กรยิ าวเิ ศษณแ์ สดงเวลา) ระบุถงึ เวลาในอดตี ด้วย เชน่ last month, last year และอื่นๆ เช่น

I cooked every night last month. ฉันทาอาหารทุกคืนเมอ่ื เดอื นทแี่ ลว้
He always cried when he was young. เขารอ้ งไห้เป็นประจา ตอนเขายงั เดก็

เราสามารถใช้ "used to + Verb 1" เพอ่ื ให้ความหมายวา่ "เคย" เพือ่ แสดงถงึ การกระทาในอดีตได้
เช่น

I used to eat a lot. ฉันเคยกนิ เยอะมาก่อน
He used to be naughty. เขาเคยเป็นคนเกเรมาก่อน

3. ใชเ้ ลา่ นทิ าน ส่วนใหญจ่ ะมคี าวา่ Long time ago หรือ Once upon a time (นานมาแล้ว)
เช่น

JACK AND THE BEANSTALK (แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์)
Once upon a time there was a boy called Jack. He lived with his mother.
They were very poor. All they had was a cow. …..

5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคดิ

6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้
2. มุ่งมัน่ ในการทางาน

7. ชิ้นงาน/ภาระงาน
1. แบบฝึกหดั ในหนงั สือเรียน Access 3 หน้า 21 ข้อ 8
2. แบบฝกึ เตมิ Present Simple และ Past Simple ในช่องวา่ งให้ถูกตอ้ งจาก Slide Power point

8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชัว่ โมงท่ี 1
ขั้นนา

1. ครูทบทวนการทาแบบฝึกหดั ในช่วั โมงที่ผา่ นมา ยา้ นักเรยี นเก่ยี วกับ Irregular Verb ทีน่ ักเรยี น
เลือกเพ่ือสอบเขยี น
ขน้ั สอน

2. นักเรยี นคดั ลอกความรู้เรอ่ื ง Past Simple Tense ที่ครูแสดงทาง Power point
3. นักเรยี นทาแบบฝกึ หัดที่ 8 หน้า 21 โดยเปลี่ยนกริยาในวงเล็บใหเ้ ปน็ ชอ่ งที่ 2 ท้งั หมด เมือ่ ทา
เสร็จ ส่งสมุดให้ครตู รวจสอบความถูกตอ้ งและให้คะแนน
ชั่วโมงที่ 2
4. นักเรียนและครรู ว่ มกนั เฉลยแบบฝึกหัด และสอบถามข้อปญั หาทีท่ าใหเ้ ข้าใจผิด
5. ครแู จ้งให้นกั เรยี นทราบว่า ตอ่ ไปครจู ะไดท้ ดสอบความรู้ของนกั เรยี นในการแยกประโยค ว่าควรใช้
Present Simple หรือ Past Simple โดยร่วมกนั พจิ ารณาจาก Expression of Time ของ ทั้ง 2 Tense ที่
แตกตา่ งกัน เม่ือนกั เรียนเกิดความเขา้ ใจ ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัด จาก Slide Power point เมื่อเสร็จสง่
สมดุ ให้ครตู รวจสอบความถูกตอ้ ง
ช่ัวโมงท่ี 3
ข้ันสรปุ
7. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันเฉลยแบบฝกึ ทีไ่ ด้ทา ช้ีแจงวธิ ีพจิ ารณาวา่ ควรตอบอยา่ งไร เหตุของการ
ผดิ พลาดคืออะไร
8. นักเรียนร่วมกันพิจารณาแบบฝกึ หดั ท่ี 9 ในหนังสอื แบบเรียน Access 3 หน้า 21 แบง่ คาถาม
ใหแ้ ต่ละกล่มุ ตอบประโยคคาถามใหถ้ กู ต้อง เมอ่ื ครบทุกขอ้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มเลา่ ประสบการณ์ (experience on
holiday) ท่ี funniest , saddest , หรอื scariest ของกลุม่ ตนเอง

9. การวดั และการประเมินผล

สิง่ ทีต่ อ้ งวัด วิธกี ารวดั เครือ่ งมอื เกณฑ์
การสงั เกต ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ
1. เรียนรูแ้ ละเขา้ ใจการใช้ สงั เกตการตอบคาถาม 70
- แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ
Past Simple ในประโยค แบบฝกึ หดั ท่ี 8 60
หนา้ 21
2. เขยี นประโยคโดยใช้ - ตรวจแบบฝึกหดั ที่ 8 ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ
- แบบฝกึ หดั 60
Past Simple ได้ถูกต้อง หนา้ 21 แบบฝกึ หัด
Present Simple ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ
ตามรปู แบบโครงสรา้ ง หรอื Past Simple 60
- แบบประเมิน ผา่ นระดบั 2 ทกุ
ประโยค พฤตกิ รรม
แบบประเมนิ
- ตรวจแบบฝกึ หดั

Present Simple หรอื

Past Simple

3. พดู รายงาน ประเมินการรายงาน
ประสบการณข์ องตนเองได้
การต้งั ใจเรียนและม่งุ มนั่ ใน
4. ผเู้ รยี นใฝเ่ รยี นรูแ้ ละ การทางานให้สาเร็จ
มุ่งมัน่ ในการทางาน

10. สอื่ / แหลง่ การเรยี นรู้
1. แบบฝึกหัดจากหนังสือแบบเรียน Access 3 หน้า 21 ขอ้ 8
2. แบบฝกึ หัด จาก Slide Power point เร่อื ง Present Simple หรอื Past Simple



แบบประเมินการรายงาน

รายการประเมิน

ท่ี ช่อื -นามสกลุ นกั เรยี น ความถกู ต้อง ความคลอ่ งแคล่ว นา้ เสียงและ
บคุ ลกิ ภาพ

12341234 1 2

เกณฑ์ประเมนิ การรายงาน 10 คะแนน

1. ความถกู ตอ้ ง 4 คะแนน

2. ความคลอ่ งแคลว่ 4 คะแนน

3. น้าเสียงและบุคลกิ ภาพ 2 คะแนน

ดา้ นความถูกต้อง

4 คะแนน ออกเสยี งคาศพั ท์และประโยคไดถ้ กู ตอ้ งตามหลักการออกเสียงทกุ คา อ่านผิดไม่เกนิ 2 คา
ออกเสยี งเน้นหนักในคา/ประโยคอย่างสมบรู ณ์
3 คะแนน
ออกเสียงคาศพั ท์และประโยคไดถ้ กู ตอ้ งตามหลักการออกเสียงเป็นสว่ นใหญ่ อ่านผิด 3-4
2 คะแนน จุดมเี สียงเนน้ หนกั ในคา/ประโยคเปน็ ส่วนใหญ่
1 คะแนน
ออกเสยี งคาศัพท์และประโยคผดิ ไม่เกิน 6 จุด ขาดการออกเสียงเนน้ หนัก

ออกเสยี งคา/ประโยคผดิ หลกั การออกเสยี งทาให้สื่อสารไม่ได้อ่านผดิ

ดา้ นความคลอ่ งแคล่ว

4 คะแนน พดู ต่อเนื่องไมต่ ิดขัด พูดชัดเจนทาใหส้ ่ือสารได้
3 คะแนน พดู ตะกกุ ตะกกั บ้าง แตย่ งั พอสอ่ื สารได้
2 คะแนน พูดเป็นคาๆ หยุดเปน็ ชว่ งๆ เพื่อทาให้สือ่ สารได้ไม่ชดั เจน
1 คะแนน พดู ไดบ้ างคาทาใหส้ อื่ ความหมายไมไ่ ด้

น้าสยี งและบุคลกิ ภาพ

2 คะแนน พูดด้วยน้าเสียงเหมาะสมกับบท เสียงดังชดั เจน
1 คะแนน พดู เหมือนอา่ น ไม่เป็นธรรมชาติ ขาดความน่าสนใจ เสียงเบาฟงั ไม่ชัดเจน

ท่ี ชอ่ื – นามสกลุ แบบประเมินสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน/คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

123 ความสามารถในการส่อื สาร รายการประเมิน

123 ผา่ น
ไม่ผ่าน
123 ความสามารถในการคิด

123 ผ่าน
ไมผ่ า่ น
ใฝเ่ รยี นรู้

ผา่ น
ไมผ่ ่าน
มุ่งมัน่ ในการทางาน

ผา่ น
ไม่ผ่าน

เกณฑ์ประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

ใฝเ่ รยี นรู้

ระดบั คะแนน เกณฑ์การประเมนิ
3 คะแนน เข้าเรยี นตรงเวลา ตง้ั ใจเรยี น เอาใจใส่ในการเรียน และมสี ว่ นรว่ มในการเรยี นรู้ และ
2 คะแนน เข้ารว่ มกิจกรรมการเรยี นรตู้ า่ งๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี นเป็นประจา
1 คะแนน
เข้าเรยี นตรงเวลา ตัง้ ใจเรยี น เอาใจใส่ในการเรยี น และมสี ว่ นรว่ มในการเรียนรู้ และ
เข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ตา่ งๆ บอ่ ยคร้ัง

เขา้ เรียนตรงเวลา ตั้งใจเรยี น เอาใจใส่ในการเรยี น และมีส่วนรว่ มในการเรยี นรู้ และ
เขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรตู้ ่างๆ เปน็ บางครง้ั

ม่งุ มนั่ ในการทางาน

ระดับคะแนน เกณฑ์การประเมิน
3 คะแนน ทางานด้วยความขยันอดทน และพยายามใหง้ านสาเร็จตามเปา้ หมายภายในเวลาที่กาหนด
2 คะแนน ไม่ย่อทอ้ ต่อปัญหาแกป้ ญั หาอปุ สรรคในการทางาน และชน่ื ชมผลงานด้วยความภาคภูมิใจ
1 คะแนน
ทางานด้วยความขยันอดทน และพยายามใหง้ านสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย ไมย่ อ่ ทอ้ ต่อปญั หา
ในการทางาน และช่ืนชมผลงานด้วยความภาคภมู ิใจ

ทางานดว้ ยความขยนั อดทน และพยายามใหง้ านสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย และช่ืนชมผลงาน
ดว้ ยความภาคภมู ิใจ

เกณฑ์ประเมนิ สมรรถนะผูเ้ รียน

สมรรถนะท่ี 1 ความสามารถในการส่ือสาร

ตัวชว้ี ัดที่ 1 ใช้ภาษาถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ความคดิ ความรูส้ ึกและทศั นะของตนเองด้วยการพดู

และการเขียน

พฤติกรรมบง่ ช้ี ระดับ 3 ระดับคะแนน ระดบั 1
ระดบั 2

1. พูดถา่ ยทอดความรู้ ความ พดู ถ่ายทอดความรู้ พดู ถ่ายทอดความรู้ พูดถ่ายทอดความรู้

เขา้ ใจจากสารทอ่ี า่ น ฟงั หรอื ความเขา้ ใจจากสารท่ี ความเข้าใจจากสาร ความเขา้ ใจ

ดูดว้ ยภาษาของตนเองได้ อา่ น ฟงั ดู ด้วยภาษา ทอี่ า่ น ฟงั หรอื ดู ด้วย จากสารทอี่ ่าน ฟัง

ของตนเองได้อยา่ ง ภาษาของตนเอง หรือดู

คลอ่ งแคลว่ ชัดเจน ได้อย่างชัดเจนแต่ขาด ดว้ ยภาษาของตนเอง

ความคลอ่ งแคลว่ ไดบ้ า้ ง

สมรรถนะที่ 2 ความสามารถในการคิด
ตวั ชวี้ ัดที่ 1 คิดพน้ื ฐาน (การคิดวเิ คราะห)์

พฤตกิ รรมบง่ ช้ี ระดับ 3 ระดับคะแนน ระดบั 1

2. หาความสมั พันธ์ของ ระบุความสัมพนั ธ์ของ ระดับ 2 ระบุความสัมพนั ธ์ของ
ส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของ สว่ นประกอบต่างๆ ส่วนประกอบตา่ งๆ
ขอ้ มูลทีพ่ บเห็นในบรบิ ทของ ของข้อมูล และ ระบคุ วามสัมพันธข์ อง ของข้อมูล ได้ถกู ต้อง
การดาเนินชวี ติ ประจาวนั สามารถเช่อื มโยงกับ สว่ นประกอบตา่ งๆ แตไ่ ม่สามารถเชอ่ื มโยง
เหตุการณ์ท่พี บเห็นใน ของข้อมูล และ กบั เหตกุ ารณ์ทพี่ บ
ชวี ติ ประจาวันได้ สามารถเชื่อมโยงกับ เห็นในชีวติ ประจาวัน
ถกู ตอ้ งครบถ้วน เหตุการณ์ท่ีพบเห็นใน ได้
ชวี ิตประจาวันได้
ถกู ตอ้ ง

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 2

รหัสวิชา อ 23102 รายวชิ า ภาษาอังกฤษ

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 Past Simple จานวนชว่ั โมงรวม 6 ชั่วโมง

เรอื่ ง Writing Past Simple จานวน 1 ชั่วโมง

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. สาระสาคัญ
การเขียนประโยคบรรยายภาพเรอ่ื งราวทีเ่ กดิ ขึ้นในอดีตและจบลงในอดตี โดยใช้ Past Simple

Tense เป็นทกั ษะทีม่ คี วามจาเปน็ อย่างยงิ่ ทผี่ ้เู รียน จะตอ้ งเรยี นร้แู ละฝึกฝนจนเกดิ ความเข้าใจและสามารถ
นาไปใชไ้ ด้ อันจะทาให้ผู้เรยี นมีความสามารถในการสื่อสารภาษาองั กฤษได้ ชัดเจนและเกดิ ความเข้าใจมากข้นึ

2. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน

ต 1.3 นาเสนอขอ้ มลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเร่อื งต่างๆ โดยการพดู และการเขียน
ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณต์ า่ งๆ ทง้ั ในสถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม
ตวั ชีว้ ัด

ต 1.3 ม 3/1 พูดและเขยี นบรรยายเกย่ี วกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์ /เร่ือง/ ประเด็นต่างๆ ที่
อยู่ในความสนใจของสังคม

ต 4.1 ม 3/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองทเี่ กดิ ข้ึนในหอ้ งเรยี น สถานศึกษา ชมุ ชน
และสงั คม

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. เรยี นรู้และเขา้ ใจการใช้ Past Simple ในประโยค

2. เขียนประโยคโดยใช้ Past Simple ไดถ้ ูกตอ้ งตามรูปแบบโครงสรา้ งประโยค
3. ผเู้ รยี นใฝ่เรียนรู้และมุ่งม่ันในการทางาน

4. สาระการเรียนรู้
การเขียนประโยคบรรยายภาพ เหตุการณ์ทเ่ี กดิ ข้ึนและจบลงแลว้ ดว้ ยกรยิ า Past Simple การใช้

preposition at กับเวลา และ สถานที่ in กับ สถานที่ ถนน

5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร

6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ใฝเ่ รียนรู้
2. มงุ่ มัน่ ในการทางาน

7. ช้ินงาน/ภาระงาน
1. การเขียนบรรยายภาพเหตุการณ์ท่เี กดิ ข้ึนกับ Dizzy Daisy “What did Dizzy Daisy do last

Saturday”

8. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั นา

1. ครูสอบถามนกั เรยี นวา่ ในช่วั โมงท่ผี ่านมา นักเรียนได้ศึกษาเรอ่ื งอะไร ใหน้ กั เรียนได้ทบทวนสิ่งที่

เรียนมา ในเรอ่ื งของ Modal Verbs ท่ใี ชใ้ นประโยค Past Simple
2. นกั เรียนไดเ้ หน็ slide power point เก่ยี วกบั “What did Dizzy Daisy do last Saturday?”

ครูสอบถามวา่ ผู้หญิงทีน่ กั เรยี นได้เหน็ ในภาพน้ี ชอ่ื อะไร ให้นกั เรียนได้พจิ ารณาและตอบร่วมกัน จากนน้ั ให้
นักเรียนเริม่ เขยี นประโยคบรรยายภาพ
ขน้ั สอน

3. นักเรียนเขียนประโยคบรรยายภาพทลี ะ slide ครูชีแ้ นะให้นักเรียนสังเกตขอ้ มลู เวลาและสถานท่ี
ในรปู ภาพ และเน้นย้าให้นักเรยี นเปล่ียนกรยิ าเป็นชอ่ งที่ 2

4. เมื่อนกั เรยี นบรรยายภาพครบทุกภาพ ครเู นน้ ให้นกั เรยี นทราบว่าการเขยี นความเรยี งนกั เรียน
จะตอ้ งจบประโยคโดยเครอื่ งหมาย . และขน้ึ ตน้ ประโยคทนั ทดี ว้ ยอักษรตวั ใหญ่ ไม่ต้องขนึ้ บรรทดั ใหมท่ ุกคร้งั
ทีจ่ บประโยค และควรมียอ่ หนา้ ในบรรทดั แรกของการเขียนเพยี งย่อหน้าเดยี ว

5. นกั เรยี นตรวจสอบรูปแบบและเนื้อหาในของความเรยี ง คัดลอกลงในกระดาษที่ครูแจกให้ ส่งครู
เพ่ือตรวจสอบและประเมิน

ข้นั สรปุ
6. ครูแจกงานทีป่ ระเมินแล้วคืน และเฉลยความเรียงท่ถี กู ตอ้ ง เนน้ ย้าเคร่อื งหมายตา่ งในการเขียน

เชน่ . (full stop) , (comma)

9. การวัดและการประเมินผล

สงิ่ ท่ีต้องวัด วธิ กี ารวดั เครื่องมอื เกณฑ์
การสังเกต ผ่านเกณฑ์ร้อยละ
1. เรียนรแู้ ละเข้าใจการใช้ สังเกตการตอบคาถาม ความเรยี ง 70
ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ
Past Simple ในประโยค แบบประเมนิ 60

2. เขยี นประโยคโดยใช้ ประเมนิ การเขียนความ ผ่านระดบั 2 ทุก
พฤตกิ รรม
Past Simple ไดถ้ กู ต้อง เรยี ง

ตามรูปแบบโครงสร้าง

ประโยค

3. ผเู้ รียนใฝเ่ รยี นรแู้ ละ การตง้ั ใจเรยี นและมงุ่ มน่ั ใน

มุ่งม่ันในการทางาน การทางานใหส้ าเร็จ

10. สอื่ / แหลง่ การเรยี นรู้
1. slide power point ภาพกิจกรรม “What did Dizzy Daisy do Last Saturday?”



แบบประเมินการเขยี น

รายการประเมิน

ท่ี ช่อื -นามสกุลนกั เรยี น ความ คาศพั ท์ สานวน องคป์ ระกอบ รวมคะแนน
สะอาด และโครงสร้าง ของงานเขยี น

อ่านง่าย ภาษา

1 2 1 2 3 4 1 2 3 4 10

เกณฑก์ ารประเมินการเขยี น

คะแนนเต็ม 10 คะแนน แบ่งเปน็ 2 คะแนน
1. ความสะอาด อา่ นงา่ ย 4 คะแนน
2. คาศัพท์ สานวน และโครงสรา้ งภาษา
4 คะแนน
3. องค์ประกอบของงานเขียน
โดยมีรายละเอียดการให้คะแนน ดังน้ี

1. ความสะอาด อ่านงา่ ย 2 คะแนน

2 คะแนน งานเขยี นมีความสะอาด ลายมือสวยอา่ นงา่ ย
1 คะแนน มีการแก้ไขงานจนดสู กปรก ลายมืออ่านยาก

2. คาศัพท์ สานวน และโครงสร้างภาษา 4 คะแนน

4 คะแนน ใชค้ าศพั ท์ สานวนและโครงสร้างภาษาถูกตอ้ ง เหมาะสม มีข้อผิดพลาด 1-3 ข้อ
3 คะแนน ใชค้ าศพั ท์ สานวนและโครงสร้างภาษาถกู ตอ้ ง เหมาะสม มขี ้อผิดพลาด 4-6 ข้อ
2 คะแนน ใช้คาศพั ท์ สานวนและโครงสรา้ งภาษาแบบง่าย ๆ และมีขอ้ ผิดพลาด 7-9 ข้อ
1 คะแนน ใชค้ าศพั ท์ สานวนและโครงสรา้ งภาษาแบบง่าย ๆ และมีข้อผิดพลาดมากกวา่ 10 ขอ้

3. องค์ประกอบของงานเขยี น 4 คะแนน

4 คะแนน องคป์ ระกอบของงานเขียนถกู ต้อง มีเคร่ืองหมายวรรคตอนถกู ต้องไม่มขี อ้ ผิดพลาด
3 คะแนน องคป์ ระกอบของงานเขียนถูกต้อง มีเครอื่ งหมายวรรคตอนผิดพลาด 1-2 ขอ้
2 คะแนน องค์ประกอบของงานเขียนผิดพลาดบ้าง มเี ครอ่ื งหมายวรรคตอนผิดพลาด 3-4 ข้อ
1 คะแนน องคป์ ระกอบของงานเขยี นผิดพลาดมาก มีเครอื่ งหมายวรรคตอนผิดพลาด มากกว่า 4 ขอ้

แบบประเมินสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น/คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

รายการพฤตกิ รรม

ที่ ชื่อ-นามสกุลนกั เรยี น ความสามารถใน
การส่ือสาร

ความสามารถใน
การ ิคด

ผ่าน
ไม่ผ่าน

ใฝ่เรียนรู้
ุ่มง ่ัมนในการ

ทางาน

ผ่าน
ไม่ผ่าน

123123 123123

เกณฑ์ประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

ใฝเ่ รยี นรู้

ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ
3 คะแนน
2 คะแนน เข้าเรยี นตรงเวลา ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ในการเรียน และมีสว่ นร่วมในการเรยี นรู้ และ
1 คะแนน เข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรูต้ า่ งๆ ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรียนเปน็ ประจา

เขา้ เรยี นตรงเวลา ต้ังใจเรียน เอาใจใส่ในการเรียน และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ และ
เขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรูต้ า่ งๆ บ่อยครง้ั
เข้าเรียนตรงเวลา ต้ังใจเรียน เอาใจใส่ในการเรยี น และมีส่วนร่วมในการเรยี นรู้ และ
เข้ารว่ มกิจกรรมการเรยี นรตู้ ่างๆ เป็นบางครั้ง

ม่งุ ม่ันในการทางาน

ระดับคะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ
3 คะแนน
2 คะแนน ทางานดว้ ยความขยันอดทน และพยายามใหง้ านสาเร็จตามเปา้ หมายภายในเวลาทกี่ าหนด
1 คะแนน ไมย่ ่อท้อตอ่ ปญั หาแกป้ ญั หาอุปสรรคในการทางาน และช่ืนชมผลงานด้วยความภาคภูมิใจ

ทางานด้วยความขยนั อดทน และพยายามใหง้ านสาเรจ็ ตามเป้าหมาย ไม่ย่อทอ้ ต่อปญั หา
ในการทางาน และชนื่ ชมผลงานด้วยความภาคภมู ิใจ
ทางานด้วยความขยนั อดทน และพยายามใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย และชืน่ ชมผลงาน
ดว้ ยความภาคภมู ิใจ

เกณฑป์ ระเมนิ สมรรถนะผูเ้ รียน

สมรรถนะที่ 1 ความสามารถในการสอื่ สาร

ตัวช้ีวัดท่ี 4 เลือกใชว้ ิธีการสอื่ สาร

พฤติกรรมบง่ ช้ี ระดบั 3 ระดบั คะแนน ระดับ 1
ระดบั 2

1. เลอื กใชว้ ธิ กี ารสอื่ สารท่ีมี เลอื กใช้วธิ ีการสอื่ สารท่ี เลอื กใชว้ ิธกี ารส่ือสารที่ เลือกใช้วิธกี ารสอ่ื สารท่ี

ประสิทธิภาพ โดยคานึงถงึ เหมาะสมและคมุ้ คา่ กบั เหมาะสมและคมุ้ คา่ กบั เหมาะสม กับลกั ษณะ

ผลกระทบทม่ี ีตอ่ ตนเองและ ลกั ษณะข้อมลู ข่าวสาร ลักษณะข้อมูลข่าวสาร ข้อมลู ข่าวสารโดย

สังคม โดยคานึงถึงผลท่ีจะ โดย คานึงถงึ ผลท่ีจะ คานงึ ถงึ ผลท่จี ะเกิดข้ึน

เกิดขึน้ ต่อตนเองและ เกดิ ขนึ้ ตอ่ ตนเองและ ตอ่ ตนเองหรือสงั คม

สังคมทุกคร้ัง สังคมเปน็ บางคร้ัง

สมรรถนะท่ี 2 ความสามารถในการคิด
ตัวชวี้ ัดท่ี 1 คดิ พน้ื ฐาน (การคดิ วเิ คราะห)์

พฤตกิ รรมบง่ ช้ี ระดับ 3 ระดบั คะแนน ระดับ 1

2. หาความสมั พันธข์ อง ระบคุ วามสัมพันธข์ อง ระดับ 2 ระบุความสมั พันธข์ อง
ส่วนประกอบต่าง ๆ ของ ส่วนประกอบตา่ งๆ สว่ นประกอบตา่ งๆ
ข้อมลู ท่ีพบเห็นในบรบิ ทของ ของข้อมลู และ ระบคุ วามสัมพนั ธ์ของ ของข้อมลู ได้ถกู ต้อง
การดาเนนิ ชวี ิตประจาวัน สามารถเชื่อมโยงกับ สว่ นประกอบต่างๆ แต่ไม่สามารถเชอื่ มโยง
เหตกุ ารณ์ที่พบเห็นใน ของขอ้ มลู และ กบั เหตกุ ารณท์ ่พี บ
ชีวิตประจาวนั ได้ สามารถเชอื่ มโยงกับ เห็นในชวี ติ ประจาวัน
ถกู ต้องครบถ้วน เหตกุ ารณท์ พ่ี บเห็นใน ได้
ชีวิตประจาวนั ได้
ถูกตอ้ ง




Click to View FlipBook Version