THE
OPIUM
WARค.ศ.
ค.ศ. 1834 - 1860
สงคราม ฝิ่น
บางครั้ง จากจุดที่ตกต่ำสุดก็สามารถทะยานขึ้น
ไปสู่จุดสูงสุดได้ ไม่ว่าประเทศ หรือคน
by นางสาวนาเดีย หะยีอีแต
ประวัติศาสตร์สากล
ชชัั้้นนมมััธธยยมมศศึึกกษษาาตตออนนปปลลาายย
บทนำ
ประเทศที่มีประวัติศาสตร์
ยาวนานอย่างจีน กว่าจะสร้างชาติมาถึงยุค
ราชวงศ์ชิงหรือราชวงศ์แมนจูนี้ได้นั้นต้อง
แลกมาด้วยมูลค่าที่ไม่สามารถประเมินได้
ความยิ่งใหญ่ที่บรรพบุรุษได้สร้างเอาไว้
มากมาย ทั้งนักปราชญ์ วีรบุรุษสงคราม
จักรพรรดิผู้พิชิต ตลอดจนวัฒนธรรม ความ
เชื่อ ธรรมเนียมปฏิบัติที่ยึดถือกันมารุ่นต่อ
รุ่น ทั้งหมดนั้นนับว่ายิ่งใหญ่มากจริง ๆ
จนทำให้คนจีนในยุคนั้นยังคงคิดว่า แผ่น
ดินจีนหรือ "จงหยวน" แห่งนี้คือ
ศูนย์กลางของจักรวาล และจักรพรรดิก็คือ
'โอรสแห่งสวรรค์' ที่ถูกส่งลงมาปกครอง
แผ่นดินจีนแห่งนี้ ซึ่งก็คล้ายกับแนวคิด
"เทวราชา" ตามคติฮินดูที่ตกทอดมาถึง
เขมรและไทย ที่เชื่อว่ากษัตริย์คือร่าง
อวตารของเทพเจ้าผู้สูงส่งบนสวรรค์นั่นเอง
中国 ก็แปล China ซึ่งก็คือประเทศจีน
中นั่นเอง คำว่า " " (zhong) อ่านว่า
国"จง" แปลว่า ตรงกลาง หรือจุดศูนย์กลาง
" " (guó) อ่านว่า "กั๋ว" แปลว่า
中国ชาติ แผ่นดิน หรือประเทศ เพราะฉะนั้น
คำว่า " " ก็จะแปลได้ว่า "แผ่นดินที่
เป็ นจุดศูนย์กลาง" นั่นเอง
ตามประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่รัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลง
แห่งราชวงศ์ชิงที่ได้สิ้นสุดลง ราชวงศ์ชิงจากยุคแห่งความรุ่งเรือง
ก็เริ่มเข้าสู่ขาลง ด้วยปัจจัยมากมายที่ทำให้ระบอบเก่านี้ได้เริ่ม
สั่นคลอน เช่น การฉ้อราษฎร์บังหลวงของเหล่าข้าราชสำนัก
และการก่อกบฏจากกลุ่มชาวนาอยู่หลายครั้งหลายหนทำให้ต้อง
สูญเสียงบประมาณในการทำสงครามไปอย่างมหาศาล
ประกอบกับการใช้เงินทองอย่างฟุ่มเฟื อยขององค์จักรพรรดิ
ทุกพระองค์ด้วย เศรษฐกิจจึงซบเซาหนัก ประชาชนอดอยาก
แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ส่งผลมากที่สุดคงจะไม่พ้นการเข้ามา
ปรากฏตัวของพ่อค้าชาติตะวันตกที่เข้ามาค้าขายตามเมืองท่า
ของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อังกฤษ แต่ด้วยความที่หัวเมือง
ใหญ่ด้านการค้าของจีนอย่างเช่นกว่างโจว ยังคงมีระบบ
ผูกขาดที่แข็งแรง ทำให้ยังสามารถกีดกันการเข้ามารุกราน
จากเหล่าพ่อค้าต่างชาติได้อย่างสบาย และด้วยเหตุนี้ อังกฤษ
จึงรู้สึกว่าตัวเองเสียดุลการค้า ไม่สามารถค้าขายได้อย่างคุ้มค่า
จุดเริ่มต้นของสงครามฝิ่ น
-สงครามฝิ่นเกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง
-ระลอกแรกดำเนินอยู่ระหว่างปี 1834 - 1842
-ระลอกที่สองอยู่ระหว่างปี 1856 - 1860
สา
เหตุ
การเกิด
สงครามฝิ่ น
เป็ นสงครามที่ยุติความบาดหมางทางการค้าระหว่างประเทศอังกฤษ
และจีนที่มีมายาวนานทั้งนี้เป็ นผลมาจากการที่ประเทศจีนไม่ยอมเปิด
ประตูการค้าอย่างเสรีตามความต้องการของชาติตะวันตกในสมัย
ราชวงศ์ชิงจีนทำการค้ากับชาติตะวันตกภายใต้ระบบการผูกขาดโดย
พ่อค้าจีนที่เรียกว่า “ก้นหอง” (ในภาษากวางตุ้งหรือ “กงหาง”
ในภาษาเเมนดาริน) ฝ่ ายอังกฤษซึ่งดำเนินการค้าโดยบริษัทอิสต์
อินเดียตะวันออก ( British east Indian company )
ขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลให้แก่จีนเนื่องจากนำเข้าใบชาจากจีน
จำนวนมากแต่กลับสามารถขายสินค้าให้แก่จีนได้อย่างเสรีทำให้
บริษัทอิสต์อินเดียตะวันออกขาดทุนมาโดยตลอดในทศวรรษที่
ที่ 1820 บริษัทอิสต์อินเดียตะวันออก ได้พบสินค้าใหม่ซึ่งสามารถ
ทำกำไรให้บริษัทได้อย่างงดงาม คือ ฝิ่น ซึ่งปลูกในอินเดีย
(อาณานิคมอีกแห่งหนึ่งของอังกฤษในยุคนั้น) ส่งผลให้สถานภาพ
การเสียเปรียบดุลทางการค้าของอังกฤษดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็น
ได้จากระหว่าง ค.ศ. 1800-1810 จีนเคยได้เปรียบดุลการค้า 26
ล้านดอลล่าร์ ในระหว่าง ค.ศ. 1828 - 1836 จีนต้องขาด
ดุลการค้าถึง 38 ล้านดอลล่าร์
เริ่มจากในปี ค.ศ 1750 ในราชวงศ์ชิง มีการปฏิวัติ
อุตสาหกรรมที่ประเทศอังกฤษเป็ นการเปลี่ยนแปลงการใช้
แรงงานมาเป็ นเครื่องจักรผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมเปลี่ยน
อังกฤษเป็ นชาติที่มั่นคงที่สุดในโลกหมู่เกาะเล็กๆให้อำนาจไปทั่ว
โลกก่อให้เกิดการต่อสู้ระหว่างระเบียบโลกเก่าและระเบียบโลก
ใหม่อังกฤษควบคุมการค้าโลกและแกร่งกล้าพร้อมท้าทายอำนาจ
กับประเทศอื่นๆที่ใหญ่กว่า 40 เท่า ประเทศจีนมีประชากร
มากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรโลกเป็ นเจ้าของวัฒนธรรมอัน
เก่าแก่มีเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีตลาดแรงงานจึงเป็ นเหตุให้
ชาติตะวันตกจึงอยากทำการค้าประเทศจีน ประเทศจีนตั้งอยู่ทาง
ทิศตะวันออกของทวีปเอเชียถึงแม้ราชวงศ์ชิงจะมีความยิ่งใหญ่
เพียงใดก็ตามแต่ที่ผ่านมาก็เลือกที่จะปิ ดประเทศไม่ค้าขายกับ
ชาติอื่นจนกระทั่งปีค.ศ 1857 หรือในรัชกาลเฉียนหลงปีที่ 22
ก็ได้มีการกำหนดให้เมืองกวางโจวเป็ นเมืองท่าเพียงแห่งเดียวที่
ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับต่างชาติ
จักรพรรดิเฉียนหลง
กระทั่งราชกาลเฉียนหลงปีที่ 28 หรือ ค.ศ 1773 เพื่อถ่วง
ดุลการค้าที่เสียเปรียบ อังกฤษได้เริ่มนำเอาฝิ่นเข้ามาจำหน่ายใน
เมืองจีน ซึ่งเดิมทีสำหรับคนจีนนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 เป็ นต้นมา
ฝิ่นก็ถูกจัดให้ถูกใช้ในฐานะยาสมุนไพรประเภทหนึ่ง กระทั่งหลัง
จากที่อังกฤษได้เข้าพิชิตอินเดียและได้มอบสิทธิ์ผูกขาดในการ
จำหน่ายให้กับบริษัทอิสต์อินเดียและนำเข้าจำหน่ายในจีนเป็ น
จำนวนมาก ซึ่งในเวลานั้นนอกจากอังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส
และรัสเซีย ที่ต่างก็พยายามนำเอาฝิ่นจากตุรกีและเอเชียกลางมา
จำหน่ายในจีนเช่นกัน
ต่อมาปีค.ศ 1821 ฮ่องเต้เจียชิ่งเสด็จสวรรคต พระโอรสองค์ที่
2 ได้ขึ้นครองราชย์มีนามว่า เต้ากวง ในเวลานั้นเป็ นช่วงเวลา
ที่ราชสำนักชิงมีกองกำลังทหารอ่อนโทรม มีการก่อความไม่
สงบมากมายและที่สำคัญก็คือการสูบฝิ่ นที่แพร่ระบาดไปทั่วและ
ได้เริ่มทำการค้ากับชาติตะวันตกโดยมีการกำหนดเมืองการค้า
คือเมืองกวางโจวเป็ นศูนย์กลางการค้าขายและสร้างระบบ
ผูกขาดทางการค้าและด้วยเหตุนี้เองทำให้ชาติตะวันตกอย่าง
เช่นอังกฤษเกิดความไม่พอใจจึงทำให้เกิดสงคราม อังกฤษ
ขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลให้แก่จีน เนื่องจากนำเข้าใบชา
จากจีนจำนวนมากแต่กลับไม่สามารถขายสินค้าให้กับจีนได้
อย่างเสรีทำให้บริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษอิสต์อินเดีย
ขาดดุลการค้าจนกระทั่งอังกฤษพบดอกไม้ชนิดหนึ่งซึ่งจะใช้
การแก้ปั ญหาในเรื่ องการเสียสมดุลทางการค้าดอกไม้นั้นก็คือ
ดอกฝิ่ น
ดอกฝิ่ น
ฝิ่นสกัดจากดอกเมล็ดจากดอกป๊ อปปี้ซึ่งก่อให้เกิดสารเคมีธรรมชาติ
ในสมองโดบามิน ซึ่งควบคุมความสุขและความพึงพอใจทำให้รู้สึก
เคลิ้มและก่อให้เกิดการเสพติด ฝิ่นทำรายได้ให้แก่อังกฤษได้อย่าง
มหาศาล พิษภัยของฝิ่นทำให้เกิดการเสพติดในชาวจีนในทุกชนชั้น
และได้ขยายตัวกว้างขวางโดยเฉพาะเมืองกวางโจวสร้างปั ญหาสังคม
ให้กับประเทศจีนเป็ นอย่างมากจนกระทั่งรัฐบาลชิงตระหนักถึง
ปัญหาของการเสพฝิ่น รัฐบาลชิงจึงทำการเขียนหนังสือถึงพระนาง
ควีนวิคตอเรียของอังกฤษเรื่องการค้าฝิ่นภายในเมืองจีน อังกฤษ
ไม่สนใจและอยากทำการค้าขายฝิ่ นต่อไป
ดอกป๊ อปปี้
เมื่อมาถึงปี ค.ศ 1828 ทั่วประเทศมีชาวจีนที่ติดฝิ่นมากถึง 2
ล้านคน จนถึงกับมีคำกล่าวว่าฝิ่น นอกจากจะขูดเอาเงินแท่งจาก
จีนไปแล้ว ยังได้ทำลายสุขภาพร่างกายและจิตวิญญาณชาวจีนไปด้วย
ในปี เดียวกันนี้จึงมีกลุ่มขุนนางถวายฎีกาโดยเปิ ดโปงบันดาล
ข้าราชการที่ค้าฝิ่น และผลักดันให้มีการหยุดฝิ่นด้วยการลงโทษผู้ที่
สูบอย่างรุนแรงหลังจากนั้น หลินเจ่อสวี ผู้ตรวจการหูกว่างได้ถวาย
ฎีกาถึง 3 ครั้งต่อฮ่องเต้เต้ากวง โดยระบุว่าหากไม่ทำการหยุด
ฝิ่นในประเทศจีน ในระยะยาวอีกหลายสิบปีนั้น จีนจะไม่เหลือ
ทหารไปรบ ไม่เหลือเงินไว้ใช้ต่อไป จนทำให้ฮ่องเต้เต้ากวงมีดำริ
ที่จะปราบปรามฝิ่ นอย่างจริงจัง
ปีค. ศ. 1839 หลินเจ่อสวี ได้เตรียมคน และทหาร เดินทางออก
จากปักกิ่งอย่างไม่เอิกเกริก เข้าไปทำการปราบปรามฝิ่นและยึด
ทรัพย์สินของชาวอังกฤษและสั่งห้ามการค้าฝิ่ นและจับกุมชาวจีนที่ค้า
ฝิ่นลงโทษกว่านับพันร้าย ยึดกระบอกสูบฝิ่นได้มากกว่า 70,000
กระบอกและบังคับอังกฤษให้ลงนามในสัญญาห้ามค้าฝิ่ นแต่พ่อค้า
อังกฤษไม่ยอมลงนามในสัญญาตามที่ต้องการ ทางการจีนจึงสั่งให้
เผาทำลายสิ่งที่ยึดได้มาจากพ่อค้าชาวอังกฤษกว่า 20,000 หีบ
ผู้นำแห่งการปราบฝิ่นคือหลินเจ่อซุย นอกจากนั้นยังได้ทำการ
กวาดล้างปัญหาฝิ่น ด้วยการจัดการตั้งกฎอย่างเด็ดขาดให้ผู้เกี่ยวข้อง
กับการค้าฝิ่นจะถูกคุมขัง ในเรือนจำได้มีหลักฐานว่าเป็ นผู้ค้าจะถูก
ตัดศีรษะเสียบประจาน ส่วนผู้ที่ติดฝิ่นก็จะมีการส่งเข้าสถานรักษา
พยาบาลเพื่อช่วยให้เลิกฝิ่น จากนั้นก็จัดโครงการรณรงค์ให้อดฝิ่น
โดยที่ใครทำสำเร็จทางการจะทำการประกาศเกียรติคุณให้เป็ นแบบ
อย่างที่ดีให้กับผู้อื่น
หลินเจ๋อสวี ได้กำหนดเวลา 3 วันให้ทุกคนที่มีฝิ่นนั้น ส่งมอบออก
มาให้หมดกระทั่งครบเวลาที่กำหนดขนาดนั้นได้ฝิ่ นทั้งสิ้นเพียง
1,037 ลัง เมื่อเห็นดังนั้นจึงมีคำสั่งให้ปิดล้อมร้านค้า ยกเลิกการ
ค้าขายระหว่างจีนกับอังกฤษไม่อนุญาตให้ร้านค้าติดต่อกับเรือที่มี
การขนฝิ่น ปลดพนักงานชาวจีนที่ทำงานกับผู้ค้าต่างชาติได้นำกำลัง
ออกไปล้อมคลังสินค้าโดยหนึ่งในนั้นมีผู้ตรวจการพาณิชย์อังกฤษ
ชาร์ลส์ เอลเลียต อยู่ด้วย เมื่อชาร์ลส์ในขณะนั้นไม่มีกำลังรบอยู่ใน
มือ และกลัวว่าพ่อค้าฝิ่นของตนจะถูกฆ่า จึงยอมส่งมอบฝิ่นจากเรือ
20 ลำออกมาจำนวนทั้งสิ้นปรากฏว่ามีถึง 20,283 ลัง
ในวันที่ทำการทำลาย ได้มีผู้คนจำนวนมากเเห่เเหนเข้ามาชมดู
กันอย่างเนืองแน่น หลินเจ่อซี่ ได้ให้คนขุดหลุมขนาดใหญ่
2 หลุมบริเวณชายหาดหู่เหมิน แล้วจากการเผาทำลายฝิ่นที่มี
จำนวนกว่า 2 ล้านชั่ง และใช้เวลาเผาทำลายถึง 3 สัปดาห์
ภายหลังสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษได้มอบอำนาจให้ ชาร์ลส์ นำ
เรือ 40 กว่าลำ ทหารกว่า 4,000 คน มาอยู่ที่บริเวณมาเก๊า
และทำศึกกับจีนซึ่งได้มีการเตรียมตัวรับมือไว้ก่อนแล้วทำให้ทั้ง
สองฝ่ ายมีผู้คนล้มตายถือเป็ นจุดเริ่มต้นของสงครามฝิ่นครั้งแรก
ประจวบกับในเวลานั้นมีกลาสีชาวอังกฤษกลุ่มนึงเมาอาละวาดฆ่า
ชาวจีนในเกาลูนตายไป 1 คน รัฐบาลอังกฤษซึ่งไม่ต้องการรับ
การพิจารณาคดีในระบบกฎหมายของจีน ปฏิเสธที่จะส่งผู้ต้องหา
ขึ้นศาลจีน
สงครามฝิ่ น
ครั้งที่ 1
ในช่วงปลายปี เมื่ อเรือรบอังกฤษทำลายการปิ ดล้อมจีนของแม่น้ำ
เพิร์ล (จู้เจียง) ปากน้ำที่ฮ่องกง รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจในต้น
ปี พ.ศ. 2383 ที่จะส่งกองกำลังสำรวจไปยังจีน ซึ่งมาถึง
ฮ่องกงในเดือนมิถุนายน กองเรืออังกฤษเคลื่อนตัวขึ้นปากแม่
น้ำเพิร์ลไปยังแคนตัน และหลังจากการเจรจานานหลายเดือนที่
นั่น โจมตีและยึดครองเมืองในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1841
การรบที่ตามมาของอังกฤษในปี หน้าก็ประสบความสำเร็จเช่น
เดียวกันกับกองกำลังชิงที่ด้อยกว่า แม้ว่าจะมีการตอบโต้โดยเด็ด
ขาด กองทหารจีนในฤดูใบไม้ผลิปี 1842 อย่างไรก็ตาม ชาว
อังกฤษต่อต้านการโจมตีดังกล่าว และยึดเมืองหนานจิง (นา
นกิง) ได้ในปลายเดือนสิงหาคมซึ่งทำให้การสู้รบยุติลง การ
เจรจาสันติภาพดำเนินไปอย่างรวดเร็วส่งผลให้ สนธิสัญญานานกิง
ลงนามเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม
เพื่อยุติสงครามกับประเทศอังกฤษ รัฐบาลจีนต้องชดใช้ค่าฝิ่น
ที่ทำลาย จ่ายค่าปฏิกรณ์สงครามให้แก่อังกฤษ และเปิดเมือง
ท่าชายทะเล 5 แห่ง ได้แก่ กวางโจว เซียะเหมิน
ฝูโจว หนิงโป และ เซี่ยงไฮ้ รวมถึงยกเกาะฮ่องกงและ
เกาะเล็กเกาะน้อยที่อยู่โดยรอบเป็ นเขตเช่าของอังกฤษ
โดยชาวอังกฤษและคนที่อยู่ใต้อาณัติสามารถทำอาศัยอยู่โดย
ได้รับสิทธิสภาพนอกอาณาเขต (Extraterritoriality)
ทั้งหมดนี้ทำให้อังกฤษเป็ น "ชาติที่ได้รับการอนุเคราะห์ยิ่ง"
(most-favored-nation) ต่อมาในปี 1844
ประเทศฝรั่งเศสและอเมริกาได้บีบบังคับให้จีนให้สิทธิ
ประโยชน์แก่ตนเช่นเดียวกับอังกฤษ
สนธิสัญญานานกิง
ผลของสนธิสัญญานานกิง
ค.ศ.1842
ประเทศจีนและอังกฤษลงนามในสนธิสัญญาสงบศึกบนเรือรบ
HMA Cornwallis ของอังกฤษซึ่งจอดอยู่ที่เมืองนานกิง
สนธิสัญญาฉบับนี้เป็ นสนธิสัญญาที่ไม่เป็ นธรรมฉบับแรกที่จีนทำ
กับมหาอำนาจตะวันตก สาระในสัญญามีผลทำให้ระบบการค้า
ผูกขาดแบบ "ก้งหอง" หรือ "กงหาง" ถูกยกเลิก การเปิด
เมืองท่าในชายฝั่งภาคตะวันออก 5 เมือง พร้อมด้วยท่าเรือใน
เมืองเหล่านี้มีสถานะเป็ นท่าเรือตามสนธิสัญญา (Treaty
Port) มหาอำนาจตะวันตกเป็ นผู้ประกอบการบรรทุกขนถ่าย
สินค้าโดยไม่ต้องจ่ายค่าภาระท่าเรือให้แก่รัฐบาลจีน อัตราภาษี
นำเข้าอยู่ในอัตราคงที่และต่ำมาก กล่าวคือ จากร้อยละ 65
เหลือเพียงร้อยละ 5 ทั้งหมดนี้ทำให้จีนแทบไม่มีรายได้จากการ
ค้ากับชาติตะวันตก การนำเข้าสินค้าได้อย่างเสรีมีผลกระทบต่อ
อุตสาหกรรมพื้นบ้านของจีนอย่างรุนแรง
ผลกระทบของสนธิสัญญานานกิงในด้านสังคมที่ร้ายแรงที่สุด คือ
การค้าฝิ่นเป็ นเรื่องถูกกฎหมายโดยถือว่าเป็ นยารักษาโรคและ
สามารถทำได้โดยเสรี ทำให้สังคมจีนอยู่ในสภาพอ่อนแอ คนจีน
จำนวนมากอยู่ในสภาพติดยาเสพติด นอกจากนี้สินค้าราคาถูกที่
ผลิตจากเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมจากยุโรปหลั่งไหล
เข้าไปในประเทศจีน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายใน
ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมสิ่งทอ และก่อให้เกิด
ปัญหาคนว่างงานจำนวนมหาศาล สิทธิสภาพนอกอาณาเขตที่ชาว
อังกฤษรวมถึงคนในอาณัติได้รับ ทำให้ชาติตะวันตกสามารถแผ่
อิทธิพลเข้าในประเทศจีนอย่างกว้างขวาง สภาพดังกล่าวนี้เหมา
เจ๋อตงอดีตประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้วิเคราะห์ว่าทำให้จีน
ตกอยู่ในสภาพ "กึ่งเมืองขึ้น-กึ่งศักดินา" อีกทั้งยังเป็ นแหล่ง
ซ่องสุมมิจฉาชีพและอาชญากร ทั้งนี้เพราะสามารถกระทำความ
ผิดได้โดยไม่ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายจีน เพียงแต่หลบเข้าไป
อยู่ในเขตที่อยู่ในอิทธิพลตะวันตก
สงครามฝิ่ น
ครั้งที่ 2
เริ่มต้นในช่วงปีค.ศ 1856 และสิ้นสุดในปีค.ศ 1860 เริ่ม
จากในปีค.ศ 1856 กองทัพพันธมิตรจำนวน 10 นายบุก
เข้ายึดกองทัพจีนจำนวน 30 นายชาติตะวันตกได้เข้ายึด
อ้วนวัตถุโบราณของล้ำค่าและเผาพระราชวังฤดูร้อน 2 หลัง
คือพระราชวังฉินอี้ และพระราชวังหยวนหมิงหยวนปัจจุบัน
วัตถุโบราณของล้ำค่าก็ถูกเก็บไว้ที่สถานที่แห่งนี้ ถูกชาว
อังกฤษและฝรั่งเศสช่วงชิงเป็ นจำนวนมากและถูกแสดงที่
พิพิธภัณฑ์ที่อังกฤษและฝรั่งเศสถึงกระนั้นเราชาติ
มหาอำนาจตะวันตกก็ยังพยายามขอแก้ไขสนธิสัญญาให้
ตนเองได้เปรียบมากยิ่งขึ้นแต่ฝ่ ายจีนไม่ยินยอมจนกระทั่ง
ทำให้เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 หรือรู้จักกันในชื่อสงคราม
เเอร์โรว์ (Arrow War)เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 1856
เป็ นผลมาจากอังกฤษต้องการเจรจาแก้สนธิสัญญานานกิง เพื่อให้
ตนได้รับประโยชน์จากการค้ามากขึ้น ซึ่งจีนไม่ยอม ชนวนของ
สงคราม คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนยึดเรือแอร์โรว์ซึ่งเป็ นเรือ
ของชาวจีนแต่จดทะเบียนเป็ นเรืออังกฤษและจับกุมลูกเรือซึ่งเป็ น
คนจีนทั้งหมด 12 คน ด้วยข้อกล่าวหากระทำการเป็ นโจรสลัดและ
ลักลอบขนสินค้าเข้าเมือง อังกฤษเรียกร้องให้จีนคืนเรือและปล่อย
ตัวลูกเรือทั้งหมดอ้างว่าเรือดังกล่าวชักธงอังกฤษ ดังนั้นจึงควรได้รับ
การปกป้ องตามสนธิสัญญานานกิง แต่จีนปฏิเสธข้อเรียกร้อง ใน
ขณะเดียวกันบาทหลวงฝรั่งเศสถูกฆ่าตาย อังกฤษและฝรั่งเศสจึงถือ
เป็ นข้ออ้างในการยกกองเรือมาปิดล้อมเมืองกวางโจว10โดยมี
รัสเซียและสหรัฐอเมริกาเป็ นพันธมิตรร่วมในสงคราม จีนพ่ายแพ้
ในสงครามอีกครั้ง และจำยอมลงนามในสนธิสัญญาเพื่อสงบศึก ณ
เมืองเทียนจินในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1858 โดยในวันที่ 13
มิถุนายน ลงนามกับรัสเซีย วันที่ 18 มิถุนายน ลงนามกับ
สหรัฐอเมริกา วันที่ 26 มิถุนายน ลงนามกับอังกฤษ และวันที่
27 มิถุนายน ลงนามกับฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตามเกิดการสู้รบขึ้นอีกครั้งอีกครั้งในปี 1859
เมื่อจีนปฏิเสธที่จะให้อังกฤษตั้งสถานทูตในนครหลวง
ปั กกิ่งตามข้อตกลงที่ได้ระบุไว้ในสนธิสัญญาเทียนจิน
การรบสู้รบเกิดขึ้นทั้งในปักกิ่งและฮ่องกง จีนยอม
จำนนด้วยเกรงว่าชาติตะวันตกจะบุกยึดพระราชวังต้อง
ห้ามที่ปักกิ่ง และตกลงลงนามยุติการสู้รบกับอังกฤษ
ในการประชุม ณ ด้านใต้ของพระราชวังต้องห้ามใน
ปักกิ่งในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.186013 ลงนามกับ
ฝรั่งเศสในวันที่ 25 ตุลาคม และลงนามกับรัสเซียใน
วันที่ 14 พฤศจิกายน
พระราชวังต้องห้ามที่ปั กกิ่ง
ผลของสนธิ
สัญญาเทียน
จิน
ค.ศ.1842
และข้อ
ตกลงปั กกิ่ง
ค.ศ.1860
สนธิสัญญาเทียนจินเป็ นสนธิสัญญาที่ไม่เป็ นธรรมอีกฉบับที่
รัฐบาลชิงจำยอมต้องลงนามกับมหาอำนาจตะวันตกทั้ง 4 ชาติ
ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา เนื้อหา
ในสนธิสัญญาที่ลงนามกับมหาอำนาจตะวันตกแต่ละชาติแตกต่าง
กันบ้าง แต่โดยสรุปผลของสนธิสัญญาทำให้จีนต้องเปิดเมืองท่า
ชายเพิ่มขึ้นอีก 11 แห่ง ทำให้ชายฝั่งตะวันออกของจีนถูกเปิด
กว้างให้มหาอำนาจตะวันตกค้าขายได้อย่างเสรีภายใต้ระบบการ
ค้าเมืองท่าตามสัญญา (Treaty Port System)
โดยเสียภาษีนำเข้าไม่เกินร้อยละ 2.5 มหาอำนาจตะวันตกทั้ง
4 ชาติ มีสิทธิจัดตั้งสถานกงสุลขึ้นในนครหลวงปักกิ่ง และ
กองทัพเรือของชาติเหล่านี้สามารถผ่านเข้าออกแม่น้ำฮวงโหได้
อย่างเสรี ชาวตะวันตกสามารถเดินทางเข้าไปยังตอนในของแผ่น
ดินจีนได้อย่างเสรี และจีนต้องจ่ายค่าปฏิกรณ์สงครามให้กับ
อังกฤษและฝรั่งเศส อีกทั้งจ่ายค่าชดใช้ค่าเสียหายให้แก่พ่อค้า
อังกฤษ สำหรับข้อตกลงปักกิ่งเป็ นข้อตกลงที่จีนทำกับประเทศ
อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ผลของข้อตกลงทำให้สัญญาเช่า
พื้นที่ตอนใต้ของคาบสมุทรเกาลูน (ปัจจุบันคือ ถนน
Boundary) ซึ่งอังกฤษลงนามขอเช่าจากจีนในเดือนมีนาคม
ค.ศ. 1860 สิ้นสุดลง และต้องยกพื้นที่บริเวณนี้ให้อยู่ในอาณัติ
ของอังกฤษรวมกับเกาะฮ่องกง (รวมถึงเกาะ
Stonecutters) ภายใต้ข้อตกลงปักกิ่งซึ่งลงนามในวันที่
24 ตุลาคม 1860
เปิ ดเมืองเทียนจินให้
เป็ นเมืองท่าตามสัญญา
เพิ่มอีก 1 เมือง จ่าย
ค่าปฏิกรณ์สงครามเพิ่ม
เติมจากสนธิสัญญา
เทียนจิน อย่างไร
ก็ตาม ในปี 1898
อังกฤษได้ทำข้อตกลง
ปักกิ่งครั้งที่ 2 ขอ
เช่าพื้นที่ทางตอนใต้
ของลำน้ำเซินเจิน
(ปัจจุบันคือ ซินเจี้ย
หรือ New
Territory) ส่งผล
ให้อังกฤษได้คอรบ
ครองพื้นที่กว้างใหญ่
กว่าเมื่อครั้งอังกฤษ
เข้ายึดครองเมื่อ
ชนะสงครามฝิ่ นครั้งที่
1 เกือบสิบเท่า โดย
พื้นที่ทั้งหมดเป็ นเขต
เช่าของอังกฤษเป็ น
เวลา 99 ปี
(ค.ศ.1898-1997)
หลังจากความพ่ายแพ้ของจีนในสงครามฝิ่นทั้ง 2 ครั้ง ได้ส่งผล
ให้ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่ชาวจีนและราชวงศ์ชิงเคยภาคภูมิใจ
ต้องถึงการล่มสลาย หลังจากนั้นจีนก็ยังคงเผชิญหน้ากับ
เหตุการณ์ที่สร้างความเสื่อมให้ตนเองมาเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็ นกบฏ
ไท่ผิงในช่วงปี 1850 จนถึง 1864 รวมไปถึงกบฏนักมวยในช่วง
ปี 1899 จะถึง 1901 อันเป็ นความพยายามครั้งสุดท้ายของจีนที่
ขับไล่ชาติตะวันตกและทำให้จีนกลับมามีอำนาจในเอเชียอีกครั้ง
ผลสุดท้ายความเสื่อมที่สะสมยาวนานกว่าร้อยปี ก็ได้ส่งผลให้
ในท้ายที่สุดราชวงศ์ชิงและระบบจักรพรรดิของจีนต้องถึงกาล
ล่มสลายลงในปี 1912 นั่นเอง
ผลสรุปสงคราม ฝิ่น
แม้สงครามฝิ่นจะยุติลงแต่ชาวจีนกว่า 3 ล้านคนยังคงติดฝิ่น
เศรษฐกิจจีนถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ และราชวงศ์ชิงล่ม
สลาย สาเหตุที่ทำให้ชาติมหาอำนาจยิ่งใหญ่ในเอเชียนั้น
ต้องพ่ายแพ้ให้กับมหาอำนาจตะวันตก คือ
ประการแรก อังกฤษได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือ
จากชาติมหาอำนาจอย่าง ฝรั่งเศสรัสเซีย อเมริกา
ประการที่สอง ความทันสมัยของอาวุธและเรือรบทำให้ชาติ
มหาอำนาจตะวันตกมีอำนาจในการสู้รบกับจีนมากกว่า 10
เท่าตัว
ประการที่สาม ประชาชนจีนมองว่าราชวงศ์ชิงเป็ นพวกชาวต่าง
ชาติหรือแมนจูทำให้ไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนเท่าที่
ควร
ประการที่สี่ เหล่าจอมพล มณฑลใหญ่ต่างป้ องกันผล
ประโยชน์ในเขตอำนาจของตนเองมีการทุจริตคอรัปชั่น
ไม่ค่อยสนับสนุนการรบของรัฐบาลกลาง
ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้จีนพ่ายแพ้สงครามฝิ่ นอย่างไม่เหลือชิ้นดี
สงครามฝิ่น คือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บันทึกการกระ
ทำที่โหดร้ายจากฝ่ ายที่ครอบครองอำนาจผ่านศาสตราวุธที่
กระทำเพื่อช่วงชิงสนองความต้องการของตนเอง โดยไม่สน
ใจหรือเเยเเสความเดือดร้อนของผู้อื่น จีนต้องสูญเสียทั้งชีวิต
และทรัพย์สินมากมาย สูญเสียอธิปไตยในดินแดนของตนเอง
หรือที่เรียกว่า ต้นแบบอำนาจที่มาจากกระบอกปืน
เรียนรู้เพิ่มเติม
สเเกน QR code
คำถามทบทวน
1.ข้อใดไม่ใช่ผลจากการที่จีนแพ้สงครามในครั้งนี้
ก.รัฐบาลจีนต้องชดใช้ค่า ฝิ่นที่ถูกทำลาย
ข.อังกฤษและจีนหารค่าปฏิกรณ์สงคราม
ค.จ่ายค่าปฏิกรณ์สงครามให้แก่อังกฤษ
ง.ยกเกาะฮ่องกงและเกาะเล็กเกาะน้อยที่อยู่โดยรอบเป็ นเขตเช่า
ของอังกฤษ
2.สงครามฝิ่ นเกิดขึ้ นทั้งหมดกี่ครั้ง
ก.2 ครั้ง
ข.5 ครั้ง
ค.4 ครั้ง
ง.1 ครั้ง
3.สงครามฝิ่ นเกิดขึ้ นในราชวงศ์ใดของจีน
ก.ราชวงศ์หยวน
ข.ราชวงศ์ถัง
ค.ราชวงศ์หมิง
ง.ราชวงศ์ชิง
4.ระลอกเเรกของสงครามดำเนินอยู่ระหว่างปี ค.ศ.ใด
ก.ปี 1835-1842
ข.ปี 1987-1991
ค.ปี 1834-1842
ง.ปี 1789-1797
5.ข้อใดคือเหตุผลที่อังกฤษชนะจีน
ก.กองกำลังทหารจีนเเข็งเเกร่งกว่าอังกฤษ
ข.จีนได้รับการสนับสนุนจาก
อเมริกา
ค.กองกำลังจีนนั้นล้าหลังไม่ทันสมัย
ง.ทหารกำลังรบของจีนน้อยกว่าอังกฤษ
6.ในสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 สนธิสัญญาระหว่างจีนกับอังกฤษมีชื่อเรียกว่าอะไร
ก.สนธิสัญญานานกิง
ข.สนธิสัญญาเบาว์ริง
ค.สนธิสัญญาเทียนจิน
ง.สนธิสัญญเเวร์ซาย
7.อังกฤษให้จีนเปิ ดท่าเรือที่ปรากฎในสนธิสัญญานานกิงทั้งหมดกี่เเห่ง
อะไรบ้าง
ก.4 เเห่ง กวางโจว หนิงโป ฝู่โจว หรงฉี
ข.5 เเห่ง กวางโจว ฝู่โจว เซียะเหมิน เซี่ยงไฮ้ หนิงโป
ค.2 แห่ง ซัวเถา กวางโจว
ง.3 เเห่ง หนิงโป เซี่ยงไฮ้ เซียะเหมิน
8.สงครามเเอร์โรว์ เป็ นชื่อสงครามครั้งที่เท่าไหร่ของสงครามฝิ่น
ก.ครั้งที่ 2
ข.ครั้งที่ 1
ค.ครั้งที่ 3
ง.ครั้งที่ 1 เเละ 2
9.ข้อใดคือปี การล่มสลายของราชวงศ์ชิง
ก.1912
ข.1900
ค.1915
ง.1925
10.สงครามฝิ่ นเกิดขึ้ นได้อย่างไร
ก.อังกฤษได้ค้าขายฝิ่ นทำให้ชาวจีนเสพติดกันเยอะมาก
ข.จีนไม่ยอมเปิ ดท่าเรือให้การค้าขายที่เสรีต่ออังกฤษทำให้อังกฤษ
ขาดทุนอย่างมาก
ค.อังกฤษปลูกฝิ่ นที่จีนทำให้จีนไม่พอใจอย่างมาก
ง.ที่กล่าวมาไม่มีข้อใดถูก
บรรณานุกรม
Britannica. “Opium Wars | Definition, Summary,
Facts, & Causes”. (ออนไลน์). เข้าได้จาก :
https://www.britannica.com/topic/Opium-Wars
สืบค้น 19 ธันวาคม 2564
สถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2554). “สงคราม
ฝิ่น”. (ออนไลน์). เข้าได้จาก :
http://www.cuti.chula.ac.th/triresearch/hongkon
gport/poppy.html
สืนค้น 19 ธันวาคม 2564