แผนการจดั การเรยี นรู้
เพ่อื บ่มเพาะอุปนิสัยอยู่อยา่ งพอเพยี ง
ระดบั ประถมศึกษา
วชิ า วิทยาศาสตร์ (พว11001)
ครูผสู้ อน
นายซอบือรี แซะเซ็ง
ตาแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเจาะไอรอ้ ง
สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวดั นราธิวาส
สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย
แผ่นท่ี 1 ผงั โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้เพ่ือเสรมิ สร้างคณุ ลกั ษณะอย่อู ย่างพอเพียง
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สาระความรพู้ ืน้ ฐาน
ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ สิ่งมีชีวิตและสงิ่ แวดลอ้ ม ระดับชน้ั ประถมศึกษา เวลา 9 ชั่วโมง
ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ ส่งิ มชี วี ิตและสง่ิ แวดล้อม( 9 ช่วั โมง)
สาระสาคัญ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ และเห็นคณุ คา่ เก่ยี วกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม
ระบบนเิ วศทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม ในท้องถ่นิ สาร แรงพลงั งาน กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก และดารา
ศาสตร์ มีจิตวทิ ยาศาสตร์และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการดาเนินชวี ติ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 ( 3 ชวั่ โมง) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ( 3 ชว่ั โมง) แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 ( 3 ชวั่ โมง)
เร่อื ง สงิ่ มชี ีวติ เรอ่ื ง ระบบนิเวศ เร่ือง ทรพั ยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม
สาระสาคัญ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณค่า
สาระสาคัญ มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณค่า สาระสาคญั มีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะ และเห็นคุณค่า เก่ียวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
เก่ียวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เก่ียวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดล้อม ระบบนิเวศทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม ระบบนิเวศทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม ในท้องถิ่น สาร แรงพลังงาน กระบวนการ
ส่ิงแวดล้อม ในท้องถ่ิน สาร แรงพลังงาน กระบวนการ สิ่งแวดล้อม ในท้องถ่ิน สาร แรงพลังงาน กระบวนการ เปลีย่ นแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มีจิตวิทยาศาสตร์
เปลีย่ นแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มีจิตวิทยาศาสตร์ เปลย่ี นแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการดาเนนิ ชวี ติ
และนาความรู้ไปใช้ประโยชนใ์ นการดาเนนิ ชีวติ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการดาเนนิ ชีวิต
สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน คณุ ธรรม ภาระงาน/ช้นิ งาน
1.ความสามารถในการสื่อสาร
1.ขยัน 1.ใบงาน
2.ความสามารถในการคดิ 2.ประหยดั
3.ซอื่ สตั ย์ 2.การนาเสนอเปน็ Mind Map
3.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
4.ความสามารถในการแกป้ ญั หา
แผ่นท่ี 2 ผงั แสดงการออกแบบการเรียนรแู้ บบย้อนกลับ (Backward Design)
กลมุ่ สาระความรู้พืน้ ฐาน วิชาวทิ ยาศาสตร์
แผนการเรยี นรทู้ ี่ 3 ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระดับประถมศึกษา
1. เปา้ หมายการเรียนรู้ 2. หลกั ฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ภาระงาน/ชนิ้ งาน :
มาตรฐาน 2.2 มีความรู้ความเขา้ ใจ และทักษะพ้ืนฐานเก่ียวกบั คณติ ศาสตร์ 1.ใบงาน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.การนาเสนอเปน็ Mind Map
สาระสาคัญ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ และเห็นคณุ คา่ เกยี่ วกบั การวัดประเมนิ ผล :
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ส่ิงแวดลอ้ ม ระบบนเิ วศ ประเดน็ วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑป์ ระเมิน
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม ในท้องถ่นิ สาร แรงพลงั งาน ด้าน K ร้อยละ 60 ขึ้น
กระบวนการเปลย่ี นแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มจี ิตวิทยาศาสตร์และ -ตรวจคาตอบใน -แบบประเมนิ ไปผา่ น
นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ในการดาเนนิ ชวี ติ ดา้ น P
ดา้ น A รายงาน รายงาน ระดับ 2 ขนึ้ ไป
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ผ่านเกณฑ์
-ชดุ คาถาม -แบบชดุ คาถาม ระดับ 2 ขึ้นไป
1. อธบิ ายความหมายและประเภทของทรพั ยากรธรรมชาติ ผา่ นเกณฑ์
2. อธิบายเก่ยี วกบั การใช้ทรัพยากรธรรมชาติผลกระทบและการดูแลรกั ษา -สังเกตพฤติกรรม -แบบประเมิน
ทรพั ยากรธรรมชาติ
3.อธิบายความหมายและประเภทของสงิ่ แวดล้อม การทางานกลุ่ม พฤติกรรม
4.อธบิ ายการเปล่ียนแปลงส่งิ แวดลอ้ มในทอ้ งถ่ินและเสนอแนวทางปอ้ งกนั
และแกไ้ ข -สังเกตพฤติกรรม -แบบสังเกต
สาระการเรียนรู้ พฤตกิ รรม
1.ความหมายและประเภททรพั ยากรธรรมชาติ
2.ผลกระทบจากการใชท้ รัพยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถ่ิน
3.การดูแลรกั ษา แผนท่ี 3 ทรัพยากรธรรมชาติ
4.ความหมายและประเภทส่ิงแวดลอ้ ม ส่ิงแวดล้อม
5.การเปลยี่ นแปลงสิ่งแวดลอ้ มในท้องถน่ิ และเสนอแนวทางปอ้ งกันและ
แกไ้ ข
6.ภาวะโลกรอ้ นสาเหตแุ ละผลกระทบการป้องกนั และแก้ไขปญั หาโลกรอ้ น
3. กจิ กรรมการเรยี นรู้
สมรรถนะสาคัญ
กจิ กรรรมการเรยี นรู้ : แบง่ กลุ่มเพ่ือส่งตัวแทนกลมุ่ ออกมา
1. ความสามารถในการส่อื สาร อธบิ าย เขียน นาเสนอหน้าช้ัน
2. ความสามารถในการคดิ คดิ วิเคราะห์ แปลความหมาย นาเสนอความหมายและประเภททรัพยากรธรรมชาติ ผลกระทบจาก
อภปิ ราย สรปุ ผล การคิดเชิงเหตผุ ล การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถน่ิ การดูแลรักษา ความหมายและ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา แก้ปัญหาเชิงวทิ ยาศาสตร์ ประเภทสิง่ แวดล้อม ความหมายและประเภทสง่ิ แวดลอ้ ม การ
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต กระบวนการกลมุ่ การแสวงหาความรู้ เปลี่ยนแปลงสง่ิ แวดลอ้ มในท้องถิ่นและเสนอแนวทางป้องกนั และ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี การสบื คน้ ข้อมลู ทางอินเตอรเ์ น็ต แก้ไข ภาวะโลกร้อนสาเหตุและผลกระทบการป้องกันและแกไ้ ข
ปญั หาโลกรอ้ น
คณุ ธรรม
สอ่ื เรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้ : ใบสรปุ ความรู้ ใบงาน สอื่ ของจริง
1.ขยัน เวลา : 3 ชัว่ โมง
2.ประหยดั
3.ซือ่ สตั ย์
แผน่ ที่ 3 กจิ กรรมการเรยี นรู้เพอ่ื บ่มเพาะอุปนสิ ัยอย่อู ยา่ งพอเพียง
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สาระความรู้พื้นฐาน
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 เร่อื ง ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม ระดับประถมศึกษา เวลา 3 ช่วั โมง
ช่วั โมงท่ี 1
1. ครูทักทายและต้อนรบั นักศกึ ษา
2. ครอู ธิบายคาอธิบายรายวิชาและหน่วยกติ ของรายวชิ าทีเ่ รยี น
3. โครงสรา้ งหลักสูตร วธิ กี ารเรียน การวดั ผลประเมินผล
4. วิเคราะหค์ วามยากง่ายของเนื้อหาแต่ละรายวิชา
5. ครูแจกตารางวิเคราะหห์ ลักสูตร และหนงั สอื ทุกรายวิชาท่ีลงทะเบยี นเรยี นในภาคเรยี นนี้ พรอ้ มกันนีค้ รรู ว่ มกบั นักศึกษา
วเิ คราะหถ์ งึ ความยากงา่ ยของแต่ละรายวิชา วา่ เร่อื งอะไรบ้างท่ีง่าย ครูไม่ต้องสอนแตง่ ต้องไปศกึ ษาดว้ ยตนเอง เรื่อง
อะไรบ้างท่ียากครูต้องจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนให้นกั ศึกษา และเรื่องอะไรบา้ งต้องจ้างครทู ่ีมีความชานาญเปน็ พิเศษมา
สอนจนครบ
6. เมอื่ วเิ คราะห์ร่วมกนั เสร็จแลว้ ครนู าเรือ่ งทีน่ กั ศึกษาวิเคราะหว์ า่ ครตู ้องสอนก่เี ร่ืองนาไปจัดทาแผนการจดั การเรียนร้เู พื่อ
เสริมสร้างคุณลักษณะอยู่อยา่ งพอเพียง
7. จดั ทาข้อตกลงในการมาพบกลมุ่ ของนักศึกษากับครู
ชั่วโมงที่ 2 – 3
1. ครใู ห้นกั ศึกษาร่วมกันศึกษาความหมายและประเภททรัพยากรธรรมชาติ ผลกระทบจากการใช้ทรพั ยากรธรรมชาตใิ น
ทอ้ งถนิ่ การดูแลรักษา ความหมายและประเภทสิง่ แวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสิง่ แวดลอ้ มในท้องถนิ่ และเสนอแนวทาง
ป้องกันและแกไ้ ข ภาวะโลกรอ้ นสาเหตแุ ละผลกระทบการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาโลกร้อน (หลักเหตผุ ล,เงื่อนไขความร)ู้
2. ครูแบง่ กลมุ่ นักศึกษาให้ค้นคว้าออกเปน็ 3 กลุม่ ดังนี้ (หลักพอประมาณ)
กลุ่มที่ 1 ความหมายและประเภททรพั ยากรธรรมชาติ ผลกระทบจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในทอ้ งถ่นิ การดูแลรักษา
กลุ่มที่ 2 ความหมายและประเภทสิ่งแวดลอ้ ม การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นและเสนอแนวทางปอ้ งกนั และแก้ไข
กล่มุ ที่ 3 ภาวะโลกรอ้ นสาเหตุและผลกระทบการป้องกันและแก้ไขปัญหาโลกร้อน
โดยการระดมความคิดภายในกลุ่มแลว้ สง่ ตัวแทนนาเสนอหน้าชั้นเรยี น(มีความรู้ พอประมาณ มเี หตุผล มีภูมิคุ้มกัน)
3. ครแู ละนักศึกษารว่ มกนั สรปุ โดยครนู าชุดคาถามมาให้นกั เรียนชว่ ยกันตอบ(หลกั ภมู ิคมุ กัน)
4. ทาแบบทดสอบย่อย
แผน่ ท่ี 4 ชดุ คาถามกระตนุ้ เพื่อปลกู ฝงั หลกั คิดพอเพียง
กล่มุ สาระความร้พู ื้นฐาน วชิ าวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 เร่อื ง ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม ระดบั ประถมศึกษา เวลา 3 ชวั่ โมง
คาถามกระตนุ้ คดิ เพอ่ื ปลูกฝังหลกั คดิ พอเพียงก่อนเรียน
Q1. ทรพั ยากรธรรมชาติ หมายถึง (ความรู้)
Q2. ทรัพยากรธรรมชาติมีก่ีประเภท (ความรู้)
Q3. สงิ่ แวดล้อม หมายถงึ (ความร)ู้
Q4. ประเภทส่ิงแวดลอ้ ม มกี ่ีประเภท (ความรู้)
คาถามกระตนุ้ คิดเพอื่ ปลกู ฝังหลักคิดพอเพียงระหวา่ งเรยี น
Q6. บอกผลกระทบจากการใช้ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถิ่น
Q7. มีวิธีการดแู ลรักษาทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ินอย่างไร (ภูมิคุ้มกนั )
Q8. การเปลี่ยนแปลงสง่ิ แวดล้อมในท้องถิน่ และเสนอแนวทางป้องกนั และแก้ไข
Q9. บอกสาเหตุของภาวะโลกรอ้ นและผลกระทบ
Q10. การปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาโลกร้อน (ภูมิคุ้มกัน)
คาถามกระตนุ้ คดิ เพอ่ื ปลูกฝังหลกั คดิ พอเพียงหลังเรยี น
Q11. บอกประโยชน์ทรพั ยากรธรรมชาติ
Q12. บอกประโยชน์สิง่ แวดล้อม (ส่ิงแวดล้อม)
Q13. วิธีการดแู ลรักษาทรัพยากรธรรมชาตใิ นท้องถ่ิน (วฒั นธรรม)
Q14. สาเหตุท่ที าให้เกดิ ภาวะโลกรอ้ นและผลกระทบ
Q15. แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาโลกรอ้ น
แผน่ ที่ 5 แนวทางการนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใชจ้ ัดการเรยี นรู้
กลมุ่ สาระความรูพ้ น้ื ฐาน วิชาวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระดบั ประถมศกึ ษา เวลา 3 ชัว่ โมง
ครูผสู้ อนนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ ดงั น้ี
ความรูท้ ค่ี รูตอ้ งมีก่อนสอน คุณธรรมของครูในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
1.ความหมายและประเภททรพั ยากรธรรมชาติ 1.มีความรกั เมตตาศิษย์
2.ผลกระทบจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถิ่น 2.มีความรบั ผิดชอบ
3.การดแู ลรกั ษา 3.มีความยุติธรรม
4.ความหมายและประเภทสิ่งแวดล้อม 4.ตรงต่อเวลา
5.การเปลยี่ นแปลงส่ิงแวดล้อมในทอ้ งถิน่ และเสนอแนวทางปอ้ งกันและแก้ไข
6.ภาวะโลกร้อนสาเหตุและผลกระทบการป้องกันและแกไ้ ขปญั หาโลกร้อน
ประเด็น พอประมาณ มีเหตผุ ล มภี ูมคิ ุ้มกนั ในตวั ทด่ี ี
เนอ้ื หาทรพั ยากรธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ้ ม -ตอ้ งการใหผ้ ู้เรยี นรูว้ ิธกี ารดูแลรกั ษา -สรปุ เน้อื หาให้อา่ นเข้าใจงา่ ย มี
เนอื้ หา สอดคล้องกบั มาตรฐาน ตวั ชีว้ ดั ทรัพยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดลอ้ ม สาเหตุ ภาพประกอบเนือ้ หา
เหมาะสมกับเวลาทีก่ าหนดและวยั ของผู้ ของภาวะโลกรอ้ นและผลกระทบการและ -เรยี งเนื้อหาตามลาดบั การเรยี นรู้
ของผ้เู รยี น การปอ้ งกนั แกไ้ ขปัญหาโลกรอ้ นได้
-กาหนดเวลาในแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสม -จัดการเรยี นรู้ใหค้ รบถ้วนตามที่ออกแบบไว้ -กาหนดเวลาในแต่ละกจิ กรรมไวเ้ กินจริง
เวลา กับกจิ กรรมและวัยของผเู้ รยี น เลก็ น้อยเพอ่ื รองรบั การเปลยี่ นแปลงท่ี
อาจเกิดระหว่างจัดกจิ กรรม
-แบง่ กลุม่ ผ้เู รยี นให้พอดกี บั จานวน -ต้องการให้ผ้เู รยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมอยา่ ง -แบง่ กลมุ่ คละความสามารถของนกั ศึกษา
นักศึกษา ท่ัวถึงตามความสามารถ -เตรียมชดุ คาถามใหพ้ รอ้ มตามลาดับ
การจัด -กาหนดกิจกรรมการเรยี นร้เู หมาะสมกับ -เพ่ือตอ้ งการให้ผ้เู รียนเกิดการเรยี นรูต้ าม กจิ กรรมการเรียน
กิจกรรม
เวลาทีก่ าหนด เป้าหมายทีก่ าหนด -สงั เกตพฤติกรรมและให้ความช่วยเหลือ
-มอบหมายภาระงานและชิน้ งาน -ผู้เรยี นนาความรไู้ ปประยุกตใ์ ชก้ บั ภาระงาน เม่ือนักศึกษามปี ัญหา
เหมาะสมกับความสามารถผูเ้ รยี นและ ได้
สอดคล้องกับเปา้ หมายการเรยี นรู้
-จานวนใบสรปุ ความรู้ ใบงานและวสั ดุ -ตอ้ งการใหน้ ักศกึ ษาได้ปฏิบตั ิกิจกรรมได้ -เตรียมสอื่ อปุ กรณใ์ ห้พรอ้ มกอ่ การจัด
อุปกรณเ์ หมาะสมกบั กิจกรรมและ จริงตามจดุ ประสงค์การเรยี นร้ทู ่กี าหนดไว้ กจิ กรรม
ส่อื /อปุ กรณ์ ปริมาณเพยี งพอกับจานวนนกั ศึกษา -มลี าดบั ขัน้ ตอนการใชส้ ่อื และจัดเก็บ
อยา่ งเปน็ ระบบ
-มีความชานาญในการใช้สอ่ื
แหลง่ เรียนรู้ -ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น ศูนย์เรยี นรู้ ท่ี -ตอ้ งการใหน้ ักศึกษาใชว้ สั ดอุ ุปกรณ์ที่มี เตรียมห้องใหพ้ รอ้ มกอ่ นการจดั เวทีเสวนา
เหมาะสมกบั กจิ กรรมท่ีกาหนด พรอ้ มมาปฏบิ ตั ิตามตัวชว้ี ัด
-จดั ทาแบบประเมนิ ผลงานและ -ตอ้ งการประเมินผลการเรียนรตู้ าม -วางแผนการวดั /ประเมินผลตามขนั้ ตอน
ประเมนิ ผล พฤตกิ รรมไดเ้ หมาะสมกบั เปา้ หมายการ เปา้ หมายท่ีกาหนด ของกจิ กรรม
เรียนรู้ -แบบประเมนิ ผลมีการตรวจสอบ
เทย่ี งตรงในการวัดตามตวั ช้ีวดั
แผน่ ท่ี 6 ผลทจี่ ะเกิดขึ้นกับผูเ้ รียนจากการจัดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
กลุ่มสาระความรู้พืน้ ฐาน วิชาวิทยาศาสตร์
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ้ ม ระดับประถมศกึ ษา เวลา 3 ช่วั โมง
6.1 ผูเ้ รียนได้เรียนรหู้ ลักคิดและฝึกปฏิบัตติ ามหลัก ปศพพ. ดงั นี้ คุณธรรม
ความรู้
1.ความสามคั คีในกลุ่ม
1.ความหมายและประเภททรพั ยากรธรรมชาติ
2.ผลกระทบจากการใชท้ รัพยากรธรรมชาติในทอ้ งถ่ิน 2.ความรบั ผดิ ชอบ
3.การดูแลรักษา
4.ความหมายและประเภทสิง่ แวดล้อม 3.แบง่ ปนั และเออ้ื เฟ้ือเผอ่ื แผ่
5.การเปลยี่ นแปลงสง่ิ แวดลอ้ มในท้องถ่นิ และเสนอแนวทางปอ้ งกันและแกไ้ ข
6.ภาวะโลกรอ้ นสาเหตแุ ละผลกระทบการป้องกนั และแกไ้ ขปญั หาโลกร้อน
พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี ูมคิ ุ้มกนั ในตัวทด่ี ี
1.นกั ศกึ ษากาหนดหนา้ ทีข่ องสมาชิก 1.เพอ่ื ใหน้ ักศึกษาไดร้ คู้ วามหมายและ 1.วางแผนการทางานกล่มุ อยา่ ง
ภายในกลุม่ ไดเ้ หมาะสมกบั ศักยภาพของแต่ ประเภททรัพยากรธรรมชาติสงิ่ แวดล้อม ละเอียดเป็นข้ันตอน
ละคน 2.นกั ศึกษาสามารถนาข้อมูลมาวิเคราะห์ 2.การดแู ลรกั ษาทรัพยากรธรรมชาติ
2.นักศึกษามีการดูแลรักษาเสนอแนวทาง ตอบคาถามในชดุ คาถามได้อยา่ งเปน็ เหตุ สิ่งแวดลอ้ มในทอ้ งถนิ่
ป้องกนั และแก้ไขเหมาะสมกบั เป็นผล 3.ศกึ ษาวธิ กี ารแกป้ ญั หาใหเ้ ข้าใจ
ทรพั ยากรธรรมชาตสิ ่งิ แวดล้อมในทอ้ งถน่ิ กอ่ นทจ่ี าลงมอื แกป้ ญั หา
6.2 ผู้เรยี นได้เรยี นรู้การใชช้ ีวติ ทส่ี มดลุ และพร้อมรับการเปลีย่ นแปลง 4 มติ ิ ตามหลัก ปศพพ. ดังนี้
ดา้ น สมดลุ และพร้อมรบั การเปลย่ี นแปลงในดา้ นต่าง ๆ
องค์ประกอบ วัตถุ/เศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดลอ้ ม วฒั นธรรม
-ความรู้เกย่ี วกับความหมาย -มีความรู้ในการจดั แบ่ง -มคี วามร้ใู นการดูแล -สร้างคา่ นิยมในการดูแลรกั ษา
และประเภททรพั ยากร หนา้ ทภี่ ายในกลมุ่ ได้อย่าง รักษาทรพั ยากร ทรพั ยากร ธรรมชาติ
ธรรมชาตสิ ิ่งแวดลอ้ ม เหมาะสม ธรรมชาตสิ ่งิ แวดล้อมใน สงิ่ แวดลอ้ มในทอ้ งถิ่นและการ
ผลกระทบจากการใช้ -มีความรู้ในการปฏิบัตติ นท่ี ท้องถิน่ และการป้องกนั ป้องกันและแกไ้ ขภาวะโลกร้อน
ทรัพยากรธรรมชาตใิ น ทางานร่วมกบั ผอู้ ่นื และแกไ้ ขภาวะโลกร้อน
ความรู้ ทอ้ งถ่นิ การดูแลรกั ษา การ -มีการช่วยเหลอื และสรา้ ง
เปลย่ี นแปลงสิ่งแวดลอ้ มใน สมั พันธท์ ดี่ ีต่อกัน
ท้องถ่นิ และเสนอแนวทาง
ปอ้ งกนั และแกไ้ ขภาวะโลก
ร้อนสาเหตแุ ละผลกระทบ
การป้องกันและแกไ้ ข
ปัญหาโลกรอ้ น
-มที กั ษะและกระบวนการ -ทางานรว่ มกันภายในกลมุ่ -มกี ารรกั ษาความ -การดแู ลรกั ษาทรัพยากร
ทักษะ ในการทางานกลุ่ม ตามทไี่ ดร้ ับมอบหมายจน สะอาด ธรรมชาตสิ ง่ิ แวดล้อมในทอ้ งถ่นิ
สาเรจ็ และมีความสุข และการปอ้ งกันและแกไ้ ขภาวะ
โลกร้อน
-เหน็ ความสาคญั ของ -มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อการ -มจี ติ สานึกในการรกั ษา -ตระหนักถงึ คุณคา่ ของการ
ทรพั ยากรธรรมชาติ ทางานของกลมุ่ ทรัพยากรธรรมชาติ รกั ษา ทรัพยากร ธรรมชาติ
คา่ นยิ ม ส่งิ แวดลอ้ มในท้องถนิ่ -ยอมรบั ความคดิ เหน็ ซ่ึงกนั สภาพแวดลอ้ ม สิ่งแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่นและการ
และกันมคี วามเสยี สละ ป้องกันภาวะโลกร้อน
อดทน
ใบความรู้
99
เรื่องท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาติ
ความหมายของทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง ส่ิงตา่ ง ๆ ที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ และมนุษยส์ ามารถ
นามาใชป้ ระโยชน์ได้ เช่น ดิน น้า อากาศ ป่ าไม้ ทุง่ หญา้ แร่ธาตุ ฯลฯ
สิ่งแวดล้อม หมายถึง ส่ิงต่าง ๆ ที่อยลู่ อ้ มรอบตวั เรา ท้งั ส่ิงท่ีมีชีวติ และไมม่ ีชีวติ รวมท้งั สิ่งท่ี
เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ และส่ิงที่มนุษยส์ ร้างข้ึนมา
จะเห็นไดว้ า่ ทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภท เป็ นส่วนหน่ึงของสิ่งแวดลอ้ ม แตส่ ิ่งแวดลอ้ มทุก
ชนิดไม่ไดเ้ ป็นทรัพยากรธรรมชาติท้งั หมด
ความสาคญั ของทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรธรรมชาติเป็ นปัจจยั สาคญั ในการดารงชีพของมนุษย์ และส่งผลต่อการพฒั นาประเทศให้
เจริญกา้ วหนา้ ประเทศใดที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และมีส่ิงแวดลอ้ มที่ดี จะส่งผลใหป้ ระชาชน
ในประเทศน้นั มีคุณภาพชีวติ และความเป็นอยทู่ ่ีดีตามไปดว้ ย จากความสาคญั ของทรัพยากรธรรมชาติดงั กล่าว
ไดแ้ ยกความสาคญั ออกเป็น 3 ลกั ษณะ คือ
1. ความสาคัญทางด้านเศรษฐกจิ ประเทศใดที่มีทรัพยากรธรรมชาติท่ีอุดมสมบูรณ์จะทาให้
เศรษฐกิจของประเทศน้นั ดีข้ึน และส่งผลตอ่ การพฒั นาประชากรใหม้ ีคุณภาพชีวติ ที่ดีข้ึน
2. ความสาคัญทางด้านสังคม ทรัพยากรธรรมชาติมีความสาคญั ตอ่ สังคม เพราะจะเป็นปัจจยั
ในการพฒั นาประเทศไดร้ วดเร็ว ทดั เทียมนานาอารยะประเทศ
3. ความสาคญั ทางด้านการเมอื ง ประเทศใดก็ตามที่มีทรัพยากรธรรมชาติท่ีอุดมสมบูรณ์จะส่งผล
ใหป้ ระเทศน้นั มีพลงั อานาจเป็ นท่ียอมรับของอารยประเทศ สามารถสร้างอานาจต่อรองในเวทีระดบั โลกได้
จะเห็นไดจ้ ากในอดีตที่ผา่ นมาจะมีการล่าอาณานิคมใหเ้ ป็ นเมืองข้ึน เพื่อใหไ้ ดม้ าซ่ึงทรัพยากรธรรมชาติใน
ประเทศน้นั ๆ
ประเภทของทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็ น 2 ประเภท ดงั น้ี
1. ทรัพยากรทใ่ี ช้แล้วหมดไป คือ ทรัพยากรท่ีใชแ้ ลว้ เม่ือหมดไป ไม่สามารถเกิดข้ึนใหม่ได้
หรือถา้ จะเกิดข้ึนใหม่ จะตอ้ งใชเ้ วลานานหลายลา้ นปี เพราะฉะน้นั เราควรจะช่วยกนั ประหยดั ใชใ้ ห้
คุม้ ค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อใหส้ ามารถใชไ้ ดอ้ ยา่ งยาวนาน เช่น แร่ธาตุ กา๊ ซธรรมชาติ น้ามนั
ทรัพยากรท่ีใชไ้ มห่ มดสิ้น เช่น ดิน น้า อากาศ ป่ าไม้ สัตวป์ ่ า ฯลฯ
ดนิ เป็ นทรัพยากรท่ีไม่หมดสิ้น แตเ่ สื่อมสลายไดง้ ่าย เราควรจะมีการรักษาคุณภาพของ
ดินเพ่อื ใหเ้ กิดความสมบูรณ์ใหม้ ากท่ีสุด ไม่ควรใชส้ ารพิษเพ่ือการปลูกพชื มากเกินไป
100
นา้ เป็นทรัพยากรธรรมชาติท่ีไม่หมดสิ้น เพราะธรรมชาติจะนาน้ากลบั คืนมาใหม่ในรูปของ
น้าฝน การรักษาแหล่งน้าไวใ้ หม้ ีคุณภาพเพ่ือจะไดม้ ีน้าใชต้ ลอดเวลา
ทรัพยากรธรรมชาติเป็ นสิ่งจาเป็ นแก่มนุษย์ เน่ืองจากสามารถนามาใช้ให้เกดิ ประโยชน์แก่ตวั
มนุษย์ในด้านต่างๆ มากมาย การทมี่ นุษย์นาทรัพยากรไปใช้น้ันหากมีการใช้อย่างฟ่ ุมเฟื อย ไม่รู้คุณค่า ก็
จะทาให้เกดิ ปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย โดยทว่ั ไป ทรัพยากรธรรมชาติจัดออกเป็ นประเภทต่างๆ ดงั นี้
ทรัพยากรดนิ
ดินเกิดจากการสลายและผพุ งั ของหินชนิดต่างๆ แลว้ คลุกเคลา้ ปะปนกบั อินทรียส์ ารชนิดต่างๆ
รวมท้งั น้าและอากาศ ลกั ษณะของดินที่แตกต่างกนั น้นั เนื่องจากองคป์ ระกอบท่ีแตกต่างกนั ไป ลกั ษณะ
ของดินในประเทศไทย มีความแตกตา่ งกนั ไปตามพ้ืนท่ีที่พบดินน้นั ๆ คือ
๐ บริเวณที่ราบน้าท่วมถึงสองฝ่ังแม่น้า เป็ นบริเวณท่ีมีโคลนตะกอนถูกพดั มาทบั ถมกนั เป็ น
จานวนมาก โดยมากมกั เป็ นดินตะกอนที่มีอายุนอ้ ย ลกั ษณะของดินเป็ นดินเหนียว เน้ือละเอียด เม่ือแห้งจะ
จบั ตวั กนั แน่น เช่น บริเวณพ้ืนดินสองฝั่งแม่น้าในจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ปทุมธานี เป็นตน้
๐ บริเวณท่ีราบลุ่มต่ามาก เป็ นบริเวณที่มีน้าท่วมขงั อยเู่ ป็ นประจามีซากพืชซากสัตวท์ บั ถมกนั
เป็ นช้นั หนาจนเป็ นดินท่ีมีอินทรียว์ ตั ถุปะปนอยมู่ ากพบไดใ้ นบริเวณชายฝั่งจงั หวดั นราธิวาสบริเวณบึง
บอระเพด็ จงั หวดั นครสวรรค์
101
๐ บริเวณท่ีเป็ นชายฝ่ังทะเล เป็ นบริเวณท่ีมกั จะมีเนินทรายหรือหาดทรายอยู่มาก ความอุดม
สมบรู ณ์ค่อนขา้ งนอ้ ย พบในบริเวณพ้ืนท่ีชายฝั่งทว่ั ไป เช่น ชายฝ่ังทะเลจงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์
๐ บริเวณท่ีห่างจากสองฝั่งแมน่ ้าออกไป เป็นดินท่ีถูกชะลา้ งเนื่องจากการไหลของน้า ความอุดม
สมบูรณ์ค่อนขา้ งต่า ส่วนมากมกั เป็ นดินเหนียว เมื่อเวลาผ่านไปดินบริเวณน้ีจะค่อยๆ ลดความอุดม
สมบรู ณ์ลงไปเร่ือยๆ จนกลายเป็นดินท่ีไม่มีคุณภาพ
๐ บริเวณภูเขาที่ไม่สูงชนั ส่วนมากเป็ นดินที่ถูกปกคลุมดว้ ยป่ าไมต้ ามธรรมชาติ มีอินทรียสาร
สะสมอยู่ แต่หากป่ าไมถ้ ูกทาลายจะทาให้เกิดการชะลา้ งหนา้ ดินโดยน้าและลมอยา่ งรุนแรง ทาใหด้ ิน
เสื่อมสภาพลงอยา่ งรวดเร็ว
๐ บริเวณดินท่ีมีสารประเภทเบสปะปนอยมู่ าก เช่น หินปูน ดินมาร์ล เป็ นตน้ เม่ือสารเหล่าน้ี
สลายตัวลงจะทาให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ เป็ นดินที่เหมาะในการเพาะปลูกพืชประเภทพืชไร่
การใชด้ ินใหเ้ กิดประโยชน์ การใชด้ ินใหม้ ีประสิทธิภาพสูงสุดและนานท่ีสุดสามารถทาไดด้ งั น้ี
๐ การปลูกพชื หมุนเวยี น
102
๐ การปลกู พชื แบบข้ันบนั ได
๐ การปลกู ป่ าในพนื้ ทลี่ าดชัน และไม่ใช้พนื้ ทดี่ งั กล่าวในการเกษตรกรรม
ปัญหาทรัพยากรดิน ในประเทศไทยมี 2 แบบ คือ ปัญหาท่ีเกิดข้ึนจากธรรมชาติและปัญหาที่เกิดจากการ
กระทาของมนุษย์
103
ทรัพยากรนา้
โลกท่ีเราอาศยั อยปู่ ระกอบไปดว้ ยพ้นื น้าถึง 3 ส่วน เป็นทรัพยากรท่ีสามารถหมุนเวยี นได้ ไมม่ ี
วนั หมดไปจากโลก แตถ่ ูกทาใหเ้ สื่อมสภาพหรือมีคุณภาพต่าลงได้
แหล่งน้าแบ่งไดเ้ ป็ น 2 ประเภท คือ
๐ นา้ บนดนิ ไดแ้ ก่ น้าในแม่น้าลาคลอง หนอง บึง อา่ งเก็บน้า น้าจากแหล่งน้ีจะมีปริมาณมาก
หรือนอ้ ยข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั ต่อไปน้ี
- ปริมาณของน้าฝนที่ไดร้ ับ
- อตั ราการสูญเสียของน้า ซ่ึงมีสาเหตุมาจากการระเหยและการคายน้า
- ความสามารถในการกกั เกบ็ น้า
๐ นา้ ใต้ดิน เป็นน้าท่ีแทรกอยใู่ ตด้ ิน ไดแ้ ก่ น้าบาดาล การท่ีระดบั น้าใตด้ ินจะมีปริมาณมากหรือ
นอ้ ยเพยี งใดข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั ต่อไปน้ี
- ปริมาณน้าท่ีไหลจากผวิ ดิน
- ความสามารถในการกกั เกบ็ น้าไวใ้ นช้นั หิน
ความสาคญั ของนา้ น้ามีความสาคญั ตอ่ ส่ิงมีชีวติ มากมายดงั น้ี
๐ ดา้ นเกษตรกรรม เพอ่ื การเพาะปลูก เล้ียงสตั ว์ ฯลฯ
๐ ดา้ นการคมนาคมขนส่งทางน้า
๐ ดา้ นการอุตสาหกรรม
๐ ดา้ นการอุปโภคและการบริโภค
การอนุรักษ์ทรัพยากรนา้ มีแนวทางในการปฏิบตั ิดงั น้ี
๐ การพฒั นาแหล่งน้า โดยการขดุ ลอกแหล่งน้าตา่ งๆ ที่ต้ืนเขิน
๐ ใชน้ ้าอยา่ งประหยดั ไมป่ ล่อยใหน้ ้าที่ใชเ้ สียไปโดยเปล่าประโยชน์
๐ ไม่ตดั ไมท้ าลายป่ า
๐ ป้ องกนั ไม่ใหเ้ กิดมลพษิ กบั แหล่งน้า
104
ทรัพยากรป่ าไม้
ป่ าไมเ้ ป็นส่วนที่มีความสาคญั ต่อระบบนิเวศเป็ นอยา่ งยง่ิ เป็นตน้ น้า เป็ นที่อยอู่ าศยั ของสัตวป์ ่ า
มากมาย ช่วยป้ องกนั การชะลา้ งหนา้ ดิน เป็นส่วนสาคญั ท่ีทาใหเ้ กิดการหมุนเวยี นของสารต่างๆ ใน
ธรรมชาติฯลฯ
ป่ าเป็นสิ่งจาเป็นต่อโลก
แนวทางในการอนุรักษ์ป่ าไม้
- การทาความเขา้ ใจถึงความสาคญั ของป่ าต่อการดารงชีวติ ของมนุษย์ สัตว์ และสิ่งตา่ งๆ ท่ีอยใู่ นโลก
- การสร้างจิตสานึกร่วมกนั ในการดูแลรักษาป่ าไมใ้ นชุมชน ซ่ึงแนวทางหน่ึงคือการเปิ ดโอกาส
โดยภาครัฐในการออกพระราชบญั ญตั ิป่ าชุมชน
- การออกกฎหมายเพื่อคุม้ ครองพ้ืนที่ป่ า และการออกกฎเพอ่ื ป้ องกนั การตดั ไมท้ าลายป่ า
- ช่วยกนั ปลูกป่ าในพ้นื ที่ป่ าเส่ือมโทรม โดยอาจจะเป็ นการร่วมมือกบั สมาชิกในชุมชนเพ่อื ปลูก
ป่ าในโอกาสตา่ งๆ
- ติดตามขา่ วสารเกี่ยวกบั ส่ิงแวดลอ้ มเป็นประจา เพอื่ จะไดท้ ราบความเคลื่อนไหวเก่ียวกบั การ
ร่วมอนุรักษป์ ่ าไมร้ วมถึงส่ิงแวดลอ้ มในดา้ นอื่นดว้ ย
ทรัพยากรแร่
ทรัพยากรแร่ หมายถึง แร่ธาตุต่างๆ ที่มีอยใู่ นโลก ท้งั บริเวณส่วนท่ีเป็นพ้ืนดินและส่วนที่พ้ืนน้า
ซ่ึงมนุษยส์ ามารถนามาใชป้ ระโยชน์ไดต้ ามความตอ้ งการ
แหล่งกาเนิดแรู่ แร่ธาตุตา่ งๆ ท่ีมีอยใู่ นบริเวณเปลือกโลกเกิดมาจากสาเหตุหลกั ๆ ดงั น้ี
- ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น การระเบิดของภูเขาไฟ การเคล่ือนท่ีของแผน่ เปลือกโลก เป็นตน้
ซ่ึงจะทาใหแ้ ร่ธาตุต่างๆ ท่ีอยใู่ ตผ้ วิ โลกถูกผลกั ดนั ข้ึนมา
105
- การแปรสภาพทางเคมีของหินประเภทต่างๆ ท่ีอยบู่ นเปลือกโลกจนไดแ้ ร่ชนิดใหมเ่ ป็ น
องคป์ ระกอบประเทศไทยมีแร่ธาตุต่างๆ อยอู่ ยา่ งอุดมสมบูรณ์ โดยสามารถพบแร่ธาตุชนิดต่างๆ
กระจายกนั อยทู่ วั่ ประเทศ เช่น
- แร่ลิกไนต์ พบมากที่ อ.ปดู า จ.กระบี่ อ.แม่เมาะ จ.ลาปาง อ.ล้ี จ.ลาพนู
- หินน้ามนั พบมากที่ อ.แม่สอด จ.ตาก
- แร่เกลือหินโพแทซ พบกระจดั กระจายทว่ั ไปในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
- แร่รัตนชาติ พบมากแถบภาคตะวนั ออกและตะวนั ตกของประเทศไทย
- แร่ดีบุก พบมากท่ี จ.พงั งา และหลายจงั หวดั ในภาคใตข้ องประเทศไทย
วธิ ีการอนุรักษ์ทรัพยากรแร่
ทรัพยากรแร่เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ใชแ้ ลว้ หมดไป ดงั น้นั ทุกคนจึงตอ้ งร่วมมือกนั อนุรักษ์
ทรัพยากรแร่อยา่ งเตม็ ความสามารถ
วธิ ีการอนุรักษท์ รัพยากรแร่มีหลากหลายวธิ ีดงั แนวทางตอ่ ไปน้ี
- ใชส้ ่ิงของเครื่องใชต้ ่างๆ อยา่ งรู้คุณคา่ โดยใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์สูงสุดเทา่ ที่จะทาได้
- ใชแ้ ร่ธาตุใหต้ รงกบั ความตอ้ งการและตรงกบั สมบตั ิของแร่ธาตุน้นั ๆ
- แยกขยะท่ีจะทิ้งออกเป็นส่วนๆ ตามประเภทของขยะ คือ ขยะท่ีไมส่ ามารถนากลบั มาใชไ้ ด้
เช่น เศษอาหาร เป็นตน้ ขยะที่สามารถนากลบั มาใชใ้ หม่ได้ เช่น ขวดแกว้ กระป๋ องบรรจุภณั ฑ์ เป็นตน้
และขยะอนั ตราย เช่น ถ่านไฟฉายแบบต่างๆ แบตเตอรี่ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เป็นตน้ ซ่ึงจะทาใหก้ าร
นาขยะไปผลิตเป็นผลิตภณั ฑ์ใหมท่ าไดง้ ่ายข้ึน และลดการขดุ ใชแ้ ร่ธาตุตา่ งๆ ลง
ผลกระทบจากการใชัทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ิน
ในปัจจุบนั ทุกคนคงทราบดีถึงสภาพความเสื่อมโทรมของส่ิงแวดลอ้ มท่ีกาลงั เกิดข้ึน และหาก
ทุกคนยงั คงนิ่งเฉย ไม่ตระหนกั ถึงอนั ตรายที่กาลงั เกิดข้ึนกบั ส่ิงแวดลอ้ ม อีกไมน่ านปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม
ต่างๆ ก็จะไม่สามารถแกไ้ ขกลบั มาใหม้ ีสภาพท่ีเหมาะสมตอ่ การดารงชีวติ ได้ และเราทุกคนซ่ึงเป็นส่วน
หน่ึงของสิ่งแวดลอ้ มกจ็ ะไดร้ ับผลกระทบที่ไม่สามารถคาดเดาไดอ้ ยา่ งไม่มีทางหลีกเลี่ยง ในฐานะที่เรา
ทุกคนเป็นมนุษย์ เราจึงควรตระหนกั และหาแนวทางในการป้ องกนั แกไ้ ขปัญหาส่ิงแวดลอ้ มที่กาลงั
เกิดข้ึนน้ีดว้ ยความเขา้ ใจอยา่ งจริงจงั การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติตา่ งๆ น้นั ไม่ใช่เร่ืองยากเกินกาลงั
ของเราทุกคน ขอเพียงแคเ่ ราต้งั ใจทาและทาการอนุรักษจ์ นเป็นนิสยั เพยี งเท่าน้ีทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดลอ้ มที่งดงามกจ็ ะอยกู่ บั เราไปอีกนาน
แนวทางในการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มทาไดด้ งั แนวทางดงั น้ี
- การเร่ิมตน้ อนุรักษค์ วรเร่ิมตน้ จากสิ่งใกลต้ วั และทาไดง้ ่ายก่อน เช่น เริ่มจากการอนุรักษ์
สิ่งแวดลอ้ มบริเวณบา้ น บริเวณหมู่บา้ น หรือในอาเภอของตนเอง
106
- ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกบั ลกั ษณะของส่ิงแวดลอ้ มท่ีอยรู่ อบตวั เราใหเ้ ขา้ ใจ เพราะลกั ษณะของ
สิ่งแวดลอ้ มแตล่ ะทอ้ งถิ่นมีรายละเอียดท่ีแตกตา่ งกนั
- ปฏิบตั ิการอนุรักษอ์ ยา่ งค่อยเป็นค่อยไป และพยายามหาเพอ่ื นที่มีแนวคิดเดียวกนั มาร่วมกนั
ทางาน เพ่ือเพมิ่ กาลงั คนและแนวคิดในการอนุรักษ์
การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มไมใ่ ช่เรื่องยากจนเกินความสามารถของทุกคน
หากต้งั ใจที่จะทา เพราะเพียงแคก่ ารนาถุงพลาสติกที่ใชแ้ ลว้ กลบั มาใชใ้ หมก่ ็เป็นการช่วยลดปริมาณขยะ
ไดแ้ ลว้ หรือการแยกขยะก่อนทิง้ ก็จะเป็นการช่วยลดการใชท้ รัพยากรธรรมชาติลงไปไดอ้ ีกทางหน่ึง
ตวั อยา่ งขา้ งตน้ น้ีเป็ นเพยี งตวั อยา่ งบางประการของการปฏิบตั ิการเพ่ือส่ิงแวดลอ้ มเทา่ น้นั หากทุกคน
ช่วยกนั คิดช่วยกนั ทา เราทุกคนกจ็ ะมีชีวติ ท่ีดีในส่ิงแวดลอ้ มที่ดี และมีทรัพยากรตา่ งๆ ใหเ้ ราใชส้ อยกนั
อยา่ งเพียงพอ
หลกั การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ในการอนุรักษแ์ ละจดั การทรัพยากรธรรมชาติใหเ้ หมาะสมและไดร้ ับประโยชน์สูงสุด ควร
คานึงถึงหลกั ตอ่ ไปน้ี
1. การอนุรักษแ์ ละการจดั การทรัพยากรธรรมชาติ ตอ้ งคานึงถึงทรัพยากรธรรมชาติอ่ืนควบคู่กนั
ไป เพราะทรัพยากรธรรมชาติตา่ งก็มีความเก่ียวขอ้ งสัมพนั ธ์และส่งผลตอ่ กนั อยา่ งแยกไม่ได้
2. การวางแผนการจดั การทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งชาญฉลาด ตอ้ งเช่ือมโยงกบั การพฒั นา
สงั คม เศรษฐกิจ การเมือง และคุณภาพชีวติ อยา่ งกลมกลืน ตลอดจนรักษาไวซ้ ่ึงความสมดุลของระบบ
นิเวศควบคูก่ นั ไป
3. การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ ตอ้ งร่วมมือกนั ทุกฝ่ าย ท้งั ประชาชนในเมือง ในชนบท และ
ผบู้ ริหาร ทุกคนควรตระหนกั ถึงความสาคญั ของทรัพยากรและส่ิงแวดลอ้ มตลอดเวลา โดนเริ่มตน้ ท่ี
ตนเองและทอ้ งถ่ินของตน ร่วมมือกนั ท้งั ภายในประเทศและท้งั โลก
4. ความสาเร็จของการพฒั นาประเทศข้ึนอยกู่ บั ความอุดมสมบูรณ์และความปลอดภยั ของ
ทรัพยากรธรรมชาติ ดงั น้นั การทาลายทรัพยากรธรรมชาติจึงเป็นการทาลายมรดกและอนาคตของชาติ
ดว้ ย
5. ประเทศมหาอานาจที่เจริญทางดา้ นอุตสาหกรรม มีความตอ้ งการทรัพยากรธรรมชาติเป็น
จานวนมาก เพ่ือใชป้ ้ อนโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศของตน ดงั น้นั ประเทศท่ีกาลงั พฒั นาท้งั หลาย
จึงตอ้ งช่วยกนั ป้ องกนั การแสวงหาผลประโยชน์ของประเทศมหาอานาจ
6. มนุษยส์ ามารถนาเทคโนโลยตี ่าง ๆ มาช่วยในการจดั การทรัพยากรธรรมชาติได้ แตก่ าร
จดั การน้นั ไมค่ วรมุ่งเพยี งเพือ่ การอยดู่ ีกินดีเทา่ น้นั ตอ้ งคานึงถึงผลดีทางดา้ นจิตใจดว้ ย
107
7. การใชท้ รัพยากรธรรมชาติในส่ิงแวดลอ้ มแตล่ ะแห่งน้นั จาเป็นตอ้ งมีความรู้ในการรักษา
ทรัพยากรธรรมชาติที่จะใหป้ ระโยชนแ์ ก่มนุษยท์ ุกแง่ทุกมุม ท้งั ขอ้ ดีและขอ้ เสีย โดยคานึงถึงการสูญ
เปล่าอนั เกิดจากการใชท้ รัพยากรธรรมชาติดว้ ย
8. รักษาทรัพยากรธรรมชาติที่จาเป็นและหายากดว้ ยความระมดั ระวงั พร้อมท้งั ประโยชนแ์ ละ
การทาใหอ้ ยใู่ นสภาพที่เพ่ิมท้งั ทางดา้ นกายภาพและเศรษฐกิจเท่าท่ีทาได้ รวมท้งั จะตอ้ งตระหนกั เสมอวา่
การใชท้ รัพยากรธรรมชาติที่มากเกินไปจะไมเ่ ป็นการปลอดภยั ต่อสิ่งแวดลอ้ ม
9. ตอ้ งรักษาทรัพยากรท่ีทดแทนได้ โดยใหม้ ีอตั ราการผลิตเท่ากบั อตั ราการใชห้ รืออตั ราการเกิด
เทา่ กบั อตั ราการตายเป็นอยา่ งนอ้ ย
10. หาทางปรับปรุงวธิ ีการใหม่ ๆ ในการผลิต และการใชท้ รัพยากรธรรมชาติอยา่ งมี
ประสิทธิภาพ อีกท้งั พยายามคน้ ควา้ ส่ิงใหม่มาใชท้ ดแทน
11. ใหก้ ารศึกษาเพอื่ ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจถึงความสาคญั ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
สาหรับวธิ ีการในการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติน้นั ศิริพรต ผลสิทธุ์ (2531 : 196-197) ไดเ้ สนอวธิ ีการ
ไวด้ งั น้ี
1. การถนอม เป็นการรักษาทรัพยากรธรรมชาติท้งั ปริมาณและคุณภาพใหม้ ีอยนู่ านท่ีสุดโดย
พยายามใชท้ รัพยากรธรรมชาติใหม้ ีประสิทธิภาพ เช่น การเลือกจบั ปลาท่ีมีขนาดโตมาใชใ้ นการบริโภค
ไม่จบั ปลาที่มีขนาดเล็กเกินไป เพอื่ ใหป้ ลาเหล่าน้นั ไดม้ ีโอกาสโตข้ึนมาแทนปลาที่ถูกจบั ไปบริโภคแลว้
2. การบูรณะซ่อมแซม เป็นการบูรณะซ่อมแซมทรัพยากรธรรมชาติที่เกิดความเสียหายใหม้ ีสภาพ
เหมือนเดิมหรือเกือบเท่าเดิม บางคร้ังอาจเรียกวา่ พฒั นาก็ได้ เช่น ป่ าไมถ้ ูกทาลายหมดไป ควรมีการปลูก
ป่ าข้ึนมาทดแทน จะทาใหม้ ีพ้ืนท่ีบริเวณน้นั กลบั คืนเป็นป่ าไมอ้ ีกคร้ังหน่ึง
3. การปรับปรุงและการใช้อย่างมปี ระสิทธิภาพ เช่นการนาแร่โลหะประเภทต่าง ๆ มาถลุงแลว้
นาไปสร้างเครื่องจกั รกล เคร่ืองยนต์ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ซ่ึงจะใหป้ ระโยชนแ์ ก่มนุยษเ์ รามากยงิ่ ข้ึน
4. การนามาใช้ใหม่ เป็ นการนาทรัพยากรธรรมชาตทิ ใ่ี ช้แล้วมาใช้ใหม่ เช่น เศษเหล็ก สามารถนา
กลบั มาหลอม แลว้ แปรสภาพสาหรับการใชป้ ระโยชน์ใหม่ได้
5. การใช้สิ่งอนื่ ทดแทน เป็นการนาเอาทรัพยากรอยา่ งอ่ืนที่มีมากกวา่ หรือหาง่ายกวา่ มาใช้
ทดแทนทรัพยากรธรรมชาติท่ีหายากหรือกาลงั ขาดแคลน เช่น นาพลาสติกมาใชแ้ ทนโลหะในบางส่วน
ของเครื่องจกั รหรือยานพาหนะ
6. การสารวจหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติเพม่ิ เติม เพือ่ เตรียมไวใ้ ชป้ ระโยชนใ์ นอนาคต เช่น การ
สารวจแหล่งน้ามนั ในอา่ วไทย ทาใหค้ น้ พบแหล่งกา๊ ซธรรมชาติเป็นจานวนมาก สามารถนามาใช้
ประโยชนท์ ้งั ในระยะส้นั และในระยะยาว อีกท้งั ช่วยลดปริมาณการนาเขา้ ก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศ
7. การประดิษฐ์ของเทยี มขนึ้ มาใชู้ เพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณในการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ
ชนิดอื่น ๆ ที่นิยมใชก้ นั ของเทียมท่ีผลิตข้ึนมา เช่น ยางเทียม ผา้ เทียม และผา้ ไหมเทียม เป็นตน้
108
8. การเผยแพร่ความรู้ เป็ นการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในเร่ืองทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ
สิ่งแวดล้อม เพอ่ื ท่ีจะไดร้ ับความร่วมมืออยา่ งเตม็ ที่ และรัฐควรมีบทบาทในการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม โดยการวางแผนจดั ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มอยา่ งรัดกมุ
9. การจัดต้งั สมาคม เป็นการจดั ต้งั สมาคมหรือชมรมในการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดลอ้ ม
109
เรื่องที่ 2 สิ่งแวดล้อม
ความหมายส่ิงแวดล้อม
รูปธรรม (สามารถจบั ตอ้ งและมองเห็นได)้ และนามธรรม (ตวั อยา่ งเช่นวฒั นธรรมแบบ
แผน ประเพณี ความเช่ือ) มีอิทธิพลเกี่ยวโยงถึงกนั เป็นปัจจยั ในการเก้ือหนุนซ่ึงกนั และกนั ผลกระทบ
จากปัจจยั หน่ึงจะมีส่วนเสริมสร้างหรือทาลายอีกส่วนหน่ึง อยา่ งหลีกเล่ียงมิได้ สิ่งแวดลอ้ มเป็นวงจร
และ วฏั จกั รสิ่งแวดลอ้ ม คือ ทุกสิ่งทุกอยา่ งท่ีอยรู่ อบตวั มนุษยท์ ้งั ที่มีชีวติ และไมม่ ีชีวติ รวมท้งั ที่เป็ น
วฏั จกั รท่ีเก่ียวขอ้ งกนั ไปท้งั ระบบ
สิ่งแวดลอ้ มแบ่งออกเป็ นลกั ษณะกวา้ ง ๆ ได้ 2 ส่วนคือ
1. สิ่งแวดลอ้ มท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ เช่น ป่ าไม้ ภูเขา ดิน น้า อากาศ ทรัพยากร
2. สิ่งแวดลอ้ มที่มนุษยส์ ร้างข้ึน เช่น ชุมชนเมือง ส่ิงก่อสร้างโบราณสถาน ศิลปกรรม
สาเหตุของปัญหาส่ิงแวดล้อม
สาเหตุหลกั ของปัญหาส่ิงแวดลอ้ มมีอยู่ 2 ประการดว้ ยกนั คือ
1. การเพมิ่ ของประชากร (Population growth) ปริมาณการเพ่ิมของประชากรกย็ งั อยใู่ นอตั ราทวคี ูณ
(Exponential Growth) เมื่อผคู้ นมากข้ึนความตอ้ งการบริโภคทรัพยากรกเ็ พม่ิ มากข้ึนทุกทางไม่วา่ จะเป็น
เร่ืองอาหาร ที่อยอู่ าศยั พลงั งาน
2. การขยายตัวทางเศรษฐกจิ และความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี (Economic Growth &
Technological Progress) ความเจริญทางเศรษฐกิจน้นั ทาใหม้ าตรฐานในการดารงชีวิตสูงตามไปดว้ ย มี
การบริโภคทรัพยากรจนเกินกวา่ ความจาเป็นข้นั พ้นื ฐานของชีวติ มีความจาเป็ นตอ้ งใชพ้ ลงั งานมากข้ึน
ตามไปดว้ ย ในขณะเดียวกนั ความกา้ วหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยกี ็ช่วยเสริมใหว้ ธิ ีการนาทรัพยากรมาใชไ้ ด้
ง่ายข้ึนและมากข้ึน
ผลทเี่ กดิ จากปัญหาสิ่งแวดล้อม
ผลสืบเนื่องอนั เกิดจากปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม คือ ทรัพยากรธรรมชาติร่อยหรอ เน่ืองจากมี
การใชท้ รัพยากรกนั อยา่ งไมป่ ระหยดั อาทิ ป่ าไมถ้ ูกทาลาย ดินขาดความอุดมสมบรู ณ์ ขาดแคลนน้า
ภาวะมลพษิ (Pollution) เช่น มลพิษในน้า ในอากาศและเสียง มลพิษในอาหาร สารเคมี อนั เป็ นผลมา
จากการเร่งรัดทางดา้ นอุตสาหกรรมนน่ั เอง
การเปล่ียนแปลงส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่นโดยธรรมชาติ ไดแ้ ก่ การเกิดอุทกภยั จากน้าป่ าไหลหลาก
ทาใหส้ ิ่งมีชีวติ โดยเฉพาะพืชถูกน้าทว่ ม พืชบางชนิดไม่สามารถดารงชีวิตอยไู่ ดใ้ นท่ีที่มีน้าท่วม จึงตาย
ไปในที่สุด และอุทกภยั ยงั ก่อใหเ้ กิดความเสียหายต่อสิ่งมีชีวติ ทุกชนิด โดยเฉพาะสตั วแ์ ละมนุษย์
การเกิดลมพายกุ เ็ ป็นสาเหตุท่ีทาใหส้ ่ิงแวดลอ้ มเกิดการเปล่ียนแปลงโดยลมพายอุ าจพดั พา
รุนแรงจนทาใหต้ น้ ไมส้ ูง ๆ บางตน้ ตา้ นแรงลมไม่ไหว จึงโดนลมลม้ ลงไป ทาใหเ้ กิดความเสียหายต่าง ๆ
ตามมาทาใหส้ ่ิงแวดลอ้ มเปล่ียนไป
110
การเกิดภูเขาไฟระเบิดก็เป็นสาเหตุท่ีทาใหส้ ิ่งแวดลอ้ มเกิดการเปลี่ยนแปลง ความร้อนของลาวา
ท่ีไหลออกมาจากปล่องภูเขาไฟ ทาใหส้ ิ่งมีชีวติ ไมส่ ามารถดารงชีวติ ได้ อีกท้งั ก๊าซต่าง ๆ ที่ปล่อยออกมา
จากปล่องภูเขาไฟทาใหส้ ภาพอากาศเปลี่ยนไป
การเปลี่ยนแปลงส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถ่ินโดยมนุษย์ ไดแ้ ก่ มนุษยท์ าใหภ้ เู ขาไม่มีตน้ ไม้ กลายเป็น
ภูเขาหวั โลน้ ตน้ ไมใ้ นป่ าถูกตดั โค่นทาลาย สตั วป์ ่ าไมม่ ีที่อยอู่ าศยั และขาดอาหาร น้าเสีย อากาศเป็นพิษ
ดินเสีย และเสื่อมสภาพ
ภาวะโลกร้อน (Global Warming)
ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ ภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เป็นปัญหา
ใหญข่ องโลกเราในปัจจุบนั สังเกตไดจ้ าก อุณหภมู ิ ของโลกที่สูงข้ึนเร่ือยๆ สาเหตุหลกั ของปัญหาน้ี มา
จาก ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gases)
ปรากฏการณ์เรือนกระจก มีความสาคญั กบั โลก เพราะกา๊ ซจาพวก คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ
มีเทน จะกกั เก็บความร้อนบางส่วนไวใ้ นโลก ไม่ใหส้ ะทอ้ นกลบั สู่บรรยากาศท้งั หมด มิฉะน้นั โลกจะ
กลายเป็นแบบดวงจนั ทร์ ท่ีตอนกลางคืนหนาวจดั (และ ตอนกลางวนั ร้อนจดั เพราะไม่มีบรรยากาศ
กรองพลงั งาน จาก ดวงอาทิตย)์ ซ่ึงการทาใหโ้ ลกอุน่ ข้ึนเช่นน้ี คลา้ ยกบั หลกั การของ เรือนกระจก (ท่ีใช้
ปลูกพืช) จึงเรียกวา่ ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect)
แตก่ ารเพิ่มข้ึนอยา่ งตอ่ เนื่องของ CO2 ท่ีออกมาจาก โรงงานอุตสาหกรรม รถยนต์ หรือการ
กระทาใดๆที่เผา เช้ือเพลิงฟอสซิล (เช่น ถ่านหิน น้ามนั ก๊าซธรรมชาติ หรือ สารประกอบ
ไฮโดรคาร์บอน ) ส่งผลใหร้ ะดบั ปริมาณ CO2 ในปัจจุบนั สูงเกิน 300 ppm (300 ส่วน ใน ลา้ นส่วน) เป็ น
คร้ังแรกในรอบกวา่ 6 แสนปี
ซ่ึง คาร์บอนไดออกไซด์ ท่ีมากข้ึนน้ี ไดเ้ พ่มิ การกกั เกบ็ ความร้อนไวใ้ นโลกของเรามากข้ึน
เรื่อยๆ จนเกิดเป็น ภาวะโลกร้อน ดงั เช่นปัจจุบนั
ภาวะโลกร้อนภายในช่วง 10 ปี นบั ต้งั แตป่ ี พ.ศ. 2533 มาน้ี ไดม้ ีการบนั ทึกถึงปี ที่มีอากาศร้อน
ท่ีสุดถึง 3 ปี คือ ปี พ.ศ. 2533, พ.ศ.2538 และปี พ.ศ. 2540 แมว้ า่ พยากรณ์การเปล่ียนแปลงสภาพ
ภูมิอากาศ ยงั มีความไมแ่ น่นอนหลายประการ แต่การถกเถียงวพิ ากษว์ จิ ารณ์ไดเ้ ปลี่ยนหวั ขอ้ จากคาถาม
ที่วา่ "โลกกาลงั ร้อนข้ึนจริงหรือ" เป็ น "ผลกระทบจากการที่โลกร้อนข้ึนจะส่งผลร้ายแรง และต่อเนื่อง
ตอ่ สิ่งท่ีมีชีวติ ในโลกอยา่ งไร" ดงั น้นั ยงิ่ เราประวงิ เวลาลงมือกระทาการแกไ้ ขออกไปเพยี งใด ผลกระทบ
ที่เกิดข้ึนกจ็ ะยง่ิ ร้ายแรงมากข้ึนเทา่ น้นั และบุคคลที่จะไดร้ ับผลกระทบมากที่สุดกค็ ือ ลูกหลานของพวก
เราเอง
111
สาเหตูุ
ภาวะโลกร้อนเป็นภยั พบิ ตั ิท่ีมาถึง โดยท่ีเราทุกคนตา่ งทราบถึงสาเหตุของการเกิดเป็ นอยา่ งดี
นน่ั คือ การที่มนุษยเ์ ผาผลาญเช้ือเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ามนั และกา๊ ซธรรมชาติ เพอ่ื ผลิตพลงั งาน
เราต่างทราบดีถึงผลกระทบบางอยา่ งของภาวะโลกร้อน เช่น การละลายของน้าแขง็ ในข้วั โลก
ระดบั น้าทะเลที่สูงข้ึน ความแหง้ แลง้ อยา่ งรุนแรง การแพร่ระบาดของโรคร้ายตา่ งๆ อุทกภยั ปะการัง
เปลี่ยนสีและการเกิดพายรุ ุนแรงฉบั พลนั โดยผทู้ ่ีไดร้ ับผลกระทบมากที่สุด ไดแ้ ก่ ประเทศตามแนว
ชายฝั่ง ประเทศท่ีเป็นเกาะ และภูมิภาคท่ีกาลงั พฒั นาอยา่ งเอเชียอาคเนย์
จากการทางานของคณะกรรมการของรัฐบาลนานาชาติ วา่ ดว้ ยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพ
ภมู ิอากาศที่มีองคก์ ารวทิ ยาศาสตร์ ไดร้ ่วมมือกบั องคก์ ารสหประชาชาติ เฝ้ าสังเกตผลกระทบต่างๆ และ
ไดพ้ บหลกั ฐานใหม่ท่ีแน่ชดั วา่ จากการท่ีภาวะโลกร้อนข้ึนในช่วง 50 กวา่ ปี มาน้ี ส่วนใหญเ่ ป็ นผลมาจาก
การกระทาของมนุษย์ ซ่ึงส่งผลกระทบอยา่ งตอ่ เน่ืองใหอ้ ุณหภูมิของโลกเพ่มิ ข้ึนในทุกหนทุกแห่ง
ประมาณ 1.4-5.8 องศาเซลเซียส
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไมไ่ ดเ้ ปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กทีละนอ้ ย แตเ่ ป็นการ
เปลี่ยนแปลงอยา่ งรุนแรงซ่ึงเกิดข้ึนบ่อยคร้ัง และมีความรุนแรงมากข้ึนเร่ือยๆ ตวั อยา่ งที่เห็นไดช้ ดั ไดแ้ ก่
ความแหง้ แลง้ อยา่ งรุนแรง วาตภยั อุทกภยั พายฝุ นฟ้ าคะนอง พายทุ อร์นาโด แผน่ ดินถล่ม และการเกิด
พายรุ ุนแรงฉบั พลนั จากภาวะอนั ตรายเหล่าน้ีพบวา่ ผทู้ ่ีอาศยั อยใู่ นเขตพ้นื ที่ที่เส่ียงกบั การเกิดเหตุการณ์
ดงั กล่าว ซ่ึงไดร้ ับผลกระทบมากกวา่ พ้นื ท่ีส่วนอื่นๆ ยงั ไมไ่ ดร้ ับการเอาใจใส่และช่วยเหลือเท่าท่ีควร
นอกจากน้ี ยงั มีการคาดการณ์วา่ การที่อุณหภูมิของโลกสูงข้ึน เป็นเหตุใหป้ ริมาณผลผลิตเพ่อื การบริโภค
โดยรวมลดลง ซ่ึงทาใหจ้ านวนผอู้ ดอยากหิวโหยเพมิ่ ข้ึนอีก 60-350 ลา้ นคน
ในประเทศไทยและฟิ ลิปปิ นส์ มีโครงการพลงั งานต่างๆ ที่จดั ต้งั ข้ึน และการดาเนินงานของ
โครงการเหล่าน้ี ไดส้ ่งผลกระทบตอ่ ระบบนิเวศวทิ ยาอยา่ งเห็นไดช้ ดั ตวั อยา่ งเช่น การเปล่ียนแปลงของ
ฝนท่ีไมต่ กตามฤดูกาล และปริมาณน้าฝนท่ีตกในแต่ละช่วงไดเ้ ปล่ียนแปลงไป การบุกรุกและทาลายป่ า
ไมท้ ่ีอุดมสมบูรณ์ การสูงข้ึนของระดบั น้าทะเลและอุณหภูมิของน้าทะเล ซ่ึงส่งผลกระทบอยา่ งมากตอ่
ระบบนิเวศวทิ ยาตามแนวชายฝ่ัง และจากการท่ีอุณหภมู ิของน้าทะเลสูงข้ึนน้ี ไดส้ ่งผลกระทบตอ่ การ
เปล่ียนสีของน้าทะเล ดงั น้นั แนวปะการังต่างๆ จึงไดร้ ับผลกระทบและถูกทาลายเช่นกนั
ประเทศไทยเป็นตวั อยา่ งของประเทศท่ีมีชายฝั่งทะเล ที่มีความยาวประมาณ 2,490 กิโลเมตร
และเป็นแหล่งที่มีความสาคญั อยา่ งมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การประมง การ
เพาะเล้ียงสตั วน์ ้า และความไม่แน่นอนของฤดูกาลที่ส่งผลกระทบต่อการทาเกษตรกรรม มีการ
คาดการณ์วา่ หากระดบั น้าทะเลสูงข้ึนอีกอยา่ งนอ้ ย 1 เมตรภายในทศวรรษหนา้ หาดทรายและพ้ืนท่ี
112
ชายฝั่งในประเทศไทยจะลดนอ้ ยลง สถานที่ตากอากาศชายทะเล รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวใน
สถานท่ีท่องเที่ยวต่างๆ เช่น พทั ยา และ ระยองจะไดร้ ับผลกระทบโดยตรง แมแ้ ต่กรุงเทพมหานคร ก็ไม่
สามารถหลีกเล่ียงจากผลกระทบของระดบั น้าทะเลที่สูงข้ึนน้ีเช่นกนั
ปัญหาดา้ นสุขภาพ ก็เป็นเร่ืองสาคญั อีกเรื่องหน่ึงที่ไดร้ ับผลกระทบอยา่ งรุนแรง จากสภาพ
ภมู ิอากาศท่ีเปลี่ยนแปลงน้ีดว้ ย เนื่องจากอุณหภมู ิและความช้ืนท่ีสูงข้ึน ส่งผลใหม้ ีการเพมิ่ ข้ึนของยงุ มาก
ข้ึน ซ่ึงนามาสู่การแพร่ระบาดของไขม้ าเลเรียและไขส้ ่า นอกจากน้ีโรคที่เก่ียวขอ้ งกบั น้า เช่น อหิวาห์ตก
โรค ซ่ึงจดั วา่ เป็ นโรคที่แพร่ระบาดไดอ้ ยา่ งรวดเร็วโรคหน่ึงในภูมิภาคน้ี คาดวา่ จะเพมิ่ ข้ึนอยา่ งรวดเร็ว
และต่อเน่ือง จากอุณหภมู ิและความช้ืนท่ีสูงข้ึน คนยากจนเป็นกลุ่มคนท่ีมีความเส่ียงสูงตอ่ ผลกระทบ
จากการเปลี่ยนแปลงน้ี ประกอบกบั การใหค้ วามรู้ในดา้ นการดูแลรักษาสุขภาพที่ดี ยงั มีไมเ่ พียงพอ
ปัจจุบนั น้ีสัญญาณเบ้ืองตน้ ของสภาพภมู ิอากาศท่ีเปลี่ยนแปลงไป ไดป้ รากฏข้ึนอยา่ งแจง้ ชดั
ดงั น้นั สมควรหรือไม่ท่ีจะรอจนกวา่ จะคน้ พบขอ้ มลู มากข้ึน หรือ มีความรู้ในการแกไ้ ขมากข้ึน ซ่ึง ณ
เวลาน้นั ก็อาจสายเกินไปแลว้ ที่จะแกไ้ ขได้
ผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน
แมว้ า่ โดยเฉลี่ยแลว้ อุณหภมู ิของโลกจะเพิ่มข้ึนไม่มากนกั แต่ผลกระทบที่เกิดข้ึนจะส่งผลตอ่ เป็ นทอด ๆ
และจะมีผลกระทบกบั โลกในท่ีสุด ขณะน้ีผลกระทบดงั กล่าวเริ่มปรากฏใหเ้ ห็นแลว้ ทว่ั โลก รวมท้งั
ประเทศไทย ตวั อยา่ งที่เห็นไดช้ ดั คือ การละลายของน้าแขง็ ทวั่ โลก ท้งั ที่เป็นธารน้าแข็ง (glaciers)
แหล่งน้าแขง็ บริเวณข้วั โลก และในกรีนแลนดซ์ ่ึงจดั วา่ เป็นแหล่งน้าแขง็ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้าแขง็ ที่
ละลายน้ีจะไปเพ่มิ ปริมาณน้าในมหาสมุทร เมื่อประกอบกบั อุณหภมู ิเฉลี่ยของน้าสูงข้ึน น้ากจ็ ะมีการ
ขยายตวั ร่วมดว้ ย ทาใหป้ ริมาณน้าในมหาสมุทรทวั่ โลกเพ่ิมมากข้ึนเป็นทวคี ูณ ทาใหร้ ะดบั น้าทะเลสูงข้ึน
มาก ส่งผลใหเ้ มืองสาคญั ๆ ท่ีอยรู่ ิมมหาสมุทรตกอยใู่ ตร้ ะดบั น้าทะเลทนั ที
มีการคาดการณ์วา่ หากน้าแขง็ ดงั กล่าวละลายหมด จะทาใหร้ ะดบั น้าทะเลสูงข้ึน 6-8 เมตรทีเดียว
ผลกระทบที่เริ่มเห็นไดอ้ ีกประการหน่ึงคือ การเกิดพายหุ มุนท่ีมีความถ่ีมากข้ึน และมีความรุนแรงมาก
ข้ึนดว้ ย ดงั เราจะเห็นไดจ้ ากขา่ วพายเุ ฮอริเคนท่ีพดั เขา้ ถล่มประเทศสหรัฐอเมริกาหลายลูกในช่วงสอง
สามปี ที่ผา่ นมา แต่ละลูกกส็ ร้างความเสียหายในระดบั หายนะท้งั สิ้น สาเหตุอาจอธิบายไดใ้ นแง่พลงั งาน
กล่าวคือ เมื่อมหาสมุทรมีอุณหภมู ิสูงข้ึน พลงั งานที่พายไุ ดร้ ับกม็ ากข้ึนไปดว้ ย ส่งผลใหพ้ ายมุ ีความ
รุนแรงกวา่ ท่ีเคย
113
นอกจากน้นั สภาวะโลกร้อนยงั ส่งผลใหบ้ างบริเวณในโลกประสบกบั สภาวะแหง้ แลง้ อยา่ งไม่เคยมีมา
ก่อน เช่น ขณะน้ีไดเ้ กิดสภาวะโลกร้อนรุนแรงข้ึนอีกเน่ืองจากตน้ ไมใ้ นป่ าที่เคยทาหนา้ ที่ดูดกลืนแกส๊
คาร์บอนไดออกไซด์ ไดล้ ม้ ตายลงเนื่องจากขาดน้า นอกจากจะไมด่ ูดกลืนแกส๊ ตอ่ ไปแลว้ ยงั ปล่อย
คาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากกระบวนการยอ่ ยสลายดว้ ย และยงั มีสัญญาณเตือนจากภยั ธรรมชาติอื่น ๆ
อีกมาก ซ่ึงหากเราสงั เกตดี ๆ จะพบวา่ เป็นผลจากสภาวะน้ีไมน่ อ้ ย
การแก้ปัญหาโลกร้อน
แลว้ เราจะหยดุ สภาวะโลกร้อนไดอ้ ยา่ งไร
เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงวา่ เราคงไมอ่ าจหยดุ ย้งั สภาวะโลกร้อนท่ีกาลงั จะเกิดข้ึนในอนาคตได้ ถึงแมว้ า่ เรา
จะหยดุ ผลิตแก๊สเรือนกระจกโดยสิ้นเชิงต้งั แตบ่ ดั น้ี เพราะโลกเปรียบเสมือนเคร่ืองจกั รขนาดใหญท่ ่ีมี
กลไกเลก็ ๆ จานวนมากทางานประสานกนั การตอบสนองที่มีตอ่ การกระตุน้ ต่าง ๆ จะตอ้ งใชเ้ วลานาน
กวา่ จะกลบั เขา้ สู่สภาวะสมดุล และแน่นอนวา่ สภาวะสมดุลอนั ใหมท่ ่ีจะเกิดข้ึนยอ่ มจะแตกต่างจาก
สภาวะปัจจุบนั อยา่ งมาก
แต่เราก็ยงั สามารถบรรเทาผลอนั ร้ายแรงท่ีอาจจะเกิดข้ึนในอนาคตเพอ่ื ใหค้ วามรุนแรงลดลงอยใู่ นระดบั
ท่ีพอจะรับมือได้ และอาจจะชะลอปรากฏการณ์โลกร้อนใหช้ า้ ลง กินเวลานานข้ึน สิ่งท่ีเราพอจะทาได้
ตอนน้ีคือพยายามลดการผลิตแกส๊ เรือนกระจกลง และเน่ืองจากเราทราบวา่ แก๊สดงั กล่าวมาจาก
กระบวนการใชพ้ ลงั งาน การประหยดั พลงั งานจึงเป็ นแนวทางหน่ึงในการลดอตั ราการเกิดสภาวะโลก
ร้อนไปในตวั
114
กจิ กรรมที่ 1
1. ใหน้ กั ศึกษายกตวั อยา่ งสิ่งที่มนุษยท์ าใหส้ ิ่งแวดลอ้ มเกิดการเปล่ียนแปลงมา 1
อยา่ ง ………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
2. ใหน้ กั ศึกษายกตวั อยา่ งผลกระทบที่มีตอ่ มนุษย์ เม่ือสิ่งแวดลอ้ มถูกทาลายมา 2 อยา่ ง
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
3. พลงั งานชนิดแรกท่ีก่อใหเ้ กิดสิ่งมีชีวติ ข้ึนมาบนโลก คือ.....................
4. ทรัพยากรป่ าไมใ้ นประเทศไทย ในระยะ 30 ปี ลดลงเทา่ ตวั ซ่ึงทาใหส้ ่งผลกระทบต่อส่ิงใด
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
5. สาเหตุสาคญั ท่ีทาให้เกิดวิกฤตทางธรรมชาติ ซ่ึงเป็นปัญหาที่มนุษยก์ าลงั เผชิญอยใู่ นปัจจุบนั
คือ ……………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
115
6. แหล่งพลงั งานที่ใหญท่ ่ีสุดในโลก คือ.......................................................................
7. การใชท้ รัพยากรอยา่ งสิ้นเปลืองของมนุษยก์ ่อใหเ้ กิดวกิ ฤตดา้ นใด...................................
8. เพอ่ื รักษาสมดุลทางธรรมชาติไวใ้ ห้ประชาชนรุ่นหลงั ควรปรับสภาพการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ
อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
9. วธิ ีสร้างความสมดุลใหช้ ีวติ มนุษยก์ บั ธรรมชาติไดพ้ ่ึงพากนั ยาวนานข้ึน มนุษยค์ วรปฏิบตั ิอยา่ งไร.
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
กจิ กรรมที่ 2
แบ่งนักเรียนออกเป็ นกล่มุ และให้แต่ละกลุ่มไปศึกษาปัญหาส่ิงแวดล้อมและ แนวทางการแก้ ไข
ปัญหาแล้วออกมานาเสนอหน้าช้ันเพอ่ื การแลกเปลยี่ นข้อมูลซึ่งกนั และกนั
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
บันทึกหลังการจดั การเรยี นรู้
ผลการจัดการเรียนรู้
-ผู้เรียนมีความรู้เก่ียวกับความหมายและประเภททรัพยากร ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ผลกระทบจากการใช้
ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถ่ิน การดูแลรักษา การเปล่ียนแปลงสิ่งแวดล้อมในท้องถ่ินและเสนอแนวทางป้องกันและแก้ไขภาวะ
โลกรอ้ นสาเหตแุ ละผลกระทบการป้องกันและแก้ไขปัญหาโลกรอ้ น
-ผ้เู รียนมีความรูใ้ นการปฏิบตั ิตนทที่ างานร่วมกับผู้อ่นื มีการชว่ ยเหลอื และสร้างสัมพันธท์ ่ีดตี ่อกัน เกิดทักษะและ
กระบวนการในการทางานกลุ่ม ทางานรว่ มกันภายในกลุ่มตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจนสาเรจ็ และมคี วามสุข
-ผู้เรียนมีการสร้างค่านิยมในการดูแลรักษาทรัพยากร ธรรมชาติส่ิงแวดล้อมในท้องถ่ินและการป้องกันและแก้ไขภาวะ
โลกร้อน
-ผู้เรยี นเหน็ ความสาคญั ของทรัพยากรธรรมชาติสิง่ แวดล้อมในท้องถ่นิ
-มจี ิตสานกึ ในการรกั ษาทรัพยากรธรรมชาติสภาพแวดล้อม
-ตระหนักถงึ คุณค่าของการรักษา ทรัพยากร ธรรมชาตสิ ่งิ แวดล้อมในท้องถิ่นและการปอ้ งกันภาวะโลกร้อน
ปัญหา/อปุ สรรค
-ผเู้ รยี นบางคนขาดความกระตอื รือรน้ ที่จะเรียน
-ผ้เู รียนบางคนขาดความกลา้ ในการแสดงความคดิ เห็น
ขอ้ เสนอแนะ/แกไ้ ข
-ใชช้ ุดคาถามกระตนุ้ ความคดิ สาหรบั ผู้เรียนที่มปี ญั หา สง่ ผลใหผ้ ู้เรยี นมีความตั้งใจท่ีจะเรยี นมากขึ้น
ลงชอ่ื ........................ .........................
(นายซอคบรอื ผู รูช้ ี ว่ แยซะเซง็ )
วนั ท.ี่ ...........เดือน............................พ.ศ............
ความเห็นของหวั หน้าสถานศึกษาหรอื ผู้ได้รับมอบหมาย
....................................................................................... ............................................................ ........................................
............................................................................................................................. ..............................................................
............................................................................................................................. ..............................................................
ลงช่อื .....................................................
(นายคมกฤช สาหลงั )
ตาแหน่ง ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอเจาะไอร้อง
วันที่............เดอื น............................พ.ศ............