Franco-Siamese War
Present : T.Wilailak Somchit
2
คำนำ
รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวิชาประวตั ิศาสตร์ 5 (ส 23103) ช้นั มธั ยมศึกษา
ปี ท่ี 3 โดยมีจดุ ประสงคเ์ พื่อศึกษาความรู้ท่ีไดจ้ ากเร่ือง วกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112 หรือจะเรียก
สงครามคร้ังน้ีวา่ สงครางฝร่ังเศส - สยาม (Franco - Siamese War) ซ่ึงรายงานฉบบั น้ีมี
เน้ือหาเก่ียวกบั รายละเอียดต่างๆเกี่ยวกบั ความขดั แยง้ ระหวา่ งสยามกบั สาธารณรัฐฝร่ังเศส
ที่ 3
ผจู้ ดั ทาไดเ้ ลือกหวั ขอ้ น้ีในการทารายงาน เน่ืองจากเป็นเรื่องท่ีน่าสนใจ และเพื่อนๆ
ทกุ คนที่ใหค้ วามช่วยเหลือมาโดยตลอด
ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานฉบบั น้ีจะใหค้ วามรู้ และเป็นประโยชนแ์ ก่ผอู้ า่ นทุกๆ ทา่ น
ด.ช. ฉัตรพล โอวานนท์ชัย ม.312 เลขที่ 13
ด.ช. ธนกฤต มณรี ัตนะพร ม.312 เลขที่ 14
ด.ช. ณฐั ภทั ร สิงห์โตขา ม.312 เลขที่ 16
ด.ช. ธนภทั ร คาพทิ กั ษ์ ม.312 เลขที่ 17
ด.ช. ญาณพฒั น์ พลู เทพ ม.312 เลขท่ี 18
ด.ช. ธนดล ไทยประยูร ม.312 เลขท่ี 21
ผู้จดั ทา
สำรบัญ หน้า
เนื้อหา 1
1
1. ข้นั ตอนท่ี 1 1
2. ข้นั ตอนที่ 2 2- 12
3. ข้นั ตอนที่ 3
4. ข้นั ตอนท่ี 4 2-7
8 - 10
- สาเหตุทเ่ี กิดวกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112 11 - 12
- เหตุหารณ์ที่เกิดข้ึนในวกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112
- ผลทีเ่ กิดข้ึนหลงั จากวกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112 13 - 14
5. ข้นั ตอนท่ี 5 15
6. แหล่งอ้างองิ
1
ข้ันตอนที่ 1 : กำรกำหนดเป้ำหมำย
จากการทาเร่ืองน้ี เราไดก้ าหนด 3 เป้าหมายหลกั ๆ ท่ไี วใ้ ชใ้ นศึกษาหาขอ้ มูลต่อไปมีดงั น้ี
• สาเหตุที่เกิดวกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112
• เหตุหารณ์ทเ่ี กิดข้ึนในวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112
• ผลที่เกิดข้ึนหลงั จากวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112
ขัน้ ตอนที่ 2 : กำรรวบรวมหลกั ฐำน
เราไดศ้ ึกษาหาขอ้ มูลมาจากเวบ็ ไซตต์ ่างๆ ซ่ึงเวบ็ ไซตท์ ี่ใชอ้ า้ งอิงจะอยใู่ นหนา้ ท่ี 15
เป็นหลกั ฐานแบบลายลกั ษณ์อกั ษรข้นั ตติยภูมิ เพราะมาจากหนงั สือซ่ึงเป็นช้นั ทุติยภูมิ
ขัน้ ตอนที่ 3 : กำรประเมนิ คณุ ค่ำหลักฐำน
จากเวบ็ ไซตท์ กี่ ล่าวมาน้นั สามารถเช่ือไดม้ าก เพราะอา้ งองิ มาจากหนงั สือที่
น่าเช่ือถือหลายเล่ม เช่น สมุดภาพเหตุการณ์ ร.ศ. 112, สยาม ร.ศ. 112 วกิ ฤตแผน่ ดิน
พพิ าทฝร่ังเศสและเสียดินแดน, การเมืองการปกครองไทย พ.ศ. 1762 – 2500, กรณีพพิ าท
ไทย - ฝรั่งเศส ร.ศ. 112 ตามหลกั ฐานฝร่ังเศส เป็นตน้
2
ข้นั ตอนท่ี 4 : กำรตีควำมข้อมูล
สาเหตุการเกดิ เหตุการณ์ ร.ศ.112
ความหมายของวกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112
วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 (ภาษาองั กฤษ : Franco-
Siamese War หรือ "สงครามฝร่ังเศส - สยาม")
เป็นเหตุการณ์ความขดั แยง้ ระหวา่ งราชอาณาจกั ร
สยามกบั ฝรั่งเศสในสมยั สาธารณรัฐฝร่ังเศสที่ 3
ซ่ึงเกิดข้ึนในปี พ.ศ. 2436 จากการอา้ งอานาจ
อธิปไตยเหนือพ้นื ทีฝ่ ั่งซา้ ยของแม่น้าโขง (พ้ืนที่
ส่วนใหญ่ของประเทศลาวในปัจจุบนั )
สาเหตุความขัดแย้งวกิ ฤตการณ์ ร.ศ.112
→ ผู้มบี ทบาทสาคญั คือ นายโอกสุ ต์ ปาวี รองกงสุล
ฝร่ังเศสประจานครหลวงพระบาง
บทบาท
• เป็นผนู้ าในการแสวงหาผลประโยชน์
ของฝ่ ายฝรั่งเศสในดินแดนลาวโดยใชป้ ระโยชน์
จากจุดอ่อนของสยามที่ไม่ดูแลหวั เมืองชายแดนไดถ้ ึง
3
→ จุดเร่ิมต้นความขัดแย้ง
การรบทปี่ ากน้าเกิดข้ึนเมื่อวนั ท่ี 13 กรกฎาคม
พ.ศ. 2436 โดยเกิดการต่อสูบ้ ริเวณป้อมพระ
จุลจอมเกลา้ และป้อมผเี ส้ือสมุทร ต่างฝ่ าย
ไดร้ ับความเสียหาย โดยฝรั่งเศสสามารถฝ่ า
กระสุนเขา้ มาจอดท่หี นา้ สถานทูตฝร่ังเศสได้
และยน่ื คาขาดต่อไทย
→ ข้อพพิ าทในการย่ืนคาขาดต่อไทย
1. ไทยตอ้ งเพิกถอนสิทธิเหนือดินแดนฝ่ังซา้ ยของแม่น้าโขง
และเกาะต่างๆ ต้งั แต่ภาคเหนือของลาวไปจนถึงพรมแดน
เขมร
2. ใหไ้ ทยร้ือถอนด่านท้งั หมดบนฝั่งซา้ ยของแม่น้าโขงให้
เสร็จภายใน 1 เดือน
3. ใหไ้ ทยจดั การปัญหาทงุ่ เชียงคา เมืองคาพวน และความ
เสียหายที่เรือรบฝรั่งเศสและชาวฝรั่งเศสไดร้ ับจากการปะทะ
กนั
4. ใหไ้ ทยลงโทษเจา้ หนา้ ทฝี่ ่ายไทยท่ีรับผดิ ชอบในการยงิ ปื น
ท่ีปากน้า
5. ใหไ้ ทยชดใชค้ ่าเสียหายใหช้ าวฝร่ังเศสเป็นเงิน 2 ลา้ นฟรังก์
4
ความขัดแย้งก่อนเกดิ วกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112
การขยายอานาจของฝร่ังเศส
ความสมั พนั ธ์ระหว่างประเทศไทย และ ประเทศฝร่ังเศสมีมาต้งั แต่สมยั กรุงศรีอยธุ ยา จนเม่ือถึงปี
พ.ศ. 2231 ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชตอนปลาย ไดม้ ีเหตุท่ีทาใหก้ ารติดต่อระหว่างไทยกบั
ฝรั่งเศสหยดุ ชะงกั ลง
จนกระทง่ั ไทยเขา้ สู่ยคุ รัตนโกสินทร์ ความสัมพนั ธ์ระหว่างไทยกบั ฝรั่งเศสไดร้ ับการฟ้ื นฟูข้ึนในปี
พ.ศ. 2399 ซ่ึงตรงกบั รัชกาลท่ี 4 ของไทย และจกั รพรรดินโปเลียนที่ 3 ของฝรั่งเศส มีความตอ้ งการทจี่ ะ
ขยายอทิ ธิพลของจกั รวรรดินิยมในแถบอินโดจีนซ่ึงรวมท้งั ไทยดว้ ย
โดยมีองั กฤษ เป็นคู่แข่งสาคญั เม่ือฝรั่งเศสทราบว่าไทยตกลงทาสนธิสญั ญาเบาริงกบั องั กฤษในปี
พ.ศ. 2398 ทาใหฝ้ ร่ังเศสใหค้ วามสนใจไทยมากข้ึน โดยก่อนหนา้ น้ีฝ่ ายไทยก็ตอ้ งการฟ้ื นฟูสมั พนั ธภาพ
กบั ฝรั่งเศสดว้ ยเช่นกนั เน่ืองจากตอ้ งการใหฝ้ ร่ังเศสมาถ่วงดุลองั กฤษ
จากการทอ่ี งั กฤษสามารถครอบครองพม่าไดเ้ กือบท้งั หมดในปี พ.ศ. 2396 ทาใหไ้ ทยเกรงกลวั อิทธิพล
ขององั กฤษท่ีขยายเขา้ มาใกลไ้ ทยทุกขณะ จงึ ไดเ้ สนอทีจ่ ะทาสัญญาทางพระราชไมตรีกบั ราชสานกั
ฝร่ังเศส ตงั่ แต่ปี พ.ศ. 2397 แต่ไม่ไดร้ ับการตอบรับ
จนเม่ือไทยตกลงทาสนธิสัญญาเบาริงกบั องั กฤษแลว้ ทางรัฐบาลฝร่ังเศสจึงไดส้ ่ง ชาร์ล เดอ มองติญี
(Charle De Montege) กงสุลฝรั่งเศสประจาเซี่ยงไฮเ้ ป็นผแู้ ทนผมู้ ีอานาจเตม็ มาเจรจาทาสนธิสญั ญาทาง
พระราชไมตรี และการคา้ กบั ไทยในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2398
และสญั ญามีผลบงั คบั ใชใ้ นเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2399
5
กรณบี างเบยี น (Affaire de Bang-Bien)
กรณีบางเบียนเป็นชนวนแห่งความขดั แยง้ ท่ีนาไปสู่การใชอ้ าวธุ ในทีส่ ุด กล่าวคือเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.
2434 คูร์นิโยง สมาชิกคณะผจู้ ดั ทาแผนทีป่ ักปันเขตแดนไดแ้ ต่งต้งั ใหบ้ างเบียน ผอู้ พยพชาวลาวเป็นเจา้ หนา้ ที่
ปกครองฝรั่งเศสท่ีทุง่ เชียงคา (ทุ่งไหหินในประเทศลาวปัจจุบนั )
ทาใหพ้ ระเจา้ นอ้ งยาเธอกรมหลวงเทวะวงศว์ โรปการ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการต่างประเทศของไทย ทรง
โตต้ อบทนั ทีดว้ ยการส่งจดหมายถึงโลร์โซง ซ่ึงรักษาการแทนกงสุลใหญ่ฝรั่งเศสประจากรุงเทพฯ
อเลก็ ซองเดรอะ ริโบต์ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสในขณะน้นั จึงใหเ้ รียกตวั บางเบยี น
กลบั จากท่งุ เชียงคา เช่นเดียวกบั ผแู้ ทนฝร่ังเศสทแ่ี หลมเสมด็ ภายใตเ้ งื่อนไขวา่ ไทยจะไม่ส่งผแู้ ทนเขา้ ไป
ปกครองดินแดนดงั กล่าวดว้ ย ท้งั น้ีเพือ่ รักษาสัมพนั ธภาพอนั ดีของท้งั สองประเทศเอาไว้ แต่ผแู้ ทนฝรั่งเศสไม่
ปฏิบตั ิตามคาสงั่ จึงทาใหเ้ กิดการปะทะกนั ข้ึนทีท่ ุ่งเชียงคา เม่ือวนั ท่ี 17 กนั ยายน พ.ศ. 2434 ฝ่ายไทยสามารถ
ควบคุมตวั บางเบยี นไวไ้ ด้ และต้งั ขอ้ หาวา่ บางเบียนเป็นกบฏต่อประเทศ โลร์โซงพยายามทีจ่ ะเขา้ แทรกแซง
เช่นกนั แต่ไม่เป็นผล เพราะรัฐบาลไทยยนื กรานว่าบางเบียนเป็ นคนไทยคนหน่ึง (เกิดในดินแดนท่ไี ทยถือว่า
อยใู่ นพระราชอาณาเขต) ทต่ี อ้ งอพยพไปอยเู่ วยี ดนามภายหลงั จากทไ่ี ดก้ ระทาผดิ ราชการ วนั ท่ี 9 มิถุนายน
พ.ศ. 2435 นายโอกุสต์ ปาวี เดินทางถึงราชอาณาจกั รไทยเพอ่ื รับตาแหน่งราชทูตฝร่ังเศสประจากรุงเทพฯ
ทนั ทีท่ีเดินทางถึงราชอาณาจกั รไทยเขาเรียกร้องใหร้ ัฐบาลไทยปล่อยตวั บางเบียน แต่ฝ่ ายไทยยงั คงยนื ยนั ใน
หลกั การและเหตุผลของตนเอง
6
กรณเี มืองท่าอเุ ทน (Affaire d’Outhene)
กรณีเมืองทา่ อุเทน เป็นความขดั แยง้ ท่ีทาใหฝ้ ร่ังเศสตอ้ งพิจารณาทบทวนสนธิสัญญาต่างๆ และขอ้ เรียกร้อง
ใหม่ กล่าวคือ ชอ็ งเปอนวั ส์ และเอสกิลาต์ ซ่ึงไม่เพียงแต่จะไดร้ ับ การสนบั สนุนจากสหภาพแรงงานฝร่ังเศส
ในลาวตอนบนและเวียดนามตอนเหนือ เพื่อทาการคา้ กบั ไทยเทา่ น้นั ความพยายามผลกั ดนั ใหล้ าวเป็นอาณา
นิคมฝรั่งเศสของเขายงั ไดร้ ับการสนบั สนุนจากเดอแวล รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่
และนายโอกุสต์ ปาวี ราชทูตฝร่ังเศสประจากรุงเทพฯ อีกดว้ ย ทาใหม้ ีการฝ่าฝืนขอ้ ตกลงไทย - ฝร่ังเศสโดย
เจตนา 2 คร้ัง
คร้ังท่ี 1 บุคคลท้งั สองตอ้ งการจะขา้ มแม่น้าโขงจากทา่ อเุ ทนไปยงั คามวน โดยเพกิ เฉยไม่ปฏิบตั ิตามระเบยี บ
ขอ้ ตกลงระหว่างไทย - ฝรั่งเศสดว้ ยการเดินทางโดยใชห้ นงั สือเดินทางของผอู้ ่ืนและไม่สนใจต่อพระดารัส
ของพระเจา้ นอ้ งยาเธอกรมหมื่นประจกั ษศ์ ิลปาคม ทท่ี รงขอใหเ้ ขาไปรับใบอนุญาต อยา่ งไรก็ตามไทยกไ็ ด้
ออกใบอนุญาตใหท้ ้งั สองคนในเวลาต่อมา
คร้ังท่ี 2 ชอ็ งเปอนวั ส์และเอสกิลาตท์ าผดิ ตอ่ สนธิสญั ญาไทย - ฝร่ังเศส ปี พ.ศ. 2410 มาตรา 6 และ 15 และ
กระทาผดิ ต่อสนธิสัญญาปี พ.ศ. 2399 มาตรา 18 อกี คร้ัง ดว้ ยการคา้ ของเถ่ือนและเดินทางในราชอาณาจกั ร
ไทยโดยไม่ไดร้ ับอนุญาต เจา้ หนา้ ทไี่ ทยตกั เตือนแลว้ กไ็ ม่ยอมจ่ายค่าภาษีนาเขา้ อีกท้งั ยงั คงเดินทางต่อไป
โดยไม่มีตราประทบั บนหนงั สือเดินทาง
รัฐบาลไทยจึงจาเป็นตอ้ งจบั กุมและเนรเทศบุคคลท้งั สองออกนอกราชอาณาเขตและยดึ สินคา้ ดงั กล่าวไวด้ ว้ ย
นายโอกุสต์ ปาวไี ดเ้ รียกร้องใหร้ ัฐบาลไทยจ่ายค่าเสียหายท้งั หมด แต่ฝ่ายไทยปฏิเสธเพราะถือวา่ บคุ คลท้งั
สองกระทาผดิ สนธิสัญญา ไทย - ฝร่ังเศสจริง จะเห็นไดว้ ่าปัญหาทเี่ มืองทา่ อุเทนน้ีเกิดจากการท่ีพอ่ คา้ ชาว
ฝรั่งเศสปฏิเสธอธิปไตยของไทยเหนือดินแดนลาว เม่ือปัญหาน้ีไม่ไดร้ ับการแกไ้ ขทนั ที สหภาพแรงงาน
ฝร่ังเศสในลาวตอนบนและเวียดนามตอนเหนือจึงเพ่ิมความกดดนั ต่อรัฐบาลฝรั่งเศส เพอื่ ใหร้ ัฐบาลเรียกร้อง
สิทธิเหนือดินแดนลาว และเพ่ือความสะดวกต่อการขยายตลาดการคา้ ของตน
7
การตายของมาสส่ี (Affaire de massie)
มาสส่ี เจา้ หนา้ ทขี่ องสถานกงสุลฝร่ังเศสในเมืองหลวงพระบาง ซ่ึงเคยเป็ นสมาชิกของคณะสารวจ
(Mission Pavie) ไดล้ าออกจากตาแหน่งดงั กล่าว เพราะไดร้ ับการข่มเหง (a subir les pires insultes) จาก
คนไทย และทส่ี าคญั คือ มาสส่ีไม่เคยไดร้ ับความเห็นใจและการสนบั สนุนจากรัฐบาลท่ีกรุงฮานอยและ
กรุงปารีสเลย ดงั น้นั เขาจึงไดฆ้ ่าตวั ตาย เม่ือวนั ท่ี 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 บริเวณหนา้ เมืองจาปาศกั ด์ิ
(Bassac)
การตายของมาสสี่ทาใหล้ าเนสชอ็ ง (Lanessan) ผวู้ า่ ราชการเวียดนามตอนใตแ้ ละผนู้ าจกั รวรรดินิยมคน
สาคญั ของฝรั่งเศสตอ้ งเขา้ มาเกี่ยวขอ้ ง โดยใหต้ ้งั คณะกรรมการสอบสวน ผลการสอบสวนปรากฏ อยา่ ง
ชดั เจนว่าเป็นการฆ่าตวั ตาย ดว้ ยเหตุผลดงั กล่าวขา้ งตน้ ฝร่ังเศสจึงเริ่มปฏิบตั ิการดว้ ยวธิ ีรุกท้งั ทางดา้ น
การทหารและดา้ นการทตู ต่อไทย แต่หนงั สือพมิ พใ์ นไซง่อนและตงั เก๋ียกลบั รายงานว่ามาสสี่ป่ วยตาย จึง
อาจจะเป็นไปไดว้ ่า ขา้ ราชการชาวอาณานิคมตอ้ งการใชก้ ารตายของมาสสี่ใหเ้ กิดประโยชนโ์ ดยผลกั ดนั
ใหร้ ัฐบาลฝร่ังเศสใชม้ าตรการทเี่ ดด็ ขาดกบั ไทย จะเห็นไดว้ ่าในระดบั ภมู ิภาคน้นั ผลประโยชน์ทางภูมิ
ยทุ ธศาสตร์และการคา้ ทาใหฝ้ รั่งเศสขดั แยง้ กบั องั กฤษ ท้งั สองประเทศมหาอานาจจกั รวรรดินิยมตอ้ งการ
แผข่ ยายเขตอทิ ธิพลของตนใหไ้ กลกว่าดินแดนหลกั (อินเดียขององั กฤษและเวยี ดนามของฝร่ังเศส) ท้งั น้ี
เพ่ือเสริมสร้างเสถียรภาพและความมน่ั คงใหแ้ ก่ดินแดนยดึ ครองหลกั ของตนใหด้ ียง่ิ ข้ึนกว่าเดิม สาหรับ
ในระดบั ทอ้ งถิ่นก็มีอสิ รภาพของไทยเป็ นเดิมพนั ที่สาคญั
ดงั น้นั เพอ่ื ต่อสูก้ บั จกั รวรรดินิยมฝร่ังเศสซ่ึงแฝงอยใู่ นรูปของการเรียกร้องดินแดนท่ีเป็นของเวยี ดนาม
ตอนกลางและของกมั พชู า ไทยจึงผลกั ดนั สนามปฏิบตั ิการทางทหารใหไ้ กลสุดบนฝั่งซา้ ยของแม่น้าโขง
เพื่อช่วงชิงความไดเ้ ปรียบ
8
เหตุการณ์วกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112
เมื่อฝร่ังเศสไดค้ รอบครองดินแดนสิบสองจูไทยแลว้ โดยทย่ี งั ไม่มีการเจรจาปักปันเขตแดนกบั ไทยการ
เจรจาน้ีไดย้ ตุ ิลง เม่ือฝรั่งเศสมีนโยบายจะขยายอาณาเขตของตนออกไปจนถึงฝั่งแม่น้าโขง โดยจะยดึ
ดินแดนท้งั หมดบนฝั่งซา้ ยของแม่น้าโขง
ต้งั แต่ภาคเหนือของลาวจนถึงชายแดนเขมร เมื่อฝร่ังเศสยดึ ดินแดนสิบสองจูไทยไดน้ ้นั ก็เร่ิมสารวจ
ดินแดนลาวอีกคร้ัง และสร้างอทิ ธิพล
ในหมู่ชาวลาวดว้ ยการผกู มิตรและหาเหตุมาขดั แยง้ กบั ไทยอยเู่ สมอ ฝ่ ายไทยเห็นวา่ ฝร่ังเศสตอ้ งการ ยดึ
ดินแดนเพิม่ จึงเตรียมรับมือ เช่น
ปรับปรุงการปกครองหวั เมืองฝ่ ายตะวนั ออกใหเ้ ขม้ แขง็ รัดกุมข้ึน โดยเฉพาะเมือง จาปาศกั ด์ิ หนองคาย
และหลวงพระบาง การเกณฑท์ หารและเตรียมการป้องกนั ชายแดน ฝรั่งเศสจึงฉวยโอกาสว่าไทยเตรียม
จะทาสงคราม และแต่งต้งั นายโอกสุ ต์ ปาวี เป็นราชทตู ประจากรุงเทพฯ ซ่ึงสร้างความวติ กใหก้ บั ฝ่าย
ไทย เพราะนายปาวีรู้จกั ดินแดนเขมรและลาวในทกุ ๆดา้ น และเป็นนกั จกั รวรรดินิยม เมื่อนายโอกุสต์
ปาวีเขา้ มารับตาแหน่งก็เร่ิมการเจรจาปัญหาเก่าๆกบั กรมหลวงเทวะวงศว์ โรปการ เสนาบดีกระทรวง
การต่างประเทศ รวมท้งั เรื่องการปักปันเขตแดนสิบสองจูไทย
โดยจะนาแผนท่ีมาแสดงเขตแดนของตน แต่ต่อมานายโอกุสต์ ปาวี กห็ าเหตุไม่ยอมเจรจาดว้ ยอา้ งวา่
ทหารไทยบกุ รุกดินแดนส่วนน้นั ของฝร่ังเศสทาใหก้ ารเจรจาลม้ เลิกไป
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2436 นายโอกสุ ต์ ปาวไี ดป้ ระกาศวา่ ฝรั่งเศสถือวา่ ดินแดนฝ่ังตะวนั ออกของ
แม่น้าโขงท้งั หมดเคยเป็นเมืองท่ีส่งบรรณาการ ใหแ้ ก่ญวนมาก่อนจึงไม่เป็นส่วนหน่ึงของไทย พอถึง
เดือนเมษายน พ.ศ. 2436 ฝร่ังเศสไดอ้ า้ งสิทธิครอบครองดินแดนลาวพร้อมกบั ส่งกองทพั เขา้ ไป
กรมหลวงเทวะวงศว์ โรปการจึงเสนอใหต้ ้งั อนุญาโตตุลาการตดั สินปัญหาต่างๆ ที่ไทยกบั ฝร่ังเศสเจรจา
ตกลงกนั ไม่ได้ ฝร่ังเศสไม่รับขอ้ เสนอน้นั และใชน้ โยบายเรือปื นเพ่ือบีบบงั คบั ไทยโดยส่งเรือรบ
เลอ ลูแตง (Le Lutin) เขา้ มาจอดหนา้ สถานทูตฝรั่งเศสซ่ึงต้งั อยรู่ ิมแม่น้าเจา้ พระยาเพอื่ รอคาตอบจาก
รัฐบาลไทย ท่าทีคุกคามของฝรั่งเศสทาใหไ้ ทยเร่งจดั การป้องกนั กรุงเทพฯ และปากน้าใหร้ ัดกมุ ยงิ่ ข้ึน
และทาการป้องกนั รักษาพระราชอาณาเขตหวั เมืองชายทะเลดา้ นตะวนั ออก
โดยส่งทหารไปประจาทเี่ กาะกง แหลมงอบ และสร้างป้อมพระจุลจอมเกลา้ ทแี่ หลมฟ้าผา่ และขอความ
ช่วยเหลือจากองั กฤษแต่ไม่ไดร้ ับความช่วยเหลือ เพราะองั กฤษไม่ตอ้ งการเขา้ ไปแทรกแซงระหวา่ ง
ฝร่ังเศสกบั ไทย
9
วนั ท่ี 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 รัฐบาลฝร่ังเศสไดแ้ จง้ แก่ฝ่ายไทยวา่ ผกู้ ารโบรี (Bory) จะนาเรือปื น
แองกงสตอง (Inconstant) และเรือโกแมต (Comete) เขา้ มายงั กรุงเทพฯ กรมหลวงเทวะวงศว์ โรปการ ทรง
คดั คา้ นวา่ ละเมิดสนธิสญั ญาฉบบั พ.ศ. 2399
ในวนั ที่ 11 กรกฎาคม เรือท้งั สองลาจึงมุ่งหนา้ มากรุงเทพฯ ซ่ึงเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย จึงไดเ้ กิด
การต่อสู้บริเวณป้อมพระจุลจอมเกลา้ และป้อมผเี ส้ือสมุทร ต่างฝ่ ายไดร้ ับความเสียหาย โดยฝรั่งเศส
สามารถฝ่ ากระสุนเขา้ มาจอดทีห่ นา้ สถานทตู ฝร่ังเศสไดแ้ ละยน่ื คาขาดต่อไทยดงั น้ี
1. ไทยตอ้ งเพกิ ถอนสิทธิเหนือดินแดนฝั่งซา้ ยของแม่น้าโขงและเกาะต่างๆต้งั แต่ภาคเหนือของลาวไป
จนถึงพรมแดนเขมร
2. ใหไ้ ทยร้ือถอนด่านท้งั หมดบนฝ่ังซา้ ยของแม่น้าโขงใหเ้ สร็จภายใน 1 เดือน
3. ใหไ้ ทยจดั การปัญหาทุ่งเชียงคา เมืองคาพวน และความเสียหายทเ่ี รือรบฝรั่งเศสและชาวฝรั่งเศสไดร้ ับ
จากการปะทะกนั
4. ใหไ้ ทยลงโทษเจา้ หนา้ ท่ีฝ่ ายไทยที่รับผดิ ชอบในการยงิ ปื นที่ปากน้า
5. ใหไ้ ทยชดใชค้ ่าเสียหายใหช้ าวฝรั่งเศสเป็นเงิน 2 ลา้ นฟรังก์
ฝ่ายไทยจึงยอมรับทกุ ขอ้ ยกเวน้ ขอ้ 1 ทาใหฝ้ ร่ังเศสไม่พอใจจึงถอนคณะทูตออกจากประเทศไทย และเรือ
รบไดไ้ ปยงั เกาะสีชงั และปฏิบตั ิการปิ ดอา่ วไทย จึงเป็นเหตุใหไ้ ทยรับเงื่อนไขคาขาดโดยไม่ต่อรองใดๆ
เพ่ือใหฝ้ รั่งเศสยตุ ิการปิ ดอา่ ว
แต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลบั ยน่ื เง่ือนไขเพ่มิ เติมท่ีรุนแรงข้ึน คือ เรียกร้องจะเขา้ ยดึ ครองแม่น้าและทา่ เรือจงั หวดั
จนั ทบุรี และไทยตอ้ งไม่มีกาลงั ทหารอยทู่ ่ีพระตะบอง เสียมราฐ และบริเวณรัศมี 25 กิโลเมตรบนฝ่ังขวา
ของแม่น้าโขง ฝ่ายไทยจึงยอมรับเง่ือนไขทีเ่ พิ่มเติมมาแต่โดยดี
หลงั จากน้นั ฝรั่งเศสไดส้ ่งผแู้ ทนรัฐบาลมาเจรจาขอทาสนธิสัญญาเพื่อยตุ ิกรณีพิพาท ร.ศ. 112 ในร่างสญั ญา
ดงั กล่าวไทยมีขอ้ เสียเปรียบหลายประการโดยเฉพาะเมืองจนั ทบุรี มีสาระสาคญั ดงั น้ี
1. รัฐบาลไทยสละสิทธิท้งั หมดในดินแดนบนฝ่ังซา้ ยของแม่น้าโขงและเกาะต่างๆในแม่น้าน้นั
2. หา้ มรัฐบาลไทยส่งเรือรบเขา้ ไปในทะเลสาบ ในแม่น้าโขง และลาน้าทีแ่ ยกมา
3. หา้ มรัฐบาลไทยสร้างด่านหรือค่ายทหารในเมืองพระตะบอง และเสียมราฐ
4. ฝร่ังเศสสงวนสิทธิจะต้งั กงสุล ณ ทใ่ี ดก็ได้ โดยเฉพาะทนี่ ่านและโคราช โดยฝร่ังเศสจะยดึ เมืองจนั ทบรุ ี
ไวเ้ ป็นประกนั จนกว่าไทยจะปฏิบตั ิตามสญั ญาจนครบ จากเหตุการณ์คร้ังน้ีทาใหไ้ ทยตอ้ งเสียดินแดนคร้ังที่
สาคญั ของไทยคือ ราชอาณาจกั รลาวเกือบท้งั หมด รวมท้งั สิบสองจูไทยตอ้ งตกอยใู่ ตป้ กครองของฝร่ังเศส
รวมเน้ือทท่ี ้งั หมดประมาณ 143,800 ตารางกิโลเมตร พลเมืองประมาณ 600,000 คน
10
กระแส ร.ศ. 112 กบั การเสดจ็ ประพาสยุโรปคร้ังแรก
วนั ท่ี 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 นายโอกสุ ต์ ปาวี ตวั แทนของรัฐบาลฝร่ังเศสไดย้ นื่ คาขาดต่อรัฐบาลสยาม
ไว้ 6 ขอ้ ในจานวนน้ีมีอยู่ 3 ขอ้ ท่หี นกั สุด คือ ขอ้ 1 เรียกร้องใหส้ ยามยอมรับวา่ ดินแดนบนฝั่งซา้ ย แม่น้า
โขงเป็นของฝรั่งเศส และขอ้ 5 กบั ขอ้ 6 สยามตอ้ งชดใชค้ ่าเสียหาย เป็นเงิน 2 ลา้ นฟรังก์ โดยตอ้ งจ่ายเงิน
รวม 3 ลา้ นฟรังก์ เป็นมดั จาเพอื่ ชดใชค้ ่าเสียหายต่างๆ ในระหวา่ งน้ีฝร่ังเศสขอยดึ เมืองจนั ทบุรีไวเ้ ป็น
ประกนั จนกวา่ สยามจะปฏิบตั ิตามขอ้ สัญญาต่างๆ ต่อมาสยามกบั ฝรั่งเศสกเ็ ร่ิมเจรจาทาสัญญาสนั ติภาพ
ต่อกนั โดยตกลงข้นั สุดทา้ ยพร้อมลงนามอยา่ งเป็นทางการในวนั ท่ี 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ผลของสญั ญาก็
เป็นไปตามความตอ้ งการของฝรั่งเศสทกุ ประการ
อยา่ งไรก็ตามการทาสนธิสัญญาและอนุสญั ญาคร้ังน้ี ก็เป็นเพยี งการแกไ้ ขจะเห็นไดว้ ่าหลงั จากน้ีสยามก็
ตอ้ งประสบปัญหาเร่ืองแยกแยะคนในอาณตั ิของตนเองต่อไป ขอ้ โตแ้ ยง้ ทีเ่ กิดเพราะสญั ญา ร.ศ. 112 เช่น
ปัญหาสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ปัญหาเมืองหลวงพระบาง และเมืองจาปาศกั ด์ิ
ส่วนท่อี ยบู่ นฝั่งขวาของแม่น้าโขง และปัญหาเมืองจนั ทบรุ ี เป็นแรงกดดนั ที่ทาใหส้ ภาวะการเมืองใน
ระยะน้นั อ่อนไหว สามปี เศษต่อมาพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จึงเสดจ็ ประพาสยโุ รปคร้ัง
แรก ในปี พ.ศ. 2440 ซ่ึงตรงกบั ร.ศ. 116
ต้งั แต่วกิ ฤติการณ์ ร.ศ. 112 เร่ิมเกิดข้ึน พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ อยหู่ วั ทรงพยายามแกไ้ ขปัญหา
อยา่ งเตม็ ท่ี ท้งั โดยวิธีทางการทตู การทหาร และการแสวงหาความช่วยเหลือจากมหาอานาจอ่นื จนทรง
พระประชวรและทรงคิดวา่ อาจสวรรคต
ยงิ่ ไปกวา่ น้นั การเสียดินแดนฝั่งซา้ ยแม่น้าโขงในวกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112 ซ่ึงทาใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระ
จุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสียพระราชหฤทยั อยา่ งสุดซ้ึง จนถึงกบั น้าพระเนตรไหล ดงั ทมี่ หาเสวกเอกพระยา
บรุ ุษรัตนราชพลั ลภ (นพ ไกรฤกษ)์ ไดเ้ ลา่ ไวว้ ่าปัญหาเฉพาะหนา้ เท่าน้นั มิใช่จะสามารถขจดั ความ
ยงุ่ ยากท้งั สิ้นใหห้ มดไป“แต่ในท่ีสุดพระองคก์ ท็ รงหกั พระทยั ได้ ทรงรับสั่งเป็ นเชิงปรารภวา่ การเสียเขต
แดนแต่เพยี งเลก็ นอ้ ยตามชายพระราชอาณาจกั รซ่ึงเราเองก็ทานุบารุงรักษาใหเ้ จริญเตม็ ทีไ่ ม่ไดน้ ้นั ก็
เปรียบเหมือนกบั เสียปลายนิ้วของเราไป ยงั ไกลอยู่ รักษาหวั ใจกบั ตวั ไวใ้ หด้ ีกแ็ ลว้ กนั ”
11
ผลทเี่ กดิ ขนึ้ ภายหลงั วกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112
หลงั การลงนามในหนงั สือสญั ญา เมื่อวนั ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 แลว้ เรื่องทีต่ อ้ งดาเนินการต่อมาซ่ึง
สืบเนื่องกบั วกิ ฤตการณ์คือ การถอนทหารออกจากฝ่ังซา้ ยแม่น้าโขง การประกาศใหค้ นฝั่งซา้ ยแม่น้าโขงทเ่ี ขา้
มาอยทู่ างฝั่งขวาแม่น้าโขงกลบั ถ่ินฐานของตนเอง การพจิ ารณาคดีพระยอดเมืองขวาง เรื่องท้งั หลายทางรัฐบาล
ไทยพยายามดาเนินการใหเ้ รียบร้อย เพื่อใหฝ้ รั่งเศสถอนกาลงั ทหารออกจากเมืองจนั ทบรุ ีซ่ึงยดึ ไวต้ ้งั แต่เดือน
สิงหาคม พ.ศ. 2436 โดยเร็ว แตก่ ระน้นั ปัญหากย็ งั ไม่ยตุ ิลงง่าย ๆ โดยเฉพาะกรณีพระยอดเมืองขวางขา้ หลวง
ไทยประจาเมืองคาเกิด คามวนผนู้ าในการต่อสู้กบั ทหารฝร่ังเศส เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2436 ทาให้
ทหารฝร่ังเศสช่ือ นายโกรส กแู รง กบั ทหารญวน อกี 12 คนถึงแก่ความตาย (แต่ฝรั่งเศสกล่าวหาวา่ มีทหาร
เสียชีวติ ระหวา่ ง 16 - 24 คน) ฝ่ ายไทยเสียชีวิต 6 คน บาดเจบ็ 5 คน ฝร่ังเศสตอ้ งการใหล้ งโทษพระยอดเมือง
ขวาง รัฐบาลไทยจึงต้งั “ศาลรับสั่งพเิ ศษ” ข้ึนมาพิจารณาคดีน้ีและมีคาตดั สินวา่ พระยอดเมืองขวางไม่ผดิ
เพราะเป็นการปฏิบตั ิงานในหนา้ ท่ี ซ่ึงทาใหฝ้ รั่งเศสไม่พอใจจึงเรียกร้องใหไ้ ทยต้งั “ศาลผสม” ฝร่ังเศส-ไทย
ข้ึนทาหนา้ ทีพ่ พิ ากษาคดี ทาใหฝ้ ่ ายไทยไม่พอใจมาก พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ถึงกบั ทรง
ปรารภว่า “แลไม่เห็นเลยวา่ จะจบเพยี งใด กว่าจะไดต้ ดั หวั พระยอด...” ศาลผสมไดต้ ดั สินคดีในเดือนมิถุนายน
พ.ศ. 2437 วา่ พระยอดเมืองขวางมีความผดิ ใหจ้ าคุกเป็นเวลา 20 ปี พระยอดเมืองขวางถูกจาคุกอยจู่ นเดือน
พฤศจิกายน พ.ศ. 2441 จึงไดร้ ับการปล่อยตวั โดยขอ้ ตกลงระหวา่ งไทยกบั ฝรั่งเศส
การทฝ่ี รั่งเศสยดึ จนั ทบรุ ีนบั เป็ นปัญหาอกี เร่ืองหน่ึง แมว้ า่ ไทยไดป้ ฏิบตั ิตามหนงั สือสญั ญา ร.ศ. 112
ครบถว้ นทุกประการแลว้ แต่ฝรั่งเศสกย็ งั ไม่ยอมถอนทหารออกไป พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
มีรับสัง่ ใหเ้ สนาบดีวา่ การต่างประเทศ และอคั รราชทูตพิเศษทีก่ รุงปารีส คือ พระยาสุริยานุวตั ร (เกิด บนุ นาค)
เจรจากบั ฝรั่งเศสใหถ้ อนทหารออกไปแต่ท่าทีของฝรั่งเศสกลบั เปล่ียนไปอยากจะยดึ ครองจริง ๆ ท้งั อา้ งวา่
ระหว่างยดึ ครองไดล้ งทุนไม่นอ้ ยกวา่ ปี ละ 2 ลา้ นฟรังก์ แลว้ จะทงิ้ ทรัพยส์ มบตั ิน้ีไดอ้ ย่างไร หรืออา้ งวา่ ทหาร
ฝร่ังเศสเพยี ง 25 คน ท่อี ยเู่ มืองจนั ทบรุ ีจะถือวา่ เป็นการยดึ ครองไดอ้ ยา่ งไร เป็นแต่เพยี ง “รักษาของ” เท่าน้นั ซ่ึง
ไทยกโ็ ตว้ า่ ทหารจะก่ีคนกเ็ ป็นการยดึ ครองท้งั น้นั ทา่ ทีของฝรั่งเศสทีค่ ุกคามไทยรุนแรงเพิม่ ข้ึนเรื่อย ๆ เพ่อื
ไม่ใหป้ ัญหาขยายตวั มากยงิ่ ข้ึน ไทยจึงยอมตามขอ้ เรียกร้องของฝร่ังเศส โดยมีการลงนามในสญั ญานอ้ ยหรือ
อนุสัญญาที่กรุงปารีส เมื่อวนั ที่ 13 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2446 และพิธีสาร เมื่อวนั ท่ี 29มิถุนายน พ.ศ. 2447 ซ่ึงไทย
จะตอ้ งยกมโนไพร จาปาศกั ด์ิ หลวงพระบางฝ่ังขวาใหฝ้ รั่งเศส และเม่ือไทยมอบเมืองตราดด่านซา้ ย และ
ดินแดนฝั่งซา้ ยแม่น้าคอบใหฝ้ ร่ังเศส ฝรั่งเศสจึงถอนกาลงั ออกจากจนั ทบรุ ี
12
หนงั สือสญั ญาขา้ งตน้ เพยี งทาใหก้ ารคุกคามไทยผอ่ นคลายลงเพราะทหารฝรั่งเศสไดถ้ อนตวั ออกจาก
จนั ทบรุ ี แต่ไปอยทู่ ่ีตราดท่ีห่างไกลออกไปแทน นอกจากน้ี ยงั มีปัญหาเกี่ยวกบั การปักปันเขตแดน ปัญหาคน
ในบงั คบั ซ่ึงเป็นชาวเอเชีย ในตอนแรกฝรั่งเศสเสนอจะแลกนครวดั ซ่ึงในเวลาน้นั ยงั เป็นของไทย กบั เมืองด่าน
ซา้ ยและเมืองตราด แต่พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงรู้สึกว่า “ที่จะเอานครวดั มาแลกดูมากมาย
เหลือเกินอยสู่ ักหน่อย” การเจรจาดาเนินต่อไปท่ีกรุงเทพฯ โดยมีนายเอดเวริ ์ด สโตรเบล ที่ปรึกษาราชการ
ทวั่ ไปของไทย ร่วมเจรจากบั นายวกิ เตอร์ คอลแลง เดอ ปลงั ซี อคั รราชทูตฝร่ังเศสประจาไทยดว้ ย จึงสามารถ
ทาขอ้ ตกลงและลงนามในหนงั สือสัญญาไดเ้ มื่อวนั ท่ี 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 โดยมีสาระสาคญั คือ ไทยจะยก
เมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณใหแ้ ก่ฝรั่งเศส ฝรั่งเศสจะยกดินแดนเมืองด่านซา้ ยและเมืองตราดกบั
เกาะท้งั หลายใตแ้ หลมสิงห์จนถึงเกาะกดุ ใหไ้ ทย คนเอเชียในบงั คบั ฝร่ังเศส ถา้ จดทะเบียนหลงั หนงั สือสญั ญาน้ี
เม่ือทาผดิ ตอ้ งข้ึนศาลไทย
หนงั สือสญั ญาไทย - ฝรั่งเศส พ.ศ. 2449 ถือไดว้ ่าเป็นการสิ้นสุดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ซ่ึงยดื เย้อื มา
เกือบ 14 ปี ซ่ึงในสายตาของท้งั ไทยและฝร่ังเศสต่างมีความเห็นตรงกนั วา่ ฝรั่งเศสไดม้ ากกวา่ เสีย และไทยเสีย
มากกวา่ ได้ ส่วนชาวเมืองพระตะบองมีปฏิกิริยาไม่พอใจกบั การท่ีไปอยภู่ ายใตก้ ารปกครองของฝรั่งเศส แต่
สาหรับรัฐบาลไทยถือไดว้ ่ามีความรูส้ ึกปลอดภยั และมนั่ คงมากข้ึน เพราะฝร่ังเศสไดถ้ อนทหารพน้ จากผนื
แผน่ ดินไทย นบั ไดว้ า่ เป็นการสิ้นสุดของลทั ธิจกั รวรรดินิยมทเี่ กิดข้ึนจากฝรั่งเศส
13
ข้ันตอนท่ี 5 : กำรสรุปข้อมูล
14
15
แหล่งอ้ำงอิง
• http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=วิกฤตการณ์_ร.ศ._112
• http://chantanit.blogspot.com/2013/07/blog-post_13.html?m=1
• https://sites.google.com/site/hetkansumkun/hetukarn-sakhay-ni-smay-
krung-ratnkosinthr/wikvtkarn-r-s-112-1
• https://thestandard.co/onthisday13july2436/