1
การวิเคราะหห์ ลักสตู ร
วิสัยทัศน์
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน ม่งุ พฒั นาผูเ้ รียนทุกคน ซ่งึ เปน็ กาลงั ของชาติ ให้
เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลท้ังด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทย และ
เป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มีความรู้และทักษะพ้ืนฐาน รวมท้ังเจตคติที่ดีต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอด
ชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญเพราะเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตาม
ศกั ยภาพ
จดุ หมาย
1. มคี ุณธรรมจริยธรรม และคา่ นิยมที่พึงประสงค์ เห็นคณุ ค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตน
ตามหลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาทีต่ นนับถือ ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2. มีความรู้อันเป็นสากล และมีความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้
เทคโนโลยี และมีทักษะชีวิต
3. มีสุขภาพกายและสขุ ภาพจติ ท่ดี ี มีสุขนสิ ยั และรักการออกกาลังกาย
4. มีความรักชาติมีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิต และการ
ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมขุ
5. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม มีจิต
สาธารณะที่มุ่งทาประโยชน์ และสร้างสง่ิ ที่ดงี ามในสังคม และอยรู่ ว่ มกันในสงั คมอย่างมคี วามสขุ
สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
2. ซ่ือสัตย์สจุ ริต
3. มีวนิ ยั
4. ใฝ่เรยี นรู้
5. อยู่อยา่ งพอเพยี ง
2
6. ม่งุ มน่ั ในการทางาน
7. รกั ความเป็นไทย
8. มีจิตสาธารณะ
เป้าหมายของการจัดการเรยี นการสอนวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์เปน็ เรื่องของการเรียนรู้เก่ยี วกบั ธรรมชาติ โดยมนุษย์ใช้กระบวนการสงั เกต สารวจ
ตรวจสอบ และการทดลองเกย่ี วกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและนาผลมาจัดระบบ หลักการ แนวคิด
และทฤษฎี ดังน้ันการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์จึงมุ่งเนน้ ให้ผเู้ รียนไดเ้ ปน็ ผู้เรียนรู้และคน้ พบด้วยตนเอง
มากท่ีสุด นั่นคือให้ได้ทั้งกระบวนการและองค์ความรู้ ตั้งแต่วัยเร่ิมแรกก่อนเข้าเรียน เม่ืออยู่ใน
สถานศกึ ษาและเมอ่ื ออกจากสถานศึกษาไปประกอบอาชีพแล้ว
การจดั การเรยี นการสอนวิทยาศาสตรใ์ นสถานศกึ ษามเี ป้าหมายสาคญั ดังนี้
1. เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจหลักการ ทฤษฎีทเี่ ปน็ พนื้ ฐานในวิทยาศาสตร์
2. เพอ่ื ให้เขา้ ใจขอบเขต ธรรมชาตแิ ละขอ้ จากดั ของวทิ ยาศาสตร์
3. เพอ่ื ใหม้ ที ักษะทีส่ าคัญในการศึกษาค้นควา้ และคิดคน้ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
4. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการ
ทกั ษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ
5. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์และ
สภาพแวดลอ้ มในเชงิ ทีม่ อี ิทธิพลและผลกระทบซึ่งกนั และกนั
6. เพ่ือนาความรู้ความเข้าใจในเรื่องวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อ
สังคมและการดารงชวี ิต
7. เพอ่ื ใหเ้ ป็นคนมีจิตวิทยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์
เรยี นรอู้ ะไรในวทิ ยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ท่ีเน้นการ เชื่อมโยง
ความรู้กับกระบวนการ มีทักษะสาคัญในการค้นควา้ และสร้างองค์ความรู้ โดยใช้ กระบวนการในการสืบ
เสาะหาความรู้และแก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ทุกข้ันตอน มีการทา
กิจกรรมดว้ ยการลงมอื ปฏบิ ัติจริงอยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกับระดับช้นั โดยกาหนดสาระสาคัญ ดงั นี้
✧ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ชีวิตในสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต การ
ดารงชีวิตของมนุษย์และสัตว์การดารงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และ
ววิ ัฒนาการของสง่ิ มีชีวติ
✧ วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การ
เคลอื่ นที่ พลงั งาน และคลืน่
3
✧ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เก่ียวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ ภายใน
ระบบสุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลีย่ นแปลงทางธรณีวทิ ยา กระบวนการ เปลี่ยนแปลงลม
ฟา้ อากาศ และผลตอ่ ส่ิงมีชวี ติ และส่ิงแวดล้อม
✧ เทคโนโลยี
● การออกแบบและเทคโนโลยเี รียนร้เู กี่ยวกับเทคโนโลยเี พือ่ การดารงชีวิต ในสังคมทีม่ ี การ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อ
แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมโดยคานึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสงิ่ แวดล้อม
● วทิ ยาการคานวณ เรยี นรู้เกีย่ วกบั การคิดเชงิ คานวณ การคิดวิเคราะหแ์ ก้ปญั หา เป็น
ขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ดา้ นวิทยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ และการ
ส่ือสาร ในการแกป้ ญั หาทพ่ี บในชวี ิตจรงิ ได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ ๑ วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งส่ิงไมม่ ีชวี ิต กบั
ส่ิงมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การ
ถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของ ประชากร
ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการ
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนาความรู้ไปใช้
ประโยชน์
มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้า และออก
จากเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และ
มนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ี ของอวัยวะต่างๆ
ของพืชทีท่ างานสมั พันธ์กนั รวมท้งั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร
พันธุกรรม การเปล่ียนแปลงทางพันธกุ รรมที่มผี ลต่อส่ิงมชี ีวิต ความหลากหลาย ทาง
ชวี ภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมชี ีวติ รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ขิ อง สสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการ
เปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี
มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะ การ
เคลอ่ื นที่แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถรุ วมท้ังนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏิสมั พันธ์
ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของ คล่ืน
4
ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกับเสียง แสง และคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า รวมท้ัง นาความรู้ไป
ใชป้ ระโยชน์
สาระที่ ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี
ดาวฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่ส่งผลต่อส่ิงมีชีวิต
และการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยีอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองคป์ ระกอบและความสัมพนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลีย่ นแปลง ภายใน
โลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้า อากาศและ
ภูมอิ ากาศโลก รวมทั้งผลตอ่ สงิ่ มชี วี ิตและสิง่ แวดลอ้ ม
สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพอ่ื การดารงชวี ติ ในสังคมท่มี ีการเปลี่ยนแปลง อย่าง
รวดเรว็ ใชค้ วามร้แู ละทกั ษะทางด้านวิทยาศาสตรค์ ณิตศาสตร์และ ศาสตร์อน่ื ๆ เพ่ือ
แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิง
วิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม
และสง่ิ แวดลอ้ ม
มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน
และการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ รูเ้ ทา่ ทนั และมจี ริยธรรม
คุณภาพผ้เู รยี น
จบชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖
❖ เข้าใจการลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพของมนุษย์ ภูมิคุ้มกัน
ในร่างกายของมนุษย์และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การใช้ประโยชน์จากสารต่าง ๆ ที่พืชสร้าง
ขึ้น การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรม วิวัฒนาการที่ทาให้เกิดความ
หลากหลายของส่ิงมีชีวิต ความสาคัญและผลของเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอต่อมนุษย์ ส่ิงมีชีวิต และ
สงิ่ แวดล้อม
❖ เข้าใจความหลากหลายของไบโอมในเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ของโลก การเปลี่ยนแปลงแทนที่
ในระบบนิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไขปญั หาสิ่งแวดล้อม
❖ เข้าใจชนิดของอนภุ าคสาคญั ทเี่ ปน็ ส่วนประกอบในโครงสรา้ งอะตอม สมบตั บิ างประการของ
ธาตุ การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ ชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและสมบัติต่าง ๆ ของสารท่ีมี
ความสัมพันธ์กับแรงยึดเหนี่ยว พันธะเคมี โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ การเกิดปฏิกิริยาเคมี
ปจั จัยที่มีผลตอ่ อัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี และการเขยี นสมการเคมี
5
❖ เข้าใจปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ ความสัมพันธ์ระหว่างแรง มวลและความเร่งผลของ
ความเร่งท่ีมีต่อการเคล่ือนท่ีแบบต่าง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ระหว่าง
สนามแม่เหลก็ และกระแสไฟฟ้า และแรงภายในนิวเคลยี ส
❖ เขา้ ใจพลงั งานนิวเคลียร์ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างมวลและพลังงาน การเปลย่ี นพลังงานทดแทน
เป็นพลงั งานไฟฟ้า เทคโนโลยีดา้ นพลังงาน การสะท้อน การหักเห การเล้ียวเบน และการรวมคลื่น การ
ได้ยิน ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับเสียง สีกับการมองเห็นสี คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและประโยชน์ของคล่ืน
แม่เหล็กไฟฟา้
❖ เข้าใจการแบ่งช้ันและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนท่ีของแผ่น
ธรณที ี่สัมพันธ์กับการเกิดลกั ษณะธรณีสัณฐาน สาเหตุ กระบวนการเกิดแผน่ ดนิ ไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนา
มิ ผลกระทบ แนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏิบตั ติ นใหป้ ลอดภยั
❖ เข้าใจผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส ท่ีมีต่อการ
หมุนเวียนของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด และผลท่มี ตี ่อภมู อิ ากาศ ความสัมพันธ์
ของการหมนุ เวยี นของอากาศ และการหมุนเวยี นของกระแสน้าผิวหนา้ ในมหาสมุทร และผลต่อลักษณะ
ลมฟ้าอากาศ ส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม ปัจจัยตา่ ง ๆ ท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และแนว
ปฏิบัติเพ่ือลดกิจกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลก รวมท้ังการแปลความหมาย
สัญลกั ษณ์ลมฟ้าอากาศท่ีสาคัญจากแผนท่ีอากาศ และขอ้ มูลสารสนเทศ
❖ เข้าใจการกาเนิดและการเปล่ียนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภมู ิของเอกภพ หลักฐานที่
สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซี โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก
กระบวนการเกดิ และการสร้างพลังงาน ปัจจัยทีส่ ่งผลตอ่ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และความสัมพันธ์
ระหว่างความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัม
ของดาวฤกษ์ วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบ
สุริยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์ ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการดารงชีวิต การเกิดลม
สรุ ยิ ะ พายสุ รุ ิยะและผลที่มีตอ่ โลก รวมทั้งการสารวจอวกาศและการประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ
6
คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน
ว22102 รายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 60 ช่ัวโมง จานวน 1.5 หนว่ ยกติ
ศึกษาเกี่ยวกับระบบร่างกายมนุษย์ ระบบหายใจ โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบ
หายใจ การหายใจ การดูแลรกั ษาอวัยวะในระบบหายใจ ระบบขับถ่าย โครงสรา้ งและหน้าท่ีของอวยั วะ
ในระบบขับถ่าย กลไกการกาจัดของเสีย การดูแลรักษา อวัยวะในระบบขับถ่าย ระบบหมุนเวียนเลือด
โครงสรา้ งและหนา้ ท่ขี องอวยั วะในระบบหมนุ เวียนเลอื ด การทางานของระบบ
หมุนเวียนเลือด การดูแลรกั ษาอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด ระบบประสาท โครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ อง
อวัยวะในระบบประสาท การทางานของระบบประสาท การดูแลรักษาอวัยวะในระบบประสาท ระบบ
สืบพันธ์ุ โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธ์ุเพศชายและเพศหญิง ฮอร์โมนเพศ การ
ปฏิสนธิและการต้ังครรภ์ การคุมกาเนิด ศึกษาเก่ียวกับการแยกสารผสม การระเหยแห้ง การตกผลึก
การกลนั่ โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดดว้ ยตัวทาละลาย การนาวิธกี ารแยกสารไปใช้แก้ปญั หา
ในชีวติ ประจาวัน ศกึ ษาเก่ียวกับสารละลาย สภาพละลายได้ของสาร ความเขม้ ข้นของสารละลาย การใช้
สารละลายในชวี ิตประจาวนั
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การ
สังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และการสรปุ
เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้และ
นาความร้ไู ปใชใ้ นชวี ติ ของตนเอง มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยม
รหสั ตัวช้ีวัด
ว 1.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10
ม.2/11 ม.2/12 ม.2/13 ม.2/14 ม.2/15 ม.2/16 ม.2/17
ว 2.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6
รวมทั้งหมด 23 ตวั ชีว้ ัด
7
การจัดทาโครงสร้างรายวชิ า
โครงสร้างรายวิชา
ตารางที่ 1 แสดงโครงสรา้ งรายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า 22101 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 เวลาเรยี น 3 ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จานวน 1.5 หนว่ ยกิต
หนว่ ย ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ / สาระสาคญั เวลา น้าหนกั
ท่ี การเรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด (ชว่ั โมง) คะแนน
1 ระบบต่าง ๆ 1. ระบุอวัยวะและบรรยาย • ระบบหายใจมีอวยั วะต่าง ๆ ที่ 20 20
ในร่างกาย หน้าท่ขี องอวยั วะท่ี เกี่ยวข้อง ได้แก่ จมกู ท่อลม ปอด
มนษุ ย์ เก่ยี วขอ้ งในระบบหายใจ กะบงั ลม และกระดูกซ่ีโครง
ว 1.2 2. อธิบายกลไกการหายใจ • มนษุ ย์หายใจเขา้ เพื่อนาแกส๊
ม.2/1 ถงึ เขา้ และออก โดยใช้ ออกซิเจนเขา้ ส่รู ่างกายเพื่อนาไปใช้
แบบจาลอง รวมทัง้ อธิบาย ในเซลล์และหายใจออกเพ่ือกาจดั
กระบวนการแลกเปลี่ยนแกส๊
ม.2/17 3. ตระหนักถงึ ความสาคญั แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ออกจาก
ของระบบหายใจโดยการบอก รา่ งกาย
แนวทางในการดูแลรกั ษา
• อากาศเคล่ือนทเี่ ข้าและออก
อวัยวะ
ในระบบหายใจให้ทางานเป็น จากปอดได้เน่ืองจากการ
ปกติ เปล่ียนแปลงปริมาตรและความดนั
ของอากาศภายในช่องอกซึง่
๔. ระบอุ วยั วะและบรรยาย
เกีย่ วขอ้ งกับการทางานของกะบงั
หนา้ ทขี่ องอวยั วะ
ในระบบขบั ถ่ายในการกาจดั ลม และกระดกู ซ่โี ครง
ของเสยี ทางไต • การแลกเปล่ยี นแก๊สออกซเิ จน
๕. ตระหนักถงึ ความสาคัญ กบั แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ใน
ของระบบขบั ถ่าย รา่ งกาย เกดิ ขนึ้ บริเวณถุงลมใน
ในการกาจัดของเสียทางไต ปอดกับหลอดเลอื ดฝอยที่ถงุ ลม
โดยการบอก และระหวา่ งหลอดเลือดฝอยกับ
แนวทางในการปฏบิ ตั ิตนท่ี เน้อื เย่ือ
ชว่ ยให้ระบบขับถ่าย
ทาหน้าท่ีไดอ้ ย่างปกติ • การสูบบหุ รก่ี ารสูดอากาศที่มสี าร
๖. บรรยายโครงสร้างและ ปนเปือ้ น และการเป็นโรคเกีย่ วกับ
หนา้ ท่ีของหวั ใจ ระบบหายใจบางโรคอาจทาใหเ้ กดิ
หลอดเลอื ด และเลือด โรคถงุ ลมโปง่ พอง
๗. อธิบายการทางานของ
ระบบหมุนเวียนเลอื ด
โดยใชแ้ บบจาลอง
8
ตารางที่ 1 (ตอ่ ) มาตรฐานการเรยี นรู้ / สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
หนว่ ย ชอ่ื หน่วย ตวั ชวี้ ัด (ชว่ั โมง) คะแนน
ที่ การเรยี นรู้
๘. ออกแบบการทดลอง ซง่ึ มีผลให้ความจุอากาศของปอด
และทดลอง ในการ ลดลง ดงั นั้นจงึ ควรดูแลรักษา
เปรยี บเทยี บอตั ราการเตน้ ของ ระบบหายใจ ให้ทาหน้าท่ีเป็นปกติ
หัวใจ ขณะปกติ • ระบบขบั ถา่ ยมีอวยั วะที่
และหลงั ทากจิ กรรม
เกยี่ วข้อง คอื ไต ท่อไต
๙. ตระหนักถึงความสาคญั
ของระบบหมนุ เวยี นเลอื ด กระเพาะปสั สาวะ และท่อปสั สาวะ
โดยการบอกแนวทางในการ โดยมีไต ทาหนา้ ท่ี กาจัดของเสีย
ดูแลรกั ษาอวัยวะ เช่น ยูเรีย แอมโมเนยี
ในระบบหมุนเวยี นเลอื ดให้ กรดยรู ิก รวมทัง้ สารทรี่ ่างกายไม่
ทางานเปน็ ปกติ ต้องการออกจากเลอื ด และควบคุม
สารที่มมี ากหรือน้อยเกนิ ไป
๑๐. ระบุอวยั วะและ เช่น น้า โดยขบั ออกมาในรูปของ
บรรยายหน้าทขี่ องอวยั วะใน ปัสสาวะ
ระบบประสาทส่วนกลางใน
การควบคุม
การทางานต่าง ๆ ของร่างกาย • การเลือกรบั ประทานอาหารท่ี
๑๑. ตระหนักถึง เหมาะสม เช่น รับประทานอาหาร
ความสาคญั ของระบบ ท่ไี ม่มีรสเค็มจัด การด่มื น้า
ประสาท สะอาดให้เพยี งพอ เปน็ แนวทาง
โดยการบอกแนวทางในการ หนง่ึ ทีช่ ว่ ยให้ระบบขบั ถา่ ยทา
ดูแลรักษา รวมถึง หนา้ ที่ได้อยา่ งปกติ
การปอ้ งกันการ
กระทบกระเทอื นและ • ระบบหมนุ เวียนเลือด
อนั ตรายต่อสมอง ประกอบดว้ ย หัวใจ
และไขสันหลัง หลอดเลอื ด และเลอื ด
๑๒. ระบอุ วยั วะและบรรยาย
หน้าท่ีของอวยั วะใน
ระบบสบื พนั ธ์ุของเพศชาย
และเพศหญงิ โดยใช้
แบบจาลอง
9
ตารางที่ 1 (ตอ่ ) มาตรฐานการเรยี นรู้ / สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
หนว่ ย ชอ่ื หน่วย ตวั ชีว้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน
ที่ การเรยี นรู้
๑๓. อธิบายผลของฮอรโ์ มน • หัวใจของมนษุ ย์แบ่งเปน็ ๔ หอ้ ง
เพศชายและเพศหญงิ ที่ ได้แก่ หวั ใจห้องบน ๒ ห้อง และ
ควบคุมการเปลีย่ นแปลงของ หอ้ งลา่ ง ๒ ห้อง ระหวา่ ง
ร่างกาย เมื่อเข้าสู่ หัวใจหอ้ งบนและหวั ใจห้องล่างมี
วยั หนมุ่ สาว ลิน้ หัวใจก้ัน
๑๔. ตระหนกั ถึงการ • หลอดเลอื ด แบง่ เป็น หลอด
เปลย่ี นแปลงของรา่ งกายเม่อื
เขา้ สวู่ ัยหนมุ่ สาว โดยการดแู ล เลือดอารเ์ ตอรี หลอดเลือดเวน
รักษาร่างกายและจิตใจของ หลอดเลอื ดฝอย ซง่ึ มโี ครงสร้าง
ตนเองในชว่ งทม่ี ี
ตา่ งกนั
การเปลยี่ นแปลง
๑๕. อธบิ ายการตกไข่การมี • เลือด ประกอบด้วย เซลล์เม็ด
เลอื ด เพลตเลต และพลาสมา
ประจาเดือนการปฏสิ นธแิ ละ
การพัฒนาของไซโกต • การบีบและคลายตัวของหวั ใจ
จนคลอดเป็นทารก ทาให้เลือดหมนุ เวยี นและลาเลยี ง
๑๖. เลือกวธิ ีการคุมกาเนดิ สารอาหาร แก๊ส ของเสยี และสาร
ทเ่ี หมาะสมกับ อ่ืน ๆ ไปยงั อวยั วะและเซลลต์ ่าง ๆ
สถานการณ์ทก่ี าหนด ทัว่ ร่างกาย
๑๗. ตระหนกั ถงึ ผลกระทบ • เลือดทีม่ ปี รมิ าณแกส๊ ออกซิเจน
ของการตงั้ ครรภ์ สูงจะออกจากหัวใจไปยังเซลล์ตา่ ง ๆ
กอ่ นวยั อันควร โดยการ ทัว่ รา่ งกาย ขณะเดยี วกนั
ประพฤตติ นใหเ้ หมาะสม แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์จากเซลลจ์ ะ
แพร่เขา้ ส่เู ลือดและลาเลยี งกลบั เขา้ สู่
หวั ใจและถูกสง่ ไปแลกเปลี่ยนแก๊สท่ี
ปอด
• ชพี จรบอกถึงจังหวะการเตน้ ของ
หวั ใจซง่ึ อตั ราการเตน้ ของหัวใจ
ในขณะปกตแิ ละหลงั จากทากิจกรรม
ต่าง ๆ จะแตกต่างกนั
ส่วนความดนั เลอื ด ระบบหมุนเวยี น
เลือดเกิดจากการทางานของหัวใจและ
หลอดเลือด
10
หนว่ ย ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ / สาระสาคญั เวลา น้าหนกั
ท่ี การเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด คะแนน
(ชวั่ โมง)
• อัตราการเตน้ ของหวั ใจมีความ
แตกต่างกันใน
แต่ละบคุ คล คนที่เปน็ โรคหวั ใจและ
หลอดเลือดจะส่งผลทาให้หัวใจสูบ
ฉดี เลือดไม่เป็นปกติ
• การออกกาลังกาย การเลอื ก
รบั ประทานอาหารการพกั ผ่อน
และการรักษาภาวะอารมณใ์ ห้เป็น
ปกตจิ ึงเป็นทางเลือกหนึง่ ในการ
ดแู ลรักษาระบบหมุนเวยี นเลือดให้
เปน็ ปกติ
• ระบบประสาทสว่ นกลาง
ประกอบด้วยสมองและไขสนั หลงั
จะทาหนา้ ท่ีรว่ มกับเสน้ ประสาท
ซงึ่ เป็นระบบประสาทรอบนอก ใน
การควบคุมการทางานของอวัยวะ
ตา่ ง ๆ รวมถึงการแสดงพฤตกิ รรม
เพือ่ การตอบสนองต่อสิง่ เรา้
• เม่ือมสี งิ่ เร้ามากระตนุ้ หน่วยรบั
ความรูส้ ึก จะเกดิ กระแสประสาท
สง่ ไปตามเซลลป์ ระสาทรับ
ความร้สู ึกไปยังระบบประสาท
สว่ นกลาง แล้วสง่ กระแสประสาท
มาตามเซลลป์ ระสาทสงั่ การ ไปยงั
หนว่ ยปฏบิ ัตงิ าน เช่น กล้ามเนื้อ
• ระบบประสาทเปน็ ระบบทีม่ ี
ความซับซ้อนและมีความสัมพันธ์
กบั ทุกระบบในรา่ งกาย ดังนนั้
จึงควรป้องกันการเกิดอุบัตเิ หตทุ ี่
กระทบกระเทือนตอ่ สมอง
11
หนว่ ย ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ / สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก
ท่ี การเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด (ชัว่ โมง) คะแนน
หลกี เลี่ยงการใชส้ ารเสพติด
หลีกเลี่ยงภาวะเครียด และ
รบั ประทานอาหารท่ีมีประโยชน์
เพ่อื ดูแลรกั ษาระบบประสาทให้
ทางานเป็นปกติ
• มนษุ ยม์ ีระบบสบื พันธ์ุที่
ประกอบด้วยอวยั วะตา่ ง ๆ ที่ทา
หน้าทีเ่ ฉพาะ โดยรังไข่ในเพศหญงิ
จะทาหน้าทผ่ี ลติ เซลล์ไข่สว่ น
อัณฑะในเพศชายจะทาหนา้ ที่สร้าง
เซลล์อสุจิ
• ฮอรโ์ มนเพศทาหน้าท่ีควบคุม
การแสดงออกของลกั ษณะทางเพศ
ท่ีแตกต่างกัน เมื่อเข้าสวู่ ยั หน่มุ สาว
จะมีการสรา้ งเซลล์ไข่และเซลลอ์ สุจิ
การตกไข่การมีรอบเดอื น และถา้ มี
การปฏิสนธขิ องเซลลไ์ ข่และเซลล์
อสุจิจะทาใหเ้ กดิ การตัง้ ครรภ์
• การมีประจาเดือน มี
ความสมั พนั ธก์ ับการตกไข่
โดยเปน็ ผลจากการเปลี่ยนแปลง
ของระดับฮอรโ์ มนเพศหญงิ
• เม่ือเพศหญิงมกี ารตกไขแ่ ละ
เซลลไ์ ขไ่ ดร้ ับการปฏสิ นธิกบั เซลล์
อสุจิจะทาใหไ้ ด้ไซโกตไซโกตจะ
เจริญเป็นเอม็ บรโิ อและฟีตสั
จนกระทัง่ คลอดเป็นทารก แต่ถ้าไม่
มกี ารปฏิสนธเิ ซลล์ไขจ่ ะสลายตวั
ผนงั ด้านในมดลูก
12
หน่วย ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ / สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
ท่ี การเรยี นรู้ ตัวชี้วดั (ชัว่ โมง) คะแนน
รวมทงั้ หลอดเลือดจะสลายตวั และ
หลุดลอกออก เรียกวา่ ประจาเดอื น
• การคุมกาเนิดเป็นวิธีปอ้ งกนั
ไมใ่ หเ้ กดิ การต้ังครรภ์โดยป้องกนั
ไมใ่ หเ้ กิดการปฏิสนธหิ รือไมใ่ ห้มี
การฝังตัวของเอ็มบรโิ อ ซงึ่ มหี ลาย
วธิ ีเชน่ การใช้ถงุ ยางอนามัย
การกินยาคุมกาเนิด
สอบกลางภาค 3 20
2 การแยกสาร 1. อธบิ ายการแยกสาร • การแยกสารผสมใหเ้ ป็นสาร 16 15
ผสม ผสมโดยการระเหยแหง้ การ บรสิ ทุ ธ์ิทาไดห้ ลายวิธี ขนึ้ อยกู่ ับ
ว 2.1 ตกผลกึ การกลัน่ อย่างง่าย สมบตั ิของสารนัน้ ๆ การระเหย
ม.2/1 ถึง โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ แห้งใช้แยกสารละลายซ่งึ
ม.2/3 การสกัดดว้ ยตัวทาละลาย ประกอบดว้ ยตวั ละลายท่ีเปน็
โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ของแข็งในตัวทาละลายที่เป็น
2. แยกสารโดยการ
ระเหยแห้ง การตกผลึก การ ของเหลว โดยใช้ความร้อนระเหย
กลนั่ อยา่ งง่าย โครมาโทกราฟี ตวั ทาละลายออกไปจนหมด เหลือ
แบบกระดาษ การสกดั ดว้ ยตัว แต่ตวั ละลาย การตกผลกึ ใช้แยก
ทาละลาย
3. นาวิธีการแยกสารไปใช้ สารละลายทีป่ ระกอบดว้ ยตัว
ละลายที่เปน็ ของแขง็ ในตัวละลาย
แกป้ ัญหาใน ชวี ิตประจาวัน ทีเ่ ป็นของเหลว โดยทาให้
โดยบรู ณาการวิทยาศาสตร์
สารละลายอม่ิ ตัว แล้วปล่อยให้
คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี
ตัวทาละลายระเหยออกไปบางส่วน
และวศิ วกรรมศาสตร์
ตวั ละลายจะตกผลึกแยกออกมา
การกลั่นอย่าง ง่ายใช้แยก
สารละลายท่ีประกอบดว้ ยตวั
ละลายและตวั ทาละลายทเี่ ป็น
ของเหลวทีม่ ี จดุ เดือดตา่ งกันมาก
วิธนี ้จี ะแยกของเหลวบริสุทธิอ์ อก
จากสารละลาย
13
หนว่ ย ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ / สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
ท่ี การเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด คะแนน
(ชัว่ โมง)
โดยใหค้ วามรอ้ นกับสารละลาย
ของเหลวจะเดือดและกลายเปน็ ไอ
แยกจากสารละลายแล้ว ควบแน่น
กลับเป็นของเหลวอกี ครั้ง ขณะท่ี
ของเหลวเดือด อณุ หภมู ิของไอจะ
คงที่ โครมาโทกราฟแี บบกระดาษ
เป็นวธิ กี ารแยกสารผสมทม่ี ปี ริมาณ
น้อยโดยใชแ้ ยกสารท่ี มีสมบัติการ
ละลายในตัวทาละลายและการถูก
ดดู ซบั ดว้ ยตวั ดดู ซบั แตกตา่ งกัน ทา
ให้ สารแต่ละชนดิ เคลื่อนทีไ่ ปบนตวั
ดูดซับไดต้ ่างกนั สารจงึ แยกออก
จากกันได้ อัตราส่วนระหว่าง
ระยะทางทสี่ ารองค์ประกอบแตล่ ะ
ชนิดเคลอื่ นท่ีไดบ้ นตัวดูดซับกับ
ระยะทางที่ตัวทาละลายเคลื่อนท่ีได้
เป็นค่าเฉพาะตวั ของสารแตล่ ะชนิด
ในตวั ทาละลายและตัวดูดซับหนึง่
ๆ การสกัดด้วยตัวทาละลายเปน็
วธิ ีการแยกสารผสมที่มี สมบัติการ
ละลายในตัวทาละลายทีต่ ่างกัน
โดยชนิดของตัวทาละลายมีผลตอ่
ชนิดและ ปรมิ าณของสารที่สกดั ได้
การสกดั โดยการกลนั่ ดว้ ยไอน้าใช้
แยกสารทรี่ ะเหยง่าย ไม่ ละลายน้า
และไมท่ าปฏกิ ิริยากบั น้าออกจาก
สารทีร่ ะเหยยากโดยใช้ไอน้า
เป็นตัวพา
14
หน่วย ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก
(ชัว่ โมง) คะแนน
ท่ี การเรียนรู้ /ตวั ชีว้ ัด
• ความร้ดู ้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการแยก
สาร บรู ณาการกับคณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี
โดยใชก้ ระบวนการทางวศิ วกรรม สามารถ
นาไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจาวนั หรือ
ปัญหาท่พี บในชมุ ชน หรอื สร้างนวตั กรรม
โดยมขี ัน้ ตอนดังน้ี
- ระบปุ ัญหาในชวี ิตประจาวนั ที่
เก่ยี วกับการแยกสารโดยใช้สมบัติทาง
กายภาพ หรอื นวัตกรรมที่ต้องการพัฒนา
โดยใชห้ ลกั การดงั กลา่ ว
- รวบรวมข้อมลู และแนวคิดเกี่ยวกบั
การแยกสาร โดยใช้สมบตั ิทางกายภาพท่ี
สอดคลอ้ งกับปัญหาที่ระบุ หรือนาไปสู่การ
พฒั นานวัตกรรมนนั้
- ออกแบบวิธกี ารแกป้ ัญหา หรอื
พฒั นานวตั กรรมท่ีเกยี่ วกบั การแยกสารใน
สารผสม โดยใช้สมบัติทางกายภาพ โดย
เช่อื มโยงความร้ดู า้ นวทิ ยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการ
ทางวิศวกรรม รวมทงั้ กาหนดและ ควบคุม
ตัวแปรอยา่ งเหมาะสมครอบคลุม
- วางแผนและดาเนนิ การแกป้ ัญหา
หรือพัฒนานวตั กรรม รวบรวมข้อมูลจัด
กระทาขอ้ มลู และเลือกวธิ กี ารส่ือ
ความหมายที่เหมาะสมในการน าเสนอผล
- ทดสอบ ประเมนิ ผล ปรับปรงุ วิธกี าร
แก้ปญั หา หรือนวตั กรรมที่พัฒนาขึ้นโดยใช้
หลักฐานเชิงประจกั ษ์ท่ีรวบรวมได้
15
หน่วย ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ / สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
(ชั่วโมง) คะแนน
ท่ี การเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด
- นาเสนอวิธกี ารแกป้ ัญหา หรือผล
ของนวตั กรรมที่พัฒนาข้นึ และผล
ทไ่ี ด้ โดยใช้ วธิ ีการสอื่ สารที่
เหมาะสมและน่าสนใจ
3 สารละลาย 4. ออกแบบการทดลองและ • สารละลายอาจมีสถานะเป็น 18 15
ว2.1 ทดลองในการ อธบิ ายผลของ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส
ม.2/4 ถงึ ชนดิ ตวั ละลาย ชนดิ ตวั ทา สารละลายประกอบด้วย ตวั ทา
ม.2/6 ละลาย อุณหภูมทิ ี่มตี ่อสภาพ
ละลายได้ ของสาร รวมท้งั ละลายและตวั ละลาย กรณี
อธบิ ายผลของความดันท่ีมี สารละลายเกดิ จากสารทีม่ สี ถานะ
ตอ่ สภาพละลายไดข้ องสาร เดยี วกนั สารท่ี มปี รมิ าณมากทีส่ ดุ
จัดเปน็ ตวั ทา ละลาย กรณี
โดยใช้สารสนเทศ
5. ระบุปรมิ าณตัวละลายใน สารละลายเกดิ จากสารท่มี ีสถานะ
สารละลายใน หนว่ ยความ ตา่ งกัน สารทม่ี ีสถานะเดียวกันกับ
เข้มขน้ เปน็ ร้อยละ ปรมิ าตร
ต่อ ปริมาตรมวลต่อมวล สารละลายจดั เปน็ ตัวทาละลาย
และมวลต่อปริมาตร • สารละลายท่ตี วั ละลายไม่
6. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั
สามารถละลายใน
ของการนาความรู้ เร่ืองความ ตัวทาละลายได้อกี ท่อี ุณหภูมิหน่งึ ๆ
เขม้ ขน้ ของสารไปใช้ โดย เรียกว่า สารละลายอิ่มตัว
ยกตวั อย่างการใชส้ ารละลาย • สภาพละลายไดข้ องสารในตวั
ในชวี ิตประจาวันอยา่ ง
ถกู ต้อง และปลอดภยั ทาละลายเป็นค่าทบี่ อกปรมิ าณของ
สารทล่ี ะลายได้ ในตัวทา ละลาย
100 กรมั จนไดส้ ารละลายอ่ิมตัว
ณ อุณหภมู ิ และความดนั หน่งึ ๆ
สภาพละลายได้ของสารบ่งบอก
ความสามารถในการละลายได้ของ
ตวั ละลายในตัวทาละลาย ซ่งึ
ความสามารถในการละลายของสาร
ขึ้นอยกู่ ับชนิด ของตัวทาละลายและ
ตวั ละลาย อณุ หภูมิ และความดนั
16
หนว่ ย ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ / สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
ท่ี การเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด (ชั่วโมง) คะแนน
• สารชนิดหนง่ึ มีสภาพละลายได้
แตกต่างกันในตวั ทาละลายที่
แตกตา่ งกนั และสารต่างชนดิ กนั มี
สภาพละลายได้ในตวั ทาละลายหนึง่
ๆ ไมเ่ ทา่ กัน
เม่อื อุณหภมู สิ ูงขึน้ สาร
ส่วนมากสภาพละลายไดข้ องสารจะ
เพ่ิมข้นึ ยกเว้นแกส๊ เม่ืออุณหภูมิ
สูงขึ้นสภาพการละลายไดจ้ ะลดลง
สว่ นความดันมีผลต่อแก๊ส โดยเมอื่
ความดนั เพิ่มขน้ึ สภาพละลายได้จะ
สงู ขน้ึ
• ความรู้เกีย่ วกับสภาพละลาย
ไดข้ องสาร เม่ือเปลี่ยนแปลงชนดิ ตวั
ละลายตัวทาละลาย และอณุ หภูมิ
สามารถนาไปใช้ประโยชน์ใน
ชีวติ ประจาวนั เชน่ การทาน้าเช่อื ม
เขม้ ขน้ การสกัดสารออกจาก
สมนุ ไพรให้ไดป้ รมิ าณมากทส่ี ุด
• ความเข้มขน้ ของสารละลาย
เปน็ การระบุปริมาณตวั ละลายใน
สารละลาย หนว่ ย ความเขม้ ข้นมี
หลายหนว่ ย ทีน่ ิยมระบุเป็นหนว่ ย
เปน็ ร้อยละปรมิ าตรต่อปริมาตร
มวลตอ่ มวล และมวลตอ่ ปริมาตร
• รอ้ ยละโดยปรมิ าตรตอ่
ปรมิ าตรเปน็ การระบุปรมิ าตรตวั
ละลายในสารละลาย 100 หน่วย
ปริมาตรเดยี วกัน นิยมใชก้ ับ
สารละลายท่เี ปน็ ของเหลว หรือแก๊ส
17
ตารางท่ี 1 (ต่อ)
หน่วย ชอื่ หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ / สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
ท่ี การเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ัด (ช่ัวโมง) คะแนน
• ร้อยละโดยมวลตอ่ มวลเป็น
สอบปลายภาค การระบมุ วลตัวละลายในสารละลาย 3 30
รวม 100 หน่วยมวล เดยี วกนั นยิ มใช้ 60 100
กับสารละลายทมี่ สี ถานะเป็น
ของแขง็
• รอ้ ยละโดยมวลต่อปริมาตร
เปน็ การระบุมวลตวั ละลายใน
สารละลาย 100 หนว่ ย ปริมาตร
นิยมใชก้ บั สารละลายที่มีตัวละลาย
เปน็ ของแขง็ ในตวั ทาละลายที่เป็น
ของเหลว
• การใช้สารละลายใน
ชวี ิตประจาวนั ควรพิจารณาจาก
ความเขม้ ข้นของสารละลาย ขนึ้ อยู่
กบั จดุ ประสงคข์ องการใช้งาน และ
ผลกระทบต่อส่งิ ชวี ิตและส่ิงแวดล้อม
18
การจดั ทาหนว่ ยการเรยี นรู้
ตารางที่ 2 การวางแผนออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้
กิจกรรมดา้ นความรู้ กิจกรรมดา้ นกระบวนการ/ กจิ กรรมดา้ นคณุ ลักษณะ
ทกั ษะ
1. การใชค้ าถาม ถาม - ตอบในข้นั นา 1. ตระหนักถงึ ความสาคัญของ
ข้นั สอน และข้นั สรปุ 1. การสืบคน้ ข้อมูล อวัยวะในระบบต่าง ๆ ใน
2. การสาธิต ประกอบการใช้คาถาม – 2. การนาเสนอข้อมูล ร่างกายมนุษย์
ตอบ ในขั้นนา 3. กระบวนการทางานร่วมกัน 2. มีวินัย
3. การทดลอง เปน็ กลุ่ม 3. ใฝ่เรียนรู้
4. การสืบค้น ศึกษาและตอบคาถามใน 4. การนาไปใชใ้ นชวี ิตจริง 4. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
ชุดกจิ กรรม
5. การสารวจข้อมลู เปน็ กลุ่ม
6. การทาโครงงานวิทยาศาสตร์
7. การใหค้ วามรูใ้ นรปู แบบต่างๆ เช่น
ทาแผ่นพบั คลปิ หรือหนังสัน้
8. บรู ณาการตามความเหมาะสมของ
เนอื้ หาสาระ เช่น เศรษฐกจิ พอเพียง
กิจกรรม STEM กล่มุ สาระอ่ืน ๆ
19
การวเิ คราะหห์ น่วยการเรียนรู้
ตารางท่ี 3 การวเิ คราะห์ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งหนว่ ยการเรียนรู้ เรอ่ื งย่อย ตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้
ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ เรือ่ งย่อย ตัวชีว้ ัด
1. ระบบตา่ ง ๆ 1. ระบบหายใจ 1. ระบุอวยั วะและบรรยายหน้าทขี่ องอวัยวะ
ในร่างกายมนษุ ย์ ว 1.2 ท่ีเกี่ยวข้องในระบบหายใจ
ม.2/1 2. อธิบายกลไกการหายใจเข้าและออก โดย
(20 ชวั่ โมง) ม.2/2 ใชแ้ บบจาลอง รวมทั้งอธิบายกระบวนการ
ม.2/3 แลกเปล่ียนแกส๊
3. ตระหนกั ถึงความสาคัญของระบบหายใจ
โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะ
ในระบบหายใจให้ทางานเปน็ ปกติ
2. ระบบขบั ถา่ ย ๔. ระบุอวยั วะและบรรยายหน้าท่ขี องอวัยวะ
ว 1.2 ในระบบขับถา่ ยในการกาจดั ของเสยี ทางไต
ม.2/4 ๕. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของระบบขบั ถ่าย
ม.2/5 ในการกาจัดของเสยี ทางไต โดยการบอก
แนวทางในการปฏบิ ตั ิตนทชี่ ่วยให้ระบบ
ขับถ่ายทาหน้าท่ีได้อย่างปกติ
3. ระบบหมุนเวียนเลอื ด 6. บรรยายโครงสรา้ งและหน้าทข่ี องหวั ใจ
ว 1.2 หลอดเลือด และเลือด
ม.2/6 7.อธิบายการทางานของระบบหมุนเวยี น
ม.2/7 เลอื ดโดยใชแ้ บบจาลอง
ม.2/8 8. ออกแบบการทดลองและทดลองในการ
ม.2/9 เปรยี บเทยี บอตั ราการเตน้ ของหัวใจขณะปกติ
และหลังทากิจกรรม
9. ตระหนักถึงความสาคัญของระบบ
หมนุ เวียนเลอื ด โดยการบอกแนวทางในการ
ดแู ลรกั ษาอวัยวะในระบบหมุนเวยี นเลือดให้
ทางานเป็นปกติ
4. ระบบประสาท 10. ระบุอวยั วะและบรรยายหน้าทีข่ อง
ว 1.2 อวัยวะในระบบประสาทสว่ นกลางในการ
ม.2/10 ควบคมุ การทางานต่าง ๆ ของร่างกาย
ม.2/11 11. ตระหนักถึงความสาคญั ของระบบ
ประสาท โดยการบอกแนวทางในการดูแล
รกั ษา รวมถงึ การป้องกันการ
กระทบกระเทือนและอนั ตรายต่อสมองและ
ไขสนั หลงั
20
ตารางที่ 3 (ตอ่ ) เร่ืองย่อย ตัวชว้ี ัด
ชื่อหน่วยการเรยี นรู้
5. ระบบสืบพนั ธุ์ 12. ระบอุ วยั วะและบรรยายหน้าที่ของ
ว 1.2 อวยั วะในระบบสบื พันธ์ขุ องเพศชายและเพศ
ม.2/12 หญงิ โดยใช้แบบจาลอง
ม.2/13 13. อธิบายผลของฮอรโ์ มนเพศชายและเพศ
ม.2/14 หญงิ ทค่ี วบคุมการเปลีย่ นแปลงของร่างกาย
ม.2/15 เมอ่ื เข้าสวู่ ยั หนมุ่ สาว
ม.2/16 14. ตระหนกั ถงึ การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
ม.2/17 เมอ่ื เข้าสู่วยั หนุ่มสาว โดยการดูแลรกั ษา
ร่างกายและจิตใจของตนเองในชว่ งที่มกี าร
2. การแยกสารผสม 1. การระเหยแห้ง เปล่ยี นแปลง
(16 ช่วั โมง) 15. อธิบายการตกไข่ การมีประจาเดอื น การ
2. การตกผลกึ ปฏสิ นธิ และการพัฒนาของไซโกต จนคลอด
เปน็ ทารก
3. การกลนั่ 16. เลอื กวิธีการคุมกาเนิดท่เี หมาะสมกับ
สถานการณ์ท่กี าหนด
4. โครมาโทกราฟี 17. ตระหนักถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์
แบบกระดาษ ก่อนวัยอันควร โดยการประพฤตติ นให้
เหมาะสม
ว 2.1
ม.2/1 1. อธบิ ายการแยกสารผสมโดยการระเหย
ม.2/2 แห้ง การตกผลกึ การกลน่ั อย่างงา่ ย
โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกดั ดว้ ยตัว
ทาละลาย โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
2. แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลกึ
การกลั่นอย่างงา่ ย โครมาโทกราฟีแบบ
กระดาษ การสกดั ดว้ ยตัวทาละลาย
21
ตารางที่ 3 (ต่อ)
ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ เร่ืองย่อย ตัวช้วี ดั
5. การสกัดด้วสารละลาย 1. อธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหย
แหง้ การตกผลึก การกลนั่ อย่างง่าย
ว 2.1 โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วยตวั
ม.2/1 ทาละลาย โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์
ม.2/2 2. แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก
ม.2/3 การกล่นั อย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบ
กระดาษ การสกดั ด้วยตัวทาละลาย
3. สารละลาย 1. สารละลาย 3. นาวิธีการแยกสารไปใช้แก้ปัญหาใน
(18 ชั่วโมง) ชีวิตประจาวัน โดยบูรณาการวทิ ยาศาสตร์
ว 2.1 คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี และ
ม.2/4 วิศวกรรมศาสตร์
2. สภาพละลายไดข้ องสาร 4. ออกแบบการทดลองและทดลองในการ
3. ความเข้มข้นของ อธบิ ายผลของชนดิ ตวั ละลาย ชนิด
สารละลาย ตัวทาละลาย อณุ หภูมิทีม่ ีต่อสภาพละลายได้
ของสาร รวมทงั้ อธิบายผลของความดันท่ีมตี ่อ
สภาพละลายได้ของสาร โดยใช้สารสนเทศ
5. ระบุปริมาณตวั ละลายในสารละลายใน
หน่วยความเข้มข้นเป็นรอ้ ยละ ปริมาตรต่อ
ปรมิ าตร มวลตอ่ มวล และมวลต่อปรมิ าตร
ว 2.1 6. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของการนาความรู้
ม.2/5 เรอ่ื งความเขม้ ขน้ ของสารไปใชโ้ ดย
4. การใชส้ ารละลายใน ยกตัวอยา่ งการใช้สารละลายใน
ชีวติ ประจาวัน ชีวิตประจาวนั อย่างถูกตอ้ งและปลอดภัย
ว 2.1
ม.2/6
รวม 3 หน่วย
(60 ชวั่ โมง)
22
การกาหนดเป้าหมายการเรียนรู้.
ตารางที่ 4 วิเคราะหม์ าตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เพื่อกาหนดเป้าหมายการเรียนรู้ วางแผนการ
ออกแบบการจัดกจิ กรรมท้งั ด้านความรู้ ด้านกระบวนการ/ทกั ษะ และด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
กิจกรรม
มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชี้วัด ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ นคุณลักษณะฯ
กระบวนการ/
ทักษะ
มาตรฐาน ว 1.2 ม.2/1 ระบุอวยั วะ 1. อธบิ ายโครงสร้างและ 1.การสืบคน้ 1. ตระหนักถึง
เข้าใจสมบตั ิของ และบรรยายหนา้ ที่ หนา้ ที่ของอวัยวะทเี่ กยี่ วข้อง ข้อมูล ความสาคัญของ
ส่งิ มชี วี ติ หน่วยพนื้ ฐาน ของอวยั วะท่ี ในระบบหายใจได้ 2.การนาเสนอ อวยั วะในระบบ
ของส่งิ มีชวี ติ การ เก่ยี วขอ้ งในระบบ 2. อธิบายการเคลื่อนท่ขี อง ขอ้ มูล หายใจและการดูแล
ลาเลียงสารผ่านเซลล์ หายใจ อากาศเข้าและออกจากปอด 3.กระบวนการ รกั ษาอวัยวะใน
ความสมั พนั ธข์ อง ม.2/2 อธิบายกลไก ได้ ทางานรว่ มกัน ระบบหายใจ
โครงสร้าง และหน้าท่ี การหายใจเขา้ และ 3. อธิบายกลไกการหายใจเข้า เป็นกลุ่ม 2. มีวนิ ยั
ของระบบตา่ ง ๆ ของ ออกโดยใช้ และออกได้ 4.การนาไปใช้ 3. ใฝ่เรียนรู้
สตั ว์และมนษุ ยท์ ่ี แบบจาลอง รวมทั้ง 4. อธบิ ายการแลกเปล่ยี น ในชวี ิตจริง 4. มงุ่ ม่นั ในการ
ทางานสมั พนั ธ์กัน อธบิ ายกระบวนการ แกส๊ บริเวณปอดและบรเิ วณ 5. เขยี นลาดับ ทางาน
ความสมั พนั ธ์ของ แลกเปลยี่ นแก๊ส เซลลข์ องรา่ งกายได้ การเคลื่อนที่
โครงสรา้ ง และหนา้ ท่ี ม.2/3 ตระหนกั ถึง 5. เปรียบเทียบการ ของอากาศผ่าน
ของอวยั วะตา่ ง ๆ ของ ความสาคญั ของ เปลยี่ นแปลงของกระดูกซี่โครง อวัยวะตา่ ง ๆ
พชื ทที่ างานสัมพนั ธ์กนั ระบบหายใจ โดยการ และกะบังลมขณะหายใจเขา้ เขา้ และออก
รวมทัง้ นาความรู้ไปใช้ บอกแนวทางในการ และออกได้ จากปอดได้
ประโยชน์ ดแู ลรักษาอวยั วะใน 6. เปรียบเทยี บการทางานของ 6. จาลองการ
ระบบหายใจให้ ปอดจาลองกับการทางานของ ทางานของปอด
ทางานเป็นปกติ ปอดในร่างกายได้ ในการหายใจ
7. เปรยี บเทียบสัดส่วนของ เข้าและออก
แกส๊ ตา่ ง ๆ ในอากาศท่เี ข้า 7. วดั ความจุ
และออกจากรา่ งกายได้ อากาศของปอด
23
ตารางท่ี 4 (ต่อ)
มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด ด้านความรู้ กจิ กรรม ดา้ นคณุ ลกั ษณะฯ
มาตรฐาน ว 1.2 ม.2/4 ระบุอวยั วะ 1. อธบิ ายโครงสร้างและ ด้าน 1. ตระหนักถงึ
เขา้ ใจสมบัติของ และบรรยายหน้าที่ หนา้ ทข่ี องอวัยวะในระบบ กระบวนการ/ ความสาคัญของไต
ส่งิ มีชวี ติ หนว่ ยพืน้ ฐาน ของอวยั วะในระบบ ขบั ถ่ายได้ และการดูแลรักษา
ของสิ่งมีชีวติ การ ขับถา่ ยในการกาจัด 2. อธบิ ายการทางานของ ทักษะ ไต
ลาเลียงสารผา่ นเซลล์ ของเสยี ทางไต หน่วยไตได้ 2. มีวินัย
ความสมั พนั ธข์ อง ม.2/5 ตระหนกั ถึง 3. เปรียบเทยี บปรมิ าณสาร 1.การสบื ค้น 3. ใฝเ่ รยี นรู้
โครงสร้าง และหน้าท่ี ความสาคญั ของ ต่าง ๆ ในน้าเลือดและในนา้ ขอ้ มลู 4. มงุ่ ม่ันในการ
ของระบบตา่ ง ๆ ของ ระบบขับถา่ ยในการ ปัสสาวะได้ 2.การนาเสนอ ทางาน
สตั ว์และมนษุ ยท์ ่ี กาจดั ของเสียทางไต ขอ้ มลู
ทางานสมั พันธ์กนั โดยการบอกแนวทาง 3.กระบวนการ
ความสัมพันธ์ของ ในการปฏิบัตติ นที่ ทางานรว่ มกนั
โครงสร้าง และหนา้ ท่ี ชว่ ยใหร้ ะบบขับถา่ ย เป็นกลุ่ม
ของอวยั วะตา่ ง ๆ ของ ทาหนา้ ที่ได้อย่าง 4.การนาไปใช้
พืชท่ีทางานสัมพันธ์กัน ปกติ ในชีวิตจรงิ
รวมท้งั นาความรู้ไปใช้ 5.เขยี นขนั้ ตอน
ประโยชน์ การเคล่อื นที่
ของของเสยี
ออกจาก
รา่ งกายในรปู
ปัสสาวะได้
24
ตารางท่ี 4 (ต่อ)
กจิ กรรม
มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ัด ดา้ นความรู้ ด้าน ด้านคุณลักษณะฯ
กระบวนการ/
ทักษะ
มาตรฐาน ว 1.2 ม.2/6 บรรยาย 1. อธบิ ายโครงสร้างและ 1.การสบื ค้น 1. ตระหนักถึง
เข้าใจสมบตั ิของ โครงสร้างและหน้าท่ี หน้าที่ของอวยั วะในระบบ ขอ้ มูล ความสาคัญของ
สงิ่ มีชีวติ หน่วยพื้นฐาน ของหัวใจ หลอด หมนุ เวยี นเลอื ดได้ 2.การนาเสนอ ระบบหมุนเวยี น
ของส่งิ มชี ีวิต การ เลอื ด และเลือด 2. อธบิ ายการหมุนเวยี นเลอื ด ขอ้ มลู เลอื ดและการดูแล
ลาเลียงสารผ่านเซลล์ ม.2/7 อธิบายการ ผา่ นหัวใจได้ 3.กระบวนการ รักษาอวัยวะใน
ความสัมพนั ธ์ของ ทางานของระบบ 3. เปรียบเทียบความแตกต่าง ทางานรว่ มกัน ระบบหมุนเวียน
โครงสร้าง และหนา้ ท่ี หมุนเวยี นเลือดโดย ของหลอดเลอื ดอาร์เทอรี เป็นกลมุ่ เลือด
ของระบบต่าง ๆ ของ ใช้แบบจาลอง หลอดเลอื ดเวน 4.การนาไปใช้ 2. มวี ินัย
สตั วแ์ ละมนษุ ย์ที่ ม.2/8 ออกแบบ และหลอดเลือดฝอยได้ ในชวี ติ จริง 3. ใฝเ่ รยี นรู้
ทางานสมั พนั ธก์ ัน การทดลองและ 4. เปรียบเทยี บความแตกต่าง 5. นับชีพจร 4. มงุ่ มั่นในการ
ความสมั พันธข์ อง ทดลองในการ ของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง เซลล์ บรเิ วณข้อมือ ทางาน
โครงสร้าง และหน้าท่ี เปรียบเทยี บอตั รา เมด็ เลือดขาว 6. จาลองการ
ของอวยั วะต่าง ๆ ของ การเตน้ ของหัวใจ และเพลตเลตได้ ทางานของหวั ใจ
พืชที่ทางานสัมพันธก์ ัน ขณะปกตแิ ละหลังทา 5. เปรียบเทียบความแตกต่าง 7. วัดอตั ราการ
รวมทัง้ นาความรู้ไปใช้ กิจกรรม ระหวา่ งวคั ซีนกับเซรุ่มได้ เตน้ ของหัวใจ
ประโยชน์ ม.2/9 ตระหนกั ถึง 8. สร้าง
ความสาคัญของ แบบจาลองการ
ระบบหมนุ เวียนเลือด หมุนเวยี นเลือด
โดยการบอกแนวทาง ผ่านหัวใจ
ในการดแู ลรักษา
อวยั วะในระบบ
หมุนเวยี นเลอื ดให้
ทางานเป็นปกติ
25
ตารางที่ 4 (ต่อ)
มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั ดา้ นความรู้ กิจกรรม ด้านคณุ ลักษณะฯ
มาตรฐาน ว 1.2 ม.2/10 ระบุอวัยวะ 1. อธบิ ายโครงสรา้ งและ ด้าน 1. ตระหนักถงึ
กระบวนการ/ ความสาคัญของ
เข้าใจสมบตั ิของ และบรรยายหนา้ ที่ หนา้ ที่ของอวัยวะในระบบ ระบบประสาทและ
ทักษะ การดูแลรักษา
สงิ่ มชี วี ติ หน่วยพ้นื ฐาน ของอวัยวะในระบบ ประสาทได้ อวัยวะในระบบ
1.การสืบค้น ประสาท
ของสง่ิ มีชวี ติ การ ประสาทส่วนกลางใน 2. อธบิ ายการทางานของ ขอ้ มลู 2. มวี นิ ัย
2.การนาเสนอ 3. ใฝเ่ รยี นรู้
ลาเลยี งสารผ่านเซลล์ การควบคุมการ ระบบประสาทได้ ขอ้ มลู 4. มงุ่ มัน่ ในการ
3.กระบวนการ ทางาน
ความสัมพันธข์ อง ทางานต่าง ๆ ของ ทางานรว่ มกนั
เปน็ กลมุ่
โครงสรา้ ง และหน้าที่ ร่างกาย 4.การนาไปใช้
ในชวี ติ จริง
ของระบบต่าง ๆ ของ ม.2/11 ตระหนกั ถึง 5.เขยี นการ
ทางานของ
สัตวแ์ ละมนุษยท์ ่ี ความสาคัญของ ระบบประสาท
อย่างเป็นลาดบั
ทางานสัมพนั ธก์ ัน ระบบประสาท โดย ขั้นได้
ความสัมพันธข์ อง การบอกแนวทางใน
โครงสรา้ ง และหน้าท่ี การดแู ลรักษา
ของอวัยวะต่าง ๆ ของ รวมถึงการป้องกัน
พืชทีท่ างานสัมพันธ์กัน การกระทบกระเทือน
รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ และอนั ตรายตอ่
ประโยชน์ สมองและไขสันหลัง
26
ตารางท่ี 4 (ต่อ)
กิจกรรม
มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวัด ด้านความรู้ ด้าน ด้านคุณลักษณะฯ
กระบวนการ/
ทกั ษะ
มาตรฐาน ว 1.2 ม.2/12 ระบอุ วยั วะ 1. อธบิ ายโครงสร้างและ 1.การสบื คน้ 1. ยอมรับการ
เขา้ ใจสมบตั ิของ และบรรยายหนา้ ที่ของ อวยั วะในระบบสืบพนั ธ์ุของ ข้อมูล เปล่ยี นแปลงของ
สง่ิ มชี ีวิต หนว่ ยพ้นื ฐาน อวัยวะในระบบ เพศชายและเพศหญิงได้ 2.การนาเสนอ ร่างกายและจิตใจ
ของสง่ิ มีชีวิต การ สบื พันธ์ขุ องเพศชาย 2. อธิบายการสรา้ งเซลล์ ข้อมลู เมื่อเจริญเขา้ ส่วู ัย
ลาเลียงสารผ่านเซลล์ และเพศหญิงโดยใช้ สบื พนั ธุข์ องเพศชายและเซลล์ 3.กระบวนการ หน่มุ สาว
ความสมั พันธ์ของ แบบจาลอง สืบพันธ์เุ พศหญิง และการเกิด ทางานร่วมกัน 2. ตระหนักถงึ การ
โครงสร้าง และหนา้ ที่ ม.2/13 อธบิ ายผล ประจาเดือนในเพศหญงิ ได้ เปน็ กล่มุ ป้องกันการมี
ของระบบต่าง ๆ ของ ของฮอรโ์ มนเพศชาย 3. อธบิ ายผลของฮอรโ์ มนเพศ 4.การนาไปใช้ เพศสมั พันธ์และการ
สัตวแ์ ละมนษุ ย์ที่ และเพศหญงิ ท่ีควบคุม ตอ่ การเปลี่ยนแปลงของ ในชวี ติ จริง ตัง้ ครรภ์ก่อนวัยอัน
ทางานสัมพนั ธก์ ัน การเปลย่ี นแปลงของ ร่างกายและจิตใจเม่ือเข้าสูว่ ยั 5. แสดง ควร
ความสัมพนั ธ์ของ รา่ งกายเมือ่ เขา้ สวู่ ัย หนุ่มสาวได้ บทบาทสมมุติ 3. มวี ินัย
โครงสรา้ ง และหนา้ ท่ี หน่มุ สาว 4. อธิบายการปฏสิ นธิและ ในการเลือก 4. ใฝ่เรียนรู้
ของอวยั วะตา่ ง ๆ ของ ม.2/14 ตระหนกั ถงึ การตัง้ ครรภไ์ ด้ วธิ กี ารคมุ กาเนดิ 5. มุง่ มน่ั ในการ
พชื ที่ทางานสัมพันธ์กนั การเปลี่ยนแปลงของ 5. อธบิ ายการคุมกาเนดิ วธิ ี ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ทางาน
รวมทัง้ นาความรู้ไปใช้ ร่างกายเมื่อเข้าสวู่ ัย ต่าง ๆ ได้ เหมาะสม
ประโยชน์ หนุม่ สาว โดยการดแู ล 6. เลือกวิธกี ารคุมกาเนดิ ที่
รักษารา่ งกายและจติ ใจ เหมาะสมกับสถานการณ์ตา่ ง
ของตนเองในชว่ งท่มี ี ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง
การเปลย่ี นแปลง
ม.2/15 อธบิ ายการ
ตกไข่ การมี
ประจาเดือน การ
ปฏิสนธิ และการ
พฒั นาของไซโกต จน
คลอดเปน็ ทารก
ม.2/16 เลอื กวิธกี าร
คุมกาเนิดท่เี หมาะสม
กับสถานการณท์ ี่
กาหนด
ม.2/17 ตระหนักถึง
การต้ังครรภก์ ่อนวยั
อันควร
27
การกาหนดชน้ิ งาน/ภาระงาน
ตารางท่ี 5 วิเคราะหค์ วามสัมพนั ธร์ ะหว่างผลการเรียนรู้ เป้าหมายการเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน
กจิ กรรม
ตวั ชว้ี ัด ดา้ นความรู้ ดา้ น ด้าน ชนิ้ งาน/ภาระงาน
กระบวนการ/ คุณลกั ษณะฯ
ม.2/1 ระบอุ วยั วะและ
บรรยายหน้าท่ขี องอวยั วะท่ี ทักษะ
เก่ียวข้องในระบบหายใจ
ม.2/2 อธบิ ายกลไกการ 1. อธิบายโครงสร้าง 1.การสบื ค้น 1. ตระหนักถงึ 1. แผนผงั ความคดิ เรื่อง
หายใจเข้าและออกโดยใช้
แบบจาลอง รวมทั้งอธิบาย และหนา้ ที่ของอวัยวะ ขอ้ มลู ความสาคัญ ระบบหายใจ
กระบวนการแลกเปลยี่ นแก๊ส
ม.2/3 ตระหนกั ถึง ท่เี ก่ียวข้องในระบบ 2.การนาเสนอ ของอวัยวะใน 2.แผน่ พบั เรื่อง สารพิษ
ความสาคัญของระบบหายใจ
โดยการบอกแนวทางในการ หายใจได้ ขอ้ มูล ระบบหายใจ ในบุหร่ีท่สี ง่ ผลต่อระบบ
ดแู ลรักษาอวัยวะในระบบ
หายใจให้ทางานเป็นปกติ 2. อธิบายการ 3กระบวนการ และการดูแล หายใจ หรือเร่อื ง สารพษิ
เคลอื่ นที่ของอากาศ ทางานรว่ มกนั รักษาอวัยวะใน ในอากาศทส่ี ง่ ผล
เข้าและออกจากปอด เปน็ กล่มุ ระบบหายใจ ตอ่ ระบบหายใจ
ได้ 4.การนาไปใช้ 2. มีวินยั 3.ใบงานท่ี 1.1 เรื่อง
3. อธบิ ายกลไกการ ในชีวิตจริง 3. ใฝเ่ รียนรู้ ระบบหายใจ
หายใจเขา้ และออกได้ 5. เขียนลาดับ 4. ม่งุ มั่นใน 4.PowerPoint เร่ือง
4. อธิบายการ การเคล่ือนท่ี การทางาน ระบบหายใจ
แลกเปล่ียนแก๊ส ของอากาศ 5.ภาพยนตรส์ ารคดีสั้น
บริเวณปอดและ ผา่ นอวัยวะ Twig
บริเวณเซลล์ของ ต่าง ๆ เขา้ และ 6.คลิปวดิ ิโอ
ร่างกายได้ ออกจากปอด
5. เปรียบเทยี บการ ได้
เปล่ียนแปลงของ 6. จาลองการ
กระดูกซโี่ ครงและ ทางานของ
กะบังลมขณะหายใจ ปอดในการ
เข้าและออกได้ หายใจเขา้ และ
6. เปรยี บเทียบการ ออก
ทางานของปอดจาลอง 7. วดั ความจุ
กับการทางานของ อากาศของ
ปอดในรา่ งกายได้ ปอด
7. เปรยี บเทยี บ
สัดส่วนของแกส๊ ต่าง
ๆ ในอากาศทเ่ี ขา้ และ
ออกจากร่างกายได้
28
ตารางที่ 5 (ตอ่ )
กิจกรรม
ตัวช้วี ดั ด้านความรู้ ดา้ น ด้าน ช้ินงาน/ภาระงาน
กระบวนการ/ คณุ ลกั ษณะฯ
ทกั ษะ
ม.2/4 ระบอุ วยั วะและ 1. อธบิ ายโครงสรา้ ง 1.การสบื ค้น 1. ตระหนัก 1.แผนผงั ความคิด เรอ่ื ง
บรรยายหนา้ ที่ของอวยั วะใน และหนา้ ท่ีของอวัยวะ ข้อมูล ถงึ ระบบขับถ่าย
ระบบขบั ถ่ายในการกาจดั ของ ในระบบขับถา่ ยได้ 2.การนาเสนอ ความสาคัญ 2. ใบงานที่ 1.2 เรื่อง
เสียทางไต 2. อธิบายการทางาน ข้อมลู ของไตและ ระบบขับถ่าย
ม.2/5 ตระหนักถึง ของหน่วยไตได้ 3.กระบวนการ การดูแลรักษา 3.PowerPoint เร่ือง
ความสาคญั ของระบบขบั ถ่าย 3. เปรียบเทยี บ ทางานรว่ มกนั ไต ระบบขับถ่าย
ในการกาจดั ของเสยี ทางไต โดย ปริมาณสารต่าง ๆ ใน เปน็ กล่มุ 2. มวี นิ ยั 4.ภาพยนตรส์ ารคดสี ั้น
การบอกแนวทางในการปฏบิ ัติ น้าเลอื ดและในน้า 4.การนาไปใช้ 3. ใฝเ่ รียนรู้ Twig
ตนที่ชว่ ยให้ระบบขับถา่ ยทา ปสั สาวะได้ ในชีวติ จรงิ 4. มงุ่ ม่นั ใน 6.รายงาน เรอื่ งไตเทยี ม
หน้าที่ได้อย่างปกติ 5.เขียนข้ันตอน การทางาน
การเคล่อื นท่ี
ของของเสีย
ออกจาก
ร่างกายในรูป
ปัสสาวะได้
29
ตารางท่ี 5 (ต่อ)
กิจกรรม
ตวั ช้วี ัด ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น ชน้ิ งาน/ภาระงาน
กระบวนการ/ คณุ ลักษณะฯ
ทกั ษะ
ม.2/6 บรรยายโครงสรา้ งและ 1. อธบิ ายโครงสรา้ ง 1.การสบื ค้น 1. ตระหนัก 1.แผนผังความคิด เร่ือง
หน้าท่ีของหวั ใจ หลอดเลือด และหน้าทขี่ องอวัยวะ ขอ้ มูล ถึง ระบบหมนุ เวยี นเลอื ด
และเลือด ในระบบหมนุ เวยี น 2.การนาเสนอ ความสาคัญ 2.แบบจาลองระบบ
ม.2/7 อธิบายการทางานของ เลอื ดได้ ขอ้ มลู ของระบบ หมนุ เวียน
ระบบหมุนเวยี นเลือดโดยใช้ 2. อธบิ ายการ 3.กระบวนการ หมุนเวยี น 3.รายงาน เรือ่ งระบบ
แบบจาลอง หมุนเวยี นเลือดผ่าน ทางานรว่ มกัน เลอื ดและการ หมุนเวียนเลอื ดของสตั ว์
ม.2/8 ออกแบบการทดลอง หวั ใจได้ เป็นกลมุ่ ดูแลรักษา 4.ใบงานที่ 1.3 เรื่อง
และทดลองในการเปรยี บเทียบ 3. เปรยี บเทยี บความ 4.การนาไปใช้ อวัยวะใน หัวใจและหลอดเลือด
อตั ราการเต้นของหวั ใจขณะ แตกต่างของหลอด ในชวี ิตจริง ระบบ 5.ใบงานท่ี 1.4 เร่ือง
ปกติและหลงั ทากิจกรรม เลอื ดอาร์เทอรี หลอด 5. นบั ชพี จร หมุนเวยี น เลอื ด
ม.2/9 ตระหนักถึง เลอื ดเวน บริเวณข้อมือ เลือด 6. PowerPoint เร่ือง
ความสาคัญของระบบ และหลอดเลือดฝอย 6. จาลองการ 2. มีวนิ ัย ระบบหมุนเวยี นเลือด
หมนุ เวยี นเลือด โดยการบอก ได้ ทางานของ 3. ใฝ่เรยี นรู้
แนวทางในการดแู ลรักษา 4. เปรยี บเทยี บความ หัวใจ 4. มงุ่ มั่นใน
อวัยวะในระบบหมนุ เวยี นเลอื ด แตกต่างของเซลล์เมด็ 7. วัดอตั ราการ การทางาน
ใหท้ างานเปน็ ปกติ เลอื ดแดง เซลลเ์ ม็ด เตน้ ของหวั ใจ
เลอื ดขาว 8. สร้าง
และเพลตเลตได้ แบบจาลองการ
5. เปรียบเทยี บความ หมุนเวียนเลอื ด
แตกต่างระหวา่ ง ผ่านหัวใจ
วคั ซีนกับเซร่มุ ได้
30
ตารางที่ 5 (ต่อ)
ตัวชีว้ ดั กิจกรรม ดา้ น ชิ้นงาน/ภาระงาน
คุณลกั ษณะฯ
ม.2/10 ระบุอวยั วะและ ด้าน 1.แผนผงั ความคดิ เร่ือง
บรรยายหนา้ ทข่ี องอวยั วะใน ด้านความรู้ กระบวนการ/ 1. ตระหนัก ระบบประสาท
ระบบประสาทส่วนกลางในการ ถงึ 2.ใบงานท่ี 1.5 เร่ือง
ควบคมุ การทางานต่าง ๆ ของ ทักษะ ความสาคัญ ระบบประสาท
ร่างกาย ของระบบ 3.PowerPoint เรื่อง
ม.2/11 ตระหนกั ถึง 1. อธบิ ายโครงสร้าง 1.การสืบค้น ประสาทและ ระบบประสาท
ความสาคัญของระบบประสาท และหนา้ ที่ของอวยั วะ ขอ้ มูล การดูแลรักษา 4.ภาพยนตรส์ ารคดสี ั้น
โดยการบอกแนวทางในการ ในระบบประสาทได้ 2.การนาเสนอ อวยั วะใน Twig
ดแู ลรักษา รวมถงึ การป้องกนั 2. อธิบายการทางาน ข้อมูล ระบบ
การกระทบกระเทือนและ ของระบบประสาทได้ 3.กระบวนการ ประสาท
อันตรายต่อสมองและไขสนั หลงั 2. มีวนิ ยั
ทางานร่วมกัน 3. ใฝเ่ รยี นรู้
เป็นกลมุ่ 4. มุ่งม่นั ใน
4.การนาไปใช้ การทางาน
ในชีวิตจรงิ
5.เขียนการ
ทางานของ
ระบบประสาท
อย่างเปน็ ลาดบั
ข้ันได้
31
ตารางท่ี 5 (ต่อ)
กจิ กรรม
ตัวชว้ี ัด ด้านความรู้ ดา้ น ด้าน ชน้ิ งาน/ภาระงาน
กระบวนการ/ คณุ ลักษณะฯ
1.แผนผังความคดิ เรื่อง
ทกั ษะ 1. ยอมรับ อวัยวะรับสัมผัสของ
การ มนษุ ย์
ม.2/12 ระบอุ วยั วะและบรรยาย 1. อธบิ ายโครงสรา้ ง 1.การสืบค้น เปลย่ี นแปลง 2.แผนผงั ความคิด เร่อื ง
ของรา่ งกาย ระบบสบื พนั ธุ์
หนา้ ท่ีของอวยั วะในระบบสืบพันธุ์ และอวยั วะในระบบ ข้อมูล และจิตใจเมื่อ 3.แผน่ พบั เรื่องการ
เจริญเข้าสวู่ ยั ตงั้ ครรภก์ อ่ นวัยอนั ควร
ของเพศชายและเพศหญิงโดยใช้ สบื พันธุข์ องเพศชาย 2.การนาเสนอ หนุ่มสาว 4.รายงาน เร่ือง การ
2. ตระหนัก เปล่ยี นแปลงของร่างกาย
แบบจาลอง และเพศหญิงได้ ข้อมูล ถงึ การป้องกัน เข้าสวู่ ยั หนุ่มสาว
การมี 5.ใบงานที่ 1.6 เรื่อง
ม.2/13 อธบิ ายผลของฮอร์โมน 2. อธบิ ายการสร้าง 3.กระบวนการ เพศสมั พนั ธ์ ระบบสืบพนั ธเุ์ พศชาย
และการ 6.ใบงานที่ 1.7 เร่ือง
เพศชายและเพศหญงิ ท่ีควบคมุ เซลลส์ ืบพันธุข์ องเพศ ทางานรว่ มกนั ต้งั ครรภก์ ่อน ระบบสืบพนั ธ์ุเพศหญิง
วัยอันควร 7.ใบงานท่ี 1.8 เรื่อง การ
การเปลย่ี นแปลงของร่างกายเม่อื ชายและเซลลส์ บื พนั ธ์ุ เปน็ กลุ่ม 3. มวี นิ ัย ปฏิสนธิและการตั้งครรภ์
4. ใฝ่เรยี นรู้ 8. PowerPoint เรื่อง
เข้าสูว่ ยั หนุ่มสาว เพศหญิง และการ 4.การนาไปใช้ 5. ม่งุ มัน่ ใน ระบบสืบพนั ธ์ุ
การทางาน
ม.2/14 ตระหนกั ถึงการ เกดิ ประจาเดอื นใน ในชวี ิตจริง
เปลี่ยนแปลงของรา่ งกายเมือ่ เข้าสู่ เพศหญิงได้ 5. แสดง
วยั หนมุ่ สาว โดยการดูแลรักษา 3. อธิบายผลของ บทบาทสมมุติ
ร่างกายและจติ ใจของตนเอง ฮอร์โมนเพศต่อการ ในการเลอื ก
ในช่วงที่มกี ารเปล่ียนแปลง เปลีย่ นแปลงของ วิธกี าร
ม.2/15 อธิบายการตกไข่ การมี ร่างกายและจิตใจเม่ือ คุมกาเนิดได้
ประจาเดอื น การปฏิสนธิ และการ เขา้ สูว่ ยั หน่มุ สาวได้ อย่างถูกต้อง
พฒั นาของไซโกต จนคลอดเปน็ 4. อธบิ ายการ เหมาะสม
ทารก ปฏิสนธิและการ
ม.2/16 เลอื กวิธีการคุมกาเนิดที่ ต้งั ครรภไ์ ด้
เหมาะสมกับสถานการณ์ที่กาหนด 5. อธิบายการ
ม.2/17 ตระหนกั ถึง คุมกาเนิดวิธีตา่ ง ๆ
การต้งั ครรภ์กอ่ นวัยอันควร ได้
6. เลอื กวิธกี าร
คมุ กาเนิดทเ่ี หมาะสม
กบั สถานการณ์ตา่ ง ๆ
ได้ถูกตอ้ ง
32
เรอ่ื ง การกาหนดกิจกรรมการเรยี นรู้
ตารางท่ี 6 วเิ คราะห์ความสัมพันธร์ ะหว่างตัวชี้วัด การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ชน้ิ งาน/ภาระงาน
ตวั ชีว้ ัด กจิ กรรมการเรียนรู้ ช้ินงาน/ภาระงาน
ม.2/1ระบอุ วัยวะและบรรยาย เทคนิคการสอนแบบ 5Es 1.แผนผังความคิด
หน้าท่ขี องอวยั วะทีเ่ ก่ยี วข้องในระบบ ขน้ั สร้างความสนใจ 2.รายงาน
หายใจ 1. ใช้คาถามกระตนุ้ ความสนใจของนักเรียนวา่ 3.แบบจาลอง ระบบต่าง ๆใน
ม.2/2อธิบายกลไกการหายใจเขา้ นักเรยี นรูจ้ ักระบบของรา่ งกายระบบใดบ้าง รา่ งกายมนุษย์
และออกโดยใช้แบบจาลอง รวมทั้ง และระบบที่ร้จู ักมีความสาคัญอย่างไร 4. PowerPoint
อธิบายกระบวนการแลกเปลยี่ นแก๊ส (แนวตอบ ปลายเปดิ ) 5.แผน่ พบั
ม.2/3ตระหนกั ถึงความสาคญั ของ 2. ถามคาถาม Prior Knowledge จากหนงั สือ 6.คลปิ วดิ โี อ
ระบบหายใจ โดยการบอกแนวทาง เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 สสวท. 7.ใบงาน
ในการดูแลรกั ษาอวยั วะในระบบ เพื่อทบทวนความรเู้ ดิมของนักเรียนวา่ มนุษย์
หายใจใหท้ างานเปน็ ปกติ หายใจเขา้ และออกผา่ นทางอวยั วะใด
ม.2/4ระบอุ วัยวะและบรรยาย (แนวตอบ จมูกและปาก)
หนา้ ท่ีของอวัยวะในระบบขบั ถา่ ยใน ข้ันสารวจและค้นหา
การกาจดั ของเสยี ทางไต 3. ครเู กริน่ ให้นักเรียนฟังว่า ระบบหายใจเปน็
ม.2/5ตระหนักถึงความสาคัญของ ระบบแลกเปลยี่ นแกส๊ ของร่างกายกบั
ระบบขบั ถ่ายในการกาจดั ของเสีย สงิ่ แวดล้อม โดยแกส๊ ออกซเิ จนจากสงิ่ แวดลอ้ ม
ทางไต โดยการบอกแนวทางในการ เข้าส่รู า่ งกายและถูกนาไปใช้สลายสารอาหาร
ปฏบิ ัตติ นทชี่ ว่ ยใหร้ ะบบขบั ถ่ายทา ภายในเซลล์เพ่อื สรา้ งพลังงาน ซงึ่ ไดแ้ ก๊ส
หนา้ ทีไ่ ด้อย่างปกติ คาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นผลิตภณั ฑท์ จ่ี ะ
ม.2/6 บรรยายโครงสร้างและ ถกู นาไปกาจดั ออกทางการหายใจออก ระบบ
หน้าท่ีของหวั ใจ หลอดเลอื ด และ หายใจ มปี อดเป็นอวยั วะสาคญั ในการ
เลอื ด แลกเปลี่ยนแกส๊
ม.2/7อธบิ ายการทางานของระบบ 4. นักเรียนศึกษาโครงสร้างและหน้าทขี่ อง
หมุนเวยี นเลอื ดโดยใช้แบบจาลอง อวัยวะในระบบหายใจ ประกอบด้วยจมกู ท่อ
ม.2/8ออกแบบการทดลองและ ลม ปอด และอวยั วะที่ทาหนา้ ทีเ่ ก่ียวกบั การ
ทดลองในการเปรยี บเทียบอัตราการ หายใจ ไดแ้ ก่ กะบังลมและกระดูกซ่โี ครง โดย
เตน้ ของหัวใจขณะปกติและหลังทา ใช้แบบจาลองอวยั วะในระบบหายใจ หรือภาพ
กิจกรรม จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 สสวท.
ม.2/9 ตระหนักถงึ ความสาคัญของ ขั้นอธิบาย
ระบบหมนุ เวยี นเลอื ด โดยการบอก 5.นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกับ
แนวทางในการดูแลรักษาอวยั วะใน โครงสร้างและหน้าท่ีของอวยั วะในระบบหายใจ
ระบบหมุนเวยี นเลอื ดให้ทางานเป็น เพื่อให้ได้ขอ้ สรปุ ดงั น้ี
ปกติ
33
เรอื่ ง การกาหนดกิจกรรมการเรยี นรู้
ตารางท่ี 6 (ต่อ)
ตัวชี้วัด กิจกรรมการเรยี นรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน
ม.2/10 ระบอุ วยั วะและบรรยายหนา้ ท่ี ระบบหายใจประกอบดว้ ยจมูกซึ่งภายใน
ของอวัยวะในระบบประสาทส่วนกลางใน มีขนทาหน้าทีก่ รองฝนุ่ ละออง เชื้อโรค
การควบคุม การทางานต่าง ๆ ของร่างกาย
ม.2/11 ตระหนักถึงความสาคัญของ และส่งิ แปลกปลอมไมใ่ ห้เขา้ สู่ทางเดนิ
ระบบประสาท โดยการบอกแนวทางในการ หายใจ ท่อลมเป็นทอ่ กลวง
ดูแลรักษา รวมถงึ การป้องกนั การ ประกอบดว้ ยกระดกู ออ่ นรูปเกือกมา้ ช่วย
กระทบกระเทอื นและอนั ตรายต่อสมองและ ปอ้ งกนั การแฟบหรอื ยบุ ตัวขณะหายใจ
เข้าและออก ท่อลมเปน็ ทางผ่านของ
ไขสันหลงั
ม.2/12 ระบุอวยั วะและบรรยายหนา้ ที่ อากาศเขา้ สูป่ อดและชว่ ยดกั จับฝุ่น
ของอวยั วะในระบบสบื พนั ธ์ุของเพศชาย ละออง เชือ้ โรค และส่ิงแปลกปลอม
และเพศหญิง โดยใช้แบบจาลอง
ม.2/13 อธิบายผลของฮอร์โมนเพศชาย ไม่ใหเ้ ขา้ สูป่ อด ปอดประกอบด้วยถงุ ลม
และเพศหญิงท่ีควบคุมการเปลย่ี นแปลงของ จานวนมาก ซ่งึ จะมกี ารแลกเปลี่ยนแก๊ส
ร่างกาย เมื่อเขา้ สวู่ ยั หนุ่มสาว ระหวา่ งถุงลมกับหลอดเลือดฝอย และ
ม.2/14 ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของ อวัยวะท่ีเกย่ี วข้องกบั ระบบหายใจ ได้แก่
ร่างกายเม่ือเขา้ ส่วู ัยหนุ่มสาว โดยการดแู ล กะบงั ลมทาหนา้ ท่ีร้ังหรอื ดันปอดในขณะ
รกั ษารา่ งกายและจติ ใจของตนเองในช่วงท่มี ี หายใจเข้าและออก และกระดกู ซี่โครง
การเปลี่ยนแปลง
ม.2/15 อธบิ ายการตกไข่ การมี ทาหนา้ ทร่ี ่วมกับกล้ามเน้ือยึดกระดูก
ประจาเดือน การปฏิสนธิ และการพฒั นา ซ่โี ครงในการเปล่ียนแปลงปริมาตรของ
ของไซโกต จนคลอดเป็นทารก ช่องอกระหวา่ งการหายใจเข้าและออก
ม.2/16 เลอื กวธิ ีการคุมกาเนดิ ที่ ข้ันขยายความรู้
เหมาะสมกบั สถานการณท์ ี่กาหนด
ม.2/17 ตระหนกั ถงึ ผลกระทบของการ 6. ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 5
ตง้ั ครรภก์ อ่ นวยั อนั ควร โดยการประพฤติตน คน สบื ค้นข้อมูล เรอื่ ง สารพิษในบุหร่ีท่ี
ใหเ้ หมาะสม
ส่งผลต่อระบบหายใจ หรือเร่ือง สารพิษ
ในอากาศท่สี ่งผลต่อระบบหายใจ โดยทา
เป็นแผ่นพับสง่ ครูผ้สู อนและแจก
นักเรียนในโรงเรยี น กลมุ่ ละ 50 ชุด
ตารางท่ี 6 (ตอ่ ) เร่อื ง การกาหนดกิจกรรมการเรียนรู้ 34
ตัวชีว้ ัด ชิน้ งาน/ภาระงาน
กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้นั ประเมนิ
7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรปุ
เนือ้ หาสาระ โดยนกั เรยี นตอบคาถาม
ของครู ตามการเรียงลาดบั เน้ือหา
8. ครใู หข้ ้อสรุปเพิ่มเตมิ ในสว่ นทย่ี งั มา
สมบูรณ์
9.ครูมอบหมายงานเพื่อเป็นการนา
ความรไู้ ปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวัน
เช่น / STEM / บรู ณาการ
35
เรอ่ื ง การออกแบบหน่วยการเรียนรู้
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1
เร่อื งระบบต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 เวลา 20 ชั่วโมง
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสงิ่ มีชีวิต หน่วยพืน้ ฐานของสิง่ มชี วี ิต การลาเลยี งสารผ่านเซลล์
ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหนา้ ท่ีของระบบต่าง ๆ ของสตั ว์และมนุษย์ท่ีทางานสมั พนั ธก์ ัน
ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวยั วะตา่ ง ๆ ของพืชท่ีทางานสัมพนั ธ์กัน รวมทัง้ นาความรู้
ไปใชป้ ระโยชน์
2. ตวั ช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้
ม.2/1 ระบุอวยั วะและบรรยายหน้าทีข่ องอวัยวะทเี่ กย่ี วข้องในระบบหายใจ
ม.2/2 อธบิ ายกลไกการหายใจเข้าและออกโดยใช้แบบจาลอง รวมทั้งอธิบายกระบวนการ
แลกเปลยี่ นแก๊ส
ม.2/3 ตระหนกั ถึงความสาคัญของระบบหายใจ โดยการบอกแนวทางในการดแู ลรักษา
อวัยวะในระบบหายใจใหท้ างานเปน็ ปกติ
ม.2/4 ระบุอวยั วะและบรรยายหนา้ ท่ีของอวยั วะในระบบขับถา่ ยในการกาจัดของเสียทางไต
ม.2/5 ตระหนกั ถึงความสาคญั ของระบบขับถา่ ยในการกาจัดของเสยี ทางไต โดยการบอก
แนวทางในการปฏบิ ัติตนทชี่ ่วยให้ระบบขบั ถ่ายทาหนา้ ทีไ่ ด้อยา่ งปกติ
ม.2/6 บรรยายโครงสร้างและหน้าท่ีของหวั ใจ หลอดเลือด และเลือด
ม.2/7 อธิบายการทางานของระบบหมนุ เวยี นเลือดโดยใช้แบบจาลอง
ม.2/8 ออกแบบการทดลองและทดลองในการเปรยี บเทยี บอตั ราการเตน้ ของหวั ใจขณะปกติ
และหลงั ทากิจกรรม
ม.2/9 ตระหนักถึงความสาคัญของระบบหมนุ เวยี นเลอื ด โดยการบอกแนวทางในการดแู ล
รกั ษาอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือดให้ทางานเปน็ ปกติ
ม.2/10 ระบอุ วัยวะและบรรยายหนา้ ท่ีของอวยั วะในระบบประสาทส่วนกลางในการควบคุม
การทางานต่าง ๆ ของรา่ งกาย
ม.2/11 ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของระบบประสาท โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษา
รวมถงึ การป้องกนั การกระทบกระเทือนและอนั ตรายต่อสมองและไขสนั หลงั
ม.2/12 ระบุอวยั วะและบรรยายหนา้ ที่ของอวยั วะในระบบสบื พันธุ์ของเพศชายและเพศหญงิ
โดยใช้แบบจาลอง
ม.2/13 อธิบายผลของฮอรโ์ มนเพศชายและเพศหญิงทค่ี วบคุมการเปลย่ี นแปลงของร่างกาย
เม่ือเข้าสู่วยั หนุม่ สาว
ม.2/14 ตระหนกั ถงึ การเปลี่ยนแปลงของร่างกายเม่ือเขา้ สู่วยั หนุม่ สาว โดยการดแู ลรักษา
รา่ งกายและจิตใจของตนเองในช่วงที่มกี ารเปล่ียนแปลง
ม.2/15 อธิบายการตกไข่ การมปี ระจาเดอื น การปฏสิ นธิ และการพัฒนาของไซโกต จนคลอด
เปน็ ทารก
ม.2/16 เลือกวธิ กี ารคุมกาเนิดทเี่ หมาะสมกับสถานการณ์ทก่ี าหนด
36
ม.2/17 ตระหนักถึงผลกระทบของการตั้งครรภก์ อ่ นวัยอนั ควร โดยการประพฤติตน
ให้เหมาะสม
3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
ระบบหายใจมีอวัยวะท่เี ป็นทางเดนิ ของอากาศ ได้แก่ จมูก ทอ่ ลม และปอด และมีอวยั วะ
ท่เี กย่ี วข้อง ได้แก่ กะบังลมและกระดกู ซี่โครง โดยอากาศเคลือ่ นทเ่ี ขา้ และออกจากปอดเปน็ ผลจากการ
เปลย่ี นแปลงปริมาตรและความดนั ภายในช่องอกซ่ึงเก่ียวกับการทางานของกะบังลมและกระดกู ซี่โครง
เม่ือมนุษยห์ ายใจนาอากาศเข้าสรู่ ่างกาย อากาศเดินทางผ่านจมูก ท่อลม และเขา้ สู่ปอดซึ่งเปน็ บรเิ วณท่ี
เกดิ การแลกเปลีย่ นแก๊สออกซิเจนกบั แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ โดยแกส๊ ออกซเิ จนแพร่จากถงุ ลมเขา้ สู่
หลอดเลือดฝอย สว่ น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์แพร่จากหลอดเลอื ดฝอยเข้าสู่ถุงลมเพือ่ กาจัดออกจาก
ร่างกายผ่านการหายใจออก แกส๊ ออกซิเจนท่ีแพร่เขา้ สูห่ ลอดเลือดฝอยถกู ลาเลียงไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ
ของร่างกายและเกิดการแลกเปล่ยี นแกส๊ ข้ึน โดยแก๊สออกซิเจนจากหลอดเลือดฝอยแพรเ่ ข้าสเู่ น้อื เยื่อ
สว่ นแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์แพรจ่ ากเน้ือเย่ือเข้าสูห่ ลอดเลอื ดฝอยเพือ่ ลาเลียงไปยังปอดและกาจดั ออก
จากรา่ งกาย ซึ่งการสบู บุหรี่และการสูดอากาศทม่ี ีสารปนเป้ือนอาจเป็นสาเหตขุ องโรคระบบทางเดิน
หายใจ เช่น โรคถงุ ลมโป่งพอง ดังนน้ั จึงควรดแู ลรกั ษาอวัยวะในระบบหายใจให้ทางานอยา่ งปกติ
ระบบขบั ถา่ ยมีอวัยวะทเี่ ก่ียวขอ้ ง ได้แก่ ไต ท่อไต กระเพาะปสั สาวะ และท่อปัสสาวะ ภายใน
ไต มีหน่วยไตทาหนา้ ที่กาจัดของเสียต่าง ๆ ออกจากเลือด และดดู สารทม่ี ปี ระโยชนก์ ลบั เข้าสู่เลอื ด
ของเหลวท่ผี า่ นการทางานของหน่วยไตจะไหลผา่ นทอ่ ไตไปเก็บในกระเพาะปสั สาวะเพ่ือกาจดั ออกจาก
ร่างกายผ่าน ท่อปสั สาวะ ซ่ึงการเลอื กรับประทานอาหารที่ไม่มรี สจัดและการด่มื นา้ อย่างเพยี งพอเป็น
แนวทางในการดูแลรักษาอวยั วะในระบบขบั ถา่ ยใหท้ างานอย่างปกติ
ระบบหมุนเวยี นเลอื ดประกอบด้วยหวั ใจ แบ่งออกเปน็ 4 ห้อง ไดแ้ ก่ ห้องบน 2 หอ้ ง และหอ้ ง
ล่าง 2 ห้อง มลี ิน้ หวั ใจก้ันระหวา่ งหอ้ งบนและห้องล่าง หัวใจทาหนา้ ท่ีสบู ฉีดเลือดไปยงั อวัยวะตา่ ง ๆ
หลอดเลอื ดแบ่งออกเปน็ หลอดเลอื ดอาร์เทอรีทาหนา้ ท่ลี าเลียงเลอื ดทีม่ ีแก๊สออกซิเจนสงู ไปยังเซลล์
(ยกเว้นหลอดเลือดอารเ์ ทอรีจากหัวใจไปยงั ปอด) หลอดเลือดเวนทาหนา้ ท่ีลาเลยี งเลอื ดที่มีแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์สูงจากเซลล์กลบั สหู่ ัวใจ (ยกเว้นหลอดเลือดเวนจากปอดกลบั มายังหัวใจ) และหลอด
เลือดฝอยทาหน้าทีแ่ ลกเปลีย่ นแกส๊ และสารอาหาร และเลือดประกอบดว้ ยเซลลเ์ มด็ เลือดแดงทาหนา้ ท่ี
ลาเลยี งแก๊สออกซิเจนไปหล่อเลีย้ งเซลล์ เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวทาหน้าทกี่ าจัดเช้อื โรคและส่งิ แปลกปลอม
และเพลตเลตทาหน้าที่ ช่วยการแขง็ ตัวของเลือด ระบบหมุนเวียนเลือดมีการหมนุ เวียนอยา่ งเปน็ ระบบ
โดยเลอื ดท่มี แี กส๊ ออกซิเจนต่า แตแ่ กส๊ คารบ์ อนไดออกไซดส์ ูงเขา้ สหู่ ัวใจห้องบนขวาและผ่านลงสหู่ วั ใจ
หอ้ งล่างขวา แล้วลาเลยี งไปยังปอดเพื่อแลกเปล่ียนแกส๊ กลายเปน็ เลอื ดที่มแี ก๊สออกซเิ จนสงู แตม่ ีแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์ต่า กลับเข้าสหู่ วั ใจห้องบนซ้ายและผ่านลงสหู่ ัวใจห้องลา่ งซ้ายเพอื่ นาเลอื ดที่มีแกส๊
ออกซิเจนสงู ไปยังเซลลต์ า่ ง ๆ โดยการออกกาลังกาย การเลือกรับประทานอาหาร และการรกั ษาสภาวะ
ทางอารมณช์ ่วยให้ระบบหมนุ เวียนเลือดทางานปกติ
ระบบประสาทประกอบด้วยสมองทาหนา้ ทคี่ วบคุมการทางานของร่างกาย ไขสันหลังทาหนา้ ท่ี
สง่ ผา่ นกระแสประสาท และเสน้ ประสาททาหนา้ ที่รบั สง่ กระแสประสาท ซ่ึงมเี ซลลป์ ระสาทอยูจ่ านวน
มาก การทางานของระบบประสาทเกิดจากการส่งกระแสประสาทจากอวยั วะรบั ความรู้สึกไปยังไขสนั
หลงั และ สง่ ตอ่ ไปยงั สมอง จากน้นั สมองส่งกระแสประสาทผา่ นไขสันหลงั ไปยังหน่วยปฏิบัติการต่าง ๆ
ระบบประสาทเกี่ยวข้องกับการทางานของทุกระบบจึงควรป้องกนั การกระทบกระเทือนของสมอง
37
และไขสันหลงั หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพตดิ และภาวะเครียด เพอื่ ดูแลรักษาระบบประสาทให้ทางาน
อยา่ งเป็นปกติ
ระบบสบื พันธุแ์ บง่ ออกเปน็ ระบบสบื พันธุ์เพศชาย มีการสร้างเซลลอ์ สุจจิ ากอณั ฑะซง่ึ ทาหน้าท่ี
เป็นเซลลส์ ืบพนั ธเ์ พศชาย ถูกควบคุมโดยฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน และระบบสืบพันธ์ุเพศหญงิ มกี าร
สร้างเซลลไ์ ขจ่ ากรังไขซ่ ึง่ ทาหนา้ ท่เี ปน็ เซลล์สบื พนั ธ์เุ พศหญิง ถกู ควบคุมโดยฮอรโ์ มนโพรเจสเทอโรน
และฮีสโตรเจน เพศหญิงในวัยเจรญิ พันธ์ุมกี ารตกไข่ เดอื นละ 1 เซลล์ และหากเซลลไ์ ข่ไม่ไดร้ บั การ
ปฏิสนธิจากเซลลอ์ สจุ ิจะกลายประจาเดอื น แต่หากเซลล์ไข่ไดร้ ับการปฏสิ นธิจากอสุจจิ ะแบ่งเซลลเ์ ปน็ ไซ
โกต เอม็ บรโิ อ และเจรญิ เป็นทารกในครรภ์ ซ่ึงอยูใ่ นครรภป์ ระมาณ 9 เดือน อยา่ งไรก็ตาม มวี ธิ ีการ
คมุ กาเนิดหากไม่พร้อมสาหรับการมีบตุ ร เช่น การคุมกาเนิดโดยวิธที างธรรมชาติ การใช้อุปกรณ์ การใช้
สารเคมี การทาหมัน
4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.1 ด้านความรู้ (K)
4.1.1. อธิบายโครงสรา้ งและหน้าทข่ี องอวัยวะที่เกยี่ วข้องในระบบหายใจได้
4.1.2. อธบิ ายการเคล่ือนที่ของอากาศเขา้ และออกจากปอดได้
4.1.3. อธิบายกลไกการหายใจเข้าและออกได้
4.1.4. อธิบายการแลกเปลี่ยนแกส๊ บรเิ วณปอดและบริเวณเซลล์ของร่างกายได้
4.1.5. เปรียบเทยี บการเปล่ียนแปลงของกระดูกซโ่ี ครงและกะบังลมขณะหายใจเขา้ และออกได้
4.1.6. เปรียบเทยี บการทางานของปอดจาลองกับการทางานของปอดในร่างกายได้
4.1.7. เปรียบเทยี บสดั สว่ นของแกส๊ ต่าง ๆ ในอากาศท่ีเข้าและออกจากรา่ งกายได้
4.1.8 อธบิ ายโครงสรา้ งและหน้าท่ขี องอวยั วะในระบบขับถา่ ยได้
4.1.9 อธบิ ายการทางานของหนว่ ยไตได้
4.1.10 เปรยี บเทยี บปรมิ าณสารต่าง ๆ ในนา้ เลอื ดและในน้าปสั สาวะได้
4.1.11 อธิบายโครงสร้างและหน้าทข่ี องอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือดได้
4.1.12 อธิบายการหมนุ เวียนเลอื ดผา่ นหัวใจได้
4.1.13 เปรยี บเทียบความแตกต่างของหลอดเลือดอารเ์ ทอรี หลอดเลือดเวน
และหลอดเลือดฝอยได้
4.1.14. เปรยี บเทียบความแตกต่างของเซลลเ์ มด็ เลือดแดง เซลล์เมด็ เลือดขาว
และเพลตเลตได้
4.1.15. เปรียบเทยี บความแตกต่างระหว่างวคั ซีนกับเซรุ่มได้
4.1.16 อธบิ ายโครงสร้างและหนา้ ท่ขี องอวยั วะในระบบประสาทได้
4.1.17 อธิบายการทางานของระบบประสาทได้
4.1.18 อธิบายโครงสรา้ งและอวยั วะในระบบสบื พันธขุ์ องเพศชายและเพศหญงิ ได้
4.1.19 อธิบายการสรา้ งเซลล์สบื พนั ธุข์ องเพศชายและเซลลส์ บื พันธเ์ุ พศหญิง และการเกิด
ประจาเดือนในเพศหญิงได้
4.1.20 อธิบายผลของฮอรโ์ มนเพศต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจเม่ือเข้าสู่วัยหนมุ่
สาวได้
4.1.21 อธิบายการปฏสิ นธแิ ละการต้ังครรภไ์ ด้
38
4.1.22 อธิบายการคุมกาเนิดวธิ ตี ่าง ๆ ได้
4.1.23 เลอื กวธิ ีการคมุ กาเนิดทเ่ี หมาะสมกับสถานการณต์ ่าง ๆ ไดถ้ ูกต้อง
4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
4.2.1 เขยี นลาดบั การเคล่ือนทข่ี องอากาศผา่ นอวยั วะต่าง ๆ เข้าและออกจากปอดได้
4.2.2 จาลองการทางานของปอดในการหายใจเข้าและออก
4.2.3 วดั ความจุอากาศของปอด
4.2.4 เขียนข้ันตอนการเคลื่อนทีข่ องของเสียออกจากร่างกายในรปู ปสั สาวะได้
4.2.5 นบั ชพี จรบรเิ วณข้อมือ
4.2.6 จาลองการทางานของหัวใจ
4.2.7 วดั อตั ราการเต้นของหัวใจ
4.2.8 สรา้ งแบบจาลองการหมุนเวยี นเลอื ดผา่ นหัวใจ
4.2.9 เขยี นการทางานของระบบประสาทอยา่ งเป็นลาดบั ขัน้ ได้
4.2.10 แสดงบทบาทสมมตุ ิในการเลือกวิธีการคุมกาเนิดได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม
4.3 ดา้ นคุณลักษณะที่พึงประสงค์ (A)
4.3.1. ตระหนักถึงความสาคัญของอวัยวะในระบบหายใจและการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจ
4.3.2 ตระหนักถึงความสาคัญของไตและการดแู ลรักษาไต
4.3.3 ตระหนักถงึ ความสาคัญของระบบหมุนเวียนเลือดและการดูแลรักษาอวัยวะในระบบ
หมุนเวียนเลือด
4.3.4. ตระหนักถึงความสาคัญของระบบประสาทและการดูแลรักษาอวัยวะในระบบประสาท
4.3.5 ยอมรับการเปลีย่ นแปลงของร่างกายและจิตใจเม่ือเจริญเขา้ สู่วัยหนุ่มสาว
4.3.6 ตระหนักถึงการป้องกนั การมีเพศสัมพันธแ์ ละการต้งั ครรภ์ก่อนวยั อนั ควร
4.3.2 มีวินัย
4.3.7 ใฝเ่ รียนรู้
4.3.8 ม่งุ มน่ั ในการทางาน
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
5.1.1. ความสามารถในการส่ือสาร
5.1.2. ความสามารถในการคดิ
5.1.3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
5.1.4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
5.1.5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงคต์ ามหลักสตู ร
6.1.1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
6.1.2. ซ่ือสัตยส์ ุจริต
6.1.3. มวี นิ ยั
6.1.4. ใฝเ่ รยี นรู้
6.1.5. อยอู่ ย่างพอเพียง
6.1.6. มุ่งมน่ั ในการทางาน
39
6.1.7. รกั ความเป็นไทย
6.1.8. มจี ติ สาธารณะ
7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
7.1.1 แผนผังความคิด เรอ่ื ง ระบบหายใจ
7.1.2 แผนผังความคดิ เรื่อง ระบบขบั ถ่าย
7.1.3 แผนผงั ความคิด เร่อื ง ระบบหมนุ เวยี นเลอื ด
7.1.4 แผนผังความคิด เรอ่ื ง ระบบประสาท
7.1.5 แผนผงั ความคิด เรือ่ ง อวยั วะรับสัมผสั ของมนษุ ย์
7.1.6 แผนผงั ความคิด เร่ือง ระบบสืบพนั ธุ์
7.1.7 แผน่ พับ เรอื่ ง สารพิษในบหุ ร่ที ่ีส่งผลต่อระบบหายใจ หรอื เร่อื ง สารพิษในอากาศท่สี ง่ ผล
ต่อระบบหายใจ
7.1.8 แผน่ พับ เรือ่ งการตั้งครรภก์ ่อนวยั อันควร
7.1.9 รายงาน เรื่องไตเทียม
7.1.10 รายงาน เรอื่ งระบบหมุนเวยี นเลอื ดของสตั ว์
7.1.11 รายงาน เรือ่ ง การเปลี่ยนแปลงของรา่ งกายเขา้ สูว่ ัยหนมุ่ สาว
7.1.12 แบบจาลองระบบหมุนเวียน
7.1.13 แบบจาลองระบบร่างกายมนุษย์
8. การประเมินผลการเรียนรู้
8.1 การประเมนิ ผลระหวา่ งจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
8.1.1 การตรวจผลงานการสรุปองคค์ วามรจู้ ากผงั ความคิด/แผ่นพบั /ใบงาน
8.1.2 การสงั เกตพฤตกิ รรมกระบวนการทางานกลุ่ม
8.1.3 การสังเกตพฤติกรรมการนาเสนอผลงาน
8.1.2 การสังเกตพฤติกรรมคุณลกั ษณะตา่ ง ๆ
8.2 การประเมินผลเมอื่ สิน้ สุดกจิ กรรมการเรียนรู้
8.2.1 ประเมนิ ผลด้านความรู้ ทักษะกระบวนการและคณุ ลกั ษณะดนั พึงประสงค์
8.2.2 รายงานผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ /แบบจาลอง
9. สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้
9.1.1 หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 สสวท. หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ระบบร่างกายมนษุ ย์
9.1.2 หนังสือเรียน รายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ของสถาบนั พัฒนา
คณุ ภาพวชิ าการ (พว.)
9.1.3 แบบทดสอบก่อนเรียน
9.1.4 แบบทดสอบหลงั เรยี น
9.1.5 ใบงานท่ี 1.1 เรือ่ งระบบหายใจ
9.1.6. คลปิ วีดิโอ ระบบหายใจ
9.1.7. แผนภาพระบบหายใจ
9.1.8. ปอดจาลอง
9.1.9. ใบงานที่ 1.2 เร่อื ง อากาศเข้าและออกจากปอดได้อย่างไร
40
9.1.10 ใบงานที่ 1.2 เร่อื งระบบขับถ่าย
9.1.11 ใบงานที่ 1.3 เรอื่ งหัวใจและหลอดเลือด
9.1.12 ใบงานท่ี 1.4 เรื่องเลอื ด
9.1.13 ใบงานที่ 1.5 เรื่องระบบประสาท
9.1.14 ใบงานที่ 1.6 เรอ่ื งระบบสบื พนั ธเ์ุ พศชาย
9.1.15 ใบงานท่ี 1.7 เรอื่ ง ระบบสบื พนั ธเ์ุ พศหญงิ
9.1.16 ใบงานที่ 1.8 เรอื่ งการปฏิสนธแิ ละการต้ังครรภ์
9.1.17 ภาพยนตรส์ ารคดสี ้ัน Twig
9.1.18 PowerPoint เรอ่ื ง ระบบรา่ งกายมนษุ ย์
10. การบูรณาการ
10.1 เศรษฐกจิ พอเพยี ง
10.2 STEM
10.3 ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่น
10.4 กลมุ่ สาระอนื่ ๆ
11. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (เขียนภาระงานทใ่ี หน้ ักเรยี นปฏิบตั ิหรอื กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามภาระงาน
และตามเป้าหมายทไ่ี ดว้ ิเคราะหไ์ ว้แลว้ )
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่ืองระบบต่าง ๆ ในรา่ งกายมนุษย์ ภาระงานของนกั เรยี น
แผนที่ เรอื่ ง
1. การสบื ค้นข้อมลู
1 ระบบหายใจ 2. การนาเสนอข้อมลู
2 ระบบขบั ถา่ ย 3. กระบวนการทางานรว่ มกันเป็นกลุ่ม
3 ระบบหมนุ เวยี นเลือด 4. สรุปองค์ความรู้ ในแผนผงั ความคิด
4 ระบบประสาท 5. การทดลอง
5 ระบบสบื พนั ธ์ุ 6. Gallery walk
7. การนาไปใช้ในชวี ิตจรงิ
41
เรือ่ ง การวางแผนจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้
คาช้ีแจง ให้วิเคราะห์ความสัมพนั ธ์ระหว่างหนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ืองยอ่ ย จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้ การวดั ผลประเมนิ ผล สอ่ื การสอน และเวลา
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ืองระบบตา่ ง ๆ ในรา่ งกาย
ช่อื หน่วย/หัวข้อย่อย/แผนการ ตัวชี้วัด กจิ กรรมการเรียนรู้ การวดั ส่อื การสอน จานวน
เรยี นรทู้ ่ี ประเมนิ ผล ชัว่ โมง
ระบบหายใจ ดงั เอกสาร 1. การสบื คน้ ข้อมูล 1. แบบ 1.หนังสือเรียน 4
3
ระบบขับถ่าย ขา้ งต้น 2. การนาเสนอข้อมูล ประเมินการ 2.คลปิ วีดีโอ 5
2
ระบบหมนุ เวยี นเลอื ด 3. กระบวนการทางาน สรปุ องค์ความรู้ 3.Powerpoint 6
ระบบประสาท รว่ มกันเป็นกลุม่ 2.แบบประเมนิ 4.วสั ดุ อุปกรณ์ 20
ระบบสืบพนั ธ์ุ 4. สรุปองค์ความรู้ ใน ทกั ษะ การทดลอง
แผนผังความคดิ กระบวนการ
5. การทดลอง ทางานกลุ่ม
6. Gallery walk 3.แบบประเมิน
7. การนาไปใช้ในชวี ิต คณุ ลักษณะอัน
จรงิ พงึ ประสงค์
5.แบบประเมิน
STEM
6.แบบทดสอบ
ถูก /ผดิ =1/0
รวม
42
เร่ือง การวิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้ Active Learning
คาชี้แจง จงวิเคราะห์ความสอดคล้องของหน่วยการเรียนรู้ Active Learning
ตามประเด็นที่กาหนดให้
ลาดับที่ กิจกรรมการเรียนรู้ ผลการวิเคราะห์
มี ไม่
1 ครูลดบทบาทการสอน การให้ความรู้โดยตรง
2 เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วม สร้างองค์ความรู้
3 สามารถนาความรู้ ความเข้าใจ ไปประยุกต์ใช้
4 สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า
5 นักเรียนได้คิด และสร้างสรรค์ส่ิงต่าง ๆ
6 กิจกรรมเชือ่ มโยงกับนกั เรยี น สภาพแวดลอ้ มใกล้ตัว ปัญหาชมุ ชน สังคม และประเทศชาติ
7 นาความรู้ไปใช้แก้ปัญหาใหม่ หรือสถานการณ์ใหม่
8 เน้นให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดของตนเอง อย่างมีเหตุผล
9 นักเรียนมีโอกาสร่วมอภิปราย และนาเสนอผลงาน
10 นักเรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมจริง
11 นักเรียนได้ร่วมกันแก้ปัญหา
12 มีช้ินงาน / ภาระงานของนักเรียน
13 มีการนาเสนอผลงาน แลกเปล่ียนเรียนรู้
14 นักเรียนได้ทดสอบประสิทธิภาพของผลงาน
15 นักเรียนได้พัฒนาผลงานให้สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจาวัน
16 ได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
43