รายงานเชงิ วิชาการ
เทพเจ้าอยี ปิ ต์โบราณ
เสนอ
ครณู ฐั รภิรมณ์ วราสินธ์
ผู้จดั ทำ
นางสาววนชั พร บูริวงษ์ เลขที่ ๒๙
นางสาววัชราภรณ์ นงค์ลกั ษณ์ เลขที่ ๓๑
นกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕/๑๐
รายงานนเี้ ปน็ สว่ นหน่ึงของวชิ าภาษาไทยพนื้ ฐาน (ท๓๒๑๐๒)
ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓
โรงเรยี นศรีราชา อำเภอศรีราชา จงั หวัดชลบรุ ี
ก
คำนำ
รายงานฉบบั น้ีเปน็ ส่วนหนงึ่ ของวชิ า ท๓๒๑๐๒ รายวชิ าภาษาไทย ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๕ โดยมี
จดุ ประสงค์ เพื่อการศกึ ษาค้นคว้าหาขอ้ มลู จากเรอ่ื ง เทพเจ้าอยี ิปตโ์ บราณ ซ่ึงรายงานนี้มีเน้ือหา
เกย่ี วกับตำนานและความเช่ือกับการบชู าของเทพเจ้าทั้ง ๙ องค์เพือ่ ศึกษาประวัติ ตำนานของเทพเจา้
อียปิ ต์โบราณ
กลมุ่ ผจู้ ัดทำได้เลือก หวั ขอ้ นใ้ี นการทำรายงานการศึกษาคน้ ควา้ ในครั้งนี้ เน่อื งมาจากเป็นเรื่อง
ท่ีน่าสนใจ รวมถึงเป็นการศกึ ษาเพ่มิ ความรู้เกีย่ วกบั เทพเจา้ อยี ปิ ต์โบราณ กลมุ่ ผู้จัดทำจะต้อง
ขอขอบคณุ ครณู ัฐรภิรมณ์ วราสนิ ธ์ผใู้ ห้ข้อแนะนำ แนวทางการศกึ ษา และเพ่ือน ๆ ทกุ คนท่ใี ห้ ความ
ช่วยเหลอื มาโดยตลอด กลุ่มผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับน้ีจะให้ความรู้ และเปน็ ประโยชน์แก่ผู้อ่าน
นกั เรียน หรือผทู้ ี่กำลงั สนใจขอ้ มลู ในเร่ืองดังกล่าว
คณะผ้จู ดั ทำ
สารบญั ข
คำนำ หน้า
สารบัญ ก
ข
นยิ ามและความสำคญั
เทพเจ้าอียิปต์โบราณ ๑
เทพรา ๒
ตำนานของเทพรา
ความเชอ่ื ของเทพรา ๒
การบูชา
๒
เทพบาเตส ๒
ตำนานของเทพบาเตส ๔
ความเช่ือของเทพบาเตส ๔
การบูชา ๔
๕
เทพอานูบสิ ๖
ตำนานของเทพอานูบิส ๖
ความเชื่อของเทพอานบู ิส ๗
การบูชา ๗
๙
เทพฮอรสั ๙
ตำนานของเทพฮอรัส ๑๐
ความเชื่อของเทพฮอรสั ๑๐
การบูชา ๑๑
เทพโอซีรสิ ๑๑
ตำนานของเทพโอซีริส
ความเชอื่ ของเทพโอซรี ิส ค
การบชู า ๑๒
เทวเี สลเคต
ตำนานของเทวเี สลเคต ๑๓
ความเชอ่ื ของเทวเี สลเคต ๑๔
การบชู า ๑๔
อมิ โฮเทป ๑๔
๑๕
ตำนานของอมิ โฮเทป ๑๖
ความเชื่อของอิมโฮเทป ๑๖
การบชู า ๑๖
อาเมนโฮเทป ๑๗
ตำนานของอาเมนโฮเทป ๑๘
ความเชอ่ื ของอาเมนโฮเทป ๑๘
การบชู า ๑๘
ฮาเทอร์ ๑๙
ตำนานของฮาเทอร์ ๒๐
ความเช่ือของฮาเทอร์ ๒๐
กรบชู า ๒๐
บรรณานุกรม ๒๑
๒๒
๑
นยิ ามและความสำคญั
๑.นยิ าม
คงไมม่ ีอารยธรรมโบราณใด ทผี่ ูกพันกบั ความเช่ือเร่ืองเทพเจ้าทห่ี ลากหลายเท่าชาวอียิปต์ เทพเจ้าของอยี ิปต์
มกั อยู่ในรูปของสัตว์นานาชนดิ ท่ีพบเห็นได้รอบๆตัว ต่างจากเทพเจา้ ในจนิ ตนาการของชาวกรีกและฮินดู หรือเทพ
เจา้ ทีเ่ กิดจากอิทธิพลของธรรมชาติ เช่น เทพแหง่ ลม เทพแหง่ ภเู ขาไฟ ฯลฯ ของชาวเกาะทะเลใต้
จากหลกั ฐานทางโบราณคดีที่ขดุ คน้ พบ ชาวอียิปต์เรม่ิ มคี วามคดิ เร่ืองเทพเจา้ มาไม่น้อยกวา่ 6,000 ปี เทพรุ่น
แรกๆ จะเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ เทพแหง่ อาหารการกนิ เช่นเดยี วกบั เทพร่นุ แรกๆของอารยะธรรมยคุ
เร่ิมต้นอื่นๆ แต่เม่ืออยี ิปต์พฒั นาเขา้ สู่ยคุ ฟาโรห์ เทพแห่งอียิปต์กพ็ ฒั นาซับซ้อนข้ึนเปน็ ลำดับ มเี ทพประจำเมอื ง
ประจำอาชีพ และเทพท่ีเคยใหญ่บางองคก์ ็กลายเป็นเทพขั้นรองไป ท่จี ะเล่าสกู่ นั ฟงั ต่อไปนี้ คอื เทพท่ยี ังเหลือ
ปรากฎใหค้ นในปัจจบุ ันได้พบเหน็ ในรปู ของภาพวาด รปู ป้นั เคร่อื งประดบั และงานศลิ ป์ต่างๆ หรือแม้แตม่ ัมม่ีของ
สัตวต์ า่ งๆ ซ่ึงถือเป็นตวั แทนเทพเจ้า และเปน็ เทพองค์ “ดัง” ทีค่ นอยี ิปต์โบราณสว่ นใหญ่ใหค้ วามเคารพนับถือ
๒.ความสำคญั
ชาวอียปิ ตน์ ับถือบชู าเทพเจ้าหลายองค์ (Polytheism) โดยเชือ่ วา่ ธรรมชาตซิ ง่ึ บนั ดาลความผาสกุ ความดีงาม
หรือความหายนะให้แกม่ นษุ ย์น้ัน เกดิ จากการกระทำของเทพเจ้าทง้ั ส้ิน แต่ละเมืองของอียิปต์จะมเี ทพเจ้าประจำ
เมือง ชาวอยี ิปตโ์ บราณเชอื่ ว่าคนตายแล้วจะกลับคืนชีพมาใหม่เหมอื นดวงอาทติ ย์ทหี่ ายลับขอบฟ้าในยามเยน็ และ
กลบั ขน้ึ มาใหม่ในวนั รุ่งขึ้น จากการท่ดี วงอาทิตยม์ ีอิทธพิ ลต่อวิถชี ีวิตของชาวอียิปตม์ าก ดังนั้นสุริยเทพนามวา่ ”เร”
หรอื “รา” (Re or Ra) จึงได้รับการบูชาใหเ้ ป็นเทพสูงสุดเหนอื เทพท้ังปวงในสมัยราชอาณาจักรเก่า และถือว่าเป็น
เทพผปู้ ระทานความสุข เทพเจา้ แห่งความเป็นอมตะ ใบหน้าเปน็ เหยีย่ ว มดี วงอาทติ ย์อยู่บนศีรษะ บางความเชื่อก็
เชอ่ื ว่าเปน็ เทพผสู้ รา้ งมนษุ ย์, เทพอามนุ หรอื อามอนซ่ึงต่อมาก็ไดเ้ ปน็ สรุ ิยเทพอามอน-เร (Amon Re) หรอื อามนุ -รา
(Amun-Ra) แห่งเมืองธีบส์ (Thebes) เทพเจา้ สูงสดุ ในสมัยราชอาณาจกั รใหม่ มีศีรษะเป็นมนุษย์และสวมหมวกติด
ขนนกสองเสน้ ฟาโรหท์ กุ พระองค์ล้วนถือวา่ เป็นโอรสแห่งสุริยเทพท่ีถกู สง่ มาปกครองโลกมนษุ ย์
๒
๓.เทพเจ้าอียิปต์โบราณ
๓.๑ เทพรา (Ra) เทพเจ้าแห่งดวงอาทติ ย์ของชาวอียิปต์
๓.๑.๑ ตำนานของเทพรา
มีตำนานเลา่ ว่า เทพเจา้ ราทรงเกิดขนึ้ ตอนเช้าเปน็ เด็ก และในตอนเทย่ี งก็จะเป็นผู้ใหญ่ ครัน้ ถึงตอน
เย็นก็จะเป็นคนชรา และ ต้องตายในคืนนัน้ เรื่องน้สี อดคล้องกันตำนานเทพเจา้ ราขณะทรงปกครองโลก
โดยได้เลา่ ไว้วา่ เมือ่ เทพเจา้ ราเสดจ็ ลงประทับเรือ เดินทางในยาม รตั ตกิ าลกจ็ ะจำแลงเปลย่ี นพระเศยี ร
เปน็ รูปหวั แกะ และพระองคก์ ็ทรงมพี ระนามอีกวา่ "อัฟ-รา" หรอื "อัฟ" ซึง่ หมายถึงซากศพคนตาย
พระองค์ เดนิ ทางตลอดสบิ สองชั่วโมงแหง่ ความมืด เรือทีป่ ระทบั มีช่ือว่า "เมเซ็ค เคต็ " (เรือยามราตรี) ตาม
ความเชือ่ ของชาวไอยคุปต์ เช่ือวา่ วญิ ญาณของฟาโรห์และมนษุ ย์ท่ีตายไปแล้วจะอยู่ในรูปดวงดาว ซ่งึ จะ
คอยรับใช้เปน็ ลกู เรือสุรยิ ะ ดวงดาวเหลา่ นนั้ กจ็ ะไมต่ กในระหวง่ ชว่ งเวลากลางวัน ซงึ่ ไมส่ ามารถมองเหน็ ได้
เน่ืองจากแสงอันเจดิ จ้าของดวงอาทติ ย์นน่ั เอง เทพเจ้าราเป็นเทพเจ้าท่ีได้รับการสรรเสริญและเคารพบชู า
ท่วั ทั้งอาณาจกั รไอยคปุ ต์ ซึ่งต่างกถ็ ือวา่ พระองคค์ ือผสู้ รา้ งโลกและจักรวาล รวมทัง้ เทพยดาท้ังมวล ในสมัย
ยุคอาณาจักรเกา่ บรรดาฟาโรห์ที่ปกครองอาณาจักรไอยคปุ ตต์ ่อกนั มา มักจะตรัสอ้างวา่ เป็นโอรสของเทพ
เจ้ารา และสวมเคร่ืองรางรูปพระเนตร อันเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้ารา อนั หมายถึงอำนาจอันศักดสิ์ ิทธิ์
และสูงสุด
๓.๑.๒ ความเช่ือของเทพรา
เปน็ เทพสูงสดุ พระเส้ือเมือง Thebes "เทพเจ้ารา" คอื สรุ ิยเทพผยู้ งิ่ ใหญแ่ ห่งเฮลิโอโปลิส นครสิรยิ ะ
คำวา่ "รา" อาจหมายถึงผสู้ ร้างสรรค์สง่ิ ตา่ ง ๆ และเปน็ คำแรกทน่ี ำมา ใช้กับคำว่า "ซนั " ซงึ่ หมายถงึ ดวง
อาทิตย์ ต่อมาก็ได้กลายเปน็ พระนามของเทพเจา้ เทพเจ้ารามีสญั ลักษณ์และมีพระนามเป็นจำนวนมาก
๓
นกั ปราชญ์บางคนกล่าววา่ รา-ฮารคั เต เปน็ เทพเจ้าทม่ี ีพระเศียรเปน็ หวั เหย่ยี ว ทรงสวมมงกฎุ ทีเ่ ปน็ แผ่น
วงกลมรูปดวงอาทติ ยแ์ ละงเู ห่ากำลงั แผ่แมเ่ บีย้ ฮารคั เต หมายถึง เทพฮอรสั แห่งขอบฟ้ากว้างไกล ซ่ึงก็คือ
แหลง่ กำเนิดของดวงอาทติ ย์นั่นเอง หากพจิ ารณาถงึ บทบาทสำคญั ของ เทพเจา้ รา-ฮารคั เต ก็ถือว่าเป็นสุ
รยิ เทพแหง่ เฮลิโอโปลิสทชี่ าวไอยคปุ ตเ์ คารพบูชาตลอดมา
๓.๑.๓ บชู าแล้วไดอ้ ะไร
เทพเจ้าราทรงได้รบั ยกย่องใหเ้ ป็นพระบดิ าและราชาแห่งเทพยดา มนษุ ย์ และสิ่งมชี ีวิตทง้ั ปวง เล่ากัน
ว่ามนุษยแ์ ละสงิ่ มชี ีวิตเกดิ มาจาก พระเสโทและน้ำพระเนตรของพระองค์ ตามตำนานเลา่ ว่า เทพเจ้ารา
ทรงปกครองโลกซ่ึงอย่เู หนือจักรวาลทีพ่ ระองคท์ รงเนรมติ ขึ้น ต่อมาพระองค์ทรงแปลงกายเป็นมนษุ ย์ และ
ได้กลายเป็นฟาโรหพ์ ระองคแ์ รกทป่ี กครองอาณาจกั รไอยคุปต์จนเจริญร่งุ เรือง ต่อมาเมื่อทรงชราภาพและ
อ่อนแอ ประชาชนบางกล่มุ คิดแข็งข้อ ต่อต้าน ทำให้พระองค์ดำริจะใช้ตาไฟเผาผลาญทำลายชีวิตกลุ่ม
บุคคดงั กล่าวใหว้ อดวายแต่ได้รบั ข้อเสนอวา่ การกระทำดังกลา่ วจะทำใหผ้ ู้ที่ไม่ผดิ เดือดร้อน ดว้ ยเหตนุ ้ี
พระองค์ทรงเนรมติ เทวีฮาเอทร์เปน็ ร่างสิงโตตัวเมยี สูงใหญแ่ ละดุร้ายออกไปลา่ กลุม่ มนษุ ย์ชว่ั รา้ ย สิงโตได้
ฉกี เน้ือมนษุ ยแ์ ละ ด่มื เลือดเป็นอาหาร จนกระท่งั สิงโตเมามันกับการลา่ เหย่ือจนกระทง่ั ทำลายมนษุ ย์
บรสิ ทุ ธ์ิ เทพเจา้ ราทรงเศร้าพระทยั มากกบั การกระทำดังกลา่ วจงึ ได้ อภยั ใหแ้ ก่มนุษย์ และพระองค์พร้อม
ด้วยเหลา่ เทพยดาทรงเสด็จสู่สวรรคแ์ ละได้กลายเป็นดวงดาวตา่ ง ๆ ด้วยเหตนุ ท้ี ำใหส้ วรรค์กบั โลกแยกจาก
กัน เล่ากันว่า ดวงอาทิตยห์ รอื เทพเจา้ ราจะเดนิ ทางขา้ มบอบฟ้า จากทิศตะวนั ออกไปยงั ทศิ ตะวันตกเป็น
ประจำทุกวัน เทพเจา้ ราจะเสดจ็ โดย เรอื แมนเจต็ พรอ้ มดว้ ยเหล่าเทพเจา้ ที่คอยทำลายศัตรขู องเทพเจา้ รา
ท่ีมักขวางทางขณะขา้ มขอบฟ้าเปน็ ประจำ หัวหนา้ กล่มุ ศัตรูของเทพเจ้าราก็คือพญางยู ักษ์เอเป็ป ซึ่งอาศัย
อยใู่ นวังน้ำลึกของแมน่ ำ้ ไนล์
๔
๓.๒ เทพบาเตส (Bastet) เทพเจ้าแหง่ ความรกั และความอดุ มสมบูรณ์ของอียปิ ต์
๓.๑.๑ ตำนานของเทพบาเตส
ชาวอยี ปิ ตใ์ นสมัยกอ่ นมีการทำไร่เพาะปลูกเป็นหลัก เม่อื เกบ็ เกี่ยวผลผลิตแลว้ จึงนำมาเกบ็ ไวใ้ นยุ้งฉาง
แตเ่ มอื่ มีการเกบ็ ของกนิ ส่งิ ท่ีตามมาก็คือบรรดาหนูทจี่ ะเขา้ มาแทะกินพืชไรเ่ หล่าน้ันจนเน่าเสีย ท้งั ยงั เป็นพาหะให้
เกิดโรคภัยตา่ งๆ ดว้ ย เหตุนีจ้ ึงต้องมีการเลยี้ งแมวไว้ใช้จัดการโดยเฉพาะ แรกเริ่มน้นั เชื่อกันว่าพอเร่ิมมหี นู ก็เร่ิมมี
แมวตามมาด้วย อยกู่ ับมนุษย์ไปๆ มาๆ กค็ งมีความสุข และอุดมสมบรู ณด์ ี จากแมวป่าจงึ กลายมาเป็นแมวบ้านใน
ท่สี ดุ ในเม่อื แมวน้นั มคี วามสำคัญต่อชาวอยี ปิ ตข์ นาดนี้ จงึ ได้รับการยกย่องบชู าใหเ้ ป็นเทพ มีนามวา่ บาสท์ B'sst
(หรอื บาสเตท็ Bastet) เทวีประจำเมืองบูบาสตสิ (Bubastis) ปจั จบุ นั คือเมอื งเตลบาสตา (Tell-Basta) ในสมัย
อียปิ ต์โบราณมีงานเทศกาลฉลองใหก้ บั เทวีบาสท์ ในชว่ งฤดใู บไม้ผลิ โดยจัดพิธีบวงสรวงดว้ ยเนอื้ สัตว์ น้ำผง้ึ และ
ผลไม้ มีสาวงามท่ีประดบั ดอกไมบ้ นศรี ษะมารอ้ งเพลงร่ายรำถวายเปน็ การสนุกสนาน ซง่ึ ถือวา่ เปน็ เทศกาลใหญ่ของ
ชาวไอยคุปต์เลยทีเดยี ว
๓.๑.๒ ความเชอื่ ของเทพบาเตส
ความเชอ่ื ของชาวอยี ิปตก์ ล่าวไว้ว่า นอกจากแมวจะเปน็ สตั ว์ทมี่ ีไวจ้ ับหนใู นโรงนาแลว้ แมวยังทำหนา้ ที่
จบั หนูบนเรือสินคา้ ได้อีกด้วย ดว้ ยเหตนุ ้จี ึงเกิดเป็นความเชอื่ ขนึ้ มาว่า เม่ือเรอื เดนิ สินค้าเข้าเทียบท่า แมวจงึ เดินลง
ไปจากเรือ และไม่ไดก้ ลบั ขึ้นเรอื อีก ซ่ึงเปน็ ผลใหแ้ มวถูกขนายพนั ธ์ุไปทว่ั โลกได้นน่ั เอง ชาวอยี ิปตโ์ บราณน้นั นับถือ
แมวเปน็ อยา่ งมาก หากผใู้ ดฆ่าแมวจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก และถือวา่ แมวเป็นสัตวเ์ ทพเจา้ ของอียิปตโ์ บราณ
หากบา้ นใดมีแมวเสยี ชีวติ ในบา้ น จะตอ้ งนำเอาศพแมวเหล่านั้นไปทำมัมมดี่ ้วย (ความเชอ่ื เดมิ กลา่ วไว้วา่ มัมมี่คนจะ
๕
ทำกบั บุคคลท่ีเป็นราชวงศแ์ ละขนุ นางเท่าน้นั ) ซงึ่ หากคุณต้องการเห็นมัมมี่แมว สามารถหาดไู ดต้ ามพิพิธภัณฑ์
ต่างๆในประเทศองั กฤษ ด้วยความเชือ่ ดังกล่าวน้ี จงึ ทำให้บุคคลท่ตี ้องการยึดอำนาจการปกครองอาณาจกั รอยี ปิ ต์
โบราณ ออกอุบาย “อุ้มแมวไปรบ” ซึ่งส่งผลให้พวกทหารอียิปตไ์ มส่ ามารถสศู้ ตั รูได้ (แมวเปน็ เพียงสว่ นหนึ่งของ
การรบ แตอ่ ียิปต์ไม่ได้ลม่ สลายเพราะแมว) และแม้ว่าอียิปต์โบราณจะหมดยุคไปแลว้ แต่ชาวอียปิ ตใ์ นสมยั ก่อนก็
ยงั คงนบั ถือบูชาแมวเช่นเดิม ถึงขนาดท่หี ากชาวโรมันคนไหนฆา่ แมว กย็ ังต้องถูกพวกอยี ิปตล์ งทัณฑเ์ ลย เวลาผา่ น
ไปจนลว่ งเข้าสู่ยุคกลางในยุโรป กเ็ กิดมีความเช่อื เร่ืองแม่มดและความชั่วร้ายต่างๆเขา้ มา ชาวยโุ รปในยุคทวี่ า่ น้ี
กลา่ วอา้ งว่า แมวโดยเฉพาะแมวดำเปน็ สัตวเ์ ลี้ยงของแม่มด เพราะฉะนัน้ หากบุคคลใดเล้ยี งแมว ก็จะถูกกล่าวหาวา่
เป็นแมม่ ดรา้ ย และหากบุคคลนนั้ เป็นคนแก่ดว้ ยแลว้ บคุ คลพวกนก้ี ม็ ักจะโดนทำโทษโดยการเผาทง้ั เป็นรว่ มกันท้งั
คนและแมว เมือ่ แมวถกู ฆา่ เพ่ิมมากขึ้น จงึ ทำให้หนูมปี รมิ าณมากขน้ึ และเกิดเปน็ โรคระบาดอย่างหนักในยุโรปสมัย
น้ัน
๓.๑.๓ บชู าแลว้ ไดอ้ ะไร
ชาวอียปิ ตโ์ บราณนนั้ นับถอื แมวถงึ ขนาดแมวในบ้านตาย ยังต้องนำไปทำมัมมเี่ ลย
(มัมมี่คนจะทำเฉพาะราชวงศ์และขุนนางเท่านั้น) มัมมีแ่ มวสามารถหาดูได้ท่ีพิพธิ ภัณฑ์ในประเทศองั กฤษ
ในเมอ่ื แมวเป็นสัตวเ์ ทพเจา้ ของอียปิ ตโ์ บราณ จึงมีกฎ หากใครฆ่าแมว จะตอ้ งถกู ลงโทษอยา่ งหนัก
พวกที่ต้องการยึดครองอาณาจักรอียปิ ตโ์ บราณ จงึ ใช้วธิ ีชว่ั ร้าย "อุม้ แมวไปรบ" แล้วพวกทหารอียิปต์จะสูไ้ ด้อย่างไร
(เปน็ สว่ นหนงึ่ ของการรบอียิปตไ์ ม่ได้ล่มสลายเพราะแมว) แตถ่ ึงอียิปต์โบราณจะล่มสลายไปแลว้ ชาวอยี ิปตใ์ น
สมัยกอ่ นยังนับถือบชู าแมวเหมือนเดมิ ขนาดชาวโรมนั บางคน (สมัยนัน้ โรมนั ปกครองอียิปต์) ฆา่ แมวยงั ถูกพวก
อยี ปิ ตล์ งโทษเลย ต่อมาเข้าสู่ยคุ กลางในยุโรป มคี วามเชอื่ เรือ่ งแม่มด และความช่วั ร้ายตา่ งๆ ชาวยุโรปในยุคนี้
กลา่ วหาว่า แมวเป็นสตั วเ์ ลี้ยงของแม่มด (โดยเฉพาะแมวดำ) ดงั นนั้ ใครเล้ียงแมว จะถูกประณามว่าเปน็ แมม่ ดร้าย
ย่ิงเป็นคนแก่เล้ยี งแมวยง่ิ แล้วใหญ่ พวกนมี้ ักจะโดนเผาทง้ั เป็น ท้งั คนและแมว ดงั นั้นเม่ือแมวนอ้ ยลง จึงทำให้มีหนู
มากขน้ึ ทำใหก้ าฬโรคระบาดหนกั ในยุโรปชว่ งนั้น ในยุคใกลๆ้ กัน แถบเอเชียอย่างญีป่ ุ่นกับจนี เริม่ เลี้ยงแมวกนั
มากขึน้ จากเดิมท่ีเคยเล้ียงอยู่แล้ว และท่ญี ป่ี นุ่ กย็ ังใช้แมวเป็นสัญลักษณ์นำโชคอกี ดว้ ย จะเหน็ ไดจ้ าก "แมวกวัก"
ท่ใี ชก้ นั ตามร้านคา้ จะใช้กวักลกู คา้ หรอื กวักเงินก็แลว้ แตท่ ่าทางของแมวตวั นนั้ และท่ีจนี ก็เชือ่ ว่า แมวเปน็ สัตวน์ ำ
โชค เพราะว่าแมวจะเขา้ มาอย่ใู นบา้ น ก็ต่อเมื่อมันพอใจท่จี ะอยูเ่ ท่านน้ั เม่ือมนั เข้ามาอยู่แล้วเจ้าของบ้าน มักจะมี
โชคลาภมา
๖
๓.๓ เทพอานูบสิ (Anubis) เทพแห่งความตายของชาวอยี ปิ ต์
๓.๓.๑ ตำนานของเทพอานูบิส
อานบู สิ (Anubis) เปน็ เทพเจา้ องคห์ น่ึงของอยี ิปต์ที่มบี ทบาทสำคญั อยา่ งยิ่งในชวี ิตของชาวอยี ปิ ต์
เพราะอานบู สิ เป็นเทพแห่งความตาย และเปน็ เทพของการทำมมั ม่ี ดังนนั้ ทั้งในพธิ ีกรรมการทำศพแบบอียิปต์
โบราณและเรื่องราวในโลกหลงั ความตายของมนุษย์เทพองค์น้จี งึ มสี ว่ นเกีย่ วขอ้ งด้วยอยา่ งมาก โดยทมี่ าของการนบั
ถอื เทพอานูบิสน้ีนา่ จะมีท่ีมาจากเมือง Abydos (อาบโิ ดส) ในอยี ิปต์เหนอื แต่ศูนย์กลางของความเช่ือนอี้ ยู่ที่เมือง
Cynopolis (ไซโนโปลิส) ในอียปิ ตเ์ หนือ อานูบิสเป็นเทพท่ีมลี กั ษณะลำตัวเป็นคน แตส่ ว่ นหวั จนถงึ คอเป็นลักษณะ
ศีรษะของหมาในสดี ำ ในมือถือคทา บางครั้งเทพองค์นี้ก็เรียกกันว่า Anpu (อนั ปุ) พิธีกรรมการนับถือเทพอานูบิสนี้
เชือ่ กันวา่ มีมานานมากแลว้ และบางคร้ังกม็ ีการสร้างรูปป้ันหมาในสดี ำ หรอื สที องเปน็ ตัวแทนของเทพองค์นกี้ ็มี
และทลี่ ักษณะของเทพอานูบิสที่มีใบหน้าเปน็ หมาในก็สนั นิษฐานได้วา่ เป็นเพราะสตั วช์ นดิ นม้ี ักจะออกหากนิ ใน
ตอนกลางคนื และพบมากในบริเวณสุสานของคนตาย จากสง่ิ นี้เองจงึ ทำให้คาแรทเตอรข์ องเทพอานูบสิ มใี บหน้า
เปน็ หมาในซึ่งชาวอียปิ ต์นบั ถือกนั ในนามเทพผพู้ ิทกั ษ์คนตายและสุสาน ในด้านตำนานเกี่ยวความเปน็ มาของเทพ
อานบู สิ นี้ เช่อื กันว่าอานูบสิ เป็นโอรสของเทพเี นฟทิส (Nephtys) กบั เทพเซต (Set) จงึ นบั เปน็ หลานของเทพโอซิ
๗
ริส (Osiris) และ เทพไี อซิส (Isis) ด้วย ท้ังน้ีมบี างตำราได้กลา่ วไวว้ ่าเทพอานูบิสใหค้ วามเคารพเทพีไอซสิ เสมือน
มารดาแทๆ้ คนหน่ึงของตนเลยทเี ดยี ว และท่มี าของการทำมมั มกี่ ็มที ่มี าโดยอ้างอิงจากตำนานของเทพโอซริ ิส ใน
คร้ังทเ่ี ทพโอซิริสและเทพไี อซิสถกู เทพเซต็ ตามล่า เทพโอซริสถูกสงั หาร อานูบิสเป็นผูร้ บั อาสารกั ษาพระศพของ
เทพโอซริ สิ โดยใชข้ ผี้ งึ สตู รเฉพาะของตนเองแล้วกผ็ า้ ลินินสขี าวซ่ึงทอจากฝมี ือของเทพที ้ังสองคือ ไอซสิ และเนฟที
สมาหอ่ หุม้ รา่ งน้ันไว้ จากนนั้ อานบู ิสจงึ ไดอ้ อกปากสัญญากับพระมารดาท้งั สองว่าตนเองจะเป็นผพู้ ิทักษร์ า่ งของโอซิ
ริสเอง จากตำนานนีเ้ องจึงทำให้เทพอานูบิสนบั ถือวา่ เป็นเทพผ้พู ิทักษ์คนตายและนำทางใหผ้ ู้ตายสโู่ ลกวญิ ญาณ
ทั้งนใ้ี นสมยั โบราณจะมนี กั บวชผ้กู ระทำพธิ ีสวมหนา้ กากท่มี ีลกั ษณะเป็นหมาในซง่ึ เปน็ สัญลกั ษณข์ องเทพอานูบสิ อีก
ดว้ ย
๓.๓.๒ ความเช่ือของเทพอานูบิส
หน้าที่ของเทพองคน์ ้กี ็คือการนำดวงวิญญาณของคนตายสู่ยมโลกเพ่ือทำการตัดสินผลกรรมท่ีได้ทำมา
กอ่ นตาย ต่อหน้าองคเ์ ทพโอซิรสิ (Osiris) โดยเทพอานูบสิ จะนำหวั ใจของผู้ตายไปวางไวบ้ นตาชั่งข้างหน่งึ ส่วนอีก
ข้างหนึง่ ของตาชง่ั จะเปน็ ขนนกท่ีได้รบั มาจากเทพ (มูอาท) Muat หากหวั ใจของผู้ตายเบากวา่ ขนนกแสดงว่าใน
ขณะท่คี นผูน้ ัน้ มีชีวติ อยู่ได้กระทำการอันเปน็ กุศล จึงสมควรได้รับพรจากเทพโอชิรสิ ใหม้ ีชีวติ อนั เปน็ นริ ันดร์แล้วจะ
ได้อยู่ในดนิ แดนท่ีเรียกวา่ “Fields of the Reed” หรือสวรรคข์ องชาวอียปิ ตน์ นั่ เอง ส่วนคนทไ่ี ม่ผา่ นการทดสอบ
นน่ั กค็ อื หวั ใจมนี ำ้ หนักมากกวา่ ขนนก สัตว์อสูรที่ชื่อ Ammut (อัมมทุ ) ทนี่ อนรออยู่ใตต้ าชง่ั กจ็ ะกินหัวใจของดวง
วิญญาณดวงน้นั ทนั ที แลว้ ดวงวิญญาณน้ันกจ็ ะสญู สลายตลอดไป ก็ถือวา่ เปน็ การตายครงั้ ทส่ี องและเป็นการตาย
สนทิ ตายแบบถาวรไปเลย มีมาอยา่ งยาวนานมากแลว้ มีการสรา้ งรูปป้ันหมาในสีดำหรือสที องขนึ้ เพ่ือเป็นตัวแทน
ของเทพอานูบิส ลักษณะของเทพอานบู ิสเปน็ เทพทีม่ ีลำตัวเป็นมนุษย์ มีส่วนศรี ษะไปจนถึงลำคอเปน็ หมาในสดี ำ ซ่ึง
สันนิษฐานได้วา่ การทีล่ ักษณะของเทพอานบู สิ มใี บหน้าเป็นหมาใน ก็เพราะสัตวช์ นดิ นม้ี ักจะหากินในชว่ งกลางคืน
และพบไดบ้ ่อยแถวๆสสุ านของคนตาย ซึ่งทำให้ในสมยั โบราณ นกั บวชท่ีทำพิธีกรรมเกีย่ วกับศพจะสวมหนา้ กากที่มี
ลักษณะเปน็ รปู หมาใน เพ่ือเป็นสัญลักษณ์ในการบชู าเทพอานูบสิ นนั่ เอง
๓.๓.๓ บชู าแลว้ ได้อะไร
ในการเปดิ สุสานตุตนั คาเมน การขุดคน้ ทางโบราณคดีคร้ังย่งิ ใหญ่ของอยี ิปต์ คณะนักขุดพบเทวรูปเท
พอนูบสิ ในลกั ษณะของสนุ ัขสีดำ นอนหมอบอยู่บนหีบขนาดใหญ่มีคานหาม นีเ่ ปน็ คำเตือนถงึ “ความตาย” ซ่ึงผู้
บกุ รกุ ทุกคนจะตอ้ งเผชญิ และมันกเ็ กดิ ขึน้ จริง ผ้เู ก่ยี วขอ้ งการขดุ คน้ สสุ าน อนั เปน็ ท่ีพำนักสดุ ทา้ ยของยุวเทวกษัต
ริย์ (ฟารโ์ รตุตันคาเมน) ทัง้ หมดได้รบั ชอ่ื เสยี งและการยกย่องสรรเสริญ แต่ตอ่ มาทกุ คนตา่ งกพ็ ากนั ล้มตายดว้ ยโรค
ลึกลับ ในเวลาไล่เล่ียกัน เร่ืองนเี้ ร่ิมต้นขึน้ เมื่อ ในปี ๑๙๒๒ ลอร์ด คารน์ ารว์ อน ไดว้ ่าจา้ งคณะสำรวจของ
๘
นายโฮเวริ ์ด คาร์เตอร์ เข้าไปทำการสำรวจค้นหาสุสานฟาโรห์ตุตนั คามนุ ในหุบผากษัตริย์ เมืองลกั ซอร์ โดยคาร์
เตอรใ์ ช้เวลาถงึ ๑๐ ปี ในการคน้ หาสสุ าน พวกเขาคน้ พบห้องเกบ็ พระศพ พร้อมกับฝาโลงทีท่ ำด้วยทองคำบรสิ ุทธ์ิ
ทัง้ ทรพั ย์สมบัตอิ ีกมากมาย ทุกคนดใี จกนั มาก ทำใหล้ ะเลยคำสาปท่ีนักบวชไอยคปุ ต์บรรจงสลักไวภ้ ายในสสุ าน
“มรณะจักโบยบนิ มาสังหารสู่ผู้บงั อาจรังควานสันตสิ ขุ แหง่ พระองค์ฟาโรห”์ ข้อความท่ีเป่ยี มดว้ ยอาถรรพ์น้ี
ก่อใหเ้ กดิ การตายอย่างนา่ พิศวง ไล่มาตั้งแต่… ลอรด์ คารน์ ารว์ อน เสยี ชีวติ อยา่ งกะทันหันภายในหอ้ งพักของ
โรงแรมในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ สาเหตุการตายเนื่องจากถกู ยุงกัด ทำใหเ้ ป็นนิวมอเนีย แต่ที่นา่ ประหลาดอยา่ ง
ย่งิ ก็คือ ทม่ี มั มขี่ องฟาโรหต์ ุตันคามุนก็มีรอยยุงกัดท่ีแกม้ ซ้าย ซึ่งเป็นจดุ เดยี วกับทล่ี อร์ดคาร์นาร์วอนถกู ยุงกดั เช่นกัน
ภายในเวลา ๖ ปที ี่มกี ารขุดสุสานฟาโรห์ตตุ ันคาเมน ผุท้ ่ีได้รว่ มขุดค้นล้มตายไปถึง ๑๒ คน โดยสว่ นใหญม่ ีอาการ
เหน่ือยอ่อนและเสียชีวิตไปเฉยๆโดยท่แี พทยไ์ มส่ ามารถวินิจฉัยอาการได้ และภายในระยะเวลา ๗ ปี มผี รู้ ่วมในการ
ขดุ สุสานฟาโรหต์ ตุ นั คามุนรอดชวี ติ อย่เู พยี ง ๒ คนเท่านัน้ นอกจากน้ยี งั มบี ุคคลใกล้ชิดของผทู้ รี่ ว่ มขดุ สสุ านจำนวน
ถงึ ๒๒ คน ได้ถึงแก่กรรมไปท้ังท่ียงั ไม่สมควรแก่เวลา และหนึ่งในจำนวนนน้ั กค็ ือ เลดีค้ าร์นารว์ อน ภรรยาของ
ลอร์ด คาร์นาร์วอนท่ีฆา่ ตัวตายเนื่องจากเกิดอาการเสียสติ
๙
๓.๔ เทพฮอรัส (Horus) เทพแห่งอียปิ ต์
๓.๔.๑ ตำนานของเทพฮอรัส
เป็นพระโอรสของเทพโอซีรสิ และเทวีไอซิส และเป็นพระสวามีของเทวีฮาธอร์ พระองค์ทรงเป็นเทพที่
เกิดมาจากการรวมกนั เทพสองสิง่ ไดแ้ ก่ เทพนกเหย่ียว และ เทพแหง่ แสงสว่าง
เทพฮอรสั ทรงมีพระเนตรข้างขวาเปน็ ดวงอาทติ ย์ และมีพระเนตรขา้ งซา้ ยเปน็ ดวงจนั ทร์ อีกท้งั ยังมีศีรษะท่เี ปน็
นกเหย่ียวเปน็ สญั ลักษณ์ พระองค์จะทรงสวมมงกุฎสองชั้นหรอื แกะสลักเป็นรปู วงสุรยิ ะท่ีมีปีกอยู่ทีร่ ้ัววิหารประจำ
พระองค์ ซ่ึงกค็ ือ นกเหยี่ยวท่ีกำลงั โบยบินอยู่เหนือการต่อสู้ของฟาโรห์น่ันเอง ที่อุ้งเล็บจะมแี สแ้ ห่งความซื่อสัตย์
จงรักภักดี และแหวนแห่งความเป็นอมตะนิจนริ ันดร์อยดู่ ้วย ตามตำนานเลา่ วา่ เทพฮอรัสเป็นโอรสของเทพโอซริ สิ
และเทพไี อซิส ผู้ปกครองดนิ แดนลุ่มแม่นำ้ ไนลโ์ ดยมีเทพเซธคอยอจิ ฉาริษยาและพยายามหาทางแย่งชงิ ราชบัลลังก์
ตอ่ มาเทพเซธได้สงั หารบิดาของเทพฮอรสั และแยกชน้ิ ส่วนไปทง้ิ ตามท่ตี ่างๆ ท่วั อยี ิปตท์ ้ังยงั ควกั ลูกตาของพระองค์
ออกขา้ งหนึ่ง โดยมเี ทพทอต เทพเจา้ แห่งความฉลาดรอบรู้ ผสู้ นับสนุนศาสตร์ความรแู้ ละศลิ ปะแห่งการเขยี นเปน็ ผู้
เก็บดวงตานน้ั กลับมาและรักษาอยา่ งอดทนจนพระองคห์ ายดแี ละในทสี่ ดุ พระองคก์ ส็ ามารถตามเก็บช้นิ สว่ นของ
พระบดิ ากลับมาได้ เทพฮอรัสทรงมพี ระนามมากมาย ตามแต่ละท้องทจ่ี ะเรียกสกั การะและตามความเชอ่ื ที่แตกต่าง
๑๐
กนั ออกไป เชน่ เทพฮาโรเอริส(Haroeris) ฮอรสั เบฮเ์ ดตี(Horus Behdety) ฮาราเคต ฮาร์มาฆสิ (Harmakhis) และ
ฮารส์ เี อสิส(Harsiesis) สญั ลกั ษณร์ ูปตาท่ีเรามกั จะเห็นกันบ่อยๆ ในศิลปะของอยี ปิ ต์น้ันเปน็ สญั ลักษณ์แทนดวงตา
ของเทพเจา้ ของอยี ปิ ต์ทม่ี ีความสำคัญมากองค์หน่ึง นัน่ คือ ดวงตาของฮอรัส (Eye of Horus หรือ wedjat)ทแ่ี ทน
ด้วยดวงตาของมนุษยท์ ี่มหี างตาเป็นแบบของเหยี่ยว และมีลวดลายสญั ลกั ษณ์รอบๆ ตาซึ่งบางครง้ั กม็ หี ยดน้ำตา
ดว้ ย
๓.๔.๒ ความเชือ่ ของเทพฮอรัส
คนอยี ปิ ต์โบราณมคี วามเช่อื ว่าการเกิดกลางวนั กลางคนื นั้นเกดิ จากการบินรอบโลกของเทพฮอรัส
ฮอรัสเตบิ ใหญ่ขนึ้ ด้วยการเล้ียงดูของพระมารดาทีแ่ ซมมสิ และได้รบั การฝกึ เพลงอาวธุ และเวทมนตร์ จากพระ
มารดาและเทพฮามาคิสตผ์ เู้ ป็นลงุ
๓.๔.๓ บชู าแล้วไดอ้ ะไร
ชาวอียปิ ต์โบราณนับถือดวงตาของฮอรัสเปน็ สญั ลักษณข์ องการปกป้องคุ้มครองและยงั ไดร้ ับการ
เปรียบว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรอบรู้ สุขภาพดี และความมั่งคัง่ นอกจากนี้ คนโบราณยงั เคารพดวงตาของฮอรัส
เสมอื นตัวแทนของอาณาจักรใหม่อนั เป็นนิรันดร์จากฟาโรหอ์ งคห์ นึ่งไปสู่ฟาโรห์อกี องคห์ นึ่งโดยชาวอยี ิปตเ์ ชอื่ ว่า
สญั ลกั ษณน์ ้มี ีพลังอำนาจมหาศาลและมีเวทมนตร์ที่สง่ ผลต่อการสร้างความเปน็ อันหน่ึงอันเดียวกันใหก้ ับโลกท่ีไม่มี
ความม่ันคง และแก้ไขส่ิงที่ไมเ่ ทย่ี งธรรมรวมท้ังยงั เช่ือวา่ สัญลกั ษณ์ของส่ิงท่ีไม่มสี ่งิ ใดทำลายได้นจ้ี ะชว่ ยในการเกิด
ใหม่อีกครัง้ ดว้ ย
๑๑
๓.๕ เทพโอซรี ิส (Osiris) เทพแห่งสนั ติของชาวอยี ิปต์
๓.๕.๑ ตำนานของเทพโอซรี ิส
ชื่อน้คี อื ช่อื เทพรุ่นแรกสุดของอยี ิปตเ์ ปน็ เทพที่ได้ชื่อวา่ รังเกียจความรนุ แรงจับใจที่สดุ องคห์ นงึ่ ความ
รังเกยี จเชน่ น้กี ลายเป็นเร่ืองที่นา่ ลำบากใจจรงิ ๆ ไมช่ ้าไมน่ านเม่อื ทา้ วเธอตอ้ งกลายมาเป็นเทพผปู้ กครองอียิปต์
พระองค์พบว่า ประชากรอนั มากมายของพระองคเ์ วลานัน้ เป็นพวกปา่ เถื่อนแบบบริสุทธิจ์ รงิ ๆ ท้งั ไมส่ ามรถคิดอ่าน
อะไรเองได้เนื่องจากความไมร่ ู้ และยงั ไร้ศีลธรรมอกี ดว้ ยแต่ถงึ อย่างไรก็ตามโอซิริสกย็ งั สามรถโนม้ นา้ วบรรดา
ประชาชนเหลา่ น้นั ใหม้ าเชอื่ ฟังกฎระเบียบของพระองคไ์ ด้เช่อื ไหมว่าพระองค์สอนดว้ ยวธิ ีสนั ติเพียงอย่างเดียวให้รู้
ถงึ การอยู่ร่วมกนั อย่างเป็นสขุ ตั้งสงั คมขน้ึ และบรหิ ารสงั คมน้นั ด้วยวนิ ยั และศีลธรรม โอซริ สิ สอนให้มกี าร
เพาะปลูกทั่วไป สอนให้ทำขนมปงั เป็นอาหาร แถมยังสอนให้หมกั ไวนแ์ ละเบียรเ์ พ่ือความสนุกสนานอกี ซะด้วย
โอซิริสสร้างบา้ นแปลงเมือง สรา้ งวัดวาอารามและมีการสร้างเทวรปู ไว้บชู าเป้นรปู แรกพระองค์สร้างดนตรีไวเ้ พ่ือ
ความเพลิดเพลนิ และการบูชาภายใตก้ ารปกครองของโอซิริสและมเหสีคือ ไอซิส (Isis)อยี ิปต์กลายเปน็ ชาติทย่ี ิ่งใหญ่
ในโลกโบราณเชียวล่ะแล้วตอนนั้นเองท่โี อซิรสิ ตงั้ ใจว่าจะเผยแพรอ่ ารยธรรมของพระองค์ไปท่วั โลก แต่เนอื่ งจาก
เป็นคนท่เี กลียดความรนุ แรงในการเผยแพร่อารยธรรมในครั้งน้ีโอซริ ิสจึงไม่ไดใ้ ช้กำลังทางทหารเลยพระองคใ์ ช้เวท
มนตรข์ องดนตรแี ละบทเพลงของพระองค์เทา่ นั้น แต่วา่ ชาตแิ ลว้ ชาตเิ ล่าก็ตอ้ นรับอารยธรรมท่พี ระองคน์ ำไปให้
๑๒
ทา้ ยทส่ี ุดเม่ือโอซิรสิ กลบั ถงึ บา้ นพระองค์ก็ได้เผยแพร่ความเจรญิ ใหก้ บั ส่วนอนื่ ๆ ของโลกจนครบสว่ นในอียิปตต์ อน
ทโี่ อซริ ิสไม่อยู่ ราชนิ ไี อซสิ ก็ได้สานตอ่ งานของพระสวามดี ้วยการสอนผู้หญงิ อียิปตใ์ นงานป่ันดา้ ยและทอผ้า สอนให้
ผู้ชายรกั ษาคนป่วย ไอซสิ คิดค้นการแต่งงานซ่ึงทำให้ผู้หญงิ และชายจะแบ่งปันความสุขและแรงงานระหวา่ งกัน
ภายใต้การปกคองท่ีรุ่งเรืองของโอซิริสและไอซสิ โลกของเราน่าจะมีสนตสิ ขุ จริงๆแต่นนั่ จะตอ้ งไม่มีเซท (Set)
น้องชายทรยศของโอซริ สิ เองซึง่ เปน็ ผู้ทำให้ยคุ ทองนล้ี ่มสลายลงด้วยนิสัยของมนุษยเ์ รานี่ละ ใช่ว่าจะมคี นแบบ
เดียวกันท้ังโลกดงั นน้ั พวกท่ีมีจติ คิดอิจฉารษิ ยาจึงเขา้ พวกกับเซทกนั มากเหมือนกนั และพวกท่รี ้ายๆ แบบน้กี ็พากัน
หาอุบายมาฆา่ โอซริ ิสจนสำเร็จจักการเอาพระศพยัดลงโลง แลว้ เอาไปถ่วงในแม่น้ำไนล์ แต่ว่าโลงพระศพกลับลอ่ ง
ลอบออกไปทางปากแม่น้ำสู่ทะเลจนไปเกยฝ่งั ท่ีฟีเนียเซยี ราชินไี อซสิ ผโู้ ศกเศรา้ ได้พยายามตดิ ตามหาพระศพของ
พระสวามจี นมาพบและได้ชว่ ยชบุ ชวี ิตของพระองคข์ นึ้ มาใหม่ความผดิ พลาดของการท่ีพระองค์ไมป่ รารถนาทจ่ี ะใช้
กำลงั รนุ แรงนนีล่ ะทำให้พระองค์พลาดอกี ครั้งอย่างจังเบอรเ์ ลย เมือ่ พระองคไ์ ม่ลงทัณฑ์เซทกลับปล่อยเอาไว้ให้เป็น
เสี้ยนหนามในทส่ี ุดไม่ชา้ ไม่นานเซทกว็ างแผนฆ่าพระองค์อกี จนได้ คราวนสี้ ับพระศพแยกออกเปน็ สว่ นๆ ถงึ สบิ สี่ชนิ้
กะไมม่ ีการชบุ ชวี ิตขึ้นได้อีกครั้งโดยเด็ดขาดแล้วเอาช้ินส่วนเหล่านี้ไปโปรยทั่วอยี ปิ ต์รอ้ นถึงไอซิสผโู้ ชคร้ายต้อง
ติดตามช้ินสว่ นของพระสวามีตามท่ีต่างๆนำมาประกอบเป็นรูปร่างและคิดคน้ เทคนคิ การดองศพเพ่อื ชบุ โอซิรสิ
ข้ึนมาเป็นครั้งทสี่ องแต่วา่ คราวนี้พระองค์กลับไดร้ ับการเลือกใหเ้ ป็นผู้ปกครองดนิ แดนแห่งความตายนิรันดร์ เป็นที่
ซึ่งพระองคจ์ ะไม่คืนมาสู่อยี ิปต์ในรูปของมนษุ ย์อีกตอ่ ไปอียิปต์ในความดแู ลของพระองค์เหลือเพียงเร่ืองของการ
อำนวยผลแหง่ ความอุดมของดนิ และสายน้ำท่เี ป็นแหล่งก่อกำเนดิ ชีวติ ของแมน่ ้ำไนล์ แล้วเซทผ้รู ิษยาล่ะ
หลังจากที่ฆา่ พีช่ ายตายจนโอซิริสกลายเปน็ เทพแหง่ อาณาจักรในความมืดเซทยังไมล่ ดละความรษิ ยาลงเลย ยงั คง
ตามจองลา้ งด้วยการนำเอาความแหง้ แลง้ และพายทุ รายมารบกวนอยี ิปต์อยู่เนอื งๆส่วนไอซสิ ราชนิ หี มา้ ย
ซ่ึงแสนจะโสกเศรา้ กับการจากไปของพระสวามีก็มีชะตากรรมสดุ ทา้ ยที่ไรค้ วามสขุ เมื่อโอรสของพระองค์กับโอซริ สิ
คือ โฮรัส (Horus) ตอ้ งการจะแกแ้ คน้ เซทพระนางทรงห้ามดว้ ยไม่ต้องกานให้เกดิ ความรุนแรงขึ้นตามนโยบายของ
พระสวามแี ต่คราวนโ้ี ฮรสั เกดิ บนั ดาลโทสะฟาดดาบตัดศีรษะพระมารดาสิน้ ชีพพระนางไอซสิ หลังจากสิน้ ชีพแล้วก็
กลายเปน็ เทวที ชี่ ว่ ยให้คนตายไดไ้ ปพบกบั โอซริ สิ ฉะนั้นคนดีที่กำลงั จะตายเหน็ จะไมต่ ้องกลัวอะไรเพราะเทพและ
เทวคี ู่น้ีจะเป็นผู้นำทางเขาไปนิรันดรก์ าล
๓.๕.๒ ความเช่ือของเทพโอซิริส
เมือ่ ปรากฏตวั ครัง้ แรกทีส่ ดุ ในราชวงศ์ท่ี ๕ ของราชอาณาจกั รเกา่ (ปลายศตวรรษท่ี ๒๕ ถงึ กลาง
ศตวรรษที่ ๒๔ กอ่ นคริสตศักราช) โอซิริสถูกพรรณนาว่าเป็นศีรษะและลำตวั ส่วนบนของเทพเจ้าพร้อมดว้ ย
สญั ลกั ษณ์อักษรอยี ปิ ตโ์ บราณของช่ือของโอริซิส เขามกั ถูกมองวา่ หอ่ ตวั เป็นมัมมี่ แต่แขนของเขาเปน็ อสิ ระและถือ
ข้อพบั และไม้ตีพรกิ ซง่ึ เปน็ สญั ลักษณข์ องสถานะของเขาในฐานะฟาโรห์ เขาสวมมงกุฎทโ่ี ดดเดน่ ทเี่ รียกวา่ "Atef"
๑๓
ซึ่งมีเขาของแกะท่ีฐานและตรงกลางรูปกรวยสงู ที่มีขนนกในแตล่ ะดา้ น อย่างไรกต็ ามในเวลาตอ่ มาโอซริ ิสเป็นท้งั
มนษุ ยแ์ ละเทพเจ้า เขาถือเป็นหนงึ่ ในฟาโรห์ในยุค "predynastic" ของศาสนาอียปิ ต์เมือ่ Ennead สรา้ งโลก เขา
ปกครองในฐานะฟาโรหต์ ่อจากเกบบดิ าของเขาและเขาได้รับการยกย่องวา่ เปน็ "ราชาทดี่ ี" ซงึ่ ขดั แยง้ กับเซ ธ
นอ้ งชายของเขา ต่อมานักเขียนชาวกรกี อา้ งว่าโอซริ สิ และมเหสีของเขาเทพไี อซสิ เปน็ ผู้ก่อตงั้ อารยธรรมมนุษยซ์ ึง่
สอนการเกษตรและงานฝมี ือให้กับมนษุ ย์
๓.๕.๓ บชู าแล้วได้อะไร
ถือกนั มาระยะหนงึ่ ว่า โอไซรสิ เป็นโอรสของเก็บ (Geb) เทพผืนดนิ กบั นัต (Nut) เทพีท้องฟ้าทงั้ เปน็
เชษฐภาดาและภัสดาของไอซิส (Isis) มโี อรสดว้ ยกนั หน่ึงองค์เมอื่ ส้นิ ชนม์ไปแลว้ คือ ฮอรัส (Horus) โอไซรสิ ยัง
เกี่ยวเนอ่ื งกับสมญาท่ีวา่ "เคน็ ที-อาเมนทีอู" (Khenti-Amentiu) แปลว่า ทสี่ ุดแหง่ ชาวตะวนั ตก ซึง่ หมายถงึ การได้
ปกครองนรกภมู โิ อไซริสในฐานะมัจจรุ าชน้นั บางทีไดร้ ับการเรียกขานวา่ "เจ้าชวี ิต" (king of the living) เพราะชาว
อยี ปิ ตโ์ บราณถือว่า วิญญาณทีไ่ ดร้ บั เซ่นสรวงบชู านัน้ เปน็ "สิ่งมีชีวติ " (living one) โอไซริสปรากฏเป็นครง้ั แรก
ในชว่ งกลางราชวงศท์ ี่ห้าแห่งอยี ปิ ต์ แตน่ า่ เช่ือวา่ ไดร้ ับการเคารพบชู ามาก่อนหน้าน้นั แล้ว นอกจากนี้ สมญา
"เคน็ ที-อาเมนทอี "ู ยังปรากฏย้อนหลงั ไปถึงราชวงศ์ทีห่ นงึ่ โดยเปน็ สมญั ญาสำหรับพระมหากษตั รยิ ์ด้วย เรอ่ื งราว
เกย่ี วกบั โอไซริสนัน้ ส่วนใหญ่ไดม้ าจากการกล่าวถงึ ในตำราพีระมิด
๑๔
๓.๖ เทวเี สลเคต(Selket) หรือเสร์คูเอต (Serquet) เทวีแห่งแมงป่อง
๓.๖.๑ ตำนานของเทวเี สลเคต
เทวีเสลเคต(Selket) หรอื เสร์คเู อต (Serquet) หรอื ทค่ี นทวั่ ไปเรยี กว่า ‘เทวีแมงปอ่ ง’ เป็นผู้มชี ่ือเสียง
ขน้ึ มาเน่ืองจากราชาแมงป่อง ซงึ่ เปน็ กษัตรยิ ก่อนราชวงศ์ เทวเี สลเคตเป็นผทู้ ่มี ีความเก่ียวขอ้ งกับความอุดมสมบูรณ์
เนอ่ื งจากพระนางคือหนงึ่ ในเทวผี มู้ ีหน้าท่ีพิทักษ์ต้นนำ้ ทง้ั ส่ีแห่งแม่น้ำนลิ หนา้ ท่ีสำคญั ของเทวเี สลเคต คือ การเฝา้ งู
อาโปฟิส ซึ่งเป็นศตั รขู องเทพราที่ถูกจองจำอย่างแนน่ หนาไว้ใต้พิภพ เทวเี สลเคต เปน็ ชายาของเทพเนเฆบคาอู
(Nekhebkau) เทพแหง่ งูใหญ่ ผู้มีแขนเปน็ มนุษย์ ในบางคร้ังกก็ ลา่ วกันวา่ เป็นหนง่ึ ในเหลา่ ปศี าจซงึ่ อาศยั อยใู่ ต้โลก
เทวเี สลเคตสวรรคตเน่ืองจากถูกมัดดว้ ยโซ่ แต่พระสวามีของเธอกม็ าคอยให้อาหารแก่วิญญาณของผู้ตายเร่ือยไป
๓.๖.๒ ความเชื่อของเทวีเสลเคต
เทวีแมงปอ่ งมีชื่อเสียงขนึ้ มาโดยราชาแมงป่อง กษตั รยิ ก่อนราชวงศ์พระนางเกย่ี วขอ้ งกบั ความอุดม
สมบรู ณเ์ พราะพระนางเป็นหนึง่ ในเทวีผู้พทิ ักษ์ต้นนำ้ ทั้งสแ่ี ห่งแมน่ ำ้ นิล หนา้ ท่ขี องเทวเี สลเคตคือ เป็นคนเฝา้ งูอาโป
ฟสิ ศัตรขู องเทพราท่ีถูกมัดและขังไวใ้ ต้พภิ พ พระนางเปน็ ชายาของเทพเนเฆบคาอู(Nekhebkau) เทพแหง่ งใู หญ่
แขนเปน็ มนุษยซ์ ึง่ บางครงั้ ก็ถือว่าเปน็ หน่ึงในเหลา่ ปีศาจซึ่งอาศัยอยูใ่ ต้โลก กล่าวกันว่าเทวเี สลเคตถกู มัดด้วยโซ่จน
๑๕
สวรรคต แต่พระสวามีของเธอบางครงั้ กเ็ ป็นเทพที่ดี คอยให้อาหารแก่วิญญาณของผูต้ ายถ้าในกรณีนี้ เทวเี สลเคตก็
เปน็ เทวีทด่ี ีดว้ ย
๓.๖.๓ บชู าแลว้ ได้อะไร
พระนางเกย่ี วข้องกบั ความอุดมสมบูรณเ์ พราะพระนางเปน็ หน่ึงในเทวีผู้พิทกั ษ์ต้นนำ้ ท้ังสี่แห่งแมน่ ้ำนลิ
หนา้ ที่ของเทวีเสลเคตคือ เป็นคนเฝา้ งอู าโปฟิส ศัตรูของเทพราทถ่ี ูกมดั และขงั ไว้ใต้พภิ พ พระนางเป็นชายาของเทพ
เนเฆบคาอ(ู Nekhebkau) เทพแหง่ งูใหญ่ มแี ขนเปน็ มนุษย์ ซึง่ บางคร้ังก็ถือว่าเปน็ หน่ึงในเหลา่ ปีศาจซ่งึ อาศัยอยู่ใต้
โลกกล่าวกันวา่ เทวีเสลเคตถูกมดั ดว้ ยโซจ่ นสวรรคต
๑๖
๓.๗ อมิ โฮเทป
๓.๗.๑ ตำนานของอิมโฮเทป
อมิ โฮเทปเป็นชนชนั้ สามัญโดยกำเนิด ตำแหน่งของเขาท่ีถูกจารึกไวม้ หี ลายตำแหนง่ เช่น อคั รมหา
เสนาบดีหลวง ผปู้ กครองคฤหาสน์ สมาชกิ แห่งชนชัน้ สงู และผู้ดแู ลชา่ งก่ออฐิ และชา่ งสนี อกจากน้ันตำแหน่งท่ี
สำคัญอน่ื ๆยังมีอกี มากมาย เช่นสถาปนกิ แพทย์ นักประพันธ์ และนักบวชแห่งเทพปทาห์ ในฐานะนกั บวชแหง่
เทพปทาหม์ ตี ำนานกลา่ ววา่ อิมโฮเทปเปน็ บุตรของเทพปทาห์ โดยมพี ระมารดาเปน็ มนุษย์นามวา่ ครีดอู งั ค์
อิมโฮเทป (Imhotep) ในชว่ งชีวติ ของอิมโฮเทป เขาก้าวเข้าสคู่ วามรุ่งเรอื งโดยไตเ่ ตา้ มาจากนกั บวช จนได้ดำรง
ตำแหน่งนกั บวชชั้นสูง แตเ่ ขาก็ไม่ไดห้ ยุดเพยี งเท่านี้ เขายงั ศกึ ษาหาความร้ดู า้ นอน่ื ๆไปด้วย เช่นเรอ่ื งของการแพทย์
การประพันธ์ และความรู้ทัว่ ๆไป อมิ โฮเทปยงั ไม่ได้รบั การนับถือเป็นเทพเจา้ ในตอนทีย่ งั มีชวี ิต แตเ่ ขาไดร้ ับการ
เคารพบูชาเปน็ เทพเจา้ แหง่ การแพทย์ในสมยั ท่ี ฟาโรหป์ โตเลมี เขา้ ปกครองประมาณปี ๓๐๐ BC และเนื่องด้วย
ชอื่ เสยี งของอมิ โฮเทปท่เี กย่ี วข้องกับการศึกษาหาความรู้ทำให้อมิ โฮเทปเข้าไปเก่ียวข้องกับเทพ ธอธ ซึ่งเป็นเทพ
แห่งการเรียนรแู้ ละความฉลาดอกี ดว้ ย
๓.๗.๒ ความเช่อื ของอิมโฮเทป
อิมโฮเทป เป็นอัครเสนาบดขี องฟาโรหโ์ จเฟอร์ ฟาโรห์องคแ์ รกหรอื องค์ท่ี ๒ ของราชวงศ์ท่ี ๓
มเี มืองหลวงอยู่ท่ีเมอื งเมมฟิสเป็นคนแรกท่ีบันทึกประวัตศิ าสตร์ของชาวไอยค์ ปุ ต์ไว้ มีชอ่ื เสยี งโด่งดงั ใน
ความสามารถ เป็นทัง้ นกั เขียน เปน็ หมอ เป็นนักบวชทเ่ี รียนรหู้ ลกั คำสอนของเฮลีออโปลเี ทน และเปน็ ผูท้ ่ีค้นพบ
๑๗
หลกั วิชาดาราศาสตร์ และสถาปัตยกรรม ความฉลาดปราดเปรือ่ งของอมิ โฮเทปทำใหป้ ระชาชนเชื่อถืออิมโฮเทปใน
นามของพีระมดิ ขน้ั บันได กรือ มาสตาแหง่ โจเฟอร์ ท่ซี ักการา ใกลๆ้ เมืองเมมฟิส สญั ลักษณ์ของอมิ โฮเทป คือ
นกั บวชที่โกนหัว นง่ั หรือคกุ เข่าบนม้วนกระดาษพาไพรสั บางคร้ังก็สวมกระโปรงยาวอย่างนกั บวช มว้ นกระดาษพา
ไพรสุ แสดงถึงแหล่งความรู้ ส่วนการแต่งการอยา่ งนักบวชนนั้ เปน็ สัญลัษณข์ องความบริสทุ ธิ์ทางศาสนา
๓.๗.๓ บชู าแลว้ ได้อะไร
การบชู าอิมโฮเทปในฐานะเทพเจ้าข้นึ ถงึ สูงสดุ ในยุคปลายและยุคกรีก-โรมนั มแี ท่นบูชามากมายสร้าง
เพอื่ ุทศิ ให้แดอ่ ิมโฮเทปท่เี มืองซักคาร่า เกาะฟิเล และเมืองธีปส์ บรเิ วณวิหารประกอบพิธีศพของฟาโรห์หญงิ ฮัตเซป
ซตุ ทเี่ ดียร์เอล-บาหรยี ์ และวิหารแห่งเทพีฮาเทอรท์ ่ีเดียร์ เอล-เมดินา
มีผ้มู าแสวงบุญในยุคหลังๆมากมายท่ีต้องการให้อมิ โฮเทปในฐานะเทพเจ้าชว่ ยรักษาโรคให้ พวกเขาจะนำอวยั วะ
จำลองเชน่ พวกแขนขา หรืออวยั วะทีพ่ วกเขาร้สู กึ เจบ็ ป่วยมาวางไว้ และหวงั วา่ อมิ โฮเทปและเทพเจา้ ทั้งหลายจะ
ชว่ ยรกั ษาใหห้ ายได้
๑๘
๓.๘ อาเมนโฮเตป
๓.๘.๑ ตำนานของอาเมนโฮเทป
เป็นเทพเจา้ ผู้ย่ิงใหญแ่ หง่ เมืองธีบส์ มรี ปู เป็นบรุ ุษเพศ เศียรประดับศริ าภรณร์ ูปขนนกยาว ยุคหลังพระ
นามเพย้ี นเปน็ อาตอนหรอื อาเตน ในยคุ ของฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ ๔ ได้ทรงพยายามให้คนอยี ปิ ต์ท้ังมวลหันมา
เคารพเทพอาเตนเพียงองศ์เดียวซง่ึ นับ เปน็ ความพยายามในการปฎริ ูป ความเชื่อคร้ังยงิ่ ใหญ่ โดยฟาโรหเ์ องได้
เปลี่ยนพระนามเปน็ อัคนาเตน(Akhenaten) และฟาโรห์องศต์ ่อมาก็ทรงพระนามท่ีเกย่ี วข้อง คือ ตตุ ันคาเมน เปน็
ตน้ อาเตนหรืออามุน ถือเปน็ เทพแหง่ ดวงอาทิตย์ ไดถ้ ูกนำมารวมกับ ราหรอื เร กลายเป็นสรุ ยิ เทพซงึ่ เปน็ ใหญ่เหนือ
เทพท้ังปวง
๓.๘.๒ ความเชือ่ ของอาเมนโฮเทป
ทรงเชอ่ื วา่ พระองค์คือผ้สู ่งสาส์นของเทพเจ้าอาเทนรา ทางเดยี วทีผ่ ู้คนจะสัมผสั พระเจา้ ได้ ก็คือการ
ติดต่อผ่านพระองค์ ฟาโรหอ์ าเมนโฮเทปไดม้ รี ับส่ังให้จดั การกบั เหลา่ นกั บวชผรู้ บั ใชพ้ ระเจ้าองค์อื่นๆ และใหร้ บิ เงิน
ของนักบวชองค์อืน่ ๆ มาให้แก่อาเทนราต่อมา ครอบครวั ของพระองคก์ ็ไดย้ า้ ยจากเมอื งธีบส์ ไปยงั เมืองหลวงใหม่
นัน่ คอื “อมารน์ า (Amarna)” เมอื งอมารน์ ากินพนื้ ทกี่ วา้ งกวา่ แปดไมล์ (ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร) ในบริเวณทั้งสอง
ชายฝ่ังแมน่ ้ำไนล์ และในทีน่ เี้ อง ฟาโรห์อาเมนโฮเทปก็ไดท้ รงทำสิ่งทแ่ี ตกตา่ งจากคนอ่ืนๆโดยปกติแลว้ ดนิ แดนทาง
ตะวันตกของแม่นำ้ จะเป็นสถานทๆ่ี ใช้ฝงั ศพคนตาย เน่ืองจากดวงอาทติ ย์จะตกทางฝงั่ ตะวันตกทุกๆ เย็น
๑๙
เป็นการสอื่ วา่ ดวงอาทิตยด์ บั ไปในเวลาเย็น ไม่ตา่ งจากความตายที่นำพาจดุ จบมาสชู่ ีวิต ดงั นั้นจึงมกี ารฝงั ศพคนตาย
ในดินแดนฝ่ังตะวันตก แต่ ณ เมอื งใหมน่ ี้ ฟาโรหอ์ าเมนโฮเทปตัดสนิ พระทัยที่จะทำตรงข้าม พระองคท์ รงมรี ับสง่ั ให้
สรา้ งสุสานยงั ตะวนั ออกของแม่นำ้ สว่ นทางฝง่ั ตะวนั ตก ให้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คน บ้านเรือน และวหิ ารสำหรบั
บูชาเทพเจ้าอาเทนราไดถ้ ูกสร้างข้นึ วิหารใหมน่ ถี้ ูกสร้างอย่างเปดิ โลง่ เปดิ รบั แสงอาทิตย์ ซ่งึ ตา่ งจากวหิ ารที่ผา่ นๆ
มาทม่ี ีลักษณะปิด นอกจากน้ัน สิง่ ท่ฟี าโรหอ์ าเมนโฮเทปมรี บั ส่ังใหเ้ ปลย่ี น ก็คือการวาดภาพ
ทผี่ า่ นมา ศิลปนิ จะวาดภาพให้บคุ คลออกมาดูดี ดูดีกวา่ ความเป็นจริง แตฟ่ าโรห์อาเมนโฮเทปทรงมีรบั ส่ังใหว้ าดรปู
ตามความเปน็ จริง แตอ่ ย่างไรก็ตาม หลายสง่ิ ท่ีฟาโรห์อาเมนโฮเทปทรงมรี ับสง่ั ให้เปล่ยี นก็ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป
ภายหลงั จากที่พระองคส์ วรรคต ทกุ อย่างท่ีพระองค์มีรับสงั่ ให้เปลย่ี นกไ็ ด้หยดุ ชะงกั ธรรมเนียมต่างๆ ก็กลับมาเป็น
เหมอื นเดิม และเมืองอมารน์ าก็กลายเป็นเมืองร้าง เวลาน้ัน นบั เปน็ ช่วงเวลาทีว่ นุ่ วายสบั สน ผูค้ นเรม่ิ จะคนุ้ ชินกับ
ธรรมเนียม ความเชื่อใหมๆ่ แต่แลว้ ทุกอย่างก็กลับเป็นเหมือนเดมิ ก่อนหน้าท่ีจะมีการเปล่ยี นแปลงในสมยั ฟาโรห์
อาเมนโฮเทป
๓.๘.๓ บชู าแล้วไดอ้ ะไร
คนในยุคหลังก็ได้บชู าเขาในฐานะเทพเจ้าแหง่ ความเฉลยี วฉลาดและปญั ญา นอกจากนน้ั ในชว่ งกรกี -
โรมนั อาเมนโฮเทป บุตรแหง่ ฮาปกู ็ไดร้ บั การเคารพบชู าในฐานะเทพเจ้าแห่งการเยยี วยารกั ษา แถมยังไดร้ ับการ
จารกึ ภาพสลักเคียงขา้ งอมิ โฮเทปในฐานสองเทพเจา้ แหง่ การรักษาโรคภัยไขเ้ จ็บอีกด้วย
๒๐
๓.๙ ฮาเธอร์
๓.๙.๑ ตำนานของฮาเธอร์
นางเป็นธดิ าแห่งเทพราผู้ยิ่งใหญ่ชายาของเทพฮอรสั ชดุ เต็มยศของนางจะมีมงกฎุ รปู เขาววั ประดับอัญ
มณีแห่งสรุ ยิ เทพ เปน็ เทพแหง่ ความรักและการกำเนิด โดยเร่อื งราวของฮาเธอร์มหี ลายตำนาน ท้งั ทีร่ ะบุในคัมภรี ์
มรณะทว่ี ่า นางเปน็ ผู้คอยต้อนรบั วิญญาณมนษุ ย์ที่จะเดินทางเข้าสปู่ รโลก นอกจากนย้ี งั มีกล่าววา่ นางเปน็ เทพีแหง่
ความสุข การแต่งงาน การเต้นรำ และความงดงาม ซ่งึ ถอื วา่ เปน็ หนึ่งในเทพทสี่ งู ค่าเลยทีเดียว โดยชาวอียิปต์ท่นี ับ
ถอื เทพฮาเธอร์ สว่ นใหญจ่ ะอยใู่ นนิกายทีน่ ับถือสุริยเทพหรือ เทพรา
๓.๙.๒ ความเชือ่ ของเทพฮาเธอร์
ชาวอียิปตเ์ ชือ่ ว่าพระนางเป็นเทพแี ห่งความสขุ และถือว่าเปน็ เทพท่สี งู ค่าของอยี ิปต์ ด่ังตวั แทนของการ
สร้างความสขุ และการสง่ มอบความรกั อุดมด้วยส่วนผสมท่ีทรงคณุ คา่ แรงบนั ดาลใจจากกรรมวธิ ี ทล่ี ้ำลึกถงึ จติ
วญิ ญาณ ด้วยกล่นิ หอมหวาน คล้ายลกู อมผสมดอกไม้ ปลายกลน่ิ ออกเซ็กซ่นี ่าสัมผัส
๒๑
๓.๙.๒ บชู าแลว้ อะไร
พระนางทรงได้รับความเคารพบูชาอยา่ งตอ่ เนื่องในทุกราชวงศ์ และในแทบทกุ เมืองของอาณาจักร
อยี ิปตโ์ บราณ พระนางถกู ดงึ เข้าไปเกย่ี วขอ้ งกบั ลัทธทิ ่ีนบั ถือเทพเจ้าในหลายลัทธิ ลัทธิใดนบั ถือเทพองค์ใดเป็นใหญ่
และเคารพเทพฮี าเธอร์ด้วยกจ็ ะพยายามดงึ พระนางเขา้ ไปเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าองคน์ น้ั ไม่ทางใดกท็ างหนึ่ง
๒๒
บรรณานกุ รม
Theworldmystery. “การทำรายงาน.” (ออนไลน์). แหล่งที่มา :
https://www.facebook.com/Theworldmystery/posts/1716620975278883/. ๑๘ มีนาคม,
๒๕๕๙.
นางสาวจุฑามาศ พอนเบา้ . “การทำรายงาน.” (ออนไลน)์ . แหล่งทม่ี า :
https://sites.google.com/site/wittawat63874/link1?fbclid=IwAR15V5X2fEVuzexCjTthasxf3y
CmILssacmpF5fnsH5xYc_GsUJw98yW-4c. ๑๒ มกราคม, ๒๕๕๗.
Mata. “การทำรายงาน.” (ออนไลน์). แหล่งท่ีมา :
http://www.ipoaa.com/imhotep_true_father_medicine.htm,
https://sites.google.com/site/453046/453046, th.wikipedia.org. ๙ กนั ยายน, ๒๕๕๔.
นางสาวจุฑามาศ พอนเบา้ . “การทำรายงาน.” (ออนไลน)์ . แหลง่ ที่มา :
https://sites.google.com/site/prawatikhwampenmakhxngmammi/phu-cad-tha. ๒๓ มีนาคม,
๒๕๕๗.
Timeless history. “การทำรายงาน.” (ออนไลน์). แหลง่ ท่ีมา :
https://www.blockdit.com/posts/5ebae0ac619e280c97d0be5a?fbclid=IwAR37sHzBJDjVTXj
yhYYEhGbrZuNw1eoX0L_8sQQXBQObsKAnjxxFaZbA7GQ. ๑๓ พฤศภาคม, ๒๕๖๓.
ณฐั พล เดชขจร. “การทำรายงาน.” (ออนไลน์). แหลง่ ท่ีมา :
https://www.gypzyworld.com/article/view/857?fbclid=IwAR2uJrFWijN99M24ujIhuxRzpd3fA
xJ0-uZ48WkWsKE_X2bHumUa0dnI9X4. ๗ พฤศจิกายน, ๒๕๖๐.
ฮาเธอร.์ “การทำรายงาน.” (ออนไลน์). แหล่งท่มี า :
https://japarathailand.com/product/harthor-
%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C/?fbc
lid
๒๓
fbclid=IwAR3e4gxxXjb-tHbg5Sq1YQ1mksGCjM_Xp5SALr2lMGwfFUqwTpXH2Z-Phv4. ๕ กรกฎาคม,
๒๕๕๖.
ณฐั พล เดชขจร. การทำรายงาน. พิมพค์ รั้งท่ี ๑. กรงุ เทพมหานคร : ยปิ ซี กรุ๊ป, บจก, ๒๕๖๒.