43 ก าหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 และหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ 1.3 ศึกษาทฤษฎีหลักการและแนวคิดเกี่ยวกับการจัดท าแผนการจัดการเรียนรู้(วิมล รัตน์ สุนทรโรจน์. 2550:300) ศึกษาแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) 1.4 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาสาระส าคัญและจุดประสงค์การเรียนรู้ เรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่ารำและแถวประกอบเพลง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ จากค าอธิบายรายวิชาในหลักสูตรโรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ 1.5 จัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ความคิดรวบยอด และจุดประสงค์การเรียนรู้การสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่ารำและแถว ประกอบเพลง โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมี จ านวน 6 แผนใช้เวลาในการสอนทั้งหมด 6 ชั่วโมง ไม่รวมการทดสอบหลังเรียนมีรายละเอียด ดังนี้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับนาฏศิลป์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง นาฏยศัพท์ เเผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การเคลื่อนไหวท่าทางตามแบบนาฏศิลป์ไทย แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การตีบทในการแสดง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง การคิดและการประดิษฐ์ท่ารำ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง การแปรแถว 1.6 น าแผนการจัดการเรียนรู้ เรื ่อง การคิดสร้างสรรค์ท่ารำและแถว ประกอบเพลง โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ที่สร้างเสร็จแล้ว เสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ความสอดคล้อง ครอบคลุมของรูปแบบ เนื้อหา จุดประสงค์การเรียนรู้ หลักการและแนวคิด 1.7 แก้ไข ปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ตามข้อเสนอแนะของอาจารย์ที่ปรึกษา 1.8 น าแผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่ารำและแถวประกอบเพลง โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน เพื่อ พิจารณาตรวจสอบความถูกต้องด้านรูปแบบการจัดการเรียนการสอน ภาษาที่ใช้ วิธีการวัดผลและ ประเมินผล ตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา โดยใช้แบบประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ มี ลักษณะมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ตามวิธีของ (Likert) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญประกอบด้วย
44 1) นางรัชนี บุญสิทธิ์ ครูช านาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล ๗ รถไฟสงเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา 2) นายกิจติทองมีขวัญ ครูช านาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล ๗ รถไฟสงเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา 3) นางสาวเพลินพรรณ พันธ์ณวงศ์ ครูช านาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล ๗ รถไฟสงเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัดผลประเมินผล 1.9 น าผลการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนประเมินแล้วมา วิเคราะห์ หาค่าเฉลี่ย เพื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์คุณภาพ และความเหมาะสม โดยท าแบบประเมินให้ ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาในแต่ละข้อ โดยก าหนดคะแนน การพิจารณาดังนี้ + 1= เมื่อผู้เชี่ยวชาญแน่ใจว่าแผนการจัดการเรียนรู้นั้นสอดคล้องกับเนื้อหา ตามจุดประสงค์ที่ ต้องการวัด 0 = เมื่อผู้เชี่ยวชาญไม่แน่ใจว่าแผนการจัดการเรียนรู้นั้นสอดคล้องกับเนื้อหา ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการวัด - 1= เมื่อผู้เชี่ยวชาญแน่ใจว่าแผนการจัดการเรียนรู้นั้นไม่สอดคล้องกับเนื้อหา ตามจุดประสงค์ที่ต้องการวัด ถ้าค่า IOC มีค่า มากกว่าหรือเท่ากับ 0.50 ขึ้นไป แสดงว่าแผนการจัดการเรียนรู้นั้น ใช้ได้ มี ความเหมาะสมหรือมีความสอดคล้องกับจุดประสงค์หรือลักษณะพฤติกรรม แต่ล้ามีค่าน้อย กว่า 0.50 แสดงว่าแผนการจัดการเรียนรู้นั้นไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์หรือ ลักษณะพฤติกรรม ควรตัดออก หรือปรับปรุงแก้ไข ผลการประเมินค่า IOC มีค่าระหว่าง 0.80 - 1.00 (ภาคผนวก) 1.10 ปรับปรุงแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้ตามข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ 1.11 น าแผนการสอนที่ผ่านการปรับปรุงแล้ว จัดพิมพ์เพื ่อใชในการสอนกับกลุ่ม ตัวอย่างต่อไป 2. แบบวัดทักษะปฏิบัติ เรื่อง เรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่ารำและแถวประกอบเพลง กลุ่ม สาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระนาฏศิลป์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จ านวน 1 ชุด ผู้วิจัยด าเนินการสร้างและ หาคุณภาพ ดังนี้ 2.1 ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการ เรียนรู้ศิลปะ สาระนาฎศิลป์ และศึกษาทฤษฎีหลักการและวิธีการสร้างเครื่องมือวัดผลทางการศึกษา 2.2 ก าหนดวัตถุประสงคเนื้อหาของทักษะการปฏิบัติงานที่ชัดเจน
45 2.3 ศึกษาการสร้างแบบฟอร์มการวัดทักษะปฏิบัติเกณ์การให้คะแนนให้สอดคล้อง กับเนื้อหาที่จะวัดประเมิน เรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่ารำและแถวประกอบเพลง กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะสาระนาฏศิลป์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที ่ 1 เพื ่อเปรียบเทียบทักษะปฏิบัติเรื ่อง เรื ่อง การคิด สร้างสรรค์ท่ารำและแถวประกอบเพลงจ านวน 1 ชุดมีทั้งหมด 15 ข้อ แล้วคัดเลือกมาเป็นเครื่องมือที่ ใช้ในการวิจัย 10 ข้อ โดยพิจารณาจากข้อสอบที่มีค่าความเที่ยงตรง และความเชื่อมั่นที่ยอมรับได้ ตามเกณฑ์ 2.4 น าแบบวัดทักษะปฏิบัติให้ผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่านตรวจสอบคุณภาพแบบวัด ความ เที่ยงตรง และความเชื่อมั่นของแบบวัดภาคปฏิบัติเพื่อพิจารณาความสอดคล้องระหว่างค าถามกับ ตัวชี้วัด โดยใช้แบบประเมินที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยมีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ ให้คะแนน +1 เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบสอดคล้องกับจุดประสงค์ ให้คะแนน 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าข้อสอบสอดกล้องกับจุดประสงค์ ให้คะแนน -1 เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบนี้ไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ ผู้เชี ่ยวชาญพิจารณาแล้วน าผลการตอบมาหาค าเฉลี ่ยแล้วเทียบกับเกณฑ์เพื ่อวิเคราะห์ ข้อมูลดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อค าถามของแบบทดสอบกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมโดยใช้สูตร IOC เลือกข้อที่มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.5 ถึง 1.00 ถือเป็นข้อสอบที่อยู่ในเกณฑ์ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาที่ ใช้ได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณาว่า แบบทดสอบนี้ เป็นแบบทดสอบที่มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาเพราะ วัดตามจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมจริงโดยข้อสอบสอดคล้องกับพฤติกรรมเกือบทุกข้อถือเป็นข้อสอบที่มี ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาโดยค่าดัชนีความสอดคล้องแต่ละข้ออยู่ระหว่าง 0.8 ถึง 1.00 2.5 แก้ไขและตรวจสอบแบบฟอร์มให้ถูกต้อง 2.6 น าแบบฟอร์มไปใช้วัดทักษะปฏิบัติให้นักเรียนปฏิบัติท่าร าและแถวที่ออกแบบที่ ก าหนดในแต่ละข้อกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ ต าบลหมาก แข้ง อ าเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี 2.7 น าคะแนนนักเรียนที่ได้จากการวัดทักษะปฏิบัติมาวิเคราะห์หาทักษะการปฏิบัติ การคิดสร้างสรรค์ท่ารำและแถวประกอบเพลง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่า เกณฑ์ร้อยละ 80 3. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ เรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่า รำและแถวประกอบเพลง โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ผู้วิจัยได้ด าเนินการสร้างและพัฒนาตามขั้นตอน ดังนี้ 3.1 ศึกษาการสร้างแบบประเมินความพึงพอใจ จากหนังสือการวิจัยเบื้องต้นของ บุญชม ศรีสะอาด (2553)
46 3.2 สร้างแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ เรื่อง ภาษาท่า และนาฏยศัพท์โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 จ านวน 10 ข้อเป็น แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Sale) ตามวิธีของ (Likert) โดยก าหนดคะแนนความพึงพอใจ เป็น 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด โดยก าหนดค่าระดับของข้อค าถามใน แบบประเมิน ดังนี้ ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ให้ค่าระดับเท่ากับ 5 คะแนน ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ให้ค่าระดับเท่ากับ 4 คะแนน ความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง ให้ค่าระดับเท่ากับ 3 คะแนน ความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย ให้ค่าระดับเท่ากับ 2 คะแนน ความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อยที่สุด ให้ค่าระดับเท่ากับ 1 คะแนน ในการแปลความหมายของแบบประเมินความพึงพอใจ ใช้คะแนนเฉลี่ยที ่ได้จากการ วิเคราะห์ข้อมูลมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ จากนั้นน ามาหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยให้ ค่าเฉลี่ย ดังนี้ ค่าเฉลี่ย 4.51 - 5.00 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 3.51 - 4.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 2.51 -3.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.51 - 2.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย ค่าเฉลี่ย 1.00 - 1.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อยที่สุด 3.3 น าแบบสอบถามความพึงพอใจที่สร้างเสร็จเรียบร้อยเเล้วพร้อมทั้งแบบประเมิน ความเหมาะสมเสนอผู้เชี่ยวชาญชุดเดิม เพื่อตรวจพิจารณาความเที่ยงตรงของเนื้อหาและหาค่าความ สอดคล้อง (IOC) ของแบบสอบถามวัดความพึงพอใจตัดเลือกข้อค าถามที่มีค่าความสอดคล้องตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไปไว้ใช้ ซึ่งพบว่า ค่าความสอดคล้องมีค่าระหว่าง 0.8 - 1.00 3.4 จัดพิมพ์แบบประเมินความพึงพอใจฉบับที่สมบูรณ์และน าไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย กำรเก็บรวบรวมข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยด าเนินการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง โดยมี รายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. เตรียมกลุ่มตัวอย่างโดยการจัดท ารายชื่อนักเรียนและท าตารางก าหนดการทดลอง จัดเตรียมเครื่องมือและสถานที่ในการทดลอง และท าการชี้แจ้งให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างได้เข้าใจ
47 2. จัดท าแผนการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) และสร้างเครื ่องมือวัดทักษะปฏิบัติ ให้ผู้เชี ่ยวชาญตรวจและแก้ไขให้ เรียบร้อย 3. น าแผนที่ได้ไปใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง 4. ท าการวัดทักษะปฏิบัติกับนักเรียนกลุ ่มตัวอย ่างได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์(Experiential learning) 5. หลังจากการวัดทักษะปฏิบัติเรียบร้อยแล้วน าคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ต่อไป 6. ให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อกิจกรรมเรียนรู้เรื่อง ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) กำรวิเครำะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยครั้งนี้ มีรายละเอียด ดังนี้ 1. วิเคราะห์เพื่อหาประสิทธิ์ภาพของการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะปฏิบัติเรื่อง ทักษะ พื้นฐานนาฏศิลป์ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) โดยใช้ มาตรฐาน E1/E2 ตามเกณฑ์ 80/80 2. น าคะแนนที่ได้จากการวัดทักษะปฏิบัติมาวิเคราะห์เปรียบเทียบทักษะปฏิบัติการคิด สร้างสรรค์ท่าร าประกอบเพลงโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 3. น าผลการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจ มาวิเคราะห์เพื่อหาความพึงพอใจของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ต่อการจัดกิจกรรมเรียนรู้ทักษะปฏิบัติเรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่ารำ ประกอบเพลง โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) การค านวณหา ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนความพึงพอใจ และน าค่าเฉลี่ยที่ได้เปรียบเทียบเกณฑ์ การแปลความหมาย
48 สถิติที่ใช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. สถิติที่ใช้ในกำรตรวจสอบเครื่องมือ 1.1 การหาค ่าความเชื ่อมั ่นของแบบทดสอบภาคปฏิบัติและแบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยวิธีการใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟา ( -Coefficient) ของครอนบาค (Cronbach) มีสูตรในการค านวณ ดังนี้ (ทรงศักดิ์ ภูสีอ่อน. 2556:90) α = 2 i 2 t k S 1 - k - 1 S เมื่อ α แทน ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 2 Si แทน ผลรวมของความแปรปรวนรายข้อ 2 St แทน ความแปรปรวนของคะแนนรวม k แทน จ านวนข้อ 2. สถิติพื้นฐำนที่ใช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูล 2.1 ร้อยละ มีสูตรในการค านวณ ดังนี้ (นฤมล แสงพรหม. 2563:211) f N p = x 100 เมื่อ p แทน ร้อยละ f แทน ความถี่หรือจ านวนข้อมูลที่ต้องการหาร้อยละ n แทน จ านวนข้อมูลทั้งหมด 2.2 ค่าเฉลี่ย ( X ) มีสูตรในการค านวณ ดังนี้ (นฤมล แสงพรหม. 2563:213) X X = n เมื่อ X แทน ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง X แทน ผลรวมทั้งหมดของคะแนน n แทน จ านวนกลุ่มตัวอย่าง
49 2.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S) มีสูตรในการค านวณ ดังนี้ (นฤมล แสงพรหม. 2563:225) n X - X ( ) S = n(n - ) 2 2 1 เมื่อ S แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน X แทน ข้อมูลแต่ละค่าของกลุ่มตัวอย่าง X แทน ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง n แทน จ านวนกลุ่มตัวอย่าง 3. สถิติที่ใช้ในกำรวิเครำะห์หำประสิทธิภำพ สถิติที ่ใช้ในการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ตามเกณฑ์ 80/80 วิเคราะห์โดยใช้สูตร E1/E2 ดังนี้ (ชัยยงค์ พรหมวงศ์. 2556:10) X N E = × A 1 100 F N E = × B 2 100 เมื่อ E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ X แทน คะแนนรวมของแบบฝึกหัดปฏิบัติกิจกรรมหรืองานที่ท า ระหว่างเรียน F แทน คะแนนรวมของผลลัพธ์ของการประเมินหลังเรียน A แทน คะแนนเต็มของแบบฝึกปฏิบัติทุกชิ้นรวมกัน B แทน คะแนนเต็มของการประเมินสุดท้าย (การสอบหลังเรียน) N แทน จ านวนผู้เรียน
50 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ด าเนินการวิเคราะห์ข้อมูลและเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตามล าดับ ดังต่อไปนี้ 1. สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 2. ล าดับขั้นในการน าเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล X แทน ค่าเฉลี่ย n แทน จ านวนนักเรียน S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ df แทน ค่าองศาอิสระ (Degree of Freedom) t แทน ค่าสถิติทดสอบที่ใช้เปรียบเทียบค่าวิกฤต เพื่อทราบความมีนัยส าคัญ ล าดับขั้นในการน าเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ด าเนินการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามล าดับ ดังต่อไปนี้ 1. ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้เรื ่องทักษะพื้นฐาน นาฏศิลป์ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ส าหรับนักเรียนชั้นชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบทักษะปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่าร า โดยใช้แนวคิดการ เรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูง กว่าเกณฑ์ร้อยละ 80
51 3. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มี ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 1. ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 ผู้วิจัยได้วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้เรื ่อง ทักษะพื้นฐาน นาฏศิลป์โดยน าคะแนนระหว่างเรียน และคะแนนหลังเรียนมาวิเคราะห์ ปรากฏผลดังตารางที่ 1 ตารางที่ 4.1 ประสิทธิภาพของการพัฒนาทักษะการปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลง โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 คะแนน คะแนนเต็ม X S.D. ร้อยละของคะแนนเฉลี่ย - ระหว่างเรียน (E1 ) - หลังเรียน (E2 ) 40 30 36.82 26.62 1.61 1.15 92.05 88.74 ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ เท่ากับ 92.05/88.74 จากตารางที่ 1 พบว่า คะแนนเฉลี่ยระหว่างเรียนมีค่าเท่ากับ 36.82 คิดเป็นร้อยละ 92.05 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 26.62 คิดเป็นร้อยละ 88.74 ซึ่งแสดงว่าการพัฒนาทักษะ ปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลง เรื่องทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 92.05/88.74 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบทักษะปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลง โดย ใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 ปรากฏผลดังตารางที่ 2
52 ตารางที่ 4.2 การวิเคราะห์เปรียบเทียบทักษะปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่าร า โดยใช้แนวคิดการ เรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูง กว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 จ านวนนักเรียน คะแนนเต็ม ค่าเฉลี่ย เกณฑ์ผ่านร้อยละ 80 40 30 26.62 88.74 จากตารางที่ 2 เมื่อน าเกณฑ์คะแนนร้อยละซึ่งเป็นคะแนนวัดทักษะปฏิบัติของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยการการจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) น ามา ทดสอบสมมาตฐานการวิจัยดังตารางที่ 3 ตารางที่ 4.3 ทดสอบสมมาตฐานการวิจัย การทดสอบ n X S.D. df t p หลังเรียน 40 26.62 1.15 39 14.55* .000 * มีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากตารางที่ 3 พบว่า ทักษะการปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลง ของนักเรียน ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการปฏิบัติการคิด สร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลง โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ส าหรับนักเรียนชั้นมัธมศึกษาปีที ่ 1 มีคะแนนเฉลี ่ยหลังเรียนเท ่ากับ 26.62 เมื ่อทดสอบความ แตกต่างของค่าเฉลี่ยโดยใช้สถิติ t พบว่า ค่าสถิติ t เท่ากับ 14.55 มีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) มีทักษะการปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลง สูงกว่าเกณฑ์ร้อย ละ 80 ที่ก าหนดไว้อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ 3. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ต่อการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลง โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จาก ประสบการณ์ (Experiential learning) ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) โดยน าผลการตอบแบบสอบถาม ความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนมาท าการวิเคราะห์ ปรากฏผลดังตารางที่ 4
53 ตารางที่ 4.4 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระดับความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่ มีต ่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ข้อที่ รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ X S.D. ความพึงพอใจ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เนื้อหามีความเหมาะสม เข้าใจง่าย เนื้อหามีความแปลกใหม่ น่าสนใจ น าไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ พอใจกับกิจกรรมที่ร่วมศึกษาค้นคว้า มีขั้นตอนและกระบวนการชัดเจน มีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกขั้นตอน กิจกรรม/กระบวนการช่วยให้เข้าใจเนื้อหามากขึ้น กิจกรรมการเรียนรู้มีความหลากหลาย นักเรียนมีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผล มีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน 4.87 4.83 4.87 4.90 4.90 4.87 4.87 4.87 4.93 4.93 0.35 0.38 0.35 0.31 0.31 0.35 0.35 0.35 0.25 0.25 มากที่สุด มากที่สุด มากที่สุด มากที่สุด มากที่สุด มากที่สุด มากที่สุด มากที่สุด มากที่สุด มากที่สุด เฉลี่ยรวม 4.88 0.04 มากที่สุด จากตารางที่ 4 พบว่า ความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ทักษะการปฏิบัติภาษาท ่าและนาฏยศัพท์ ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) โดยรวมมีความพึง พอใจอยู่ในระดับมากที ่สุด ( X = 4.88, S.D. = 0.04) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อมี ความพึงพอใจในการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด โดยข้อที่นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนรู้สูง ที่สุดคือ นักเรียนมีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผลและมีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน ( X = 4.93, S.D. = 0.25) รองลงมาคือ พอใจกับกิจกรรมที่ร่วมศึกษาค้นคว้าและมีขั้นตอนและกระบวนการ ชัดเจน ( X = 4.90, S.D. = 0.31) และเนื้อหามีความเหมาะสม เข้าใจง่าย,น าไปใช้ในชีวิตประจ าวัน ได้,มีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกขั้นตอน,กิจกรรม/กระบวนการช่วยให้เข้าใจเนื้อหามากขึ้นและกิจกรรม การเรียนรู้มีความหลากหลาย ( X = 4.87, S.D. = 0.35) ตามล าดับ ส่วนข้อที่นักเรียนมีความพึง พอใจในการเรียนรู้ต ่าที่สุดคือ เนื้อหามีความแปลกใหม่ น่าสนใจ ( X = 4.83, S.D. = 0.38)
54 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนาทักษะปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลง เรื่องทักษะ พื้นฐานนาฏศิลป์ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (EXPERIENTIAL LEARNING) ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งมีขั้นตอนการนำเสนอผลดังนี้ 1. วัตถุประสงค์ของการวิจัย 2. สรุปผลการวิจัย 3. การอภิปรายผล 4. ข้อเสนอแนะ วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้ จากประสบการณ์ (Experiential learning) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลง เรื่องทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (EXPERIENTIAL LEARNING) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์(Experiential learning) สรุปผลการวิจัย 1. แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จาก ประสบการณ์ (Experiential learning) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมี ประสิทธิภาพเท่ากับ 92.05/88.74 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2. นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) มีทักษะปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 ที่ กำหนดไว้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้
55 3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ทักษะ ปฏิบัติภาษาท่าและนาฏยศัพท์ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.88, S.D. = 0.04) การอภิปรายผล 1. แผนการจัดการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้ การเรียนรู้จากประสบการณ์(Experiential learning) ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 92.05/88.74 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารหลักการและ ทฤษฎีการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) และได้ผ่านกระบวนการ ขั้นตอนในการ สร้างอย่างมีระบบและวิธีการเขียนแผนที่ดี ผ่านการตรวจสอบแก้ไขข้อบกพร่องจากอาจารย์ที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญ มีการนำไปทดลองใช้กับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย เพื่อความเหมาะสมของเวลาใน การจัดการเรียนรู้ และนำไปจัดทำแผนประกอบการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับแผนการ จัดการเรียนรู้ที่จัดทำขึ้นเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติให้มากที่สุด โดยผู้สอน เป็นผู้ให้คำแนะนำส่งเสริมหรือกระตุ้นให้กิจกรรมที่เรียนดำเนินการเป็นไปตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ กำหนดไว้ ซึ่งเป็นลักษณะการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดี เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งสอดคล้อง กับผลการวิจัยของ จตุพร ผ่องลุนหิต (2560: บทคัดย่อ) ได้ทำการวิจัย เรื่อง ผลของการจัดการเรียนรู้ เชิงประสบการณ์ ที่มีต่อทักษะการแก้ปัญหาและทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้เชิงประสบการณ์มีทักษะ การ แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 และ อา รีย์ ศรีสุกอง (2561: บทคัดย่อ) ได้ทำการวิจัย เรื่อง ผลการจัดการเรียนรู้แบบประสบการณ์ ที่มีต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความน่าจะเป็นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า ดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบประสบการณ์ เรื่อง ความน่าจะเป็นมีค่าดัชนี ประสิทธิผลของกิจกรรมการเรียนรู้ มีค่าเท่ากับ 0.681 แสดงว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 68.1 2. นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนการเรียนรู้จาก ประสบการณ์ มีทักษะการปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลงสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 ที่ กำหนดไว้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ ทั้งนี้อาจ เนื่องมาจาก รูปแบบการเรียนการสอนการเรียนรู้จากประสบการณ์ เรื่อง ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ และผู้ศึกษาได้ปรับปรุงแก้ไขให้ตรงกับ จุดประสงค์ สอดคล้องกับเนื้อหา เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน โดยผู้ศึกษาได้ศึกษาหลักสูตร คู่มือ
56 เนื้อหา และวิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้ และดำเนินการสร้างตามหลักสูตรกรมวิชาการ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2554 : 1-91) จึงส่งผลให้นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 ที่ กำหนดไว้ ซึ่งผลการทดสอบที่ได้มีความน่าเชื่อถือ เนื่องมาจากเครื่องมือที่ใช้คือ แบบวัดภาคปฏิบัติ เรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่าร าประกอบเพลง กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระนาฏศิลป์ ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นได้รับการตรวจสอบ ปรับปรุง แก้ไข ประเมินตรวจสอบคุณภาพความ เหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญ และได้ดำเนินการเป็นขั้นตอนอย่างเป็นระบบ มีการวิเคราะห์หาดัชนีความ สอดคล้องระหว่างข้อสอบและจุดประสงค์การเรียนรู้ (IOC) และสาระการเรียนรู้ จากหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และศึกษาเอกสารการจัดทำแบบฝึกเสริมทักษะ การวัดผลประเมินผลจนเข้าใจ และนำความรู้มาสร้างแบบทดสอบ ตลอดจนนำไปทดลองใช้ (Try out) แล้วนำแบบทดสอบมาวิเคราะห์หาคุณภาพก่อนที่จะนำไปใช้จริง ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัย ของ กันตาภา สุทธิอาจ (2560: บทคัดย่อ) ได้ทำการวิจัย เรื่อง พัฒนารูปแบบการเรียนการสอน แบบเน้นประสบการณ์ตามสภาพจริง เพื่อส่งเสริมคุณลักษณะการเรียนด้วยการนำตนเองของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มทคลองมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูง กว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จตุพร ผ่องลุนหิต (2560: บทคัดย่อ) ได้ทำการ วิจัย เรื่อง ผลของการจัดการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ ที่มีต่อทักษะการแก้ปัญหาและทักษะการ เชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนที่ได้รับการ จัดการเรียนรู้เชิงประสบการณ์มีทักษะ การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และทักษะการเชื่อมโยงทาง คณิตศาสตร์ สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และรสสุคนธ์ เพ็ญเนตร (2561:5-98 ) ได้ทำการวิจัย เรื่องการพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏยศัพท์และภาษาท่า โดยใช้การเรียนรู้ แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแนวคิดการสอนปฏิบัติของแฮร์โรสำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 ผลวิจัยพบว่า ค่าดัชนีประสิทธิผลการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฎศัพท์ และภาษาท่า โดยใช้การเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแนวคิดการสอนปฏิบัติของแฮร์ โรว์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.5138 หรือคิดเป็นร้อยละ 51.38 แสดงว่านักรียนมี ความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 51.38 3) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียน เรื่อง นาฎยศัพท์และภาษาท่า โดยใช้การเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแนวคิดการสนปฏิบัติ ของแฮร์โรว์ มีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. นักเรียนความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การ เรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้งนี้ อาจเนื่องมาจาก มีจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นเป็นการจัดการเรียนรู้ที่ดี โดยใช้การเรียนรู้จาก ประสบการณ์ (Experiential learning) ที่มีกิจกรรมต่าง ๆ อย่างหลากหลายสร้างความสนใจให้
57 นักเรียนต้องการเรียนรู้กิจกรรม กระตุ้นความสนใจของผู้เรียนส่งเสริมความสามารถ ด้านทักษะปฏิบัติ ทางด้านนาฎศิลป์ในการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลงที่พัฒนาขึ้นส่งผลให้นักเรียนเกิด ความพึง พอใจและมีความสุขในการเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ สุชาดา หวัง สิทธิเดช, พีระพร รัตนาเกียรติ์, บงกชรัตน์ ศุภเกษร และวารินทิพย์ ศรีกุลา (2559: บทคัดย่อ) ได้ทำ การวิจัย เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงประประสบการณ์ เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย ผลการวิจัยพบว่า การประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาที่ มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ของอาจารย์ พบว่าโดยภาพรวมมีความคิดเห็นของ ระดับคุณภาพความพึงพอใจของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยอยู่ในระดับมาก และสุจิตรา ตรี รัตนนุกูล (2562: บทคัดย่อ) ได้ทำการวิจัย เรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ สำหรับส่งเสริมกรอบความคิดด้านเชาวน์ปัญญาของนักศึกษาระดับอาชีวศึกษา ผลการวิจัยพบว่า กิจกรรมการเรียนรู้เชิงประสบการณ์มีความเหมาะสมในระดับมาก สำหรับส่งเสริมกรอบความคิดด้าน เชาวน์ปัญญาของนักศึกษาระดับอาชีวศึกษา ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะสำหรับการนำไปใช้ 1.1 การเรียนการสอนการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลงเป็นกิจกรรมที่เน้นให้ผู้เรียน ต้องฝึกปฏิบัติจริงครูคอยเนะนำกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้นักเรียนปฏิบัติได้อย่างสร้างสรรค์ และ สามารถคิดริเริ่มได้ดี 1.2 ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลองจริงอาจจะคลาดเคลื่อนจากที่วางไว้ครูสามารถ ปรับเปลี่ยนช่วงเวลาได้ตามความเหมาะสม 1.3 แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ต้องอาศัย ประสบการณ์ของผู้เรียนซึ่งผู้เรียนแต่ละคนอาจมีประสบการณ์ที่ไม่เท่าเทียมกันอาจทำให้เข้าใจและ เรียนรู้ได้ช้ากว่าผู้อื่น 2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรนำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ไปใช้ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบอื่น ๆ เช่น กิจกรรมกระบวนการกลุ่ม สัมพันธ์ การสอนแบบสาธิต เทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ การสอนแบบ กลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ฯลฯ เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้หลายวิธีและเหมาะสมกับผู้เรียนมากที่สุด
58 บรรณนานุกรม
59 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (2544). แนวทางการน ามาตรฐานหลักสูตร ไปสู่การออกแบบจัดการเรียนรู้ และการวัดประเมินตามสภาพจริง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551. [ออนไลน์]. ได้จาก: https://www.dltv.ac.th [สืบค้นเมื่อ วันที่ 30 ตุลาคม 2566]. เกศสุดา รัชฎาวิศิษฐกุล. (2547). การพัฒนาการเรียนการสอน ที่สนองต่อรูปแบบการเรียน ภาษาอังกฤษของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต. (วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน, มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์). จารุณี ลิมปนานนท์. (2539). การใช้ชุดฝึกกิจกรรมนาฏศิลป์ด้วยตนเองส าหรับครูชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4. ปริญญานิพนธ์ การประถมศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2556). สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล. ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. (2554). การจัดการเรียนรู้ตามสภาพจริง. กรุงเทพฯ: สหมิตรพริ้นติ้งแอนด์พับลิส ซิ่ง. โชติกา สมพงษ์. (ม.ป.ป.). หลักส าคัญของภาษาท่า. [ออนไลน์]. ได้จาก: https://www.dltv.ac.th [สืบค้นเมื่อ วันที่ 30 ธันวาคม 2566]. ทิศนา แขมมณี. (2550). รูปแบบการเรียนการสอนทางเลือกที่หลากหลาย. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์. ทิศนา แขมมณี. (2556). ศาสตร์การสอน. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงศักดิ์ ภูสีอ่อน. (2556). สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล. ธีรารัตน งามปลั่ง. (2551). การสรางแบบวัดภาคปฏิบัติ ร าวงมาตรฐานของนักเรียนระดับชั้น ประถมศึกษาปที่ 6. ปริญญานิพนธ์หลักสูตรปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการ วัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. นฤมล แสงพรหม. (2563). สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ อุดรธานี. นวลจิตต์ เชาวกีรติพงศ์. (2535). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เน้นทักษะปฏิบัติ ส าหรับครูวิชาชีพ. วิทยานิพนธค.ด. (หลักสูตรและการสอน). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. ถายเอกสาร. บุญเลี้ยง ทุมทอง. (2556). ทฤษฎีและการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : เอส.พริ้นติ้ง ไทย แฟคตอรี่
60 ประสาท อิศรปรีดา. (2547). สารัตถะจิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ: น าอักษรการพิมพ์. เผียน ไชยศร. (2529, กันยายน - ธันวาคม). การวัดผลงานภาคปฏิบัติ. วารสารการ วัดผลการศึกษา. 8 (23): 37-61. พิมพันธ เดชะคุปต. (2544). การเรียนการสอนที่เนนผูเรียนเปนส าคัญแนวคิดวิธีและเทคนิคการ สอน1. กรุงเทพฯ: เดอะมาสเตอรกรุ้ปแมเนจเมนท. พิมพ์วดี จันทรโกศล. (2557). กระบวนการถ่ายทอดนาฏศิลป์ไทยในโรงเรียนมัธยมศึกษาภาค ตะวันออก (ปริญญานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา, ชลบุรี. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน. 2556. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554. พิมพ์ ครั้งที่2.กรุงเทพมหานคร: บริษัทอักษรเจริญทัศน์ อจท.จ ากัด.) ไพศาล หวังพานิช. (2526). การวัดผลการศึกษา. กรงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช. ราชบัณฑิตยสถาน. (2555). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2555. กรุงเทพฯ: อักษร เจริญพัฒน์. เรณู โปสินานนท์. (2540). ร าไทย. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว. เรณู โปสินานนท์. (2546). นาฏยศัพท์ภาษาท่านาฏศิลป์ไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: บริษัทโรง พิมพ์ไทยวัฒนาพานิช. โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์. (ม.ป.ป.). ข้อมูลโรงเรียน. [ออนไลน์]. ได้จาก: https://www.https://www.t7udon.ac.th/ [สืบค้นเมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566]. รสสุคนธ์ เพ็ญเนตร. (2561). การพัฒนาทักษะปฏิบัตินาฏยศัพท์และภาษาท่า โดยใช้การเรียนรู้ แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแนวคิดการสอนปฏิบัติของแฮร์โรส าหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่4. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและ การเรียนการสอน คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. วิมลรัตน์ สุนทรโรงจน์. (2550). นวัตกรรมตามแนวคิด Backward Design(พิมพ์ครั้งที่3). กาฬสินธุ์:ประสานการพิมพ์. วิมลศรี อุปรมัย. (2555). นาฏกรรมและการละคร. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ส. วาสนา ประวาลพฤกษ. (2527). การสอบการปฏิบัติ. วารสารการวัดผลการศึกษา. ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2543). คุณภาพของครูสู่คุณภาพการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. สุจิตรา ตรีรัตนนุกูล. (2562). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ส าหรับส่งเสริมกรอบ ความคิด ด้านเชาวน์ปัญญาของนักศึกษาระดับอาชีวศึกษา. วิทยานิพนธ์ สาขาวิชา หลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์.
61 สุนันท ศลโกสุม. (2532). การวัดผลภาคปฏิบัติ. วารสารการวัดผลการศึกษา. สุมิตร เทพวงษ์. (2541). นาฏศิลป์ไทย. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. สุรางค์ โค้วตระกูล. (2544). จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. สุลักษณ์ สุขแก้ว. (2549). การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์เรื่อง บทประยุกต์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยเน้นการเรียนรู้แบบร่วมมือ STAD. วิทยานิพนธ์ หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยและสถิติทางวิทยาการปัญญา วิทยาลัย วิทยาการวิจัยและวิทยาการปัญญา มหาวิทยาลัยบูรพา. สุวิมล วองวาณิช. (2547). การวัดทักษะการปฏิบัติ(Performance Testing). จุลสารการทดสอบ อันดับที่ 4. กรุงเทพฯ: ศูนยต าราและเอกสารวิชาการ คณะครุศาสตรจุฬาลงกรณ มหาวิทยาลัย. สมยศ นาวีการ. (2544). การบริหารเพื่อความเป็นเลิศ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: บรรณกิจ. สมศักดิ์ ภูวิภาดาวรรธน์. (2544). การยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและการประเมินตามสภาพจริง. เชียงใหม่: โรงพิมพ์แสงศิลป์. สมศักดิ์ สินธุระเวชญ. (2530). การประเมินผลการเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ: ส านัก ทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. อภิชาติ อนุกูลเวช. (2551). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนฝกปฏิบัติทางเทคนิคบน เครือข่ายอินเทอร์เน็ตส าหรับนักเรียนอาชีวศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษาดุษฎี บัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. อรุณฉัตร คุรุวาณิชย์ และชนันญา น้อยสันเทียะ. (ม.ป.ป.). ทฤษฎีการเรียนรู้จากประสบการณ์. [ออนไลน์]. ได้จาก: https://www.https://www.lifeeducation.in.th/positiveeducation/ [สืบค้นเมื่อ วันที่ 13 กันยายน 2566] อมรา กล ่าเจริญ. (2533). สุนทรีนาฎศิลป์ไทย. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์ อมรา กล ่าเจริญ. (2535). วิธีการสอนนาฏศิลป์. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. อุทุมพร จามรมาน. (2529). การตรวจสอบภาคปฏิบัติ. วารสารการวิจัยทางการศึกษา.
62 ภาคผนวก
63 ภาคผนวก ก รายนามผู้ทรงคุณวุฒิ
64 รายนามผู้ทรงคุณวุฒิ 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์มัทนียา กายแก้ว อาจารย์ที่ปรึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 2. นางสาวเพลินพรรณ พันธ์ณวงศ์ ครูช านาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล ๗ รถไฟสงเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัดผลประเมินผล 3. นางรัชนี บุญสิทธิ์ ครูช านาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล ๗ รถไฟสงเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา 4. นายกิจติ ทองมีขวัญ ครูช านาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล ๗ รถไฟสงเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา
65 ภาคผนวก ข แบบวัดทักษะปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่าร าประกอบเพลง และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้
66 แบบวัดทักษะปฏิบัติ เรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่าร าประกอบเพลง ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ค าชี้แจง 1. แบบวัดทักษะปฏิบัติเรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่าร าประกอบเพลง ส าหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่จ านวน 1 ชุด 2. ให้นักเรียนปฏิบัติท่าร าจากการคิดสร้างสรรค์ตามเกณฑ์ที่ก าหนด ในแต่ละข้อ 3. ผู้ประเมินตรวจสอบความคิดสร้างสรรค์ของท่าร า และกรอกคะแนนของนักเรียนแต่ลคน ลงในตาราง 4. การให้คะแนน มีค่าตั้งแต่ 0-3 ตามระดับการคิดสร้างสรรค์ของท่าร า
67 แบบวัดทักษะปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่าร าประกอบเพลง ชื่อ-สกุล .............................................................................................................................. ค าชี้แจง ผู้ประเมินให้คะแนนความคิดสร้างสรรค์ท่าร าประกอบเพลง เพียงสบตา โดยเทียบ กับเกณฑ์การให้คะแนนที่ก าหนดไว้ เพลง เพียงสบตา เคยได้ยินได้ฟังบอกให้ฉันเข้าใจ ยามเมื่อจะรักใครให้จ้องตาคู่นั้น จะรับรู้เรื่องราวความจริงใจให้กัน จะรักจริงรักมั่นมองที่ตาข้างใน ต่อให้เธอเป็นใครต่างกันเท่าไหร่ แค่เพียงมีใจรักกัน ฉันสัมผัสรักของเธอได้จากสายตา เพียงสบตาเท่านั้นหัวใจฉันก็อบอุ่นใจ เพียงสบตาเธอนั้นฉันก็รู้ทันใด ว่าเธอคือใครคนนั้นที่ฉันรอ การปฏิบัติท่าร า คะแนน 0 1 2 3 1. ความคิดริเริ่ม 2. ความคิดแปลกใหม่ 3. การคิดสร้างสรรค์จากประสบการณ์เดิม 4. การตีบท 5. การเคลื่อนไหวท่าทางตามแบบนาฏศิลป์ 6. ภาษาท่า 7. นาฏยศัพท์ 8. การแปรแถว 9. การสื่อความหมาย 10. ความสวยงาม รวมคะแนน(คะแนนเต็ม 30 คะแนน)
68 ลงชื่อ............................................................................ผู้ประเมิน (...............................................................................) เกณฑ์การให้คะแนนแบบวัดทักษะปฏิบัติ เรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่าร าประกอบเพลง รายการประเมิน ค าอธิบาย 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 1. ความคิดริเริ่ม แสดงท่าทางตามเนื้อ เพลงที่ได้ฟังอย่าง สร้างสรรค์ แสดงท่าทางตามเนื้อ เพลงบางค าอย่าง สร้างสรรค์ แสดงท่าทางตามเนื้อ บางค า 2. ความคิดแปลก ใหม่ สร้างสรรค์ท่าร าแปลก ใหม่อย่างสวยงาม สร้างสรรค์ท่าร าแปลก ใหม่ สร้างสรรค์ท่าร าแปลก ใหม่ในบางท่า 3. การคิดสร้างสรรค์ จากประสบการณ์เดิม สามารถคิดท่าร าจาก ความรู้หรือ ประสบการณ์เดิมได้ อย่างสร้างสรรค์ สามารถคิดท่าร าจาก ความรู้หรือ ประสบการณ์เดิมได้ สามารถคิดท่าร าได้ 4. การตีบท ตีบทท่าร าจากเนื้อ เพลงได้อย่าง สร้างสรรค์ตามรูปแบบ ภาษาท่าและนาฏย ศัพท์ ตีบทท่าร าจากเนื้อ เพลงตามรูปแบบ ภาษาท่าและนาฏย ศัพท์ ตีบทท่าร าจากเนื้อ เพลงได้ 5. การเคลื่อนไหว ท่าทางตามแบบ นาฏศิลป์ สามารถเคลื่อไหว ท่าทางตามแบบ นาฏศิลป์ได้อย่าง สร้างสรรค์และถูกต้อง สามารถเคลื่อไหว ท่าทางตามแบบ นาฏศิลป์ได้อย่าง สร้างสรรค์ สามารถเคลื่อไหว ท่าทางตามแบบ นาฏศิลป์ได้ 6. ภาษาท่า สามารถคิดท่าร า ประกอบเนื้อเพลงได้ สามารถคิดท่าร า ประกอบเนื้อเพลงได้ จากภาษาท่า สามารถคิดท่าร า ประกอบเนื้อเพลงได้
69 อย่างสร้างสรรค์จาก ภาษาท่า 7. นาฏยศัพท์ สามารถเชื่อมท่านาฏย ศัพท์ในระหว่างการร า ได้อย่างสร้างสรรค์ สามารถเชื่อมท่านาฏย ศัพท์ในระหว่างการร า ได้ สามารถเชื่อมท่า นาฏยศัพท์ในระหว่าง การร าได้บางท่า รายการประเมิน ค าอธิบาย 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 8. การแปรแถว แปรแถวประกอบการ แสดงท่าร าประกอบ เพลงได้อย่างแปลก ใหม่และสร้างสรรค์ แปรแถวประกอบการ แสดงท่าร าประกอบ เพลงได้อย่างแปลก ใหม่ แปรแถวประกอบการ แสดงท่าร าประกอบ เพลงได้ 9. การสื่อความหมาย การคิดท่าร าอย่าง สรรค์และสื่อ ความหมายตรงตาม เนื้อเพลงทั้งหมด การคิดท่าร าอย่าง สรรค์และสื่อ ความหมาย การคิดท่าร าตามเนื้อ เพลง 10. ความสวยงาม คิดสร้างสรรค์ท่าร าได้ อย่างสวยงาม คิดสร้างสรรค์ท่าร าได้ คิดสร้างสรรค์ท่าร าได้ บางค า
70 แบบสอบถามความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีต่อโดยใช้การเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) เรื่องทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์รายวิชาดนตรี-นาฏศิลป์ กลุ่มสาระการ เรียนรู้ศิลปะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ค าชี้แจง กรุณาใส่เครื่องหมาย () ลงในช่องที่ตรงกับความคิดเห็นและความเป็นจริงของท่าน ข้อละ 1 ระดับความคิดเห็น รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด ด้านเนื้อหา 1. เนื้อหามีความเหมาะสม เข้าใจง่าย 2. เนื้อหามีความแปลกใหม่ น่าสนใจ 3. น าไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ ด้านปฏิบัติงาน 4. พอใจกับกิจกรรมที่ร่วมศึกษาค้นคว้า 5. มีขั้นตอนและกระบวนการชัดเจน ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน 6. มีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกขั้นตอน 7. กิจกรรม/กระบวนการช่วยให้เข้าใจ เนื้อหามากขึ้น 8. กิจกรรมการเรียนรู้มีความหลากหลาย ด้านการวัดและประเมินผล 9. นักเรียนมีส่วนร่วมในการวัด และประเมินผล ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ………..
71 10. มีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ………………………………………………………………………….…………….…………………………………………………… ……………………….…..……………………………………………………………………………..…………………….……….. ภาคผนวก ค คะแนนของกลุ่มตัวอย่างและคะแนนความพึงพอใจ
72 ตารางคะแนนของกลุ่มตัวอย่าง เรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่าร าประกอบเพลง รายวิชานาฏศิลป์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 คนที่ คะแนนสอบ ระหว่างเรียน (เต็ม 40 คะแนน) หลังเรียน (เต็ม 30 คะแนน) 1 38 27 2 37 26 3 36 26 4 37 27 5 38 27 6 38 28 7 37 27 8 38 27 9 37 28 10 36 27 11 36 26 12 38 27 13 39 27 14 39 29 15 38 26 16 36 26 17 36 26 18 37 27 19 37 27
73 20 37 28 21 36 25 22 36 26 23 38 27 24 38 27 25 38 28 26 38 25 27 39 25 28 38 27 29 39 29 30 37 28 31 36 26 32 35 26 33 35 25 34 33 25 35 36 28 36 34 26 37 35 27 38 32 27 39 36 25 40 39 24 คะแนนรวม 1473 1065 ค่าเฉลี่ย 36.82 26.62 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.61 1.15
74 ตารางคะแนนความพึงพอใจ เรื่อง ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์รายวิชานาฏศิลป์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 คนที่ รายการประเมินข้อที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 2 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 3 4 4 5 5 5 5 5 5 5 5 4 5 5 5 4 5 4 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 6 4 4 5 5 5 5 5 4 5 5 7 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 8 4 5 5 5 5 5 4 5 5 5 9 5 5 4 5 4 5 5 5 5 5 10 5 4 5 5 5 5 5 5 5 5 11 5 5 5 4 5 4 5 4 5 5 12 5 5 5 5 5 5 5 5 4 4 13 5 5 3 5 5 5 5 5 5 5 14 5 5 5 5 5 5 5 4 5 5 15 5 5 5 5 5 5 5 5 5 4 16 5 5 5 4 5 5 4 5 5 5 17 4 5 5 5 5 4 5 5 5 5 18 5 5 5 5 4 5 5 5 5 5 19 5 5 4 5 5 5 5 5 5 5 20 5 4 5 5 5 5 5 5 4 5
75 21 5 5 5 5 5 5 5 4 5 5 22 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 23 3 5 4 5 4 5 5 5 5 5 24 5 5 5 5 5 5 4 5 5 5 25 5 5 5 4 5 5 5 5 5 5 26 5 4 5 5 5 5 5 5 5 5 27 4 5 4 5 5 5 5 5 5 5 28 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 29 5 5 5 5 5 4 4 5 5 5 30 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 31 5 4 5 5 4 5 5 5 5 5 32 4 5 4 5 4 5 5 5 5 5 33 5 4 5 5 5 5 5 5 4 5 34 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 35 5 5 5 4 5 5 5 4 5 5 36 5 5 5 5 5 4 5 5 5 5 37 5 5 4 5 5 5 5 5 5 5 38 5 4 5 5 5 5 5 5 5 5 39 5 4 5 5 5 5 5 5 5 5 40 5 5 5 5 5 4 5 5 5 5 ค่าเฉลี่ย 4.80 4.77 4.8 4.87 4.87 4.85 4.9 4.87 4.92 4.95 ส่วน เบี่ยงเบน มาตรฐาน 0.46 0.42 0.46 0.33 0.33 0.36 0.30 0.33 0.26 0.22 คะแนนเฉลี่ยรวม 4.86 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.08
76 ภาคผนวก ง ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้
77
78
79
80
81
82
83 ภาคผนวก จ แบบประเมินคุณภาพเครื่องมือในการวิจัย
84 แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญการหาค่าดัชนีความสอดคล้อง ของเกณฑ์ประเมินทักษะ (Index of Item Objective Congruence :IOC) เรื่อง การพัฒนา ทักษะปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์ท่ารำประกอบเพลง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้ จากประสบการณ์ (experiential learning) คำชี้แจง 1.ให้พิจารณาว่าข้อปฏิบัติที่สร้างขึ้นสามารถวันตรงตามจุดประสงค์เชิงทักษะหรือไม่ แล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องว่างหลังข้อปฏิบัติแต่ละข้อ 2. ให้พิจารราให้คะแนน ดังนี้ +1 แน่ใจว่าเกณฑ์การให้คะแนนที่กำหนดขึ้นนี้ สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการให้ คะแนนในข้อปฏิบัตินั้นได้จริง 0 ไม่แน่ใจแน่ใจว่าเกณฑ์การให้คะแนนที่กำหนดขึ้นนี้ สามารถใช้เป็นเกณฑ์ใน การให้คะแนนในข้อปฏิบัตินั้นได้จริง -1 แน่ใจว่าเกณฑ์การให้คะแนนที่กำหนดขึ้นนี้ สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการให้ คะแนนในข้อปฏิบัตินั้นได้จริง รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนพิจารณา +1 0 -1 1. ความคิดริเริ่ม แสดงท่าทางตามเนื้อเพลงที่ได้ฟังอย่าง สร้างสรรค์ ……… ……… …….. 2. ความคิดแปลกใหม่ สร้างสรรค์ท่าร าแปลกใหม่อย่างสวยงาม ……… ……… …….. 3. การคิดสร้างสรรค์จาก ประสบการณ์เดิม สามารถคิดท่าร าจากความรู้หรือ ประสบการณ์เดิมได้อย่างสร้างสรรค์ ……… ……… …….. 4. การตีบท ตีบทท่าร าจากเนื้อเพลงได้อย่างสร้างสรรค์ ตามรูปแบบภาษาท่าและนาฏยศัพท์ ……… ……… ……..
85 5. การเคลื่อนไหวท่าทาง ตามแบบนาฏศิลป์ สามารถเคลื่อไหวท่าทางตามแบบนาฏศิลป์ได้ อย่างสร้างสรรค์และถูกต้อง ……… ……… …….. 6. ภาษาท่า สามารถคิดท่าร าประกอบเนื้อเพลงได้อย่าง สร้างสรรค์จากภาษาท่า ……… ……… …….. รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนพิจารณา +1 0 -1 7. นาฏยศัพท์ สามารถเชื่อมท่านาฏยศัพท์ในระหว่างการร า ได้อย่างสร้างสรรค์ ……… ……… …….. 8. การแปรแถว แปรแถวประกอบการแสดงท่าร าประกอบ เพลงได้อย่างแปลกใหม่และสร้างสรรค์ ……… ……… …….. 9. การสื่อความหมาย การคิดท่าร าอย่างสรรค์และสื่อความหมาย ตรงตามเนื้อเพลงทั้งหมด ……… ……… …….. 10. ความสวยงาม คิดสร้างสรรค์ท่าร าได้อย่างสวยงาม ……… ……… ……..
86 แบบประเมินความสอดคล้องของข้อค าถามวัดความพึงพอใจ ที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ค าชี้แจง โปรดพิจารณาความสอดคล้องของข้อค าถามที่แสดงความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แล้วขีดเครื่องหมาย √ ในช่องระดับคะแนน ตามเกณฑ์ ดังนี้ +1 หมายถึง แน่ใจว่า ข้อค าถามที่แสดงความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการ เรียนรู้มีความสอดคล้องกัน 0 หมายถึง ไม่แน่ใจว่า ข้อค าถามที่แสดงความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุด กิจกรรมมีความสอดคล้องกัน -1 หมายถึง แน่ใจว่า ข้อค าถามที่แสดงความพึงพอใจของนักเรียนทีมีต่อชุดกิจกรรมไม่มี ความสอดคล้องกัน ข้อค าถาม คะแนน +1 0 -1 1. เนื้อหามีความเหมาะสม เข้าใจง่าย 2. เนื้อหามีความแปลกใหม่ น่าสนใจ 3. น าไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ 4. พอใจกับกิจกรรมที่ร่วมศึกษาค้นคว้า 5. มีขั้นตอนและกระบวนการชัดเจน 6. มีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกขั้นตอน 7. กิจกรรม/กระบวนการช่วยให้เข้าใจเนื้อหามากขึ้น 8. กิจกรรมการเรียนรู้มีความหลากหลาย 9. นักเรียนมีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผล 10. มีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน
87 ข้อเสนอแนะอื่นๆ .............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................... ลงชื่อ.......................................................ผู้ประเมิน (................................................................) ภาคผนวก ฉ ผลการประเมินคุณภาพของเครื่องมือในการวิจัย
88 ผลการประเมินความสอดคล้อง (IOC) เเผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์โดย ใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (EXPERIENTIAL LEARNING) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตารางที่ ฉ.1 ผลการประเมินความสอดคล้อง (IOC) เเผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ทักษะพื้นฐาน นาฏศิลป์โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (EXPERIENTIAL LEARNING) ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระนาฏศิลป์ โดยผู้เชี่ยวชาญ ข้อที่ คะแนนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ คะแนนรวม IOC ความสอดคล้อง คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 2 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 3 +1 0 +1 +2 0.80 สอดคล้อง 4 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 5 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 6 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 7 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 8 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 9 +1 0 +1 +2 0.80 สอดคล้อง 10 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 11 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 12 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 13 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 14 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 15 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 16 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 17 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 18 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง
89 19 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 20 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 21 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 22 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 23 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง ข้อที่ คะแนนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ คะแนนรวม IOC ความสอดคล้อง คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 24 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 25 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 26 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 27 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 28 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 29 +1 0 +1 +2 0.80 สอดคล้อง 30 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง
90 ผลการประเมินความคิดเห็นเเผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์โดยใช้แนวคิด การเรียนรู้จากประสบการณ์ (EXPERIENTIAL LEARNING) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตารางที่ ฉ.2 ผลการประเมินความคิดเห็นเเผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ทักษะพื้นฐานนาฏศิลป์โดยใช้ แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (EXPERIENTIAL LEARNING) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระ การเรียนรู้ศิลปะ สาระนาฏศิลป์ โดยผู้เชี่ยวชาญ รายการประเมิน ̅ S.D. ระดับความ เหมาะสม 1. สาระส าคัญ 1.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ใน หลักสูตร 5.00 0.00 มากที่สุด 1.2 มีประโยชน์ต่อชีวิตประจ าวัน 5.00 0.00 มากที่สุด 1.3 เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน 4.80 0.45 มากที่สุด 1.4 มีความชัดเจนเข้าใจง่าย 4.80 0.45 มากที่สุด 1.5 มีความชัดเจน ไม่สับสนและน่าสนใจ 5.00 0.00 มากที่สุด 2. ผลการเรียนรู้ 2.1 ประเมินผลได้ตามสภาพจริง 4.80 0.45 มากที่สุด 2.2 เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน 5.00 0.00 มากที่สุด 2.3 สามารถบรรลุพฤติกรรมที่คาดหวังได้ 4.80 0.45 มากที่สุด 2.4 มีความชัดเจน เข้าใจง่าย 4.80 0.45 มากที่สุด 3. ด้านจุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ 4.80 0.45 มากที่สุด 3.2 ข้อความชัดเจนเข้าใจง่าย 5.00 0.00 มากที่สุด 3.3 ระบุพฤติกรรมที่ต้องการวัดชัดเจน 5.00 0.00 มากที่สุด 4. ด้านสาระการเรียนรู้ 4.1 เหมาะสมกับผู้เรียนในระดับชั้นเรียน 5.00 0.00 มากที่สุด
91 4.2 เนื้อหาเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความ ต้องการ ของผู้เรียน 4.80 0.45 มากที่สุด 4.3 เนื้อหาเป็นไปตามชั้นตอนการเรียนรู้ ที่เอื้อ ต่อการจัด กิจกรรม 5.00 0.00 มากที่สุด 4.4 เวลาเรียนเหมาะสมกับเนื้อหา 4.80 0.45 มากที่สุด 4.5 สอดคล้องกับจุดประสงค์ 5.00 0.00 มากที่สุด 5. ด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ 5.1 เรียงล าดับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ได้ เหมาะสม 5.00 0.00 มากที่สุด 5.2 กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เหมาะสมกับ จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.80 0.45 มากที่สุด 5.3 จัดกิจกรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระ การเรียนรู้ 4.80 0.40 มากที่สุด 5.4 จัดกิจกรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับเวลา 5.00 0.00 มากที่สุด 5.5 จัดกิจกรรมโดยเน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ 5.00 0.00 มากที่สุด 6. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 6.1 สามารถท าขึ้นได้เอง 5.00 0.00 มากที่สุด 6.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 4.80 0.45 มากที่สุด 6.3 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 5.00 0.00 มากที่สุด 6.4 ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการใช้ 4.80 0.40 มากที่สุด 6.5 ช่วยประหยัดเวลาในการสอน 4.80 0.45 มากที่สุด 7. ด้านการวัดผลประเมินผล 7.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 5.00 0.00 มากที่สุด 7.2 สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ 4.80 0.40 มากที่สุด 7.3 เหมาะสมกับกิจกรรมการเรียนรู้ 5.00 0.00 มากที่สุด 7.4 การวัดผลครอบคลุมด้านความรู้ กระบวนการ และ ทักษะ 4.80 0.45 มากที่สุด รวม 4.90 0.22 มากที่สุด
92 ผลการประเมินความสอดคล้อง (IOC) แบบวัดภาคปฏิบัติเรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่าร าประกอบ เพลง โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential learning) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตารางที่ ฉ.3 ผลการประเมินความสอดคล้อง (IOC) แบบวัดภาคปฏิบัติเรื่อง การคิดสร้างสรรค์ท่าร า ประกอบเพลง โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ข้อที่ คะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ผลรวม IOC ความสอดคล้อง คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 2 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 3 +1 0 +1 +2 0.80 สอดคล้อง 4 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 5 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 6 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 7 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 8 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง 9 +1 0 +1 +2 0.80 สอดคล้อง 10 +1 +1 +1 +3 1.00 สอดคล้อง