โครงงานอาชีพ
เรอื่ ง ดอกไมจ้ ากเปลอื กขา้ วโพด
จดั ทาโดย
นางสาวสลิลทิพ สีดาห้าว เลขที่41
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 6/15
เสนอ
คณุ ครวู นิ ดา บุญพิเชฐวงศ์
โรงเรยี นสตรรี าชินูทิศ
สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษาเขต20อดุ รธานี
บทท่ี1
บทนา
ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน
ในปัจจุบนั การทจ่ี ะมเี วลาวา่ งนนั้ ค่อนขา้ งสามารถทาไดย้ ากโดยอาจจะมสี าเหตุมาจาก
หนา้ ท่กี ารงานภาระต่าง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ มามมากมายในแตล่ ะวนั ดงั นนั้ เม่อื มเี วลาวา่ งแลว้ สง่ิ ท่ี
สาคญั อย่างหน่ึงคอื การใชเ้ วลาทม่ี นี ัน้ เป็นไปอยา่ งคมุ้ และมปี ระโยชน์มากทส่ี ุด ทางคณะ
ผจู้ ดั ทาจงึ เลง็ เหน็ ความสาคญั ของจดุ ประสงคต์ ่าง ๆน้ี จงึ ไดจ้ ดั ทาสงิ่ ประดษิ ฐน์ ้ขี น้ึ มา เพ่อื
เป็นแนวทางในการแนวทางในการเลอื กทาสงิ่ ทจ่ี ะคมุ้ คา่ สาหรบั เวลาทเ่ี สยี ไปโดยเลอื ก
วตั ถุดบิ ทห่ี าไดจ้ ากพน้ื ทร่ี อบ ๆตวั และประหยดั ค่าใชจ้ า่ ยนามาทาเป็นสงิ่ ประดษิ ฐ์ทม่ี ี
ประโยชน์ใชส้ อย และผจู้ ดั ทาหวงั วา่ ผใู้ ชจ้ ะไดร้ บั ประโยชน์จากสงิ่ ประดษิ ฐไ์ ม่นอ้ ยกม็ าก
วตั ถปุ ระสงค์
1.เพอ่ื ส่งเสรมิ ความคดิ สรา้ งสรรคข์ องผทู้ ส่ี นใจ
2.เพอ่ื ส่งเสรมิ การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสุด
ปัญหาท่ีต้องการทราบ
เปลอื กขา้ วโพดทไ่ี ดม้ าจากธรรมชาตจิ ะสามารถนามาทาเป็นสงิ่ ประดษิ ฐ์ทม่ี ปี ระโยชน์
ไดห้ รอื ไม่
ขอบเขตของโครงงาน
ทาสงิ่ ประดษิ ฐ์เผยแพร่ความรเู้ กยี่ วกบั สง่ิ ประดษิ ฐ์จากธรรมชาตทิ ่มี อี ยตู่ ามทอ้ งถน่ิ
และใชโ้ ปรแกรม Microsoft Office Word 2013.
บทที่ 2
เอกสารท่ีเก่ียวข้อง
ในการจดั ทาโครงงานคอมพวิ เตอร์ พฒั นาส่อื เพอ่ื การศกึ ษา การทาสง่ิ ประดษิ ฐจ์ าก
สงิ่ ของตามธรรมชาตแิ ละตามทอ้ งถนิ่ ใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั การใชเ้ ป็นประโยชน์ คณะผจู้ ดั ทาได้
ศกึ ษาขอ้ มูล เอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ดงั น้ี
1.การประดษิ ฐ์
2.ขา้ วโพด
ความรทู้ วั่ ไปของข้าวโพด
ต้นข้าวโพด จดั เป็นไมล้ ม้ ลุกจาพวกหญ้า มถี นิ่ กาเนิดในทวปี อเมรกิ าใตใ้ นปัจจุบนั มรการ
ปลกู ขา้ วโพดทวั ่ ไปในเขตรอ้ นและในเขตอบอุน่ ทวั ่ โลก ลาตน้ นัน้ มลี กั ษณะอวบกลมและตงั้
ตรงแขง็ แรง มคี วามสูงของตน้ ประมาณ 1-4 เมตร ผวิ ตน้ เรยี บ เน้อื ภายในฟ่ามคลา้ ยกบั
ฟองน้า ขยายพนั ธ์ุดว้ ยวธิ กี ารเพาะเมลด็
รปู ที่ 1 ต้นขา้ วโพด
ใบขา้ วโพด ใบเป็นใบเด่ยี ว ออกเรียงสลบั ใบมลี กั ษณะเรียบยาวเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โดนใบ
มน ส่วนขอบใบมนและมขี นออ่ นๆ สขี าว เสน้ กลางใบมองเหน็ ไดช้ ดั เจน ใบมขี นาดกวา้ งประมาณ 2-10
เซนตเิ มตรและยาวประมาณ 30-100 เซนติเมตรส่วนกา้ นใบเป็นกาบหมุ้ ลาตน้
รูปท่2ี ใบขา้ วโพด
ดอกขา้ วโพด ถอดดอกเป็นช่อ ดอกเพศผูแ้ ละดอกเพศเมียจะอยู่ในตน้ เดยี วกนั โดยดอกเพศผูจ้ ะถอด
ดอกเป็นช่อและออกทป่ี ลายยอด สว่ นดอกเพศเมยี จะอยูต่ า่ ถดั ลงมาออกระหวา่ งกา้ นของใบและลาตน้
เรียงเป็น 2 แถว มปี ระมาณ 8-10 ดอก ดอกย่อยจะมกี า้ นเกสรเพศผูจ้ านวน 9-10 อนั และมอี บั เรณูสี
เหลอื งสม้ ยาวประมาณ 5 มลิ ลเิ มตร ส่วนยอดเกสรเพศเมยี เป็นเสน้ บาง ๆ ยน่ื ออกมาเป็นจานวนมาก
คลา้ ยกบั เสน้ ไหมจานวนมาก บา้ งก็เรยี กวา่ หนวดขา้ วโพดโยจะอยู่ระหว่างกาบใบและลาตน้ และดอกเพศ
เมยี เมอื่ เจรญิ เติบโตแลว้ กจ็ ะออกเป็นฝกั หรอื เรียกวา่ ผล
รูปท่ี 3 ดอกขา้ วโพด
ผลขา้ วโพด ออดผลเป็นฝกั ผลถูกหมุ้ ไปดว้ ยกาบบาง ๆ หลายชน้ั ฝกั ออ่ นเป็นสเี ขยี วเม่ือแก่แลว้ จะ
เปลย่ี นเป็นสนี วล เรียกว่าเปลอื กขา้ วโพด ฝกั มลี กั ษณะเป็นรูปทรงกระบอก ในหนง่ึ ฝกั จะมเี มลด็ อยูร่ อบ
ฝกั เรยี งเป็นระเบยี บรอบแกนกลางของฝกั เมลด็ จะเกาะอยูเ่ ป็นแถวประมาณ 8 แถวแต่ละแถวจะมเี มลด็
อยู่ประมาณ 30 เมลด็ และมสี ตี ่าง ๆ เชน่ สนี วล เหลอื ง ขาว หรอื สมี ่วงดา
รูปท่ี 4 ผลขา้ วโพด
การประดิษฐ์
1.ความหมายของงานประดษิ ฐ์ งานประดษิ ฐ์ หมายถงึ ส่งิ ทจ่ี ดั ทาข้นึ โดยใชค้ วามคดิ สรา้ งสรรคใ์ หเ้กิด
ความประณีต สวยงาม น่าสนใจ เพอ่ื ประโยชนท์ ่พี งึ ประสงค์ เชน่ งานประดษิ ฐด์ อกไม้ ผา้ รองจาน กระเป๋า
ตกุ๊ ตา ทค่ี นั่ หนงั สอื บายศรี พานดอกไม้ มาลยั แบบอน่ื ๆ
2.ความสาคญั และประโยชนข์ องงานประดษิ ฐ์
2.1 ประหยดั ค่าใชจ้ ่าย
2.2 ใชเ้วลาวา่ งใหเ้กิดประโยชน์
2.3 ความเพลดิ เพลนิ
2.4 เพอ่ื คุณค่าของวสั ดุ
2.5 สรา้ งความแปลกใหม่ทม่ี อี ยู่เดมิ
2.6 ช้นิ ตรงตามความตอ้ งการ
2.7 เป็นของกานลั
2.8 เพ่มิ รายไดใ้ หแ้ ก่ตนเองและครอบครวั
2.9 เกดิ ความภูมใิ จในตนเอง
ประโยชนข์ องงานประดษิ ฐ์
1 เป็นการใชเ้วลาวา่ งใหเ้กิดประโยชน์
2 มคี วามภูมใิ จในผลงานของตน
3 มรี ายไดจ้ ากผลงาน
4 มคี วามรเิ ร่ิมสรา้ งสรรคผ์ ลงานใหม่ๆ
5 เป็นการฝึกใหร้ ูจ้ กั สงั เกตสู ง่ิ รอบ ๆตวั และนามาใชใ้ หเ้กิดประโยชน์
บทท่ี3
วธิ ีการดาเนินงาน
วสั ดแุ ละอปุ กรณ์
1.เปลอื กขา้ วโพด
2.นา้ ยาฟอกผา้ ขาว
3.สยี อ้ มผา้
4.เกลอื แกง
5.เกสรดอกไมแ้ บบหวั กลม
6.ฟลอรา่ เทปสเี ขยี ว
7.ดา้ ยสเี ขยี ว
8.กรรไกร
9.ลวดสาเรจ็
10.กระดาษยน่ สองหนา้ สเี ขยี ว
ขน้ั ตอนการเตรยี มเปลอื กขา้ วโพด
1.คดั เลอื กเปลอื กขา้ วโพดทไ่ี ม่ข้นึ รา ไม่มจี ุดด่างดา มาตดั แยกเป็นใบๆ
2.นาเปลอื กขา้ วโพดมาตม้ จนเปลย่ี นสจี ากสเี ขยี วเป็นสขี าวหรอื สเี หลอื งออ่ นแลว้ ยกข้นึ มาบบี นา้ ออกท้งิ ไว้
ใหห้ มาด
3.ผสมนา้ ยาฟอกผา้ ขาว 1 สว่ นตอ่ นา้ 5 ส่วน แช่เปลอื กขา้ วโพดท่ตี ม้ แลว้ ประมาณ 8 - 10 นาที บบี นา้
ออกนาไปแผ่ผง่ึ ลมใหแ้ หง้
4.ผสมสยี อ้ มผา้ กบั นา้ อนุ่ ในอตั ราส่วนสี 1 สว่ น ต่อนา้ 10 ส่วน คนใหส้ ลี ะลายใหห้ มดแลว้ เติมเกลอื แกงลง
ไป 1 ชอ้ นโตะ๊ นาสไี ปตม้ บนเตาใหเ้ดอื ด ใสเ่ ปลอื ก ขา้ วโพดตม้ ในนา้ สี
ประมาณ10 นาที พยายามกดใหเ้ปลอื กขา้ วโพดจมนา้ ใหส้ ตี ดิ ทวั่ ทงั้ ใบจึงยกข้นึ มาบบี ใหห้ มาด แลว้ ไป
แผผ่ ่งึ บนกระดาษหนงั สอื พมิ พใ์ หแ้ หง้
5. นาเปลอื กขา้ วโพดทย่ี อ้ มสแี ลว้ มารีดดว้ ยเตารีด จดั เก็บใหเ้รยี บรอ้ ย ขน้ั ตอนการประดษิ ฐด์ อกไมจ้ าก
เปลอื กขา้ วโพด
ขน้ั ตอนการประดิษฐด์ อกไมจ้ ากเปลือกขา้ วโพด
1.ออกแบบกลบี ดอกและใบในกระดาษแขง็ และตดั ตามแบบเตรยี มไว้
2.นาแบบกลบี ดอกมาวางบนเปลอื กขา้ วโพด โดยใหป้ ลายกลบี ของแบบตรงกบั ปลายใบเปลอื กขา้ วโพด ตดั
เปลอื กขา้ วโพดตามแบบดอกละประมาณ 8 กลบี
3.นาเกสรสาเรจ็ หวั กลม 5 อนั พบั ครึง่ จะไดเ้กสร 10 อนั ตดั ลวดยาว 6 น้วิ งอปลายลวดเลก็ นอ้ ย นา
เกสรมามดั บรเิ วณรอยพบั ใหฟ้ ลอร่าเทปพนั ทบั เพ่อื ปิดดา้ ยใหด้ ูเรียบรอ้ ย
4. นากลบี ดอกทง้ั 8 กลบี มาประกอบเขา้ กบั กา้ นดอกรอบเกสรใชด้ า้ ยมดั ใหแ้ น่นท่ลี ะกลบี จนครบ 8
กลบี ตดั กลบี เล้ยี ง ตามแบบ แลว้ นามาติดใตก้ ลบี ดอก
5. นาแบบใบท่สี รา้ งไวใ้ นกระดาษแขง็ มาวางบนกระดาษย่น 2 หนา้ สเี ขยี วตดั ตามแนวเสน้ ยนื ของกระดาษ
ช่อละ 3 ใบใชล้ วดสาเรจ้ สเี ขยี วยาวประมาณ 10 น้วิ ทากาวตดิ ทเ่ี สน้ กลางใบท่ดี า้ นหลงั ใหเ้หลอื ปลาย
ลวดทางกา้ นใบ
บทท4่ี
ผลการดาเนินงาน
การจดั ทาโครงงานสง่ิ ประดษิ ฐน์ ้ขี ้นึ เพ่อื การศึกษา ในการทาส่งิ ประดษิ ฐจ์ ากส่งิ เหลอื ใชจ้ ากวสั ดุ
ธรรมชาตมิ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เผยแพร่ความรูเ้ก่ียวกบั ประโยชนจ์ ากส่งิ แวดลอ้ มซ่งึ มกี ารดาเนินงาน
โครงงานน้ดี งั น้ี
4.1ผลการพฒั นาโครงงาน
การพฒั นาโครงงานการทาส่งิ ประดษิ ฐจ์ ากส่งิ เหลอื ใชจ้ ากวสั ดธุ รรมชาตเิ พ่อื เผยแพร่ ความรู้
เกยี่ วกบั ความรูท้ วั่ ไปของการประดษิ ฐส์ ่งิ ต่างๆจากธรรมชาติ คณะจดั ทาไดด้ าเนินตามขน้ั ตอนการ
ดาเนนิ งานทไ่ี ดว้ างแผนไวแ้ ละไดน้ าเสนอเผยแพร่งานผ่านทางหนา้ ชนั้ เรยี น
4.2ตวั อย่างผลงาน
บทท5่ี
สรปุ ผล ประโยชน์ และขอ้ เสนอแนะ
การจดั ทาโครงงานการทาสง่ิ ประดษิ ฐจ์ ากวสั ดธุ รรมชาตสิ ามารถสรปุ ผลการดาเนินงานโครงงาน
และขอ้ เสนอแนะ ไดด้ งั น้ี
5.1 การดาเนินงานจดั ทาโครงงาน
5.1.1 วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงาน
1.เพ่อื ใหค้ วามรูแ้ ก่ผูส้ นใจเก่ียวกบั การประดษิ ฐส์ ง่ิ ขงิ
2.เพอ่ื เป็นการใชเ้วลาวา่ งใหเ้กดิ ประโยชนส์ ูงสุด
3.เพอ่ื เผยแพรข่ อ้ มลู ใหแ้ ก่บุคคลอ่นื ๆ
5.1.2 วสั ดุ อปุ กรณ์ เครอ่ื งมอื หรือโปรแกรมทใี่ ชใ้ นการพฒั นาโครงงาน
1.เครือ่ งคอมพวิ เตอรพ์ รอ้ มเช่ือต่อระบบเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต
2.ซอฟ์แวร์
-Microso Office Word 2013
5.2 สรปุ ผล
การดาเนนิ โครงงานน้บี รรลุวตั ถปุ ระสงคท์ ่ไี ดก้ าหนดไว้ คือ เพอ่ื ใหค้ วามรูแ้ ก่ผูส้ นใจเกี่ยวกบั การประดษิ ฐ์
สง่ิ ต่างๆ จากวสั ดธุ รรมชาติ เป็นการจดั ทาข้นึ เพ่อื เผยแพร่ความรูเ้ก่ียวกบั การประดษิ ฐด์ อกไมจ้ ากเปลอื ก
ขา้ วโพด นาเสนอผา่ นหนา้ ชนั้ เรียน ทาใหผ้ ูท้ ่สี นใจสามารถมาสอบถามถงึ การดาเนนิ ไดแ้ ละไดร้ บั ความรู้
เลง็ เหน็ ถงึ ความสาคญั ของเปลอื กขา้ วโพดท่เี ราไมค่ ่อยจะไดใ้ ชป้ ระโยชนไ์ ด้ มากนกั การประดษิ ฐจ์ ึงเป็น
ส่งิ ประดษิ ฐท์ ่มี ปี ระโยชน์ และเป็นทน่ี าวสั ดมุ าใชส้ อยประโยชนไ์ ดแ้ ละประยุกตเ์ ป็นของตกแตง่ มคี ณุ ค่า
และประโยชน์
ประโยชน์
1.ไดใ้ ชเ้วลาวา่ งใหเ้กดิ ประโยชน์
2.เมอ่ื ทาจนชานาญกส็ ามารถทาเป็นรายไดเ้สรมิ ได้
3.ฝึกสมาธิ
4.ไดว้ างแผนการทางาน
ขอ้ เสนอแนะ
1.ควรนาเปลอื กขา้ วโพดไปทาเป็นสง่ิ ประดิษฐอ์ ่นื ๆดว้ ย
2.ควรมกี ารจดั ทาเน้อื หาของโครงงานใหห้ ลากหลายครบเน้อื หาในมมุ ลกึ กวา่ น้ี