1
2 คำนำ ระเบียบโรงเรียนตราษตระการคุณว่าด้วยการปกครองนักเรียน พุทธศักราช ๒๕๖๖ จัดทำขึ้นเพื่อให้ นักเรียนได้ประพฤติตนตามระเบียบที่โรงเรียนกำหนด ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖ และ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.๒๕๔๘ ซึ่งมุ่งพัฒนาให้นักเรียนเป็น คนดี คนเก่ง สามารถดำเนินชีวิตในสังคมโลกอย่างมีความสุข เอกสารระเบียบการปกครองนักเรียน โรงเรียนตราษตระการคุณ พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นส่วนหนึ่ง ในการสื่อสารสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างนักเรียน ครู และผู้ปกครอง เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติ หลักเกณฑ์ การดำเนินงานของโรงเรียนในด้านระเบียบการปกครองนักเรียน ในการร่วมกัน แก้ไข ปรับปรุง พัฒนาในด้าน ความประพฤติระเบียบวินัยของนักเรียน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวนักเรียนต่อไป นายสำเนา บุญมาก ผู้อำนวยการโรงเรียนตราษตระการคุณ
3 สารบัญ หน้า คำนำ ก ระเบียบโรงเรียนตราษตระการคุณว่าด้วยการปกครองนักเรียน พ.ศ.๒๕๖๖ ๑ หมวดที่ ๑ บททั่วไป ๒ หมวดที่ ๒ ระเบียบว่าด้วยการปฏิบัติตนของนักเรียนโรงเรียนตราษตระการคุณ ๓ หมวดที่ ๓ การปกครองและการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ๕ หมวดที่ ๔ ระเบียบว่าด้วยเครื่องแบบและการแต่งกายของนักเรียน ๑๐ หมวดที่ ๕ ระเบียบว่าด้วยทรงผมนักเรียน ๑๗ หมวดที่ ๖ ระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียนของโรงเรียนตราษตระการคุณ ๑๙ หมวดที่ ๗ ระเบียบว่าด้วยการตัดคะแนนพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ๒๒ หมวดที่ ๘ บทเฉพาะกาล ๒๔
1 ระเบียบโรงเรียนตราษตระการคุณว่าด้วย การปกครองนักเรียน พ.ศ.๒๕๖๖ อำนาจตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.๒๕๔๘ และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเด็กและเยาวชน พ.ศ.๒๕๔๖ กฎกระทรวงศึกษาธิการกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.๒๕๔๘ และระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.๒๕๕๑ เพื่อให้นักเรียนเป็นผู้มีระเบียบวินัย ในตนเอง มีความรับผิดขอบ มีคุณธรรมพื้นฐานในการดำรงชีวิตที่ดีงาม และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของ โรงเรียน จึงกำหนดระเบียบว่าด้วยการปกครองนักเรียน เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติดังนี้
2 หมวดที่ ๑ บททั่วไป ข้อที่ ๑ ระเบียบนี้ใช้ชื่อว่า “ระเบียบโรงเรียนตราษตระการคุณ ว่าด้วยการปกครองนักเรียน พ.ศ.๒๕๖๖” ข้อที่ ๒ บรรดากฎ ระเบียบหรือข้อบังคับใดๆ ที่มีอยู่ก่อน ให้ยกเลิก และให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อที่ ๓ ในระเบียบนี้ “โรงเรียนหรือสถานศึกษา” หมายถึง โรงเรียนตราษตระการคุณ อำเภอเมือง จังหวัดตราด “ผู้บริหาร” หมายถึง ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการ “ผู้อำนวยการ” หมายถึง ผู้อำนวยการโรงเรียนตราษตระการคุณ “รองผู้อำนวยการ” หมายถึง รองผู้อำนวยการโรงเรียนตราษตระการคุณ “ครู” หมายถึง ครูที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการในโรงเรียนตราษตระการคุณ “นักเรียน” หมายถึง นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนตราษตระการคุณ “งานปกครองนักเรียน” หมายถึง งานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนักเรียนที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับ ของโรงเรียนการลงโทษนักเรียนที่กระทำความผิด และการส่งเสริมให้นักเรียนมีระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรมอันดีงามและสร้างคุณประโยชน์ต่อโรงเรียน “พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์” หมายถึง พฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออกในทางที่ฝ่าฝืน ต่อกฎระเบียบ ข้อบังคับของโรงเรียน กฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.๒๕๖๒ และพฤติกรรมที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของสังคม “พฤติกรรมที่พึงประสงค์” หมายถึง พฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออกในทางที่ถูก ที่ควร กระทำ ความดีอันเกิดประโยชน์ต่อตนเอง ผู้อื่น และส่วนรวม สมควรได้รับการยกย่อง เชิดชู เป็นแบบอย่าง ที่ดีและควรได้รับรางวัล “การกระทำความผิด” หมายถึง การที่นักเรียนประพฤติผิด ฝ่าฝืนระเบียบ คำสั่ง แนวปฏิบัติ ข้อบังคับของโรงเรียน หรือ ระเบียบโรงเรียนตราษตระการคุณ ว่าด้วยความประพฤติและปฏิบัติตน ของนักเรียนโรงเรียนตราษตระการคุณ พ.ศ.๒๕๖๖ “การทำกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” หมายถึง การให้นักเรียนที่กระทำผิดระเบียบ โรงเรียน ทำกิจกรรมบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ผู้อื่น ส่วนรวมหรือสังคม รวมทั้งเข้าค่าย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการมอบหมายเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้
3 หมวดที่ ๒ ระเบียบว่าด้วยการปฏิบัติตนของนักเรียนโรงเรียนตราษตระการคุณ โรงเรียนตราษตระการคุณกำหนดให้มีระเบียบว่าด้วยวินัยและความประพฤตินักเรียนเพื่อเป็น แนวทางการบริหารงานฝ่ายปกครอง โดยให้ถือปฏิบัติร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับนโยบาย การจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้ ข้อ ๑ แนวปฏิบัติทั่วไป โรงเรียนตราษตระการคุณ ได้กำหนดระเบียบให้นักเรียนประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องเหมาะสมกับ สภาพของการเป็นนักเรียน ดังต่อไปนี้ ๑.๑ นักเรียนต้องปฏิบัติตามกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ และคำสั่งต่างๆ ของทางโรงเรียน อย่างเคร่งครัด ๑.๒ นักเรียนต้องปฏิเสธสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายอันจะเป็นผลกระทบต่อตนเองและส่วนรวม ๑.๓ นักเรียนต้องแต่งเครื่องแบบนักเรียน ชุดพลศึกษา เครื่องแบบลูกเสือ (ม.ต้น) เครื่องแบบ นักศึกษาวิชาทหาร (ม.ปลาย) ให้ถูกต้องเรียบร้อยตามระเบียบของทางโรงเรียนตลอดเวลาทั้งในและนอก โรงเรียน นักเรียนต้องเคารพและเชื่อฟังบิดา มารดา ครู และบุคคลอื่น ๑.๔ นักเรียนต้องมีกิริยาวาจาสุภาพเรียบร้อย และรักษามารยาทวัฒนธรรมอันดีงาม ๑.๕ นักเรียนต้องไม่นำสิ่งอื่นใด นอกจากอุปกรณ์การเรียนมาในโรงเรียน ๑.๖ นักเรียนต้องไม่ทำลายทรัพย์สินของโรงเรียนและสาธารณะ รวมทั้งไม่กระทำสิ่งใดๆ อันจะนำมาซึ่งความเสียหายแก่ชื่อเสียงของโรงเรียน ๑.๗ นักเรียนต้องรักษาความสามัคคีในหมู่คณะ รุ่นพี่ต้องปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีแก่รุ่นน้อง และรุ่นน้องต้องให้ความเคารพต่อรุ่นพี่ ๑.๘ นักเรียนต้องรู้และเข้าใจในสิทธิและหน้าที่ของตนเองตลอดจนรู้จักเคารพสิทธิหน้าที่ของ ผู้อื่นตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ๑.๙ นักเรียนต้องจัดแถวให้มีระเบียบเรียบร้อย เงียบ และนิ่งรอรับคำสั่งจากครูทุกครั้ง ที่มีการเข้าแถว ๑.๑๐ นักเรียนต้องให้ความร่วมมือกับโรงเรียนในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งในและนอก โรงเรียนอันจะนำชื่อเสียงมาสู่โรงเรียน ๑.๑๑ นักเรียนต้องพกบัตรประจำตัวนักเรียนติดตัวตลอดเวลา ๑.๑๒ ห้ามนักเรียนสูบบุหรี่ เสพสิ่งเสพติด และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดตลอดจน ไม่ครอบครองสิ่งดังกล่าว ๑.๑๓ ห้ามนักเรียนพกพาอุปกรณ์การพนันและห้ามเล่นการพนันทุกชนิดทั้งในและนอก โรงเรียน ๑.๑๔ ห้ามมั่วสุมในสถานบันเทิง ร้านเกม หรือแหล่งอบายมุขต่างๆ ตลอดทั้งการเที่ยวเตร่ เกินเวลาที่ทางราชการกำหนด ๑.๑๕ ห้ามนักเรียนนำหรือมีสื่อลามกอนาจารไว้ในครอบครอง
4 ๑.๑๖ ห้ามนักเรียนประพฤติปฏิบัติตนในทางชู้สาว ๑.๑๗ ห้ามนักเรียนพกพาอาวุธ วัตถุสิ่งของอื่นที่ใช้แทนอาวุธ วัตถุระเบิด และ/หรือก่อเหตุ ทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย ก้าวร้าว ข่มขู่ กรรโชกทรัพย์ ข่มเหง รังแก ลักทรัพย์ของผู้อื่นทั้งในและนอก โรงเรียน ๑.๑๘ ห้ามนักเรียนนำหรือสวมใส่เครื่องประดับ วัตถุหรือทรัพย์สินมีค่ามาโรงเรียน (ยกเว้น นาฬิกาและสร้อยคอสแตนเลสคล้องพระที่สวมศีรษะได้) ๑.๑๙ ห้ามนักเรียนแต่งหน้าทาปากมาโรงเรียน ๑.๒๐ ห้ามพกพาอุปกรณ์เสริมสวยมาโรงเรียน ๑.๒๑ ห้ามใช้กระเป๋าที่ไม่ใช่ของโรงเรียน ๑.๒๒ ห้ามนักเรียนสักตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ๑.๒๓ ห้ามนักเรียนเจาะตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ยกเว้นนักเรียนหญิงอนุญาตให้เจาะหูได้ ข้างละ ๑ รู ๑.๒๔ ห้ามนักเรียนขับรถยนต์มาโรงเรียน ๑.๒๕ ห้ามนักเรียนใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดในช่วงเวลาที่ทำกิจกรรมต่างๆ และในเวลาเรียน ยกเว้นได้รับอนุญาตจากครู
5 หมวดที่ ๓ การปกครองและการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนตราษตระการคุณ ได้จัดการปกครองในรูปแบบของระดับชั้นเรียน โดยมีครูที่ปรึกษาเป็นผู้ให้ การดูแลช่วยเหลือนักเรียน และเพื่อให้นักเรียนอยู่ในระเบียบวินัยและค่านิยมอันพึงประสงค์ของโรงเรียน และ เป็นคนดีของสังคม ซึ่งจะทำให้นักเรียนของโรงเรียนเป็นบุคคลที่มีคุณธรรมเป็นที่ต้องการของสังคม ให้ครูที่ ปรึกษามีบทบาทในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในทุกด้าน เสมือนหนึ่งเป็นพ่อแม่คนที่สอง โดยมีลักษณะการ ดำเนินการดังนี้ ข้อ ๑ ครูที่ปรึกษามีหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๑.๑ ดูแลควบคุมปรับปรุงเรื่องความประพฤติระเบียบวินัยของนักเรียนในความปกครอง ๑.๒ ช่วยเหลือให้คำแนะนำให้กับนักเรียนทั้งด้านการเรียน และเรื่องส่วนตัวตามสมควร ๑.๓ ดูแลควบคุมนักเรียนในการร่วมกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน เช่น กิจกรรมหน้าเสาธง เป็นต้น ๑.๔ ดำเนินการพิจารณาการลงโทษเบื้องต้นเมื่อได้รับทราบหรือพบเห็นการทำผิดระเบียบ วินัยของนักเรียน ๑.๕ ติดต่อประสานงานกับผู้ปกครองของนักเรียนเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดกับนักเรียนหรือติดต่อ รายงานเกี่ยวกับความประพฤติของนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่ถูกต้อง หรือรายงานความก้าวหน้าในการเรียน ของนักเรียนให้ผู้ปกครองได้รับทราบ ๑.๖ ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ และระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ข้อ ๒ แนวปฏิบัติสำหรับนักเรียนโรงเรียนตราษตระการคุณ โรงเรียนตราษตระการคุณได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติสำหรับนักเรียนเพื่อถือปฏิบัติในเรื่องต่างๆ ดังนี้ ๒.๑ การเข้าร่วมกิจกรรมหน้าเสาธง ๑) เวลา ๐๗.๔๕ น.ประชาสัมพันธ์เปิดเพลงมาร์ชโรงเรียนนักเรียนเตรียมตัวเข้า แถวประกอบพิธีหน้าเสาธง (ครูเวรประจำวัน / คณะกรรรมการนักเรียนทำหน้าที่นำกิจกรรมหน้าเสาธง) ๒) เวลา ๐๗.๕๕ น. นักเรียนเข้าแถวเตรียมตัวเคารพธงชาติ/สวดมนต์/ท่องคำ ปฏิญาณตนตามหลักศีลห้า/เพลงสรรเสริญพระบารมี ๓) ครูเวรแจ้งข่าวสาร / อบรมนักเรียน / หรือพิธีประกาศเกียรติคุณต่างๆ ๔) เวลา ๐๘.๑๕ น. นักเรียนพบครูที่ปรึกษาตรวจสอบการมาเรียน โฮมรูมสั้น และลงเขตพื้นที่ที่ได้รับผิดชอบ ๕) เวลา ๐๘.๓๐ น. เริ่มเรียน ๖) การเลิกเรียนเป็นไปตามตารางเรียนของแต่ละชั้นเรียน
6 ข้อ ๓ การมาเรียน ๓.๑ นักเรียนต้องมาโรงเรียนก่อนเวลา ๐๗.๔๕ น. และกลับหลังจากเวลา ๑๖.๐๐ น. ๓.๒ นักเรียนที่ผู้ปกครองขับรถมาส่ง ให้นักเรียนแจ้งผู้ปกครองจอดรถเพื่อรับ-ส่ง ตามจุด ต่างๆ ที่ทางโรงเรียนกำหนด ๓.๓ เมื่อนักเรียนได้ยินสัญญาณเข้าแถว ต้องหยุดทำกิจกรรมทุกชนิดรีบเข้าแถวให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมเคารพธงชาติ ๓.๔ นักเรียนมาหลังเวลา ๐๗.๔๕ น. ถือว่ามาสาย ต้องไปรับใบอนุญาตเข้าห้องเรียนจากครู เวรประจำวันงานปกครอง จึงจะเข้าห้องเรียนได้ ๓.๕ เมื่อนักเรียนเข้าในบริเวณโรงเรียนแล้ว ไม่อนุญาตให้ออกนอกบริเวณโรงเรียน จนกว่า จะถึงเวลาเลิกเรียน ยกเว้นได้รับอนุญาตจากงานปกครอง ๓.๖ ไม่อนุญาตให้นักเรียนอยู่ภายในโรงเรียนเกินเวลา ๑๙.๐๐ น. และไม่อนุญาตให้นักเรียน อยู่บนอาคารเรียนเกิน ๑๖.๓๐ น. ยกเว้นนักเรียนได้รับอนุญาตจากครูให้ทำกิจกรรมพิเศษเท่านั้น ข้อ ๔ การขออบุญาตออกนอกบริเวณโรงเรียน เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในการเข้า-ออก บริเวณโรงเรียนของนักเรียนให้ถือปฏิบัติดังนี้ ๔.๑ นักเรียนต้องอยู่ในบริเวณโรงเรียนตั้งแต่เริ่มเข้ามาในโรงเรียน และตั้งแต่เริ่มเรียนชั่วโมงแรก ไม่อนุญาตให้นักเรียนออกนอกบริเวณโรงเรียนโดยเด็ดขาด ๔.๒ นักเรียนออกนอกบริเวณโรงเรียนได้ดังกรณีต่อไปนี้ ๑) เสร็จสิ้นการเรียนตามตารางเรียน ๒) ขออนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรียนตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการขออนุญาต ออกนอกบริเวณโรงเรียน ๔.๓ ระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการขออนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรียน มีขั้นตอนดังนี้ ๑) ขออนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรียนที่ห้องกลุ่มงานปกครองนักเรียนกรอก ข้อความครบทั้ง ๒ ส่วน ๒) นำใบขออนุญาตที่กรอกข้อความเรียบร้อยแล้ว ให้ครูผู้สอน (หากการขออนุญาต นั้นอยู่ในระหว่างคาบเรียน) ครูหัวหน้าเวรประจำวัน หรือหัวหน้ากลุ่มงานปกครอง เป็นผู้ลงนามอนุญาต ๓) นักเรียนผู้ขออนุญาตยื่นแสดงในอนุญาตต่อยามรักษาการณ์และรับส่วนที่ ๒ ติดตัวไว้เมื่อออกนอกบริเวณโรงเรียน ๔) นักเรียนลงเวลาโดยการบันทึกก่อนออกนอกโรงเรียน ๕) เมื่อกลับเข้าบริเวณโรงเรียนให้มอบใบอนุญาตส่วนที่ ๒ คืนแก่ยามรักษาการณ์ ๖) นักเรียนลงเวลาโดยการบันทึกเมื่อกลับเข้าโรงเรียน ๔.๔ การออกนอกบริเวณโรงเรียนเป็นหมู่คณะ ต้องมีคุณครูควบคุมดูแล และคุณครูผู้ควบคุม ต้องเสนอขออนุญาตจากผู้อำนวยการ ๔.๕ การมาโรงเรียนในวันหยุดหรือนอกเวลาเรียนปกติ นักเรียนที่ได้รับการนัดหมายให้มา โรงเรียนในวันหยุด หรือนอกเวลาเรียนปกติ เช่น การเรียนเสริม การซ้อมกีฬา หรือการทำกิจกรรมอื่นใด ที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน ให้ปฏิบัติดังนี้
7 ๑) คุณครูผู้รับผิดชอบต้องเสนอขออนุญาตจากผู้อำนวยการ และดูแลควบคุม นักเรียนตลอดเวลา ๒) นักเรียนต้องนำหนังสือขออนุญาตจากโรงเรียนให้ผู้ปกครองลงชื่อเพื่ออนุญาต และนำหนังสือขออนุญาตมาให้คุณครูผู้รับผิดขอบ ๓) นักเรียนต้องแต่งเครื่องแบบนักเรียน หรือเครื่องแบบกิจกรรม หรือ ชุดสุภาพ เรียบร้อยตามที่คุณครู ผู้รับผิดชอบเป็นผู้กำหนด ตามที่เห็นสมควร ๔) นักเรียนต้องประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียนเหมือนเช่น วันเรียนปกติ ๕) นักเรียนต้องกลับถึงบ้านตามเวลาที่คุณครูผู้รับผิดชอบกำหนด ๔.๖ นักเรียนคนใดออกนอกบริเวณโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาตถือว่ามีความผิดให้ลงโทษ ตามระเบียบของโรงเรียน ข้อ ๕ การใช้ยานพาหนะ นักเรียนที่มีความประสงค์จะใช้ยานพาหนะมาโรงเรียนและขอเข้าจอดในโรงเรียนเพื่อความเป็น ระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัย ให้ถือปฏิบัติดังนี้ ๕.๑ โรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนใช้ยานพาหนะได้เฉพาะรถจักรยาน และจักรยานยนต์พร้อม สวมหมวกนิรภัยให้เรียบร้อย ๕.๒ นักเรียนที่มีความประสงค์จะขอใช้ยานพาหนะ จะต้องยื่นแบบคำร้องขอขึ้นทะเบียน ยานพาหนะเพื่อขอรับบัตร อนุญาต เข้า - ออก และจอดในโรงเรียน ๕.๓ ยานพาหนะที่ไม่มีบัตรอนุญาต จะไม่มีสิทธิตามข้อ ๕.๒ ๕.๔ ยานพาหนะที่ได้รับอนุญาตให้ติดบัตรอนุญาตไว้ที่ตัวยานพาหนะให้ชัดเจน ๕.๕ ยานพาหนะที่จะได้รับอนุญาตให้เข้า - ออก และจอดในโรงเรียนได้ จะต้องเป็น ยานพาหนะถูกต้องตามกฎหมายนักเรียนที่ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับที่ถูกต้อง ๕.๖ โรงเรียนไม่รับผิดชอบ ต่อความเสียหายที่จะเกิดกับยานพาหนะที่นำมาจอดในบริเวณ โรงเรียน ข้อ ๖ การขอพบนักเรียน ผู้ปกครองหรือบุคคลภายนอกที่มีความประสงค์จะขอพบนักเรียนให้ถือ ปฏิบัติดังนี้ ๖.๑ ติดต่อขอพบนักเรียนได้ที่ห้องปกครองนักเรียนแจ้งชื่อ ระบุชั้น / ปีของนักเรียนที่จะขอพบ ๖.๒ แจ้งความเกี่ยวพันระหว่างผู้ขอพบและนักเรียนโดยการแสดงบัตรประจำตัวประชาชน ๖.๓ เวลาที่ขออนุญาตให้พบจะต้องเป็นเวลาพักหรือเวลาเปลี่ยนคาบเรียนเท่านั้น
8 ข้อ ๗ การใช้อาคารสถานที่ ๗.๑ อาคารเรียน / ห้องเรียน ๑) รักษาทรัพย์สินที่มีอยู่ในอาคารเรียน และห้องเรียน ไม่ให้เกิดความเสียหาย ๒) หากนักเรียนผู้ใดกระทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของส่วนรวมให้ลงโทษ ตามระเบียบโรงเรียน และชดใช้ตามมูลค่าของที่เกิดความเสียหาย ๓) หากนักเรียนพบเห็นทรัพย์สินของส่วนรวมเกิดความเสียหาย หรือชำรุดให้แจ้งต่อ ครูผู้สอนหรืองานอาคารสถานที่ทันที ๗.๒ การใช้โรงอาหาร ๑) ห้ามนักเรียนนำอาหารและเครื่องดื่ม ไปรับประทานในอาคารเรียน ห้องเรียน โดยเด็ดขาด ๒) เมื่อนักเรียนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว จะต้องเก็บภาชนะใส่อาหารไปวางในที่ เก็บภาชนะรวมที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ ๓) นักเรียนมีหน้าที่ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดของโรงอาหารร่วมกัน ๔) นักเรียนคนใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบในข้อ ๑) - ๓) ถือว่ามีความผิด ให้ลงโทษ โดยการว่ากล่าวตักเตือนและตัดคะแนนความประพฤติต่อไป ๗.๓ การใช้ห้องน้ำ ห้องส้วม ๑) นักเรียนต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ หรือแนวปฏิบัติการใช้ห้องน้ำห้องส้วมที่โรงเรียน ได้กำหนดไว้ ๒) ช่วยกันรักษาวัสดุอุปกรณ์ทำความสะอาด รักษาบรรยากาศให้สวยงาม ไม่ทำลาย ให้เกิดความชำรุดเสียหาย ๓) กรณีที่มีอุปกรณ์ชำรุด ช่วยแจ้งให้ครู หรือแม่บ้านทราบโดยด่วน ๔) หากการชำรุดเสียหายเกิดจากการกระทำของนักเรียน ให้ผู้ปกครองเป็น ผู้รับผิดชอบซ่อมแซม จนใช้งานได้ดี ข้อ ๘ การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ๘.๑ โรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนสามารถนำโทรศัพท์เคลื่อนที่มาใช้ได้และต้องอยู่ในการ ควบคุมการใช้ที่โรงเรียนกำหนด ๘.๒ ให้นักเรียนดูแลและเก็บรักษาโทรศัพท์ของตนเอง หากสูญหายโรงเรียนจะไม่รับผิดขอบ ใดๆ ทั้งสิ้น ๘.๓ ข้อปฏิบัติในการใช้โทรศัพท์ มีดังนี้ ๑) ไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ ในขณะที่เรียนไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นครูผู้สอน อนุญาต ๒) ไม่เปิดสัญญาณเสียงกรณีที่มีการเรียนการสอน ๓) ให้ใช้โทรศัพท์ในที่ที่เหมาะสม ไม่เป็นการรบกวนบุคคลอื่น
9 ข้อ ๙ การลากิจ ลาป่วย และลาไปทำกิจกรรม ๙.๑ การลากิจ ผู้ปกครองจะต้องแจ้งต่อครูที่ปรึกษาล่วงหน้าอย่างน้อย ๑ วัน ยื่นใบขอ อนุญาตหยุดเรียนต่อครูที่ปรึกษาโดยใช้แบบใบลากิจของโรงเรียนซึ่งขอได้จากห้องกลุ่มงานปกครองนักเรียน ๙.๒ การลาป่วย ผู้ปกครองจะต้องแจ้งต่อครูที่ปรึกษาก่อนเวลา ๐๘.๐๐ น. ๙.๓ การลาติดต่อกันเกิน ๓ วัน จะต้องชี้แจงเหตุผลอันสมควรหรือแนบใบรับรองแพทย์หาก เป็นการลาป่วย ๙.๔ นักเรียนที่มีความประสงค์จะขอลาในระหว่างการเรียนและต้องออกนอกบริเวณโรงเรียน ให้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการอนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรียน ข้อ ๑๐ การทำความเคารพ การทำความเคารพให้นักเรียนปฏิบัติดังนี้ ๑๐.๑ เมื่อนักเรียนพบครูทุกคน ให้นักเรียนยืนตรง หันหน้าไปทางคุณครู ทำความเคารพ ด้วยการไหว้ให้นักเรียนชายกล่าวคำว่า “สวัสดีครับ” และนักเรียนหญิงกล่าวคำว่า “สวัสดีค่ะ” หากมี สัมภาระอยู่ในมือ ให้วางสัมภาระไว้ก่อนการไหว้ ในกรณีที่ไม่สามารถวางสัมภาระได้ เมื่อวางอาจจะส่งผล เสียหายต่อสัมภาระหรือชีวิต ให้ทำความเคารพโดยการยืนตรง ให้นักเรียนชายกล่าวคำว่า “สวัสดีครับ” และ นักเรียนหญิงกล่าวคำว่า “สวัสดีค่ะ” ๑๐.๒ ขณะที่นักเรียนยืน หรือนั่งอยู่ตามบริเวณต่างๆ เมื่อคุณครูเดินผ่านให้ทำความเคารพ ๑๐.๓ เมื่อนักเรียนเดินสวนกับคุณครู ต้องทำความเคารพเช่นข้อ ๑๐.๑ และให้คุณครูเดิน ผ่านไปก่อนจึงค่อยเดินต่อไป ๑๐.๔ ขณะที่นักเรียนเดินไม่ควรเดินแซงคุณครู-อาจารย์ หากมีความจำเป็น ให้นักเรียนชาย กล่าวคำว่า “ขอโทษครับ” และนักเรียนหญิงกล่าวคำว่า “ขอโทษค่ะ” เสียก่อน จึงเดินแซงไป ๑๐.๕ ในเครื่องแบบอื่นๆ การทำความเคารพให้เป็นไปตามระเบียบของเครื่องแบบนั้นๆ ๑๐.๖ ในห้องเรียน เมื่อคุณครูเข้าห้องสอนให้หัวหน้าชั้นบอกคำว่า “นักเรียนทำความ เคารพ” และให้ทุกคนยืนตรง ทำความเคารพโดยการไหว้ให้นักเรียนชายกล่าวคำว่า “สวัสดีครับ” และ นักเรียนหญิงกล่าวคำว่า “สวัสดีค่ะ” เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจึงนั่งลง และเมื่อหมดคาบเรียนคุณครูออกจาก ห้อง ให้หัวหน้าชั้นบอกคำว่า “นักเรียนทำความเคารพ” และให้ทุกคนยืนตรง ยกมือไหว้ให้นักเรียนชายกล่าว คำว่า “ขอบคุณครับ” และนักเรียนหญิงกล่าวคำว่า “ขอบคุณค่ะ” (ในวิชาต่างประเทศให้ใช้ภาษาในรายวิชา นั้นๆ) ๑๐.๗ ในคาบที่เรียนกับพระสงฆ์ ให้ปฏิบัติตามศาสนพิธี หรือที่พระสงฆ์กำหนด ๑๐.๘ เมื่อพบคุณครูภายนอกบริเวณโรงเรียน ให้ถือปฏิบัติตามประเพณีนิยม คือ ทำความ เคารพด้วยการไหว้
10 หมวดที่ ๔ ระเบียบว่าด้วยเครื่องแบบและการแต่งกายของนักเรียน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๕ ให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบนักเรียน ลักษณะของเครื่องแบบนักเรียน วิธีการแต่งกาย เงื่อนไข ในการแต่งกาย และการยกเว้นไม่ต้องแต่งเครื่องแบบนักเรียนให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงศึกษาธิการ กำหนด นักเรียนผู้ใดไม่แต่งเครื่องแบบนักเรียนโดยไม่ได้รับยกเว้นตามวรรคสอง อาจได้รับโทษทางวินัยตาม ระเบียบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด มาตรา ๖ สถานศึกษาใด มีความประสงคจะขอใช้เครื่องแบบนักเรียน เป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กำหนดตามมาตรา ๕ วรรคสอง ให้ยื่นคำขออนุญาตต่อกระทรวงศึกษาธิการ ตาม ระเบียบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด โรงเรียนจึงวางระเบียบว่าด้วยการแต่งกายของนักเรียนไว้ดังนี้ ข้อ ๑ นักเรียนชาย ๑.๑ เสื้อเชิ้ต คอตั้ง แขนสั้น ผ้าขาวเกลี้ยง ไม่บางเกินควร ขนาดพอเหมาะกับตัว มีสาบนอกกว้าง 4 ซม. ผ่านอกตลอด ใช้กระดุมสีขาว กลม แบบเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน ๑ ซม. มีกระเป๋าหน้า ๑.๒ กรณีที่ใส่เสื้อซับใน ควรมีความยาวแขนไม่เกินแขนเสื้อนักเรียน และเป็นสีขาวไม่มี ลวดลาย ๑.๓ กางเกงขาสั้นสีกากี ขายาวเหนือกึ่งกลางสะบ้าเข่าประมาณ ๕ ซม. ความกว้างของขา กางเกงห่างจากขา ๘-๑๒ ซม. ปลายขากางเกงพับปลายเข้าข้างใน ๕ ซม. มีจีบข้างละ ๒ จีบ ไม่มีกระเป๋าหลัง ต้องตัดให้เป้ากางเกงยาว ขอบเอวไม่ต่ำกว่าสะดือ คาดเข็มขัดให้ตรงเอว ไม่ดึงเสื้อปิดเข็มขัดหรือทำให้ หัวเข็มขัดห้อย ซึ่งแสดงถึงการขาดความประณีตในการแต่งกาย หรือจงใจทำผิดระเบียบ ๑.๔ เข็มขัดสีน้ำตาลแบบนักเรียน หัวเข็มขัดเป็นโลหะทองเหลือง ไม่มีลวดลาย มีเข็มสำหรับ สอดรู 1 เข็ม หรือเข็มขัดลูกเสือ (ในวันแต่งเครื่องแบบลูกเสือ) ๑.๕ รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล ผูกเชือก ไม่มีลวดลาย ไม่เสริมส้น สำหรับชุดนักเรียนและชุด ลูกเสือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ๑.๖ รองเท้าผ้าใบสีขาว ผูกเชือก ไม่มีลวดลาย ไม่เสริมส้น สำหรับชุดพละ ๑.๗ ถุงเท้าสีน้ำตาลแบบเรียบ ยาวครึ่งน่องไม่พับปลายสำหรับชุดนักเรียน และถุงเท้าขาว ยาวเหนือตาตุ่ม สำหรับชุดพละ (อนุโลมให้ใช้ถุงเท้าสีขาวพื้นดำได้) ๑.๘ ห้ามสวมแว่นตาอื่นใด นอกจากแว่นสายตา ๑.๙ สายนาฬิกาต้องเป็นโลหะ หรือสายหนัง ชนิดไม่มีลวดลาย ๑.๑๐ ห้ามสวมใส่เครื่องประดับทุกชนิด (เช่น ต่างหู แหวน สร้อยทอง สร้อยข้อมือ สร้อยข้อเท้า เป็นต้น) ๑.๑๑ กรณีสวมสร้อยพระให้ใช้สร้อยสแตนเลสหรือสร้อยเงินความยาวของสร้อยที่ห้อยพระ จะต้องยาวกว่ากระดุมเม็ดที่ ๒ ๑.๑๒ ห้ามไว้เล็บยาว และห้ามทาสีเล็บ ๑.๑๓ ปักชื่อนักเรียน ความสูง ๐.๖ ซม. ใต้ชื่อย่อโรงเรียน “ต.ค.” ด้วยไหมสีน้ำเงิน สูง ๑.๔ ซม. ที่อกด้านขวาและเครื่องหมายระดับชั้นตามแบบที่โรงเรียนกำหนด
11 ข้อ ๒ นักเรียนหญิง ๒.๑ มัธยมศึกษาตอนต้น ๑) เสื้อ ใช้ผ้าขาวเกลี้ยง ไม่บางเกินควร ไม่มีลวดลาย ตัวเสื้อเป็นแบบคอพับในตัวลึก พอสวมศีรษะเข้าได้สะดวก ปกกะลาสีมีความกว้าง ๑๕-๑๘ ซม. แขนสั้นเพียงข้อศอก ปลายแขนจีบเล็กน้อย ที่ ริมขอบด้านล่างขวาติดกระเป๋า และต้องใส่เสื้อซับในไม่มีลวดลายใดๆ ๒) ผ้าผูกคอ (คอซอง) สีกรมท่าชายสามเหลี่ยม กว้าง ๓.๕-๕ ซม. ยาว ๘๐-๑๐๐ ซม. ผูกเงื่อนกะลาสีให้ปมของเงื่อนอยู่ระดับเดียวกับคอเสื้อ ๓) ปักชื่อนักเรียน ชื่อย่อโรงเรียนด้วยไหมสีน้ำเงิน ที่อกด้านขวา ตามแบบและขนาด ที่โรงเรียน กำหนดวัดห่างจากไหล่ประมาณ ๑๒ ซม. ๔) กระโปรง ผ้าสีกรมท่าพื้นผ้าเกลี้ยงแบบธรรมดา (ไม่มีลวดลาย) ทั้งด้านหน้าและ ด้านหลังพับเป็นจีบออกด้านนอกข้างละ ๓ จีบ เย็บทับบนจีบจากใต้ขอบลงมา ๗ ซม. ชายกระโปรงพับเข้าข้าง ในกว้าง ๓ ซม. ยาวคลุมเข่าแต่ไม่เกินครึ่งน่อง และชายกระโปรงไม่สอบเข้า ๕) รองเท้าหนังสีดำแบบนักเรียน ไม่ใส่รองเท้าหัวแหลม หรือส้นสูงไม่เกิน ๑ นิ้ว มี สายรัดหลังเท้าไม่มีลวดลาย ๖) รองเท้าผ้าใบสีขาว ผูกเชือก ไม่มีลวดลาย สำหรับชุดพละ ๗) ถุงเท้าสีขาวเรียบไม่มีลวดลาย สูงจากตาตุ่ม ๒ นิ้ว (สำหรับชุดพละ อนุโลมให้ใช้ ถุงเท้าขาวพื้นดำ) ๘) ห้ามไว้เล็บยาว และไม่ทาสีเล็บ ๙) ห้ามสวมแว่นตาอื่นใด นอกจากแว่นสายตา ๑๐) สายนาฬิกาต้องเป็นโลหะ หรือสายหนัง ชนิดไม่มีลวดลาย ๑๑) ห้ามใช้เครื่องประดับทุกชนิด ถ้าจะแขวนพระให้ใช้สร้อยสแตนเลส หรือสร้อย เงิน ความยาวของสร้อยที่ห้อยพระต้องยาวกว่ากระดุมเม็ดที่ ๒ ๑๒) ปักชื่อนักเรียน ชื่อย่อโรงเรียน ด้วยไหมสีน้ำเงิน ที่อกด้านขวา ตามแบบและ ขนาดที่โรงเรียนกำหนด ๒.๒ มัธยมศึกษาตอนปลาย ๑) เสื้อนักเรียนคอเชิ้ต สีขาว แขนสั้น (แขนยาวสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลาม) ผ้าหนาที่จะมองไม่เห็นเสื้อชั้นใน และต้องใส่เสื้อซับในไม่มีลวดลายใดๆ เสื้อมีสาบตลบเข้าข้างใน กว้าง ๓ ซม. จีบวัดที่ปลายแขนกว้าง ๓ ซม. กระดุมสีขาว กลม แบน เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑ ซม. ๒) ปักชื่อนักเรียน ชื่อย่อโรงเรียนด้วยไหมสีน้ำเงิน ที่อกด้านขวา ตามแบบและขนาด ที่โรงเรียนกำหนดวัดห่างจากไหล่ ประมาณ ๑๒ ซม. ๓) กระโปรงนักเรียนสีกรมท่า ไม่มีลวดลาย ด้านหน้าและด้านหลังมีจีบลึกจีบละ ๓ ซม. กลับออกด้านนอกเย็บทับจีบจากใต้ขอบลงมา ๗ ซม. ชายกระโปรงพับเข้าข้างในกว้าง ๓ ซม. ยาวครึ่งเข่าแต่ไม่เกินครึ่งน่องและชายกระโปรงไม่สอบเข้า (กระโปรงยาวสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลาม) ๔) เข็มขัดหนังสีดำไม่มีลวดลายกว้าง ๓-๔ ซม. หัวเข็มขัดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชนิดหัวกลัดคาดทับขอบกระโปรง ไม่ดึงเสื้อปิดเข็มขัด
12 ๕) รองเท้าหนังสีดำแบบนักเรียน ไม่ใส่รองเท้าหัวแหลม หรือส้นสูงไม่เกิน ๑ นิ้ว มีสายรัดหลังเท้าไม่มีลวดลาย ๖) รองเท้าผ้าใบสีขาว ผูกเชือก ไม่มีลวดลาย สำหรับชุดพละ ๗) ถุงเท้าสีขาวเรียบไม่มีลวดลาย สูงจากตาตุ่ม ๒ นิ้ว (สำหรับชุดพละ อนุโลมให้ใช้ ถุงขาวเท้าพื้นดำ) ๘) ห้ามไว้เล็บยาว และไม่ทาสีเล็บ ๙) ห้ามสวมแว่นตาอื่นใด นอกจากแว่นสายตา ๑๐) สายนาฬิกาต้องเป็นโลหะ หรือสายหนัง ชนิดไม่มีลวดลาย ๑๑) ห้ามใช้เครื่องประดับทุกชนิด ถ้าจะแขวนพระให้ใช้สร้อยสแตนเลส หรือสร้อย เงิน ความยาวของสร้อยที่ห้อยพระต้องยาวกว่ากระดุมเม็ดที่ ๒ ๑๒) ปักชื่อนักเรียน ชื่อย่อโรงเรียน ด้วยไหมสีน้ำเงิน ที่อกด้านขวา ตามแบบและ ขนาดที่โรงเรียนกำหนด ๒.๓ กรณีนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลาม ๑) เสื้อสีขาว คอปกบัว ผ่าด้านหน้าตลอด แขนยาว ปลายแขนจีบรูดมีสาบกว้าง ไม่เกิน ๕ ซม. ตัวเสื้อยาวคลุมสะโพก ไม่รัดรูป และต้องใส่เสื้อซับในไม่มีลวดลายใดๆ ๒) ผ้าคลุมศีรษะสีขาวไม่มีลวดลาย ความยาวด้านละ ๑๐๐-๒๐๐ ซม. ขณะสวมใส่ เย็บติดตลอดตั้งแต่ใต้คางจนถึงปลายมุมผ้า ๓) กระโปรงสีกรมท่า ด้านหน้าและด้านหลังมีจีบลึก จีบละ ๓ ซม.ข้างละ ๓ จีบ กลับออกด้านนอกเย็บทับบนจีบจากใต้ขอบลงมา ๗ ซม.ชายกระโปรงพับเข้าข้างในกว้าง ๓ ซม. ยาวคลุม ข้อเท้าและชายกระโปรงไม่สอบเข้า ๔) รองเท้าหนังสีดำแบบนักเรียน ไม่ใส่รองเท้าหัวแหลม หรือส้นสูงไม่เกิน ๑ นิ้ว มีสายรัดหลังเท้าไม่มีลวดลาย ๕) รองเท้าผ้าใบสีขาว ผูกเชือก ไม่มีลวดลาย สำหรับชุดพละ ๖) ถุงเท้าสีขาวเรียบไม่มีลวดลาย สูงจากตาตุ่ม ๒ นิ้ว (สำหรับชุดพละ อนุโลมให้ใช้ ถุงขาวเท้าพื้นดำ) ๗) ห้ามไว้เล็บยาว และไม่ทาสีเล็บ (๘) ห้ามสวมแว่นตาอื่นใด นอกจากแว่นสายตา ๙) สายนาฬิกาต้องเป็นโลหะ หรือสายหนัง ชนิดไม่มีลวดลาย ๑๐) ห้ามใช้เครื่องประดับทุกชนิด ถ้าจะแขวนพระให้ใช้สร้อยสแตนเลส หรือสร้อย เงิน ความยาวของสร้อยที่ห้อยพระต้องยาวกว่ากระดุมเม็ดที่ ๒ ข้อ ๓ เครื่องหมายแสดงระดับชั้นของนักเรียน ให้ใช้เฉพาะที่โรงเรียนจัดทำขึ้นเท่านั้น ๓.๑ มัธยมศึกษาตอนต้น ดาวสีแดง ๓.๒ มัธยมศึกษาตอนปลาย ดาวสีฟ้า
13 ข้อ ๔ การปักชื่อย่อโรงเรียนและชื่อนักเรียน ๔.๑ ปักชื่อย่อโรงเรียน ด้วยไหมสีน้ำเงิน ที่อกด้านขวา ตามแบบและขนาดที่โรงเรียนกำหนด โดยกำหนดความสูงของตัวอักษร 1.4 ซม. ที่อกด้านขวา ๔.๒ การปักชื่อนักเรียนห้องเรียนปกติความสูง 0.6 ซม. ใต้ชื่อย่อโรงเรียน “ต.ค.” และ เครื่องหมายระดับชั้น ตามแบบที่โรงเรียนกำหนด นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ๔.๓ การปักชื่อนักเรียนห้องเรียน ENGLISH PROGRAM ปักชื่อนักเรียน ความสูง 0.6 ซม. ใต้ชื่อย่อโรงเรียน “ต.ค.” และเครื่องหมายระดับชั้น ตามแบบที่โรงเรียนกำหนด นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ข้อ ๕ นักเรียนทุกคนต้องใช้กระเป๋าหนังสือหรือเป้ตามแบบที่โรงเรียนกำหนดเท่านั้น ข้อ ๖ ห้ามสวมหมวกใดๆ มาโรงเรียน นอกจากเครื่องแบบตามศาสนาอิสลาม ลูกเสือ เนตรนารี นักศึกษาวิชาทหาร ข้อ ๗ นักเรียนที่เป็นลูกเสือ เนตรนารี นักศึกษาวิชาทหารต้องแต่งกายให้เรียบร้อยถูกต้องตาม ระเบียบของโรงเรียน หรือข้อบังคับของเครื่องแบบนั้นๆ โดยเคร่งครัด
14 ภาพประกอบการแต่งเครี่องแบบของนักเรียนโรงเรียนตราษตระการคุณ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่นับถือศาสนาอิสลาม
15 การแต่งกายลูกเสือ-เนตรนารี
16 การแต่งกายนักศึกษาวิชาทหาร
17 หมวดที่ ๕ ระเบียบว่าด้วยทรงผมนักเรียน ข้อ ๑ ระเบียบนี้ เรียกว่า "ระเบียบโรงเรียนตราษตระการคุณ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.๒๕๖๖" ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “นักเรียน” หมายความว่า นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนตราษตระการคุณ “โรงเรียนตราษตระการคุณ” หมายความว่าสถานศึกษาที่สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด (สพม.จบตร.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ข้อ ๔ นักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายต้องปฏิบัติตนเกี่ยวกับการไว้ทรงผม ดังนี้ นักเรียนชาย ๑. ตัดผมสั้นหรือยาวก็ได้ ถ้าผมสั้นให้ไว้ทรงนักเรียน ถ้าผมยาวให้ไว้รองทรงสูง ด้านหน้าและด้านบน ยาวไม่เกิน ๕ เซนติเมตร ๒. ห้ามไว้หนวดเครา ๓. ห้ามตัดทรงแฟชั่นทุกชนิด เช่น ทรงสกินเฮด ทรงวินเทจ เป็นต้น ๔. ห้ามทำสีผมให้ผิดไปจากเดิม ไม่ฉีดสเปรย์ น้ำมันผมหรือเจล ๕. ห้ามกระทำการอื่นใดซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เช่น ตัดแต่งทรงผม เป็นรูปทรง สัญลักษณ์หรือเป็นลวดลาย นักเรียนหญิง ๑. นักเรียนหญิงให้ไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ ๒. ผมสั้น ต้องตัดปลายผมยาวเสมอกันทั้งด้านหน้าด้านหลัง ความยาวเลยติ่งหูไม่เกิน ๕ เซนติเมตร ๓. ผมยาว ต้องยาวไม่เกินกึ่งกลางหลัง มัดรวบให้เรียบร้อยโดยใช้ยางรัดสีดำ และโบว์ผูกผมสีน้ำเงิน สีขาว สีดำ สีนี้าตาล หรือสีครีม ของโรงเรียน ๔. ห้ามปล่อยหน้าม้า ๕. ห้ามย้อมสีผมให้ผิดไปจากเดิม ๖. ห้ามกระทำการอื่นใดซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เซ่น ดัดผม ซอยผม ต่อผม ๗. นักเรียนที่ถักเปีย นักเรียนสามารถถักเปียรวบหลังท้ายทอยแบบหางเดียว หรือเปียข้างเก็บผมรวบ ให้เรียบร้อย ๘. กรณีนักเรียนผมสั้นจะขอไว้ผมยาวให้เขียนคำร้องเป็นรายกรณีที่ห้องงานปกครองนักเรียน ข้อ ๕ ความในข้อ ๔ มิให้นำมาใช้บังคับแก่นักเรียนที่มีเหตุผลความจำเป็นในการปฏิบัติตามหลัก ศาสนาของตนหรือการดำเนินการกิจกรรมของสถานศึกษา
18 ทรงผมนักเรียนชาย ด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง ทรงผมนักเรียนหญิงแบบสั้น ด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง ทรงผมนักเรียนหญิงแบบยาว ด้านหน้า ด้านหลัง ทรงผมนักเรียนหญิงแบบถักเปีย ด้านหน้า ด้านข้าง ด้านข้าง ด้านหลัง ถักเปียข้างเก็บผมรวบ ถักเปียหางเดียว
19 หมวดที่ ๖ ระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียนของโรงเรียนตราษตระการคุณ ข้อ ๑ อาศัยอำนาจตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.๒๕๔๘ จึงออกระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียน ตราษตระการคุณว่าด้วยการปกครองนักเรียน พ.ศ.๒๕๖๖” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๖ เป็นต้นไป นักเรียนที่กระทำความผิด ทางโรงเรียนตราษตระการคุณ จะพิจารณาลงโทษตามระเบียบโรงเรียน ตราษตระการคุณ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียน พ.ศ.๒๕๖๖ เพื่อให้การควบคุมดูแลนักเรียนเป็นไปตามเป้าหมาย โรงเรียน จึงได้กำหนดระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียน โดยไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบว่าด้วยการลงโทษ นักเรียน ของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๘ ดังนี้ ๒.๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนตราษตระการคุณ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียน พ.ศ.๒๕๖๖” ๒.๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ลงนามประกาศใช้เป็นต้นไป ๒.๓ ในระเบียบนี้ “ผู้อำนวยการโรงเรียน” หมายความว่า ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการ อธิการบดี หรือ หัวหน้าของโรงเรียนหรือสถานศึกษา หรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นของโรงเรียนหรือสถานศึกษานั้น “ครู” หมายความว่า บุคลากรที่โรงเรียนมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่สอนและ ดูแลช่วยเหลือ นักเรียนในโรงเรียนตราษตระการคุณ “ครูที่ปรึกษา” หมายความว่า บุคลากรที่โรงเรียนแต่งตั้งให้ดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในชั้น ที่รับผิดชอบ “หัวหน้าปกครองระดับชั้น” หมายความว่า บุคลากรที่โรงเรียนแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าครู ที่ปรึกษาในระดับชั้นที่รับผิดชอบ “คณะกรรมการงานปกครองนักเรียน” หมายความว่า บุคลากรที่โรงเรียนแต่งตั้งให้ปฏิบัติ หน้าที่วางแผนการปฏิบัติงานให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกให้ครู ครูที่ปรึกษา หัวหน้าระดับชั้น และ แก้ปัญหานักเรียน “ผู้ปกครองนักเรียน” หมายความว่า บิดา มารดาของนักเรียน หรือบุคคลที่บิดา มารดา มอบหมายให้ดูแลนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนตราษตระการคุณ “กระทำความผิด” หมายความว่า การที่นักเรียนประพฤติฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับของ สถานศึกษา หรือของกระทรวงศึกษาธิการ หรือกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา “การลงโทษ” หมายความว่า การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด โดยมีความ มุ่งหมาย เพื่อการอบรมสั่งสอน “การทำกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” หมายถึง การให้นักเรียนที่กระทำผิดระเบียบ โรงเรียน ทำกิจกรรมบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ผู้อื่น ส่วนรวมหรือสังคม รวมทั้งเข้าค่ายปรับเปลี่ยน พฤติกรรม
20 ๒.๔ โทษที่จะลงโทษแก่นักเรียนที่กระทำความผิด มี ๔ สถาน ดังนี้ ๑) ว่ากล่าวตักเตือน ๒) ตัดคะแนนความประพฤติ ๓) ทำทัณฑ์บน ๔) ทำกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การลงโทษนักเรียนให้เป็นไปเพื่อเจตนาที่จะแก้นิสัยและความประพฤติของนักเรียนให้รู้ สำนึกในความผิด และกลับพฤติกรรมตนในทางที่ดีต่อไป ให้ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา หรือผู้ที่บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษามอบหมาย เป็นผู้มีอำนาจการลงโทษนักเรียน ๒.๕ การว่ากล่าวตักเตือน ใช้ในกรณีนักเรียนกระทำความผิดไม่ร้ายแรง ๒.๖ การตัดคะแนนความประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการตัดคะแนนความ ประพฤตินักเรียนของโรงเรียนตราษตระการคุณ พร้อมทั้งทำบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน ๒.๗ การทำทัณฑ์บน ใช้ในกรณีนักเรียนที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสภาพนักเรียน ตาม กฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา หรือกรณีทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติศักดิ์ของ สถานศึกษา หรือฝ่าฝืนระเบียบของสถานศึกษา หรือได้รับโทษว่ากล่าวตักเตือนแล้ว แต่ยังไม่เปลี่ยนแปลง พฤติกรรมการทำทัณฑ์บนให้ทำเป็นหนังสือและเชิญบิดา มารดา หรือผู้ปกครองมาบันทึกรับทราบความผิด และรับรองการทำทัณฑ์บนไว้ด้วย ๒.๘ ทำกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นักเรียนกระทำความผิด ที่สมควรต้อง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จะต้องเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อ โรงเรียน สังคมหน่วยงานหรือองค์กรของรัฐ มีการบันทึกการทำกิจกรรมเป็นลายลักษณ์อักษร โดย มี คณะกรรมการงานปกครองนักเรียนรับรอง ข้อ ๓ ขั้นตอนการลงโทษนักเรียน ๓.๑ นักเรียนที่กระทำความผิด จะได้รับการอบรมตักเตือนจากครูผู้พบเห็นพฤติกรรม ๓.๒ นักเรียนที่กระทำความผิด และได้รับการอบรมตักเตือนจากครูผู้พบเห็นพฤติกรรมแล้ว แต่ยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ครูผู้พบเห็นส่งต่อหัวหน้างานปกครองนักเรียนระดับขั้น หักคะแนน ความประพฤติ ๕ คะแนน ตามเกณฑ์ที่กำหนด และแจ้งให้ผู้ปกครองลงชื่อรับทราบเป็นลายลักษณ์อักษร โดยนักเรียนเป็นผู้นำไปให้ผู้ปกครอง แล้วส่งกลับมาให้หัวหน้างานปกครองระดับขั้น ๓.๓ นักเรียนที่กระทำความผิด โดยที่ผู้ปกครองลงชื่อรับทราบพฤติกรรมแล้ว แต่ยัง ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจนถูกตัดคะแนนสะสมตั้งแต่ ๑๐ - ๒๐ คะแนน หัวหน้างานปกครองระดับชั้น ทำหนังสือเชิญผู้ปกครองมาลงชื่อรับทราบพฤติกรรมเป็นลายลักษณ์อักษร ๓.๔ นักเรียนที่กระทำความผิด โดยที่ผู้ปกครองลงชื่อรับทราบพฤติกรรมแล้ว แต่ยัง ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจนถูกตัดคะแนนสะสมตั้งแต่ ๒๕-๓๕ คะแนน หัวหน้างานปกครองระดับชั้น เชิญผู้ปกครองมาทำหนังสือทัณฑ์บนที่กลุ่มงานปกครองนักเรียน
21 ๓.๕ นักเรียนที่กระทำความผิด โดยที่ผู้ปกครองมาทำหนังสือทัณฑ์บนที่กลุ่มงานปกครอง นักเรียนแล้ว แต่ยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจนถูกตัดคะแนนสะสมตั้งแต่ ๔๐ คะแนน คณะกรรมการ กลุ่มงานปกครองนักเรียนเชิญผู้ปกครองมารับทราบเกี่ยวกับการทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และให้ นักเรียนไปทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ครั้งที่ ๑ ๓.๖ นักเรียนที่กระทำความผิด และได้ทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ครั้งที่ ๑ แล้ว แต่พฤติกรรมยังไม่ดีขึ้น คณะกรรมการกลุ่มงานปกครองนักเรียนเชิญผู้ปกครองมารับทราบเกี่ยวกับการทำ กิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และให้นักเรียนไปทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ครั้งที่ ๒ ๓.๗ นักเรียนที่กระทำความผิด และได้ทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ครั้งที่ ๒ แล้ว และถูกตัดคะแนนความประพฤติสะสมตั้งแต่ ๕๐ คะแนนขึ้นไป ให้คณะกรรมการกลุ่มงานปกครองนักเรียน พิจารณาลงโทษให้เข้าค่ายเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตามที่โรงเรียนกำหนด โดยผู้ปกครองจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งหมดเอง ๓.๘ นักเรียนที่เคยเข้าค่ายเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว แต่ยังคงมีพฤติกรรมไม่ดีขึ้น คณะกรรมการกลุ่มงานปกครองนักเรียนเสนอรายชื่อให้ผู้อำนวยการพิจารณา ๓.๙ กรณีที่นักเรียนกระทำความผิดร้ายแรง หรือกระทำความผิดซํ้าซากไม่ปรับปรุง หรือ ต้องโทษทางกฎหมาย คณะกรรมการกลุ่มงานปกครองนักเรียนสามารถพิจารณาเลือกใช้ขั้นตอนการลงโทษ ที่เหมาะสม โดย ไม่ต้องคำนึงถึงขั้นตอนที่กำหนดไว้ ข้อ ๔ ผลของการถูกลงโทษ หรือการถูกสั่งตัดคะแนนความประพฤติจะทำให้นักเรียน เสียสิทธิ ในเรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้ ๔.๑ นักเรียนที่ถูกตัดคะแนนความประพฤติตั้งแต่ ๑๐ คะแนน ขึ้นไป ไม่มีสิทธิ ขอรับ ทุนการศึกษา หรือสวัสดิการอื่นๆ ของโรงเรียน ๔.๒ นักเรียน ถูกตัดคะแนนความประพฤติตั้งแต่ ๒๐ คะแนนขึ้นไป โรงเรียนจะไม่ออก หนังสือรับรองความประพฤติให้ ๔.๓ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ถ้าถูกตัดคะแนนความประพฤติตั้งแต่ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๑ ถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ สะสมตั้งแต่ ๗๐ คะแนนขึ้นไป จะถูกตัดสิทธิการเรียนต่อเนื่อง ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ของโรงเรียน
22 หมวดที่ ๗ ระเบียบว่าด้วยการตัดคะแนนพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ข้อ ๑ นักเรียนจะถูกตัดคะแนนเมื่อมีความประพฤติที่ไม่พึงประสงค์โดยแต่ละความผิดจะมีเกณฑ์ การตัดคะแนนพฤติกรรม ดังนี้ ลำดับที่ กรณีความผิด ตัดคะแนน ไม่เกิน/ครั้ง ๑ ขาดเรียนโดยไม่แจ้ง (ตัดคะแนนวันละ ๕ คะแนน) ๕ ๒ มาโรงเรียนสาย ๓ ครั้ง ตัดคะแนน ๕ คะแนน ครั้งต่อไปครั้งละ ๕ คะแนน ๕ ๓ หลบหนีการเข้าแถว/เข้าแถวช้า ๕ ๔ พูดคุย/หยอกล้อกัน/เล่นเกม/พูดคุยโทรศัพท์ขณะเข้าแถว ๕ ๕ เข้าห้องเรียนช้ากว่า ๑๐ นาที/ไม่เข้าห้องเรียนรายวิชา ๕ ๖ ไม่เข้าเรียน ๕ ๗ พูดจาดูถูก ว่าร้าย กล่าวโทษผู้อื่น (Bully) ๕ ๘ เล่นเกม/พูดคุยโทรศัพท์ขณะเรียน ๕ ๙ ไม่เข้าร่วมประชุม/กิจกรรมของโรงเรียน ๕ ๑๐ ไม่ตั้งใจเรียน/ก่อความวุ่นวายในห้องเรียน ๕ ๑๑ ทิ้งขยะไม่เป็นที่ ๕ ๑๒ นำอาหารมาจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ๕ ๑๓ ไม่เข้าแถวซื้ออาหาร และไม่เก็บภาชนะ ๕ ๑๔ นำอาหารและภาชนะออกมารับประทานนอกโรงอาหาร ๕ ๑๕ รับประทานอาหารและเครื่องดื่มในห้องเรียน ๕ ๑๖ สั่งอาหารจากภายนอกมารับประทานในโรงเรียน ๕ ๑๗ ทรงผมผิดระเบียบของโรงเรียน ๕ ๑๘ การแต่งกายผิดระเบียบของโรงเรียน ๕ ๑๙ ใช้กระเป๋าที่ผิดระเบียบของโรงเรียน ๕ความผิดสถานเบา
23 ลำดับที่ กรณีความผิด ตัดคะแนน ไม่เกิน/ครั้ง ๒๐ สักตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย/เจาะหู/ระเบิดหู ๑๐ ๒๑ ปลอมลายมือชื่อผู้ปกครองและผู้อื่น ๑๐ ๒๒ ไม่นำหนังสือ/เอกสารทางโรงเรียนไปให้ผู้ปกครอง ๑๐ ๒๓ กรอกข้อความต่างๆ ในเอกสาร ไม่ตรงกับความจริง ๒๐ ๒๔ ปลอมแปลงเอกสารของทางโรงเรียน ๒๐ ๒๕ นำเอกสารของโรงเรียนไปใช้ในทางที่เสียหาย ๒๐ ๒๖ เขียนหนังสือใบปลิว/บัตรสนเท่ห์โจมตี หรือให้ร้ายผู้อื่นให้เกิดความ เสียหาย ๒๐ ๒๗ เขียนข้อความลบหลู่/ดูหมิ่น/ใส่ร้ายผู้อื่น ทางอินเทอร์เน็ตหรือ สื่ออื่นๆ ๒๐ ๒๘ นำบุคคลอื่นมาแอบอ้างเป็นผู้ปกครอง ๒๐ ๒๙ หนีโรงเรียน/หนีออกนอกบริเวณโรงเรียน ๒๐ ๓๐ กระทำความผิดระเบียบในการสอบ ๒๐ ๓๑ นำสื่อลามกอนาจารมาจำหน่าย/เผยแพร่ ๒๐ ๓๒ ทะเลาะวิวาท/ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ๒๐ ๓๓ แสดงกิริยาวาจาก้าวร้าวครู/ ผู้ปกครอง ๒๐ ๓๔ ข่มขู่ กรรโชกทรัพย์ ลักขโมย ๒๐ ๓๕ สูบบุหรี่ เสพสิ่งเสพติดและของมึนเมา/ครอบครอง ๒๐ ๓๖ เล่นการพนัน/มีอุปกรณ์การพนัน ๒๐ ๓๗ ล่วงละเมิดทางเพศ/พฤติกรรมชู้สาว ๒๐ ๓๘ ทำลายชื่อเสียงของโรงเรียน โดยการเขียนหรือโฆษณา ๒๐ ๓๙ นำประทัดหรือวัตถุอื่นใดมาก่อให้เกิดเสียงดัง ในบริเวณโรงเรียน ๒๐ ๔๐ ขูด ขีด เขียน ผนังกำแพง ห้องเรียน ๒๐ ๔๑ ทำลายทรัพย์สินของทางโรงเรียน ๒๐ ๔๒ พกพาอาวุธทุกชนิดมาโรงเรียน ๓๐ ๔๓ จำหน่ายสิ่งเสพติดทุกประเภท ๕๐ ๔๔ ค้าประเวณี ๕๐ความผิดสถานหนัก
24 หมวดที่ ๘ บทเฉพาะกาล ข้อ ๑ การทำความผิดซํ้าซากจนเป็นที่เอือมระอาของครู ถึงจะเป็นความผิดเล็กน้อยก็สามารถเชิญ ผู้ปกครองมารับทราบและทำทัณฑ์บน หรือย้ายโรงเรียน ข้อ ๒ การทำความผิดใดๆ อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ผู้ทำความผิดต้อง รับผิดชอบ ชดใช้ค่าเสียหาย และรับโทษตามระเบียบของโรงเรียน ข้อ ๓ การทำความผิดใดๆ ที่มิได้ระบุไว้ในระเบียบนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจ ของหัวหน้ากลุ่มงานปกครอง นักเรียน พิจารณาตามควรแก่กรณี ข้อ ๔ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ข้อ ๕ ให้หัวหน้ากลุ่มงานปกครองนักเรียน รักษาและปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ทุกประการ ข้อ ๖ ให้ใช้ระเบียบโรงเรียนตราษตระการคุณ ว่าด้วยงานปกครองนักเรียน พ.ศ.๒๕๖๖ กับนักเรียน โรงเรียนตราษตระการคุณทุกคน ข้อ ๗ การเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพิ่มเติมระเบียบนี้ต้องได้รับการพิจารณาจากหัวหน้ากลุ่มงานปกครอง นักเรียน แล้วเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเพื่อประกาศใช้ ต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ลงชื่อ (นายสำเนา บุญมาก) ผู้อำนวยการโรงเรียนตราษตระการคุณ
25