คำนำ
หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบกำรเรียนวิชำ
กิจกรรมเสริมหลักสูตร 4 โดยมีจุดประสงค์เพ่ือให้ผู้จัดทำ
ได้ฝึกกำรศึกษำค้นคว้ำ และนำสิ่งท่ีได้ศึกษำค้นคว้ำมำ
สร้ำงเป็นชิ้นงำนเก็บไว้เป็นประโยชน์ต่อกำรเรียนกำรสอน
ของตนเองและครตู อ่ ไป
ท้ังนี้ เนื้อหำได้รวบรวมมำจำกคู่มือผู้ใหญ่บ้ำนบ้ำน
สันทรำยต้นกอก และจำกเว็บไซต์ต่ำงๆ ขอขอบพระคุณ
อำจำรย์ณัฐกำนต์ บุญหล้ำ อย่ำงสูงท่ีกรุณำตรวจ ให้
คำแนะนำเพื่อแก้ไข ให้ข้อเสนอแนะตลอดกำรทำงำน
ผู้จัดทำหวังว่ำรำยงำนฉบับนี้คงมีประโยชน์ต่อผู้ท่ีนำไปใช้
ให้เกดิ ผลตำมควำมคำดหวัง
นำงสำวกวนิ ทพิ ย์ เงอื กนอ้ ย
นำงสำวสทุ ธิดำ วิไลย
ผจู้ ดั ทำ
สำรบญั หน้ำ
เรื่อง 4
ประวัตคิ วำมเปน็ มำของหมู่บำ้ น 7
ประวัติควำมเปน็ มำวดั สันทรำยต้นกอก 8
ท่ีต้งั อำณำเขตตดิ ตอ่ 9
ประวัติท่ำชำ้ ง (ทำ่ เรอื ) 10
กำรคมนำคม 11
ลักษณะทำงสงั คม 12
ลกั ษณะของประชำกร 13
ลักษณะกำรประกอบอำชีพ 14
ข้อมูลท่ัวไปของหมบู่ ้ำน 15
ประเพณี 19
วิสำหกิจ 22
แหลง่ ศกึ ษำหำควำมรู้ 25
ของเลน่ พืน้ บำ้ น 27
วิดีโอ
บ้ำนสันทรำยต้นกอก
ต.ฟ้ำฮ่ำม อ.เมอื ง จ.เชยี งใหม่
ประวัติควำมเป็นมำของหมบู่ ำ้ น
หมู่บ้ำนสันทรำยต้นกอกตั้งข้ึนครั้งแรกเม่ือ
ประมำณ 200 กว่ำปีมำแล้ว โดยรำชฎรท่ีเข้ำมำ
อำศัยกลุ่มแรกเป็นเช่ือสำยเจ้ำคุ้มเวียงเชียงใหม่ ซ่ึง
เป็นชำวเขินได้อพยพมำจำกบ้ำนเมืองลังและบ้ำน
หนองไคร้มำตั้งถ่ินฐำนอยู่ ณ บริเวณโดยรอบที่ต้ัง
ของหมู่บำ้ นในปจั จบุ ัน
4
ช่ือของหมู่บ้ำนสันทรำยต้นกอกเดิมทีน้ันมำจำกกำรมี
ต้นมะกอกขนำดใหญ่ต้นหน่ึง เกิดข้ึนในบริเวณวัด ซ่ึง
ชำวบ้ำนสำมำรถนำขนั โตกหลวง (ขันโตกที่มีขนำดใหญ่)
สำหรบั นง่ั ล้อมวงรับประทำนอำหำรใต้ต้นมะกอก ในเวลำ
ที่มีกำรลงแขกในหมู่บ้ำนหรือมีกำรฉลองงำนประเพณี
ต่ำงๆของหมู่บ้ำนเป็นประจำและยังเป็นที่มำของช่ือวัดอีก
ดว้ ยถงึ ปจั จุบันนี้
5
บ้ำนสันทรำยต้นกอกเดิมทีข้ึนอยู่กับ หมู่ 1 บ้ำน
ท่ำกระดำษ เม่ือมีจำนวนรำษฎรเพ่ิมมำกข้ึน กำร
ปกครองไม่ทั่วถึง รำษฎรได้ปรึกษำหำรือกันเพ่ือขอ
แยกเป็นหมู่บ้ำนใหม่ โดยกำรเสนอเร่ืองตำมลำดับ
ขั้นตอน จนได้รับกำรพิจำรณำและปรำศจำก
กระทรวงมหำดไทยให้ชื่อว่ำ “บ้ำนสันทรำยต้นกอก”
หมู่ 7 ตำบลฟ้ำฮ่ำม อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัด
เชียงใหม่ เมื่อวันท่ี 6 กรกฎำคม 2544
6
ประวตั คิ วำมเปน็ มำ วัดสันทรำยตน้ กอก
เดิมชอ่ื วดั สลปี งิ ชยั แกว้ กว้ำง ต่อมำได้เปล่ียนเป็น
วัดสันทรำยต้นกอก เพ่ือให้สอดคล้องกับช่ือหมู่บ้ำน
และเป็นเอกลักษณ์ของวัด ชมควำมงำมของพระวิหำร
พ ร ะ อุ โ บ ส ถ ซ่ึ ง เ ป็ น ส ถ ำ ปั ต ย ก ร ร ม แ บ บ ล้ ำ น น ำ
พระพุทธรูปเก่ำแก่ศิลปะล้ำนนำ ผสมผสำนแบบพม่ำ
อีกทั้งเป็นแหล่งสืบสำนวัฒนธรรมล้ำนนำให้กับอนุชน
รนุ่ หลงั
7
ทตี่ ั้งอำณำเขตตดิ ตอ่
ทศิ เหนือ ตดิ ต่อกบั หมู่ที่ 8 บำ้ นสนั ทรำย ตำบล
สนั ผีเสอ้ื
ทศิ ใต้ ติดต่อกบั หมูท่ ี่ 1 บำ้ นท่ำกระดำษ ตำบล
ฟำ้ ฮ่ำม
ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ต่อกับ หมทู่ ี่ 6 บำ้ นท่ำกระดำษ
รมิ เหมือง ตำบลฟ้ำฮ่ำม
ทิศตะวนั ตก ติดต่อกับ แม่นำ้ ปงิ
8
ประวัติท่ำชำ้ ง (ทำ่ เรือ)
ทิศตะวันตกติดต่อกับแม่น้ำปิง ซึ่งป็นแม่น้ำ
สำคัญมำต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังน้ันทำงหมู่บ้ำน
ได้ร่วมกันอนุรักษ์ลำน้ำปิงเพ่ือใช้ในงำนประเพณีลอย
สะเปำในช่วงเทศกำลลอยกระทงและประเพณีอ่ืนๆอีก
ด้วยและยังมีท่ำน้ำท่ีสำคัญในอดีต เป็นท่ำน้ำท่ีมีช้ำง
เป็นจำนวนมำกและใช้ช้ำงในกำรลำกไม้เศรษฐกิจหรือ
ทำมำค้ำขำยตำ่ งๆ น่นั ก็คอื “ทำ่ ช้ำง”
9
กำรคมนำคม
ลักษณะกำรเดินทำงมีถนนทำงหลวงชนบท
ระหว่ำงตำบลฟ้ำฮ่ำมกับตำบลสันผีเส้ือซ่ึงเป็นถนน
สำยหลักในหมู่บ้ำน ส่วนกำรเดินทำงของคนใน
หมู่บ้ำนส่วนใหญ่จะใช้รถจักรยำนยนต์และรถยนต์
สว่ นบุคคล
10
ลักษณะทำงสงั คม
ควำมเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้ำนมีหลำกหลำย จำก
หมู่บ้ำนเดิมอยู่กันฉันพ่ีน้อง ระบบเครือญำติ บุคคล สำย
สัมพันธ์ต่ำงๆ ด้วยกำรเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันทั้งด้ำน
ควำมเป็นอยู่และกำรทำงำนจึงมีผู้คนหล่ังไหลเข้ำมำมำก
ขึ้น เริ่มมีบ้ำนจัดสรร มีประชำกรแฝง สำยสัมพันธ์ของ
คนในหมู่บ้ำนไม่เด่นชัด ต่ำงคนต่ำงอยู่ หมู่บ้ำนอยู่ใกล้กับ
อำเภอเมอื ง วิถีของคนในหมบู่ ้ำนจึงเปน็ ก่ึงเมอื งก่ึงชนบท
พร้อมทั้งกระแสวัตถุนิยม ทุนนิยม บริโภคนิยม กำร
เปลี่ยนแปลงต่ำงๆจึงเกิดง่ำยข้ึน แต่ด้วยควำมเช่ือในสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์และรักษำประเพณีวัฒนธรรมรวมถึงกำรปลูก
จิตสำนกึ ทด่ี ี ควำมเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้ำนจึงรวมตัวกัน
และอยูร่ ่วมกันได้
11
ลักษณะของประชำกร
บ้ำนสันทรำยต้นกอกมีบ้ำนเรือนอยู่ จำนวน
492 ครัวเรือน จำนวนประชำกร 1,218 คน แยก
เปน็ ชำยจำนวน 564 คน หญิงจำนวน 654 คน
(ขอ้ มูลปี 2562)
12
ลกั ษณะกำรประกอบอำชพี
ประชำกรส่วนใหญ่ของบ้ำนสันทรำยต้นกอกมี
กำรประกอบอำ ชีพรับจ้ ำง รับร ำชกำร ค้ำขำ ย
เลี้ยงสัตว์ ทำสวนไม้ดอก ทำสวนผลไม้ ปลูกพืชผัก
สวนครวั ธรุ กจิ สว่ นตัวและอื่นๆ
13
ข้อมลู สภำพทว่ั ไปของหมบู่ ำ้ น
วดั 1 แห่ง
แหล่งน้ำสำธำรณะ 1 สำย (แมน่ ำ้ ปงิ )
ศนู ย์เดก็ เลก็ 2 แหง่
หอกระจำยข่ำว/เสยี งตำมสำย 1 แหง่
ศูนยบ์ ริกำรสำธำรณขุ มลู ฐำนชมุ ชน(สศมช.) 1 แห่ง
ศนู ย์สง่ เสรมิ กำรเรยี นรู้ 5 แห่ง
พระตำหนักสมเดจ็ พระเทพรตั นรำชสุดำฯ 1 แห่ง
14
ประเพณี
สักกำระสิ่งศกั ดสิ์ ทิ ธภิ์ ำยในหมบู่ ้ำน
( เส้ือบำ้ น )
แรกเริ่มกำรตั้งหมู่บ้ำน ผู้คนจะพำกันมำต้ัง
บ้ำนเรือนใหม่ ก็จะทำกำรตั้งศำลประจำหมู่บ้ำนใน
ด้ำนทิศเหนือของหมู่บ้ำน และสถำนที่ไกลออกไปอีกจะ
กำหนดให้เปน็ ปำ่ ชำ้ สถำนท่ีเผำศพ หรือฌำปนกิจศพ
ของผู้คนในหมู่บ้ำนท่ีล่วงลับ ศำลน้ีเองจะเรียกกันว่ำ
“ศำลหอผีเสอื้ บ้ำน”
ผู้คนในหมู่บ้ำนมีควำมเช่ือกันว่ำ สถำนท่ีทุกแห่ง
ย่อมมีผี หรือวิญญำณรักษำเม่ือพำกันมำต้ังหมู่บ้ำน
ใหม่ต้องตั้งหอผีเพื่อให้เส้ือบ้ำน หรือผีรักษำหมู่บ้ำน
มำอยูอ่ ำศยั ต้ังแต่แรกเร่มิ กอ่ ต้งั หมูบ่ ำ้ น
15
ผรู้ บู้ ำงทำ่ นอธบิ ำยวำ่ “เสอื้ ” มำจำกคำว่ำ “เซอื้ ”
แปลว่ำบรรพบุรุษ หมำยถึงดวงวิญญำณของบรรพ
บุรุษท่ีมีควำมดีหรือมีบุญคุณกับชำวบ้ำน อำจจะเป็น
ผู้นำในกำรต้ังหมู่บ้ำน หรือคนที่มีควำมดีเป็นที่เคำรพ
นบั ถือของหมู่บำ้ น หรือดวงวิญญำณดวงใดดวงหนึ่งท่ี
สถิตอยู่บริเวณน้ันก่อนสร้ำงหมู่บ้ำน ฯลฯ บำงทีก็
เรยี กว่ำ อำรักษ์
ซึ่งเสื้อบ้ำนนี้ มีหน้ำท่ีและบทบำทสำคัญคือ เป็นผู้ปก
ปักรักษำ คุ้มครองสมำชิกในหมู่บ้ำน แต่ละหมู่บ้ำนจะมี
หอเสื้อบ้ำน ชำวล้ำนนำเช่ือว่ำ มีเทวดำอำรักษ์รักษำ
ชำวบำ้ นในหมบู่ ำ้ นใหอ้ ยู่เย็นเปน็ สุข
16
ประเพณีตำนขำ้ วใหม่ ดงั ไฟหิงพระเจ้ำ
ตำนข้ำวใหม่ (ทำนขำ้ วใหม่)
กำรทำนข้ำวใหม่ เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกัน
มำอย่ำงยำวนำน ชำวบำ้ นจะนำข้ำวใหม่ท่ีเก็บเก่ียวแล้ว
เก็บไว้บนยุ้งฉำงท่ีบ้ำนมำนึ่งให้สุกเพื่อนำมำตักบำตร
ทำนขันข้ำว อุทิศส่วนกุศลให้ญำติท่ีล่วงลับและถือเป็น
กำรขอขมำพระแม่โพสพก่อนจะนำมำรับประทำน กำร
ทำนข้ำวใหม่ในแต่ละบ้ำน หรือแต่ละท้องถิ่นจะมีวิธีกำร
นำข้ำวมำถวำยแตกต่ำงกันออกไป เช่น ถวำยเป็นข้ำว
นึ่งสุกบ้ำง เป็นข้ำวจี่บ้ำง หรือข้ำวหลำม เป็นต้น
แล้วนำมำใสบ่ ำตรถวำยพระสงฆ์
17
ชำวลำ้ นนำคำว่ำ “หลัว” หมำยถึง “ฟืน” คำว่ำ
“หิงไฟ” หมำยถึง “ผิงไฟ” คำว่ำ “พระเจ้ำ” ในท่ีนี้
หมำยถึง “พระพุทธเจ้ำ” เม่ือถึงเทศกำลพระสงฆ์
สำมเณร และชำวบ้ำนจะไปหำหลัว(ฟืน) ตำมป่ำและไม้
ท่ีนิยมนำมำประกอบพิธีทำนหลัวหิงไฟพระเจ้ำคือ
“ไม้ช่ี” โดยตัดไม้ยำวท่อนละประมำณ 1 วำ แล้วมัดเป็น
มัดๆ นำไปกองรวมกันท่ีข่วงวัด(ลำนวัด) หรือหน้ำ
วหิ ำร ตำมควำมเหมำะสมของสถำนที่ โดยกองสุมเป็น
วงกลม
พิธีกำรทำนหลัวหิงไฟพระเจ้ำ มัคทำยกหรือผู้ท่ี
ไ ด้ รั บ ม อ บ ห ม ำ ย จ ะ จั ด เ ต รี ย ม พ ำ น ข้ ำ ว ต อ ก ด อ ก ไ ม้
เรียกว่ำ “ขันนำทำน” และหลัว จำนวน 1 มัด ถวำย
พระสงฆ์ โดยไหว้พระรับศีล และกล่ำวคำ ถวำย
แล้วประเคนขันนำทำนและหลัวหน้ำองค์พระประธำน
บำงแห่งก็ประเคนประธำนสงฆ์ พระสงฆให้พรตำม
ประเพณีของแต่ละท้องถิ่น จำกนั้นเวลำประมำณใกล้
รงุ่ ตี 4-5 เจำ้ อำวำสหรือผ้ทู ่ีได้รบั มอบหมำย จะเป็นผู้
จุดกองหลัว และตีฆ้อง กองบูชำป่ำวประกำสให้
ชำวบ้ำนร่วมอนุโมทนำและเตรียมตัวมำทำบุญที่วัดใน
เวลำรุ่งเชำ้
18
วสิ ำหกิจชุมชน
ในวิสำหกิจชุมชนท่ีทำงหมู่บ้ำนได้จัดขึ้นนั้นจะ
เป็นกำรแสดงผลิตภัณฑ์ในด้ำนต่ำงๆ ที่ทำงชุมชนได้
จัดทำขึ้น ทั้งนี้เพ่ือเป็นกำรอนุรักษ์ไว้ซึ่งภูมิปัญญำ
ท้ อ ง ถิ่ น ข อ ง ช ำ ว ล้ ำ น น ำ เ ร ำ ใ ห้ ค ง อ ยู่ สื บ ไ ป
กลุ่มแปรรูปเกษตรสันทรำยต้นกอก
ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ด้ ำ น แ ป ร รู ป ผ ล ผ ลิ ต ท ำ ง
กำรเกษตร เช่น น้ำพริกแดง แคบหมู ไส้อ่ัว
จิ๊ น ปิ้ ง ผั ก ก ำ ด ด อ ง แ ก ง แ ค แ ล ะ อ ำ ห ำ ร
พืน้ เมือง ตำ่ งๆ มำกมำย
19
กลุ่มหมอพื้นเมืองบ้ำนล้ำนนำสันทรำยต้นกอก
ผลิตภัณฑ์ด้ำนภูมิปัญญำท้องถิ่น เช่น แชมพู
อัญชัน แชมพูใบหม่ี สบู่น้ำผึ้ง/มะขำม ลูกประคบ
น้ำมันปันจ้อง ยำสมุนไพรต่ำงๆ ท่ีใช้ในกำรนวดฝ่ำ
เทำ้ นวดตวั ฯลฯ
ก ลุ่ ม เ ก ษ ต ร บ้ ำ น สั น ท ร ำ ย ต้ น ก อ ก
ผลิตภัณฑ์ด้ำนกำรเกษตรแบบพอเพียง มีทั้ง
พืชและสัตว์ เช่น ผักแสว้ ผักพน้ื บำ้ น ผักเฮือด
มะรุม เพกำ ฟักขำ้ ว ฟกั หม่น ผักบุ้ง
ผกั ปลอดสำร แตงกวำ บวบ กระเจ๊ียบ
ไก่พนั ธุ์พน้ื เมอื ง (ไก่บำ้ น) กำรเล้ยี งนก
กระทำแบบครบวงจร ฯลฯ
20
กลุ่มหัตถกรรมพ้ืนบ้ำนสลีปิงจัยแก้วกว้ำง
เป็นกลุ่มที่มีกำรส่งเสริมกำรทำอุปกรณ์อันจะ
น ำ ม ำ ซ่ึ ง ค ว ำ ม เ พ ลิ ด เ พ ลิ น แ ก่ ต น เ อ ง แ ล ะ ผู้ อื่ น
ผลิตภัณฑ์ที่จัดขึ้น เช่น โมเดลกลองล้ำนนำชนิดต่ำงๆ
อุปกรณ์สำหรับตีกลอง ฆ้องโมง และงำนทำของ
ตกแต่งบ้ำนจำกวัสดุเศษไม้
กลมุ่ ไมด้ อกไมป้ ระดบั
ผลิตภัณฑ์ด้ำนควำมสวยงำมตำมธรรมชำติของ
ไม้ดอกไม้ประดับ เช่น พิทูเนีย สร้อยไก่ ดำวเรือง
ดำวกระจำย บำนชื่น คุณนำยตื่นสำย เทียน ผีเส้ือ
กระดุมทอง เฟือ่ งฟำ้ กล้วยไม้ ฯลฯ
22
แหลง่ ศึกษำหำควำมรู้
ศนู ยเ์ รยี นรู้สลีปิงจัย
ศู น ย์ ก ำ ร เ รี ย น รู้ ส ลี ปิ ง จั ย เ ป็ น ห้ อ ง เ รี ย น
ศิลปวัฒนธรรมพ้ืนบ้ำนล้ำนนำ ที่มีกำรถ่ำยทอดองค์
ควำมรู้ ภูมิปัญญำรอบด้ำนแก่เด็กและเยำวชน โดยเฉพำะ
องค์ควำมรู้เรอื่ ง “กำรตีกลองสะบัดชยั ”
ทั้งน้ี กลองเป็นวัฒนธรรมด้ำนดนตรีชนิดหนึ่งใน
ล้ำนนำ มีกำรสืบทอดองค์ควำมรู้จำกรุ่นสู่รุ่นมำอย่ำง
ยำวนำน ดงั นั้นในวฒั นธรรม ประเพณีของคนล้ำนนำแล้ว
กลองเป็นเครื่องดนตรีที่จะขำดเสียไม่ได้ ในอดีตคนล้ำนนำ
ใช้เสียงกลองเป็นอำณัติสัญญำณนำกิจกรรม ใช้เสียง
ก ล อ ง เ ป็ น สื่ อ ใ น ก ำ ร แ ส ด ง ค ว ำ ม เ ค ำ ร พ ต่ อ พิ ธี ก ร ร ม
ประเพณีต่ำงๆ ใช้สัญญำณบอกกิจกรรมสำคัญทำง
ศำสนำท่ีจะเกิดขึ้นระหว่ำงวัน เช่น วันพระ วันโกน รวมท้ัง
ใช้ให้ควำมรื่นเริงบันเทิงใจแก่ผู้คน ดังจะได้เห็นจำกงำน
บุญทำงพระพุทธศำสนำมักจะได้ยินเสียงกลองประโคม
อย่ำงครึกครนื้
23
ศนู ย์กำรเรยี นรู้กำรปลกู มะนำวนอกฤดู
ชุมชนได้นำหลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงในกำร
ปลูกพืชเพ่ือใช้ในครัวเรือน นวัตกรรมกำรปลูกมะนำว
นอกฤดู ชำวบ้ำนนำผลผลิตมำแลกเปลี่ยนกันระหว่ำง
ครัวเรือนแทนกำรซ้ือขำยตำมแบบวิถีชีวิตดั้งเดิมเช่นใน
อดีต นอกจำกน้ีกำรปลูกมะนำวนอกฤดูยังเป็นอำชีพ
เสริมของชุมชนทสี่ ร้ำงรำยได้ใหก้ บั ชมุ ชนอีกดว้ ย
24
ศูนย์เรียนรู้กำรทำผำงประทีป
ผ ำ ง ป ร ะ ที ส ห รื อ ผ ำ ง ป ร ะ ที ป เ ป็ น เ ค ร่ื อ ง
สกั กำรบชู ำในพระพทุ ธศำสนำ คำว่ำ ผำง คือ ภำชนะ
ดินเผำคล้ำยถ้วยเล็กๆ ใช้เป็นถ้วยสำหรับใส่ข้ีผึ้งหรือ
น้ำมันและไส้ของประทีสท่ีทำมำจำกเส้นฝ้ำย ส่วนคำ
วำ่ ประทีส คอื แสงสว่ำง
กำรทำผำงประทีปถือเป็นอีกหน่ึงอำชีพของคน
ในชุมชน เพรำะสำมำรถสร้ำงรำยได้ให้ชุมชนเป็น
จำนวนมำก โดยเฉพำะประเพณีย่ีเปง็ หรือเทศกำลลอย
กระทง ชำวบ้ำนจุดผำงประทีป เพื่อเป็นพุทธบูชำพระ
เจ้ำห้ำพระองค์ตำมตำนำนแม่กำเผือก และจุดบูชำเพ่ือ
ตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณ ชำวบ้ำนจึงนิยมจุดผำง
ประทีปบูชำ เพื่อสักกำระต่อส่ิงต่ำงๆที่ได้ใช้ประโยชน์
เช่น ประตูบ้ำน บ่อน้ำ ยุ้งข้ำว เตำไฟ บันได หน้ำต่ำง
ฯลฯ นอกจำกนี้ ยงั เป็นกำรบชู ำแสงสวำ่ ง เชื่อว่ำจะทำ
ให้มีสติปญั ญำเฉลียวฉลำด มีแสงสว่ำงนำทำงชีวิตให้
โชติช่วงชัชวำลด่ังแสงจำกผำงประทีป ด้วยเหตุน้ีช่วง
ประเพณียีเ่ ปง็ จึงสวำ่ งไสวเต็มไปดว้ ยแสงผำงประทปี
24
ของเลน่ พื้นบ้ำน
ประวตั ขิ องบะขำ่ งโว่
“บะข่ำงโว”่ หรือสำเนยี งทอ้ งถิน่ ออกเสยี งวำ่ “บะขำ่ งโหว้”
เป็นของเล่นพื้นบ้ำน จำกภูมิปัญญำบรรพบุรุษ ในอดีต ผู้ใหญ่
หรือผู้สูงอำยุจะเล่นให้เด็กดู เพื่อให้เด็กเล่นบริเวณบ้ำน หรือ
ลำนวัด ในช่วงท่ีออกไปปลูกนำน่ันเอง คนแต่ก่อนชอบเล่นบะ
ข่ำงโว่บริเวณวัด ในช่วงวันสำคัญ ๆ เช่น ประเพณีสงกรำนต์
ประเพณีลอยกระทง
แ ต่ มี อ ยู่ ช่ ว ง ห นึ่ ง ท่ี บ ะ ข่ ำ ง โ ว่ ถู ก ห้ ำ ม เ ล่ น คื อ ช่ ว ง
สงครำมโลกคร้งั ท่ี 2 เพรำะเสียงท่คี ลำ้ ยกบั เสยี งเตือนภยั หรือ
เสียงเคร่ืองบินท้ิงระเบิด ทำให้ช่วงสงครำมโลกคร้ังท่ี 2 ต้อง
หยุดเล่นไปช่ัวระยะหน่ึง พอพ้นช่วงสงครำมโลกคร้ังที่ 2 ไป
ชำวบ้ำนก็นำบะข่ำงโว่กลับมำเล่นใหม่ แต่คร้ันจะให้มันนิยม
เหมอื นเดิม ก็คงไมไ่ ด้ เพรำะสภำพสังคม และวิถชี วี ติ ท่เี ปล่ยี นไป
ประกอบกับมีของเล่นที่น่ำสนใจเพิ่มข้ึน จึงทำให้ควำมนิยม
เลน่ บะขำ่ งโวล่ ดลง และเร่ิมสูญหำยไป
25
จนกระท่ังปี 2538 ได้มีบุคคลนำบะข่ำงโว่ กลับเข้ำมำ
ใหม่ น่ันก็คือ นำยอำนนท์ ไชยรัตน์ หรือพ่อหลวงอำนนท์
ผู้ใหญ่บ้ำนหมู่ที่ 7 บ้ำนสันทรำยต้นกอก และนำยคัณโท
อินทแกล้ว หรือลุงพันธ์ ประธำนกลุ่มอนุรักษ์ขี้เฝ่ำและ
กรรมกำรหมู่บ้ำนสันทรำยต้นกอก ซ่ึงทั้งสองคนเป็นแกนนำ
สำคัญ ท่ีนำบะข่ำงโว่มำจัดกิจกรรมแข่งขันขึ้น โดยจัดขึ้น
คร้ังแรกในงำนสรงน้ำพระธำตุ ณ วัดสันทรำยต้น กอก
ซึ่งตรงกับวันวิสำขบูชำ และนับต้ังแต่น้ันมำ กำรแข่งขัน
บะข่ำงโว่ ก็กลำยเป็นกิจกรรมแข่งขัน ที่จัดขึ้นทุกปีจนถึง
ปจั จบุ นั
26
วดิ โี อ
พิธกี ำรบวงสรวงเส้ือวัด เสอ้ื บ้ำนทำเครอื่ ง
สักกำระ กำรทำของเล่นพนื้ บำ้ น จำกพิธจี ริง
และสถำนท่จี ริง
https://www.youtube.com/watch?v=-0BN3h2dzoQ&feature=emb_title
27
บรรณำนกุ รม
มณี พยอมยงค์. 2547. ประเพณีสบิ สองเดอื นของลำ้ นนำไทย.
เชยี งใหม่: หสน. ส.หรพั ยก์ ำรพมิ พ์.
สน่นั ธรรมธิ. 2556. ประเพณสี ำคญั ลำ้ นนำ. เชยี งใหม่: สุเทพ
กำรพิมพ์.
อำนนท์ ไวยรตั น์. 2549. คมู่ ือผ้ใู หญบ่ ้ำนสนั ทรำยต้นกอก.
เชียงใหม่:
Cmsky News. 2562. พธิ ีกำรบวงสรวงเส้อื วดั เสื้อบำ้ นทำ
เครอ่ื งสักกำระ กำรทำของเลน่ พืน้ บำ้ น จำกพธิ จี รงิ
และสถำนทจ่ี รงิ . เชยี งใหม่: www.youtube.com/watch?v
=-0BN3h2dzoQ&feature=emb_title
http://library.cmu.ac.th/ntic/lannatradition/yeepeng-pangprat
is.php