ความเชื่อและปั จจัยทาง
ภูมิศาสตร์ในการสร้างที่อยู่อาศั ย
ของเรือนไทย 4 ภาค
การปลูกสร้างบ้านเรือนตามคติความเชื่อของภาคเหนื อ
เรือนของแต่ละภาค อาจแตกต่างในรู ปทรง เรือนไม้บั่ว
เรือนเครื่องผูก : เรือนเครื่องผูกในภาคเหนื อ ชาวล้านนาเรียกว่า "เรือน
ไม้บั่ว" หรือ "เรือนมัดขื่อมัดแป" ถือเป็ นเรือนแบบดั้งเดิม โครงสร้าง
หลังคา เสา ตง พื้น ใช้ไม้ไผ่หรือไม้เนื้ อแข็ง สามารถก่อสร้างกันได้เอง
โดยไม่ต้องอาศั ยช่างผู้ชำนาญงาน
ปั จจัยทางภูมิศาสตร์
บางส่วนของภาคเหนื อเดิมเป็ นส่วนหนึ่ งของอาณาจักรล้านนา จึงมีรู ป
แบบสถาปั ตยกรรมเฉพาะ แตกต่างจากภาคอื่น สถาปั ตยกรรมที่โดด
เด่นที่สุดคือ “เรือนกาแล” เป็ นเรือนสำหรับผู้มีฐานะ หรือผู้นำชุมชน
แตกต่างจากเรือนสามัญชนตรงที่จะก่อสร้างด้วยความประณีต มี
แบบแผนการสร้างเป็ นระเบียบชัดเจน และมีการประดับ “กาแล” ซึ่ง
เป็ นไม้แกะสลักสวยงามบนยอดจั่ว
ความเชื่อของการสร้างที่อยู่อาศั ยในภาคกลาง
ฤ กษ์ปราบดิน คือ การหาผู้รู้หรือโหรตรวจดูที่ดิน หาฤกษ์ปราบดิน สำรวจ
ที่ดินว่าจะเป็ นโขด เป็ นเนิ นปลวก มีหลักตอ มีขอนท่อนไม้ หรืออะไรที่แกะกะ
จมฝั งดินอยู่บ้างหรือไม่ ถ้ามีก็จัดการถอนทิ้งและปราบดินให้เรียบ
ปั จจัยทางภูมิศาสตร์
บ้านเรือนไทยภาคกลางส่วนใหญ่นิ ยมสร้างใกล้กับที่ราบลุ่มแม่น้ำเช่นเดียวกับ
บ้านภาคอีสาน แต่เนื่ องจากภาคกลางมีอากาศร้อนอบอ้าว คนส่วนใหญ่จึงมัก
สร้างบ้านหลังคาสูง เพื่อถ่ายเทความร้อนออกจากตัวบ้าน และช่วยให้น้ำฝน
ไหลลงจากหลังคาได้เร็ว โดยบ้านเรือนไทยภาคกลางมักสร้างด้วยไม้ไผ่สลับ
ไม้เนื้ อแข็ง นิ ยมสร้าง 2 รู ปแบบ
1. เรือนเดี่ยว ครอบครัวขนาดเล็กมีเรือนนอน แยกกับเรือนครัว และมีการ
เชื่อมด้วยชานเดียวกัน
2. เรือนหมู่ เรือนหลายหลังเชื่อมต่อกัน เป็ นเรือนของผู้มีฐานะมาก วัสดุ
ก่อสร้างเป็ นเรือนไม้เนื้ อแข็ง ใต้ถุนสูง หลังคาจั่วทรงสูง อ่อนโค้ง ประดับด้าน
จั่ว “เหงา” หรือ “หางปลา” มีระเบียงบ้านรับลม
การปลูกสร้างบ้านเรือนตามคติความเชื่อของภาคอีสาน
คนไทยเป็ นเอกในเชิงช่าง ความช่างสังเกต ความสามารถในการคิด
ประดิดประดอย ก่อเกิดภูมิปั ญญาไทยในการรังสรรค์บ้านเรือนไทย คนอีสา
นั บถือวิญญาณบรรพบุรุ ษ คือ ผีปู่ ตา และผีฟ้ า คือ แถน ควบคู่ไปกับการนั บถื
พระพุทธศาสนา ฉะนั้ นในแต่ละหมู่บ้านทางภาคอีสาน จะต้องมี "ดอนปู่ ตา"
เป็ นที่ดอนมีต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนั ก ตั้งศาลเรียกว่า "ตูบ" ๔ เสาขึ้น
เพื่อเป็ นที่สถิตของบรรพบุรุ ษ กลางหมู่บ้านก็จะตั้ง " หลักบ้าน" เป็ นเสาไม้
มงคลมีเสาเอก และเสาบริวารเป็ นที่สิงสถิตของเทพารักษ์ เพื่ออารักขาให้
หมู่บ้านอยู่ดีมีสุข และจะมีพิธีเซ่นสรวงในเดือน ๗ เรียก บุญซำฮะ
ปั จจัยทางภูมิศาสตร์
ที่อยู่อาศั ยภาคอีสานส่วนใหญ่ มักตั้งอยู่ตามที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ หรือหนองบึง
และนิ ยมสร้างด้านกว้างให้หันไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก และสร้า
ด้านยาวไปทางทิศเหนื อและทิศใต้ โดยบ้านเรือนไทยภาคอีสานที่นิ ยมสร้าง
ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่
1. เฮือนเกย เป็ นเฮือนเดี่ยว มีการออกแบบยื่นชายคาหลังคาด้านหนึ่ งยาวออ
ไป คลุมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด เรียกว่า “เกย”
2. เฮือนแฝด หลังคาทรงจั่วสองเรือนสร้างชิดกัน มีผนั งครบทุกด้าน เป็ น
“เฮื อนใหญ่”
3. เฮือนโข่ง มีลักษณะคล้ายเฮือนแฝด มีการแยกโครงสร้างออกจากกัน เพื่อ
ให้เกิดเป็ นช่องทางเดินตรงกลางเชื่อมต่อพื้นที่ หลังคาลาดชันน้ อย
ความเชื่อของการสร้างที่อยู่อาศั ยในภาคใต้
ก ารปลูกสร้างบ้านเรือนตามคติความเชื่อของภาคใต้ คนไทยรู้จักใช้ภูมิปั ญญาสร้างบ้าน
เรือนให้ยืดหยุ่น สอดรับ และสู้ภัยธรรมชาติได้อย่างดีเรือนหลังคาจั่ว : หลังคามุงด้วย
กระเบื้องแผ่นสี่ เหลี่ยมเชิงชายและช่องลมใต้เพดานเป็ นไม้ฉลุอย่างสวยงาม ในเรือน
ของผู้มีฐานะดี ตัวเรือนใต้ถุนยกสูง มีระเบียงและนอกชานลดหลั่นกัน เรือนเครื่องผูก
หลังคาเป็ นจั่วตรง พบมากในหมู่ชาวประมง ชาวนา หลังคาใช้ใช้แฝก จาก ฟาก ตัวเรือน
ยกขึ้นพอคนลอดได้
ปั จจัยทางภูมิศาสตร์
เนื่ องจากภูมิประเทศทางภาคใต้นั้ นแตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ เป็ นอย่างมาก เพราะมีฝน
ตกชุกตลอดทั้งปี ผู้คนทางภาคใต้จึงมักสร้างบ้านที่มีหลังคาสูงเพื่อระบายน้ำฝนให้ไหล
ลงผ่านชาคาที่คลุมไปถึงบันได และนิ ยมใช้ไม้กระดาน ไม้ไผ่สาน หรือวัสดุที่หาได้ง่าย
ในท้องถิ่น นอกจากนี้ ตามหลักวัฒนธรรม และความเชื่อของภาคใต้ การปลูกบ้านจึงมี
ทั้งหมด 2 แบบ
1. เรือนไทยพุทธภาคใต้ ลักษณะเรือนไม้ใต้ถุนสูง มีหลังคาทรงปั้ นหยา และจั่วภายใน
บ้านมีการกั้นห้องแบ่งเป็ นสัดส่วน ชายคายื่นยาว หรือชานเชื่อมแต่ละเรือนเข้าด้วยกัน
การก่อสร้างไม่ซับซ้อน
2. เรือนไทยมุสลิมภาคใต้ เน้ นใต้ถุนสูง มีหลังคา 3 แบบ ปั้ นหยา มนิ ลา และจั่ว
ภายในสบาย มักจะเปิ ดโล่ง มีเฉพาะห้องที่สำคัญเป็ นส่วนตัวเท่านั้ น
ที่มา : httpร.ร.s://www.baanlaesuan.com