The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BamBoo Channel, 2023-03-21 04:06:07

บทที่-1-1

บทที่-1-1

1 บทที่ 1 การเขียน: หัวใจส าคัญในการพัฒนามนุษย์ เพื่อการพัฒนาการสื่อสารทางวิชาการและวิชาชีพ การเขียนเป็นทักษะอีกประเภทหนึ่งในทักษะทางภาษาทั้ง 4 ทักษะของการสื่อสาร ได้แก่ ทักษะการ ฟัง ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน และทักษะการเขียน ทักษะการเขียนเป็นทักษะที่จะต้องอาศัยการฝึกฝน และมีประสบการณ์ในการเขียนงานต่าง ๆ หากไม่ฝึกฝนก็จะเป็นแค่เพียง “คนเขียนได้ ไม่ใช่คนเขียนเป็น” เมื่อเราถอดความค าว่า “เขียนได้” การเขียนได้นั้นจะหมายถึงการที่ผู้เขียนสามารถเขียนตัวอักษรหรือค า ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องค านึงว่าผู้อ่านจะเข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนเขียนหรือไม่ ส่วนการ “เขียนเป็น” นั้นหมายถึง ผู้เขียนจะต้องค านึงถึงผู้อ่านให้สามารถเข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนเขียนให้ได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากและต้องอาศัย องค์ประกอบหลาย ๆ ประการ ดังที่มีผู้รู้ได้กล่าวไว้ว่า “การเขียนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์” กล่าวคือ การเขียน เป็นศาสตร์หมายความว่า การเขียนเป็นความรู้ที่สามารถฝึกฝนได้ และการเขียนเป็นศิลป์หมายความว่า การเขียนเป็นเทคนิคและวิธีการของผู้เขียนแต่ละคนที่จะท าให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจและประทับใจในเขียน นั้น ๆ การเขียนถือเป็นองค์ประกอบในการสื่อสารที่ส าคัญมนุษย์ การเขียนเป็นการสื่อสารที่มีรูปแบบ มีไวยากรณ์ที่ก าหนดไว้อย่างเป็นระบบแบบแผน ซึ่งผู้เขียนจ าเป็นต้องเรียนรู้เพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ทั้งเรื่องค า ประโยค ย่อหน้า ฯลฯ นอกเหนือจากการสั่งสมความรู้และประสบการณ์จากเรื่องราว ต่าง ๆ โดยฝึกฝนการใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสม เพราะการเขียนงานเขียนเชิงวิชาการและวิชาชีพต้องใช้ทั้ง ศาสตร์และศิลป์ในการน าเสนอเพื่อให้ถูกต้องตามหลักการ มีความน่าสนใจ และน่าติดตาม ในการพัฒนามนุษย์เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของตนเองให้ดีขึ้นนั้นต้องพัฒนาทักษะพื้นฐาน ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ทั้งนี้ในแผนการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2560 – 2579 เป็นการวางกรอบ เปูาหมายและทิศทางการจัดการศึกษาของประเทศในการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของคนไทยทุก ช่วงวัยให้เต็มตามศักยภาพ สามารถแสวงหาความรู้และเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยการ ขับเคลื่อนภายใต้วิสัยทัศน์คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ด ารงชีวิตอย่าง เป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21 “คนไทย ทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ด ารงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21” โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัด การศึกษา 4 ประการ คือ 1) เพื่อพัฒนาระบบและกระบวนการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ 2) เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นพลเมืองดี มีคุณลักษณะทักษะและสมรรถนะที่สอดคล้องกับบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติและยุทธศาสตร์ชาติ 3) เพื่อพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณธรรม จริยธรรม รู้รักสามัคคีและร่วมมือ ผนึกก าลังมุ่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง


2 4) เพื่อน าประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และความเหลื่อมล้ าภายในประเทศ ลดลง เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์และจุดมุ่งหมายในการจัดการศึกษาดังกล่าวข้างต้น แผนการศึกษาแห่งชาติได้ วางเปูาหมายไว้ 2 ด้าน คือเปูาหมายด้านผู้เรียน (Learner Aspirations) โดยมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มี คุณลักษณะและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (3Rs8Cs) ประกอบด้วย ทักษะและคุณลักษณะต่อไปนี้ 3Rs ได้แก่ การอ่านออก (Reading) การเขียนได้(Writing) และการคิดเลขเป็น (Arithmetics) 8Cs ได้แก่ ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา (CriticalThinking and Problem Solving) ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity andInnovation) ทักษะด้านความเข้าใจต่าง วัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross – cultural Understanding) ทักษะด้านความร่วมมือ การท างานเป็น ทีม และภาวะผู้น า (Collaboration,Teamwork and Leadership) ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และ การรู้เท่าทันสื่อ(Communications, Information and Media Literacy) ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning Skills) และความมีเมตตา กรุณา มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม (Compassion) ประเทศไทยจะพัฒนาต้องให้ผู้เรียนสามารถเขียนได้ (Writing) และมีทักษะในการสื่อสารโดยอาศัย การเขียนเป็นเครื่องมือในการน าทางไปสู้เปูาหมายนั้น เพราะการแสวงหาความรู้ไม่ได้สิ้นสุดที่ในชั้นเรียน แต่เมื่อเรียนจบแล้วก็สามารถขยายขอบข่ายออกไปสู้การเรียนรู้ตลอดชีวิตหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Lifelong Learning” ภาษาไทยมีความส าคัญเพราะเป็นสมบัติอันล้ าค่าที่แสดงความเป็นชาติไทย โดยใช้ภาษาเป็นสื่อในการ แสดงความรู้ความคิดและประสบการณ์ซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรมอันล้ าค่าที่มีเอกลักษณ์ที่น่าภาคภูมิใจอันควรแก่ การท านุบ ารุงส่งเสริมอนุรักษ์และสืบทอดให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป ภาษาเป็นสิ่งที่ช่วยให้คนเรามีโอกาสแสวงหาความรู้ให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น และใช้เป็นสื่อกลางส าคัญในการ ติดต่อสื่อสาร โดยผูกพันต่อการด ารงชีวิตของคนไทยมากขึ้นเป็นล าดับ ในปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีต่าง ๆ ท าให้การติดต่อสื่อสารได้รับความรวดเร็วขึ้น ซึ่งมีผลท าให้การใช้ภาษาพูดและภาษาเขียน เปลี่ยนไปจากเดิมหากไม่ได้รับการเอาใจใส่แก้ไข จะท าให้คนไทยใช้ภาษาไทยผิดพลาดมากขึ้น ดังที่ฐะปะนีย์ นาครทรรพ กล่าวว่า “ภาษาไทยมีความส าคัญเพราะ 1. เป็นเครื่องมือสื่อสารของคนในชาติ 2. เป็นสื่อในการถ่ายทอดวัฒนธรรม 3. เป็นปัจจัยก่อให้เกิดความรู้สึกเป็นไทยร่วมกัน น ามาซึ่งความสามัคคีของชนในชาติ 4. เป็นเครื่องมือช่วยในการศึกษาวิชาต่าง ๆ 5. เป็นเครื่องมือช่วยในการประกอบอาชีพ 6. ช่วยให้คนรู้จักคิดพิจารณาเหตุการณ์และปัญหาต่าง ๆ และสามารถแก้ปัญหาได้เป็น ประโยชน์แก่การด ารงชีวิต 7. มีลักษณะเฉพาะของภาษาไทยที่ต้องศึกษา เพื่อใช้ให้ถูกต้อง 8. ใช้ในการสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม น่าชื่นชมคือวรรณคดี 9. ช่วยให้กิจการต่าง ๆ สัมฤทธิผลอย่างมีประสิทธิภาพ หากสามารถใช้ภาษาได้ดี


3 10. ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพของคนและท าให้สามารถแสวงหาความรู้เพื่อเสริมปัญญาได้ตลอด ชีวิต” ภาษาจึงเปรียบเสมือนหัวใจของการติดต่อสื่อสารระหว่างคน ท าให้เกิดความเข้าใจตรงกัน และในการ เรียนการสอนวิชาภาษาไทยมิใช่หมายความถึงการเรียนรู้เท่านั้น แต่หมายถึงการใช้ภาษาให้พัฒนาถูกต้องทั้ง การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ปัจจุบันมักพบว่ามีการใช้ภาษาผิดพลาดและบกพร่องอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้ค า การ ใช้ส านวนภาษาที่ไม่เหมาะสม การใช้ค าไม่ถูกกาลเทศะ การเขียนตัวสะกดการันต์การวางรูปวรรณยุกต์ผิดที่ การใช้ประโยคไม่ถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งการล าดับความ ล าดับประโยค เราจึงควรให้ความสนใจและ พัฒนาการเขียนให้มากขึ้น ในเอกสารประกอบการสอนเล่มนี้ได้รวบรวมปัญหาการเขียนจากประสบการณ์สอนวิชาภาษาไทย และที่ได้สังเกตเห็นจากสื่อต่าง ๆ พอสรุปได้ดังนี้ 1. การใช้ภาษาผิดและใช้ภาษาบกพร่องในการเขียน ภาษาเขียน หมายถึง การสื่อความหมายด้วยลายลักษณ์อักษรส่วนใหญ่ผู้ชายไม่ค านึงถึง หลักการใช้ที่ถูกต้อง ใช้ไม่เหมาะสมซึ่ง เกิดจากการจ ามาผิด ๆ คือ 1.1 การเขียนตัวสะกดการันต์ผิด สังเกต เขียนเป็น สังเกตุ อนุญาต เขียนเป็น อนุญาติ ประสบการณ์ เขียนเป็น ประสพการณ์ 1.2 การวางรูปวรรณยุกต์ ด้วย เขียนเป็น ดว้ย ให้ เขียนเป็น ใหก้ สว่าง เขียนเป็น สวาง 1.3 การผันวรรณยุกต์ไม่ถูกต้อง คะ เขียนเป็น ค่ะ ล่ะ เขียนเป็น หล่ะ นะคะ เขียนเป็น นะคะ นะค่ะ 2. การใช้ภาษาไม่เหมาะสม 1.1 ใช้ค าและกลุ่มค าต่างระดับ ภาษามีหลายระดับ เช่น ระดับมาตรฐาน ระดับชาวบ้านและภาษาถิ่น ค าใน


4 ภาษาไทยมีระดับของค าที่ใช้ในการสื่อสารกับบุคคลระดับต่าง ๆ แตกต่างกันไปค่อนข้างละเอียด จึงควร เลือกใช้ค าให้ถูกต้องตามกาลเทศะ ฐานะสังคม ภาษาปาก ภาษากึ่งแบบแผน ภาษาแบบแผน หมอนั่น นายคนนั้น ชายคนนั้น ผัว สามี สามี โรงหนัง (วิก) โรงภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ ถองเหล้า กินเหล้า ดื่มเหล้า ดื่มสุรา 2.2 การใช้ค ากับกลุ่มค าไม่เหมาะสม ในการเขียนภาษาไทย ควรใช้ภาษาให้ถูกต้องตามความหมายและไม่ละค าไว้ในฐานที่เข้าใจ เพราะจะท าให้ความหมายไม่ชัดเจนหรือมีความหมายก ากวม การละค าไว้จะท าให้หน้าที่ของค าเปลี่ยนไป ท า ให้ค ามาซ้อนกัน เมื่อหน้าที่ของค าเปลี่ยนไปท าให้ความหมายของค าเปลี่ยนไปด้วยหากปรากฏอยู่ในภาษาเขียน จะท าให้เห็นความบกพร่องได้ชัดเจน เขาเป็นคนใช้ฉันเอง ประโยคนี้ละค าว่า ที่ และ รับ ท าให้ความหมายไม่ชัดเจน ผู้อ่านไม่ เข้าใจว่า เขาเป็นคนรับใช้ของฉัน หรือ เขาเป็นคนที่ใช้ให้ไปท าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การใช้ค าและกลุ่มค าไม่เหมาะกับภาษาเขียนนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 6 ประเภท คือ 2.2.1 การเรียงค าขยายไม่ถูกที่ ประโยคเดิม ผู้ใจบุญให้ทุนช่วยเหลือนักศึกษามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ยากจน ข้อบกพร่อง ที่ยากจน อยู่ติดค าว่ามหาวิทยาลัยท าให้ความหมายเป็น มหาวิทยาลัยยากจน ประโยคใหม่ ผู้ใจบุญให้ทุนนักศึกษาที่ยากจนในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ 2.2.2 การใช้ค าผิดความหมาย ข้าพเจ้ามาไม่ทันเพราะการจราจรเกิดสับสน ควรใช้ ข้าพเจ้ามาไม่ทันเพราะการจราจรเกิดติดขัด เจ้าหน้าที่ต ารวจก าลังสืบสวนเจ้าของร้านอาหารที่ถูกปล้น ควรใช้ เจ้าหน้าที่ต ารวจก าลังสอบสวนเจ้าของร้านอาหารที่ถูกปล้น 2.2.3 การเรียงประโยคต้องวางประประธานหรือกรรมให้ถูกที่ เพราะการเรียงค าในประโยคส าคัญมาก หากเรียงต าแหน่งผิดจะท าให้ความหมายผิด เช่น คนชนรถยนต์ ควรใช้ รถยนต์ชนคน


5 2.2.4 การใช้ภาษาผิดระดับ (1) การใช้ภาษาไม่เหมาะสม หมายถึง การใช้ภาษาไม่เหมาะกับบุคคล และแสดงถึงความไม่ สุภาพ เช่น อาจารย์แกดุ ควรใช้อาจารย์ท่านดุ (2) ใช้ภาษาพูดในการเขียน ซึ่งมักจะพบบ่อย เช่น กานดาไม่ไปเที่ยวกับพวกเรา เค้าคงอยากกลับบ้าน ควรใช้กานดาไม่ไปเที่ยวกับพวกเรา เธอคงอยากกลับบ้าน 2.2.5 การใช้ภาษาก ากวม ค า ๆ เดียวถ้ามีหลายความหมายจ าเป็นจะต้องเขียนให้ชัดว่า ค า นั้นมีความหมายอย่างไร ประโยคเดิม จะท าอะไรก็ท าเสีย ข้อบกพร่อง ค าว่า เสีย มีความหมายอลายอย่าง ประโยคใหม่ จะท าอะไรก็ท าเสีย เวลาไม่คอยท่า หรือ จะท าอะไรก็ท าเสียหายหมด 2.2.6 การใช้ภาษาไม่สละสลวย การใช้ภาษาต้องค านึงถึงความสละสลวย ชัดเจน เมื่อถึงเวลาหยุดพักเด็ก ๆ ต่างก็เล่นกันบ้าง ควรใช้เมื่อถึงเวลาหยุดพักเด็ก ๆ ต่างก็เล่นกัน บ้างคุยบ้าง จะท าให้เข้าใจประโยคชัดเจนขึ้น 2.3 ใช้ค าที่ไม่จ าเป็นและฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะการเขียนประโยคแต่ละประโยค อาจตัดค าบางค าทิ้งเพื่อ จะท าให้ประโยคนั้น กะทัดรัดชัดเจนขึ้นโดยมีความหมายเหมือนเดิม ผู้ร้ายท าการปล้นธนาคาร ควรใช้ ผู้ร้ายปล้นธนาคาร เขาประสบความผิดหวังในเรื่องเรียนอย่างมาก ควรใช้ เขาผิดหวังเรื่องเรียนมาก นายแดงถูกจับฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ควรใช้นายแดงถูกจับฐานฆ่าคนโดยเจตนา เขาเป็นคนมีใจกล้าหาญ ควรใช้เขาเป็นคนกล้าหาญ 2.4 ใช้ค าและกลุ่มค าไม่เหมาะกับส านวนค าในภาษา ภาษาไทยมีส านวนค าใช้ในการเปรียบเทียบโดยนัย ท าให้รู้ความหมายที่แน่นอนได้ยาก ต้อง อาศัยการตีความ หรือถ้าไม่มีข้อความบ่งความได้ชัดเจนต้องอาศัยความข้างหน้าหรือข้างหลังค านั้นประกอบ รัตยาเป็นคน มือแข็ง มือแข็งมีความหมายโดยตรง คือ มือไม่อ่อนนุ่ม มือแข็งมีความหมายโดยนัย คือ เป็นคนมีความสามารถ หรือเป็นคนกระด้างไม่อ่อนน้อม ถ้าจะเขียนประโยคนี้ให้ชัดเจน ควรอาศัยบริบทประกอบ


6 รัตยามือแข็งท าอะไรก็ส าเร็จไปหมด รัตยามือแข็งจังสงสัยว่าเธอคงท างานหนัก รัตยาเป็นคนไม่ยอมใครง่าย ๆ นอกจากการใช้ภาษาผิดพลาดและบุกพร่องตามที่กล่าวมาแล้ว จะเห็นได้ว่าลายมือของนักเรียน นิสิต นักศึกษาในปัจจุบันอ่านได้ยาก ปกติตัวพยัญชนะไทยจะมีส่วนตัว ส่วนหัว และส่วนหาง แต่ตัวชนะไทยที่ เขียนกันในขณะนี้ไม่มีหัว ไม่มีหาง บางครั้งล าตัวของพยัญชนะยังเล็กลีบ จึงใคร่ขอให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขดูแล และอนุรักษ์การเขียนตัวพยัญชนะไทยให้อยู่ในรูปลักษณ์เดิมด้วย การวิจัยของใคร ไขสิริ ปราโมทย์ณ อยุธยา เรื่อง “การศึกษาวิเคราะห์ลักษณะข้อผิดพลาดในการ เขียนภาษาไทยของนิสิตคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2514 และ 2516” ผลปรากฏว่าลักษณะข้อผิดพลาดในการเขียนของนิสิต คือ ข้อผิดพลาดในการใช้ค าชนิดต่าง ๆ การแต่ง ประโยค การใช้เครื่องหมายผิด การสะกดการันต์โดยมีสาเหตุจากการใช้แนวเทียบผิด การได้รับอิทธิพลจาก ภาษาบาลีและสันสกฤต นิสิตมีความสับสนในเรื่องความหมายของค า เกณฑ์การใช้ภาษาและการอ่าน การวิจัยของภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2523 ได้ศึกษา ข้อบกพร่องในการใช้ภาษาไทยของนิสิตคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งระดับต้นและระดับ ปลาย ปีการศึกษา 2518 - 2520 เรื่อง “สมรรถภาพในการใช้ภาษาไทยขั้นต่าง ๆ”ผลปรากฏว่าลักษณะ ความผิดและความบกพร่องด้านการใช้ภาษา คือ ก. การใช้ภาษาผิด ใช้ถ้อยค าที่ไม่เหมาะสม ไม่สละสลวย ไม่กระจ่าง ข. การใช้ค าผิดชนิด กลุ่มค า และส านวนมีการเปลี่ยนค าบางค า เพิ่มค าบางค า และตัดค าบางค า รวมทั้งการใช้ค าราชาศัพท์ผิด ค. การใช้ประโยคผิด คือ ใช้ประโยคไม่สมบูรณ์ประโยคมีหน่วย ประโยคเกิน และประโยคมีการ เรียงค าหรือกลุ่มค าผิดล าดับ ง. การเขียนตัวสะกดการันต์ผิด จ. การใช้อักษรย่อผิด ฉ. การเว้นวรรคตอน และการขึ้นบทย่อหน้าผิด การวิจัยของ ชูศรีศรีแก้ว เรื่อง “การศึกษาเปรียบเทียบข้อผิดพลาดในการเขียนภาษาไทยของ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปีการศึกษา 2525” ผลปรากฏว่าข้อผิดพลาดในการเขียนภาษาไทย ของภาษากลุ่มต่าง ๆ มีดังนี้คือ ข้อผิดพลาดในการเขียนภาษาไทยของนักศึกษา แบ่งได้7 ประเภท คือ การใช้ ค าผิด การแต่งประโยคผิด อ่านสะกดการันต์ผิด การใช้เครื่องหมายวรรคตอนผิด การใช้อักษรย่อผิด การใช้ เครื่องหมายต่าง ๆ ผิด จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเขียน ได้พบว่าข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องของการใช้ภาษาเขียนมี ลักษณะที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด ซึ่งยังเป็นปัญหาที่พบในปัจจุบัน พอสรุปได้ดังนี้คือ 1. การใช้ค า กลุ่มค า และส านวนผิด 2. การใช้ประโยคผิด


7 3. การสะกดการันต์ผิด 4. การใช้เครื่องหมายวรรคตอนผิด 5. การใช้อักษรย่อผิด การใช้ค าผิด คือ การใช้ค าที่มีเสียงหรือความหมายใกล้เคียงกันผิด ใช้ค าผิดความหมาย ใช้ค าผิด หน้าที่ ใช้ค าและกลุ่มค าไม่คงที่ ใช้ค าและกลุ่มค าฟุุมเฟือย ใช้ภาษาพูดในภาษาเขียน ใช้ส านวนการ เปรียบเทียบผิด ใช้ส านวนต่างประเทศในการเขียน ใช้ค าผิดกาลเทศะ การใช้ประโยคผิด คือ การเรียงล าดับค าและล าดับความผิด ขาดค า กลุ่มค า หรือข้อความที่จ าเป็น ในประโยค ใช้ประโยคไม่สมบูรณ์ใช้ประโยคเกินความจ าเป็น การสะกดการันต์ผิด คือ ใช้พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และตัวการันต์ผิด เขียนส่วนของค าขาด เขียนค าซ้ าผิด การใช้เครื่องหมายวรรคตอนผิด เพราะไม่รู้แน่ชัดว่า เครื่องหมายวรรคตอนต่าง ๆ นั้นใช้อย่างไร เช่นเครื่องหมายจุลภาค เครื่องหมายปรัศนี เครื่องหมายอัศเจรีย์ไม้ยมก ไปยาลน้อย และการเว้นวรรคในที่ๆ ไม่ควรเว้น การใช้อักษรย่อผิด โดยใช้อักษรย่อในที่ไม่ควรใช้และใช้อักษรย่อผิดจากที่นิยมใช้ จากระยะเวลาของการวิจัยที่กล่าวมานั้น แม้จะห่างกันเป็นล าดับหลายปีแต่ข้อบกพร่องของการใช้ ภาษาเขียนที่พบเป็นปัญหาเดียวกันเกือบทั้งสิ้น ปัญหาเหล่านี้จึงเป็นปัญหาที่ควรหาทางแก้ไข หากใช้ผิดจะท า ให้การสื่อความหมายผิดไปด้วย ดังที่ สุจริต เพียรชอบ และสายใจ อินทรัมพรรย์ (2523 : 2) ยังได้กล่าวถึง ความส าคัญของภาษาไทยในอีกมุมหนึ่งว่า “ความส าคัญของภาษาไทยอีกประการหนึ่งนั้น ช่วยให้ผู้ที่มีความสามารถทางภาษาประสบ ความส าเร็จในชีวิตหรือในการด าเนินกิจกรรมต่าง ๆ ผู้ที่มีความสามารถทางภาษาสูง เมื่อเกิดความคิดริเริ่ม ใหม่ๆ ใด ๆ ขึ้นแล้ว สามารถใช้ภาษาไทยพูดหรือเขียนแสดงความคิดเห็นนั้น ๆ ออกมาเป็นที่ประจักษ์ให้ผู้อื่น ได้รับรู้ก็จะเป็นที่ชื่นชอบของบุคคลโดยทั่วไปได้” สรุปจากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นว่าการเขียนมีบทบาทในการด าเนินชีวิตของคนเรามากขึ้น การ เขียนจะประสบผลนั้น จะต้องอาศัยองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น การสะกดค าที่ถูกต้อง การเว้นวรรตอนถูกต้อง การใช้ค าให้ตรงความหมาย การเลือกสรรถ้อยค า การจัดระบบความคิดเพื่อถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือให้ผู้อ่าน เข้าใจก่อนการเขียน การเลือกประเด็นที่จะเขียน การเรียบเรียงถ้อยค าส านวนให้สละสลวยกะทัดรัด รวมถึง การใช้ประสบการณ์ของผู้เขียนกับผู้อ่านให้ตรงกัน ซึ่งผู้เขียนจะต้องเรียนรู้และฝึกฝนอย่างถูกวิธีให้เกิดความ ช านาญ และจะต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะท าให้เกิดทักษะ การที่จะพัฒนาทักษะการเขียนได้จะต้องค านึงถึง หลักในการเขียน ซึ่งจะได้กล่าวถึงในบทต่อไป


8 อ้างอิง ฐะปะนีย์ นาครทรรพ. (มปป.) “เป้าประสงค์และแนวปฏิบัติในการสอนภาษาไทยในระดับประถมและ มัธยมศึกษา” เอกสารประกอบการเรียนวิชาวิเคราะห์แบบเรียน แผนกมัธยมศึกษา จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย. (อัดส าเนา). สุจริต เพียรชอบ และสายใจ อินทรัมพรรย์. (2523). วิธีการสอนภาษาไทยระดับมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.


Click to View FlipBook Version