ก
รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
เรอ่ื ง กระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบ
โดย
1. นางสาวจิณห์นิภา อนิ เขียว
2. นางสาวณฎั ฐ์นรี ศรธี นะ
3. นางสาวณชารญี า พร้อมสขุ
ระดับ ประกาศนยี บัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ปพี ุทธศักราช 2565
วทิ ยาลัยการอาชพี ปง อาชีวศึกษาจังหวดั พะเยา
สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
กระทรวงศึกษาธิการ
ข
รายงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์
เร่ือง กระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ
โดย
1. นางสาวจณิ ห์นภิ า อนิ เขยี ว
2. นางสาวณฎั ฐ์นรี ศรีธนะ
3. นางสาวณชารีญา พรอ้ มสขุ
ครูท่ีปรึกษา
1. นายกฤษฎา อิน่ ต๊บิ
2. นายโสภณเดชน์ ดนุเชษฐ์
3. นางสาวทินมณี พลศริ ิ
ค
ช่อื โครงงาน กระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ
ช่ือนกั ศึกษา 1. นางสาวจิณห์นิภา อนิ เขยี ว
2. นางสาวณัฎฐ์นรี ศรีธนะ
3. นางสาวณชารีญา พรอ้ มสขุ
ครูทป่ี รึกษา 1. นายกฤษฎา อิน่ ติบ๊
2. นายโสภณเดชน์ ดนเุ ชษฐ์
3. นางสาวทินมณี พลศริ ิ
4. นางสาวจุฑาทิพย์ เผา่ ศรีไชย
5. นางสาวจฑุ ามาศ บรรจง
6. นายธีร์วศิษฐ์ จินมอญ
7. นายกานต์ ทปิ ะกะ
ปที ีจ่ ดั ทำปกี ารศึกษา 2565
สถานศกึ ษา วิทยาลยั การอาชีพปง
บทคดั ยอ่
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อออกแบบและสร้างกระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ
เพื่อเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของพืชที่ปลูกในกระถางย่อยสลายที่ผสมใบยาสูบกับที่ปลูกในกระถาง
ไม่ผสมใบยาสูบ และเพอื่ ศกึ ษาความพงึ พอใจของกลุ่มผู้ทดลองใช้ทมี่ ีตอ่ กระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบ
จากการทดลองปลูกผักกาดขาวในกระถาง ทั้ง 2 แบบ ได้แก่ กระถางย่อยสลายผสมใบยาสูบ
กระถางที่ไม่ผสมใบยาสูบ พบว่ากระถางย่อยสลายที่ผสมใบยาสูบมีประสิทธิภาพในการเพาะปลูก
ผักกาดขาวได้ดี การเจริญเติบโตของผักกาดขาวสูงกว่ากระถางที่ไม่ผสมใบยาสูบ และจากการทดลอง
พบว่าผกั กาดขาวทปี่ ลูกไม่มีร่องรอยของศตั รูพืช
จากผลประเมินความพึงพอใจจาดกลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่ม จำนวน 15 คน พบว่าผู้ใช้งาน
ในภาพรวมอยู่ในระดับพอใจมากมีค่าเฉลี่ย ( x ) เท่ากับ 4.46 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ
0.54 เมื่อพิจารณาความพึงพอใจในแต่ละดา้ น พบว่า ด้านคุณภาพอยู่ในระดับพอใจมากที่สุด รองลงมา
เป็นดา้ นลกั ษณะทัว่ ไปอยใู่ นระดับพอใจมาก ตามลำดับ
ง
Research Title Biodegradable pots from tobacco leaves
Researcher
1. Mr. Saranapol Triamson
Research Consultants
2. Miss. Jinnipha Inkhino
3. Miss. Natnari Srithana
1. Mr. kritsada intip
2. Mr. Sopondet danuchet
3. Miss. Thimanee Phonsiri
4. Miss. Juthathip Phaosrichai
5. Miss. Jutamas banjong
6. Mr.Teewasit Jinmon
7. Mr.Kan Tipaka
Year 2022
Organization Pong Industrial and Community Education College
ABSTRACT
This research aims to design and build biodegradable pots from tobacco leaves to
compare the growth of plants grown in biodegradable pots mixed with tobacco leaves
with those grown in pots.no tobacco leaf mix and to study the satisfaction of
the experimental group with the biodegradable pot made from tobacco leaves.
From the experiment of growing white cabbage in both types of pots, which were
biodegradable pots mixed with tobacco leaves. Pots without tobacco leaves It was found
that biodegradable pots mixed with tobacco leaves were effective in cultivating Chinese
cabbage. The growth of Chinese cabbage was higher than that of non-tobacco pots. and
from the experiment, it was found that the cultivated cabbage showed no signs of pests.
From the satisfaction assessment results from both groups of 15 people, it was
found that users Overall, it was at a very satisfied level with a mean ( x ) of 4.46 and
a standard deviation (S.D) of 0.54. When considering satisfaction in each aspect, it was
found that the quality aspect was at the highest level of satisfaction. followed by
the general characteristics at the level of high satisfaction, respectively.
จ
กติ ตกิ รรมประกาศ
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง กระถางย่อยสลายจากใบยาสูบสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เนื่องจากได้รับ
ความกรณุ าการชแ้ี นะ และได้รบั การสนบั สนุนจากวิทยาลัยการอาชีพปงท่ใี ห้การสนับสนนุ ดังกล่าว
ขอขอบพระคุณ ครูโสภณเดชน์ ดนุเชษฐ์ ครูทินมณี พลศิริ ครูจุฑามาศ บรรจง
ครูธีรว์ ศษิ ฐ์ จนิ มอญ และครูกานต์ ทิปะกะ ที่ให้ความอนุเคราะห์ให้ความรู้ในการออกแบบและสร้าง
กระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบจนทำใหอ้ ุปกรณด์ งั กลา่ วเสรจ็ สมบรู ณแ์ บบ
ขอขอบพระคุณ ครูกฤษฎา อน่ิ ต๊บิ และครูจฑุ าทิพย์ เผา่ ศรีไชย ทอี่ ย่เู คียงข้างในการทำโครงงานน้ี
ตั้งแต่การทดลองทุกข้ันตอน การวิเคราะห์ข้อมูล การเขียนรายงานให้สมบูรณ์แบบยิง่ ขึน้ และสละเวลา
ทบทวนเอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ งในโครงงานเล่มน้ี
ขอขอบพระคุณ ครูและบุคลากรทางการศึกษา วิทยาลัยการอาชีพปง และพนักงาน
การประปาส่วนภูมิภาค สาขาจุน หน่วยบริการอำเภอปง ที่อนุเคราะห์ให้นำกระถางย่อยสลายจากใบ
ยาสูบ ในการทดลองประสทิ ธิภาพ
ขอบคุณ นักเรียน นักศึกษา วิทยาลัยการอาชีพปง ที่คอยช่วยเหลือในหลายๆด้าน
ไม่ว่าจะเป็นการหาวัสดุในการทำชิ้นงานจนทำให้โครงงานประสบผลสำเร็จ และขอขอบคุณ
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้งานและตอบแบบสอบถามทำให้ทราบความต้องการของผู้งานยิ่งขึ้น ซึ่งผู้จัดทำ
จะนำขอ้ มลู ดังกล่าวไปพฒั นาให้ดยี ่งิ ขนึ้
ขอขอบคุณ
คณะผจู้ ัดทำ
สารบญั ฉ
บทที่ 1 บทนำ หน้า
1.1 ความเป็นมาและความสำคญั ของโครงงาน 1
1.2 จุดมุง่ หมายของการศกึ ษาคน้ ควา้ 1
1.3 สมมุติฐานของการศกึ ษาค้นควา้ 2
1.4 ขอบเขตของการศึกษาค้นควา้ 2
1.5 ตวั แปร 2
1.6 ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะได้รับ 2
1.7 นยิ ามเชิงปฏิบัตกิ าร 3
3
บทที่ 2 เอกสารทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 4
2.1 ยาสูบ 4
2.2 ขยุ มะพรา้ ว 12
2.3 ฟางข้าว 13
2.4 ท่อ PVC สฟี ้า 14
2.5 วัสดทุ ี่ใช้ในการทำ 15
2.6 เอกสารและงานวิจยั ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง 17
2.7 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั 19
20
บทที่ 3อปุ กรณ์และวิธีการทดลอง 20
3.1 วสั ดุ อุปกรณ์และวิธที ำกระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ 21
3.2 การศึกษาขอ้ มลู 21
3.3 ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง 22
3.4 เครอื่ งมอื ในการวจิ ัยและการตรวจสอบคุณภาพเครอ่ื งมอื 23
3.5 การเก็บรวบรวมขอ้ มูล 24
3.6 การวิเคราะห์ขอ้ มูล 25
25
บทท่ี 4 ผลการศึกษาคน้ ควา้
4.1 ผลการดำเนนิ งานตามวัตถุประสงค์
สารบัญ (ตอ่ ) ช
บทท่ี 5 สรปุ และอภริ ายผลการศกึ ษาคน้ ควา้ 28
5.1 สรุป และอภริ ายผลการศกึ ษาคน้ คว้า 28
5.2 อภปิ รายผล 28
5.3 ประโยชน์ 28
5.4 ข้อเสนอแนะในการทำวิจยั ครัง้ ถดั ไป 29
30
เอกสารอ้างองิ 31
ภาคผนวก 32
ภาคผนวก ก แบบสอบถามความพงึ พอใจ
สารบญั ตาราง ซ
ตารางที่ 4.1 ตารางแสดงลกั ษณะการเจริญของผักกาดขาวจากกระถางแบบที่ 1 หน้า
และแบบที่ 2 26
ตารางที่ 4.2 ความพึงพอใจของกลุ่มผู้ทดลองใชท้ ่ีมตี ่อกระถางย่อยสลายจากใบยาสบู 26
สารบัญรปู ภาพ ฌ
รูปท่ี 2.1 ต้นยาสบู หน้า
รูปท่ี 2.2 ใบยาสูบ 5
รปู ท่ี 2.3 ดอกยาสูบ 5
รปู ที่ 2.4 เมลด็ ยาสบู 6
รปู ที่ 2.5 โรงบม่ ใบยาประเภทบ่มไอรอ้ น 6
รูปที่ 2.6 การบม่ ใบยาประเภทบม่ อากาศ 7
รูปท่ี 2.7 การบม่ ใบยาประเภทบ่มแดด 7
รูปท่ี 2.8 ขยุ มะพรา้ ว 8
รูปท่ี 2.9 ฟางข้าว 12
รูปที่ 2.10 ท่อ PVC สีฟา้ 13
รปู ท่ี 2.11 แปง้ มันสำปะหลัง 14
รปู ที่ 2.12 กาวลาเท็กซ์หรอื กาวขาว 15
รูปที่ 2.13 เรซิน่ 16
รปู ที่ 3.1 วัสดุและอปุ กรณใ์ นการทำกระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ 17
รปู ท่ี 3.2 (ก) ผสมขุยมะพร้าว ใบยาสบู และฟางขา้ ว (ข) นำส่วนผสมจัดลงในแบบพมิ พ์ 20
กระถาง 21
รูปที่ 4.1 กระถางย่อยสลายจากใบยาสบู
25
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ความเป็นมาและความสำคญั ของโครงงาน
ยาสูบเป็นพืชไร่ชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อ เศรษฐกิจของประเทศไทย และใน อ.ปง จ.พะเยา
ถือว่าเป็นพืชทางเศรษฐกิจที่สำคัญในบริเวณท้องถิ่น ประชาชนส่วนใหญท่ ี่มีอาชีพเกษตรกรทำไร่ยาสบู
เป็นจำนวนมาก และในประเทศไทยกระบวนการบ่มใบยา และกระบวนการผลิตใบยาแห้งเพื่อบรรจุ
ลงบรรจุภัณฑ์ ทำให้มีฝุ่นผงใบยาสูบเหลือทิ้งคิดเป็น ปริมาณมากกว่า 1,500 ตันต่อปี โดยท่ีโรงงาน
อุตสาหกรรมยาสบู ยังไม่มีการนำกลบั มาใช้ ประโยชน์ จึงจำเป็นต้องเสยี คา่ ใช้จ่ายในการจ้าง กำจัดด้วย
งบประมาณที่สงู กว่า 3.5 ล้านบาทต่อปี (การยาสบู แหง่ ประเทศไทย, 2563) แต่อย่างไร กต็ าม ในฝุ่นผง
ใบยาสูบมีองค์ประกอบสำคัญ คือ นิโคติน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีคุณสมบัติในการ ป้องกันและกำจัด
แมลงศัตรูพืช โดยนิโคตินจะเข้าสู่ อวัยวะภายในของแมลงศัตรูพืชและทำลายระบบ ประสาทส่วนกลาง
ผ่านการสัมผัสหรือกินเข้าไป นอกจากนี้ สารนิโคตินสามารถสลายตัวได้ง่ายใน ธรรมชาติ (Thacker,
2002) ทำให้มีความปลอดภัย ในปัจจุบันนี้มี การนำฝุ่นผงใบยาสูบมาใช้ประโยชน์ทางด้าน การเกษตร
หลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น งาน วิจัยของ Delibacak and Ongun (2016) ได้ รายงาน
วา่ ปริมาณธาตุอาหารทพี่ บในป๋ยุ หมกั จาก เศษใบยาสูบมีค่าใกลเ้ คียงกบั ปยุ๋ คอก โดยพบธาตุ ไนโตรเจน
และโพแทสเซียมเป็นหลัก ในปริมาณ 2.18 และ 2.69% ตามลำดับ และจากผลการวิจัย สามารถสรุป
ได้ว่า ปุ๋ยหมักจากเศษใบยาสูบ เป็น วัสดุปรับปรุงดินที่ช่วยเพิ่มธาตุอาหาร ปริมาณอิน ทรียวัตถุ
และส่งเสริมการเจริญเติบโตให้กับพืชที่ ปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในงานวิจัย
ของ Booker et al. (2010) ได้รายงานว่า น้ำมัน ชีวภาพ (Bio-oil) ที่สกัดจากผงใบยาสูบ โดยใช้
กระบวนการไพโรไลซิสที่สภาวะแตกต่างกัน มีฤทธิ์ ในการฆ่าด้วงงวงมันฝรั่ง ( Leptinotarsa
decemlineata L.) ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ในปัจจุบันนี้ กระถางต้นไม้ที่ผลิตจากวัสดุ ธรรมชาติเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความ
นิยมจากผู้บริโภค เนื่องจากมีคุณสมบัติเด่นในด้าน การรักษาความชุ่มชื้นให้กับดิน ระบายอากาศได้ดี
ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ และยังเป็นการนำวัสดุ เหลือทิ้งมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ช่วยลดปัญหา
มลภาวะทางสิ่งแวดล้อม ทำให้ในปัจจุบันมีผู้ประดิษฐ์คิดค้นกระถางต้นไม้จากวัสดุธรรมชาติ และข้ึน
ทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาหลายฉบับ ไดแ้ ก่ กระถางสำหรบั เพาะปลูกสำเร็จรูปจากเศษ วัสดุเหลือทิ้ง
ทางการเกษตร (วรพงษ์, 2549) กระถางต้นไม้จากใยมะพร้าว (จิตต์บูรณ์, 2546; อุษา, 2546) เป็นต้น
ซึง่ กระถางตน้ ไมจ้ ากวสั ดุ ธรรมชาตดิ ังที่กลา่ วมา ล้วนแลว้ แต่มีคุณสมบตั ใิ น การยอ่ ยสลายและ
2
ปลดปล่อยธาตุอาหารให้กับพืชได้ แต่ยังขาดคุณสมบัติในการป้องกันการเข้าทำลายของแมลงศัตรูพืช
ดงั น้ัน วตั ถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนากระบวนการผลติ กระถางต้นไม้ โดยใชฝ้ ุ่นผงใบยาสูบเปน็ วัตถุดิบหลัก
ร่วมกับฟางข้าว และขุยมะพร้าว ซึ่งล้วนแต่เป็นวัสดุที่มาจากธรรมชาติ มีการแปรผัน อัตราส่วนของ
วัตถุดิบ และทดสอบสมบัติทางกล ของกระถางต้นไม้ ได้แก่ คา่ ความแข็งแรง และคา่ ความหนาแน่นรวม
เพื่อให้ไดอ้ ัตราส่วนผสมของวัตถุดิบทีเ่ หมาะสม แล้วจึงทดสอบการใชง้ านเบื้องต้นของกระถางต้นไมใ้ น
ภาคสนาม โดยนำกระถางต้นไมจ้ ากฝนุ่ ผงใบยาสูบไปทดสอบปลูกผักกาด เก็บขอ้ มลู ดา้ นน้ำหนักสดของ
ผกั กาด และการเข้าทำลายของแมลงศตั รูพืช ผลทีไ่ ด้จากโครงงานนจ้ี งึ สามารถนำไปใช้เปน็ ขอ้ มูลพ้ืนฐาน
ในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์กระถางต้นไม้จากฝุ่นผงใบยาสูบเหลือทิ้ง เพื่อประยุกต์ใช้ในการ
ผลิตเชงิ พาณชิ ยไ์ ด้
1.2 จดุ มุ่งหมายของการศกึ ษาค้นควา้
1.2.1 เพื่อออกแบบและสร้างกระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ
1.2.2 เพอ่ื เปรยี บเทียบการเจริญเตบิ โตของพืชที่ปลกู ในกระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบกบั
ทป่ี ลูกในกระถางยอ่ ยสลายได้
1.2.3 เพอื่ ศึกษาความพงึ พอใจของกลุ่มผู้ทดลองใชท้ ม่ี ตี อ่ กระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบ
1.3 สมมตุ ิฐานของการศกึ ษาค้นควา้
กระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบสามารถนำมาปลกู พืชได้ มีความแข็งแรงมากว่าทีป่ ลูกในกระถาง
ยอ่ ยสลายได้ และไม่มแี มลงรบกวนการเจรญิ เติบโตของพืชทป่ี ลูก
1.4 ขอบเขตของการศึกษาค้นควา้
1.4.1 ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการทดลองตง้ั แตว่ ันที่ 1 มิถุนายน ถึง วันที่ 30 กนั ยายน 2563
1.4.2 สถานท่ีในการผลติ และรวบรวมเอกสาร ณ วทิ ยาลยั การอาชพี ปง ตำบลนาปรงั อำเภอปง
จังหวดั พะเยา
1.4.3 ศึกษาคุณสมบัติของใบยาสูบ การผลิตกระถางท่ีมาจากวัสดุทางธรรมชาติ ทฤษฎี งานวิจัย
ท่เี กี่ยวขอ้ งกับขน้ั ตอนการทำกระถางจากใบยาสูบโดยค้นควา้ จากหนงั สอื ตำรา และส่ือออนไลนต์ า่ งๆ
1.5 ตวั แปร
ตัวแปรต้น คอื ชนิดของกระถางย่อยสลาย
1. กระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ
2. กระถางยอ่ ยสลาย
ตัวแปรตาม คือ การเจริญเติบโตของพืชท่ใี ช้ปลูก
ตวั แปรควบคุม คอื พืชท่ใี ช้ปลูก, ปรมิ าณนำ้ ท่รี ด, ชว่ งเวลาในการรดนำ้
3
1.6 ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะได้รับ
1.6.1 ได้กระถางย่อยสลายจากใบยาสูบทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพปลกู พชื และไมม่ แี มลงมารบกวน
1.6.2 ลดต้นทุนการผลติ วัสดุหาได้ในท้องถิน่
1.6.3 สามารถนำไปเผยแพร่แกช่ ุมชนและสถานศกึ ษา ส่งเสรมิ การประกอบอาชีพของชุมชนได้
1.7 นยิ ามเชิงปฏิบตั ิการ
1.7.1 กระถาง หมายถึง ภาชนะปากกว้าง มีรูปต่างๆ สำหรับปลูกต้นไม้หรือใส่น้ำ และอื่นๆ
1.7.2 ใบยาสบู หมายถึง พืชใบเด่ียวออกเรียงสลบั ใบเปน็ สีเขยี วมีขนาดใหญ่และหนา
บทที่ 2
เอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ ง
ในการทำโครงงานครัง้ น้ี กลุ่มผ้ทู ำโครงงานได้ศกึ ษาหลักการ แนวคดิ วทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
และวัสดุที่ใช้ในการออกแบบและสร้างกระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสบู ดงั มรี ายละเอียดดงั ต่อไปน้ี
2.1 ยาสบู
2.2 ขยุ มะพร้าว
2.3 ฟางข้าว
2.4 ป๋ยุ คอก
2.5 ทอ่ PVC สีฟ้า
2.5 วัสดุทีใ่ ช้ในการทำ
2.6 เอกสารและงานวจิ ยั ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง
2.7 กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย
2.1 ยาสบู
ยาสูบจัดอยู่ในวงศ์ Solanaceae ซึ่งเป็นวงศเ์ ดียวกบั พรกิ มะเขอื มะเขือเทศ และมนั ฝรั่ง ยาสูบ
มสี ารนโิ คติน (nicotine)ที่มสี ูตรทางเคมี C10H14N2สารนไี้ ดจ้ ากการสงั เคราะห์ในส่วนราก โดยพบมาก
ในส่วนของใบ ยาสูบที่สำคัญมี 2 ชนิด (species) คือ Nicotiana tabacum ที่มีพ้ืนที่ปลูกถึงร้อยละ 90
ของพ้ืนท่ีปลกู ยาสูบทัว่ โลก ส่วนของใบมีสารนิโคติน 0.18-11.00 เปอรเ์ ซน็ ต์ นำไปใช้ทำผลติ ภัณฑ์ยาสูบ
ทั้งหมด ชนิดที่ 2 คอื Nicotiana rustica มีปรมิ าณนโิ คตินในใบสูง นำไปใช้ในการทำสารฆา่ แมลง ยาฉุน
และยาเคี้ยวยาสูบมีลักษณะพิเศษต่างจากพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น โดยส่วนที่ใช้เป็นผลผลิตคือใบซึ่งไม่ได้
นำมาใช้เป็นอาหารแต่ใชบ้ ริโภคโดยการสูบ สูดหรอื เคย้ี ว โดยยาสูบเป็นพชื ทม่ี ีความสำคัญทางเศรษฐกิจ
และการคลงั และมีลกั ษณะเปน็ ยาเสพตดิ
ยาสูบประเภทแรกท่นี ำมาใช้ประโยชน์คอื Nicotiana rustica เป็นยาสบู ที่มีใบเลก็ รสฉนุ และขม
ในการสูบต้องใช้กล้องยาสูบ โดยที่คำว่า tobacco ดัดแปลงมาจากภาษาพื้นเมืองของอินเดียนแดง
ที่หมายถึงกล้องยาสูบ ส่วนยาสูบที่ใช้ในปัจจุบันเรียกว่า common tobacco (Nicotiana tabacum)
ในประเทศไทยมีการปลูกยาสูบตั้งแต่ประมาณปลายศตวรรษที่ 16 ยาสูบที่ปลูกนั้นมีลักษณะเป็น
พันธุ์พื้นเมือง ส่วนมากปลูกในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเนื้อที่ทั่วประเทศท่ี
ปลูกยาสูบพื้นเมืองมากกว่ายาสูบประเภทอื่น ใบยาสูบพื้นเมืองส่วนใหญ่นำมาใชภ้ ายในประเทศเทา่ นนั้
ใน พ.ศ 2478 บริษัท British American tobacco (B.A.T) ได้นำวิธีการปลูกและการผลิตยาสูบ
เวอรย์ เิ นีย เขา้ มาเผยแพร่ในประเทศไทย แต่ใน พ.ศ.2482 รฐั บาลไทยได้ซื้อกิจการยาสูบทั้งหมด ต่อมา
ในช่วง พ.ศ. 2501-2502 เริ่มมีการปลูกยาสูบเบอร์เลย์ ที่จังหวัดสุโขทัย และยาสูบเตอร์กิชที่จังหวัด
รอ้ ยเอด็
5
2.1.1 ลกั ษณะของตน้ ยาสบู
1. ต้นยาสูบ มีถน่ิ กำเนิดในเขตร้อนของทวีปอเมรกิ า จดั เป็นไม้ล้มลุก เป็นไม้เนื้ออ่อนต้น
อวบ และตั้งตรง ลำตน้ ประกอบด้วยขอ้ และปลอ้ งท่ไี มม่ กี ารแตกกงิ่ ก้าน สว่ นโคนของลำตน้ มลี ักษณะเป็น
ไมเ้ น้อื แข็ง ลำต้นปกคลุมดว้ ยขนออ่ นจำนวนมาก ทกุ สว่ นของตน้ มีตอ่ มน้ำยางเหนียว มีความสูงประมาณ
0.6-2 เมตร ขึ้นกับประเภทและพันธุ์มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5-6 เซนติเมตร ต้นยาสูบเป็นพรรณไม้
กลางแจง้ ท่ีขยายพนั ธโุ์ ดยใช้เมล็ด เจรญิ เติบโตได้ดใี นดินรว่ นซุยทีต่ อ้ งการความช้นื ปานกลาง
รูปท่ี 2.1 ตน้ ยาสูบ
(https://tinyurl.com/2bn9mggt)
2. ใบยาสูบ เปน็ ใบเดย่ี ว ออกเรียงตรงขา้ มกนั เป็นคู่ ๆ ไปตามข้อต้น ลกั ษณะของใบเป็น
รูปไข่กลับหรือรูปไข่แกมขอบขนาน มีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับลำต้น มีความยาวประมาณ 2 เท่า
ของความกว้าง ใบมีความยาว 5-75 เซนติเมตร และยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ
ท้องใบและหลังใบมีขนอ่อน ๆ ปกคลุมอยู่ส่วนมากไม่มกี ้านใบ ระหว่างมุมใบกับลำต้นจะพบตา ซึ่งเมือ่
เด็ดยอดหรือออกดอกกจ็ ะเจริญเปน็ หน่อ ใบจัดเรียงแบบเวียนรอบลำต้นพบทง้ั การเวียนทัง้ แบบตามและ
ทวนเขม็ นาฬิกา โดยสว่ นมากเปน็ การเวยี นแบบตามเข็มนาฬิกา แต่ละต้นมีจำนวนใบท้ังหมด 20-30 ใบ
รปู ท่ี 2.2 ใบยาสบู
(https://tinyurl.com/2xwplsg4)
6
3. ดอกยาสูบ ยาสูบมีช่อดอกแบบ panicle เจริญที่ปลายยอด เป็นพืชผสมตัวเอง ดอก
เป็นแบบสมบูรณ์เพศรูปร่างแบบแตรปากกว้างมีเกสรตัวผู้ 5 อัน โดยส่วนของอับละอองเกสร 2 คู่
อยู่ในระดับเดยี วกับกลีบดอกและส่วนรองรับละอองเกสรของเกสรเพศเมีย ส่วนอับละอองเกสรอนั ท่ี 5
จะอยู่ต่ำลงมา มีการผสมข้ามเพียงเพียง 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยมีนก แมลง หรือลมเป็นพาหะ ออก
ดอกเป็นช่อยาวขึ้นไป โดยจะออกตรงส่วนของปลายยอด โดยดอกจะบานจากส่วนล่างไปหาส่วนบน
ตามลำดบั ดอกยอ่ ยเป็นสชี มพูออ่ นเกือบขาวหรอื เปน็ สแี ดงเรอ่ื ๆ มกี ลีบดอก 5 กลบี โคนกลีบดอกเช่ือม
ติดกันเป็นรูประฆัง ปลายกลีบแหลม มีขนสีขาวปกคลุม ส่วนกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียว ปลายแยกเป็น
แฉกแหลมและมีขน
รปู ท่ี 2.3 ดอกยาสูบ
(https://tinyurl.com/23gz4hkg)
4. ผลและเมล็ด ผลเป็นแบบ capsule โดยแบ่งเป็น 2 locule ผลเป็นผลแห้งแบบ
แคปซูล ลักษณะของผลเปน็ รปู ขอบขนาน ผลอ่อนเป็นสีเขยี ว เม่อื แก่จะเปล่ียนเปน็ สีนำ้ ตาลและแตกออก
ได้ ภายในผลมีเมลด็ สนี ้ำตาลขนาดเลก็ อยู่เป็นจำนวนมาก อาจมจี ำนวนเมล็ด 2,000-8,000 เมลด็ เมล็ด
ยาสบู 1 กรมั มีจำนวน 10,000-12,000 เมลด็
รูปที่ 2.4 เมลด็ ยาสบู
(https://tinyurl.com/2bn9mggt)
7
5. ราก ยาสูบขยายพนั ธุ์โดยใชเ้ มลด็ มีระบบรากแกว้ (tap root system) แตใ่ นการปลูก
ยาสูบจะมีการเพาะและย้ายต้นกล้า ซึ่งจะทำให้รากแก้วขาด ต้นยาสูบที่เจริญต่อมาจึงมีรากที่มี
การเจริญเป็นแบบรากฝอยโดยสามารถแผ่ไปได้ถึง 120 เซนติเมตรจากโคนต้น แต่ในสภาพการปลูก
ทมี่ ีหน้าดินช้นื หรอื ไถตลอดจนมีการระบายน้ำไมเ่ หมาะสม จะมกี ารเจริญของรากนอ้ ย
2.1.2 ประเภทของยาสูบ
1. แบ่งตามกรรมวิธกี ารบม่ ยา โดยแบง่ ชนิดของยาสบู ดงั นี้
1) ยาสูบบ่มด้วยไอร้อน (flue-cured) เป็นยาสูบที่บ่มโดยอาศัยความร้อนจาก
ไอร้อนที่ผ่านไปตามท่อ เพื่อป้องกันไม่ให้ใบถูกควันไฟโดยตรง ยาสูบชนิดนี้ที่ปลูกในประเทศไทย
คอื ยาสบู เวอรย์ เิ นยี
รปู ท่ี 2.5 โรงบ่มใบยาประเภทบม่ ไอรอ้ น
(https://tinyurl.com/2yak5tys)
2) ยาสูบบ่มด้วยอากาศ (light air-cured) เป็นยาสูบที่บ่มโดยการตากไว้ในโรงบ่ม
ที่มอี ากาศถ่ายเทดี ยาสูบชนิดนท้ี ีปลูกในปะเทศไทยคอื ยาสบู เบอรเ์ ลย์
รปู ที่ 2.6 การบ่มใบยาประเภทบม่ อากาศ
(https://tinyurl.com/25h9ewhx)
8
3) ยาสูบบ่มด้วยแสงแดด (sun-cured) เป็นยาสูบที่บ่มโดยการตากแดดหรือผึ่งลม
ยาสูบที่มีการบ่มประเภทนี้ในประเทศไทย คือ ยาสูบเตอร์กิช (Aromatic tobacco และ Oriental
tobacco) และยาสูบพ้ืนเมอื ง
รูปที่ 2.7 การบ่มใบยาประเภทบ่มแดด
(https://tinyurl.com/22m6dhnb)
2. แบ่งตามสภาพแวดล้อมที่เหมาสม กรมสรรพสามิตได้กำหนดจังหวัดที่สามารถปลูก
ยาสบู โดยแบ่งชนดิ ของยาสบู ดงั นี้
1) เวอร์ยเิ นยี โดยจงั หวดั ทไี่ ด้ทำการปลูกได้แก่ เชยี งใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง
ลำพูน แม่ฮ่องสอน หนองคาย น่าน แพร่ นครพนม อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ และสโุ ขทัย รวม 13 จงั หวดั
2) เบอร์เลย์ โดยจังหวัดที่ได้ทำการปลูกได้แก่ สุโขทัย เพชรบูรณ์ และอุตรดิตถ์
รวม 3 จงั หวดั
3) เตอร์กิช โดยจังหวัดที่ได้ทำการปลูกได้แก่ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สกลนคร
นครพนม กาฬสนิ ธ์ุ ยโสธร อบุ ลราชธานี ชยั ภูมิ ขอนแกน่ บุรรี ัมย์ ศรีสะเกษสุรนิ ทร์ นครสวรรค์ และเลย
รวม 14 จังหวดั
2.1.3 องคป์ ระกอบทางเคมีและคณุ ภาพของใบยาสบู
จากเอกสารวิชาการฝ่ายวิจัยโรงงานยาสูบกระทรวงการคลัง (2523) สามารถแบ่ง
องคป์ ระกอบทางเคมขี องใบยาสบู เป็นหมยู่ อ่ ยไดด้ ังนี้
1. ไนโตรเจน สารประกอบไนโตรเจนในใบยาสูบมีอยู่หลายชนิดอาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม
คือโปรตีนไนโตรเจน (ไม่ละลายน้ำ) และไนโตรเจน (ละลายน้ำ) ได้แก่ แอลคาลอยด์ทั้งหมดกรดอะมิโน
เอมีนไนเตรทและแอมโมเนีย ในทนี่ จ้ี ะกลา่ วถงึ สารประกอบไนโตรเจน 2 ชนดิ คือไนโตรเจนและนโิ คตนิ
นิโคติน หมายถึง ปริมาณแอลคาลอยด์ทั้งหมดคํานวณในรูปของนิโคตินเพราะ
นโิ คตินเปน็ แอลคาลอยด์ชนดิ เดยี วทม่ี อี ยู่ถงึ ร้อยละ 90 ขนึ้ ไปของแอลคาลอยด์ทง้ั หมดในใบยา
ปริมาณไนโตรเจนและนิโคตินในใบยามีความสำคัญกับคุณภาพควันบารากู่
ในทางกลิน่ รสและความชวนสูบถ้าปรมิ าณนโิ คตินมากแสดงถงึ ว่าใบยาสบู นน้ั มกี ล่นิ ฉุนแต่ถ้ามากเกินไป
9
จะมีรสชาติแสบคอเนื่องจากควันด่างของนิโคตินและแอมโมเนียซึ่งนิโคติน จะถูกสังเคราะห์ขึ้นที่ราก
ของตน้ ยาสบู แลว้ ส่งไปสะสมทีใ่ บและกา้ นดังน้นั ปรมิ าณนิโคตินจะมากหรอื น้อยขนึ้ อยู่กับ
1) พันธุย์ าสบู ซงึ่ แตล่ ะพนั ธุ์ให้ปรมิ าณนิโคตินต่างกัน
2) ธาตุอาหารไนโตรเจนที่ต้นยาสบู ไดร้ ับถา้ มีมากปรมิ าณนโิ คตินก็จะมากขึน้ ด้วย
3) ความเสียหายของรากยาสูบอันเนื่องมาจากน้ำในดินมากเกินไปเป็นโรครากปม
เนอ่ื งจากไส้เดอื นฝอยหรือโรคอืน่ ทีท่ ำให้ปริมาณนิโคตนิ เพ่ิมขึ้น
4) ความชื้นในดินเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการควบคุมการเจริญเติบโตและปริมาณ
นิโคตินในใบยาสูบระดับความชื้นตํ่าการเจริญเติบโตช้าลงขนาดใบเล็กลงทำให้ปริมาณนิโคตินในใบยา
เพมิ่ ขนึ้ ตรงกันข้ามระดบั ความช้ืนสูงช่วยเร่งการเจริญเติบโตขนาดใบโตข้นึ และอาจเปน็ ไปได้ท่ีไนโตรเจน
ในดินน้อยลงเพราะถูกชะล้างไปเสยี บ้างจึงทำใหป้ รมิ าณนิโคตนิ ลดลง
5) ระดบั ความแกส่ กุ ของใบยาใบยาแก่จะมปี รมิ าณนโิ คตนิ สูงข้ึนเล็กนอ้ ย
6) ตำแหน่งใบยาบนลำตน้ ปริมาณนิโคตนิ สูงขึ้นจากโคนต้นไปยังยอดต้นนอกจากน้ี
ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ปริมาณนิโคตินมากน้อยได้ เช่น การเว้นระยะปลูกการพรวนดินการถ่ายเท
อากาศในดินความลึกของดนิ ผลผลิตต่อไร่แสงสว่างและอณุ หภูมิ
2. คาร์โบไฮเดรท คาร์โบไฮเดรทเป็นองค์ประกอบที่มีปริมาณมากที่สุดในใบยา
คือประมาณรอ้ ยละ37 ของน้ำหนักใบยาแห้งประกอบดว้ ยสารประกอบ 3 กลมุ่ ใหญ่ คือ
1) รีเซิฟคาร์โบไฮเดรท มีแปง้ เดก็ ซ์ ตรนิ มอลโทส ซูโคส กลโู คส และฟรุคโตส
2) เฮมเิ ซลลูโลส ส่วนใหญม่ เี พค็ ตินและเพ็นโตซาน
3) คาร์โบไฮเดรทที่ ใช้เป็นโครงสร้างของใบและผนังเซลล์ ได้แก่ เซลลูโลส
และลิกนิน
3. กรดอินทรีย์ กรดอินทรีย์ในใบยาสูบกรดอินทรีย์ ประกอบด้วยกรดชนิดต่าง ๆ
หลายสิบ ชนดิ แบ่งออกได้เปน็ 2 กล่มุ ดงั นี้
1) กรดไม่ระเหย มีอยู่ร้อยละ 90 ของกรดทั้งหมดในใบยา ได้แก่ กรดมาลิค
กรดซิตรคิ กรดอ๊อกซาลิค และกรดมาโลนิค ฯลฯ
2) กรดระเหย ส่วนใหญ่เป็นกรดอะซิตริค กรดฟอร์มิค กรดแอลฟาเมธิลบิวไทริค
กรดไอโซวาเลอริค และกรดเฟนนลิ อะซิติค ฯลฯ
กรดทั้ง 2 กลุ่มข้างต้นนี้ปรากฏอยู่ในใบยาสูบตามธรรมชาติในรูปอิสระและรูปของ
เกลือแคลเซียม แมกนีเซียม และโปแตสเซียม ความเป็นกรดของใบยาวัดได้จากค่า pH ของใบยา
มีช่วงระหว่าง 5.0 – 6.5 ซึ่งหมายความว่าเป็นกรดอย่างอ่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาหารธาตุต่าง ๆ
ที่ตน้ ยาสบู ได้รบั และความสกุ ของใบยา
4. แร่ธาตุในใบยา ธาตุอาหารที่ปรากฏอยู่ในใบยาสูบแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 ต้นยาสูบต้องการเป็นจำนวนมาก ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส
โพแตสเซยี ม แมกนเี ซียมแคลเซยี ม และกํามะถนั
10
ประเภทที่ 2 ต้นยาสูบต้องการเป็นจำนวนน้อย ได้แก่ เหล็ก แมงกานีส โบรอน
ทองแดง สงั กะสี คลอรนี โซเดยี ม วลิ ิกอนและโมลบิ ดนิ มั
ประเภทท่ี 3 คือ แร่ธาตุที่เป็นโครงสร้างได้แก่ คาร์บอน ไฮโดรเจนและออกซิเจน
ธาตุอาหารที่ปรากฏอยู่นอกจากแสดงถึงความเจริญเติบโตของต้นใบยาสูบแล้วยังมีความสัมพันธ์
กบั คณุ สมบัตใิ นการเผาไหม้ของใบยา
5. สารหอมในใบยา สารหอมระเหยในใบยาเป็นสารประกอบเชิงซ้อนกลุ่มใหญ่เกิดข้ึน
ในใบยาตามธรรมชาติ ประกอบด้วย น้ำมันหอมระเหยเรซิน (ยาง) และแวกซ์ (ขี้ผึ้ง) สารทั้งหมดน้ี
เกิดจากต่อมทีข่ นของใบยาสด มีลักษณะเปน็ ยางเหนียวสารหอม เช่น เรซิน เมื่อเผาไหม้จะแตกตัวออก
ให้สารระเหย การเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เกิดขึ้นระหว่างกรรมวิธีการผลิต เช่น การบ่มและการเก็บ
ใหไ้ ด้อายุจะชว่ ยใหเ้ กิดสารหอมระเหยบางอยา่ งไดอ้ กี
6. องค์ประกอบฟีนอลลิค เป็นองค์ประกอบเคมีหมู่ใหญ่อีกหมู่หนึ่งมี ประมาณร้อยละ
6.5 ของน้ำหนักใบยาแหง้ ประกอบดว้ ย ฟนี อลลิคส่วนมากและฟีนอลลคิ ส่วนนอ้ ยกล่าว คือ
1) โปลีฟีนอลส่วนมาก ได้แก่ คลอโรเจนิคแอซิด ร้อยละ 3 รูติน ร้อยละ 1 และ
สโคโปเลติค ร้อยละ 0.03สารเหล่านี้จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของใบยาสูบบนลำต้นและ
ความสุกแก่ของใบยา โดยเฉพาะคลอโรเจนิคแอซิคจะมีมากในใบยาชั้นดี ซึ่งหมายถึง ในใบยาส่วนบน
ของลาํ ต้นและใบยาแกเ่ ต็มที่
2) ฟีนอลลิคส่วนน้อยซึ่ง ได้แก่ ฟีนอลระเหยง่าย เป็นฟีนอลที่ให้ความหอมแก่ควนั
โดยตรงฟีนอลเหลา่ นี้ แกไ่ ด้ ซมิ เปลิ ฟนี อล ยเู กนอล ไกวคอล และเครซอล เป็นตน้
7. คลอโรฟิลล์และพิกเมนท์อื่น ๆ พิกเมนท์หรือเม็ดสีในใบยาสูบคล้ายกับของพืชอื่น
โดยทั่วไปประกอบด้วย สีเขียวของคลอโรฟิลล์เอ และคลอโรฟีลล์ บี สีเหลืองของแคโรทีนและ
แซนโทฟีล ซึ่งสีเหลืองทั้งสองนี้มักเรียกรวมกนั ว่า “แคโรทีนอยด์” ความเข้มและความสดใสของสีเขียว
ในใบยาสดข้นึ อยูก่ บั พันธ์ยุ าสบู ธาตุอาหารทต่ี ้นยาสบู ได้รบั และความแก่สุกของใบยา
2.1.3.8 เอนไซม์ ที่พบว่าปรากฏอยู่ในใบยาสูบเช่นโปรทีนส์ (proteines) ไลเปส (lipase)
อะมีเลส (amylase) อินเวอร์เทส (invertase) ฟอสฟาเทส (phosphatase) แพ็คเทส (packtase)
ออ็ กซิเดส (oxydase) รดี ักเทส (reductase) ฯลฯ ปฏกิ ิรยิ าของเอนไซม์ทส่ี ําคัญคอื ช่วยเปล่ียนแปลงแป้ง
เปน็ น้ำตาลในระหว่างการบ่มและการย่อยโปรตีน เป็นกรดอะมิโน 10
2.1.4 สรรพคุณของยาสบู
1. ใบยาสูบมีรสเผ็ดร้อนเมาเบื่อฉุน เป็นยาระงับประสาท ทำให้นอนหลับ ทำให้ผอม
เพราะมสี ารสงบประสาทท่ีไประงบั ความอยากอาหาร
2. ใบยาสบู ใช้ทำเปน็ ยาเส้นผสมกับปนู แดงและใบเนียม ใชป้ รุงยานัตถุแ์ ก้หวดั คดั จมูก
3. ใบช่วยแก้หอบหืด, ขับเสมหะ, ทำให้อาเจียน, ขับพยาธิในลำไส้, ขับปัสสาวะ, แก้นว่ิ
เป็นยาสมานบาดแผล, เลือด, แกพ้ ิษงู, แก้ลมพษิ
11
4. ยาเสน้ ใช้เป็นยาถอนพิษ รกั ษาแผลนำ้ ร้อนลวก ดว้ ยการใช้ยาเสน้ หรอื ยาตง้ั 1 หยิบมือ
นำมาคลกุ กับนำ้ มันมะพรา้ วปดิ บรเิ วณทถ่ี ูกนำ้ รอ้ นลวก จะชว่ ยถอนพิษได้
5. รากและใบใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน เรื้อนกวาง ผื่นคัน หิด ส่วนอีก
วิธีใช้ยางสดี ำ ๆ ในกลอ้ งสูบยาของจีน ใชใ้ ส่แตม้ แผล แก้หิดได้ดีมาก หรือนำมาใช้เค่ียวกับน้ำมนั ทารักษา
โรคผิวหนงั ตา่ ง ๆ
6. ใบใช้รักษาเหา ให้ใช้ใบยาสูบแก่ที่ตากแห้งแล้ว 1 หยิบมือ นำมาผสมกับน้ำมันก๊าด
ประมาณ 3-4 ช้อนแกง แล้วใช้ชโลมทั้งน้ำและยาเส้นลงบนผมทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วสระออก
ใหส้ ะอาด โดยใหท้ ำติดต่อกันประมาณ 3-4 วัน
7. ใบชว่ ยแก้ปวด ลดอาการบวม แกป้ วดขอ้ ปวดศรี ษะ ปวดฟนั
8. ชาวอนิ เดียนพื้นเมอื งจะใช้ใบยาสูบเป็นยาแก้ปวด โดยเฉพาะการปวดทอ้ งคลอด ด้วย
การนำมาสบู กิน หรอื ใชเ้ ปน็ ยานตั ถ์ุ
9. ในทางยานิโคตินถูกนำมาใชเ้ ป็นยาแกไ้ ขม้ าลาเรีย แก้โรคทางเดินปสั สาวะอักเสบ
10. สารนิโคตินในบุหรี่ก็สามารถเป็นยาได้ ทำให้คนที่เป็นโรคพาร์กินสัน โรคจิตเภท
โรคอัลไซเมอร์ ฯลฯ ทำงานดีขึ้น เพราะสมองจะขาด Dopamine แต่สารนิโคตินนั้นสามารถไปกระตุน้
การหลั่ง Dopamine ได้ ทำให้คนที่เป็นอัลไซเมอร์มีความจำดีข้ึน ส่วนคนที่เป็นโรคพาร์กินสันร่างกาย
กจ็ ะไมก่ ระตุกมาก เปน็ ตน้
2.1.7 ประโยชน์ของยาสบู
1. ใบอ่อนจะนำมาใชม้ วนบุหร่ีและใชท้ ำซิการ์
2. ใบแก่จะนำมาทำเป็นยาเส้นยาตั้ง ยาฉุน และใช้มวนบุหรี่ ชาวกะเหรี่ยงจะใช้ใบแก่
นำมาซอยให้เป็นฝอยแลว้ ตากแห้ง พนั ด้วยใบตองแหง้ ใช้เป็นยาสูบ หรือใช้เปน็ ไสบ้ ุหร่ีข้ีโย
3. ในส่วนของยาตั้งนั้นหากนำมาผสมกบั น้ำมันก๊าดแล้วนำมาใส่ผมกจ็ ะเป็นยาฆ่าเหาได้
โดยให้ใส่ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ให้ทำวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันประมาณ 2-3 วัน เหาก็จะหาย แต่ต้อง
ระวงั อย่าใหย้ าเข้าตาได้
4. ใบมีสารนิโคตินอยู่ประมาณ 7% ละลายได้ง่ายในน้ำ แอลกอฮอล์ และอีเทอร์ ใช้ทำ
เป็นยาฉดี ฆา่ แมลงและเพล้ียตา่ ง ๆ ได้เปน็ อยา่ งดี เพราะจดั เปน็ สารพิษชนดิ หนึง่ (การผสมใหใ้ ช้นโิ คตนิ 1
ส่วน สบู่อ่อน 20 ส่วน ในน้ำ 2,000 ส่วน) ยานี้มีพิษแรง การนำมาใช้ต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกผิวหนัง
เพราะจะซึมเข้าไปและเป็นพิษมาก
5. ใบใชท้ าภายนอกเพอ่ื ป้องกนั ทากและปลิงเกาะได้
6. ใบเอาไปใส่ไว้ในรังไก่ เพื่อช่วยไล่ไรไก่ หรือนำมาตำแล้วแช่ในน้ำ ใช้ฉีดพ่นไรไก่
(คนเมอื ง)
7. ใบนำมาคั้นเอาแต่นำ้ ใชท้ าผวิ หนังวัวควายทเ่ี ป็นหนอง (กะเหร่ียงแดง)
12
8. ชาวอินเดียนพน้ื เมืองถอื ว่ายาสูบเปน็ ของศกั ดสิ์ ิทธิ์ มีการสูบยาเปน็ ประเพณีเพื่อแสดง
ความเป็นมิตร และใบยาสบู เปน็ ของท่มี รี าคาทีใ่ ชแ้ ทนเงินได้อีกดว้ ย
2.2 ขยุ มะพร้าว
รปู ท่ี 2.8 ขยุ มะพรา้ ว
(https://tinyurl.com/2azeggkx)
ขุยมะพร้าว คือ เปลือกมะพร้าวที่ปั่นเอาใยออก หรือ ปั่นให้ใยละเอียด เป็นขุย ๆ ละเอียด
ประมาณเมด็ ทราย แหง้ สนิท (ไม่ไชเ่ ปลือกสบั ) เป็นเศษเหลือของโรงงานทำเส้นใยมะพรา้ วซึ่งไดท้ ุบ กาบ
มะพร้าวเพื่อนำเส้นใยไปทำเบาะนั่ง เศษเหลือเหล่านี้ เป็นผง ๆ มีคุณสมบัติเบา อุ้มน้ำได้ดี และเก็บ
ความชื้นไว้ได้นาน เมื่อจะใช้ต้องพรมน้ำให้ขุยมะพร้าวมีความชื้นพอเหมาะ ไม่แฉะ และไม่แห้งเกินไป
เหมาะสำหรับ การคว่ันตอนก่งิ ไม้ เพ่อื เพาะชำต้นไม้ เปน็ วัสดทุ ่ีมีความจำเป็นในการขยายพันธ์ุพืชในยุค
ปัจจบุ นั นี้ ซึง่ มีคุณสมบตั ทิ างการเกษตรอ ดงั น้ี
1. การผสมเปน็ ป๋ยุ หมัก ปลกู พืชผกั ต้นไม้ ไม้ดอกไม้กระถาง
2. ดนิ ทรายชว่ ยอุม้ นำ้ ไดด้ ี ส่วนดินเหนยี วชว่ ยซบั น้ำไดด้ ี
3. ผสมเป็นดินเพาะปลกู ไมก้ ระถาง
4. ใช้ในการขยายพนั ธพ์ุ ชื ทุกชนิด
5. ผสมกับดินปลูก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือแกลบดำ ใส่ให้กับต้นต้นพืชที่จะติดตาเพื่อให้กง่ิ
หรือต้นอวบ อ้วนเพอื่ ใชใ้ นการติดตา
6. ผสมกับดนิ ปลูก ป๋ยุ หมกั ปยุ๋ คอก หรอื แกลบดำ ใสใ่ ห้กับตน้ พืชท่ีจะทำการเสียบก่ิงทำ
ใหก้ ง่ิ หรอื ตน้ อวบอว้ นเพือ่ ใชใ้ นการเสียบกิ่ง ตอ่ ยอด เสยี บ
13
2.3 ฟางขา้ ว
รูปที่ 2.9 ฟางขา้ ว
(https://tinyurl.com/27a86zwd)
ฟางข้าว เป็นอินทรีย์วัตถุที่มีประโยชน์สูงควรเก็บไว้ในนาข้าว โดยเฉพาะนาเขตชลประทาน
ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ทำนา 2-3 ครั้งต่อปี ที่ผ่านมาฟางข้าวมักจะถูกนำออกจากนาหรือเผาท้ิง
โดยไม่มีการ เพิ่มอินทรียวัตถุกลับคืนให้กับดินนา ทำให้ดินเสื่อมคุณภาพขาดความสมบูรณ์ แม้ว่าจะมี
การเพมิ่ ความอดุ ม สมบูรณ์ใหแ้ กด่ ินโดยการใสป่ ุ๋ยเคมที ดแทน ผลกระทบต่อดนิ นา คอื ปยุ๋ เคมจี ะไปช่วย
เร่งให้จลุ ินทรยี ย์ อ่ ย สลายอินทรยี วัตถุให้หมดไปโดยเรว็ อาจทำให้ดินนาเสอ่ื มสภาพทางฟิสิกส์ ทำให้ดิน
แข็งตัวมากขึ้นและมีแนวโน้มว่าดินจะมีสภาพเป็นกรดมากขึ้น ดังนั้นฟางข้าวจึงเป็นอินทรียวัตถุ
ที่มปี ระโยชน์อยา่ งย่ิง ตอ่ การปรบั ปรงุ บำรงุ ดนิ
ฟางขา้ วที่มีสภาพสมบูรณ์จะประกอบด้วย 3 สว่ น คอื ใบข้าว ปล้องข้าว และรวงข้าว ส่วนฟาง
ขา้ วทไี่ ด้จากการเกบ็ ด้วยดว้ ยตัดในแปลงนาจะมีส่วนประกอบของตอซงั หรอื กอขา้ วรวมด้วย
โดยทั่วไปฟางข้าวแบ่งได้เปน็ 3 ประเภท จากวิธีการรวบรวม ได้แก่
1. ฟางขา้ วจากการเก่ียวมือ และนวดมือ
2. ฟางขา้ วจากการเกีย่ วมือ และนวดดว้ ยรถนวด
3. ฟางขา้ วจากรถอัดฟางขา้ ว
2.3.1 องค์ประกอบของฟางข้าว
องคป์ ระกอบทางเคมี มดี ังนี้
1. เนอ้ื เซลล์ 21%
2. ผนังเซลล์ 79%
3. เซลลูโลส 33%
4. เฮมเิ ซลลโู ลส 26%
5. ลกิ นิน 7%
6. ซลิ ิกา 13%
14
2.3.2 คณุ ค่าทางโภชนาการ (ถนดั , 2531)
1. โปรตีน 3.44%
2. ไขมนั 1.88%
3. เยอ่ื ใย 37.48%
4. ปรมิ าณเถา้ 12.30%
5. ฟอสฟอรัส (P2O5) 0.11%
2.3.3 ประโยชน์ของฟางขา้ ว
1. ช่วยทำให้ดินมีปริมาณของอินทรยี ว์ ัตถุในดนิ มากข้ึน
2. ชว่ ยทำให้พ้นื ที่นาที่ถกู คลมุ ด้วยฟางข้าวมสี ภาพจุลนิเวศ (Microclimate) เหนือผิวดิน
เหมาะสมตอ่ สิ่งมชี วี ิต เช่น จุลนิ ทรีย์ที่มีประโยชน์ และไส้เดือน เปน็ ต้น
3. ชว่ ยคลุมวัชพืช โดยการบงั แสงแดด ไม่ใหว้ ชั พชื เติบโตได้
4. ชว่ ยบงั แสงแดด ทำให้ดินมคี วามชนื้ อยู่ไดน้ านเปน็ ประโยชน์แกพ่ ชื ที่ปลูก ทำให้ผลผลิต
สงู กว่าดนิ ทไี่ ม่มฟี างข้าวปกคลุม
5. ฟางข้าวเมื่อเน่าสลายจะให้ธาตุอาหารแก่พืชเมื่อฟางข้าวย่อยสลายแล้วจะได้ธาตุ
ไนโตรเจน (N) ธาตุฟอสฟอรัส (P) ธาตุโพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) และแมกนีเซียม (Mg) ที่สำคัญ
มีธาตุซลิ กิ ้า (Sio) ดว้ ยใช้เปน็ อาหารหยาบสำหรับเลย้ี งโค กระบือ
6. นำไปเป็นอาหารโค กระบอื ได้
7. นำไปทำวสั ดเุ พาะเห็ดฟางได้
2.4 ท่อ PCV สฟี า้
รูปที่ 2.10 ท่อ PVC สีฟ้า
(https://tinyurl.com/28w3bcsw)
15
ท่อพีวีซี (PVC) ย่อมาจาก โพลิไวนลิ คลอไรด์ (Polyvinyl chloride) เปน็ ท่อพลาสตกิ ท่ีในปัจจุบัน
นิยมใช้กันมากที่สุด ใช้ทดแทนท่อเหล็ก ท่อพีวีซีที่ผลิตทั่วไปมีส่วนผสมของเรซิ่นพีวีซี ( PVC Resin)
ไทเทเนยี มไดออกไซด์ (TiO2) แคลเซียม (Calcium) และสีผสมเฉพาะทอ่ เชน่ สฟี ้า หรือสเี หลือง เป็นตน้
ท่อพีวีซี PVC สีฟ้า เป็นท่อพีวีซี ที่ใช้ในงานระบบประปา และระบบระบายน้ำ เป็นท่อพีวีซี PVC
ที่ผลิตมาจาก uPVC (Unplasticized Polyvinyl Chloride) จึงทำให้ท่อพีวีซี มีความเหนียว แข็งแรง
ทนทาน ไม่กรอบหรือไม่แตกง่าย โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้นคุณภาพ ได้แก่ ชั้นคุณภาพ 5 ชั้นคุณภาพ
8.5 และชน้ั คุณภาพ 13.5 รวมไปถึงมีขนาดตง้ั แต่ 18 – 400 มม. ความยาว 4 เมตร ผลิตตามมาตรฐาน
มอก. 17-2532 โดยสามารถเชือ่ มต่อได้โดยใชน้ ำ้ ยาประสานทอ่ พีวซี ี
โดย มอก. 17-2532 เป็น มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดมื่
นั่นเอง จึงทำให้ท่อพีวีซี PVC สีฟ้า มีคุณสมบัติ ทนทานต่อแรงดันและแรงกด ปลอดภัยจากสารพิษ
เป็นฉนวนไฟฟ้า ไม่เป็นสนิม ไม่รั่ว ไม่เปราะ ทนต่อแสงอัลตร้าไวโอเลต ทนต่อสภาพกรด-ด่าง
และมีน้ำหนกั ที่เบา
2.5 วัสดทุ ่ใี ช้ในการทำ
2.5.1 แป้งมนั สำปะหลัง
พิมพ์เพ็ญ พระเฉลิมพงศ์ (2549) ได้ให้นิยามความหมายของแป้งมันสำปะหลัง
ว่าเป็นแป้งที่ได้จากมันสำปะหลัง ลักษณะของแป้งมีสีขาว เนื้อเนียน ลื่นเป็นมัน เมื่อทำให้สุกด้วยการ
กวนกับน้ำไฟอ่อนปานกลาง แป้งจะละลายง่าย สุกง่าย แป้งเหนียวติดภาชนะ หนืดข้นขึ้นเร่ือย ๆ ไม่มี
การรวมตัวเป็นก้อน เหนียวเป็นใย ติดกันหมด เนื้อแป้งใสเป็นเงา พอเย็นแล้วจะตดิ กันเป็นกอ้ นเหนียว
ติดภาชนะใช้ทำลอดช่องสิงคโปร์ครองแครงแก้ว เป็นต้น และยังถูกใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ
เช่น อุตสาหกรรมกระดาษ อตุ สาหกรรมกาว
รูปท่ี 2.11 แปง้ มันสำปะหลงั
(https://tinyurl.com/2ccz37fr)
16
2.5.2 กาวลาเท็กซ์หรือกาวขาว
กาวลาเท็กซ์ มีลักษณะ เนื้อกาวสีขาว ข้นหนืด อยู่ในบรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบ
ทั้งแบบขวด แบบหลอด เพื่อความสะดวกในการใชง้ าน เหมาะ สำหรับติดกระดาษ งานไม้ งานผ้า งาน
ศลิ ปะ และงานอเนกประสงคท์ ่วั ไป
รปู ที่ 2.12 กาวลาเทก็ ซ์หรือกาวขาว
(https://tinyurl.com/24qcxy7c)
2.5.3 เรซ่นิ
วิวัฒน์ ตัณพะพานิชกุล (2547) ได้กล่าวว่า เรซิ่น เป็นสิ่งที่ถูกนำมาใช้ในงาน
สร้างสรรค์ต่างๆ งานเคลือบรูป งานหล่อขึ้นรูป เรซิ่นมีสารที่ได้มาจากการสังเคราะห์เคมีและธรรมชาติ
เรซ่ินท่ไี ด้จากธรรมชาติคอื ยางไม้ที่มาจากตน้ ไมบ้ างชนิด เชน่ ต้นสน เกิดจากการสงั เคราะห์ภายในต้นไม้
มีการใช้งานมาตั้งแต่โบราณ โดยนำมาทำน้ำมันหอมระเหยหรือกาวต่างๆ ภายหลังเรซิ่นจากธรรมชาติ
ถูกควบคมุ การใช้จงึ หันมาใช้เรซน่ิ สังเคราะห์ เรียกว่า โพลเี อสเตอร์ เปน็ พลาสตกิ เหลว นำมาใช้ประโยชน์
ต่าง ๆ มากมาย ประโยชน์ของเรซิ่นและโพลีเอสเตอร์มักในไปใช้ประโยชน์ในกลุ่มงานหล่อ งานเคลือบ
งานขึ้นรูป เช่น ในงานหล่อมกั นำไปทำ แกว้ เทยี ม ของชำร่วย เคลือบกรอบรูป ใชง้ านขน้ึ รปู ใชใ้ นการทำ
พลาสติกเสริมใยแก้ว คุณสมบัติของเรซิ่นเป็นของเหลวและเป็นของแข็ง สามารถนำไฟฟ้าได้ มีความ
ทนทาน
17
รปู ที่ 2.13 เรซ่นิ
(https://tinyurl.com/26ldd6u5)
2.5.4 ดนิ
โอภาส วงศ์ทางประเสรฐิ (2558) ไดก้ ล่าววา่ เป็นดนิ เกดิ จากธรรมชาติ การสลายตัว
ของซากพืชซากสัตว์ การสลายตวั ทางเคมขี องหินแรส่ ารอินทรีย์ ดนิ มี 3 ประเภท ดงั น้ี
1. ดินเหนียว เป็นดินที่มีเนื้อละเอียด ในสภาพดินแห้งจะแตกออกเป็นก้อน
แข็งมาก เมื่อเปียกน้ำแล้วจะมีความยืดหยุ่น สามารถปั้นเป็นก้อนหรือคลึงเป็นเส้นยาวได้ เหนียว
เหนอะหนะติดมือ เปน็ ดนิ ทม่ี กี ารระบายน้ำและอากาศไมด่ ี แตส่ ามารถอุ้มน้ำ ดดู ยดึ และแลกเปลยี่ นธาตุ
อาหารพชื ได้ดี
2. ดินรว่ น เป็นดนิ ท่เี น้อื ดินคอ่ นข้างละเอยี ดน่มุ มือในสภาพดินแห้งจะจับกัน
เปน็ กอ้ นแข็งพอประมาณ ในสภาพดนิ ชื้นจะยดื หยุ่นได้บ้าง เม่อื สมั ผสั หรือคลึงดินจะรู้สึกนุ่มมือ แต่อาจ
จะรู้สึกสากมอื อยบู่ ้างเล็กน้อย เมือ่ กำดินใหแ้ นน่ ในฝ่ามอื แลว้ คลายมือออก ดินจะจับกันเป็นก้อนไม่แตก
ออกจากกัน เป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดีปานกลาง จัดเป็นเนื้อดินที่มีความเหมาะสมสำหรับการ
เพาะปลกู
3. ดินทราย เป็นดินที่มีอนุภาคขนาดทรายเป็นองค์ประกอบอยู่มากกว่า
ร้อยละ 85 เนื้อดินมีการเกาะตัวกันหลวมๆ มองเห็นเป็นเม็ดเดี่ยว ๆ ได้ ถ้าสัมผัสดินที่อยู่ในสภาพแห้ง
จะรูส้ ึกสากมอื เม่ือลองกำดนิ ท่แี ห้งนีไ้ วใ้ นองุ้ มือแล้วคลายมอื ออกดนิ ก็จะแตกออกจากกันได้ แตถ่ า้ กำดิน
ทอี่ ยู่ในสภาพช้ืนจะสามารถทำให้เปน็ ก้อนหลวมๆ ได้ แตพ่ อสัมผสั จะแตกออกจากกัน
2.6 เอกสารและงานวิจยั ท่ีเก่ยี วขอ้ ง
ภคินี ตปิ ญั ญา และ สุรชัช มีโค (2558) อดั กระถางผกั ตบชวาโดยใชแ้ ปง้ มนั สำปะหลงั กับน้ำด้วย
อัตราส่วน 200:75 กรัมและแป้งเปียก 275 กรัม ผักตบชวาแห้ง 225 กรัม เคลือบผิวกระถางด้วยน้ำ
ยางพารา โค้ท และสารเคลือบกันซึมบอสนี่ซิลิโคน วอเตอร์รีเพลเล้นท์ ชนิดละ 3 กระถาง นำทราย
ละเอียดบรรจุในกระถางจนเต็ม ให้น้ำ วันละ 1.5 ลิตร ในระยะเวลา 10 วัน ผลการทดลอง
18
พบว่ากระถางที่สามารถทนน้ำได้ดีที่สุดคือกระถางที่เคลือบด้วย โค้ท ยางพาราและบอสนี่ซิลิโคน วอ
เตอร์รเี พลเล้นท์ ตามลำดับ
พชิ ชาพร สังขท์ อง (2561) กระถางตน้ ไมจ้ ากธรรมชาติ โดยการนำสงิ่ ทเี่ ป็นธรรมชาติ รอบ ๆ ตัว
เรามาประดิษฐ์สร้างสรรคผ์ ลงานขึน้ โดยใช้กากมะพร้าวกบหญา้ แหง้ มาทำการทดลอง เปรียบเทียบกัน
โดยใชก้ ากมะพร้าวมาผสมกับแป้งเปียกและมาเปรียบเทียบกับหญ้าแห้งที่ผสมกับแปง้ เปยี ก ผลจากการ
ทดลองนน้ั พบวา่ เมื่อนำกระถางต้นไม้ที่ทำจากกากมะพรา้ วและกระถาง ตน้ ไมท้ ท่ี ำจากหญ้าแห้ง ทั้ง 2
ชนิด ไปทดลองปลูกต้นไม้ พบว่ากระถางต้นไม้ท่ีทำจากกากมะพร้าว สามารถอุ้มนำ้ ได้มากกว่ากระถาง
ต้นไม้ที่ทำจากหญ้าแห้ง และกระถางต้นไม้ที่ทำจากหญ้ามีความคงทนน้อยกวากระถางต้นไม้ที่ทำจาก
กากมะพรา้ ว ซึ่งทำให้เราทราบว่า กระถางต้นไม้ทท่ี ำจากกากมะพร้าวมีความคงทนได้ดี สามารถอมุ้ นำ้ ได้
มากกว่ากระถางที่ทำจากหญ้าแห้ง และเมื่อนำกระถางต้นไม้ 2 ชนิดมาทดลอง จึงสามารถทราบได้
ว่ากระถางตน้ ไมจ้ ากธรรมชาติที่ดีท่ีสุดคือ กระถางต้นไมท้ ี่ทำดว้ ยกากมะพรา้ ว และกระถางตน้ ไม้ที่นำมา
ทดลองน้นั ก็สามารถนำมาใช้ไดจ้ รงิ และ จำหนา่ ยเพ่ือเพิ่มรายไดใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้
พงศธร หนูเล็ก จิราณุวัฒน์ แสงมุกด์ และนายชินพันธุ์ แซ่ซิ้ม (2541) ได้ทำการศึกษาและ
จัดสร้างกระถางจากเศษวัสดุทางการเกษตรจำนวน 5 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ กระถางที่ทำจากแกลบ
กระถางที่ทำจากขี้เถ้าแกลบ และกระถางที่ทำจากขุยมะพร้าว กระถางที่ทำจากเศษใบไม้และวัชพืช
ต่างๆ ซึ่งผลจากการศึกษาพบวากระถางที่ทำจากขุยมะพร้าวมีความแข็งแรงและทนทานที่สุดผลจาก
การนำเอากระถางที่ทำจากขุยมะพร้าวไปใช้งานจริง พบว่ามีความแข็งแรงและทนทานของกระถาง อยู่
ในระดับท่ีดี มีความยืดหยุ่นสงู รากของกง่ิ สามารถชอนไชออกจากกน้ ของกระถางไดด้ ี มคี วามสามารถใน
การอุ้มนำ้ และการระบายความร้อนของกระถางอยูในระดับดี และเมื่อฝังกระถางลงในดินรากของก่งิ ชำ
ยังสามารถชอนไชออกทางด้านลา่ งและดา้ นข้างของกระถางได้ดี อีกท้ัง กระถางทท่ี ำจากขุยมะพรา้ วน้ียัง
สามารถย่อยสลายเองไดต้ ามธรรมชาตไิ ด้อกี ดว้ ย
2.7 กรอบแนวคดิ ในการวิจัย 19
ตวั แปรตน้ ตวั แปรตาม
ชนดิ ของกระถางย่อยสลาย การเจริญเตบิ โตของพืชทใ่ี ชป้ ลกู
1. กระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบ
2. กระถางย่อยสลาย
ตวั แปรควบคมุ
พชื ท่ีใช้ปลูก, ปรมิ าณน้ำท่รี ด, ชว่ งเวลาในการรดนา้
บทที่ 3
อปุ กรณ์และวธิ กี ารทดลอง
การจัดทำกระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ ดำเนินการตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ และขั้นตอน
ในการจัดทำโดยศกึ ษาตามขัน้ ตอนและกระบวนการผลติ ดงั ตอ่ ไปนี้
3.1 วสั ดุ อปุ กรณแ์ ละวิธที ำกระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบ
3.1.1 วสั ดุและอปุ กรณใ์ นการทำกระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ
ฟางขา้ ว ขยุ มะพรา้ ว
แปง้ มันสำปะหลงั
ใบยาสูบ
ดินสำหรับปลกู
แบบพิมพก์ ระถาง นำ้ เปลา่
รปู ที่ 3.1 วสั ดแุ ละอปุ กรณ์ในการทำกระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบ
1. ใบยาสบู บดละเอียด 150 กรมั
2. ขยุ มะพรา้ ว 375 กรัม
3. ฟางขา้ วบดละเอยี ด 125 กรัม
4. แปง้ มนั สำปะหลัง 240 กรมั
5. นำ้ เปลา่ 60 มลิ ลลิ ิตร
6. ดินสำหรบั ใชป้ ลูกพืช 100 กรมั
5. ท่อ PVC เส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 4 น้ิว ยาว 3 น้วิ
6. ทอ่ PVC เส้นผา่ ศนู ยก์ ลาง 3 นว้ิ ยาว 2.5 นว้ิ
7. สกูรสำหรบั ยึดท่อ PVC
8. กระทะ
9. ทพั พี
10. ตาช่ัง
11. กะละมงั
12. ถุงมือพลาสติก
13. ชาม
21
3.1.2 ขัน้ ตอนการทำกระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ มดี ังต่อไปน้ี
(ก) (ข)
รปู ท่ี 3.2 (ก) ผสมขุยมะพร้าว ใบยาสูบและฟางข้าว (ข) นำส่วนผสมจัดลงในแบบพิมพก์ ระถาง
1. นำใบยาสูบและฟางข้าว มาบดให้ละเอียด
2. ใส่ขยุ มะพร้าว ใบยาสูบและฟางข้าวท่ีบดละเอียด ลงในกะละมัง ผสมให้เข้ากนั
3. เตมิ น้ำลงไปในกระทะ เทแป้งมนั สำปะหลงั ท่ีเตรียมไวน้ ำไปตม้ จนแปง้ มนั สุก
4. เทแปง้ กาวใส่ลงในกะละมงั ท่มี ีสว่ นผสม คนใหเ้ ขา้ กนั จนสามารถปน้ั ได้
5. นำสว่ นผสมทีไ่ ด้ จดั ลงในแบบพมิ พ์กระถาง
6. พกั ไวใ้ ห้อยูใ่ นแมพ่ มิ พ์ 4 - 5 ชวั่ โมง และนำไปตากแดด 3 - 4 แดด
3.2 การศึกษาขอ้ มลู
3.2.1 การศึกษาข้อมูลในเร่ืองทีเ่ กี่ยวกบั ยาสูบ ลักษณะ คุณสมบัติและประโยชน์ เพื่อทีจ่ ะเลือกใช้
สว่ นของยาสูบท่เี หมาะสมในการทำกระถาง
3.2.2 ศกึ ษาข้อมูลเก่ยี วกับวัตถุดบิ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ทีเ่ ป็นใช้ในการทำกระถางย่อยสลายจาก
ใบยาสูบ และแกไ้ ขปญั หาทเ่ี กดิ จากการผสมวตั ถดุ ิบ
3.3 ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง
ประชากร ไดแ้ ก่ นักเรียน นกั ศกึ ษา ครู และบคุ ลากร ในวิทยาลัยการอาชีพปง
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา ครู และบุคลากร ในวิทยาลัยการอาชีพปง จำนวน 15 คน
ไดม้ าโดยการเลือกเจาะจง โดยแยกการทดลองดงั นี้
1. กลมุ่ ตัวอยา่ งที่ 1 เพื่อการหาประสิทธภิ าพของกระถางย่อยสลายจากใบยาสบู
คือ นักเรยี น นกั ศกึ ษา ครู และบุคลากร ในวิทยาลยั การอาชีพปง จำนวน 5 คน
2. กลุ่มตัวอย่างที่ 2 เพื่อประเมินความพึงพอใจจากการใช้กระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ
คือ นกั เรียน นักศึกษา ครู และบคุ ลากร ในวทิ ยาลยั การอาชพี ปง จำนวน 10 คน
22
3.4 เคร่อื งมือในการวจิ ัยและการตรวจสอบคุณภาพเครอื่ งมือ
3.4.1 เคร่อื งมือท่ใี ช้ในการวิจยั มีดังน้ี
1. แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อผลิตภัณฑ์กระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ
โดยมีลักษณะ มาตราสว่ นประมาณค่า 5 ระดบั ซงึ่ สอบถามในประเด็นตา่ ง ๆ แบง่ เป็น 2 ด้าน ไดแ้ ก่ ด้าน
ลักษณะท่วั ไปและด้านคุณภาพ
2. ขนั้ ตอนการสร้างและและตรวจสอบคุณภาพเครอ่ื งมอื วิจยั ดงั นี้
1) ศึกษาแนวคิด หลักการ และทฤษฎีจากตำรา เอกสาร และงานวิจัยต่าง ๆ
เพื่อกำหนดนิยามของลักษณะของผลิตภัณฑ์กระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ ความพึงพอใจ ตัวบ่งชี้
และขอ้ คำถาม ทว่ี ัดตามตัวบง่ ชี้
2) ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์กระถางที่มาจากวัสดุ
ทางธรรมชาติ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ โดยแบ่งระดับความ
พงึ พอใจเป็น 5 ระดบั ตามแนวคดิ ของลิเคิร์ท โดยมีเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดงั นี้
คะแนน 5 หมายถึง พึงพอใจมากทีส่ ุด
คะแนน 4 หมายถึง พงึ พอใจมาก
คะแนน 3 หมายถึง พึงพอใจปานกลาง
คะแนน 2 หมายถงึ พึงพอใจนอ้ ย
คะแนน 1 หมายถึง พึงพอใจน้อยที่สุด
3) สร้างแบบสอบถามความพงึ พอใจ 6 ข้อ
4) นำแบบสอบถาม ที่สรา้ งขนึ้ โดยการพจิ ารณาความตรงเชงิ เนอ้ื หาโดย ผู้เช่ียวชาญ
จำนวน 3 ท่าน เพื่อพิจารณาความครอบคลุมของคำถามพรอ้ มข้อเสนอแนะเพือ่ การปรบั ปรุงแก้ไขให้ดีข้ึน
โดยผเู้ ช่ยี วชาญประเมินความเหมาะสมของเนือ้ หาให้คะแนนดังน้ี
คะแนน +1 เมอื่ แนใ่ จวา่ แบบสอบถามนน้ั วัดไดเ้ หมาะสมตามเน้อื หา
คะแนน 0 เม่อื ไมแ่ นใ่ จว่าแบบสอบถามน้ันวดั ได้เหมาะสมตามเนือ้ หา
คะแนน -1 เมอื่ แนใ่ จว่าแบบสอบถามนัน้ วดั ไดไ้ ม่เหมาะสมตามเนือ้
5) วิเคราะห์ข้อมูลหาค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อคำถามของแบบสอบถาม
โดย ใช้สูตรดังน้ี (สมคดิ พรมจยุ้ 2557: 31)
IOC = ∑R
N
เมอื่ IOC คือ ค่าดชั นีความสอดคลอ้ ง
∑R คือ ผลรวมของคะแนนความคดิ เห็นของผเู้ ช่ียวชาญ
N คอื จำนวนผู้เชยี่ วชาญ
23
เกณฑ์คัดเลือกค่า IOC
1. ค่า IOC = 1.00 เลอื กใช้
2. ค่า IOC = 0.50-0.99 พจิ ารณาปรับปรุงเนื้อหา
3. คา่ IOC = ตำ่ กวา่ 0.50 ใหต้ ัดท้ิง
6) นำข้อคำถามของแบบสอบถามมาวิเคราะห์หาความเที่ยงทั้งฉบับด้วยวิธี
สัมประสิทธิ์แอลฟา ตามวิธีของ Cronbach โดยได้ค่าความเที่ยงฉบับแบบสอบถามความพึงพอใจ
เทา่ กบั 0.81 ใชส้ ูตรดังน้ี (สมคดิ พรมจ้ยุ 2557: 78)
( ) = n -1 1 - ∑ S12
n S22
เมือ่ ∑S12 คอื ผลรวมของคา่ ความแปรปรวนของคะแนนแตล่ ะข้อ
S22 คือ คา่ ความแปรปรวนของคะแนนรวม
n คอื จำนวนขอ้ ของแบบสอบถาม
3.5 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการวิจัยครั้งนี้ ได้ทำการเก็บข้อมูลจาก นักเรียน นักศึกษา ครู
และบคุ ลากร ในวิทยาลัยการอาชพี ปง จำนวน 15 คน จากการใชก้ ระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ ดงั น้ี
3.5.1 เก็บรวบรวมขอ้ มลู เพอื่ หาประสทิ ธิภาพดงั น้ี
1. นำวัตถุดิบทางธรรมชาติ ได้แก่ ใบยาสูบ ขุยมะพร้าว ฟางข้าว และแป้งมันสำปะหลัง
สรา้ งกระถางย่อยสลาย 2 แบบ ดังนี้
แบบที่ 1 กระถางย่อยสลายไม่ผสมใบยาสบู
แบบที่ 2 กระถางยอ่ ยสลายผสมใบยาสูบ
2. มอบกระถางใหก้ ลุ่มตัวอยา่ งที่ 1 ทงั้ 2 แบบ แบบละ 1 กระถาง
3. เก็บรวบรวมข้อมูลการทดลองโดยการปลูกผักกาดขาวลงไปในกระถางทั้ง 2 แบบ
ซึง่ ควบคมุ ปริมาณน้ำทใี่ ชร้ ด, ช่วงเวลาในการรด บันทึกลงในตารางบันทึกผล
3.5.2 การเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อหาค่าความพึงพอใจของกระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ
โดยมวี ธิ ีการดำเนนิ การ ดงั นี้
1. มอบกระถางให้กล่มุ ตวั อย่างที่ 2 ท้งั 2 แบบ แบบละ 1 กระถาง โดยกล่มุ ตวั อย่างสามารถ
เลอื กปลกู พันธุพ์ ืชไดเ้ อง
2. แจกแบบประเมินความพึงพอใจจากการใช้กระถางย่อยสลายจากใบยาสบู แกก่ ลุม่ ตัวอย่าง
จำนวน 15 ชุด ได้คนื มา 15 ชดุ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100
3. ผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามจำนวน 15 ชุด มาทำการประมวลผลด้วย
โปรแกรมสำเร็จ Spss 15.0 For Window
24
3.6 การวเิ คราะห์ข้อมูล
ข้อมูลท่ีไดจ้ ากแบบประเมนิ นำมาวเิ คราะห์ขอ้ มลู โดยใชค้ ่าสถิติต่าง ๆ ดังน้ี
3.6.1 ค่าระดับความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่ทดลองใช้กระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ
ท่ีผู้วิจัยที่ได้จากแบบสอบถามจำนวน 15 คน มาทำประมวลผลด้วยโปรแกรม Spss 15.0 Window
โดยใช้สถิติวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั นี้
3.6.1.1 วเิ คราะหข์ อ้ มลู ท่ัวไปของผตู้ อบแบบสอบถามโดยใชค้ า่ ร้อยละ (%)
3.6.1.2 วิเคราะห์ความคิดเห็นเกี่ยวการสำรวจความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างต่อการใช้
กระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบ โดยใช้คา่ x และความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
1. คา่ เฉล่ยี ใช้สูตร ดงั นี้
x = ∑x
N
เมือ่ x คือ คา่ เฉล่ยี
∑x คอื ผลรวมของคะแนนทง้ั หมด
N คอื จำนวนคนของกลุม่ ตัวอยา่ งท้งั หมด
2. คา่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานใช้สตู ร
S.D. = √n ∑ X2−( ∑ X2)
n(n-1)
โดย S.D. คือ สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน
X คือ ค่าคะแนน
n คือ จำนวนผเู้ รยี นทง้ั หมด
3.6.1.3 แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อผลิตภัณฑ์กระถางไร้แมลง วิเคราะห์ข้อมูลโดย
ค่าเฉลย่ี ( x ) และเทยี บกับเกณฑ์ทก่ี ำหนดไวด้ ังนี้ (ลว้ น สายยศ 2537, 49-50)
4.51 – 5.00 หมายถึง มีระดับความพึงพอใจมากทส่ี ดุ
3.51 – 4.50 หมายถงึ มีระดบั ความพึงพอใจมาก
2.51 – 3.50 หมายถงึ มีระดับความพงึ พอใจพอใช้
1.51 – 2.50 หมายถงึ มีระดบั ความพงึ พอใจนอ้ ย
1.00 – 1.50 หมายถึง มรี ะดับความพงึ พอใจน้อยทีส่ ุด
บทท่ี 4
ผลการศึกษาค้นควา้
ในการออกแบบและสร้างกระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ คณะผู้จัดทำโครงงานขอนำเสนอผล
การดำเนินงาน ดังน้ี
4.1 ผลการดำเนินงานตามวัตถปุ ระสงค์
การดำเนินงานของกระถางย่อยสลายจากใบยาสบู ตามวัตถปุ ระสงค์ท้ังหมด 3 ข้อดังนี้
4.1.1 การดำเนนิ งานขนั้ ตอนท่ี 1 เพอ่ื ออกแบบและสรา้ งกระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบ
การดำเนินการออกแบบและสร้างกระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ ได้ดำเนนิ การจดั หาวัสดุ
อุปกรณ์และขัน้ ตอนการทำกระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบ ดังภาพ
รปู ที่ 4.1 กระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสบู
4.1.2 1 การดำเนินงานขั้นตอนที่ 2 เพื่อเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของพืชที่ปลูกในกระถาง
ย่อยสลายผสมใบยาสบู กับกระถางย่อยสลายไมผ่ สมใบยาสูบ
1. ตวั แปร
ตวั แปรต้น คือ ชนิดของกระถางย่อยสลาย
1. กระถางยอ่ ยสลายผสมใบยาสูบ
2. กระถางย่อยสลายไม่ผสมใบยาสูบ
ตัวแปรตาม คือ การเจรญิ เติบโตของพชื ทีใ่ ชป้ ลูก
ตัวแปรควบคุม คอื พืชท่ใี ช้ปลกู , ปรมิ าณน้ำทีร่ ด, ช่วงเวลาในการรดนำ้
26
ตารางท่ี 4.1 ตารางแสดงลกั ษณะการเจริญของผักกาดขาวจากกระถางแบบท่ี 1 และแบบท่ี 2
ช่วงเวลา ชนิดของกระถาง การเจรญิ เติบโตของผกั กาดขาว รอ่ งรอยของศัตรูพชื
(วัน)
3-6 ไมผ่ สมใบยาสูบ เมล็ดเริ่มงอก ไมม่ ีรอ่ งรอย
ผสมใบยาสบู เมล็ดเรมิ่ งอก ไมม่ ีร่องรอย
7-10 ไม่ผสมใบยาสูบ ลำต้นมคี วามสงู 1 นิว้ ใบสมบูรณ์ ไมม่ ีรอ่ งรอย
ผสมใบยาสูบ ลำต้นมคี วามสูง 1.3 นิว้ ใบสมบูรณ์ ไมม่ รี ่องรอย
11-14 ไม่ผสมใบยาสูบ ลำตน้ มีความสงู 2.7 นิ้ว ใบสมบูรณ์
ผสมใบยาสูบ ลำตน้ มคี วามสงู 3.3 นิ้ว รากและใบสมบูรณ์ ใบเป็นรู
15-20 ไม่ผสมใบยาสบู ลำต้นมีความสงู 6 นิว้ ใบสมบรู ณ์ ไม่มีรอ่ งรอย
ผสมใบยาสูบ ลำตน้ มคี วามสูง 7.5 ซม ใบสมบรู ณ์ ใบเปน็ รู และมดี า่ งขาว
ไม่มีรอ่ งรอย
จากตารางที่ 4.1 พบว่ากระถางที่ผสมใบยาสูบผักกาดขาวมีอัตราการเจริญเติบโตที่สูงกวา่
และสามารถลดปญั หาท่เี กิดจากแมลง สตั ว์ หรอื โรคท่เี กดิ ขึน้ กบั พืชได้ดกี วา่ กระถางทไ่ี มผ่ สมใบยาสูบ
4.1.3 การดำเนินงานขัน้ ตอนที่ 3 เพื่อศกึ ษาความพงึ พอใจของกลุม่ ผู้ทดลองใชท้ ่มี ตี ่อกระถางย่อย
สลายจากใบยาสบู
ตารางท่ี 4.2 ความพึงพอใจของกลุ่มผู้ทดลองใช้ทม่ี ตี อ่ กระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสูบ
ลำดบั ที่ ความพึงพอใจ x S.D ระดบั ความพงึ พอใจ
ดา้ นลกั ษณะทว่ั ไปของกระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ
1 ด้านความสวยงาม 3.90 0.53 พอใจมาก
3.94 0.57 พอใจมาก
2 ด้านความแขง็ แรง 4.5 0.65 พอใจมากทส่ี ดุ
4.7 0.58 พอใจมากทส่ี ุด
3 บรรจภุ ณั ฑป์ ลอดภัยสะดวกต่อการใช้งาน 4.26 0.41 พอใจมาก
4 ใชใ้ บยาสูบเป็นวัสดใุ นการผลิตกระถาง 4.6 0.68 พอใจมาก
รวมด้านลักษณะทว่ั ไป 4.7 0.73 พอใจมาก
ดา้ นคณุ ภาพของกระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสบู 4.65 0.64 พอใจมากทีส่ ดุ
4.46 0.53 พอใจมาก
5 การเจริญเติบโตของพืช
6 รอ่ งรอยของศัตรูพืชท่ีมผี ลกระทบต่อการ
เจรญิ เติบโตของพชื
รวมด้านคุณภาพ
รวม
27
จากตารางที่ 4.2 จากการทดสอบการใช้กระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ พบวา่ ความพงึ พอใจของ
ผู้ใช้งานในภาพรวมอยู่ในระดับพอใจมากมีค่าเฉลี่ย ( x ) เท่ากับ 4.46 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D)
เท่ากับ 0.54 เมื่อพิจารณาความพึงพอใจในแต่ละด้าน พบว่า ด้านคุณภาพอยู่ในระดับพอใจมากที่สุด
รองลงมาเป็นดา้ นลักษณะท่ัวไปอย่ใู นระดบั พอใจมาก ตามลำดับ
บทที่ 5
สรปุ และอภิรายผลการศึกษาคน้ คว้า
5.1 สรุป และอภิรายผลการศกึ ษาค้นควา้
จากการทดลองปลูกผักกาดขาวในกระถาง ทั้ง 2 แบบ ได้แก่ กระถางย่อยสลายผสมใบยาสูบ
และกระถางที่ไม่ผสมใบยาสูบ พบว่ากระถางย่อยสลายที่ผสมใบยาสูบมีประสิทธิภาพในการเพาะปลูก
ผักกาดขาวได้ดี การเจริญเติบโตของผักกาดขาวสูงกว่ากระถางที่ไม่ผสมใบยาสูบ และจากการทดลอง
พบวา่ ผักกาดขาวท่ีปลกู ไม่มีรอ่ งรอยของศตั รพู ชื
จากผลประเมินความพึงพอใจจาดกลมุ่ ตัวอย่างทัง้ 2 กล่มุ จำนวน 15 คน พบวา่ ผูใ้ ช้งาน
ในภาพรวมอยู่ในระดับพอใจมากมีค่าเฉลี่ย ( x ) เท่ากับ 4.46 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ
0.54 เมื่อพิจารณาความพึงพอใจในแต่ละด้าน พบว่า ด้านคุณภาพอยู่ในระดับพอใจมากที่สุด รองลงมา
เป็นดา้ นลักษณะท่วั ไปอยใู่ นระดับพอใจมาก ตามลำดบั
5.2 อภิปรายผล
จากการศึกษากระถางย่อยสลายจากใบยาสูบ คณะผู้จัดทำได้นำการผลิตกระถางต้นไม้จากวัสดุ
จากธรรมชาติท่หี าได้ในท้องถิ่น และมีสว่ นประกอบของใบยาสูบ นำคุณสมบตั ขิ องสารนิโคตินท่ีสามารถไล่
แมลงมาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ และสามารถทำใหเ้ พาะพันธุ์พืชเกดิ การเจริญเติบโตได้ดกี ว่ากระถางย่อยสลาย
ที่ไม่ผสมใบยาสูบและสามารถต่อยอดพัฒนาเป็นนวัตกรรมใหม่ สามารถนำไปเผยแพร่แก่ชุมชนและ
สถานศกึ ษา อกี ท้งั สามารถสง่ เสริมการประกอบอาชีพของชุมชนได้
5.3 ประโยชน์
1. เป็นกระถางใช้สำหรบั เพาะต้นกล้า และปลูกไมป้ ระดบั ขนาดเล็ก
2. ช่วยเพม่ิ อัตราการเจริญเตญิ โตของพชื
3. ลดปัญหาที่เกิดจากศตั รพู ืชในส่วนของราก โคนตน้ และใบ
4. นำเอาวตั ถดุ บิ มาใช้ประโยชน์ ให้เกิดความคุ้มคา่
5. ใชท้ ดแทนกระถาง และภาชนะอื่น ๆ ท่ียอ่ ยสลายได้ยาก
6. ทำใหน้ กั เรียน นกั ศกึ ษา เกิดทกั ษะกระบวนการคิดในทางวิทยาศาสตร์
29
5.4 ข้อเสนอแนะในการทำวิจยั ครงั้ ถัดไป
5.3.1 ขอ้ เสนอแนะในการนำผลวจิ ัยไปใช้
1. ในขณะทีใ่ ชผ้ ลติ ภัณฑ์ควรมที ่ีรองภาชนะด้านลา่ งเพ่ือปอ้ งกนั การซมึ ของน้ำ
2. ปัญหาและข้อผิดพลาดในการผลิต เนื่องการตากผลิตภัณฑ์หลังจากถอดออกจาก
แม่พมิ พ์ ควรทำการตากใหแ้ หง้ ด้วยแดด 2-3 แดด และควรพลิกกระถางให้ทั่วเพอื่ ปอ้ งกนั การเกดิ เชือ้ รา
5.3.2 ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครัง้ ตอ่ ไป
1. ควรนำทฤษฎที างวทิ ยาศาสตรอ์ ื่น ๆ มาประยุกตส์ ร้างส่งิ ประดิษฐใ์ หม่ขึน้
2. ควรปรับหรือนำส่วนผสมทางธรรมชาติอย่างอื่นมาเพิ่มในเรื่องความเข็งแรงของ
ผลิตภณั ฑข์ องกระถาง
30
เอกสารอา้ งองิ
กรมพัฒนาทีด่ ิน.(2561). เขตการใชท้ ่ดี ินพชื เศรษฐกจิ ยาสูบ (ออนไลน์). สบื ค้นจาก:
https://tinyurl.com/2d3my9om
จิตต์บูรณ์ ชาญวนิชัยนันท์, ผู้ประดิษฐ์ และผู้ขอรับ อนุสิทธิบัตร. กรรมวิธีทำกระถางต้นไม้จาก
ใยมะพร้าว.อนุสทิ ธบิ ัตรไทย 983. 17 เม.ย. 2546
ณัฐกานต์ นวลคำ. 2560. สภาวะที่เหมาะสมใน การใช้ฝุ่นผงใบยาสูบที่มีผลต่อการป้องกัน
แมลงศัตรูพืชและ ผลผลิตคะน้า. ปริญญานิพนธ์วิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาเกษตรศาสตร์
คณะเทคโนโลยีการเกษตรและ อาหาร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พบิ ูลสงคราม. พษิ ณโุ ลก. 54 หนา้
นิทัศน์ ศิริโชติรัตน์ และฉัตรสุมนพฤฒิภิญโญ.(2560). ผลิตภัณฑ์ยาสูบ:นโยบายและมาตรการการ
ควบคุมเพ่อื สขุ ภาพ (ออนไลน์). สืบค้นจาก: tinyurl.com/2ygu6qey
มหาวิทยาลยั สยาม. (2561). กระถางตน้ ไมจ้ ากกากมะพรา้ ว (ออนไลน)์ . สบื ค้นจาก:
https://tinyurl.com/25wu7o6m
มูลนิธเิ กษตรรกั ษ์ส่ิงแวดล้อม (ประเทศไทย). ฟางขา้ ว(RICE STRAW) และประโยชนจ์ ากฟางข้าว
(ออนไลน)์ . สบื คน้ จาก: http://www.aecth.org/Article/Detail/116351
มลู นธิ ิโครงการสารนกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน. ยาสบู (ออนไลน)์ . สบื ค้นจาก :
https://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=15&chap=3&page=t15-3-
detail.html
Medthai .(2553). ยาสูบ สรรพคุณและประโยชน์ของใบยาสบู 27 ข้อ (ออนไลน)์ . สืบค้นจาก:
https://medthai.com/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B
8%9A/
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก
แบบสอบถามความพึงพอใจ
33
แบบสอบถามความพงึ พอใจของกล่มุ ผูท้ ดลองใช้ท่ีมตี อ่ กระถางย่อยสลายจากใบยาสบู
คำช้ีแจง จงทำเครือ่ งหมายถกู (✓) ลงในชอ่ งว่าตามความคดิ และความรูส้ กึ ของท่าน
ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
1.1 เพศ ชาย หญงิ
1.2 อายุ ต่ำกว่า 20 ปี 20-29 ปี 30-39 ปี
40-49 ปี มากกวา่ 50 ปี
1.3 อาชพี (โปรดระบุ) ..................................................................................
ตอนท่ี 2 ระดบั ความพึงพอใจที่มตี อ่ กระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสบู
ระดบั ความพึงพอใจ
รายการประเมิน พอใจมาก พอใจ พอใช้ นอ้ ย นอ้ ยทส่ี ุด
ทีส่ ุด มาก
ดา้ นลักษณะทวั่ ไปของกระถางย่อยสลายจากใบยาสบู
1. ด้านความสวยงาม
2. ดา้ นความแข็งแรง
3. บรรจภุ ณั ฑป์ ลอดภยั สะดวกต่อการใช้งาน
4. ใชใ้ บยาสบู เป็นวสั ดใุ นการผลติ กระถาง
ด้านลักษณะทวั่ ไปของกระถางยอ่ ยสลายจากใบยาสบู
1. ด้านความสวยงาม
2. ดา้ นความแข็งแรง
ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะ
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................