The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือความใส่ใจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by meenanamwoohyun.0802, 2022-01-27 22:22:32

หนังสือความใส่ใจ

หนังสือความใส่ใจ

มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

CHIANGMAI RAJABHAT UNIVERSITY

ความใส่ใจ
Attention
นักศึกษาชั้นปีที่ 2

สาขาวิชาจิตวิทยาองค์การ

จิตวิทยาการรู้คิด
(Cognitive Psychology)

จัดทำโดย



นายอธิษฐาน แก้วใส 63141507
นางสาวรติชล สมโน 63141513
นายชวนากร อินทรวิชัย 63141515
นางสาววรกานต์ คีรีสัตยกุล 63141530

นางสาวกาญจนา ใจมา 63141535
นางสาวศุภมาส จิวหานัง 63141544




เสนอ





อาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทัศนีย์ บุญแรง
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึ กษา 2564

รายวิชาจิตวิทยาการรู้คิด PG 2114
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

คำนำ

PRE FACE

การศึ กษาครั้งนี้ คณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณอาจารย์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทัศนี ย์ บุญแรงที่ปรึกษารายวิชา PG
2114 จิตวิทยาการรู้คิด (Cognitive Psychology) เพื่อ
เ ป็ น แ น ว ท า ง ใ น ก า ร ทำ เ ข้ า ใ จ ร า ย วิ ช า ก า ร ทำ ค ว า ม เ ข้ า ใ จ
พฤติกรรม ความคิดของมนุษย์ หรือรวมถึงวิธีการต่างๆ
แ ล ะ ข อ ข อ บ คุ ณ ผู้ เ ชี่ย ว ช า ญ ทุ ก ค น ที่ ค ณ ะ ผู้ จั ด ทำ ไ ด้ อ้ า ง อิ ง
ผลงาน

ในฐานะนั กศึ กษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
คณะผู้จัดทำมั่นใจว่าการศึ กษาครั้งนี้ จะสามารถพัฒนา
และทำให้นั กศึ กษาหรือผู้ศึ กษาได้รู้เห็นถึงความเข้าใจ
ในศาสตร์ต่างๆ ดังนั้ นรายงานเรื่องนี้ จึงเป็นอีกหนึ่ งผล
งานที่คณะผู้จัดทำภาคภูมิใจ เนื่ องจากเป็นแนวทางใน
การทำเข้าใจรายวิชาและแนวคิดของความใส่ ใจหรือ
แม้แต่ความสำคัญของความใส่ ใจ หากผิดพลาดประการ
ใดขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วย

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ

CONTENT

01 ความหมายของความใส่ใจ
04 ประเภทของความใส่ใจ
05 ความสำคัญของ

ความใส่ ใจ

06 คุณลักษณะของ
ความใส่ ใจ
07 คุณสมบัติของ
ความใส่ ใจ

สารบัญ

CONTENT

07 หน้าที่หลักของความใส่ใจ

08 ตัวอย่างการใช้ทฤษฎีการเรียนรู้
ทางสั งคมเชิงพุทธิปัญญา




11 กระบวนการความใส่ใจ

12 ทฤษฎีเกี่ยวกับการ
แบ่งความใส่ ใจ



12 กระบวนการทาง
สมองที่เกี่ยวกับ

ความใส่ ใจ

สารบัญภาพ


TABLE OF CONTENT

10 รูปภาพการทดลอง

14 รู ปภาพวงจรสั ญญาณของ
ระบบประสาทเกี่ยวกับ
การรู้จากการมองเห็น

15 รู ปภาพโครงข่ ายระบบประสาท
ที่เกี่ยวกับความใส่ใจต่อสิ่ งเร้า

ความหมายของ
ความใส่ใจ

ความใส่ ใจ คือ เป็นกระบวนการทางจิตในการ
จดจ่อสิ่ งเร้าที่เข้ามาเพื่อนำไปสู่ ความคิดอย่างต่อเนื่ อง
ด้วยความใส่ ใจมีความสำคัญในด้านการเรียนรู้และด้าน
การประกอบอาชีพซึ่งคุณลักษณะของความใส่ ใจอาจจะ
เป็นลักษณะของปัจจัยนำเข้าหรือเป็นตัวควบคุมโดย
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความใส่ ใจประกอบด้วยปัจจัยทั้ง
ตัวกระตุ้นและปัจจัยด้านตัวผู้รับรู้ทั้งนี้ คุณสมบัติของ
ความใส่ ใจมนุษย์นั้ นมีจำกัดและความใส่ ใจเป็นการ
เลือกซึ่งความใส่ ใจมีหน้ าที่หลักในการแบ่งความใส่ ใจ
การเฝ้าระวังและการตรวจจับสั ญญาณการค้นหาและ
การเลือกความใส่ ใจซึ่งทฤษฎีที่อธิบายถึงคุณลักษณะ
และหน้ าที่ดังกล่าวมี 2 กลุ่มคือทฤษฎีและแบบจำลอง
การเลือกการใส่ ใจที่เป็นทฤษฎีการกรองซึ่งแบ่งเป็น
แบบจำลองการเลือกแต่แรกและแบบจำลองการเลือก
ทีหลังและทฤษฎีแบบจำลองการแบ่งการใส่ ใจซึ่งแบ่ง
เป็นแบบจำลองสมรรถนะของความใส่ ใจทฤษฎีรู ปแบบ
พ หุ แ ล ะ แ น ว คิ ด ช่ว ง เ ว ล า ใ น ก า ร หั ก เ ห ท า ง จิ ต วิ ท ย า ใ น
การศึ กษาการใส่ ใจนั้ นอาจจะใช้ Eye Tracker ในการ
วัดการใส่ ใจทางการมองเห็นอย่างไรก็ตามการใส่ ใจ
ทางการมองเห็นของมนุษย์ ก็มีขีดจำกัด

1

ราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายของความใส่ ใจ
ว่า ความใส่ ใจ (Attention) คือ ภาวะจิตใจที่จดจ่ออยู่
ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ งความพยายามที่มุ่งหมายให้เกิด
ความรู้อย่างกระจ่าง (ราชบัณฑิตยสถาน, 2554,)

ความใส่ ใจ หมายถึง กระบวนการของความรู้ความ
เข้าใจและพฤติกรรมที่มุ่งเน้ นในการเลือกที่จะรับรู้
ข้ อ มู ล ที่ มี เ ป็ น จำ น ว น ม า ก ซึ่ ง อ า จ จ ะ แ ย ก กั น ไ ม่ ว่ า ข้ อ มู ล
นั้ นจะเป็นเชิงจิตวิสั ยหรือเชิง วัตถุวิสั ย (Subjective
or Objective) ในขณะเดียวกันก็จะละเลยในการรับรู้
ข้อมูลอื่น ๆ (Anderson, 2004, p. 519)

ความใส่ ใจ เป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนมีความเกี่ยวพัน
กับการท างานร่วมกันของความจำขณะ ทำงานและการ
ควบคุมขั้นสูงเพื่อดำเนิ นการแยกสิ่ งสำคัญจากข้อมูล
ความรู้สึ กที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก (Luck & Gold, 2008,
p. 34)

ความใส่ ใจ คือ การที่มีสติสั มปชัญญะและสตินั้ นต้อง
มีเป้าหมายที่จะทำให้เกิดความรู้อย่างกระจ่างชัด (นั นท
พล โรจนโกศล, 2552, หน้ า 51) ความใส่ ใจ หมายถึง
กระบวนการที่ช่วยให้บุคคลเลือกและมุ่งเน้ นในการ
ป้ อ น เ ข้ า ข อ ง ข้ อ มู ล โ ด ย เ ฉ พ า ะ อ ย่ า ง ยิ่ ง สำ ห รั บ ก า ร
ประมวลผลต่อไป ในขณะเดียวกันก็จะยับยั้งข้อมูลที่ไม่
เกี่ยวข้องหรือสิ่ งที่ทำให้เสี ยสมาธิ(Stevens&Bavelier,
2012, p. 30)

ความใส่ ใจ หมายถึง กระบวนการที่มุ่งใส่ ใจจำนวน
ของข้อมูลที่จำกัด จากจำนวนข้อมูลที่มี เป็นจำนวนมาก
ที่เป็นสิ่ งเร้าการรับรู้ซึ่งกระบวนการนี้ ครอบคลุมไปถึง
ทุ ก มุ ม ม อ ง ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง ไ ม่ ว่ า จ ะ เ ป็ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ที่ มี ห รื อ
ไม่มีสติสั มปชัญญะ(Conscious/Unconscious
Process) กระบวนการที่มี หรือไม่มีสติ (Awareness/
Unawareness) แม้แต่ความไม่ใส่ ใจ (Inattention) ก็
จัดเป็นความใส่ ใจ ด้วย (นั นทพล โรจนโกศล, 2552,
หน้ า 54)

2

ความใส่ ใจ หมายถึง ส่ วนประกอบของการรับรู้
เป็นตัวช่วยให้เกิดการรับรู้ข้อมูลที่จำเป็น ท่ามกลาง
ข้อมูลอันมากมายหากไม่สามารถควบคุมความใส่ ใจ
ข้อมูลเหล่านี้ จะไหลเข้าสู่ การรับรู้จน นำไปสู่ การเสี ย
สติได้ความใส่ ใจนี้ ครอบคลุมทั้งในส่ วนที่มีสติและไม่มี
สติ (Awareness and Unawareness) (นั นทพล โร
จนโกศล, 2552, หน้ า 55)

จากความหมายข้างต้นสรุ ปเป็นความหมายของ
ความใส่ ใจในงานวิจัยนี้ หมายถึง ภาวะจิตที่จดจ่ออยู่
กับสิ่ งใดสิ่ งหนึ่ งที่ช่วยให้เกิดการรับรู้ข้อมูล โดยการ
เลือกรับรู้และตอบสนองเฉพาะสิ่ งเร้าที่จดจ่อ อยู่ โดย
ความใส่ ใจเกิดได้จากการกระตุ้นและลักษณะของสิ่ ง
เร้าที่มากระตุ้น เช่น กระตุ้นด้วยการเคลื่อนที่ ของสิ่ ง
เร้าหรือความแตกต่างของสิ่ งเร้า เป็นต้น

3

ประเภทของ
ความใส่ใจ

ความใส่ ใจแบ่งตามลักษณะของสิ่ งเร้ามี 3 ลักษณะ
ดังนี้ (Dennis & Solomon, 2010, pp. 457)

Selective Attention คือ พฤติกรรมที่ใส่ ใจต่อสิ่ งใด
สิ่ งหนึ่ งในลักษณะการตอบรับต่อสิ่ งเร้าประกอบกับ
การคงพฤติกรรมดังกล่าวไว้ในระยะเวลาหนึ่ งจน
ละทิ้งความใส่ ใจหรือลดความใส่ ใจ ในสิ่ งอื่นในขณะ
เดียวกันนั้ น

Focused Attention คือ การมุ่งใส่ ใจจดจ่อสิ่ งใดสิ่ ง
หนึ่ งในลักษณะกระท าต่อสิ่ งเร้านั้ น โดยเจาะจงแคบ
ลงไปที่บางส่ วนหรือคุณสมบัติบางประการของสิ่ งเร้า
และละทิ้งความใส่ ใจหรือลดความใส่ ใจในส่ วนอื่นหรือ
คุณสมบัติอื่น ๆ ของสิ่ งเร้านั้ น ๆ

Sustained Attention คือ การมุ่งใส่ ใจจดจ่อสิ่ งใด
สิ่ งหนึ่ งในลักษณะกระทำต่อสิ่ งเร้าจนแสดงออกเป็น
พฤติกรรมในระยะเวลาหนึ่ ง

4

ความสำคัญของ
การใส่ใจ




ความใส่ ใจมีความสำคัญเนื่ องจากข้อมูลที่อยู่รอบ
ตัวเรานั้ นมีมากมายต่างหากเราเลือกที่จะสนใจและ
ใส่ ใจบางสิ่ งเพื่อให้สามารถจัดการกับข้อมูลดังกล่าว
ได้อย่างมีประสิ ทธิภาพความใส่ ใจมีผลต่อการรับรู้
ความจำภาษาและการแก้ไขปัญหา หากเรามีความใส่ ใจ
แล้วทำให้กระบวนการคิดที่ต่อจากนั้ นเป็นไปอย่างมี
ประสิ ทธิภาพและการใส่ ใจที่ดีนำไปสู่ การรับรู้ที่ถูก
ต้องและจำที่ดีอันนำไปสู่ การคิดในลักษณะต่างๆและ
ก า ร เ รี ย น รู้ เ ป็ น ต้ น

1. ด้านการเรียนรู้ คือ การเรียนรู้ต่างๆไม่ว่าจะ
เ ป็ น ใ น ห้ อ ง เ รี ย น น อ ก ห้ อ ง เ รี ย น ห รื อ ก า ร เ รี ย น รู้
จากประสบการณ์ ต้องอาศั ยความใส่ ใจเป็นพื้น
ฐ า น ใ น ก า ร เ รี ย น รู้

2. ด้านการประกอบอาชีพ คือ อาชีพต่างๆต้องการ
ความใส่ ใจสูงเช่นผู้ควบคุมทางอากาศนั กบินผู้
ค ว บ คุ ม แ ผ น ป ฏิ บั ติ ก า ร ใ น ห้ อ ง ต่ า ง ๆ บุ ค ล า ก ร
ท า ง ก า ร แ พ ท ย์ แ ล ะ ค น ขั บ ร ถ ส า ธ า ร ณ ะ เ ป็ น ต้ น

5

คุณลักษณะของ
ความใส่ใจ

1. ความใส่ ใจเชิงปัจจัยนำเข้ า คือ เป็นการตอบสนอง
แ บ บ ป ฏิ กิ ริ ย า ส ะ ท้ อ น ห รื อ แ บ บ อั ต โ น มั ติ
การตื่นตัวและการกระตุ้นเป็นความใส่ ใจ
เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ค ว า ม ส า ม า ร ถ พื้ น ฐ า น ใ น ก า ร ต อ บ
สนองต่อสภาพแวดล้อมประสาทสั มผัสพื้นฐาน
เ ช่น ก า ร ตื่ น ตั ว ห รื อ ก า ร ก ร ะ ตุ้ น เ ป็ น ส ภ า ว ะ จำ เ ป็ น
ข อ ง ร ะ บ บ ป ร ะ ส า ท ใ น ก า ร ตื่ น ตั ว ต อ บ ส น อ ง แ ล ะ
ปฏิสั มพันธ์กับสภาพแวดล้อม
ก า ร ต อ บ ส น อ ง อ ย่ า ง มี ทิ ศ ท า ง แ ล ะ ดึ ง ค ว า ม ส น ใ จ
เ ป็ น ปั จ จั ย นำ เ ข้ า ที่ มี คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ ต อ บ ส น อ ง อ ย่ า ง มี
ทิศทางและการดึงความสนใจ หรือหมายถึงการ
เปลี่ยนทิศทางเชิงโต้ตอบของความใส่ ใจมุ่งไปยัง
สิ่ งเร้าไม่ได้คาดคิดมาก่อน
จุดสนใจทางสายตา เป็นลักษณะหนึ่ งของความ
ใส่ ใจเชิงปัจจัยนำเข้าหมายถึงกลไกมุ่งมาให้ความ
ใส่ ใจทางจิตเตรียมพร้อมในการลงรหัสข้อมูลสิ่ ง
เ ร้ า

2. ความใส่ ใจเชิงควบคุม คือ เป็นการแบ่งปันอย่าง
ตั้ ง ใ จ เ ลื อ ก ใ น ก า ร แ บ่ ง ค ว า ม พ ย า ย า ม ข อ ง ส ม อ ง ห รื อ
การจดจ่อโดยลักษณะสำคัญของความใส่ ใจเชิง
ควบคุมคือการเลือกการใส่ ใจเป็นการเลือกจดจ่อสิ่ ง
ใดสิ่ งหนึ่ ง

6

คุณสมบัติของ
ความใส่ใจ




1. ความใส่ ใจมีขี ดจำกัด คือ ความใส่ ใจเป็นกระ
บวนการทางสมองที่ต่อเนื่ องไม่สามารถเกิดขึ้น
กับสิ่ งเร้าหรือข้อมูลทั้งหมดในเวลาเดียวกันได้

2. ความใส่ ใจเป็นการเลือก คือ บุคคลสามารถใช้
พ ลั ง ท า ง ส ม อ ง เ ลื อ ก จ ด จ่ อ กั บ ก ร ะ บ ว น ก า ร
ทางการคิดสิ่ งหนึ่ งหรืออีกสิ่ งหนึ่ งก็ได้หากเขา
เ ห็ น ว่ า เ ห ม า ะ ส ม

หน้าที่หลักของความใส่ใจ

1. การแบ่งความใส่ ใจ เราสามารถจัดการเกี่ยวกับการ
ทำกิจกรรมมากกว่า 1 อย่างในคราวเดียวกันและ
หันเหแบ่ง ความสนใจ เมื่อต้องการ

2. การเฝ้าระวังและตรวจสอบสั ญญาณ ในหลายๆ
สถานการณ์ เราพยายามระหว่างที่ตรวจจับว่าจะ
สามารถสั มผัสสั ญญาณได้หรือไม่ซึ่งเป็นสิ่ งเร้าเป้า
หมายเฉพาะที่เราสนใจโดยการใส่ ใจเฝ้าระหว่างที่
ตรวจจับสั ญญาณเราเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติกิริยาที่
รวดเร็วเมื่อตรวจจับสั ญญาณสิ่ งเร้าได้

3. การค้นหา เราจะเกี่ยวข้องในการปฏิบัติค้นหาสิ่ งเร้า
เฉพาะ

4. การเลือกความใส่ ใจ เมื่อเราตัดสิ นใจเลือกสิ่ งเร้าที่
ให้ความ ใส่ ใจ เราก็จะเพิกเฉยและไม่ให้ความสำคัญ
กับสิ่ งเร้าบางอย่าง

7

ตัวอย่างการใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ทาง
สังคมเชิงพุทธิปัญญา

(Social Cognitive Learning Theory)




ก า ร ท ด ล อ ง ที่ ส อ ง ก็ เ ป็ น ก า ร ท ด ล อ ง ข อ ง บั น ดู ร า
ร็อส และร็อส(1963) วิธีการทดลองเหมือนกับการ
ทดลองที่หนึ่ งแต่ใช้ภาพยนตร์แทนของจริง โดยกลุ่ม
หนึ่ งดูภาพยนตร์ที่ตัวแบบแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว อีก
กลุ่มหนึ่ งดูภาพยนตร์ที่ตัวแบบไม่แสดงพฤติกรร
ก้าวร้าว ผลของการทดลองที่ได้เหมือนกับการทดลอง
ที่หนึ่ ง คือเด็กที่ดูภาพยนตร์ที่มีตัวแบบแสดงพฤติกรรม
ก้าวร้าว จะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวมากกว่าเด็กที่อยู่ใน
กลุ่มที่ดูภาพยนตร์ที่ตัวแบบไม่แสดงพฤติกรรมที่
ก้าวร้าว บันดูราและเม็นลอฟ (Bandura & Menlove,
1968) ได้ศึ กษาเกี่ยวกับเด็ก ซึ่งมีความกลัวสั ตว์เลี้ยง
เช่น สุนั ข จนกระทั่งพยายามหลีกเลี่ยงหรือไม่มี
ปฏิสั มพันธ์กับสั ตว์เลี้ยง บันดูราและเม็นลอฟได้ให้เด็ก
กลุ่มหนึ่ งที่มีความกลัวสุนั ขได้สั งเกตตัวแบบที่ไม่กลัว
สุนั ข และสามารถจะเล่นกับสุนั ขได้อย่างสนุก โดยเริ่ม
จากการค่อย ๆ ให้ตัวแบบเล่น แตะ และพูดกับสุนั ขที่
อยู่ในกรงจนกระทั่งในที่สุดตัวแบบเข้าไปอยู่ในกรง
สุนั ข ผลของการทดลองปรากฏว่าหลังจากสั งเกตตัว
แบบที่ไม่กลัวสุนั ข เด็กจะกล้าเล่นกับสุนั ขโดยไม่กลัว
หรือพฤติกรรมของเด็กที่กล้าที่จะเล่นกับสุนั ขเพิ่มขึ้น
และพฤติกรรมที่แสดงว่ากลัวสุนั ขจะลดน้ อยไป การ
ทดลองของบันดูราที่เกี่ยวกับการเรียนรู้โดยการสั งเกต
หรือเลียนแบบมีผู้นำไปทำซ้ำ ปรากฏผลการทดลอง
เหมือนกับบันดูราได้รับ

8

นอกจากนี้ มีนั กจิตวิทยาหลายท่านได้ใช้แบบการ
เรียนรู้ โดยวิธีการสั งเกตในการเรียนการสอนวิชาต่าง
ๆความคิดพื้นฐานของทฤษฎีการเรียนรู้ทางสั งคมเชิง
พุ ท ธิ ปั ญ ญ า

1. บันดูราได้ให้ความสำคัญของการปฏิสั มพันธ์ของ
อินทรีย์และสิ่ งแวดล้อม และถือว่าการเรียนรู้ก็เป็น
ผลของปฏิสั มพันธ์ระหว่างผู้เรียนและสิ่ งแวดล้อม
โดยผู้เรียนและสิ่ งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อกันและกัน
บันดูราได้ถือว่าทั้งบุคคลที่ต้องการจะเรียนรู้และสิ่ ง
แ ว ด ล้ อ ม เ ป็ น ส า เ ห ตุ ข อ ง พ ฤ ติ ก ร ร ม แ ล ะ ไ ด้ อ ธิ บ า ย
การปฏิสั มพันธ์ ดังนี้

B = พฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ งของบุคคล
P = บุคคล (ตัวแปรที่เกิดจากผู้เรียน เช่น
ความคาดหวังของผู้เรียน ฯลฯ)
E = สิ่ งแวดล้อม
2. บันดูราได้ให้ความแตกต่างของการเรียนรู้
(Learning) และการกระทำ (Performance) ถือว่า
ความแตกต่างนี้ สำคัญมาก เพราะคนอาจจะเรียนรู้
อะไรหลายอย่างแต่ไม่กระทำ เป็นต้นว่านั กศึ กษาทุก
คนที่กำลังอ่านเอกสารประกอบการสอนนี้ คงจะ
ทราบว่า การโกงในการสอบนั้ นมีพฤติกรรม
อย่างไร แต่นั กศึ กษาเพียงน้ อยคนที่จะทำการโกง
จริง ๆ บันดูราได้
สรุ ปว่าพฤติกรรมของมนุษย์อาจจะแบ่งออกได้
เป็น 3 ประเภท

พฤติกรรมสนองตอบที่เกิดจากการเรียนรู้
ผู้ซึ่งแสดงออกหรือกระทำสม่ำเสมอ
พฤติกรรมที่เรียนรู้แต่ไม่เคยแสดงออกหรือ
กระทำ
พฤติกรรมที่ไม่เคยแสดงออกทางการกระทำ
เพราะไม่เคยเรียนรู้จริง ๆ



9

3. บันดูราไม่เชื่อว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจะคงตัวอยู่
เสมอ ทั้งนี้ เพราะสิ่ งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และ
ทั้งสิ่ งแวดล้อมและพฤติกรรมมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน
ตัวอย่างเช่น เด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวก็คาดหวังว่าผู้
อื่นจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อตนด้วย ความหวังนี้ ก็
ส่ งเสริมให้เด็กแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว และผลพวงก็
คือว่าเด็กอื่น (แม้ว่าจะไม่ก้าวร้าว) ก็จะแสดงพฤติกรรม
ตอบสนองแบบก้าวร้าวด้วย และเป็นเหตุให้เด็กที่มี
พ ฤ ติ ก ร ร ม ก้ า ว ร้ า ว ยิ่ ง แ ส ด ง พ ฤ ติ ก ร ร ม ก้ า ว ร้ า ว ม า ก ยิ่ ง
ขึ้น ซึ่งเป็นการย้ำความคาดหวังของตน บันดูราสรุ ปว่า
“เด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวจะสร้างบรรยากาศก้าวร้าว
รอบ ๆ ตัว จึงทำให้เด็กอื่นที่มีพฤติกรรมอ่อนโยนไม่
ก้าวร้าวแสดงพฤติกรรมตอบสนองก้าวร้าว เพราะ
เป็นการแสดงพฤติกรรมต่อสิ่ งแวดล้อมที่ก้าวร้าว”

10

กระบวนการความใส่ใจ (Attention)




ความใส่ใจของผู้เรียนเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าผู้เรียนไม่มี
ความใส่ใจในการเรียนรู้ โดยการสังเกตหรือการเลียนแบบ
ก็จะไม่เกิดขึ้น ดังนั้ น การเรียนรู้แบบนี้ ความใส่ใจจึงเป็นสิ่ง
แรกที่ผู้เรียนจะต้องมี บันดูรากล่าวว่าผู้เรียนจะต้องรับรู้ส่วน
ประกอบที่สำคัญของพฤติกรรมของผู้ที่เป็นตัวแบบ องค์
ประกอบที่สำคัญของตัวแบบที่มีอิทธิพลต่อความใส่ ใจของผู้
เรียนมีหลายอย่าง เช่น เป็นผู้ที่มีเกียรติสูง (High Status) มี
ความสามารถสูง (High Competence) หน้ าตาดี รวมทั้งการ
แต่งตัว การมีอำนาจที่จะให้รางวัลหรือลงโทษ

คุณลักษณะของผู้เรียนก็มีความสั มพันธ์กับ
กระบวนการใส่ใจ ตัวอย่างเช่น วัยของผู้เรียน ความสามารถ
ทางด้านพุทธิปัญญา ทักษะทางการใช้มือและส่วนต่าง ๆ ของ
ร่างกาย รวมทั้งตัวแปรทางบุคลิกภาพของผู้เรียน เช่น ความ
รู้สึกว่าตนนั้ นมีค่า (Self-Esteem) ความต้องการและทัศนคติ
ของ ผู้เรียน ตัวแปรเหล่านี้ มักจะเป็นสิ่งจำกัดขอบเขตของ
การเรียนรู้โดยการสังเกต ตัวอย่างเช่น ถ้าครูต้องการให้เด็ก
วัยอนุบาลเขียนพยัญชนะไทยที่ยาก ๆ เช่น ฆ ม โดยพยายาม
แสดงการเขียนให้ดูเป็นตัวอย่าง ทักษะการใช้กล้ามเนื้ อใน
การเคลื่อนไหวของเด็กวัยอนุบาลยังไม่พร้อมฉะนั้ นเด็กวัย
อนุบาลบางคนจะเขียนหนั งสือตามที่ครูคาดหวังไม่ได้

11

ทฤษฎีเกี่ยวกับการแบ่งความใส่ใจ




แบบจำลองสมรรถนะของความใส่ใจ คือ มนุษย์
สามารถทำสิ่ งต่างๆได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันโดยมีตัว
จัดการจากศูนย์ประสาทส่ วนกลางเป็นตัวแบ่งความใส่ ใจ
และพิจารณา จากความต้องการ

1. ความยากของงาน
2. การฝึกฝน
งานง่ายจะใช้ความใส่ใจน้ อยซึ่งเราสามารถทำงานง่ายๆ
พร้อมกันได้ถ้างานยากต้องเพิ่มความใส่ ใจทั้งหมดไปที่งาน
ความใส่ ใจเกี่ยวข้องกับจำนวนของความสามารถทางสมองที่
ต้องใช้ในการทำงาน

กระบวนการทางสมองที่
เกี่ยวกับความใส่ใจ




การศึ กษาภาพสมองในมนุษย์และสั ตว์ในหลายการ
ศึกษา แสดงให้เห็นว่าโครงสร้างทางระบบประสาทเกี่ยวกับ
เครือข่ายของความใส่ใจ ประกอบด้วยส่วนหน้ า (Frontal
Component)ซึ่งอยู่ในสมองส่วนหน้ า (Anterior) และส่วน
พาไรเอทัล (Parietal Component) ในสมองส่วน
หลัง(Posterior) (Driver & Frackowiak, 2001, pp. 1257-
1262) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

12

1. สมองส่วนหน้า (Forebrain) ทำหน้ าที่เกี่ยวกับการ
ควบคุมความสัมพันธ์ของการรับรู้ความเข้าใจ การมีเหตุผล
การแก้ปัญหา การสั่งการเคลื่อนไหวและกระบวนการทาง
ปัญญา (Serrien,Ivry, & Swinnen, 2006, pp. 160-166) โดย
สมองส่วนหน้ าที่เกี่ยวข้องกับความใส่ใจ คือ สมองส่วนหน้ า
สุดด้านล่างช้าย (Ventrolateral Prefrontal Cortex:
VLPFC) และสมองส่วนหน้ าสุดด้านบนซ้าย มีความสำคัญต่อ
การตอบสนองในส่ วนของการควบคุมบนลงล่างและให้
ความใส่ ใจโดยตรงต่อกิจกรรมและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
(Botvinick, Cohen, & Carter, 2004, pp. 539-546) สมอง
ส่วนคอร์เท็กซ์ด้านหน้ า (Anterior Cingulate Cotex: ACC)
ทำหน้ าที่ควบคุม ค้นหาความขัดแย้งจากสิ่งกระตุ้นที่มา
รบกวน (Weissman, Warner, & Woldorff, 2004, pp.
10941-10949) การเลือกตอบสนองและการยับยั้ง สมอง
ส่วนนี้ จะถูกกระตุ้นเมื่อต้องให้ความใส่ใจต่อลักษณะสิ่งเร้าที่
มีมากกว่าหนึ่ งลักษณะ
2. สมองส่วนพาไรเอทัล (Parietal) ทำหน้ าที่เกี่ยวกับการ
รับรู้ความรู้สึกสัมผัสจากร่างกายการรับรู้ตำแหน่ งของ
ร่างกายส่วนต่าง ๆ รวมทั้งนำการรับรู้ในส่วนนี้ ประสานกับ
การรับรู้ภาพและเสียงเช่น การประมวลผลข้อมูลทางสายตา
ทางความรู้สึกสัมผัส ความรู้ ความเข้าใจ และจินตนาการ
เกี่ยวกับตำแหน่ ง เป็นต้น (Kanwisher & Wojciulik, 2000,
pp. 91-100) การวิเคราะห์ผสมผสานข้อมูลของการมองเห็น
ในระดับสูงและเป็นเครือข่ายของการเกิดความใส่ ใจร่วมกับ
บริเวณสมองส่วนหน้ า คือ เครือข่ายฟรอนโตพาไรเอทัล
(Frontoparietal Network) ที่ทำหน้ าที่ส่งสัญญาณความ
ใส่ใจจากบนลงล่าง (Top-Down Attention) ไปยังพื้นที่ส่วน
อื่น ๆ เช่น ส่วนรับความรู้สึก เพื่อให้ใส่ใจต่อลักษณะของสิ่ง
เร้า (Frith, 2001, pp. 1367-1371) นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่หลาย
ส่วนที่มีความสำคัญกับความใส่ใจ จึงเป็นเครือข่ายท างาน
ร่วมกันในบริเวณเปลือกสมอง เช่น เรติคูลาร์ฟอร์เมชัน
(Reticular Formation) ทำหน้ าที่ส่งข้อมูลที่เข้ามาไปยังทา
ลามัส (Thalamus)

13

ซึ่งอยู่ใต้ซีรีบรัม (Cerebrum)และเหนื อไฮโปทาลามัส
(Hypothalamus) ซึ่งทำหน้ าที่เหมือนศูนย์ถ่ายทอดสัญญาณ
ของร่างกายระหว่างไขสันหลังและซีรีบรัม โดยท าหน้ าที่เป็น
ศูนย์รวมกระแสประสาทที่ผ่านเข้าแล้วถ่ายทอดกระแส
ประสาทไปยังส่วนต่าง ๆ ของสมองที่เกี่ยวข้องกับกระแส
ประสาทนั้ น ๆ โดยการแปลสัญญาณ
ที่รับเข้ามา เพื่อปรับความใส่ใจและการกรองสิ่งรบกวนออก
(Filbey, Russell, Morris, Murray, &
McDonald, 2008, pp. 1-13) สมองแต่ละด้านจะมีเปลือก
สมองส่วนการเห็น เปลือกสมองส่วนการเห็นของซีกสมอง
ด้านซ้ายรับสัญญาณจากลานสายตา (Visual Field) ด้านขวา
และเปลือกสมองส่ วนการเห็นของซีก

สมองด้านขวาจะรับสัญญาณจากลานสายตาด้านซ้าย ซึ่ง
เปลือกสมองส่วนการมองเห็นแบ่งเป็น 2 วงจร คือ

1. วงจรสัญญาณด้านบน (Dorsal Stream) หรือทาง
สัญญาณบอกว่าทำอย่างไร (How Pathway) ประกอบด้วย
สมองกลีบด้านข้าง (Parietal Lobe) ที่เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยว
กับตำแหน่ งทิศทาง การเคลื่อนไหว ระยะระหว่างวัตถุ
เป็นต้น

2. วงจรสัญญาณด้านล่าง (Ventral Stream) หรือทาง
สัญญาณบอกว่าอะไร (What Pathway) ประกอบด้วย สมอง
ส่วนกลีบขมับ (Temporal Lobe) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเภท
ของวัตถุ เช่น สี ขนาด รูปร่าง เป็นต้น โดยมีสมองส่วนหลัง
เป็นส่วนหนึ่ งของทั้งสองวงจร (Mochizuki & Kirino, 2008,
pp. 98-104)

14

สมองซีกขวาเป็นสมองส่วนที่เป็นจิตใต้สำนึ กทำหน้ าที่
เกี่ยวกับทิศทาง ความเข้าใจการสร้างสรรค์ทำให้สามารถทำได้
หลายอย่างในเวลาเดียวกัน จะมองภาพแบบรวมมากกว่าการ
เจาะลึกในรายละเอียด เป็นส่วนที่ค่อนข้างผ่อนคลายและมีหน้ า
ที่เกี่ยวกับการรับรู้(Perception) มากกว่าสมองซีกซ้าย ซึ่งเป็น
สมองส่วนที่อยู่ใต้จิตสำนึ กที่จะทำได้ทีละอย่างและทำหน้ าที่
เกี่ยวกับการแสดงออก การมุ่งใส่ใจจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ งใน
ลักษณะกระทำต่อสิ่งเร้า โดยเจาะจงแคบลงไปที่บางส่วนหรือ
คุณสมบัติบางประการของสิ่งนั้ น และละทิ้งความใส่ใจหรือลด
ความใส่ใจในส่วนอื่นหรือคุณสมบัติอื่น ๆ สมองทั้งสองส่วนมี
ความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงานของสมองในบริเวณส่ วน
หน้ า (Frontal Cortex) และมีการเชื่อมโยงกับการทำงานของ
สมองส่วนหลัง (Occipital Lobe) เมื่อมีความใส่ใจต่อสิ่งเร้า
สมองส่วนของ Prefrontal lobe จะรับใยประสาทนำเข้ามาจาก
สมองส่วนกลางและสมองส่วนหน้ า ในขณะเดียวกันสิ่งเร้าที่
กระตุ้นการทำงานของ Anterior Attention System จะส่งใย
ประสาทไปกระตุ้นการทำงานของ Posterior Attention
System บริเวณ Parietal Cortex ของสมอง จากนั้ นจะส่งใย
ประสาทไปมีอิทธิพลต่อระบบประสาทรับความรู้สึกด้วย ซึ่งจะ
ส่งไปยังสมองส่วน Prefrontal Cortex และสมองบริเวณ
Amygdala เกิดเป็นกระบวนการที่มีบทบาทสำคัญต่อ
กระบวนการรับรู้ต่อสิ่งเร้า (Cognitive Processing) ซึ่งเป็นก
ระบวนการให้ความใส่ใจต่อสิ่งเร้าขั้นสูงสุด กระบวนการให้
ความใส่ใจต่อสิ่งเร้านี้ จัดเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญอย่างมาก
ในการเข้ารหัส (Encoding) ของกระบวนการเรียนรู้และความ
จำ โดยสมองที่มีบทบาทส่วนนี้ ได้แก่ Prefrontal
และPosterior Parietal ซึ่งกระบวนการเข้ารหัสเป็นกระบวน
การเริ่มต้นที่สำคัญของความจำ

15

ขณะที่สิ่งเร้ากระตุ้นการทำงานของ Anterior Attention
System จะส่งใยประสาทไปกระตุ้นการทำงานของ Posterior
Attention System ที่บริเวณ Parietal Cortex จากนั้ นจะส่ง
ใยประสาทไปมีอิทธิพลต่อระบบประสาทรับความรู้สึก รวม
ทั้งระบบที่ทำหน้ าที่เกี่ยวกับการตื่นตัวที่บริเวณก้านสมองซึ่ง
จะใช้สารสื่อประสาทกลุ่มนอร์อดรีนาลีน (Noradrenaline)
เป็นสารสื่อประสาทนอกจากนั้ น ในขณะที่สิ่งเร้ากระตุ้น
ระบบ Attention System ที่บริเวณเปลือกสมองใหญ่ก็ยังคง
กระตุ้นที่บริเวณของ Locus Coeruleus ซึ่งเป็นสมองส่วนที่
เกี่ยวข้องกับอารมณ์และการตอบสนองต่อความเครียด หาก
เป็นความใส่ ใจที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายที่มีแรงจูงใจเป็น
รางวัล (Reward) หรือแรงเสริมเชิงบวก (Positive
Reinforcement) จะมีความเกี่ยวข้องกับระบบประสาทที่ใช้
สารสื่อประสาทโดพามีน (Dopamine) หรือที่เรียกว่า ระบบ
ประสาทโดพามิเนอร์จิค โดยเฉพาะ Mesocortical Pathway
ที่มีความสำคัญในกระบวนการคิดและการวางแผน เนื่ องจาก
ระบบประสาทโคลิเนอร์จิค ที่เปลือกสมองใหญ่
จะมuปฏิสั มพันธ์กับระบบประสาทโดพามิเนอร์จิคผ่านใย
ประสาทของระบบประสาทโดพามิเนอร์จิค ที่ส่งมายังเปลือก
สมองใหญ่ผ่านทางสมองส่วน Rectum และใยประสาทของ
ระบบประสาทโดพามิเนอร์จิคที่ส่ งมายังสมองส่ วน
Prefrontal Cortex และ Nucleus Accumben ซึ่งจะส่งใย
ประสาทไปยัง Basalforebrain การที่ระบบประสาทโดพามิ
เนอร์จิค มีใยประสาทมาควบคุมการทำงานของระบบ
ประสาทโคลิเนอร์จิค ที่บริเวณเปลือกสมองใหญ่จะสามารถ
เพิ่มความใส่ใจต่อสิ่งเร้าได้ดีขึ้น ซึ่งกระบวนการของความ
ใส่ใจมีองค์ประกอบย่อย ดังนี้

องค์ประกอบที่ 1 ความตื่นตัว (Alert) หมายถึง การปรับ
สภาพให้พร้อมรับสถานการณ์ที่จะเกิด (Task Related
Event) ทั้งนี้ ต้องการบรรลุจากสภาวะปกติ (Internal State)
และต้องคงสภาพระดับของการกระตุ้นให้คงอยู่ถือว่าเป็นขั้น
ตอนแรกที่มีความสำคัญที่สุด ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเกิด
โครงข่ายความใส่ใจ (Attention Networks) ในการศึกษา
ทางประสาทกายวิภาคศาสตร์(Neuroanatomy) และ
เทคโนโลยีภาพถ่ายรังสี (Radiology)

16

ในปัจจุบันพบว่า ความตื่นตัวมีความเกี่ยวข้องกับสมองส่วน
ทาลามัส (Thalamus) กลีบสมองส่วนหน้ า (Frontal Lobe)
และกลีบสมอง ส่วนบน (Parietal Lobe) สารสื่อประสาทที่มี
ความสำคัญต่อความตื่นตัวนี้ คือ นอร์เอฟิเนฟริน
(Norepinephrine) ที่จะท าหน้ าที่ปรับสัญญาณประสาท
(Neural Activity Modulation)

องค์ประกอบที่ 2 การจัดเรียง (Orient) เป็นการเลือก
ข้อมูลที่เกิดจากสิ่งเร้าภายนอกซึ่งอาจมีหลายอย่าง ขั้นตอน
ของการรับรู้และการจัดเรียงนั้ นจะมุ่งที่สัญญาณนำเข้า
(Input) ที่สำคัญที่สุดในทางสรีระที่เรียกว่า Afferent Nerve
Fiber หมายถึง เส้นใยประสาทซึ่งนำสัญญาณประสาทเข้าสู่
ระบบประสาทส่วนกลาง เช่น การรับความรู้สึก (Sensation)
จากตัวรับ (Receptors) ซึ่งขั้นตอนในการรับรู้และการจัด
เรียงจะเกี่ยวข้องในขั้นตอนนี้ มีหลักฐานการวิจัยที่ชี้ชัดว่า
สมองที่มีความเกี่ยวข้องคือ กลีบสมองส่วนบน (Frontal
Lobe) กลีบสมองส่วนขมับ (Temporal Lobe)รวมถึงบริเวณ
สมองส่วนการรับภาพ (Frontal Eye Field) ซึ่งการท างาน
ของสมองที่เกี่ยวข้องในส่ วนของการรับรู้การจัดเรียงสามารถ
แบ่งออกเป็นหลายลักษณะ คือ การควบคุมจากบนลงล่าง
(TopDown and Controlled) การควบคุมจากล่างขึ้นบน
(Involuntary Bottom-Up and Automatic) การทำงานแบบ
เปิดเผย (Overt Without Head/ Eye Movement) การท า
งานแบบไม่เปิดเผย (Covert Without Head/ Eye
Movement) ที่พบในการเคลื่อนไหวของศีรษะและตา การจัด
เรียงตำแหน่ งและทิศทาง (Location Based Orienting to
Spatial Locations) การจัดเรียงในวัตถุ (Object Based
Orienting to Objects)

17

องค์ประกอบที่ 3 ความใส่ใจขั้นสูง (Executive
Attention) คือ ความสามารถในการตอบสนองต่อ
สถานการณ์ที่ซับซ้อน โดยที่การแสดงออกสามารถเกิดขึ้นได้
หลายแบบ ควบคุมการทำงานของความใส่ใจขั้นสูง มีความ
สั มพันธ์กับการแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนจนได้ผลลัพธ์คือ
ข้อมูลที่มีความสมบูรณ์ ดังนั้ น กระบวนการนี้ จึงมีความ
เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองขั้นสูง (Higher Brain
Function) ประกอบด้วยการวางแผน การตัดสินใจ การแยก
ความแตกต่างระหว่างความถูกต้องหรือสิ่งที่ผิด สถานการณ์
เก่าหรือสถานการณ์ใหม่ที่ต้องตอบสนอง วิธีการทดลองที่
เป็นการศึกษานี้ คือ Stoop Task โดยผู้เข้าร่วมการทดลอง
ต้องมีการตอบสนองต่อสีของหมึกที่ใช้พิมพ์ โดยไม่ตรงกับ
ความหมายที่ปรากฏ ผลปรากฏว่า ผู้อ่านจะต้องใช้เวลามาก
ขึ้นในการบอกความหมายของคำที่เป็น เช่นนี้ เพราะสีของ
หมึกที่พิมพ์มารบกวนความใส่ใจของผู้อ่าน ท าให้ต้องใช้เวลา
มากขึ้น ในการบอกความหมายของคำการศึกษาทางประสาท
กายวิภาคศาสตร์และภาพถ่ายรังสี ปรากฏว่า พื้นที่สมองที่มี
ความเกี่ยวข้อง คือ บริเวณตรงกลางของสมองส่วนหน้ า
(Anterior Cingulate Cortex) และสมอง
ส่วนหน้ าด้านข้าง (Lateral Prefrontal Cortex) (Tang et
al., 2007, pp. 17152-17156)

18

References

บรรณานุกรม




ดุสิต โพธิ์พันธุ์.(2559). การเพิ่มความใส่ใจของนั กเรียนจ่านา
วิกโยธินโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ฝึกการเคลื่อนไหว
ของตาแบบติดตามวัตถุ: การศึกษาศักย์ไฟฟ้าสมอง
สัมพันธ์กับเหตุการณ์ สาขาวิชาการวิจัยและสถิติทาง
วิทยาการปัญญาวิทยาลัยวิทยาการวิจัยและวิทยาการ
ปัญญา มหาวิทยาลัยบูรพา.

ปวีณา โฆสิโต.(2562). จิตวิทยาการู้คิด (Cognitive Psycology).
เชียงใหม่: ส.อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี.


Click to View FlipBook Version