The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการแกล้งดินสมบูรร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-11-06 05:29:11

โครงการแกล้งดินสมบูรร

โครงการแกล้งดินสมบูรร

โครงการแกล้งดนิ

โครงการพระราชดาริ

ในพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช

วชิ าศาสตรพ์ ระราชา 30000-1502 จัดทาโดย
อาจารยว์ ลิ าวลั ย์ จินะ
วทิ ยาลยั เทคนคิ ลพบรุ ี

นางสาวลักษณพร อางค์ประเสริฐ 64302040072

นางสาวราชาวดี นงค์คราญ 64302040071

นางสาวภทั รกร แสงคุณ 64302040070

นางสาวพรชนก บุญชนื่ 64302040068

นายดนัย ประจาการ 64302040062

สารบญั

คานา 1
ความหมาย แกลง้ ดิน 2
ที่มาของโครงการ 4
การดาเนินงาน 5
ทฤษฎีแกลง้ ดิน 8
แผนงานหลกั 9
ผลการทดลอง 11
ความสาเร็จของโครงการ 12

คำนำ

ตลอด ๗๐ ปี แห่งกำรครองรำชย์ของพระบำทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหำภูมพิ ลอดุลย
เดชรัชกำลที่ ๙ พระองค์มีพระรำชดำริเกยี่ วกบั โครงกำรต่ำงๆเพ่ือยกระดบั คุณภำพชีวติ
ของพสกนิกรชำวไทยกว่ำ ๔,๖๐๐ โครงกำรซึ่งแต่ละโครงกำรล้วนแสดงถึงพระ
อจั ฉริยภำพพระวริ ิยะอตุ สำหะและพระรำชปณธิ ำนท่ีจะขจดั ปัญหำควำมทุกข์ยำกของ
รำษฎรทรงทุ่มเทพระวรกำยในกำรเสด็จพระรำชดำเนินไปเยี่ยมเยียนรำษฎรในพืน้ ท่ี
ห่ำงไกลพระรำชทำนแนวพระรำชดำริแนวทำงกำรดำเนินงำนและคำแนะนำเพ่ือแก้ไข
ปัญหำรวมถงึ ทรงสร้ำงสรรค์นวตั กรรมและสิ่งประดษิ ฐ์ต่ำงๆด้วยพระองค์เองจนทำให้
โครงกำรเหล่ำน้ันสำเร็จลุล่วงด้วยดี

หนังสือชุดศำสตร์พระรำชำได้น้อมนำโครงกำรตำมพระรำชดำริที่เป็ นแบบอย่ำงอนั
ดีในกำรศึกษำหลกั กำรทรงงำนของพระองค์ท่ำนซึ่งมีหลกั กำรสำคญั คือ“ เข้ำใจเข้ำถึง
พฒั นำ” เพ่ือเป็ นแรงบันดำลใจที่จะน้อมเกล้ำน้อมกระหม่อมนำหลักคดิ และพระรำช
กรณียกจิ ของพระองค์ไปศึกษำค้นคว้ำและประยุกต์ใช้ให้เกดิ ประโยชน์แก่ตนเองและ
ประเทศชำตสิ ืบไป

ปวงขา้ พระพุทธเจา้ ขอนอ้ มเกลา้ นอ้ มกระหม่อมราลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาท่ีสุดมิได้
ขา้ พระพุทธเจา้ กล่มุ นักศึกษำแผนกคอมธุรกจิ

โครงกำรแกล้งดนิ

แกล้งดิน หมายถึง กระบวนการเร่งปฏิกิริยาเคมีในดินซ่ึงมีศกั ยห์ รือความพร้อมจะเป็ นดินเปร้ียว ให้เปร้ียว
รุนแรงมีกรดจดั จากน้นั จึงปรับปรุงโดยเติมปูนขาวหรือด่าง ร่วมกบั การใชร้ ะบบชลประทานนาน้ามาเจือจาง
ดินเปร้ียวจนสามารถเพาะปลูกได้ เป็ นแนวพระราชดาริที่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวพระราชทานเม่ือ
พุทธศกั ราช ๒๕๒๗ เพ่ือการทดลองที่ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาพิกุลทองอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ เม่ือไดผ้ ล
แล้วจึงนาไปประยุกต์ใช้ในพ้ืนท่ีดินเปร้ียว เช่น พรุในจงั หวดั นราธิวาส และพ้ืนที่ดินเปร้ียวในจงั หวดั
นครนายก เป็ นตน้ การแกลง้ ดิน คือการเร่งปฏิกิริยาเคมีของดินที่มีแร่กามะถนั หรือสารประกอบไพไรต์
(Pyrite) โดยทาให้ดินแห้งและเปี ยกสลับกัน เมื่อดินแห้งสัมผสั กับอากาศ ทาให้แร่กามะถนั กลายเป็ น
ออกไซด์ของเหล็กและซลั เฟต เม่ือทาให้ดินเปี ยกซลั เฟตผสมกบั น้ากลายเป็ นกรดอีกคร้ัง เม่ือดินถูกแกลง้
สลบั ไปมาจนกลายเป็ นดินท่ีเปร้ียวรุนแรงหรือเป็ นกรดจดั จากน้นั จึงปรับปรุงดินโดยเติมฝ่ ุนปูนซ่ึงเป็ นด่าง
ร่วมกบั การใชร้ ะบบชลประทานควบคุมระดบั น้าใตด้ ินและนาน้ามาเจือจางดินเปร้ียวจนสามารถเพาะปลูก
ขา้ ว พืชไร่เช่น ขา้ วโพด ผลไมเ้ ช่นเสาวรสและเล้ียงปลาเช่นปลานิลได้ แนวพระราชดาริแกลง้ ดินมาจากการ
เลียนแบบสภาพธรรมชาติของพ้ืนท่ีภาคใต้ ซ่ึงมีฤดูแลง้ ๔ เดือน ฤดูฝน ๘ เดือน การทดลองใช้วิธีร่นระย
เวลาช่วงแลง้ และช่วงฝนในรอบปี ใหส้ ิ้นลง ปล่อยใหด้ ินแห้ง ๑ เดือน และขงั น้าให้ดินเปี ยกนาน ๒ เดือน ปี
หน่ึงจึงมีภาวะดินแหง้ และดินเปี ยก ๔ รอบ เหมือนมีฤดูแลง้ สลบั ฤดูฝนปี ละ ๔ คร้ัง

ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาพิกุลทองอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ ไดศ้ ึกษาวจิ ยั และปรับปรุงดินโดยวธิ ีการแกลง้ ดิน
จนประสบผลสามารถแกป้ ัญหาดินเปร้ียวในพ้ืนที่พรุใหเ้ พาะปลูกได้ และขยายผลไปยงั พ้ืนที่พรุบา้ นโคกอิฐ-
โคกโพธ์ิ อาเภอตากใบ จงั หวดั นราธิวาส สามารถเพ่ิมผลผลิตขา้ วไร่ละ ๕-๑๐ ถงั เป็ น ๔๐-๕๐ ถงั เมื่อ
พุทธศกั ราช ๒๕๓๕ นอกจากน้ียงั นาแนวพระราชดาริแกลง้ ดินไปใใชใ้ นพ้ืนที่พรุแค จงั หวดั ปัตตานี มีการ
ปลูกขา้ วพนั ธุ์ชยั นาท ขา้ วพนั ธุ์แก่นจนั ทร์ ขา้ วพนั ธุ์เฉ้ียงพทั ลุง ขา้ วพนั ธุ์หอมสุพรรณบุรี ไดผ้ ลเป็ นท่ีน่า
พอใจ พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตแก่สานกั งาน
คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) ดาเนินการขอ
จดสิทธิบตั ร และกรมทรัพยส์ ินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ทูลเกลา้ ทูลกระหม่อมถวายสิทธิบตั รในพระ
ปรมาภิไธย เลขที่ ๒๒๖๓๗ วนั ท่ี ๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐ สาหรับการประดิษฐ์คือ กระบวนการปรับปรุง
สภาพดินเปร้ียวเพื่อใหเ้ หมาะแก่การเพาะปลูก (โครงการแกลง้ ดิน)



ทม่ี ำของโครงกำร

สืบเน่ืองจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว และสมเด็จพระนางเจา้ ฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จแปร
พระราชฐานไปยงั จงั หวดั ต่าง ๆ อยอู่ ยา่ งสม่าเสมอในการเสด็จแปรพระราชฐานทุกคร้ังมิไดเ้ พ่ือทรงพกั ผ่อน
เช่น สามญั ชนทวั่ ไป แต่จะเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยยี่ มเยียนราษฎรหรือติดตามโครงการต่าง ๆ ท่ีทรง
ริเริ่มหรือมีพระราชดาริไว้ ดงั น้นั เพ่ือเป็ นการถวายความสะดวกแด่พระประมุขของชาติ รัฐบาลจึงสร้างพระ
ตาหนกั นอ้ มเกลา้ ฯ ถวายเป็ นที่ประทบั ในคราวเสด็จแปรพระราชฐานไวใ้ นหลายจงั หวดั เช่น พระตาหนกั ภู
พิงคร์ าชนิเวศน์ ท่ีจงั หวดั เชียงใหม่ พระตาหนกั ทกั ษิณราชนิเวศน์ ที่จงั หวดั นราธิวาส เป็นตน้

จากการเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเย่ียมราษฎรในจงั หวดั ภาคใต้ ทาให้ทรงทราวว่าราษฎรมีความ
เดือดร้อนหลายเรื่องโดยเฉพาะในกลุ่มของเกษตร เช่น การขาดแคลนท่ีทากินหรือปัญหาในพ้นื ที่พรุซ่ึงมีน้า
ขงั อยตู่ ลอดปี แมส้ ามารถทาใหน้ ้าแหง้ ได้ ดินในพ้ืนท่ีเหล่าน้นั ก็ยงั เป็ นดินเปร้ียวจดั ทาการเกษตรไดผ้ ลน้อย
ไม่คุ้มทุนพระองค์ทรงตระหนักถึงปัญหาเหล่าน้ีว่ามีความ จานงเร่งด่วนที่จะต้องพระราชทานความ
ช่วยเหลือ ดงั จะเห็นไดจ้ ากความตอนหน่ึงในพระราชดารัสตอ่ ไปน้ี

“ ..ท่ีท่ีน้าท่วมนี่หาประโยชน์ไม่ไดถ้ ้าเราจะทาให้มนั โผล่พน้ น้าข้ึนมา มีการระบายน้าออกไป ก็จะเกิด
ประโยชน์กบั ประชาชนในเรื่องของการทามาหากินอย่างมหาศาล..”พระองคท์ รงมอบให้หน่วยราชการที่
เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาหาแนว ทางในการปรับปรุงพ้ืนท่ีพรุซ่ึงมีน้าแช่ขงั อยู่ตลอดปี มาใช้ให้เกิด
ประโยชน์ต่อการทาเกษตรใหไ้ ดม้ ากที่สุด โดยตอ้ งคานึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศของป่ าพรุดว้ ยการที่ดิน
ในป่ าพรุเป็ นดินเปร้ียวจดั ก็เพราะ ดินเหล่าน้ีเป็ นดินท่ีมีอินทรียวตั ถุคือรากพืชเน่าเปื่ อยอยูข่ า้ งบน และใน
ระดบั ความลึกประมาณ 1-2 เมตร มีลกั ษณะเป็ นดินเลนสีเทาปนน้าเงินซ่ึงมีสารประกอบไพไรต์หรือ
กามะถนั อยูม่ าก ดงั น้นั เม่ือดินแห้ง กรดกามะถนั ก็จะทาปฏิกิริยากอั ากาศทาให้แปรสภาพเป็ นดินเปร้ียวจดั
พระองค์จึงมีพระราชประสงค์จะแก้ไขปัญหาน้ีให้กับราษฎร เม่ือวันท่ี 16 กันยายน พ.ศ. 2527
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวพระราชทานพระราชดาริ อนั เป็ นตน้ กาเนิดของโครงการ แกลง้ ดิน ที่ศูนย์
ศึกษาการพฒั นาพิกุลทองฯ ความว่า “..ให้มีการทดลองทาดินให้เปร้ียวจดั โดยการระบายน้าให้แห้งและ
ศึกษาวิธีการแกด้ ินเปร้ียว เพ่ือนาผลไปแกป้ ัญหาดินเปร้ียวให้แก่ราษฎรท่ีมีปัญหาในเร่ืองน้ีในเขต จงั หวดั
นราธิวาส โดยให้ทาโครงการศึกษาทดลองในกาหนด 2 ปี ..”โครงการ “ แกลง้ ดิน” จึงกาเนิดข้ึนโดยมีศูนย์
ศึกษาการพฒั นาพิกุลทองฯ เป็ นหน่วยดาเนินการสนองพระราชดาริ เพื่อศึกษาการเปล่ียนแปลงความเป็ น
กรดของดินกามะถนั

กำรดำเนินงำน

วธิ ีดำเนินกำรในโครงกำร เร่ิมจากการแกลง้ ดินใหเ้ ปร้ียวโดยการทาให้ดินแหง้ และเปี ยกสลบั กนั ไป เพ่ือเร่ง
ปฏิกิริยาทางเคมีของดินซ่ึงจะไปกระตุน้ สารประกอบกามะถนั หรือสารประ กอบไพไรต์ ให้ทาปฏิกิริยากบั
ออกซิเจนในอากาศส่งผลให้ดินเป็นกรดจดั คือตอ้ งการ “แกลง้ ดินใหเ้ ปร้ียวจนสุดขีด” จนพืชเศรษฐกินตา่ งๆ
ไม่สามารถเจริญงอกงามใหผ้ ลผลิตได้ จากน้นั จึงหา

วธิ ีปรับปรุงดินดงั กล่าวใหส้ ามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้
โดยมีแนวพระราชดาริดงั น้ี

1. แกไ้ ขโดยวธิ ีการควบคุมระดบั น้าใตด้ ิน พยายามคุมน้าใตด้ ินให้
อยเู่ หนือช้นั ดินเลนซ่ึงมีสารประกอบไพไรต์ เป็ นการป้องกนั มิให้
สารประกอบไพไรตท์ าปฏิกิริยากบั ออกซิเจนหรือถกู ออกซิไดซ์
โดยมีข้นั ตอนดงั น้ี
1.1 วางระบบการระบายน้าทวั่ ท้งั พ้ืนท่ี
1.2 ระบายน้าเฉพาะส่วนบนออก เพอ่ื ชะลา้ งกรด
1.3 รักษาระดบั น้าในคูระบายน้าใหอ้ ยใู่ นระดบั ไม่ต่ากวา่ 1 เมตรจาก
ผิวดินตลอดท้งั ปี

2. แก้ไขโดยวธิ ีปรับปรุงดนิ ตำมแนวพระรำชดำริ โครงกำรนีจ้ ะมวี ธิ ปี รับปรุงดนิ 3 วธิ อี ำจ
เลือกใช้ได้ตำมควำมเหมำะสมและตำมสภำพของดนิ คือ

วธิ ีกำรที่ 1 ใชน้ ้าชะลา้ งความเป็นกรด ดาเนินการตามข้นั ตอนดงั น้ี

- ใชน้ ้าชะลา้ งดินเพอ่ื ลา้ งกรด ทาใหค้ ่า pH เพิม่ ข้ึน โดยวธิ ีการปล่อยน้าใหท้ ่วมขงั แปลงแลว้ ระบายออก ทา
เช่นน้ีประมาณ 2-3 คร้ัง โดยเวน้ ใหห้ ่างกนั ประมาณ 1-2 สปั ดาห์

- ดินจะเปร้ียวจดั ในช่วงดินแห้งหรือในฤดูแห้ง ดงั น้นั การชะลา้ งควรเร่ิมในฤดูฝนเพื่อลดปริมาณการช้า
ชลประทาน การใชน้ ้าชะลา้ งความเป็นกรดตอ้ งกระทาต่อเนื่องและตอ้ งหวงั ผลในระยะยาวมิใช่ กระทาเพียง
1 หรือ 2 คร้ังเท่าน้ันวิธีน้ีเป็ นวิธีที่ง่ายท่ีสุด แต่จาเป็ นตอ้ งมีน้ามากพอท่ีจะใช้ชะลา้ งดินควบคู่ไปกับการ
ควบคุมระดบั น้าใต้ ดินใหอ้ ยเู่ หนือช้นั ดินเลนท่ีมีสารประกอบไพไรตม์ าก

- เม่ือดินคลายความเปร้ียวลงแลว้ จะมีค่า pH เพิม่ ข้ึน อีกท้งั สารละลายเหล็กและอะลูมินมั ท่ีเป็นพิษกเ็ จือจาง
ลงจนทาใหพ้ ชื สามารถ เจริญเติบโตไดด้ ีถา้ หากใชป้ ๋ ุยไนโตรเจนและฟอสเฟตเช่วยก็สามารถเจริญเติบโต ได้
ดีถา้ หากใชป้ ๋ ุยในโตรเจนและฟอสเฟตช่วยกส็ ามารถทาการเกษตรได้

วธิ ีกำรท่ี 2 การแกไ้ ขดินเปร้ียวโดยใชป้ ูนผสมคลุกเคลา้ กบั หนา้ ดิน คือ

-ใชว้ สั ดุปูนที่หาไดง้ ่ายในทอ้ งที่ เช่น ใชป้ ูนมาร์ล (mar) สาหรับภาคกลาง หรือปูนฝ่นุ ( lime dust ) สาหรับ
ภาคใต้ หวา่ นใหท้ วั่ 1-4 ตนั ตอ่ ไร่แลว้ ไถแปรหรือพลิกกลบคืน ( ปริมาณของปูนที่ใชข้ ้ึนอยกู่ บั ความรุนแรง
ในความเป็นกรดของดิน )

วธิ ีกำรที่ 3 การใชป้ ูนควบคู่ไปกบั การใชน้ ้าชะลา้ งและควบคุมระดบั น้าใตด้ ินเป็ นวธิ ีการท่ี สมบูรณ์ที่สุดและ

วธิ ีกำรแก้ไข ใหป้ ฏิบตั ิไปตามลาดบั ข้นั ตอนดงั น้ี ใชไ้ ดผ้ ลมากในพ้ืนท่ีซ่ึงดินเป็นกรด
จดั รุนแรงหรือถูกปล่อย ทิ้งใหร้ กร้าง

- หวา่ นปูนใหท้ ว่ั พ้ืนท่ี โดยใชป้ ูน 1-2 ตนั ตอ่ ไร่ แลว้ ไถกลบ วา่ งเปล่าเป็นเวลานาน

- ใชน้ ้าชะลา้ งความเป็นกรดออกจากหนา้ ดิน

- ควบคุมน้าใตด้ ินให้อยูเ่ หนือช้นั ดินเลนท่ีมีสารประกอบไพ
ไรต์ มากเพื่อป้องกนั มืให้ทาปฏิกริยากบั ออกซิเจน เพราะจะทา
ดินกลายเป็ นกรด

3. กำรปรับสภำพพืน้ ท่ี

เนื่องจากสภาพพ้ืนที่ดินเปร้ียวในแถบน้ีเป็ นป่ าพรุ มีลกั ษณะ
เป็ นท่ีราบลุ่ม จึงทาการระบายน้าออกจากพ้ืนท่ีได้ลาบาก
จาเป็นตอ้ งมีการปรับสภาพพ้ืนท่ี ซ่ึงโดยทว่ั ไปทากนั อยู่ 2 วธิ ี

3.1 การปรับผิวหน้าดิน โดยการทาให้ผิวหน้าดินลาดเอียง
เพ่ือใหน้ ้าไหลออกไปสู่คลองระบายน้าไดห้ รือ ถา้ เป็นการทานา
ก็ จดั ตกแต่งแปลงนาและคนั นาให้สามารถเก็บกักน้าและ
สามารถระบาย น้าออกไดถ้ า้ ตอ้ งการ

3.2 การยกร่องปลูกพืช วธิ ีน้ีใชส้ าหรับพ้ืนที่ที่จะทาการปลูกพืช
ไร่ พืชผกั ไมผ้ ล หรือไมย้ ืนตน้ แต่วิธีน้ีจาเป็ นจะตอ้ งมีแหล่ง
น้าชลประทาน เพราะจะต้องขังน้าไว้ในร่องเพื่อใชถ่ายเท
เปลี่ยน เมื่อน้าในร่องเป็นกรดจดั

ทฤษฎแี กล้งดิน

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริกันมาบา้ งแลว้ ชื่อของ
โครงการแต่ละโครงการลว้ นสะดุดหูชวนใหส้ นใจติดตามวา่ เป็นโครงการอะไร ซ่ึงแต่ละช่ือของ
โครงการลว้ นเป็นเหตุเป็นผลท้งั สิ้น บางชื่อกม็ ีความหมายตรงตามช่ือ โดยมิตอ้ งออ้ มคอ้ มตีความ
เช่น โครงการแกม้ ลิง คือการนาน้าในขณะท่ีมีมาก ๆ มาพกั ไวท้ ี่บ่อเกบ็ และค่อย ๆ ระบายออกไป
โดยใชห้ ลกั ทฤษฎีแรงโนม้ ถ่วงของโลก เช่นเดียวกบั ลิง เมื่อไดร้ ับอาหารมากกจ็ ะรีบกินท้งั หมด
แลว้ เอาไปเก็บไวท้ ี่กระพุง้ แกม้ จากน้ันค่อย ๆ นาออกมาเค้ียวบริโภคภายหลงั หรือโครงการ
แกลง้ ดิน กม็ ีความหมายหรือภารกิจที่ทาตรงตามช่ือโครงการ คือทรงใชว้ ธิ ีแกไ้ ขดินท่ีเปร้ียวจดั
ใหใ้ ชป้ ระโยชนท์ างการเกษตรไดโ้ ดยวธิ ี "แกลง้ ดิน"

แผนงำนหลกั

1. แผนงำนทดลองวจิ ัย
เพ่ือสนองพระราชดาริที่พระราชทานไวใ้ นการดาเนินงานศึกษา และพฒั นาให้ครบถว้ น

และถูกตอ้ งปรับเปลี่ยนกระบวนการพฒั นา ในเชิงปริมาณไปสู่เชิงคุณภาพใหม้ ากข้ึน โดยจะตอ้ ง
มีการคน้ ควา้ ท่ีเรียบง่ายประหยดั มีความสอดคลอ้ งตามภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น เพื่อท่ีจะสามารถนาผล
ที่ไดไ้ ปสู่การปฏิบตั ิในทนั ทีสามารถรู้เห็น และสัมผสั ไดใ้ นลกั ษณะ “พิพิธภณั ฑ์ธรรมชาติที่มี
ชีวติ ”

2. แผนงำนขยำยผลพฒั นำ
ใหค้ วามสาคญั กบั การดาเนินงานขยายผลดา้ นต่าง ๆ เพิ่มมากข้ึน โดยเฉพาะการขยายผล

ใน รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงศึกษาและพฒั นา รวมท้งั การจดั ต้งั ศูนยเ์ รียนรู้ชุมชนดา้ นเศรษฐกิจ
พอเพียง และประชาสังคม ใหม้ ีการขยายผลท้งั ในพ้ืนท่ีเป้าหมายเดิม และขยายผลทว่ั กระจายผล
การพฒั นาอยา่ งทว่ั ถึง โดยเฉพาะในพ้ืนท่ีหมู่บา้ นยากจนที่มีรายไดต้ ่ากวา่ 10,536 บาท/ครัวเรือน/
ปี ทุกอาเภอตามพ้นื ฐานเศรษฐกิจพอเพียง

3. แผนงำนฟื้ นฟูอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติ

เพ่ือใหป้ ระชาชนมีจิตสานึกในการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ และฟ้ื นฟูสภาพแวดลอ้ มที่
เส่ือมโทรมโดยเฉพาะป่ าพรุผืนสุดทา้ ยให้คงอยู่ต่อไป จึงจาเป็ นตอ้ งดาเนินการรณรงคใ์ นการ
ฟ้ื นฟู และอนุรักษป์ ่ าพรุใหเ้ ป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพและต่อเน่ือง และจาเป็นตอ้ งมีการสารวจ
ขอ้ มูลพ้ืนฐานใหค้ รบถว้ น เพ่ือใชเ้ ป็นขอ้ มูลในการป้องกนั และรักษาทรัพยากรในพ้ืนที่พรุและ
ทรัพยากรชายฝ่ัง และนาเผยแพร่ประชาสัมพนั ธ์ให้ราษฎรมีจิตสานึก และมีส่วนร่วมในการ
ป้องกนั และแกไ้ ขสถานการณ์ท่ีจะมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม

4. แผนงำนพฒั นำสังคม/เศรษฐกจิ โครงสร้ำงพืน้ ฐำน

เพ่ือแกป้ ัญหาความยากจน จากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของราษฎรกลุ่มเป้าหมาย
จะตอ้ งเพิ่มขีดความสามารถของ "คน" ซ่ึงเป็นศูนยก์ ลางของการพฒั นาใหส้ ามารถพึงตนเองได้
พร้อมไปกบั การยกระดบั และคุณภาพชีวิต การสร้างความเขม้ แข็งให้กบั ครอบครัวและชุมชน
โดยการกระตุน้ ใหช้ ุมชน "มีส่วนร่วม" ในกระบวนการพฒั นาในลกั ษณะบูรณาการ

5. แผนงำนบริหำรจัดกำร

ยึดพระราชดาริและการปฏิบตั ิตนตามรอยพระยุคลบาท จาเป็นตอ้ งมีการปรับปรุงกลไก
การดาเนินงานระบบขอ้ มูล ให้มีความถูกตอ้ ง ครบถว้ นและทนั สมยั โดยเฉพาะการปรับปรุง
ระบบการติดตามการดาเนินงาน ผูป้ ฏิบตั ิงานและผปู้ ระสานงาน เพ่ือใหส้ ามารถทางานร่วมกนั
เป็นทีมในลกั ษณะบูรณาการอยา่ งแทจ้ ริง และเปิ ดโอกาสให้ ราษฏรและหน่วยงานปกครองส่วน
ทอ้ งถ่ินเขา้ มามีส่วนร่วมในการดาเนินงาน โครงการพระราชดาริ

โครงการแกลง้ ดิน

พระรำชดำริพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว

“...ให้มีกำรทดลองทำดินให้เปรี้ยวจัด โดยกำรระบำยน้ำให้แห้ง และศึกษำวิธีกำรแก้ดิน
เปรี้ยว เพื่อนำผลไปแก้ปัญหำดนิ เปรี้ยว ให้แก่รำษฎรที่มีปัญหำในเรื่องนีใ้ นเขตจงั หวดั นรำธิวำส
โดยให้ทำโครงกำรศึกษำทดลองในกำหนด 2 ปี และพืชทที่ ำกำรทดลองปลกู ควรเป็ นข้ำว...”

วนั ท่ี 16 กนั ยำยน 2527

“...โครงกำรแกล้งดินนีเ้ ป็ นเหตุผลอย่ำงหนึ่งทพ่ี ูดมำ 3 ปี แล้วหรือ 4 ปี กว่ำแล้ว ต้องกำรนำ้
สำหรับ มำให้ดินทำงำน ดินทำงำนแล้วดนิ จะหำยโกรธ อนั นีไ้ ม่มีใครเชื่อ แล้วกม็ ำทำท่นี ี่แล้วมนั
ได้ผล ดังน้ัน ผลงำนของเรำท่นี ี่เป็ นงำนสำคญั ทส่ี ุด เชื่อว่ำชำวต่ำงประเทศเขำมำดูเรำทำอย่ำงนี้
แล้วเขำพอใจ เขำมปี ัญหำแล้ว เขำกไ็ ม่ได้แก้ หำตำรำไม่ได้...”

วนั ที่ 5 กนั ยำยน 2535

ผลกำรทดลอง

การแกลง้ ดิน เป็ นการเร่งทาใหด้ ินเปร้ียวเป็นกรดจดั รุนแรงท่ีสุด จนไม่สามารถปลูกพืช
เศรษฐกิจได้ จากน้นั หาวธิ ีการปรับปรุงดินเปร้ียวจดั รุนแรงที่สุด ใหส้ ามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้
โดยอาศยั วธิ ีการต่างๆ ดงั น้ี

การปรับปรุงดินเปร้ียวจดั เพ่ือปลูกขา้ ว การใชน้ ้าลา้ งความเป็นกรด ในปี แรกขา้ วเจริญเติบโต
แต่ใหผ้ ลผลิตต่า และผลผลิตเพิม่ ข้ึนเรื่อยๆ ในปี ต่อมา ช่วงเวลาของการขงั น้า และระบายน้าทิ้งท่ี
เหมาะสมคือ 4 สัปดาห์ การใส่หินปูนฝ่ ุน ขา้ วเจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีกว่า การใส่หินปูน
อตั ราคร่ึงหน่ึงของความตอ้ งการปูน (1.5 ตนั /ไร่) ขา้ วใหผ้ ลผลิตเทียบเท่ากบั การใส่ปูนเตม็ อตั รา
แนะนา การใส่ปูนอตั ราต่า (คร่ึงหน่ึงของความตอ้ งการปูน) เพ่ือสะเทินกรด ควบคู่กบั การขงั น้า
แลว้ เปลี่ยนน้าทุกๆ 4 สัปดาห์ ขา้ วจะใหผ้ ลผลิตดีที่สุด การปรับปรุงดินเปร้ียวจดั เพ่ือปลูกพชื ไร่
พืชผกั โดยใส่หินปูนฝ่ นุ อตั รา 2 ตนั /ไร่ ร่วมกบั การใส่ป๋ ุยคอก ป๋ ุยหมกั และป๋ ุยเคมีอตั ราแนะนา
การปรับปรุงดินเปร้ียวจดั เพ่ือปลูกไมผ้ ล ควรขดุ ยกร่องเพ่ือป้องกนั น้าท่วมและช่วยลา้ งกรด บน
คนั ดินลงสู่คูดา้ นล่างควรปรับปรุงดินบริเวณสันร่องก่อน โดยหว่านหินปูนฝ่ ุนอตั รา 2 ตนั /ไร่
เพื่อสะเทินกรด ก่อนปลูกพืชรองกน้ หลุมดว้ ยปูนขาวหรือหินปูนฝ่ ุนร่วมกบั ป๋ ุยหมกั ป๋ ุยคอก ไม้
ผลที่ทดลองปลูกไดผ้ ลดี คือ มะพร้าวน้าหอม ละมุด กระทอ้ น ชมพู่ จากการทดลองปรับปรุง
ดินแลว้ ไม่ใชป้ ระโยชนต์ ่อเนื่อง พบวา่ ดินจะเปร้ียวจดั รุนแรงอีก ดินเปร้ียวจดั ในสภาพท่ีไม่ถูก
รบกวน ความเป็นกรดจะเปลี่ยนแปลงอยา่ งชา้ ๆ และพชื พรรณธรรมชาติท่ีทนทานความเป็นกรด
ข้ึนไดห้ ลายชนิด การพฒั นาพ้นื ท่ีพรุ: จากพ้นื ท่ีเส่ือมโทรม สู่การใชป้ ระโยชนไ์ ด้

ควำมสำเร็จของโครงกำร

: ผลการดาเนินงาน “ป่ าพรุเสื่อมโทรม สะสมดินเปร้ียว แกลง้ ดินอย่างเดียว พฒั นาไดย้ งั่ ยืน”
ดา้ นการศึกษา ทดลอง วจิ ยั ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพิกลุ ทองฯ ไดด้ าเนินการศึกษา ทดลอง วจิ ยั
ท้งั หมดจานวน 248 เร่ือง ซ่ึงดาเนินการสิ้นสุดแลว้ จานวน 184 เรื่อง และยงั อยรู่ ะหวา่ งการศึกษา
ทดลอง วจิ ยั จานวน 64 เร่ือง แบ่งเป็นงานต่างๆ ดงั น้ี งานพฒั นาท่ีดิน 78 เรื่อง งานวชิ าการเกษตร
37 เรื่อง งานป่ าไม้ 48 เร่ือง งานปศุสัตว์ 49 เรื่อง งานประมง 12 เรื่อง งานควบคุมปราบปราม
โรคติดต่อฯ 15 เรื่อง งานชลประทาน 2 เรื่อง งานวจิ ยั และอ่ืนๆ 7 เร่ือง

* โครงการแกลง้ ดิน เป็นแนวพระราชดาริเก่ียวกบั การเร่งดินใหเ้ ป็นกรดจดั รุนแรงท่ีสุด
โดยการทาใหด้ ินแหง้ และเปี ยกสลบั กนั แลว้ ศึกษาวธิ ีการปรับปรุงดินโดยการใชน้ ้าลา้ งดิน การ
ใชห้ ินปูนฝ่ นุ และใชท้ ้งั สองวิธีควบคู่กนั ไป สามารถปรับปรุงดินเพ่ือปลูกพืชในดินเปร้ียวจดั ไว้
จึงไดจ้ ดั ทาตารา “คู่มือปรับปรุงดินเปร้ียวจดั ” และใชเ้ ป็นตน้ แบบในการพฒั นาพ้ืนที่ดินเปร้ียว
จดั ทว่ั ประเทศ

* พนั ธุ์ขา้ วทนเปร้ียว จากพนั ธุ์ขา้ วมากกวา่ 1,000 สายพนั ธุ์นามาศึกษาคดั เลือกพนั ธุ์ ได้
พนั ธุ์ขา้ วทนดินเปร้ียว 10 สายพนั ธุ์ ไดแ้ ก่ลูกแดง อลั ซัมดูลละห์ ขา้ วเขียว ดอนทราย รวงยาว
ขา้ วขาว ช่อจาปา ชอ้ งนาง ขาวนอ้ ย และส่ีรวง

* เกษตรทฤษฎีใหม่ โดยยดึ หลกั บริหารจดั การดินและน้า เพื่อการเกษตรในที่ดินขาดเลก็
และรู้จกั ใชท้ รัพยากรที่มีอยใู่ หเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุดใหเ้ กษตรกรสามารถดารงชีวติ แบบพออยู่ พอ
กิน และรู้จกั พอเพียงโดยไม่เดือดร้อน ซ่ึงไดแ้ บ่งการใชพ้ ้ืนท่ีโดยปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกบั
สภาพภูมิประเทศของภาคใต้ คือ 10-20-30-40 กล่าวคือ 10 % เป็นที่อยอู่ าศยั และเล้ียงสัตว์ 20%
เป็นแหล่งน้า 30 % เป็นนาขา้ ว และ 40% เป็นพืชไร่พชื ส่วน และทาการปรับปรุงสภาพความเป็น
กรดของดินดว้ ยหินปูนฝ่ นุ

* การปลูกปาล์มน้ามนั ในพ้ืนท่ีพรุ การทดลองปลูกปาล์มน้ามนั ในดินอินทรีย์ พบว่า
ปาลม์ น้ามนั สามารถข้ึนไดด้ ีในพ้ืนท่ีพรุ ทนสภาวะแหง้ แลง้ และน้าท่วมไดด้ ีกวา่ พืชชนิดอื่น ให้
ผลผลิตค่อนขา้ งสูง

* โรงงานสกดั และแปรรูปน้ามนั ปาลม์ โรงงานสกดั และแปรรูปน้ามนั ปาลม์ ในช่วงแรก
ใชว้ ิธีทอดผลปาลม์ ในกระทะ ใชเ้ ครื่องหีบแรงคน ต่อมาพฒั นาเครื่องแยกผลปาลม์ จากทะลาย
และการทอดผลปาลม์ ภายใตร้ ะบบสุญญากาศ ในกระบวนการผลิตไม่มีน้าเสีย รวมท้งั มีการผลิต
น้ามนั ไบโอดีเซล

* การปลูกพชื แซมยาง ปลูกระการ่วมกบั ยางพารา เพือ่ ใชป้ ระโยชนพ์ ้ืนที่วา่ งระหวา่ งแถว
ยาง เพมิ่ รายไดใ้ หเ้ กษตรกรชาวสวนยางพารา โดยปลูกระกาหวาน เม่ือปลูกยางแลว้ 4 ปี สามารถ
ปลูกเป็ นพืชร่วมกบั ยางได้ดี จะให้ผลผลิตเม่ืออายุ 4-5 ปี ระกาหวานอายุ 10 ปี ข้ึนไป จะให้
ผลผลิตเฉลี่ยกอละ 10 กิโลกรัม เสริมรายไดใ้ หเ้ กษตรกร 5,800 บาทต่อไร่ต่อปี

* การใชป้ ระโยชน์ไมเ้ สมด็ ขาว ไมเ้ สมด็ ขาวเป็นพนั ธุ์ไมท้ ่ีมีลกั ษณะพิเศษ กล่าวคือ สามารถ
เจริญเติบโตในพ้ืนที่พรุไดด้ ีมาก เป็ นไมท้ ่ีสามารถนาส่วนต่างๆ มาใชป้ ระโยชน์ไดห้ ลายอยา่ ง
เช่น ลาตน้ ใชใ้ นงานก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ ใบ นามากลนั่ ใหน้ ้ามนั เขียว การพฒั นาพ้นื ที่พรุ

* การแบ่งเขตการใชพ้ ้ืนที่พรุ จดั แบ่งเขตการใชป้ ระโยชน์พ้ืนท่ีพรุตามสภาพการใชท้ ่ีดิน
และศกั ยภาพของพ้ืนที่ออกเป็น 3 ส่วน คือ เขตสงวน เขตอนุรักษ์ และเขตพฒั นา โดยเขตสงวน
และเขตอนุรักษอ์ ยใู่ นความรับผดิ ชอบของงานป่ าไมท้ ี่จะตอ้ งอนุรักษแ์ ละฟ้ื นฟูสภาพป่ าพรุ ส่วน
เขตพฒั นา ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นพ้ืนท่ีที่ไดม้ ีพระราชกฤษฎีกาประกาศเป็นเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ
และนิคมสหกรณ์ปิ เหลง็ เป็นพ้ืนที่เป้าหมายท่ีจะนาผลการศึกษาวจิ ยั ไปถ่ายทอด เพื่อพฒั นาดา้ น
การเกษตรต่อไป ดา้ นการขยายผลการพฒั นา การพฒั นาหมู่บา้ นรอบศูนยฯ์ ท้งั หมด 13 หมู่บา้ น
จานวนประชากรท้งั สิ้น 114,258 คน 1,782 ครัวเรือน พ้ืนที่ท้งั หมด 23,068 ไร่ ราษฎรมีการ
ประกอบอาชีพที่หลากหลายท้งั ทานาปลูกไมผ้ ล ปลูกมะพร้าว ปลูกพืชไร่ พืชผกั เล้ียงปลา และ
อาชีพหตั ถกรรม ดา้ นการพฒั นาศนู ยส์ าขา

* มีจานวน 4 ศูนยฯ์ ประกอบดว้ ย ศูนยส์ าขาที่ 1 โครงการสวนยางเขาตนั หยง ดาเนินการปลูก
ยางพาราพนั ธุ์ต่างๆ และปลูกพืชแซมในสวนยางพ้ืนท่ี 15.8 ไร่ ศูนยส์ าขาท่ี 2 โครงการพฒั นา
หมู่บา้ นปี แนมูดอ ดาเนินการปรับปรุงพ้ืนที่และปลูกพืชชนิดต่างๆ พ้ืนที่ 135 ไร่ ศูนยส์ าขาท่ี 3
โครงการหมู่บา้ นปศุสัตวเ์ กษตรมูโนะ ดาเนินการส่งเสริมให้เกษตรกรเล้ียงปลาในบ่อและร่อง
สวน ส่งเสริมการทาปศุสัตว์ และการปลูกพืชชนิดต่างๆ ในพ้ืนท่ีดินเปร้ียว พ้ืนที่ 1,500 ไร่
เกษตรกรสามารถปลูกขา้ วไดผ้ ลผลิต 40-50 ถึง/ไร่ และศูนยส์ าขาท่ี 4 โครงการพฒั นาหมู่บา้ น
โคกอิฐ-โคกใน บา้ นยูโย พ้ืนที่ 30,065 ไร่ ซ่ึงเป็นพ้ืนที่แห่งแรกที่นาผลการศึกษาจากโครงการ
แกลง้ ดินไปขยายผลการพฒั นา จากพ้ืนที่ท่ีมีปัญหาซ่ึงแต่เดิมทานาไม่ไดผ้ ลเลย จนเกษตรกร
ปลูกขา้ วไดผ้ ลผลิต 40-50 ถงั /ไร่

* การพฒั นาพ้ืนที่อื่นๆ ไดม้ ีพระราชดาริให้ดาเนินการพฒั นาในพ้ืนท่ีอ่ืนๆ ไดแ้ ก่ พรุ
แฆแฆ จงั หวดั ปัตตานี โดยเขา้ ไปส่งเสริมใหม้ ีการทานาและปลูกพืชผกั ในพ้นื ท่ีขอบพรุ บา้ นตอ
หลงั -บา้ นทรายขาว โดยพฒั นาพ้นื ที่ดินเปร้ียวจดั ใหเ้ กษตรกรทานาไดผ้ ลผลิตเฉล่ีย 50-60 ถึง/ไร่
และ การปลูกพืชผกั พืชไร่ การปลูกไมผ้ ล และการเล้ียงสัตว์ การฟ้ื นฟูและพฒั นาการเกษตรใน
เขตลุ่มน้าบางนรา โดยปรับปรุงดินสนับสนุนปัจจัยการผลิตบางส่วนในลักษณะกองทุน
หมุนเวยี นเกษตรกรในเขต 3 อาเภอ ไดแ้ ก่ อาเภอเมือง อาเภอตากใบ และอาเภอเจาะไอร้อง และ
สนบั สนุนการถ่ายทอดความรู้ดา้ นการเพาะเล้ียงสัตวน์ ้าให้แก่เกษตรกรผูเ้ พาะเล้ียงสัตวน์ ้าใน
พ้ืนท่ีตาบลกะลุวอเหนือ อาเภอเมือง จงั หวดั นราธิวาส จานวน 100 ราย

* โครงการฟาร์มตวั อยา่ งในสมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินินาถ เพื่อเป็นแหล่งสร้าง
งานใหก้ บั ราษฎรในพ้นื ท่ี ผลิตอาหารของราษฎรในจงั หวดั นราธิวาส ศกึ ษาและพฒั นาอาชีพทาง
การเกษตรของผูท้ างานโครงการ ฝึ กอบรม สาธิตและใหค้ วามรู้แก่ราษฎรในการประกอบอาชีพ
ดา้ นการเกษตร ซ่ึงมีท้งั สิ้น 9 ฟาร์ม ในอาเภอเมือง อาเภอระแงะ อาเภอสุไหงปาดี อาเภอรือเสาะ
อาเภอเจาะไอร้อง อาเภอแวง้ จงั หวดั นราธิวาส

ประมวลภำพโครงกำร

จุดทดลองปลูกผกั สวนครัว
แปลงปลูกขา้ วโพด

งานปรับปรุงพฒั นาพ้ืนที่เพื่อการเพาะปลุก
โครงการทดลองแกลง้ ดินเพื่อปรับปรุงดินเปร้ียวจดั


Click to View FlipBook Version