พ้ืนท่ีทาการเกษตรบ้านทุ่งนา หมู่ท่ี 4 ตาบลหนองเป็ด อาเภอศรีสวัสดิ์ อโนชา เทพสภุ รณ์กลุ
กองวิจัยและพัฒนาการจัดการท่ีดนิ
จังหวดั กาญจนบรุ ี เปน็ พืน้ ท่ลี าดเชิงเขา ดินเป็นดินร่วนปนกรวด ง่ายต่อการชะล้าง
พังทลาย ความอุดมสมบูรณ์ของดินต่า เกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ซ่ึงต้องลงทุนสูงท้ังค่าเมล็ดพันธ์ุ ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง ฯลฯ อีกทั้งการใช้
ปุ๋ยเคมี สารเคมีกาจัดศัตรูพืชและวัชพืชอย่างต่อเนื่อง ทาให้เกิดการตกค้างของ
สารพษิ ท่เี ป็นอนั ตรายตอ่ สุขภาพ และการปลูกพชื อยา่ งต่อเนอ่ื งโดยขาดมาตรการ
อนุรักษ์ดินและน้าท่ีเหมาะสม ทาให้ดินเสื่อมโทรมลง การส่งเสริมทาเกษตรอินทรีย์บนพ้ืนท่ีลาดเชิงเขา เป็นการบริหาร
จัดการและใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมเพ่ือฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน สร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ ลดต้นทุนการผลิต
เพ่ิมรายได้ และเกษตรกรสามารถผลิตสินค้าเกษตรทม่ี คี วามปลอดภัยได้อยา่ งยงั่ ยนื
การบริหารจัดการ 4 การจดั ทา้ แนว/พืน้ ทกี่ ันชน
• ปลูกไผ่ ปา่ ใช้สอย สว่ นทไ่ี ม่สามารถปลูก
1 สร้างความอดุ มสมบูรณใ์ หก้ ับดนิ ต้นไม้ได้ ใชส้ แลนขึง ป้องกัน
• ปลูกปอเทือง สลบั กับถวั่ พรา้ ปีละ 6 ครงั้ สารเคมจี ากภายนอก
ปลกู ต่อเน่ืองกัน 2 ปี
• ใช้ปุ๋ยหมักจากวัสดเุ หลือใชใ้ นฟารม์ และนา้ หมักชวี ภาพ 5 การจดั การโรคและแมลงศตั รูพชื
• ใช้สารชีวภณั ฑ์ต่างๆ
2 การจดั การพ้ืนที่ แทนการใช้สารเคมี
• บนทลี่ าดเชงิ เขา ปลูกหญ้าแฝก
เพ่ือชะลอการไหลของนา้ ดักตะกอนดนิ 6 การกา้ จดั วัชพชื
• จัดการพ้ืนทีแ่ ละปลูกพชื ตามความลาดชัน 2 ระดบั คือ • ใช้วิธตี ดั และคลมุ ดิน ชว่ ยรักษาความชน้ื
ทล่ี าดเชิงเขา ปลกู ไผ่ ไม้ผล ป่าใชส้ อย และเพ่ิมอินทรยี วตั ถุให้แก่ดิน
ทรี่ าบ ปลูกกลว้ ย มะละกอ ฝรง่ั ไม้ผล
ผักสวนครัว สมนุ ไพร 7 การจัดท้าบัญชคี รัวเรอื น
• เพื่อการบรหิ ารจัดการทค่ี ุ้มคา่ ต่อการลงทุน
3 สรา้ งแหล่งนา้ ในพ้ืนที่
• ขดุ สระน้าและบ่อบาดาล ทาการเกษตร และให้นา้ โดยใช้ระบบสปริงเกอร์
ผลสา้ เร็จการดา้ เนนิ งาน
• พ้นื ท่ีท่ที ้าการเกษตรมคี วามอดุ มสมบรู ณ์มากขน้ึ 46
• ลดต้นทุนการผลติ
• ผลผลติ ทางการเกษตรมคี วามปลอดภัย ไม่มสี ารพษิ ตกคา้ ง
ขายได้ราคาดขี ึ้น
• เกดิ ความร่วมมือกับหนว่ ยงานตา่ งๆ ภาครฐั ให้การสนับสนนุ
เสรมิ ความสามารถการผลิต และโอกาสทางการตลาด
• สขุ ภาพท่ดี ที ้ังผู้ผลิต และผู้บริโภค
เจอากกสหานรงัฉสบือบั เ3ต7็มเหทัวคขโอ้นทโลี่ 3ย2เี พเื่อกกษาตรรจอดั นิ กทารรยีดบ์ินนอพย่านื้ งทยี่ลั่งายดืนเชิงเขา
เกษตรอนิ ทรียป์ ถั วโี มเดล
ประภา ธารเนตร
กองวิจัยและพฒั นาการจดั การทด่ี นิ
เกษตรอินทรียป์ ั ถวีโมเดล เป็นกลุ่ม เกษตรอินทรีย์ปัถวีโมเดลมีวัตถุประสงค์ เพื่อผลิต
สิ น ค้ า เ ก ษ ต ร ใ ห้ ไ ด้ คุ ณ ภ า พ ม า ต ร ฐ า น ที่ ก า ห น ด
เกษตรกรชาวสวนผลไม้ในพ้ืนท่ีตาบลปัถวี อาเภอ ปราศจากการใช้สารเคมี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มะขาม จังหวัดจันทุบรี ท่ีปรับเปล่ียนวิธีการทา ผูผ้ ลติ และผบู้ รโิ ภคปลอดภยั
เกษตรแบบดั้งเดิม มารวมกลุ่มกันทาสินค้าเกษตร
อินทรีย์ แนวคิดท่ีก่อให้เกิดการปรับเปล่ียนการทา ปัจจุบันมีสมาชิกท่ีทาการเกษตรตามมาตรฐาน
การเกษตร เปน็ ผลมาจากดินมีความอุมสมบูรณ์ต่า มี เกษตรอินทรีย์ Organic Thailand และ มาตรฐาน
การรับรองเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม PGS
ลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย ธาตุอาหารไม่เพียงพอ เพ่ิมข้ึนมีผลผลิตจานวนมาก สามารถจัดจาหน่ายทั้ง
ต่อความต้องการของพืช โดยเฉพาะไม้ผล รวมถึงมี ในและตลาดตา่ งประเทศ ในชอื่ สินคา้ “ปถั วีโมเดล”
โรคและแมลงรบกวน ทาให้มีการใช้ปุ๋ยเคมีและ
สารเคมีป้องกันกาจัดศัตรูพืชในปริมาณมากอย่าง
ต่อเนือ่ ง ก่อให้เกดิ การตกค้างในดินและในผลผลิตซึ่ง
ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม รวมถึงสุขภาพของ
ผู้ผลิตและผู้บริโภค จึงปรับเปล่ียนกระบวนการผลิต
เ ป็ น รู ป แ บ บ เ ก ษ ต ร อิ น ท รี ย์ ม า ใ ช้ เ พ่ื อ ใ ห้ ต น เ อ ง
ปลอดภัย ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีและปลอดภัยต่อ
ผูบ้ ริโภค
กลุม่ เกษตรอินทรีย์ปถั วโิ มเดล
นายรฐั ไท พงษ์ กลุ่มเกษตรอินทรยี ์ การบริหาร กจิ กรรมพิเศษของ การสนบั สนุนจาก
ศกั ดิป์ ระธานกลุ่ม ปถั วีโมเดล จดั การกลุ่ม กิจกรรมกล่มุ ภาครัฐและเอกชน
นายรัฐไท พงษ์ศกั ด์ิ เกษตรกรผ้ทู ส่ี นใจรวมตัวกนั 1.กลมุ่ เกษตรอนิ ทรีย์ กจิ กรรมพเิ ศษของกลุ่ม Technology Transfer
เป็นผรู้ เิ รม่ิ ทาสวนไม้ผล จัดตัง้ กล่มุ เรียกวา่ ปัถวโี มเดล ดาเนิน -เท่ยี วชม ดูงาน -สนบั สนนุ งานของ
อนิ ทรยี ใ์ นหมบู่ า้ นปถั วที ่ี กจิ กรรมม่งุ เน้น 3 ด้าน ภาครฐั
“กลมุ่ เกษตรอินทรยี ์ปถั วี 2. ด้านการผลติ -อบรมการทาเกษตร -การสนับสนนุ
ประสบผลสาเรจ็ โมเดล” เพ่อื เปน็ ศนู ยก์ ลาง 3. ด้านการตลาด อินทรีย์ เครอ่ื งจกั รแปรรูป
ของ เกษตรกรทผ่ี ลิตสนิ ค้า 4. ดา้ นการท่องเทย่ี ว ผลติ ภณั ฑผ์ ลไมอ้ ินทรยี ์
ใหไ้ ด้มาตรฐานเดยี วกัน ใน เชงิ เกษตร -การเปิดสวนให้เทย่ี วฟรี จากบรษิ ัทเอกชน
กนิ ฟรี และจาหนา่ ยผลผลติ -สนับสนนุ ปจั จัยการ
รูปแบบ PGS ผลิตจากภาครฐั
(Participatory Guarantee -เปิดโอกาสให้ผเู้ ยยี่ มชมได้
เรยี นรู้วธิ แี ละขนั้ ตอนการ
System)
ทาเกษตรอินทรีย์
47
ขอ้ กำหนด 3 ประกำร ในการขบั เคล่ือนงานของ 2.13) มคี วามเป็นธรรมต่อแรงงาน
2.14) การผลติ แบบประณีต ทง้ั กอ่ นเกบ็ เก่ยี วระหว่างเกบ็
กล่มุ เกษตรอนิ ทรีย์ปถั วีโมเดล เกยี่ ว และหลงั เก็บเก่ยี ว
1. มแี หลง่ นำเฉพำะทใี่ ชใ้ นกำรทำเกษตร โดยการขุด 2.15) เกบ็ ผลผลติ แลว้ ไม่วางผลผลติ ลงบนพ้ืนดนิ
สระเกบ็ น้าเอง หรือใช้น้าจากแหลง่ น้าสาธารณะท่มี ัน่ ใจวา่ 2.16) จัดเก็บสวนใหส้ ะอาด เรียบร้อย มคี วามเหมาะสม
ไม่มกี ารปนเป้ือนสารเคมี
2.17) ขอความร่วมมือจากหน่วยงานราชการไม่ฉีดพ่น
2. ปฏิบัติตำมข้อกำหนดในกำรผลิตตำมมำตรฐำน สารเคมีกาจัดวัชพืชริมทาง และไม่พ่นหมอกควันฆ่ายุงใน
เกษตรอินทรยี ์ (มกท.) ดงั นี้
พนื้ ท่กี ารเกษตร
2.1) มีระยะปรับเปลยี่ นสูก่ ารเป็นเกษตรอนิ ทรยี ์ไมผ้ ล 2.18) ใช้ระยะเวลาปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่จากเกษตรเคมี
8 เดือน พืชผัก/สมนุ ไพร 12 เดอื น
เป็นเกษตรอินทรยี ์ 3 ปี (ตามมาตรฐาน PGS ท่ัวไป)
2.2) มีแมลงทเ่ี ป็นประโยชน์ (ผึ้ง, ตัวห้า, ตวั เบยี น) 3. ต้องเปน็ สมำชิกกลุ่มเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม
2.3) ปลูกพืชสมนุ ไพรและไม้ปา่ สรา้ งระบบนิเวศน์ (Participatory Guarantee System; PGS)
2.4) ทาระบบนา้ เพ่ือบาบดั นา้ และการให้ปยุ๋ ทางน้า
2.5) มสี ถานที่ทาและเกบ็ รักษานา้ หมักสมนุ ไพร 3.1) สมาชิกมีใจรักที่จะทาเกษตรอินทรีย์ และต้องการ
2.6) ไมใ่ ชป้ ุ๋ยเคมี และสารเคมีกาจดั ศตั รพู ชื และวัชพชื ผลิตสินคา้ อนิ ทรียเ์ หมอื นกัน
2.7) ทาแนวกันชนท่ีชัดเจน เพ่ือป้องกันสารเคมีทางดิน 3.2) ใช้ชวี ติ ตามหลกั เกษตรอนิ ทรยี ว์ ถิ ีพอเพียง
ทางน้า และทางอากาศ เช่น แนวกนั ชนแบบพชื เปน็ ต้น ประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั จำกกลุ่มปถั วีโมเดล คือ
2.8) ไม่ใช้เครอื่ งมือการเกษตรร่วมกบั พนื้ ท่ีท่ใี ช้สารเคมี
2.9) ไม่ใช้อุปกรณ์การเก็บเก่ียวและการขนส่งร่วมกับ 1. ได้ผลผลิตสินค้าทางการเกษตรท่ีปลอดภัย และไม่มี
ผลผลติ ทีใ่ ชส้ ารเคมี สารเคมีเจอื ปนในทกุ ข้ันตอนการผลิต
2.10) มปี ้ายชื่อสวน 2. ระบบนิเวศน์ดีข้ึนทง้ั (ดนิ นา้ พืช อากาศ)
2.11) ต้องมีสมดุ บนั ทึกขอ้ มูลการผลติ สถติ ผิ ลผลติ 3. สุขภาพดขี ้นึ ทัง้ ตัวเกษตรกรเองและผู้บรโิ ภค
2.12) สัตวเ์ ลย้ี งตอ้ งมอี สิ ระ 4. มีโอกาสทางการตลาด
เอกสารฉบับเต็ม หัวข้อที่ 33 กลุ่มเกษตรอนิ ทรีย์ปถั วีโมเดล 48
หัวขอ้ ที่ 34 เกษตรอนิ ทรียป์ ถั วโี มเดล
จากหนังสือ 37 เทคโนโลยีเพ่อื การจัดการดินอยา่ งยง่ั ยืน
49
ศูนยเ์ รียนรเู้ รอื่ ง ดิน นำ้ ปยุ๋
และกำรผลติ พรกิ ไทยคุณภำพ
ตำบลวงั โตนด อำเภอนำยำยอำม จังหวัดจนั ทบรุ ี
สมจนิ ต์ วานชิ เสถียร
กองวิจัยและพฒั นาการจดั การท่ดี ิน
แหล่งเรียนรู้ ด้ำนกำรจัดกำรดินตื้น ดินกรด ดินเส่ือมโทรม และสร้ำงเครือข่ำย เพ่ือผลิต
พริกไทยคุณภำพ เกษตรกรเจ้ำของศูนย์เรียนรู้ ฯ เป็นผู้มีควำมรู้และมีควำมภำคภูมิใจใน
ควำมสำเร็จจำกกำรใช้เทคโนโลยีและมีควำมพร้อมที่จะถ่ำยทอดควำมรู้น้ันไปสู่ชุมชนข้ำงเคียง
โดยมีแปลงสำธิตให้เย่ยี มชมดงู ำน มกี ระบวนกำรถ่ำยทอด และทำหนำ้ ทเ่ี ปน็ วิทยำกรบรรยำย
กระบวนกำรดำเนนิ งำนเพ่ือขบั เคลือ่ นของศูนย์ฯ 4. จาหนา่ ยผลติ ภัณฑ์ เชน่ เมล็ดพันธ์ุ
ผลติ ภัณฑ์พริกไทยสดและแปรรูป
1. ถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยอบรม ดงู าน แปลงสาธิต
นทิ รรศการ และส่ือสิ่งพิมพ์ 5. จัดแสดงผลงานนอกสถานที่
2. สรา้ งเครอื ขา่ ยศูนยเ์ รยี นรเู้ รือ่ งดนิ นา้ ปุ๋ย 6. นาเสนอการวิเคราะหท์ างตลาด
3. เผยแพรป่ ระชาสัมพันธ์
ขัน้ ตอนกำรดำเนนิ งำน
ศูนยเ์ รียนรู้เรอ่ื ง ดนิ น้ำ ปยุ๋ 1. คัดเลอื กสถานที่และเกษตรกรเป็นศูนย์เรียนรู้ฯ
และกำรผลติ พริกไทยคุณภำพ 2. ประชาสัมพันธ์ เช่น แสดงนิทรรศการ ประชาสัมพันธผ์ ่าน YouTube
3. จดั ทาแปลงสาธิต ไดแ้ ก่ การปลูกพรกิ ไทยคุณภาพ ธนาคารปยุ๋ อินทรีย์
4. จดั ให้มกี ารอบรม ศึกษา ดูงาน และเยยี่ มชม
5. สรา้ งเครอื ขา่ ยแลกเปล่ียนเทคโนโลยรี ่วมกนั จดั หาเมลด็ พันธุ์พริกไทย
6. เสรมิ สรา้ งความเขม้ แข็งให้กบั กลมุ่ /เครอื ข่ายจากการเรยี นรู้ดูงาน
7. จาหน่ายสินคา้ และผลติ ภณั ฑ์ เชน่ เมล็ดพันธุ์ ผลติ ภัณฑจ์ ากพริกไทย
8. จดั ตั้งธนาคารปยุ๋ อนิ ทรีย์ รวมกลุม่ เกษตรกรผลิตปุ๋ยอินทรีย์ (ป๋ยุ หมกั )
9. สรา้ งความเข้มแขง็ ให้แก่ศูนยก์ ารเรยี นรอู้ ย่างสมา่ เสมอ
จุดแข็งของศูนย์เรียนรู้
เกดิ แหล่งเรียนรดู้ ูงาน เกิดความม่นั คงในอาชีพ เกดิ การแลกเปลย่ี น
เพื่อศึกษาหาขอ้ มูล มีเครอื ข่ายข้อมูล องคค์ วามรู้ซงึ่ กันและกนั
นาไปแกไ้ ขปัญหาใน
การประกอบอาชีพ การผลติ และการตลาด 50
เอกสารฉบบั เต็ม หัวขอ้ ท่ี 36 ศูนย์เรียนรู้เรื่อง ดนิ น้ำ ปยุ๋ และการผลิตพรกิ ไทยคุณภาพ
จากหนงั สอื 37 เทคโนโลยีเพอ่ื การจดั การดนิ อย่างยัง่ ยืน
การจดั การดนิ กรด
เพื่อปลกู พริกไถยคณุ ภาพ ณรงคเ์ ดช ฮองกูล
กองวจิ ัยและพัฒนาการจดั การที่ดนิ
การใชป้ ูนโดโลไมท์ตามค่า LR ปรับปรุงดินกรด และปลกู ถวั่ พรา้ บารุงดนิ เพอ่ื ปลูกพริกไทยคณุ ภาพ
ในปี 2552 ภาคตะวนั ออกนยิ มปลูกพริกไทย เพ่ือแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่า เน่ืองจากพริกไทยมีช่องทาง
การตลาดท่ีดกี วา่ และสามารถเกบ็ ผลผลติ ไว้ได้นาน แตด่ ้วยสภาพดินทีเ่ ป็นกรด จึงเปน็ อุปสรรคตอ่
การเจริญเตบิ โตใบและลาต้นเหลอื ง แล้วตายในท่ีสดุ
การจดั การดินกรด เพื่อปลกู พริกไถยคณุ ภาพ (อินถรีย์)
1. เกบ็ ตัวอย่างดนิ เพ่อื วิเคราะห์ค่า pH
และคา่ ความตอ้ งการปนู (Lime requirement (LR))
2. หว่านปูนโดโลไมท์ตามคา่ การวิเคราะหด์ ิน
3. ไถพรวนดนิ ลึก 15 - 120 ซม.
4. ในพืน้ ทด่ี ินลกู รัง ใช้รถแบคโฮลขุดหลมุ ปลูก ลึก 8 ซม.
5. พักดิน 3 - 4 เดือน
6. ปลูกพริกไทยระยะ 2 x 2 เมตร
7. ใสป่ นู โดโลไมท์อัตราเดิมอีกคร้งั เมอ่ื พริกไทยอายุ 3 เดอื น
8. ปลกู ถั่วพร้าแซมระหว่างแถวตน้ พรกิ ไทย
ผลผลิต
ไดผ้ ลผลติ พรกิ ไทยเฉลย่ี 2 ตัน/ไร/่ ปี
ราคาขายผลผลติ 80 - 300 บาท/กก.
51
เกษตรอินทรีย์
แบบมีส่วนร่วม PGS
ปราโมทย์ แย้มคล่ี กองวจิ ยั และพฒั นาการจดั การท่ีดนิ
พืนทีเกษตรอนิ ทรียโ์ ลก 5.9 ล้าน ha
Asia
พนื ทีเกษตรอินทรยี อ์ ินทรยี ท์ ัวโลก ครอบคลมุ 178 3.6 ล้าน ha 16.5 ล้าน ha
ประเทศ มเี นอื ทีรวม 72.3 ล้านเฮกตาร์ North America Europe 0.057 ล้าน ha
Thailand
1. ออสเตรเลีย 35.7 ล้านเฮกตาร์ 8.3 ล้าน ha
Latin America 36 ล้าน ha
2. อารเ์ จนตินา 3.7 ล้านเฮกตาร์ Oceania
3. สเปน 2.4 ล้านเฮกตาร์
พืนทีเกษตรอินทรยี ์ไทย
มพี นื ทีทําเกษตรอินทรยี ์ เปนอันดบั ที 58 ใน
178 ประเทศ มพี นื ทีทังหมด 222,137 ไร่
เกษตรกรทังหมด 15,974 ราย + 408 กล่มุ Participatory Guarantee Systems (PGS) คือ ?
คํานิยาม : เกษตรอินทรีย์ PGS คือกระบวนการรบั รองแบบมสี ว่ นรว่ มทีสหพนั ธ์เกษตรอินทรยี ์นานาชาติ (IFOAM) พฒั นาขนึ
ตังแต่ป 2548 นบั เปนอีกระบบหนงึ ของการรบั รองผผู้ ลิตตามหลักการและมาตรฐานเกษตรอินทรยี ์
หมายถึง ระบบการจัดการผลิตด้าน โดยการมสี ว่ นรว่ มอยา่ งเขม้ แขง็ ต่อเนืองของผ้มู ีสว่ นได้สว่ นเสยี ของชุมชน ภายใต้หลักการพนื ฐาน
การเกษตรแบบองค์รวม ทีเกือหนุนต่อระบบนิเวศ ความโปรง่ ใส ความไว้วางใจซงึ กันและกัน มกี ารสร้างเครอื ขา่ ยทางสังคมด้วยการแลกเปลียนเรยี นรู้
รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ วงจรชีวภาพ
โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ หลีกเลียงการใช้ เพอื กระต้นุ ใหเ้ กษตรกรพฒั นาการผลิตเขา้ สูม่ าตรฐานเกษตรอินทรยี ์มากยิงขึน
วัตถุดิบจากการสังเคราะห์และไม่ใช้พืช สัตว์ หรอื
จุลินทรยี ์ทีได้มาจากเทคนิคการดัดแปรพันธุกรรม การมสี ว่ นรว่ ม หลักการ แลกเปลยี นความเหน็
(genetic modification) มีการจัดการกับ กระบวนการเรยี นรู้ พจี เี อส
ผลิตภัณฑ์โดยเน้นการแปรรูปด้วยความระมัดระวัง สมั พนั ธ์แนวราบ ความโปรง่ ใส
เพือรกั ษาสภาพการเปนเกษตรอินทรยี ์และคุณภาพ ความไว้วางใจ
ทีสาํ คัญของผลิตภัณฑ์ในทุกขันตอน
ผลสาํ เร็จ
ของ PGS
เชิงเศรษฐกิจ เกษตรกรมคี วามสามารถกําหนดราคาผลผลิตได้เอง ลดปญหาความผนั ผวนทางราคาผลผลิต หรือถกู กดราคาจากพอ่ ค้า
คนกลาง ลดต้นทนุ ของปจจัยการผลิต ลดปรมิ าณวัสดเุ หลือใชท้ างการเกษตรในไรน่ า ทําให้เกษตรกรมีรายได้เพิมขึน
เชิงคุณภาพและ เกิดกล่มุ ผผู้ ลิตเกษตรอินทรียข์ นึ ซงึ เปนกล่มุ ทีมคี วามเขม้ แขง็ มกี ลุ่มเกษตรกรเพิมขึน จากเริมแรก เกษตรกรและ
ปริมาณ ประชาชนในชุมชนมสี ขุ ภาพทีดีขนึ เกิดต้นแบบธนาคารปุยอินทรยี ์ และธนาคารเมล็ดพืชปุยสด รวมถึงเกิดแบรนด์
ผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรียท์ ีมคี ณุ ภาพผา่ นการรบั รอง และเปนทีพึงพอใจต่อผบู้ รโิ ภค
เชิงสิงแวดล้อม
ความหลากหลายทางชวี ภาพในท้องถินเพมิ ขนึ ซงึ เปนดัชนชี ีวัดความสมดุลของระบบนิเวศ บง่ บอกถึงความสมบูรณข์ อง
ทรพั ยากรธรรมชาติทีได้รบั การฟนฟู
52
การเปล่ียนแปลงภมู อิ ากาศโลก...
จะรับมืออยางไรในภาคการเกษตร?
บรรเจดิ ลกั ษณ จินตฤทธ์ิ
กองวจิ ยั และพฒั นาการจดั การทด่ี นิ
การเปล่ยี นแปลงสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิ ความเขมแสง ปรมิ าณนำ้ ฝน
และการปลอ ยกา ซเรอื นกระจกสงผลทำใหภ าคการเกษตรมีความแปรปรวน
นบั ตั้งแต ป พ.ศ. 2543 N2O ปกตติ น ไมท ำหนา ทดี่ ูดซบั และกักเกบ็ CO2
กา ซคารบอนไดออกไซดจากบรรยากาศสูดนิ
COจนถึงปจจบุ ันภาคเกษตรของไทย 2 แตเ มื่อถูกปรับเปลี่ยนเปนพน้ื ทเี่ พาะปลกู
มกี ารปลอยกา ซเรือนกระจก และทุงหญา ทำใหก ารกกั เกบ็ คารบอน CO2
มากเปน อันดับ 2*
ในดินลดลงเกดิ การปลอดปลอ ยสบู รรยากาศ
NHรเพอรงาจะกากรภะบาควนพกลาังรงทาานงธรรมชาติ 4 เพม่ิ ขึน้ เปน สาเหตหุ นึ่งของกา ซเรือนกระจก
และกจิ กรรมทางการเกษตร CO2 CO2 CO2
CO2 CO2 CO2 CO2 CO2 CO2 CO2 CO2 CO2 5 ใสปุยในอัตราท่ีเหมาะสม
CO2 CO2 CO2 CO2 เพอ่ื การผลิตพืช
ขณะเดียวกนั ที่ดนิ ในภาคการเกษตรมบี ทบาทสำคญั
ในการเปนแหลงกักเกบ็ คารบอนที่ใชพ ลังงานและตนทุนทต่ี ำ่
4โดยการบริหารจดั การที่ดินอยางถูกตอง ฟน ฟูดนิ ดวยวสั ดุธรรมชาติ
เพ่ือท่จี ะค้ำจุนจลุ ินทรยี ,
เพม่ิ การเจรญิ เติบโตของพชื
3 การปลูกพชื ปุยสดและใสป ุยหมัก
เพอ่ื เพิม่ ศักยภาพดิน การเกิดเมด็ ดิน
และประสทิ ธภิ าพการกกั เก็บคารบ อนที่ดี
2 ปลูกพืชหมนุ เวยี น
โดยเฉพาะพชื ทมี่ รี ะบบรากยาว
ชว ยการกักเก็บคารบอนในดินไดด ยี ่งิ ขน้ึ
1 การนำเศษซากพืชกลับลงดินหรอื ปลูกพชื คลมุ ดิน
สามารถชดเชยการสูญเสียคารบ อนจากการไถพรวน
*แหลง ทีม่ า: สำนักงานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม, 2564 53
กองวจิ ัยและพัฒนาการจัดการทีด่ นิ
Research and Development for Land Management Division
ผนู ำการวจิ ยั พฒั นาการจดั การทดี่ นิ
สรา งนวัตกรรมนำสคู วามยั่งยนื ทางการเกษตรบนพื้นฐานพอเพยี ง