The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานวิชาภาษาไทย เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา จัดทำโดย นางสาวกรกนก__พ่อสียา เลขที่ ๑๕ นางสาวฐิตาภรณ์_มีระหงษ์ _เลขที่ ๒๐ นางสาวทิพย์สุดา_นวมเพ็ชร_เลขที่ ๒๑ นางสาวธิดารัตน์__รุ่งเรืองเลิศ_เล (1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 17363, 2022-07-30 08:35:13

รายงานวิชาภาษาไทย เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา จัดทำโดย นางสาวกรกนก__พ่อสียา เลขที่ ๑๕ นางสาวฐิตาภรณ์_มีระหงษ์ _เลขที่ ๒๐ นางสาวทิพย์สุดา_นวมเพ็ชร_เลขที่ ๒๑ นางสาวธิดารัตน์__รุ่งเรืองเลิศ_เล (1)

รายงานวิชาภาษาไทย เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา จัดทำโดย นางสาวกรกนก__พ่อสียา เลขที่ ๑๕ นางสาวฐิตาภรณ์_มีระหงษ์ _เลขที่ ๒๐ นางสาวทิพย์สุดา_นวมเพ็ชร_เลขที่ ๒๑ นางสาวธิดารัตน์__รุ่งเรืองเลิศ_เล (1)

รายงาน วิชาภาษาไทย

เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา

จัดทำโดย

นางสาวกรกนก​ พ่อสียา เลขที่ ๑๕
นางสาวฐิตาภรณ์​
นางสาวทิพย์สุดา​ มีระหงษ์ ​ เลขที่ ๒๐
นางสาวธิดารัตน์​
นางสาวภัคจิรา​ นวมเพ็ชร​ เลขที่ ๒๑
นางสาวสุนิสา​
รุ่งเรืองเลิศ​ เลขที่ ๒๒

ภูหัวไร่​ เลขที่ ๒๖

วงค์ฝ่ายแดง เ​ ลขที่ ๓๒

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๗

เสนอ
คุณครูพรภิมล กิฬาพันธ์

รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทย ท๓๓๑๐๑
ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕
โรงเรียนนาแกสามัคคีวิทยา

ตำบลบ้านแก้ง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครพนมเขต ๑





คำนำ

รายงานส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทย ท๓๓๑๐๑ ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ ๖/๗ โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาความรู้ที่ได้จากเรื่อง
ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา ซึ่งรายงานนี้มี เนื้อหาเกี่ยวกับความ
รู้จักวรรณคดี การใช้วรรณคดี การใช้ความรู้ด้านสุภาษิต การใช้กลอนเสภา

คณะผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้ในการทำรายงาน เนื่องมาจากเป็นเรื่องที่
น่าสนใจ รวมถึงการ เทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทย ทางคณะผู้จัดทำ
ต้องขอขอบคุณคุณครูอาจารย์ที่ปรึกษา ผู้ให้ความรู้และแนวทางการศึกษา
คณะผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้และเป็นประโยชน์แก่ผู้-
อ่านทุกๆท่าน หากผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

คณะผู้จัดทำ
๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕

สารบัญ ข

เรื่อง หน้า

คำนำ ก
สารบัญ ข

บทนำ ๑
เรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา ๒
ผู้แต่ง ประวัติผู้แต่งและจุดประสงค์ของผู้แต่ง ๓
ลักษณะคำประพันธ์ ๔
เนื้อเรื่อง ๕-๖
ถอดคำประพันธ์ ๗-๑๐
คุณค่าจากเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา ๑๑-๑๕

บรรณานุกรม



บทนำ

โสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนนี้ เป็นที่นิยมในหมู่ชาวไทยทุกเพศทุกวัยเป็น
เวลาช้านาน ด้วยเหตุผลตามที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรง
ราชานุภาพ ได้ทรงพระนิพนธ์ไว้ในหนังสือสาส์นสมเด็จว่า “...เอาเสภาเรื่อง
ขุนช้างขุนแผนมาอ่านเล่นในเวลาว่าง เห็นว่าเป็นเรื่องดี และแต่งดีอย่างเอก
ทีเดียว เคยอ่านมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็ยังอ่านสนุกไม่รู้จักเบื่ออยู่นั่นเอง มา
รู้สึกว่ามีประโยชน์อยู่ในหนังสือเรื่องนี้อีกอย่างหนึ่ง”

เค้าเรื่องขุนช้างขุนแผนนี้สันนิษฐานว่าเคยเกิดขึ้นจริงในสมัยกรุง
ศรีอยุธยา แล้วมีผู้จดจำเล่าสืบต่อกันมา เนื่องจากเรื่องราวของขุนช้าง
ขุนแผนมีปรากฏในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า แต่มีการดัดแปลงเพิ่มเติม
จนมีลักษณะคล้ายนิทานเพื่อให้เนื้อเรื่องสนุกสนานชวนติดตามยิ่งขึ้น ราย
ละเอียดในการดำเนินเรื่องยังสะท้อนภาพการดำเนินชีวิต ขนบธรรมเนียม
ประเพณีและวัฒนธรรมในครั้งอดีตได้อย่างชัดเจนยิ่ง

เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนเป็นวรรณกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นซึ่ง
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราชนิพนธ์ร่วมกับกวีแห่ง
ราชสำนัก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราชนิพนธ์ตอน
พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม ตอนขุนแผนขึ้นเรือนของขุนช้างและเข้าห้อง
นางแก้วกิริยา และตอนนางวันทองหึงกับนางลาวทอง พระบาทสมเด็จ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น
กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงพระราชนิพนธ์ตอนขุนช้างขอนางพิมและตอน
ขุนแผนพานางวันทองหนี สุนทรภู่แต่งตอนกำเนิดพลายงาม นอกจากนั้นยัง
มีกวีอื่นๆ ช่วยกันแต่งอีกมาก เนื่องด้วยความงดงามในการใช้ถ้อยคำของกวี
เอกในครั้งนั้น วรรณคดีสโมสรในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า
อยู่หัวได้ยกย่องวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนว่าเป็นยอดแห่งกลอนเสภา



เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา



• ผู้แต่ง
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

• ประวัติผู้แต่ง
วรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนมิกวีแต่งกันหลายคน ในปลายสมัยอยุธยา และ ใน

สมัย รัตนโกสินทร์ตอนต้น ตอนที่ไพเราะส่วนมากแต่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ
เลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ ๔ ในพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระมารดาสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี การแต่ง
เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนไม่นิยมบอกนามผู้แต่ง มีเพียงการสันนิฐานผู้แต่งโดยพิจารณา
จากสำนวนการแต่งเท่านั้นเสภาขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกาจึงไม่ทราบนาม
ผู้แต่งที่แน่ชัด
• จุดประสงค์ของผู้แต่ง

เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับวิถีชีวิตของสังคมไทยในอดีต สมัยกรุงศรีอยุธยา
ไม่ว่าจะทางด้านการเมือง การใช้ชีวิตทางสังคม และทางด้านความเชื่อ



• ลักษณะคำประพันธ์

กวีที่แต่งเสภาขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถายฎีกานั้นใช้กลอนเสภาใน
การสร้างสรรค์วรรณคดีไทยเรื่องนี้ขึ้น โดยกลอนเสภา ถูกแต่งขึ้นเพื่อใช้ใน
การขับเสภาในราชสำนัก ถือเป็นกลอนที่มีความยืดหยุ่นในการใช้คำมาก
โดยไม่ได้กำหนดลักษณะการแต่งตายตัว เพราะแต่ละวรรคจะเป็นไปตาม
ทำนองเสภานั่นเอง
สำหรับกลอนเสภานั้นใน ๑ วรรคจะมี ๖-๙ คำ/พยางค์ และมีชื่อเรียกแตก
ต่างกันดังนี้
วรรคแรก มีชื่อเรียกว่า นารีเรียงหมอน
วรรคที่สอง มีชื่อเรียกว่า ชะอ้อนนางรำ
วรรคที่สาม มีชื่อเรียกว่า ระบำเดินดง
วรรคสุดท้าย มีชื่อเรียกว่า หงส์ชูคอ



• เนื้อเรื่อง

กล่าวถึงพลายงาม เมื่อชนะคดีความขุนช้างแล้วขุนช้างได้ นางวันทอง
กลับไปอยู่สุพรรณบุรี ส่วนตัวพลายงามเองก็กลับไปอยู่บ้านพร้อมหน้า
ญาติและพ่อ ขาดก็แต่แม่ ทำให้พลายงามเกิดความคิดที่จะพานางวันทอง
กลับมาอยู่ด้วยกันจะได้พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก พอตกดึกจึงไปลอบขึ้นเรือน
ขุนช้างแล้วพานางวันทองหนีมาอยู่ที่บ้านกับตน ตอนแรกนางก็ไม่ยินยอม
ที่จะมา เพราะกลัวจะเป็นเรื่องให้อับอายว่า คนนั้นลากไป คนนี้ลากมาอีก
และเกรงจะมีปัญหาตามมาภายหลัง จึงบอกให้พลายงามนำความไป
ปรึกษาขุนแผน เพื่อฟ้องร้องขุนช้างดีกว่าจะมาลักพาตัวไป แต่พลายงาม
ไม่ยอม สุดท้ายนางวันทองจึงจำต้องยอมไปกับพลายงาม ฝ่ายขุนช้างนอน
ฝันร้ายก็ผวาตื่นเอาตอนสาย ครั้นตื่นขึ้นมาก็ร้องเรียกหานางวันทอง ออก
มาถามบ่าวไพร่ก็ไม่มีใครเห็นจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มุ่งมั่นจะตามนางวัน
ทองกลับมาให้ได้ ฝ่ายพลายงามก็เกรงว่าขุนช้างจะเอาผิด ถ้ารู้ว่าตนไปพา
นางวันทองมา จะเพ็ดทูลสมเด็จพระพันวษาอีก แม่อาจจะต้องโทษได้ จึง
ใช้ให้หมื่นวิเศษผลไปบอกขุนช้างว่า ตนนั้นป่วยหนักอยากเห็นหน้าแม่ จึง
ใช้ให้คนไปตามนางวันทองมาเมื่อกลางดึก ขอให้แม่อยู่กับตนสักพักหนึ่ง
แล้วจะส่งตัวกลับมาอยู่กับขุนช้างตามเดิม ขุนช้างโมโหและแค้นยิ่งนักที่
พลายงามทำเหมือนข่มเหงไม่เกรงใจตน จึงร่างคำร้องถวาย-ฎีกา แล้ว
ลอยคอมายังเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระพันวษาเพื่อถวายฎีกา ทำให้
สมเด็จพระพันวษาพิโรธมาก ให้ทหารรับคำฟ้องมาแล้วให้เฆี่ยนขุนช้าง
๓๐ ที แล้วปล่อยไปและยังทรงตั้งกฤษฎีกาการรักษาความปลอดภัยว่าต่อ
ไปข้าราชการผู้ใดที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วปล่อยให้ใครเข้ามา
โดยมิได้รับอนุญาตจะมีโทษมหันต์ถึงประหารชีวิต กล่าวฝ่ายขุนแผนนอนอ
ยูในเรือนกับนางแก้วกิริยาและนางลาวทองอย่างมีความสุข ครั้นสองนาง
หลับ ขุนแผนก็คิดถึงนางวันทองที่พลายงาม ไปนำตัวมาไว้ที่บ้าน จึงออก
จากห้องย่องไปหานางวันทองหวังจะร่วมหลับนอนกัน แต่นางปฏิเสธแล้ว
พากันหลับไป แต่พอตกตึกนางวันทองก็เกิดฝันร้ายตกใจตื่นเล่าความฝันให้
ขุนแผนฟัง ขุนแผนฟังความฝันของนางก็รู้ทันทีว่าเป็นเรื่องร้าย อันตราย
ถึงชีวิตแน่นอน แต่ก็แกล้งทำนายไปในทางดีเสียเพื่อนางจะได้สบายใจ ฝ่าย
สมเด็จพระพันวษา ครั้นทรงอ่านคำฟ้องของขุนช้างก็ทรงกริ้วยิ่งนัก



ให้ทหารไปตามตัวนางวันทอง ขุนแผนและพระไวยมาเฝ้าทันที ขุนแผน
เกรงว่านางวันทองจะมีภัย จึงเสกคาถาและขี้ผึ้งให้นางวันทองทาปาก
เพื่อให้พระพันวษาเมตตา แล้วจึงพานางเข้าเฝ้า เมื่อพระพันวษาเห็น
นาง วันทองก็ใจอ่อนเอ็นดู ตรัสถามเรื่องราวที่เป็นมาจากนางวันทองว่า
ตอนชนะคดีให้ไปอยู่กับขุนแผนแล้วทำไมจึงไปอยู่กับขุนช้างนางวันทอง
ก็กราบทูล ด้วยความกลัวไปตามจริงว่า ขุนแผนถูกจองจำ ขุนช้างเอา
พระโองการไปอ้างให้ฉุดนางไปอยู่ด้วย เพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์ก็ไม่
กล้าเข้าช่วยเพราะกลัว ผิดพระโองการ สมเด็จพระพันวษาฟังความทรง
กริ้วขุนช้างมาก ทรงถามนางวันทองอีกว่าขุนช้างไปฉุดให้อยู่ด้วยกันมา
ตั้ง ๑๘ ปี แล้วคราวนี้หนีมาหรือมีใครไปรับมาอยู่กับขุนแผน นางวันทอง
ก็กราบทูลไปตามจริงว่า พระไวยเป็นผู้ไปรับมาเวลาสองยาม
ขุนช้างจึงหาความว่า หลบหนี สมเด็จพระพันวษาทรงกริ้วพระไวยที่ทำ
อะไรตามใจตน นึกจะขึ้นบ้านใครก็ขึ้น ทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป
และว่าขุนแผนรู้เห็นเป็นใจ สมเด็จพระพันวษาทรงคิดว่า สาเหตุของ
ความวุ่นวายทั้งหมดนี้เกิดจากนางวันทองจึงให้นางวันทองตัดสินใจว่าจะ
อยู่กับใคร นางวันทองตกใจประหม่า อีกทั้งจะหมดอายุขัยจึงบันดาลให้
พูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะอยู่กับใคร นางให้เหตุผลว่า นางรักขุนแผน
แต่ขุนช้างก็ดีกับนาง ส่วนพลายงามก็เป็นลูกรัก ทำให้สมเด็จพระพัน
วษากริ้วมาก เห็นว่านางวันทองเป็นคนหลายใจ เป็นหญิงแพศยา จึงให้
ประหารชีวิตนางวันทองเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่นต่อไป



ถอดคำประพันธ์เสภาขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา

จมื่นไวยฯ แม้จะอยู่บ้านอย่างสุขสบายพร้อมพรั่งทั้งญาติมิตร
และภรรยา แต่ก็เกิดคิดถึงแม่ซึ่งก็คือนางวันทอง แต่ในขณะ
เดียวกันก็รู้สึกโกรธที่แม่ต้องไปอยู่กับคนเลว ๆ อย่างขุนช้าง
ทั้ง ๆ ที่พ่อของตนเป็นถึงขุนนาง จมื่นไวย ฯ จึงคิดหาทางพา
แม่กลับมาอยู่ด้วยกัน แต่บ้านของทั้งสองอยู่ห่างไกลกันมาก
จมื่นไวย ฯ จึงต้องใช้วิชาอาคมในการเดินทางไปหาแม่ ดังคำ
ประพันธ์ด้านล่างนี้



จมื่นไวย ฯ ใช้วิธีดูฤกษ์ยาม เอาเหล้าเซ่นผีพราย เสกว่านยาทาตัว หยิบยันต์มา
แปะไว้บนอก สวมมงคลที่ศีรษะ รวมไปถึงเป่ามนตร์ลงที่ดาบคู่ใจ เพื่อเดินทาง
ไปหานางวันทองที่เรือนของขุนช้าง นอกจากเป่าคาถาอาคมสำหรับหายตัว
แล้ว จมื่นไวย ฯ ยังเสกคาถาให้ผีที่คุ้มครองบ้านเรือนของขุนช้างหายไปทั้งหมด
และยังเป่ามนตร์ให้คนในเรือนหลับใหลไม่ได้สติ ซึ่งทำให้จมื่นไวยฯ เข้าไปหา
แม่ที่ห้องของขุนช้างได้ แต่เมื่อไปถึงก็เห็นภาพบาดตาบาดใจของแม่ตัวเองกับ
ขุนช้าง แม้จะเดือดดาลมาก แต่จมื่นไวย ฯ ก็สามารถสงบสติอารมณ์เพื่อให้
ภารกิจสำเร็จได้
หลังจากนั้น จมื่นไวย ฯ ก็เป่ามนตร์เพื่อให้แม่ตื่นจากการหลับใหล เมื่อนางวัน
ทองเห็นลูกชายก็สะดุ้งโหยง จมื่นไวย ฯ เข้าไปก้มกราบแม่ ทั้งคู่กอดกันตาม
ประสาแม่ลูก จากเนื้อหาที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าคนโบราณโดยเฉพาะคนใน
สังคมอยุธยามีความเชื่อด้านไสยศาสตร์เป็นอย่างมาก คนที่จะมีคาถาอาคมใน
สมัยก่อนจึงต้องเป็นผู้ที่ประพฤติดีจึงจะสามารถรักษาคาถาไว้ได้ กุศโล



บายเรื่องไสยศาสตร์จึงออกมาเพื่อกำกับพฤติกรรมของคนให้ประพฤติแต่

เรื่องดี ละเรื่องชั่ว ซึ่งทำให้คนสมัยก่อนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขนางวัน
ทองถามไถ่จมื่นไวย ฯ ถึงวัตถุประสงค์ในการมาครั้งนี้ ซึ่งก็ทำให้รู้ว่าลูกนั้น

ผูกใจเจ็บขุนช้างและมีความคิดถึงตนเอง จึงหวังว่าจะพาตนเองไปอยู่ด้วย

นางวันทองรู้ทันทีว่าการกระทำแบบนี้จะต้องนำปัญหามาสู่ตนและผู้ที่

เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน นางวันทองจึงทัดทานลูกชาย ตามบทประพันธ์นี้

เมื่อรู้ว่าแม่ไม่เต็มใจไปกับตน เพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหา และยังเสนอให้
ไปเพ็ดทูลขอต่อพระพันวษา จมื่นไวย ฯ กลับไม่สนใจคำพูดของแม่ แถม
ยังขู่แม่กลับด้วยคำพูดที่ไม่สุภาพ ดังนี้

๑๐

จมื่นไวย ฯ ตัดพ้อนางวันทองว่าไม่รักตนที่เป็นลูก แต่ไม่ว่าอย่างไร ลูกผู้ชาย
อย่างตนจะพาแม่ไปด้วยให้ได้ แม้จะต้องตัดศีรษะแล้วทิ้งตัวแม่ไว้ที่นี่ก็จะ
ทำ สุดท้ายนางวันทองเองก็ต้องยอม เหตุเพราะรักลูก และก็กลัวว่าลูกจะ
ฟันคอของตน เมื่อมนต์คาถาเริ่มเสื่อมคลาย ขุนช้างเริ่มได้สติตื่นมาและรู้สึก
งงงวย มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นนางวันทองอยู่ข้างตัว ขุนช้างที่ยังไม่ได้สวม
ใส่เสื้อผ้าเลยแม้แต่น้อยก็ลุกขึ้นอาละวาด จากนั้นก็รีบออกไปตะโกนให้ข้า
ทาสออกตามหานางวันทองทั่วทั้งเรือน แต่ก็ไม่พบ ขุนช้าจึงสงสัยว่าอาจจะ
มีคนมาลักพานางวันทองไปอีก และรู้สึกโมโหสุดขีด ฝ่ายจมื่นไวย ฯ เมื่อพา
แม่กลับมาเรือนของตนเองได้สำเร็จแล้ว ก็เกิดรู้สึกตัวขึ้นมาว่าจะต้องเกิด
เรื่องใหญ่แน่ ๆ ดังนั้นจึงคิดหาทางแก้ปัญหาโดยให้หมื่นวิเศษผลลูกน้อง
ของตนเองไปที่เรือนของขุนช้างเพื่อไปแจ้งว่าจมื่นไวย ฯ เกิดป่วยและอยาก
ให้แม่ไปดูแล ดังนี้











บรรณานุกรม

Jutalak Cherdharun. (๒๕๖๔). ถอดคำประพันธ์เสภาขุนช้างขุนแผน ตอน
ขุนช้างถวายฎีกา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 วิชาภาษาไทย. สืบค้น ๒ กรกฎาคม
๒๕๖๕.//// จาก https://blog.startdee.com

Dek-D. (๒๕๖๑). ข้อคิดเรื่องขุนช้างขุนแผนตอนขุนช้างถวายฎีกา. สืบค้น ๒
กรกฎาคม ๒๕๖๕. ////
จาก https://writer.dek-d.com/pikkusormi/writer/viewlongc.php?
id=1589885&chapter=6

ภาษาไทยครูปิ๊ ก. (๒๕๖๒). จุดมุ่งหมายของผู้แต่ง เนื้อเรื่องและลักษณะคำ
ประพันธ์. สืบค้น ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕. //// จาก
https://sites.google.com/site/phasathiykhrupik/wicha-phasa-thiy-
11/khunchangkhunphaentxnkhunchangthwaydika

NockAcademy. (๒๕๖๒). ประวัติผู้แต่ง. สืบค้น ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕. ////
จาก https://www.youtube.com/watch?v=BydXssg3KK8


Click to View FlipBook Version