ภูมิปัญญาจังหวัด
มหาสารคาม
พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักศิลานคร
คำนำ
หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับรายวิชา การจัดการ
สารสนเทศและภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่องภูมิปัญญาท้อง
ถิ่น จังหวัดมหาสารคาม โดยมีวัตถุประสงค์้พื่อให้ผู้ที่
มรความสนใจในภูมิปัญญาท้องถิ่น จังหวัด
มหาสารคาม
ผู้จัดทำหวังว่า หนังสือเล่มนี้จะมีประโยชน์กับผู้ที่
มีความสนใจไม่มากก็น้อย หากผิดพลาดประการใด
ต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้
อคิราภ์ สุวรรณมุข
ผู้จัดทำ
สารบัญ หน้า
เรื่อง 1
2
ประวัติจังหวัดมหาสารคาม 2
การทอผ้าพื้นเมือง 3
การทอเสื่อกก 3
เครื่องปั้ นดินเผา 4
การจักสาน 4
การผลิตเครื่องดนตรีพื้นบ้าน 5
การเจียระไนพลอย 5
การทำเครื่องเบญจรงค์ 7
การทำขนมจีน 8
งานนมัสการพระธาตุนาดูน 9
งานประเพณีบุญบั้งไฟ 10
ประเพณีไหลเรือไฟไทญ้อ
งานบุญเบิกฟ้าและงานกาชาด
ประวัติจังหวัดมหาสารคาม
มหาสารคาม ได้รับการแต่งตั้งเป็นเมืองเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม
พ. ศ. 2408 แต่ก่อนหน้าที่จะตั้งเป็นเมืองมหาสารคามนั้น บริเวณนี้
เคยเป็นที่อยู่ของมนุษย์มาเป็นเวลานานแล้ว บางยุคบางสมัยก็เป็น
ชุมชนที่เจริญรุ่งเรือง บางยุคบางสมัยก็เสื่อมโทรม อย่างไรก็ตามใน
บริเวณเมืองมหาสารคามมีร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ดังนี้
สมัยก่อนประวัติศาสตร์
การทอผ้าพื้นเมือง
แหล่งผลิตที่บ้านหนองเขื่อนช้าง ตำบลท่าสองคอน
อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ระยะ
ห่างจากตัวจังหวัดไปตามถนนสายมหาสารคาม –
ขอนแก่น ประมาณ ๑๖ กิโลเมตร
การทอเสื่อกก
ที่ตำบลแพง
อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัด
มหาสารคาม ระยะห่างจาก
ตัวจังหวัดไปตามถนน สาย
มหาสารคาม – ขอนแก่น
ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร เป็น
ผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีชื่อ
เสียงของจังหวัดในระดับ ๕
ดาว
เครื่องปั้ นดินเผา
ที่บ้านหม้อ อำเภอเมืองมหาสารคาม
จังหวัดมหาสารคาม ระยะห่างจากตัวจังหวัด
ไปตามถนนสายมหาสารคาม – ร้อยเอ็ด
ประมาณ ๑๕ กิโลเมตร
การจักสาน
นอกจากจักสานภาชนะ
ต่าง ๆ เพื่อใช้ภายในครัว
เรือนแล้ว ยังมี การสานจ่อ
(กระด้งขนาดใหญ่ที่ใช้เลี้ยง
ตัวไหม) เพื่อการค้า ที่ตำบล
หนองทุ่ม อำเภอวาปีปทุม
จังหวัดมหาสารคาม ระยะ
ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ
๓๔ กิโลเมตร
การผลิตเครื่องดนตรีพื้นบ้าน
เครื่องดนตรีที่ผลิตเพื่อการค้า ได้แก่
กลองยาว แหล่งผลิตที่สำคัญอยู่ที่ตำบลหัวเรือ
อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ระยะห่าง
จากตัวจังหวัดประมาณ ๔๔ กิโลเมตร
การเจียระไนพลอย
ที่ตำบลยางสีสุราช
อำเภอยางสีสุราช จังหวัด
มหาสารคาม เป็นชุมชนที่
รับจ้างเจียระไนพลอยจาก
จังหวัดจันทบุรี หลังฤดูการ
ทำนา
ระยะห่างจากตัวจังหวัดไป
ตามถนนสายมหาสารคาม –
สุรินทร์ ประมาณ ๗๔
กิโลเมตร
การทำเครื่องเบญจรงค์
แหล่งผลิตเพื่ อการค้าอยู่ที่ตำบลโคกพระ
อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ระยะห่าง
จากตัวจังหวัด ประมาณ ๑๖ กิโลเมตร
การทำขนมจีน (ข้าวปุ้น)
แหล่งผลิตขนมจีน
เพื่ อการค้าอยู่ที่ตำบลโคก
พระ อำเภอกันทรวิชัย
จังหวัดมหาสารคาม ระยะ
ห่างจากตัวจังหวัด
ประมาณ ๑๖ กิโลเมตร
งานนมัสการพระธาตุนาดูน
พระธาตุนาดูน หรือพุทธมณฑลอีสาน เป็นสถานที่ที่ค้นพบหลัก
ฐานทางประวัติศาสตร์โบราณคดีที่แสดงว่าบริเวณแห่ง นี้เคยเป็น
ศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรื่องของนครจำปาศรี เมืองโบราณใน
อดีต อีกทั้งได้ขุดพบสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในตลับ
ทองคำ เงิน และสำริด ซึ่งสันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่
13–15 สมัยทวาราวดี จึงได้สร้างพระธาตุตามแบบสถูปที่ได้ค้นพบ
และทุกปีจะมีการจัดงานนมัสการพระธาตุนาดูน อ.นาดูน จัดงานในช่วงวัน
ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 หรือวันมาฆบูชา ของทุกปี โดยจัดที่บริเวณพุทธมณฑล
อีสาน พระธาตุนาดูนรวม 9 วัน 9 คืน มีการร่วมกิจกรรมทางพุทธศาสนา
และกิจกรรมในงานประกอบด้วยขบวนแห่ประเพณี 12 เดือน การทำบุญ
ตักบาตร การเวียนเทียนวันมาฆบูชา การปฏิบัติธรรมวิปัสสนา การออก
นิทรรศการของหน่วยงานต่างๆ การแสดงแสง สี เสียง ประวัติความเป็นมา
นครจำปาศรี และการจัดร้านสินค้าชุมชน
งานประเพณีบุญบั้งไฟ
งานบุญบั้งไฟ ของจังหวัดมหาสารคามนั้นจัดขึ้นระหว่าง
เดือนพฤษภาคม-มิถุนายนของทุกปี ในงานมีการประกวดขบวนแห่
บั้งไฟ การตกแต่งขบวนและประกวดบั้งไฟขึ้นสูง กลางคืนมีเวียน
เทียน ทำบุญที่วัด มหรสพ และงานรื่นเริง การละเล่นต่างๆ ซึ่งที่
จังหวัดมหาสารคามได้จัดงานบุญบั้งไฟขึ้นหลายอำเภอด้วยกัน
อาทิเช่น อำเภอ พยัคฆภูมิพิสัย เชียงยืน, นาเชือก, กันทรวิชัย,
โกสุมพิสัย, ยางสีสุราช, นาดูน, แกดำ บรบือเป็น
เดือนหกทำบุญบั้งไฟและบุญวันวิสาขบูชา การทำบุญบั้งไฟเพื่อขอฝน
และจะมีงาน บวชนาคพร้อมกันด้วย การทำบุญเดือนหกเป็นงานสำคัญก่อน
การทำนา หมู่บ้านใกล้เคียงจะนำ เอาบั้งไฟมาจุดประชันขันแข่งกัน หมู่บ้านที่
รับเป็นเจ้าภาพจะจัดอาหาร เหล้ายามาเลี้ยงโดยไม่คิด มูลค่า เมื่อถึงเวลาก็
จะตั้งขบวนแห่บั้งไฟและรำเซิ้งออกไป ณ ลานที่จุดบั้งไฟ การเซิ้งจะกระทำ
ด้วย ความสนุกสนาน ไม่มีการทะเลาะวิวาท คำเซิ้งและการแสดงประกอบจะ
ออกไปในเรื่องเพศ แต่ก็ไม่ ถือสาหรือคิดเป็นเรื่องหยาบคายแต่อย่างใด
ประเพณีไหลเรือไฟไทญ้อ
ประเพณีไหลเรือไฟเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งที่ชาวอีสาน
สืบทอดปฏิบัติใน เทศกาลออกพรรษา ทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำถึงแรม
1 ค่ำ เดือน 11 ตามแม่น้ำลำคลอง จังหวัดที่มีการไหลเรือไฟปัจจุบัน
คือ จังหวัดศรีสะเกษ สกลนคร นครพนม หนองคาย เลย
มหาสารคาม และอุบลราชธานี โดยเฉพาะชาวนครพนมนั้นถือเป็น
ประเพณีสำคัญมาก
เมื่อใกล้จะออกพรรษาชาวบ้านจะแบ่งกันเป็น "คุ้ม" โดยยึดถือเอกชื่อ
วัดใกล้บ้านเป็นหลักในการตั้งชื่อคุ้ม เช่น ถ้าอยุ่ใกล้วัดกลางก็จะเรียกกันว่า
"ชาวคุ้มวัดกลาง" ชาวคุ้มวัดต่าง ๆ ก็จะจัดให้มีการแข่งเรือ ส่วงเฮือ แห่
ปราสาทผึ้ง และการไหลเรือไฟ ส่วนในจังหวัดมหาสารคามนั้นได้จัดขึ้นทุกปี
เรียกว่า "งานประเพณีไหลเรือไฟไทญ้อ"
เรือไฟ หรือภาษาถิ่นเรียกกันว่า "เฮือไฟ" นี้เป็นเรือที่ทำด้วยต้นกล้วย
ท่อนกล้วยหรือไม้ไผ่ ต่อเป็นลำเรือยาวประมาณ 5 - 6 วา ข้างในบรรจุขนม
ข้าวต้มผัดหรือสิ่งของที่ต้องการบริจาคทาน ข้างนอกเรือมีดอกไม้ ธูปเทียน
ตะเกียง ขี้ไต้ สำหรับจุดให้สว่างไสวก่อนจะปล่อยเรือไฟ ซึ่งเรียกว่า การไหล
เรือไฟ หรือ ปล่อยเฮือไฟ
งานบุญเบิกฟ้าและงานกาชาด
งานบุญเบิกฟ้ากาชาด ได้จัดขึ้นบริเวณศาลากลางจังหวัด
ช่วงเวลา วันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ของทุก ๆ ปี (อยู่ระหว่างปลายเดือน
มกราคม-ต้นเดือน
กุมภาพันธ์) เป็นงานเฉลิมฉลองในช่วงต้นฤดูการทำนาเพื่อฟื้ นฟู
และอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ของอีสาน ในงานจัดให้มีขบวน
แห่บุญเบิกฟ้า
ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระแม่โพสพ เรื่องของพานบายศรีสู่ขวัญ
ตลอดจนวัฒนธรรม การละเล่น ดนตรีพื้นบ้าน และพิธีกรรมต่าง ๆ
ความสำคัญ
ประเพณี บุญเบิกฟ้า เป็นประเพณีของชาวมหาสารคามที่ประกอบขึ้น
ตามความเชื่อว่า เมื่อถึงวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกๆ ปี ฟ้าจะเริ่มไขประตู
ฝนโดยจะมีเสียงฟ้าร้อง และทิศที่ฟ้าร้องเป็นสัญญาณบ่งบอกตัวกำหนด
ปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมาหล่อเลี้ยง การเกษตรในปีนั้น ๆ
อ้างอิง
Parn Danielle. ภูมิปัญญาท้องถิ่น มหาสารคาม. สืบค้นเมื่อ 8 มกราคม 2566.
จาก.https://sites.google.com/site/parndanielle/canghwad-
mhasarkham/phumipayya-chaw-ban
วิกิพีเดีย. (2565). ความหมายของประเพณี. สืบค้นเมื่อ 8 มกราคม 2566.
จาก.https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8
%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5